อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 2 วันที่ 31 ธ.ค. 57

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 2 วันที่ 31 ธ.ค. 57

ระหว่างเดินมาตามทาง ทิวัตถ์สงสัยทำไมลิลินถึงเป็นห่วงกระเป๋านัก หยิบมันขึ้นมาจะเปิดดู ทรงพลกับศุภารมย์เข้ามาหาเสียก่อน เขางงว่าท่านทั้งสองมาทำอะไรที่นี่ ได้ความว่าทางโรงพยาบาลโทร.ไปแจ้งว่าเขาถูกรถชน ทิวัตถ์ไม่อยากให้ทั้งคู่เป็นกังวล จึงโกหกว่าเป็นการเข้าใจผิด เขาปวดหัวก็เลยจอดรถนอนพักข้างทาง แต่ตอนนี้หายแล้ว แล้วถามถึงวาสนากับวรรณิต

“แม่บอกยายน้อยไปแล้วว่าต่อไปนี้ห้ามพาหนูวรรณิตมาที่บ้านเราอีก”



ทิวัตถ์รู้สึกเบาใจขึ้น ทรงพลและศุภารมย์เองก็เบาใจเช่นกันที่เขาไม่เป็นอะไร...

วาสนาไม่ยอมรามือ บอกให้วรรณิตรีบเข้านอนพรุ่งนี้จะพาไปหาทิวัตถ์แต่เช้า เธอไม่อยากไปเจอคนพวกนั้นอีกเพราะดูท่าก็รู้ว่าไม่ค่อยชอบเธอสักเท่าไหร่ วาสนายืนกราน หากเดินหน้าแล้วจะถอยอีกไม่ได้...

การปรากฏตัวของวรรณิตสร้างความหวาดหวั่นไปทั่ว ทรงพลเองก็ถูกผลกระทบด้วย อยู่ๆเกิดเจ็บแปลบแผลที่หน้าอกขึ้นมา แผลที่ถูกศุภิสราแทงด้วยปิ่นปักผมเพราะคุ้มคลั่งจากแรงหึงหวง

ooooooo

อนันยชเพิ่งกลับถึงบ้านในตอนเช้า ถึงได้รู้ว่าเมื่อคืนตนเองพลาดเหตุการณ์หลายอย่าง ทั้งเรื่องที่ทิวัตถ์อาการปวดหัวกำเริบจนรถเกือบคว่ำและเรื่องที่วาสนาพาสาวมาให้ทิวัตถ์ดูตัว ศุภารมย์ไม่อยากพูดถึงจึงพยายามเปลี่ยนเรื่อง ยิ่งทำให้เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร สวยแค่ไหน เธอต้องปรามลูกให้หยุดพูด

“อะไรแม่...แม่กลัวอะไร หรือแม่กลัวว่าผมจะแย่งของน้อง” อนันยชอำแม่สนุกปาก แต่ทั้งทรงพลและ ศุภารมย์ไม่ขำด้วย ต่างมองหน้ากันอย่างเป็นกังวล...
เมื่อใดที่ศุภารมย์เข้ามาในห้องน้องสาว ภาพเก่าๆ

ในอดีตมักจะตามมาหลอกหลอน ครั้งนี้ก็เช่นกัน ภาพตอนที่ทะเลาะกับศุภิสราถึงขั้นลงไม้ลงมือผุดเข้ามาในความทรงจำของเธออีกครั้ง...

ที่บริษัท เอสพี คอนสตรัคชั่น ขณะทิวัตถ์เก็บรูปภาพของแม่ใส่ลิ้นชักโต๊ะทำงาน สิตาบุกเข้ามาในห้องจะมาขอโทษเรื่องที่พ่อของเธอพูดพาดพิงเรื่องแม่ของเขาต่อหน้าท่านผู้ว่าฯเมื่อคืนนี้ และอยากจะรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับผู้หญิงพวกนั้น ทั้งคนที่ออดอ้อนเขาที่กรุงเทพฯ และคนที่หน้าเหมือนแม่ของเขา

“ผมว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่านะตา”

สิตาไม่ค่อยพอใจที่เขาเลี่ยงไม่ตอบคำถาม ทิวัตถ์มีงานต้องทำหลายอย่างจึงขอร้องให้เธอกลับไปก่อน เธอยังไม่ทันจะออกจากห้อง วาสนาพาวรรณิตเข้ามาเสียก่อน สิตาไม่พอใจที่วาสนามักจะพาผู้หญิงมาให้ทิวัตถ์ดูตัวบ่อยๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงพูดจาดูถูกวรรณิตต่างๆนานา พอถูกด่าว่ากลับก็ปรี๊ดแตก จิกผมวรรณิตมาตบซ้าย

ตบขวาไม่ยั้ง วาสนาเข้าไปช่วยก็ถูกเธอเหวี่ยงกระเด็น ทิวัตถ์จะเข้าไปห้าม อนันยชเข้ามาเสียก่อน เขาจึงขอให้ช่วยจัดการสิตาให้ อนันยชจะอุ้มเธอออกจากห้อง แต่เธอดิ้นสุดฤทธิ์ไม่ยอมไป

“ถ้าคุณยังไม่หยุด ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมาเจอผมอีก” ทิวัตถ์ประกาศกร้าว

เจอไม้นี้เข้าไป สิตาหยุดบ้าได้ คว้ากระเป๋าเดินกระแทกเท้าจากไป อนันยชรีบเข้าไปดูวรรณิต พอเห็นหน้าเธอชัดๆ ถึงกับตะลึงที่หน้าตาเหมือนศุภิสราไม่มีผิดเพี้ยน ทิวัตถ์ขอร้องให้วาสนากลับไปก่อน วรรณิตเห็นเขางานยุ่งก็ไม่อยากรบกวนชวนวาสนากลับ ทันทีที่ทั้งคู่ลับสายตา อนันยชซักว่าผู้หญิงที่มากับวาสนาเป็นใคร พอรู้ว่าเป็นผู้หญิงที่วาสนาพาไปให้ดูตัวเมื่อคืน เขาแต่งเรื่องว่าลืมเอกสารไว้ที่ห้อง แล้ววิ่งตามวาสนากับ วรรณิตทันกันที่หน้าบริษัท ขอโทษแทนทิวัตถ์สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น

“โอ๊ย ไม่ต้องหรอก ไม่ใช่ความผิดของพ่อวินสักหน่อย แม่นั่นต่างหากที่ต้องมาขอโทษยาย”

“ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปส่งแล้วกัน”

วาสนาอดแปลกใจไม่ได้ที่อยู่ๆอนันยชมาทำดีด้วยทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน...

ลิลินไม่ยอมให้ถูกกักตัว แอบหนีออกไปจนได้ พยาบาลรีบโทร.แจ้งทิวัตถ์ว่าคนเจ็บหายตัวไป เขาร้อนใจมากรีบตรงไปที่โรงพยาบาลเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้ความอะไร ไม่มีใครพบเห็นลิลิน

ทิวัตถ์กลับไปที่รถตัวเองอย่างหงุดหงิด เปิดฝากระโปรงท้ายหยิบกระเป๋าของลิลินออกมา ยังไม่ทันจะเปิดดู เจ้าของกระเป๋าย่องมาทางด้านหลังใช้ไม้ฟาดเขาสลบเหมือดแล้วแย่งกระเป๋าคืน...

ที่ออฟฟิศของทรงพล ขณะกานดากำลังใช้ทิชชูซับเครื่องดื่มโสมที่หกเลอะเทอะให้ทรงพล ศุภารมย์เข้ามาในห้องพอดี ทั้งคู่ต่างชะงัก ก่อนจะผละจากกัน เธอไม่ค่อยพอใจนักเพราะรู้ดีว่ากานดามีใจให้สามีของเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ยังตีสีหน้าเรียบเฉย

หลังจากคุยธุระกันเสร็จ ทรงพลกับศุภารมย์เดินมาที่ลานจอดรถ กฤษดากับสิตาเข้ามาขวางไว้ กล่าวหาว่าวาสนากับวรรณิตช่วยกันรุมทำร้ายสิตาเมื่อเช้า ทรงพลกับศุภารมย์อึ้งไปที่วาสนายังกล้าพาวรรณิตไปหาทิวัตถ์ถึงที่ทำงานทั้งๆที่ถูกห้าม ศุภารมย์ขอบใจที่มาบอก แล้วจะเดินไปขึ้นรถ สิตาขวางไว้

“เดี๋ยวก่อน แล้วคุณจะรับผิดชอบยังไง”

นอกจากจะไม่ได้อะไรจากการมาป่วนครั้งนี้ สองพี่น้องยังถูกศุภารมย์ตอกหน้าหงาย สิตาเจ็บใจ หันไปเล่นงานพี่ชายตัวเอง ไหนบอกว่าจะจัดการพวกมันได้กลับโดนมันเล่นงานเสียเอง...

ทิวัตถ์แค้นใจมากเมื่อฟื้นขึ้นมาพบว่าลิลินเอากระเป๋าคืนไปแล้ว แถมเสียบโน้ตไว้กับที่ปัดน้ำฝนหน้ารถ

“คนอย่างนายสมควรแล้วที่โดนอย่างนี้”...

ทางฝ่ายลิลินลากกระเป๋าเข้าไปเช็กอินที่โรงแรมรอยัลเพิร์ลของศักดิ์สิทธิ์ เห็นป้ายรับสมัครนักร้องติดอยู่ที่บอร์ดก็สนใจขึ้นมาทันที...

วาสนาพอจะมองออกว่าอนันยชสนใจวรรณิตเป็นพิเศษ แต่ไม่วายกีดกัน เพราะต้องการให้วรรณิตจับคู่กับทิวัตถ์ แล้วฝากขนมเสน่ห์จันทร์ไปให้ทิวัตถ์ด้วย เมื่อเช้าไม่ทันได้ให้เพราะหมาที่เฝ้าห้องเขาดุ อนันยชเห็นขนมก็ชะงัก เพราะเคยมีความหลังกับขนมชนิดนี้ร่วมกับศุภิสรา...

ขณะที่อนันยชแสดงออกอย่างชัดแจ้งว่าชื่นชอบวรรณิต ลิลินไปที่ห้องของศักดิ์สิทธิ์เพื่อจะสมัครงาน ที่นั่นเธอได้เจอกับวิชนีซึ่งมาสมัครงานเช่นกัน เพียงแต่วิชนีสมัครตำแหน่งเชฟ ส่วนเธอสมัครเป็นนักร้อง ด้วยความเป็นคนโผงผางวิชนีเห็นศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งมาถึง แซงคิวจะเข้าไปหาเจ้าของโรงแรมในห้องทำงาน ก็โวยวายเสียงลั่นว่ามาทีหลังก็ต้องต่อคิว พอรู้ว่าเขาคือเจ้าของโรงแรมตัวจริงเสียงจริง วิชนีถึงกับจ๋อย...

ทางด้านอนันยชเห็นขนมเสน่ห์จันทร์แล้วอดใจไม่ไหว พลันภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความคิดของเขา ตอนนั้นศุภิสราจงใจยั่วยวนเขาด้วยขนมชนิดนี้ เขาจอดรถข้างทางหยิบขนมเสน่ห์จันทร์ที่วาสนาฝากไปให้ทิวัตถ์ขึ้นมาใส่ปากเคี้ยวช้าๆ หลับตาพริ้มมีความสุขสุดๆพร้อมกับนึกถึงศุภิสราไปด้วย

อนันยชไม่สนใจเสียงสายเรียกเข้าจากทิวัตถ์ซึ่งเป็นกังวลที่เขาไม่รับสาย ด้วยเกรงว่าเขาจะอยู่กับลิลิน ทิวัตถ์รีบโทร.ถามศักดิ์สิทธิ์ว่าอนันยชอยู่ด้วยหรือเปล่า เขาโกหกว่าอยู่ด้วยกันที่โรงแรมของเขา เพราะอยากให้ทิวัตถ์ช่วยวิจารณ์นักร้องคนใหม่ ถ้าเพื่อนให้ผ่าน เขาจะรับเข้าทำงานทันที เพราะถ้าคนตายด้านอย่างทิวัตถ์ชอบ ผู้ชายทั้งโลกก็ต้องชอบ ทิวัตถ์ถึงกับอึ้งเมื่อนักร้องคนที่ศักดิ์สิทธิ์ว่าก็คือลิลินนั่นเอง

ooooooo

ทิวัตถ์กับลิลินต่างตกใจเมื่อพบกันอีกครั้งที่ผับ ศักดิ์สิทธิ์เห็นท่าทางของทั้งคู่ก็แปลกใจ ตั้งท่าจะซักถามแต่ทิวัตถ์ไม่สนใจ เดินขึ้นไปเผชิญหน้ากับลิลินบนเวที ถามเธอว่ามาทำอะไรที่นี่

หญิงสาวไม่ทันตอบ ศักดิ์สิทธิ์ตามขึ้นมาได้ยิน ส่งเสียงดี๊ด๊าว่าโลกกลมจริงๆ ไม่คิดว่าลิลินจะรู้จักเพื่อนรักของตน ทิวัตถ์ชักสีหน้าทันที กล่าวเสียงขุ่นว่าอย่าเรียกว่ารู้จักเลย ลิลินไม่พอใจยอกย้อนเข้าให้จนอีกฝ่ายสะอึก

“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ เพราะคนเดี๋ยวนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ”

ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้สนใจท่าทีของเพื่อนรัก หากแต่มุ่งจะรับลิลินเป็นนักร้อง ทิวัตถ์เลยย้ำเตือนด้วยความหวังดีว่าเวลาจะรับใครเข้าทำงานควรเช็กประวัติคนคนนั้นให้ดีด้วย

“ต้องเช็กอะไรอีกวะ แล้วอีกอย่างคุณลินเขาก็เพิ่งเจอเรื่องร้ายๆมา...อะไร นี่แกไม่รู้เลยเหรอว่าคุณลินโดนไอ้โรคจิตขับรถชนแล้วยังตามไปขโมยกระเป๋าเธอถึงที่โรงพยาบาลเลยนะเว้ย”

ทิวัตถ์นิ่งอึ้ง ลิลินแอบสะใจ ระหว่างนั้นปกติวิ่งหน้าตั้งเข้ามารายงานศักดิ์สิทธิ์ว่าแขกต่อยกันให้รีบไปห้าม เจ้านายกับลูกน้องเลยเร่งรีบผละไป ทิ้งทิวัตถ์กับลิลินไว้ตามลำพัง

ประเด็น “ไอ้โรคจิต” ที่ศักดิ์สิทธิ์เอ่ยเมื่อครู่เป็นเรื่องขึ้นมาทันที ทิวัตถ์จะเล่นงานลิลินแต่เธอกลับลอยหน้าลอยตาเถียงว่าคงไม่มีคนดีๆที่ไหนทำอย่างนั้น ชายหนุ่มเหลืออดดึงแขนเธอออกไป ผ่านกลุ่มศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังพยายามห้ามลูกค้าที่มีเรื่องชกต่อยกัน

ลิลินตะโกนขอความช่วยเหลือจากศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาไม่ได้ยินเพราะมัวเป็นกรรมการห้ามศึกระหว่างลูกค้า ลิลินจึงถูกทิวัตถ์ลากออกมาถึงลานจอดรถแล้วเปิดประตูจับเธอยัดเข้าไปก่อนออกรถมุ่งสู่ถนนสายหนึ่งในตัวจังหวัด จุดหมายคือท่ารถโดยสาร เขาต้องการให้เธอไปจากที่นี่ แต่ถ้าไม่ เขาคงต้องแจ้งความ

“เรื่องอะไร...เรื่องที่ฉันทำร้ายคุณน่ะเหรอ”

“ถ้าผมเอาภาพจากกล้องวงจรปิดไปให้ตำรวจ แล้วบอกว่าคุณพยายามฆ่าผม...”

แทนที่หญิงสาวจะขลาดกลัว เธอกลับยิ้มมุมปาก จนชายหนุ่มหน้ายุ่งถามเสียงขุ่นว่ายิ้มอะไร

“ตรงที่คุณจอดเป็นมุมอับที่ไม่มีกล้องวงจรปิด หรือถ้ามี คุณอยากจะเอาไปแจ้งความก็ตามสบาย เพราะฉันก็จะแจ้งกลับว่าที่ฉันทำอย่างนั้นเพราะป้องกันตัวจากคนที่ขโมยกระเป๋าฉันไป”

“คุณนี่มัน...” เขาหงุดหงิดฮึดฮัดอย่างขัดใจ

“ฉันเป็นคนที่ใครดีมาก็ดีตอบ แต่ถ้าใครร้ายมาฉันก็จะร้ายกลับไปยิ่งกว่า เอาล่ะ ปล่อยฉันลงได้แล้ว”

“ผมก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าคุณจะร้ายได้แค่ไหน”

“หยุดรถเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะโดดลงเดี๋ยวนี้”

ทิวัตถ์ไม่สนใจ เหยียบคันเร่งเร็วขึ้นอีก พลางท้าทายให้เธอโดดเลยถ้าอยากฆ่าตัวตาย ลิลินโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนิ่งเงียบไปอย่างเจ็บใจ

ถึงท่ารถ ทิวัตถ์ให้เช็คลิลินหนึ่งแสนพร้อมตั๋วรถเที่ยวต่อไปแลกกับการอยู่ห่างๆพี่ชายของตน ลิลินไม่ปฏิเสธแต่พอถึงเวลารถทัวร์ออกจากท่าซึ่งทิวัตถ์ยังเฝ้าจับตามองอยู่ เธอแอบลงจากรถตอนไหนไม่รู้ มายืนซุ่มอยู่ใกล้รถยนต์ของเขา ทิวัตถ์ไม่เห็นคน เห็นแต่กระดาษแผ่นหนึ่งติดอยู่หลังรถ ลงไปหยิบมาอ่าน แต่ทันใดต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงแตรรถดังขึ้นก่อนจะถอยปรู๊ดปร๊าดด้วยฝีมือของลิลิน

ทิวัตถ์เสียรู้ให้กับความเจ้าเล่ห์ของเธอเข้าจนได้ ลิลินเปิดกระจกแล้วฉีกเช็คฉบับนั้นโยนคืนให้เขาพร้อมกับร้องบอกอย่างเหนือกว่า “ในชีวิตนี้ฉันอาจจะหาเงินแสนไม่ได้ แต่ฉันยังมีรถราคาเป็นล้านขับ ขอบใจนะ” พูดจบเธอออกรถไปทันที ทิ้งทิวัตถ์ยืนมึนตึ้บ เจ็บใจเป็นที่สุด

นอกจากจะถูกฉกรถไปแล้ว กระเป๋าสตางค์และมือถือก็อยู่ในรถด้วย ลิลินสะใจเป็นบ้าว่างานนี้นายทิวัตถ์จอมซ่าลำบากแน่

ooooooo

แน่นอนว่าต้องเป็นอย่างนั้น ทิวัตถ์ต้องขอยืมเหรียญสิบบาทจากขอทานแถวท่ารถโทร.หาศักดิ์สิทธิ์ให้มารับ พอดีลิลินมาถึงก่อนหน้านี้ เธอคืนกุญแจรถให้ศักดิ์สิทธิ์บอกว่าเก็บได้ สงสัยทิวัตถ์ทำหล่นไว้ พูดแล้วเดินหนีไปไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ซักไซ้ แต่ก็ขอบใจที่เขารับเธอเป็นนักร้องในผับเรียบร้อยแล้ว

ทิวัตถ์หัวเสียไม่ยอมตอบข้อสงสัยของศักดิ์สิทธิ์ เร่งเขาให้พาไปสถานีตำรวจ ตนจะแจ้งความรถหาย

“เฮ้ย! หายบ้าอะไร รถแกก็จอดอยู่ที่โรงแรมนั่นแหละ นี่กุญแจ แกทำตกเอาไว้ ดีนะที่คุณลินเก็บได้”

“แกเจอยัยนั่นแล้วเหรอ”

“อ้าวๆ เรียกคุณลินให้มันดีๆหน่อย ตอนนี้เธอเป็นนักร้องของโรงแรมฉันแล้วนะเว้ย”

“อะไรนะ ไอ้สิทธิ์ แกรับเธอไว้เหรอ”

“ถูกต้อง สัญญาหนึ่งปีไม่ขาดไม่เกิน รับรองว่าคราวนี้โรงแรมฉันจะต้องกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งแน่ๆ”

“ล่มจมล่ะสิไม่ว่า”

“อ้าวไอ้วิน ไหงพูดอย่างงี้วะ”

ทิวัตถ์ไม่สนใจคนตรงหน้า นึกถึงลิลินด้วยความเจ็บใจ พึมพำว่าเธอร้ายกาจมาก!

เมื่อกลับมาถึงโรงแรม ทิวัตถ์ยื่นคำขาดให้ศักดิ์สิทธิ์ไล่ลิลินออกโดยไม่ยอมบอกเหตุผล แล้วมุ่งหน้าไปยังห้องซ้อมดนตรี ได้ยินเธอร้องเพลงรักที่คุ้นหู พลันรู้สึกปวดหัว หายใจแรงจนศักดิ์สิทธิ์ที่เดินตามมาสงสัยและเป็นห่วง แต่พอถามก็ไม่ได้คำตอบ ทิวัตถ์เดินหนีไปเงียบๆ โดยที่ลิลินไม่รู้เห็น...

วันเวลาเดียวกันที่บริษัทของทรงพล กานดานำเครื่องดื่มเข้ามาให้ทรงพลในห้องทำงาน อ้างว่าหลานของตนไปเกาหลีแล้วซื้อโสมมาฝาก ตนอยากให้เขา
ดื่มเพื่อบำรุงร่างกาย ทรงพลเลยปฏิเสธไม่ออก ตอบขอบใจแล้วก้มหน้าทำงานต่อ

กานดายังไม่ไปไหน สังเกตสีหน้าเขาดูเคร่งเครียดก็ถามอย่างอาทรว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า

“ไม่มีอะไรหรอก พอดีโครงการท่านนายกเทศมนตรีอยากทำสวนสาธารณะจังหวัด ท่านคาดหวังว่าสวนนี้จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับจังหวัด ผมไม่อยากทำให้ท่านผิดหวัง...หรือคุณว่าไงกานดา”

“ถ้าท่านถามเรื่องโครงการกานคงให้คำตอบท่านไม่ได้ แต่ถ้าถามเรื่องความผิดหวัง กานพอจะบอกได้ค่ะ”

ทรงพลชะงัก ทราบดีว่าเธอหมายถึงการที่เธอต้องอกหักจากเขานั่นเอง เสหยิบแก้วโสมขึ้นดื่ม กานดาบอกไม่ทันว่ามันร้อน ทรงพลถึงกับสำลักและโสมหกรดเล็กน้อย เธอรีบหยิบทิชชูเช็ดให้ พอดีศุภารมย์เปิดประตูเข้ามาเห็น สองคนจึงผละออกจากกันทันใด

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 2 วันที่ 31 ธ.ค. 57

ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทโทรทัศน์ : อภิวัฒน์ เล่าสกุล
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง กำกับการแสดง : ตรัยยุทธ กิ่งภากรณ์
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ผลิต : บริษัท ปรากฏการณ์ดี จำกัด
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ควบคุมการผลิต : ชวลิต พงศ์ไชยยง
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง7 และ 7HD
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง เริ้มออกอากาศตอนแรกในวันเสาร์ที่ 3 มกราคม 2558
ที่มา ไทยรัฐ