อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 15 วันที่ 12 ต.ค. 58

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 15 วันที่ 12 ต.ค. 58

คิมหันต์ยังนั่งอึ้งอยู่ในรถ ชุมสายเข้ามานั่งด้วย บอกว่าตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาอะไรเขา แต่อาจเรียกตัวไปสอบปากคำก่อน เพราะถึงอย่างไรคลิปที่ธาดาพูดก็พาดพิงถึงเขา เจ้าหน้าที่ก็ต้องนำมาสืบสวนหาข้อเท็จจริงอีกที

คิมหันต์ฟังนิ่ง ชุมสายบอกอีกว่า “ส่วนคำสารภาพของนายธาดาที่แกถ่ายไว้ฉันว่าแกอย่าเพิ่งอัพโหลดเลยนะ” คิมหันต์บอกว่าตนจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น ชุมสายบอกว่าดีแล้ว

“มันไม่มีความหมายอะไรสำหรับฉันอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่เหลือใครแล้วว่ะ...ไอ้ชุม...ไม่เหลือจริงๆ”



คิมหันต์มองไปข้างหน้านิ่ง มีแสงวิบๆ ในดวงตา คล้ายน้ำตากระทบแสงไฟ...

ooooooo

ในที่สุดพักตราก็ได้รับการผ่าตัด อรรถสบายใจขึ้นมากบอกเธอว่า

“หนูปลอดภัยแล้วนะลูก ถือว่าโชคดีมาก ที่ถึงมือหมอได้ทันเวลา จากนี้ไปไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วนะ”

พักตราถามถึงลูก อรรถบอกว่ายังไม่ใช่เวลาของเขา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเขาก็จะมาเอง เธอถามถึงคิมหันต์ อรรถบอกว่าเขาอยู่กับเธอทั้งคืน จนเธอเข้าห้องผ่าตัดและเพิ่งออกไปเมื่อสายๆนี้เอง พักตราถามว่าไปไหน

“เขามีธุระสำคัญ เรื่องคดีความ...หนูนอนพักก่อนเถอะนะ คิมหันต์เสร็จธุระเมื่อไหร่ก็จะมาหาหนูเองจ้ะ”

ที่แท้คิมหันต์ไปที่เจดีย์บรรจุกระดูกของวิมลรัตน์ เขาคร่ำครวญกับรูปพี่สาวที่ติดอยู่ที่เจดีย์อย่างสำนึกผิด...

“ผมทำทุกอย่างผิดหมด ผมทำร้ายคนที่ผมรัก และคนที่รักผมอย่างเลือดเย็นที่สุด...ผมนึกถึงแต่เรื่องของตัวเอง ความรัก ความแค้น และความยุติธรรมในมุมของผม มันทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวด...”

คิมหันต์คิดถึงสิ่งที่ตนทำกับมุกริน ทำกับธาดา และดวงดาว...เขาถามกับรูปของวิมลรัตน์พี่สาวที่รักดั่งดวงใจว่า...

“ผมต้องแก้ไขยังไงครับพี่มล ผมต้องทำยังไง...เพื่อให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม...ถ้าดวงวิญญาณ

ของพี่สามารถรับรู้ความรู้สึกของผมได้ ช่วยดลใจผมด้วย จะด้วยวิธีใดก็ได้ ให้ผมรับรู้ว่า ผมควรทำอย่างไรกับปัญหาที่ผมก่อไว้ทั้งหมด ผมไม่อยากเสียใครไปอีกแล้วครับ...พี่มล...” คิมหันต์คร่ำครวญกับรูปวิมลรัตน์ อยู่อย่างนั้น...

ooooooo

ดึกคืนนี้ เมื่อคิมหันต์กลับมา เขาเห็นพักตรานอนหลับสนิทเพราะความอ่อนเพลียจากการผ่าตัด อรรถเดินเข้ามาเงียบๆ พูดเบาๆว่าหมอบอกว่าหลังผ่าตัดเธออ่อนเพลียมาก อีกสักสองวันถึงจะค่อยฟื้นตัว

อรรถถามว่ามีอะไรจะคุยกับตนไหม พอคิมหันต์ตอบครับ อรรถก็ให้ตามไปที่โถงทางเดิน นั่งคุยกัน

คิมหันต์ยืนยันเจตนาเดิมขอหย่ากับพักตรา อรรถหว่านล้อมโน้มน้าวใจอย่างยาวเหยียดถามว่าสิ่งที่ผูกมัดเขากับพักตรามีแค่ทะเบียนสมรสเท่านั้นหรือ คิมหันต์บอกว่าอิทธิพลของท่านด้วย อรรถบอกว่าเรื่องนั้นลืมไปเสีย เพราะตนปล่อยวางไปเยอะแล้วหลังจากชะตากรรมของพักตราครั้งนี้ แล้วพูดถึงความสัมพันธ์ยาวนานของทั้งคู่ที่ผ่านมาว่า

“แต่สิ่งสำคัญที่เราต้องครุ่นคิดให้ดีก่อนการตัดสินใจครั้งนี้ก็คือจิตใจ เธอกับพักตราผ่านอะไรมา

ไม่น้อยแล้วนะ ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอจะเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่มันได้ผูกพันจิตใจของเธอสองคนไว้ด้วยกันมากกว่าทะเบียนสมรส แม้ว่าใจของเธอกับพักตราจะต่างกัน แต่ความลึกซึ้งไม่ได้น้อยกว่ากันนะ ใจของพักตรานั้นคือความรู้สึกรัก ส่วนใจของเธอคือสำนึกผิด หรือจะปฏิเสธว่าเธอไม่มีสำนึกนี้...”

คิมหันต์นิ่งไป พูดไม่ออก อรรถพูดต่อตอกย้ำความรู้สึกเขาว่า

“ฉันไม่คาดหวังสถานะสามีภรรยาระหว่างเธอกับลูกสาวฉันจะผูกพันอะไรมากไปกว่าที่ผ่านมา ฉันหวังแค่ว่า สภาพจิตใจของพักตราจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้ เพราะถ้ามากกว่านี้ มันอาจหมายถึงชีวิตได้ คิดดูอีกทีนะคิมหันต์ ถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกันไอ้ลูกชาย”

พูดจบอรรถลุกเดินไป ทิ้งให้คิมหันต์นั่งนิ่งตัดสินใจอะไรไม่ถูก...อีกตามเคย...

ooooooo

ชุมสายเป็นห่วงคิมหันต์ ไปหาเขาที่บ้านวิมลรัตน์ เจอแต่ไสวกับถวิล ทั้งสองส่ายหน้าไม่รู้เลยว่าคิมหันต์อยู่ไหนเมื่อไม่รู้จะตามตัวได้ที่ไหนชุมสายฝากข้อความในมือถือว่า...

“ไอ้คิม...ไม่ว่าแกจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ถ้าแกได้ฟังข้อความนี้ ฉันขอบอกว่า แกทำไม่ถูก แกอาจจะชินกับการทำอะไรไม่ถูกมาแล้วมากมายหลายเรื่อง แต่ถ้าแกยังใช้วิธีหนีหน้าแบบนี้ แกก็จะไม่มีทางแก้ไขอะไรให้มันถูกต้องขึ้นมาได้เลย...ถ้าฉันในฐานะเพื่อนคนเดียวของแก ยังไม่รู้เลยว่าแกเป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหน ก็คงไม่มีใครช่วยอะไรแกได้อีกแล้ว กลับมาเถอะนะเพื่อน การทำผิดแล้วรู้จักแก้ไข และขอขมา จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีที่สุด...เท่านี้แหละเพื่อน”

ชุมสายกดปุ่มจบการฝากข้อความ ไสวเดินเข้ามาถามว่าคิมหันต์จะได้ยินที่เขาพูดไหม

“ไม่รู้มัน...ฉันก็ทำได้เท่านี้แหละ ที่เหลือจากนี้ก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน” ไสวถามว่าเขาจะไปวัดไหม ชุมสายถามว่าไปทำไม ไสวบอกว่าไปแทนคิมหันต์...งานศพธาดา ชุมสายตอบสั้นๆแค่ว่า “ขอคิดดูก่อน”

ooooooo

ที่วัด...มุกรินถืออาหารถ้วยเล็กๆวางหน้าโลงศพธาดา เคาะโลงบอกพี่ชาย

“กินข้าวนะพี่ใหญ่ มุกเลือกของโปรดพี่มาให้เท่าที่มุกจำได้... ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วนะพี่ เย็นนี้พระจะมาสวด ถ้าพี่ใหญ่ยังอยู่แถวๆนี้ ก็มาฟังพระสวดด้วยกันนะพี่ใหญ่”

บอกกล่าวพี่ชายแล้วมุกรินน้ำตาไหลออกมาอีก พอเธอหันกลับก็เห็นดวงดาวยืนร้องไห้อยู่หน้าโลงศพ...

“ดาว...ฉันพยายามติดต่อเธอตั้งแต่วันแรกที่พี่ใหญ่เสีย แต่ก็ติดต่อเธอไม่ได้”

เป็นคำพูดที่ทำให้ดวงดาวน้ำตาไหลพรากยิ่งขึ้น พูดปนเสียงร้องไห้อย่างหนักว่า

“ฉันไม่ควรทิ้งเขาไปเลย ถ้าฉันอยู่ มันคงไม่จบอย่างนี้หรอก...” มุกรินบอกว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ “ฉันน่าจะพอห้ามผู้ชายคนนั้นได้...หรืออย่างน้อย อาก็ควรจะได้รู้ว่า เลือดเนื้อของอาอยู่ในนี้...”

ดวงดาวลูบท้องตัวเองอย่างแผ่วเบา มุกรินใจหายเมื่อรู้ว่าดวงดาวท้อง... ดวงดาวโผกอดโลงศพธาดาร้องไห้คร่ำครวญ...

“อาน่าจะได้สัมผัสเขาสักครั้ง ได้พูดกับเขาสักคำ แม้เขาจะยังอยู่ในนี้...แต่เขาก็กำลังเติบโต เขาต้องรู้สึกถึงสัมผัสของพ่อได้...ดีกว่าที่อาจะจากไปโดยไม่รู้อะไรเลยแบบนี้...”

“โธ่...ดาว...” มุกรินโอบกอดดวงดาวอย่างให้ กำลังใจ

“ตอนแรกฉันกลัวว่าเขาจะโกรธที่ฉันท้อง...แต่บางทีลูกอาจจะเป็นสิ่งเดียวที่เหนี่ยวรั้งไม่ให้เขาคิดสั้นแบบนี้...อา...หนูขอโทษ...หนูอาจจะไม่เคยบอกอาตรงๆว่าหนูรักอา...แต่หนูรักอานะ...ถ้าชาติหน้ามีจริง หนูขอเกิดมารักอาอีก และจะรักอาตลอดไป จะบอกรักอาทุกวัน จะไม่ทำให้อาต้องเสียใจแม้แต่นิดเดียว...”

“ฉันเชื่อว่าพี่ใหญ่รับรู้ทุกคำพูดของเธอ และเขาจะต้องดีใจที่เธอมาหา” ดวงดาวถามว่าแล้วเขาคนนั้นล่ะ มาหรือยัง มุกรินบอกว่าเขาไม่มีทางมา แต่ดวงดาวมั่นใจว่า “เขาต้องมา...ฉันรู้ เพราะเขาต้องรู้สึกผิด และอยากให้เธอเห็นใจเขา”

“ไม่มีทาง จากนี้ไป เขาจะไม่มีวันได้ในสิ่งที่เขาต้องการ”

แต่พอสิ้นเสียงมุกริน รถคิมหันต์ก็ขับเข้ามาจอดที่หน้าศาลา ดวงดาวกับมุกรินหันมองพร้อมกัน ดวงดาวพูดทันทีว่า บอกแล้วว่าเขาต้องมา มุกรินบอกว่า ตนไม่ต้องการเห็นหน้าเขาอีก ดวงดาวบอกว่าเป็นสิทธิ์ของเธอ เธอเลือกได้

แต่ไม่ทันที่มุกรินจะลุกขึ้น คิมหันต์ก็มาถึงตัวแล้ว เขาขอให้เธอหยุดฟังตนก่อน มุกรินหยุดยืนนิ่ง

“เมื่อผมพูดจบแล้ว คุณจะทำยังไงก็ได้ จะตบหน้าผมแรงกว่าเก่าก็ได้ จะด่าผมหรือจะให้คนมาจับผมโยนออกไป ผมก็ยอม”

“ดาว...ฉันจะไปหาพี่ปรารภ...เขาจอดรถอยู่ ด้านหลัง เธออยากจะทำอะไรก็เชิญนะ” มุกรินเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าคิมหันต์

คิมหันต์ทรุดนั่งข้างๆดวงดาวหน้าโลงศพธาดา ดวงดาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห่างเหินว่า

“คุณมีเวลาหนึ่งนาทีที่ฉันจะยอมฟังคุณ...หลัง

จากนั้น คุณจะกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุดสำหรับฉัน เป็นอากาศสกปรกที่ฉันจะไม่แม้แต่เหลือบตามอง”

คิมหันต์นั่งก้มหน้านิ่งครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า...

“ผมขอโทษดวงดาว ขอโทษจริงๆ ผมยินดีทำ ทุกอย่างเป็นการชดใช้สิ่งที่ผมทำไว้กับใครๆ ทุกคนโดยเฉพาะกับคุณ”

“เสียใจด้วยนะ ที่ไม่มีใครเชื่อคุณอีกต่อไปแล้ว”

ดวงดาวลุกขึ้นอย่างไม่แยแส คิมหันต์คว้าแขนเธอไว้ เรียกอย่างเว้าวอนถูกดวงดาวตบหน้าเต็มฝ่ามือ สะบัดเสียงใส่

“นี่คือสัมผัสสุดท้ายที่ฉันจะแตะต้องตัวคุณ... ไอ้คนใจบาป!”

ooooooo

เวลาเดียวกัน ที่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล อรรถเข็นรถพาพักตราลงมาบริเวณที่ร่มรื่นในโรงพยาบาล พูดคุยกับเธออย่างอ่อนโยน สดชื่น แจ่มใส

“หมอบอกว่า แผลผ่าตัดของหนูหายเร็วมาก แสดงว่าหนูเป็นคนไข้ที่ดี ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของคุณหมอทุกอย่างและเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าสุขภาพจิตของหนูก็ดีขึ้นมากๆด้วย” พักตราถามว่า แสดงว่าตนกลับบ้านได้แล้วใช่ไหม “ตอนเย็นๆคุณหมอแวะมาตรวจลูกหมอจะบอกเราอีกที แต่พ่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วล่ะ”

“เมื่อไหร่คิมจะมาล่ะคะพ่อ”

“เมื่อเขาเสร็จธุระ เขาจะมาทันที เขาต้องมาหาหนูก่อนวันกลับบ้านแน่ๆ เชื่อพ่อสิ”

พักตรานิ่งไปอย่างยากที่ใครจะคาดเดาใจเธอได้ ขณะนั้นเองเจ้าหน้าที่เข้ามาบอกว่ามีคนมาขอเข้าเยี่ยมคุณพักตรา เธอถามว่าใคร คิมหันต์หรือ? อรรถบอกว่านั่นสามีลูกนะจะต้องขออนุญาตทำไม

“เขาชื่อคุณมุกริน กับคุณดวงดาวค่ะ”

พอเจ้าหน้าที่บอก พักตราก็ยืดตัวตรงขึ้นด้วยความแปลกใจ

ooooooo

พักตรากลับไปที่ห้องพักรับรองในโรงพยาบาล ครู่หนึ่งเจ้าหน้าที่พามุกรินกับดวงดาวเข้ามา พอนั่งลง มุกรินเอ่ยขึ้นก่อนว่า

“ฉันเพิ่งรู้ข่าวจากคุณชุมสายว่าเธออยู่ที่นี่”

“ฉันก็เพิ่งรู้ข่าวพี่ชายเธอเหมือนกัน เสียใจด้วยนะ” มุกรินบอกว่าเสียใจเรื่องลูกเธอเช่นกัน “แน่ใจนะว่าไม่ได้ตั้งใจจะมาเยาะเย้ยฉัน”

“อย่ามองเราสองคนอย่างนั้นสิพักตรา เราเห็นใจเธอจริงๆนะ” ดวงดาวเอ่ยขึ้นบ้าง แต่ถูกพักตราสวนทันควันว่า

“ไม่จำเป็น ความเห็นใจช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก ...เธอไม่ได้เป็นแม่ เธอไม่มีวันรู้สึกอย่างที่ฉันรู้สึกหรอก”

“ฉันรู้สึกไม่ต่างจากที่เธอรู้สึก” ดวงดาวหนักแน่นจริงจังบอกเป็นนัย จนพักตรามองหน้าพูดอย่างเข้าใจความหมายว่า

“เหรอ...งั้นก็ขอให้โชคดี ไม่แท้งลูกอย่างฉัน...” พักตราหันไปทางมุกริน “แล้วเธอล่ะ...เธอคงไม่ได้ท้องอีกคนนะ ฉันไม่อยากเดาว่าใครเป็นพ่อ”

“ฉันตั้งใจจะมาขอโทษเธอ” มุกรินตัดบท พักตราอึ้ง มุกรินบอกว่า “ที่ผ่านมา เรื่องระหว่างเรามันพัวพันจนแยกไม่ออกว่าใครถูก ใครผิด” ฟังแล้วพักตราท่าทีอ่อนลง มองมุกรินอย่างสนใจฟัง มุกรินพูดต่ออย่างตั้งใจว่า

“แต่วันนี้ มันเป็นโอกาสดีที่สุด เราจะทิ้งเรื่องราวเหล่านั้นและตั้งต้นชีวิตใหม่ และฉันยืนยันกับเธอได้เลยว่า ชีวิตใหม่ของฉัน จะไม่มีคนของเธอมาเกี่ยวข้องด้วยเป็นอันขาด...ฉันขอให้เธอมีความสุขกับอนาคตที่เธอปรารถนา และไม่ต้องกังวลว่าฉันจะแย่งคนของเธอไป ...เท่านั้นแหละ”

พูดจบทั้งมุกรินและดวงดาวลุกเดินออกไปด้วยกัน พักตรารีบเรียกไว้

“มุกริน...ขอบใจนะ...ขอบใจมาก...”

มุกรินเดินเข้าไปโอบกอดพักตราไว้ด้วยความเห็นใจ...จริงใจ...ต่างน้ำตาไหลออกมา...

ooooooo

ที่บริเวณจอดรถด้านหน้าคลินิก ปรารภยืนคอยอยู่ที่รถของเขา มุกรินกับดวงดาวเดินออกมา

“ภารกิจเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหานะครับ” ปรารภถาม ดวงดาวบอกว่าดีกว่าที่คาด “ดีใจด้วยครับ แล้วตอนนี้เราจะไปไหนกันดีครับสาวๆ บอกมาเลย โชเฟอร์คนนี้ยินดีไปส่งให้ถึงที่” ปรารภเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

“ฉันอยู่ชะอำ” ดวงดาวบอก ปรารภร้องโอ้...เธอถามว่าไกลไปใช่ไหม ปรารภบอกว่าไปส่งได้ไม่มีปัญหา อยู่ที่ว่าจะส่งใครก่อนดี มุกรินบอกว่าตนจะไม่อยู่บ้านหลังนั้นแล้ว ดวงดาวติงว่านั่นเป็นบ้านพ่อบ้านแม่เธอนะ

“มันเป็นของเขา เขายึดไปแล้วก็ให้ยึดไปเถอะ ไม่อยากไปอยู่ให้มีบุญคุณกันอีก...เธอเองก็ไม่ควรอยู่ที่ชะอำนะดาว...มาอยู่ด้วยกันกับฉันเถอะ” ดวงดาวถามว่าที่ไหน “บ้านพี่ใหญ่ บ้านที่พี่ใหญ่เช่าไว้ไง เขาคงดีใจถ้ารู้ว่าเธอกับฉันกลับไปอยู่ที่นั่น ว่าไง...ฉันจะได้ช่วยดูแลหลานฉันด้วย”

“ลองดูสักพักก็ได้” เป็นคำตอบที่ทั้งผู้ถามและผู้ตอบต่างยิ้มแย้มยินดีกับการเริ่มต้นใหม่

“ลงตัวอย่างนี้ก็ดี งั้นเย็นนี้ ให้พี่เลี้ยงข้าวก่อนแล้วค่อยกลับบ้านนะสาวๆ” ปรารภยิ้มดีใจกว่าเพื่อน รีบเปิดประตูรถให้มุกริน พอมุกรินเข้าไปนั่งในรถแล้ว ดวงดาวบอกเขาว่า

“อย่าเพิ่งดีใจไปนะคุณปรารภ คุณต้องตื๊อหนักกว่านี้อีกเยอะ ถ้าหวังจะให้มุกรินตกลงปลงใจกับคุณ”

“มีโอกาสได้ดูแลแค่นี้ ผมก็พอใจแล้วครับคุณดวงดาว”

“ให้มันจริงเถอะ” ดาวดาวพูดยิ้มๆ แล้วก้าวขึ้นรถ ปรารภฟังแล้วยิ้มยิ่งกว่าพลางปิดประตูรถเบาๆ

ooooooo

คืนนี้...ที่ร้านอาหารผับ บาร์ คิมหันต์กับชุมสายนั่งกันที่โต๊ะใหญ่ในมุมสลัว บรรยากาศภายในยังเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่วันนี้คิมหันต์นั่งซึม ต่างจากทุกครั้งที่มา จนชุมสายทักว่า

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นแกไม่สบายใจแล้วไม่ดื่มเหล้า”

“ฉันกินไม่ลง” คิมหันต์ตอบเนือยๆ ชุมสายถามว่าหรือเพราะไม่มีผู้หญิง? “ไม่ว่าแกจะหาผู้หญิงมานั่งโต๊ะนี้อีกกี่คน ก็ไม่ได้ทำให้ฉันนึกอยากกินเหล้าขึ้นมาได้หรอก”

“ไม่กินนั่นแหละดีแล้วเพื่อน จะได้มีสติ ปัญหามันต้องแก้ด้วยสติไม่ใช่ความเมา”

“ต้องใช้สติขนาดไหนฉันถึงจะผ่านมันไปได้” คิมหันต์ยังอยู่ในความเศร้าซึม

“สติของแกเท่าที่แกมีนั่นแหละ ตั้งสติยอมรับความจริง เผชิญหน้ากับมันอย่างไม่เกรงกลัว แกเคยบอกว่า ที่แกทำไปทุกอย่างเพราะแกรักพี่มลใช่ไหม จากนี้ไป ลองรักตัวเองบ้างสิ รักคนรอบๆข้างบ้าง ใช้หัวใจครับเพื่อน ใช้หัวใจเป็นธงนำ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง มันก็จะเป็นเพราะความรักไม่ใช่ความแค้น”

เป็นหนึ่งในน้อยครั้งที่คิมหันต์นิ่งฟังชุมสายพูด และมองหน้าเพื่อนรักอย่างครุ่นคิด...

ooooooo

กลางดึกคืนนี้ คิมหันต์กลับไปที่ห้องพักคนไข้ เขาเปิดปิดประตูอย่างแผ่วเบาที่สุด ในความมืดสลัวเขาเห็นอรรถนั่งเอนหลังอยู่ที่โซฟา เขาทักว่าท่านยังไม่หลับหรือ

อรรถตอบเรียบๆว่าคนแก่ก็อย่างนี้แหละ หลับยากตื่นแต่มืด คิมหันต์ถามว่าท่านนอนที่นี่ตลอดเลยหรือ

“คนที่ฉันรักที่สุดอยู่ที่นี่ ฉันจะไปไหนได้...” คิมหันต์นิ่งอึ้งอย่างเข้าใจความนัยนั้น “ฉันทำได้ทุกอย่าง เพื่อทดแทนทุกสิ่งที่พักตราขาด วันนี้นายเลือกกลับมาที่นี่ ก็เพื่อเติมสิ่งที่พักตราขาดเช่นกัน...ใช่ไหม”

คิมหันต์ไม่ทันพูดอะไร อรรถก็พูดต่อ “นายไปนอนห้องโน้นเถอะ ถ้าพักตราตื่นขึ้นมา เขาจะได้ดีใจที่เห็นนาย”

คิมหันต์จึงเดินเข้าไปในห้องนอนในส่วนที่เป็นเตียงคนไข้เบาๆ เขาไปนอนที่โซฟาใหญ่ข้างเตียง

พักตรานอนนิ่งๆเหมือนหลับ แต่เธอไม่ได้หลับ เอ่ยถามโดยไม่ลืมตาว่า “คิมมานอนเป็นเพื่อนพักตร์เหรอ” เขาทำเสียงอืม...ในลำคอ เธอพูดต่อเหมือนตัดพ้อว่า “พักตร์ไม่ได้เจอคิมสี่วันแล้วนะคะ”

คิมหันต์บอกว่าช่วงนี้ตนยุ่งอยู่หลายเรื่อง พักตราบอกว่ามุกรินมาเยี่ยมตน คิมหันต์นิ่งไปอย่างแปลกใจ พักตราค่อยๆหันมองบอกว่า พรุ่งนี้ตนจะได้กลับบ้านแล้ว เราคงได้มีโอกาสได้คุยกันมากกว่าเก่า พูดอย่างมีความหวังว่า

“หมอบอกว่าอีกสองอาทิตย์แผลก็หาย แล้วอีกสองเดือนพักตร์ก็พร้อมจะอุ้มท้องได้แล้ว เราพยายามกันอีกทีนะคะคิม...นะคะ...” เมื่อไม่มีคำตอบจากคิมหันต์ พักตราจึงเงียบและค่อยๆหลับตาลง...

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น ที่บ้านเช่าของธาดา มุกรินออกจากห้องนอนมาก็เห็นดวงดาวเตรียมกับข้าวไว้ที่โต๊ะอาหารแล้ว มุกรินทักว่าตื่นเช้าจังคุณแม่ ดวงดาวบอกว่าตื่นเพราะหิวแต่ไม่รู้ว่าตนหรือตัวเล็กหิวกันแน่

ทั้งคู่หยอกเย้ากันอย่างสบายใจ ดวงดาวถามว่ามุกรินอยากเป็นแบบตนบ้างไหม คือมีตัวเล็กๆดิ้นอยู่ในท้อง มุกรินตอบทันทีว่า “ไม่ล่ะ”

“ลองดูสิ แล้วจะรู้ว่าความสุขสูงสุดของลูกผู้หญิงคืออะไร”

“มันต้องได้สามีที่ดีก่อนมั้ง ถึงจะไปที่จุดนั้นได้” ดวงดาวถามว่ามองใครไว้บ้างหรือยังล่ะ มุกรินยิ้มแต่ไม่ตอบ ดวงดาวถามว่าคนนั้นเป็นไง มุกรินมองไปหน้าบ้าน เห็นปรารภกำลังเดินเข้ามา เธอหยอกดวงดาวว่า เกิดมาเพื่อเป็นแม่สื่อเสียจริงๆ

“เปล่า...ฉันแค่พูดและเอาจากสิ่งที่ฉันเห็น เชื่อไหม สองถุงในมือนั่นต้องเป็นอาหารเช้าอย่างดีที่เขาเตรียมมาสำหรับเธอ” ก็พอดีปรารภเอาอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะ เอ่ยอย่างร่าเริงแจ่มใสว่า

“สวัสดีครับสาวๆ วันนี้ผมมีอาหารเช้าอย่างดีมาฝาก สุภาพสตรีทั้งสองคน ทั้งคุณคนโสดและคุณแม่มือใหม่ สนใจจะรับเลยไหมครับ”

มุกรินกับดวงดาวมองหน้าแล้วหัวเราะกันที่คาดเดาได้ตรงเผง...

ooooooo

เช้าวันเดียวกัน รถตู้มารับพักตรากลับบ้าน คิมหันต์ประคองเธอลงจากรถพาเดินเข้าที่โถงบ้าน เธอบอกอรรถว่าขอขึ้นห้องเลย อรรถบอกว่าตนจะนั่งเล่นข้างล่างนี่ก่อนเดี๋ยวจะขึ้นไปหา

เมื่อเข้าไปในห้องนอน พักตราเอาเสื้อผ้าเครื่องใช้และของเล่นเด็กมาอวดคิมหันต์ ถามว่าน่ารักไหม ตนควรจะเก็บไว้หรือเอาไปบริจาคดี คิมหันต์ตอบเนือยๆ ว่า “แล้วแต่คุณเถอะ”

“บริจาคน่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า สงสารคนที่เขาไม่มี พักตร์ท้องเมื่อไหร่ เราค่อยหาซื้อใหม่ก็ได้ คิมว่าไหม”

คิมหันต์กระเถิบเข้าไปนั่งข้างเธอ เอ่ยอย่างตั้งใจ จริงจังว่า

“ผมขอคุยอะไรกับคุณหน่อยได้ไหมครับ”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เรื่องอะไรเหรอคะ หน้าตาซีเรียสจัง”

“ผมขอหย่ากับคุณ”

พักตราอึ้ง ช็อกไปทันที!

อรรถที่นั่งอยู่ห้องโถงชั้นล่าง ได้ยินพักตรากรีดร้องสุดเสียง อรรถชะงัก มองขึ้นไป แล้วรีบลุกเดินออกจากห้องโถงไปทันที

ooooooo

อรรถก้าวยาวๆออกจากห้องโถง ในขณะที่คิมหันต์ก้าวอย่างเร็วสวนลงมาหน้าตาเขาขรึมและไม่แยแส อรรถคว้าคิมหันต์ไว้ถามว่าทำอะไรลูกสาวตน คิมหันต์ตอบอย่างไม่ยี่หระแล้วว่า

“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย คนที่ทำพักตราก็คือท่าน ท่านทำทั้งหมด ท่านทำลายชีวิตลูกสาวท่านเอง ท่านไม่รู้ตัวเลยหรือ” คิมหันต์สะบัดหลุดจากอรรถพูดห้วนๆ “ผมไปล่ะ”

อรรถตะโกนเรียกให้เขากลับมาก่อน ก็พอดีพักตราร้องไห้ลงบันไดมาบอกให้พ่อช่วยด้วย ให้เอาคิมหันต์กลับมา ตนไม่ยอม! แล้วแผดเสียงกรี๊ดลั่น อรรถรีบเข้าประคองร่างหมดสติของพักตราที่บันได

หมอบอกว่าพักตรามีอาการชัก หมดสติโดยเฉียบพลัน การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการปั๊มและกระตุ้นหัวใจจนผู้ป่วยพ้นขีดอันตรายแล้ว หมอแจ้งว่าจากการตรวจ ร่างกายเธอปกติทุกอย่าง อาการที่เกิดขึ้นเป็นอาการทางจิตที่ส่งผลให้การสั่งการของสมองแปรปรวน

หมอเห็นว่าเธอควรได้รับการพักผ่อนมากๆ อาการนี้จะกำเริบขึ้นเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ สำหรับการบำบัดที่ดีที่สุดคือ

“เราต้องทำให้เธอเปลี่ยนความรู้สึกเสียใจจากความผิดหวัง เป็นการยอมรับ เธอก็จะมีโอกาสกลับมาเป็นปกติดังเดิมได้” ฟังความเห็นของหมอแล้ว อรรถบอกพักตราที่นอนนิ่งอยู่ว่า

“พ่อจะพาลูกกลับมา กลับมาเป็นพักตราคนเดิมของพ่อ พ่อจะทำทุกอย่างให้ลูกมีความสุขให้ได้...พ่อสัญญา”

ooooooo

อรรถไปที่วัด บอกมุกรินว่าตั้งใจจะมาร่วมพิธีตอนเผาแต่มาไม่ทัน เพราะตนก็มีเรื่องที่เสียใจไม่แพ้เธอเหมือนกัน อรรถขอคุยกับเธอสักครู่ได้ไหม

เมื่อมุกรินไปคุยกับอรรถที่มุมสงบหนึ่งในวัด เขาถามว่าคิมหันต์มาบ้างไหม มุกรินบอกว่าที่นี่ไม่ต้อนรับเขา ส่วนเรื่องที่คิมหันต์บอกเลิกพักตราก็ไม่มีความหมายสำหรับตน เพราะเขาไม่ใช่คนดีคนเดิมของตนอีกแล้ว เขาไม่ซื่อ เขาหลอกลวงทุกคนเพื่อต้องการแก้แค้นเท่านั้น แม้แต่คนที่จริงใจกับเขา เขาก็ทำร้ายได้ทั้งตนและดวงดาว ไม่มีใครต้องการเขาอีกแล้ว

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 15 วันที่ 12 ต.ค. 58

ละครรอยรักแรงแค้น บทประพันธ์โดย ชลาลัย
ละครรอยรักแรงแค้น บทโทรทัศน์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น กำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น ผลิตโดย บริษัท สามัญการละคร จำกัด
ละครรอยรักแรงแค้น ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น.
ติดตามชม ละครรอยรักแรงแค้น ได้ทางทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ