อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนอวสาน วันที่ 5 ก.พ. 58

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนอวสาน วันที่ 5 ก.พ. 58

เพราะอยากได้เงินก้อนใหญ่จากครอบครัว ทรงพล นพกรเขียนข้อความถึงสองสามีภรรยาในนามเจี๊ยบสาวใช้ที่ล่วงรู้ความลับที่ทั้งคู่ต้องการปกปิด

ศุภารมย์ได้รับจดหมายนั้นแล้วนำมาส่งต่อให้ทรงพลโดยที่ไม่เห็นว่าลิลินจับจ้องมองอยู่ด้วยความสงสัย

“เงินห้าล้าน...แลกกับหลักฐานที่จะทำให้พวกแกติดคุก”



ลิลินหูผึ่ง ได้ยินทรงพลอ่านข้อความนั้น แถมยังพูดถึงคนชื่อเจี๊ยบอย่างจำไม่ได้ แต่ศุภารมย์จำแม่นอย่างแน่นอน บอกทรงพลว่าเจี๊ยบคือสาวใช้ที่เราไล่ออกไปหลังจากเกิดเรื่องศุภิสรา ทรงพลนึกไม่นานก็ร้องอ๋อ แต่ไม่เชื่อว่าเด็กคนนั้นจะทำแบบนี้ได้

“ตอนนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”

“แต่เด็กนั่นหายไปนานแล้วนะ ทำไมจู่ๆ ถึงขู่จะเอาความลับจากผู้กำกับมาแลกกับเงินตอนนี้นะ”

“หรือเธอจะรู้ว่ารองฯ ศัลย์ตายแล้ว...เลยไม่ต้องกังวลเรื่องตำรวจที่จะคอยจับตาเธอเป็นพิเศษ”

“อาจจะเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นผมว่าเธอคงไม่กล้าทำแบบนี้...แล้วคุณจะทำยังไง”

“ในเมื่อมันต้องการเงิน เราก็จะให้เงินมัน เท่าไหร่ก็ต้องยอมแลก”

ลิลินได้ยินทุกคำ แล้วลุกลี้ลุกลนไปบอกทิวัตถ์ว่าเธอเห็นกับตานพกรเอาจดหมายของเจี๊ยบเข้ามาส่งถึงมือศุภารมย์

“แล้วฉันก็ได้ยินพ่อกับแม่คุณคุยกันว่าเจี๊ยบถูกพ่อแม่คุณไล่ออกหลังจากเกิดเรื่องจริงๆ แล้วก็หายไปนาน เพิ่งจะติดต่อมาหลังจากที่รองฯ ศัลย์ตาย”

“แล้วคุณรู้ไหมว่าเธอส่งจดหมายมาทำไม”

“เธอต้องการเงินห้าล้าน เพื่อแลกกับหลักฐานที่จะทำลายครอบครัวคุณ”

ทิวัตถ์ฟังแล้วอึ้ง...จากนั้นลิลินโทร.หาปรมัตถ์

ที่กำลังพยายามตามตัวเจี๊ยบอยู่ที่บ้านหวาย บอกให้รู้ว่าเมื่อเช้าเจี๊ยบส่งจดหมายถึงศุภารมย์ เธอต้องการให้เขาเร่งมือเพราะหลักฐานชิ้นเดียวตอนนี้อยู่ในมือเจี๊ยบ เราต้องได้ก่อนที่เจี๊ยบจะมอบให้ศุภารมย์ ปรมัตถ์จึงรับปากจะหาเจี๊ยบให้เจอโดยเร็ว

วันเดียวกัน วาสนามาที่บ้านทรงพลและทำท่าจะบอกเรื่องวรรณิตท้องกับอนันยช แต่วรรณิตคอยขัดเพราะเธอยังตั้งใจจะหย่ากับเขาให้ได้...วาสนาเปลี่ยนความสนใจมาเรื่องสร้อยเพชรที่ล่วงรู้ว่าวรรณิตขายเปลี่ยนเป็นเงินไปแล้ว ซึ่งเธอต้องการส่วนแบ่งแต่วรรณิตมีข้อแม้จะให้ก็ต่อเมื่อยายต้องยอมให้เธอหย่ากับอนันยช

เท่านั้นเอง! วาสนาอารมณ์เสียกระแทกเสียงด่าวรรณิต “นังโง่...แกยังไม่เลิกคิดเรื่องนี้อีกเหรอ”

“ที่ผ่านมาณิตยอมแต่งกับคุณวันเพราะต้องการเงินไปรักษาแม่...แต่ตอนนี้ณิตคงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”

“แกคิดอะไรของแก แต่งแล้วก็แต่งเลยสิ ทำอย่างนี้แล้วแกจะได้อะไร”

“อิสรภาพไงคะ ทั้งทางกายแล้วก็ทางใจ”

“ยังไงฉันไม่เห็นด้วยหรอก อย่างน้อยที่นี่ก็เป็นบ่อเงินบ่อทองขนาดย่อมของแก”

“ของณิตหรือของยายกันแน่คะ”

“ยัยณิต...แกอย่าทำอะไรโง่ๆนะ”

“งั้นแสดงว่ายายไม่ต้องการเงินก้อนนี้ เอาเถอะค่ะ ถึงยายไม่รับมัน ณิตก็ต้องหาทางหย่าอยู่ดี”

วรรณิตกล่าวจริงจัง วาสนาเห็นท่าไม่ดีรีบฉกเงินจำนวนหนึ่งจากมือเธอ คันปากอยากด่าอีกแต่ยั้งไว้ ถามน้ำเสียงเคืองๆว่า “แล้วนี่แกจะบอกแม่ต่ายเมื่อไหร่”

“ยายไม่ต้องห่วง เดี๋ยวณิตหาทางบอกเอง”

วาสนาฟังแล้วหน้าตูม เซ็งในอารมณ์เพราะไม่ได้ด่ังใจ

ooooooo

ศุภารมย์เบิกเงินที่ธนาคารเพื่อจะนำไปให้เจี๊ยบตามข้อเรียกร้องในจดหมายที่ส่งมา แต่ไม่นึกว่าจะเจอรุ่งทิพย์คนคุ้นเคยที่ชอบเพชรนิลจินดาประสาคนมีสตางค์เหมือนกัน

วันนี้รุ่งทิพย์ใส่สร้อยเพชรสะดุดตาจนศุภารมย์ต้องเพ่งมองและอยากรู้ว่าได้มายังไง?

เมื่อได้คำตอบแล้วศุภารมย์กลับมาที่บ้าน เจอวรรณิตกำลังวิงเวียนหน้ามืดโดยมีลิลินช่วยประคองลงบันได ศุภารมย์ไม่ได้สนใจอาการลูกสะใภ้แต่อยากรู้ว่าสร้อยเพชรที่เป็นของขวัญวันแต่งงานไปอยู่ที่รุ่งทิพย์เจ้าของร้านจิวเวลรี่ในเมืองได้ยังไง

วรรณิตใจหายวาบแต่พยายามปั้นหน้าเรียบนิ่งไม่ส่อพิรุธ แต่พอศุภารมย์ขอดูสร้อยก็หน้าเจื่อนเดินเลี่ยงขึ้นข้างบนไปทั้งที่ใจหวาดหวั่น ก่อนจะกลับลงมาหน้าตาตื่นบอกว่าสร้อยหายไป

ศุภารมย์กำลังสงสัยลิลินอยู่พอดี ได้ยินอย่างนั้นก็คาดคั้นเธอเป็นการใหญ่ต่อหน้าทิวัตถ์ อ้างรุ่งทิพย์บอกว่าคนที่เป็นนักร้องเอาสร้อยเส้นนี้มาขายให้

“แต่ผมว่าไม่ใช่ลินแน่นอนครับแม่ต่าย”

“แล้วสร้อยจะหายไปได้ยังไง เมื่อก่อนบ้านเราไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ จนวันที่เธอเข้าอยู่ในบ้านเรา”

วรรณิตหน้าเสีย ทุกอย่างเกินความคาดหมาย...เธอสงสารลิลินแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แค่ท้วงศุภารมย์ว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุปเลยดีกว่า

“ฉันเห็นเธอชอบเดินเข้าออกห้องโน้นห้องนี้อยู่เรื่อย วันนึงเธออาจเข้าไปในห้องหนูณิตแล้วเห็นมันวางอยู่...เธอเลยอดใจไม่ไหวใช่ไหมลิลิน”

“ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ได้เป็นขโมยจริงๆค่ะ”

“แต่เธอคือคนที่น่าสงสัยที่สุด”

“คุณแม่ครับ ผมว่าไม่ใช่คุณลินแน่นอนครับ...คุณลินเธอเพิ่งเข้ามาอยู่ในบ้านเรา แล้วอีกอย่างผมว่ามันผิดวิสัยของขโมย เพราะถ้าคุณลินขโมยไปจริงๆ เธอคงไม่บอกว่าตัวเองเป็นใครเพื่อให้คนอื่นจับได้หรอกครับ”

“วินกำลังเข้าข้างเธอเหรอ”

“ผมไม่ได้เข้าข้างใครครับ ผมแค่พูดไปตามเหตุผล... ไปเถอะคุณลิน”

“ฉันไม่ชอบพวกขี้ขโมย...ถ้าฉันรู้ว่าเป็นใครก็ย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้ได้เลย” ศุภารมย์ประกาศเสียงดังฟังชัด ทิวัตถ์ไม่สนใจลากลิลินออกไปตำหนิว่าไม่น่าเถียงแม่ต่ายอย่างนั้นเลย

“แล้วคุณจะให้ยอมรับว่าเป็นฉัน ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ทำเหรอ ฉันรู้ว่าคุณต่ายคอยจับผิดฉันอยู่ แต่มาใส่ร้ายกันแบบนี้มันเกินไป”

“ลิลิน...ที่ผมไม่อยากให้คุณเถียงแม่ต่ายเพราะผมกลัวว่าท่านจะจับได้เรื่องคุณแกล้งโกหกว่าความจำเสื่อม”

“ฉันขอโทษ...จริงสิ คุณต่ายบอกว่าไปธนาคารมา คุณคิดว่าแม่คุณไปธนาคารทำไม”

“เรื่องจดหมายจากเจี๊ยบน่ะเหรอ”

ลิลินยอมรับว่าเธอคิดเรื่องนั้น ทิวัตถ์บ่นหนักใจไม่รู้ว่าเขานัดกันเมื่อไหร่ ลิลินเชื่อว่าเร็วๆนี้แน่

“ทำไมคุณคิดอย่างนั้น”

“ถ้าเจี๊ยบกลับมาเพราะไม่มีรองฯ ศัลย์แล้ว ฉันว่าเธอคงจะรีบใช้โอกาสนี้เอาเงินให้เร็วที่สุด”

ทิวัตถ์หมดคำถาม พยักหน้าเห็นด้วยกับลิลินแล้วเช้าวันถัดมาลิลินก็บังเอิญได้ยินศุภารมย์คุยกับอนันยชเรื่องข่าวของศัลย์

“ทุกคนเห็นข่าวรึยังครับ รองฯ ศัลย์ตายเพราะไล่จับพวกค้ายา...แหม...แกเลยกลายเป็นวีรบุรุษไปเลยนะครับ”

“แบบนี้มันก็ดีต่อทุกฝ่ายนี่”

“ถ้าอย่างนั้นผมก็ออกไปเที่ยวได้แล้วสิ”

“ยัง...ยังไม่ถึงเวลา”

“แล้วเมื่อไหร่ครับ”

“แม่บอกว่ายังก็ยังสิ”

“นี่เราต้องตัดขาดจากโลกภายนอกเหมือนตอนที่น้าต้อยตายอีกแล้วเหรอครับ”

“วัน!” ศุภารมย์ตวาดลูกชายพร้อมจิกตาปราม อนันยชเลยไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่เดินหงุดหงิดออกไป

ศุภารมย์มองตามตาขุ่นก่อนจะเหลือบเห็นลิลินยืนอยู่ไม่ไกล สองคนสบตากันครู่หนึ่งก่อนที่ลิลินจะตัดสินใจเดินเข้ามาหา


“คุณวันคงจะเครียดที่ต้องอยู่แต่ในบ้านน่ะค่ะ”

“ฉันชักจะสงสัยในการอยู่ถูกที่ถูกเวลาของเธอแล้วนะ”

“ฉันแค่อยากจะอธิบายเรื่องสร้อย”

“ก็ดี...ฉันเองก็นึกอะไรออกเหมือนกัน ใครจะไปรู้...เธออาจบอกความจริงว่าเธอเป็นนักร้องให้คนอื่นรู้เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าไม่ใช่ฝีมือเธอ”

“หมายความว่าไงคะ”

“ก็หมายความว่าที่เธอบอกเรื่องว่าตัวเองเป็นนักร้อง เพื่อจะบอกว่าขโมยที่ไหนจะบอกว่าตัวเองเป็นใคร อย่างที่เธอแก้ตัวเมื่อวานไง”

ลิลินนึกถึงคำพูดทิวัตถ์ที่ไม่อยากให้เธอเถียงแม่ของเขา เพราะกลัวท่านจะจับได้ว่าเธอโกหกเรื่องความจำเสื่อม จึงเลือกที่จะเงียบและทำเหมือนเสียใจดีกว่า แต่แล้วศุภารมย์กลับจี้จุดจนเธอชะงัก

“แล้วฉันเองก็ชักจะสงสัยว่าเธออาจจะไม่ได้ความจำเสื่อมอย่างที่เธอพยายามเล่นละครอยู่ตอนนี้”

ทันใดนั้นเสียงมือถือของศุภารมย์ดังขึ้นช่วยขัด

จังหวะให้ลิลินได้ทัน ศุภารมย์หยิบมันขึ้นมาเห็นหน้าจอไม่ระบุชื่อหรือเบอร์โทรศัพท์ มีข้อความประโยคเดียวว่า “เอาเงินไปให้ที่ตึกร้างตอนนี้ ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด!”

ศุภารมย์หน้าเปลี่ยนสี ลิลินสังเกตเห็นแกล้งถามว่า “เป็นอะไรรึเปล่าคะ สีหน้าดูไม่ดีเลย”

“ไม่สำคัญหรอก” ศุภารมย์ตัดบทแล้วเดินหน้าเรียบนิ่งออกไป ลิลินไม่เชื่อ คาดว่าต้องมีอะไรอย่างแน่นอน

หลังจากนั้นไม่นานลิลินก็ได้รับการติดต่อจากปรมัตถ์ว่าเขาพบเจี๊ยบแล้ว แต่เธอบอกว่าไม่ได้ส่งจดหมายขู่ขอเงินอะไรทั้งนั้น ลิลินตกใจเพราะเมื่อสักครู่ศุภารมย์เพิ่งหิ้วกระเป๋าเงินออกจากบ้าน เธอแน่ใจว่ามีคนแอบอ้างจึงรีบโทร.บอกทิวัตถ์ทันที

ทิวัตถ์ร้อนใจโทร.หาศุภารมย์ก่อนจะบึ่งรถตามไปที่โกดังเก่านอกเมือง...ปรากฏว่าเป็นนพกรที่มารอรับเงิน ศุภารมย์ต่อสู้สุดฤทธิ์ก่อนจะโดนนพกรทำร้ายจนสลบแล้วเอากระเป๋าเงินหนี ทิวัตถ์รีบพาศุภารมย์ส่งโรงพยาบาล ในขณะที่ลิลินรออย่างกระวนกระวายอยู่ที่บ้าน เชื่อคำพูดนพกรที่ย้อนมาบอกว่าแม่ของเจี๊ยบอยากเจอเธอ

นพกรหว่านล้อมจนลิลินเชื่อสนิทยอมนั่งรถไปด้วย พอทิวัตถ์พาศุภารมย์กลับบ้านทราบจากอนันยชว่านพกรพาลิลินออกไปเมื่อสักครู่ก็ตกใจ ออกรถไปอีกด้วยใจที่เป็นห่วงลิลิน

ระหว่างทางนพกรพยายามจะลวนลามลิลิน พอดีปรมัตถ์โทร.มา ลิลินรับสายจึงทราบว่าเธอโดนหมอนี่หลอกเสียแล้ว เพราะปรมัตถ์ได้คุยกับเจี๊ยบตัวเป็นๆ เธอบอกไม่มีพ่อแม่...ลิลินฉลาดพอตัว พยายามให้รายละเอียดเรื่องเส้นทางเพื่อให้ปรมัตถ์ตามมาช่วย

แต่เมื่อเจอกัน นพกรที่เหมือนโรคจิตเข้าไปทุกทีก็แทงปรมัตถ์แล้ววิ่งหนีไปเมื่อเห็นรถทิวัตถ์แล่นเข้ามาจอด ลิลินร้องไห้เสียใจที่ปรมัตถ์จากไปอย่างกะทันหันเพราะเธอแท้ๆ ปรมัตถ์ฝากฝังทิวัตถ์ดูแลลิลินก่อนจะสิ้นใจในอ้อมกอดของคนที่เขารักมากที่สุด

ตำรวจกระจายกำลังเพื่อกดดันนพกรให้มอบตัว แต่ก็ไร้วี่แววว่าเขาจะยินยอม...ลิลินยังคงเสียใจเรื่องปรมัตถ์ เธอโทษตัวเองผิดตั้งแต่แรก เขาไม่น่ามาตายเพราะเธอเลย เขาน่าจะนั่งทำงานใช้ชีวิตปกติอยู่ที่กรุงเทพฯ

ทิวัตถ์ปลอบโยนด้วยความสงสารและเห็นใจ แต่ศุภารมย์กลับต้องการคำอธิบายของเรื่องทั้งหมดจากลิลิน

“แม่ครับ ผมว่าตอนนี้คุณลินยังไม่พร้อม”

“ใช่...ฉันโกหกเรื่องความจำเสื่อม แต่ถ้าฉันไม่ทำอย่างนั้น คุณคิดว่ารองฯ ศัลย์จะปล่อยฉันไว้เหรอ”

ศุภารมย์ชะงัก ทิวัตถ์รีบเสริมคำพูดลิลินว่า

“รถของคุณวิทยาประสบอุบัติเหตุก็เพราะรองฯ ศัลย์ ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นรองฯ ศัลย์ที่โรงพยาบาลทำให้ผมรู้ว่ารองฯ ศัลย์พยายามจะฆ่าคุณลินครับ”

“ถ้ามันจะทำให้คุณสบายใจ...ฉันจะย้ายออกจากที่นี่”

ทิวัตถ์ไม่ยอม เช่นเดียวกับศุภารมย์ที่ตัดสินใจว่า “เธออยู่ที่นี่แหละ อย่างน้อยเธอก็ช่วยฉันเอาไว้จากไอ้โรคจิตนพกรนั่น”

ด้านอนันยชพอทราบเรื่องที่เกิดขึ้นจากศุภารมย์ก็หัวเสียสุดๆ ด่านพกรว่าชั่วช้า เสียดายถ้าตนรู้เรื่องเร็วกว่านี้ไอ้บ้านั่นไม่มีโอกาสได้หายใจอีกแน่

“วัน...เรื่องบางเรื่องปล่อยให้เป็นเรื่องของแม่กับคุณน้าเถอะ แค่มันไม่ได้อยู่ด้วยใกล้ๆ แม่ก็สบายใจแล้ว”

“แล้วคุณลินล่ะครับ แม่จะจัดการเรื่องที่เธอไม่ได้ความจำเสื่อมยังไง จะให้เธอออกไปจากบ้านหรือเปล่า”

“ยังไม่ใช่ตอนนี้...แม่ยังไม่อยากมีปัญหากับวินอีกคน”

อนันยชหน้าตึงไม่ค่อยพอใจ ทันใดเสียงวาสนาดังแหลมเข้ามาถามศุภารมย์ราวกับเป็นห่วงนักหนา

“แม่ต่าย...เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า”

“มาทำเป็นห่วง...ไม่ใช่เพราะยายเหรอที่ส่งงูพิษเข้ามา จนมันไล่ฉกคนไปทั่ว”

“ยายขอโทษจริงๆนะพ่อวัน ฉันขอโทษนะแม่ต่าย ใครจะไปรู้ว่าไอ้นพกรมันจะใจคอเหี้ยมโหดอำมหิตขนาดนั้น...ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ”

“จะไม่รู้ได้ไง แค่ผมมองหน้ามันก็รู้แล้วว่าไอ้นี่มันแปลกๆ แล้วนี่ยายรู้จักแทบจะคลุกคลีอยู่กับมันแบบนี้เนี่ยนะเรียกว่าไม่รู้”

“พอเถอะวัน” ศุภารมย์ปรามลูกชาย

อนันยชหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ก็เลยเดินออกไป วาสนาสบโอกาสร้องขอทรงพลกับศุภารมย์ว่าตนขอมาอยู่ที่นี่ด้วยได้ไหม ตนกลัวนพกรไปหาที่บ้าน สองสามีภรรยาถึงกับมองหน้ากันอย่างหนักใจ

ศักดิ์สิทธิ์ล้มเลิกความคิดจะขายโรงแรมให้สุชาติเพราะเห็นแก่พนักงานตาดำๆ ที่สำคัญเขารับไม่ได้เมื่อได้ยินสุชาติวิจารณ์วิชนีอย่างเสียๆหายๆหลังรู้ว่าเธอเป็นเชฟอยู่ที่นี่

ขณะเดียวกัน อาม่าก็ตัดสินใจให้เงินศักดิ์สิทธิ์ฟื้นฟูกิจการโรงแรมต่อไปอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะอาม่าต้องการให้หลานชายสืบทอดกิจการของบรรพบุรุษตราบนานเท่านาน โดยมีวิชนีว่าที่หลานสะใภ้ช่วยกันดูแล

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนอวสาน วันที่ 5 ก.พ. 58

ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทโทรทัศน์ : อภิวัฒน์ เล่าสกุล
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง กำกับการแสดง : ตรัยยุทธ กิ่งภากรณ์
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ผลิต : บริษัท ปรากฏการณ์ดี จำกัด
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ควบคุมการผลิต : ชวลิต พงศ์ไชยยง
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง7 และ 7HD
ที่มา ไทยรัฐ