อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 1 วันที่ 26 ธ.ค. 55

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 1 วันที่ 26 ธ.ค. 55

บรรยากาศในพระนคร ของแผ่นดินสยามสมัยสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง แลเห็นบ้านเรือนไทยสวยงาม ถนนหนทางดูร่มรื่นและร่มเย็นด้วยพระบารมี รัชกาลที่ ๕

เฉกเช่นเดียวกับที่มุมหนึ่งของพระนคร ผู้คนที่แวะเวียนผ่านมาละแวกนี้ ต่างรู้ดีว่านี่คือ “เรือนพระยาโกสินทร์” บ้านเรือนไทยหลังงามของพระยาโกสินทร์บนเนื้อที่กว้างขวางสมฐานันดรศักดิ์ของท่านเจ้าคุณ ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ และรักในชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ท่านนี้

และตอนกลางวันของวันนี้ที่เรือนพระยาโกสินทร์ดูจะคึกคัก และวุ่นวายมากกว่าวันที่ผ่านๆ เพราะทุกชีวิตในบ้านหลังนี้ต่างเตรียมงานเพื่อต้อนรับ ฉัตร และฉาย บุตรชายของท่านเจ้าคุณ ที่จะเดินทางกลับจากเมืองนอก ประเทศรัสเซียในวันนี้



ในห้องบนเรือนหลังใหญ่ เห็นบรรดาบ่าวไพร่กำลังสะบัดผ้าปูที่นอนใหม่ ก่อนจะจัดแจงปูที่เตียงในห้องนอนของฉัตร ละห้องนอนของฉาย
บ่าวผู้หญิงกำลังจัดแจกันดอกไม้ แล้วนำไปประดับตามมุมต่างๆ ของบ้าน
เช่นเดียวกับบ่าวไพร่ในครัวต่างกำลังสาละวนเตรียมทำกับข้าวกันเป็นที่โกลาหล ควันจากเตาถ่านลอยโขมงไปทั่วโรงครัว ไม่มีใครว่างมือเลยสักคน บ้างก็ยกหม้อนึ่งขึ้นเตา บ้างก็กำลังโขลกน้ำพริก บ้างก็กำลังสับ หั่น ซอย ตามหน้าที่ของตน
ขณะเดียวกันบ่าวผู้ชาย ๒ คนกำลังตัดแต่งหญ้าในสนาม มีนายสนจัดวางต้นไม้ในสวน โดยมีพระยาโกสินทร์ยืนคุมงานอยู่ด้วยตัวเอง
“ดีใจจริงๆ นะขอรับที่คุณฉัตร คุณฉายจะกลับแล้ว ไม่เห็นหน้าซะหลายปี กลับมาเที่ยวนี้คงเป็นหนุ่มเต็มตัว” นายสนเอ่ยขึ้น
สีหน้าพระยาโกสินทร์ดูปลื้มอกปลื้มใจเป็นอย่างมาก เมื่อพูดถึงบุตรชายทั้งสอง “เจ้าฉัตร เจ้าฉายนี่มันมีบุญนัก ได้พระมหากรุณาธิคุณจากพระพุทธเจ้าหลวง” ท่านเจ้าคุณยกมือไหว้ท่วมหัวขณะพูด “ส่งให้ไปร่ำไปเรียนจนถึงเมืองนอกเมืองนาโน่น”
“ตกลงคุณฉัตรจบทหารมาใช่ไม๊ขอรับ” นายสนถาม
“ใช่” พระยาโกสินทร์ตอบ
“แล้วคุณฉายจบอะไรน้าขอรับ..รัดถะ..รัดถะ” สนพูดไม่คุ้นปากดีนัก
พระยาโกสินทร์ตอบให้ “รัฐศาสตร์”
“กระผมละปลื้มใจแทนท่านเจ้าคุณจริงๆ นะขอรับ”
ระหว่างนั้นบ่าวผู้ชายคนหนึ่ง วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาก่อนทรุดตัวลง คลานเข่ารายงาน
“คุณฉัตร คุณฉาย มาแล้ว”
จากนั้นพระยาโกสินทร์ สน และเหล่าบ่าว ต่างรีบวางงานในมือแล้ววิ่งออกไปดูคุณฉัตร คุณฉาย ด้วยความตื่นเต้นกันทันที

ขณะเดียวกันรถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามาที่บริเวณหน้าเรือนหลังใหญ่ พระยาโกสินทร์มีท่าทางตื่นเต้นแต่พยายามสะกดอารมณ์ไว้ แต่บ่าวอื่นๆ ตื่นเต้นกันออกนอกหน้า รถคันนั้นมาจอดที่หน้าตึกใหญ่ ก่อนที่ประตูรถจะเปิดออก
ฉัตรในชุดนายทหารก้าวลงจากรถ ส่วนที่ประตูรถอีกด้าน ฉายก้าวลงมาในชุดสูทโก้หรูทันสมัย
พระยาโกสินทร์ยิ้มร่า ฉัตรเข้าไปทรุดตัวลงกับพื้นแล้วก้มกราบผู้เป็นบิดา พระยาโกสินทร์ยิ้มแย้มดีใจสุดๆ
“ฉัตร..เจ้าได้ติดยศเป็นร้อยเอกแล้ว” พระยาโกสินทร์เอื้อนเอ่ย
ฉัตรลุกขึ้นแล้วถอยออกไป เปิดทางให้ฉาย น้องชาย ได้เข้าไปกราบพ่อบ้าง พระยาโกสินทร์ยิ้มปลื้มใจมาก
“นี่ถ้าแม่ของเจ้าสองคนยังมีชีวิตอยู่ คงดีใจที่เห็นลูกชายได้รับพระมหากรุณาธิคุณจนสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ แม่เจ้าต้องร้องไห้เป็นบ่อน้ำตาแตกแน่ๆ”
ฉัตรและฉายยิ้มแย้ม
“กลับมากันก็ดีแล้ว พ่อจะจัดงานฉลองเลี้ยงต้อนรับการกลับมาให้เจ้าสองคน งานนี้พ่อจะเชิญบ้านที่มีลูกสาวโดยเฉพาะเลยนะ” ท่านเจ้าคุณหัวเราะ “พ่ออยากได้ลูกสะใภ้ดีๆ เป็นลูกผู้ดีมีสกุลสมน้ำสมเนื้อกับตระกูลเราน่ะ เอ้าๆ กลับมาเหนื่อยๆ เข้าบ้านทีดีไม๊เรา” พระยาโกสินทร์มองไปที่รถอย่างฉงน เมื่อเห็นว่าเหล่าบ่าวชาย หญิง กำลังมุงดูอะไรบางอย่างในรถกันด้วยท่าทางตื่นเต้น
“อ้าว! เฮ้ย ไปมุงดูอะไรกัน ทำไมไม่ช่วยกันหิ้วกระเป๋าคุณๆ ลงจากรถ”
บ่าวทั้งหลายทำท่าละล้าละลัง กลัวพระยาโกสินทร์ก็กลัว แต่อยากดู “บางสิ่ง” ที่อยู่ในรถก็อยาก ฉัตรมีสีหน้าอึดอัดใจมาก หันไปสบตากับฉายทันที แล้วจิกสายตาใส่น้องชายเป็นเชิงบังคับให้บอกความจริงกับพ่อไป ฉายหน้าเครียด
“เจ้าคุณพ่อขอรับ...กระผมมีเรื่องที่จะต้องกราบเรียน” ฉายเอ่ยขึ้น
“เรื่องอะไรรึ...ฉาย”
ฉายไม่ตอบ แต่หันไปพยักหน้าให้ใครบางคนที่ยังนั่งรออยู่ในรถลงมา พระยาโกสินทร์หน้าฉงนหนัก เมื่อเห็น แอนนา ในชุดฝรั่ง เดินยิ้มเข้ามา มองแอนนาอย่างงงๆ
“นี่..แอนนา..ภรรยากระผมขอรับ” ฉายแนะนำสาวฝรั่งผู้เป็นภรรยา

พระยาโกสินทร์อึ้ง นิ่งงันไปเลย
เวลาต่อมา แอนนา นั่งหน้าสวยอยู่ข้างๆ ฉายในโถงกลางเรือนใหญ่ ฉายจับมือแน่นให้กำลังใจภรรยา พระยาโกสินทร์สีหน้าอึ้งพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งเลยทีเดียว

“เอ้อ! เจ้าฉาย...เจ้าจะหาลูกสะใภ้ให้พ่อทั้งที ไม่บอกให้พ่อรู้ตัวล่วงหน้าเลย”
ฉายไหว้ขอโทษพ่อ “กระผมกราบขอโทษเจ้าคุณพ่อขอรับที่ใจเร็ว แต่...”
ฉัตรพูดไม่ทันจบประโยค ถูกพระยาโกสินทร์ตัดบท
“เอาเถอะๆ เมื่อฉายเลือกเมียอย่างนี้แล้ว พ่อก็พูดอะไรไม่ได้แล้ว” ท่านเจ้าคุณหันไปหาฉัตร “ทีนี้ก็เหลือแต่เจ้าละ...ฉัตร ช่วยหาลูกสะใภ้ที่เป็นคนไทยให้พ่อก็แล้วกัน”
ฉัตรยิ้ม แต่สีหน้าเจื่อนไปเลย
“แต่ก่อนอื่น...เจ้าทั้งสองคนแยกย้ายกันไปกราบเรียนญาติผู้ใหญ่ของเราทั้งหลายก่อนว่า...พวกเจ้ากลับมาพระนครกันแล้ว”

เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง ฉัตรกำลังก้มลงกราบญาติผู้ใหญ่ชาย และญาติผู้ใหญ่หญิง อย่างนอบน้อม ที่เรือนของทั้งสองท่านบริเวณชานเมือง
ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองท่านมองดูฉัตรอย่างชื่นชมและเอ็นดู ฉัตรหันไปรับห่อผ้าใส่ของกำนัลจากสนมาส่งให้พลางเอ่ย
“ของฝากเล็กๆ น้อยๆ จากประเทศรุสเซียขอรับ”
ญาติผู้ใหญ่หญิงรับไปเปิดดู เห็นเป็นของที่ระลึกจากต่างประเทศสวยแปลกตาก็ชอบใจ
“สวยแปลกตาจริง”
ญาติผู้ใหญ่ชายกล่าวชื่นชมฉัตร “ฉัตรร่ำเรียนสำเร็จกลับมาเป็นนายทหารใหญ่เลยนะ ดีๆๆๆ เจ้าจะได้เอาวิชาที่ได้ร่ำเรียนมาจากเมืองนอกเมืองนา มาช่วยพัฒนาบ้านเมืองของเราให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป บ้านเมืองเรากำลังต้องการคนดีมีวิชาอย่างเจ้าอยู่อีกมากเชียวละ”
“กระผมก็ตั้งใจจะกลับมาทำงานรับใช้พระพุทธเจ้าหลวง และบ้านเมืองของเราอย่างเต็มกำลังเหมือนกันขอรับ”
ญาติผู้ใหญ่หญิงท่านยิ้มแล้วมองฉัตรอย่างเอ็นดู

ไม่นานหลังจากนั้น ญาติผู้ใหญ่สองท่านกำลังมายืนคอยส่งฉัตรลงเรือกลับพระนคร ที่บริเวณท่าน้ำ
“รีบกลับเถอะพ่อฉัตร อีกประเดี๋ยวก็จะพลบค่ำแล้ว...เดินทางปลอดภัยนะลูก” ญาติผู้ใหญ่หญิงกล่าว
ฉัตรยกมือไหว้ลา “ขอบพระคุณ คุณอาหญิงขอรับ กระผมลาละขอรับ” ฉัตรยกมือไหว้ทั้งสองท่านอีกครั้ง แล้วลงเรือไปกับนายสน
ครู่ต่อมา เรือเบนหัวออกจากท่าน้ำไป จากฝีพายของสน

เวลานั้นนายชดขับเกวียนมาตามทางมุ่งหน้ากลับบ้าน โดยมีบัวลูกสาวนั่งมาด้วยข้างๆ ทั้งสองพ่อลูกหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
“ขายข้าวได้คราวนี้ เราก็มีอัฐพอเอาไปไถ่ที่นาจากท่านเจ้าคุณสมานได้เสียทีนะจ๊ะพ่อ” บัวเอ่ยขึ้น
“นอกจากจะมีอัฐพอไปไถ่ที่นาจากเจ้าคุณสมานได้แล้ว ยังเหลือพอซื้อเสื้อสวยๆ ให้เอ็งได้หลายตัวเชียวละบัว” นายชดบอกลูกสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ฉันไม่อยากได้เสื้อใหม่หรอกจ้ะพ่อ แต่ฉันอยากให้พ่อเก็บอัฐไว้เผื่อเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยดีกว่าจ้ะ”
นายชดยิ้ม แล้วทันใดนั้น...โดยไม่ทันที่สองพ่อลูกจะรู้ตัว โจรชั่ว 2 คนก็โผล่พรวดออกมาจากข้างทาง พวกมันกระโดดขึ้นเกวียน แล้วเอาดาบล็อคคอนายชดไว้คนหนึ่ง ส่วนอีกคนล็อคคอบัวเอาไว้เช่นกัน
“อัฐที่ขายข้าวได้อยู่ที่ไหน เอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้” โจรที่ล็อคคอชดขู่
นายชดไม่ยอม “ไม่”
โจรคนนั้น สะบัดหลังมือตบหน้านายชดผัวะ! นายชดถึงกับผงะล้มหงายหลังไป บัวกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ
“พ่อ”
บัวผวาจะเข้าไปช่วยพ่อ แต่ก็ถูกโจรจิกหัวไว้ แล้วเอาปลายดาบจี้ที่คอ โจรเข้าค้นตามตัวนายชดจนเจอห่ออัฐแล้วจะเอาไป บัวไม่ยอม สะบัดตัวหลุดจากโจรที่คุมอยู่ ผวาเข้าไปยื้อยุดห่ออัฐจากมันไว้ โจรชั่วโมโห สะบัดหลังมือตบหน้าบัวผัวะ บัวกรีดร้องเสียงดังก้อง

เวลาเดียวกันนั้น ฉัตรกับสนที่กำลังนั่งอยู่ในเรือขณะเดินทางกลับพระนคร ได้ยินเสียงบัวกรีดร้องดังแว่วๆ มา ฉัตรหันไปมองทางต้นเสียงทันที
เมื่อฉัตรมองไป เห็นโจรคนหนึ่งกำลังเข้าไปดึงห่ออัฐคืนจากมือบัว พร้อมกับสั่งเพื่อนโจรอีกคน
“ลากตัวมันไปด้วย”

โจรชั่วเข้าฉุดกระชากลากถูตัวบัวให้ไปด้วยกัน แต่บัวขัดขืนดิ้นสู้เต็มที่ ชดก็เข้าช่วยลูกอย่างสุดความสามารถ
ฉัตรสั่งให้สนจอดเรือ และตัดสินใจขึ้นจากเรือขึ้นฝั่ง แล้ววิ่งเร็วรี่ตรงไปที่เกวียนของบัวทันที สนผูกเรือเสร็จก็รีบตามไปติดๆ

โจรที่ยึดถุงอัฐ หันไปเตะถีบนายชดจนฟุบไป แล้วทั้ง ๒ โจรก็จะวิ่งหนีไป โดยลากบัวไปด้วย แต่แล้วฉัตรและสนก็กระโดดเข้ามาขวางทางไว้
“ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้” ฉัตรพูดเสียงดัง
“มึงเป็นใคร จะมาสั่งกู”
โจรชั่วคนหนึ่งบอก ไม่ยี่หระ พูดจบมันก็ยกดาบขึ้นฟันฉัตร แต่ฉัตรหลบทัน แล้วคว้าปืนขึ้นจะยิง โจรอีกคนเห็นรีบเอาดาบในมือจะฟันฉัตรเพื่อช่วยเพื่อนโจร บัวตกใจกลัวฉัตรถูกฟัน จึงกระโดดเข้าผลักโจรคนนั้นจนมันเซถลาไป และพอตั้งตัวได้โจรชั่วก็หันขวับมาจ้องบัวอย่างแค้นใจ แล้วพุ่งเข้าใส่บัวทันที สนเห็นรีบยกดาบที่ติดตัวมาด้วยเข้าขวาง สนกับโจรคนนั้เริ่มต่อสู้กัน ส่วนฉัตรสู้กับโจรอีกคน
บัวถือโอกาสนั้นวิ่งกลับไปดูอาการนายชด แล้วหันมาดูพวกผู้ชายสู้กันอย่างหวาดกลัว และแล้วฉัตรก็เพลี่ยงพล้ำถูกโจรคู่ต่อสู้ฟันเข้าให้ แม้จะไม่โดนตรงๆ เต็มๆ แต่ก็ถึงกับทำให้ฉัตรสะดุ้งสุดตัวด้วยความเจ็บ ฉัตรล้มลง โจรทั้ง 2 วิ่งหนีลับตัวไปแล้ว บัวกับสนรีบวิ่งเข้าไปประคองฉัตรทันที ฉัตรล้มลงนอนหงาย ตาลอยคว้างด้วยความเจ็บ
ในสายตาของฉัตร มองเห็นบัวก้มลงมามองหน้าเขาด้วยความเป็นห่วง แล้วภาพใบหน้าของบัวก็เบลอไป
ใบหน้าสวยงามของบัว จึงเป็นภาพสุดท้ายที่ฉัตรได้เห็นก่อนจะสลบไป

อีกมุมหนึ่งในพระนคร ที่เรือนของพระยาสมาน ช่วงเวลาตอนกลางวัน ภายในครัวยามนั้นไม่มีใครมือว่างสักคน
เสียงนางด้วงเอ่ยขึ้น “เอ้า! เร่งมือเข้า หม่อมจรัสกับท่านชายทัดจะมาอยู่แล้ว มัวแต่คุยกันอยู่นั่นละ งานการไม่รู้จักทำ ประเดี๋ยวข้าจะฟ้องคุณพิศเลย”
น้อยหันมา “ไม่มีใครมือว่างสักคน เร่งจนไม่รู้จะเร่งยังไงแล้วนะพี่ด้วง จะมีก็แต่พี่ด้วงแหละที่มือว่างอยู่คนเดียว”
นางด้วงฉุน เดินเข้าไปหยิกน้อยเต็มแรง ด่าเอา
“อีน้อย เอ็งกำลังจะพูดว่าข้ากินแรงพวกเอ็งงั้นสิ”
“ข้าเปล่าว่านะ ข้าพูดไปอย่างที่เห็น” น้อยว่า
“เอ๊ ! อีนี่! วอนซะแล้ว! รู้ไม๊ว่าข้าเป็นใคร” นางด้วงอวดเบ่ง
น้อยต่อปากต่อคำ “ก็เป็นทาสในเรือนเบี้ยเหมือนข้าน่ะสิ”
นางด้วงโมโหเข้าไปตบตีน้อยอย่างไม่ออมมือเสียงดังตุ้บตั้บ ทันใดนั้นนายเพียรก็เข้ามากันน้อยเอาไว้
“เฮ้ยๆๆๆ นังด้วง จะทำอะไรนังน้อย ก็เกรงใจข้าหน่อยสิ” นายเพียรเสียงดัง
นางด้วงย้อน “ทำไมต้องเกรงใจเอ็ง นังน้อยมันใช่เมียเอ็งซะที่ไหน”
“ตอนนี้ยังไม่ใช่ แต่สักวันข้าจะไปขอมันจากท่านเจ้าคุณ” เพียรบอก
นางด้วง เบ้ปากใส่นายเพียรพร้อมกับด่า “ทำยังกับท่านเจ้าคุณเอ็นดูเอ็งนักนี่ เถ่อ..ทำเป็นคุยว่าเป็นลูกท่านเจ้าคุณ ถุย! ยังไงๆ เอ็งก็ยังเป็นแค่ ‘ลูกทาส’ อยู่ดี”
นายเพียรโมโหนัก ย้อนเข้าให้ “แล้วเอ็งล่ะ ถึงเอ็งจะได้ขึ้นไปรับใช้คุณๆ บนเรือน โดยเฉพาะ...” เพียรพูดอย่างมีนัย “รับใช้... ท่านเจ้าคุณ ‘อย่างใกล้ชิด’ แต่เอ็งมันก็ยังเป็นขี้ข้าเขาอยู่วันยังค่ำนั่นละว้า”
นางด้วงโมโหที่ถูกจี้จุด พุ่งทะยานจะเข้าไปตบตีนายเพียร ทว่านายเพียรแค่ฉากหลบ นางด้วงพลาดแล้วหันไปจะซ้ำ จังหวะนั้นเสียงของนางแดง แม่ของนางด้วงแทรกเข้ามาเสียก่อน
“หยุดทำตัวเป็นหมาบ้าทีเถิดวะ อีด้วง”
“ก็แม่ไม่ได้ยินที่ไอ้เพียรมันพูดกับข้าเรอะ”
“ที่ไอ้เพียรมันพูดก็เรื่องจริงนี่” นางแดงว่า
นางด้วง แค้นใจ “คอยดูนะ สักวัน..ข้าจะไม่เป็นขี้ข้าเขาอยู่อย่างงี้หรอก ข้าจะเป็นมากกว่านี้ ไม่เชื่อแม่คอยดู”
แล้วนางด้วงก็ระบายอารมณ์ ด้วยการเดินกระทืบเท้าปังๆ ออกไป กระแทกใส่น้อยที่ถือหม้อแกง จนน้อยหน้าเกือบคว่ำ ดีที่นายเพียรคว้าตัวไว้ได้ทัน แล้วมองน้อยอย่างหลงรัก น้อยเบี่ยงตัวหลบนายเพียรหน้าเจื่อนไป

นางด้วงเดินปังๆ มาหยุดที่หน้าห้องอาบน้ำพิศ สูดลมหายใจลึกๆ สะกดอารมณ์ แล้วปั้นหน้าใหม่จากบึ้งตึงให้เป็นยิ้มแย้ม ก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไป
พิศหันหลังอยู่ กำลังเอาน้ำลอยดอกมะลิ และดอกไม้หอมอื่นๆ ขึ้นบรรจงอาบ ดูมีเสน่ห์เย้ายวนมาก นางด้วงก้าวเข้าไปใกล้ๆ
“คุณพิศเจ้าขา...บ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ”
พิศเหลียวมามองนางด้วง พยักหน้ารับรู้ นางด้วงรีบก้าวเข้าไปช่วยพิศอาบน้ำดอกไม้อย่างรู้งาน

ด้านนางพุ่มเดินเข้ามาในครัว บ่าวคนอื่นๆ ยังทำงานมือไม่ว่างกันสักคน
“นี่ๆๆๆ นังแดง ข้าได้ยินบ่าวบนเรือนมันพูดกันว่า..ที่หม่อมจรัสจะมาวันนี้..เพราะจะพาท่านชายทัดมาดูตัวคุณพิศ! จริงรึ”
“จริง อย่างว่าละนะ ใครๆก็อยากจะได้คุณพิศไปเป็นสะใภ้ เพราะท่านเจ้าคุณสมานน่ะมีที่ดินไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ลำพังแค่ค่าเช่าที่ ก็มีคนเอาดอกเบี้ยมาส่งอยู่ทุกวี่ทุกวัน แล้วท่านเจ้าคุณก็มีลูกสาวอยู่คนเดียว สมบัติพัสถานมีเท่าไหร่ก็ต้องตกเป็นของคุณพิศหมดละ” นางแดงว่า

นางพุ่มพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
นางด้วงช่วยพิศแต่งตัวอยู่อย่างบรรจง ชมเอาใจไม่ขาดปาก

“คุณพิศนี่งามแท้..ใครได้คุณพิศไปเป็นแม่ศรีเรือน นับว่าบุญโข”
พิศมองเงาตัวเองในกระจกอย่างพอใจ
“เกิดมาทั้งที..ข้าก็ต้องเลือกคู่ครองให้ดีเสมอกัน ผัวข้า...จะต้องไม่ใฝ่ต่ำ คว้าทาสในเรือนมาเป็นเมียไม่เลือกหน้าอย่างพ่อข้าเด็ดขาด”
ด้วงหน้าเจื่อนไป
“ฮู้ย..ใครได้ตกแต่งกับคุณพิศ คงไม่มีตาเหลือไปแลหญิงอื่นได้อีกละเจ้าค่ะ”
พิศฟังแล้วยิ้มให้กับเงาตัวเองในกระจก ภูมิใจในความงามของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง

บนเรือนพระยาสมานไม่นานหลังจากนั้น พิศก้มลงกราบหม่อมจรัสด้วยท่าทีอ่อนช้อยงดงาม หม่อมจรัสมองพิศอย่างเอ็นดู
“แหม..ยิ่งโต เจ้ายิ่งงามแท้..แม่พิศ”
พิศยิ้มเอียงอาย
“ชายทัด มารู้จักน้องไว้เสียสิ นี่แม่พิศ แม่พิศจ๊ะ..นี่ชายทัดจ้ะ”
พิศยกมือไหว้ท่านชายทัดอีกครั้ง ท่านชายทัดรับไหว้แล้วตามองไปข้างหลังพิศ พิศสงสัย เหลือบมองไปข้างหลัง จึงเห็นว่าที่ท่านชายทัดมองอยู่คือเยื้อน บ่าวที่ถือถาดของว่างขึ้นมาเสิร์ฟบนเรือนนั่นเอง เยื้อนเองพอรู้ตัวว่าท่านชายทัดมองมาก็ก้มหน้าเอียงอาย พิศไม่พอใจอย่างแรง แต่สะกดกลั้นอารมณ์ไว้อย่างเต็มที่
“หม่อมลองชิมของว่างหน่อยนะเจ้าคะ”
หม่อมจรัสกับชายทัดชิมของว่างที่พิศเลื่อนมาให้
พระยาสมานเอ่ยขึ้น “แม่พิศลงครัวทำด้วยตัวเองเลยนะขอรับหม่อม”
หม่อมจรัสยิ้มแย้ม “แหม อร่อย..ฝีมือแม่พิศนี่ชั้นเลิศเลย ท่านเจ้าคุณสมานนี่โชคดีจริง..มีลูกสาวที่ทั้งสวย ทั้งเป็นแม่ศรีเรือน ใครได้เป็นสะใภ้..ก็โชคดีไปด้วย”
หม่อมจรัสกับพระยาสมานยิ้มให้แก่กันอย่างเข้าใจ ในขณะที่ท่านชายทัดกลับมองอยู่แต่เยื้อนตลอด ไม่ได้มองพิศเลย พิศมองท่านชายทัดในใจคุกรุ่น ขัดเคืองยิ่งนัก

ตกกลางคืน พิศพาตัวเองมาอยู่ที่หน้าเรือนเยื้อน เยื้อนถูกพิศตบหน้าอย่างแรงจนล้มลงไปกองกับพื้น พิศตามเข้าไปจ้องหน้าเยื้อน สีหน้าชิงชัง
“เป็นแค่ขี้ข้า อย่าริเผยอ! อย่ายุ่งกับผู้ชายของข้า เป็นขี้ข้าก็อยู่ส่วนขี้ข้าไป ได้ยินไหม”
แล้วพิศก็ถ่มน้ำลายรดหัวเยื้อนปื้ด! เยื้อนได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้าโต้ตอบอะไร แล้วพิศก็จะเดินห่างออกมา นางด้วงเดินตามหลัง แต่แล้วพิศที่กำลังจะเดินออกประตูเรือนไปก็หันไปเห็นอะไรบางอย่าง
พิศเห็นตะเกียงที่จุดไฟอยู่แล้ว วางอยู่ใกล้ประตูทางออก พิศยิ้มร้ายออกมา แล้วคว้าตะเกียงในเรือนแล้วแกล้งปาให้ตกแตกใกล้ๆ ตัวเยื้อน
นางด้วงหัวเราะเป็นลูกคู่ เยื้อนเอามือปิดหัวด้วยความกลัวพลางร้องไห้ ไม่กล้าทำอะไร
พริบตานั้นน้ำมันในตะเกียงค่อยๆ ลามไปติดที่ชายผ้านุ่งของเยื้อน
เยื้อนร้องเอะอะ สะบัดตัวเร่าๆ หนีไฟ
นางด้วง ร้องบอก “คุณพิศเจ้าคะ..ไฟ..ไฟ”
พิศหันมาดู เห็นไฟลามติดขึ้นตัวเยื้อนแล้ว เยื้อนร้องกรี๊ด
แวบหนึ่งนั้นพิศมีสีหน้าตกใจจริงๆ แต่แล้วก็ทำหน้าว่าไม่สนใจ นางด้วงทำหน้าหวาดกลัว รู้สึกว่าเรื่องราวบานปลายเกินกว่าเหตุ แต่พอเห็นพิศไม่สนใจก็เลยไม่กล้าเข้าไปช่วยเยื้อน แล้วแม่ของเยื้อนก็วิ่งเข้ามา
“ว๊ายๆๆ” รีบเข้ามาเอาผ้าตะปบที่ตัวลูกเพื่อดับไฟ เป็นภาพที่โกลาหลมาก
นางด้วง พยายามบอกพิศ “คุณพิศเจ้าคะ..นางเยื้อนมัน...”
แต่พิศกลับมีสีหน้าเฉยเมย รู้ว่ายังไงเสียนางเยื้อนก็ไม่ตายเพราะมีคนมาช่วยแล้ว
“ฮึ สมน้ำหน้ามัน แค่นี้..มันไม่ตายหรอก แม่มันมาช่วยแล้วนี่”

พูดจบพิศก็เดินออกจากเรือนเยื้อนอย่างเยือกเย็น โดยมีนางด้วงตามออกมาด้วย ส่วนเยื้อนยังดิ้นๆๆๆ หนีไฟพลางร้องกรี๊ดๆๆ อยู่ โดยมีแม่ช่วยตะปบดับไฟเป็นที่โกลาหล

ความเป็นคนใจคอโหดเหี้ยมเยี่ยงนี้ของพิศ บ่าวไร่ในเรือนต่างรับรู้เป็นอย่างดี
เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้ว พิศเดินขึ้นเรือนมา มีนางด้วงเดินตามหลัง พระยาสมานนั่งอยู่บนเรือนแล้ว มีบ่าวสาวคนหนึ่งกำลังบีบนวดให้อยู่ พอนางด้วงเห็นก็ถลึงตาใส่ บ่าวสาวคนนั้นหลบตานางด้วง พอพระยาสมานเห็นพิศก็ทัก

“ลูกพิศ ทำไมต้องไปทำอีเยื้อนมันถึงขนาดนั้นด้วยลูก เห็นไอ้เพียรมันมารายงานว่า..นังเยื้อนมันถึงกับเสียโฉมไปเลย”
นางด้วง บ่นงึมงำ “ไอ้เพียรนี่สาระแนจริง”
“ก็อีเยื้อนมันอยากเล่นหูเล่นตากับท่านชายทัดทำไมเล่าคะ ท่านชายทัดนั่นก็เหลือเกิน เห็นทาสสาวๆ ก็มองหูตาวาว ใฝ่ต่ำที่สุด”
พระยาสมานสันหลังหวะ พูดเสียงอ่อยๆ “แต่เรื่องแบบนี้..มันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย”
“แต่มันไม่ธรรมดาสำหรับพิศค่ะ เพราะฉะนั้นพิศจะไม่ไปพบหน้าท่านชายทัดอีก เจ้าคุณพ่อก็เองก็ไม่ควรทำตัวอย่างท่านชายทัด คลำไม่เจอหางก็ฟาดหมด พิศรู้สึกสะอิดสะเอียนผู้ชายอย่างนี้จริงๆ คนที่พิศจะแต่งงานด้วย...จะต้องคู่ควรกับพิศเท่านั้นค่ะเจ้าคุณพ่อ”
พระยาสมานหน้าเจื่อนไป พิศเชิดหน้าอย่างหยิ่งทะนง ถือดีในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง

เวลาเดียวกันฉัตรค่อยๆ ปรือตาขึ้น เขาเริ่มเห็นภาพเบลอๆ แล้วค่อยๆ ชัดขึ้น และเห็นบัวที่กำลังก้มลงมองดูฉัตรอย่างเป็นห่วง
ฉัตรพยายามจะลุกขึ้นแต่แล้วก็ต้องร้องออกมาเพราะเจ็บแผลที่ไหล่
“อย่าเพิ่งขยับตัวเร็วนักจ้ะ แผลยังไม่สมานดี” บัวเอื้อนเอ่ย
“ที่นี่ที่ไหนน่ะ”
“บ้านฉันเองจ้ะ”
ฉัตรมองดูแผลที่มียาพอกอยู่ บัวรีบอธิบาย
“ฉันพอกยาไว้ให้แล้ว โชคดีที่แผลไม่ลึกมากนัก แต่ก็คงต้องใช้เวลาหน่อยจ้ะกว่าแผลจะสมานสนิทดี...”
“ขอบใจเจ้านะ”
ทั้งคู่สบตากัน ต่างตกอยู่ในภวังค์ แล้วนายชดก็เข้ามา ทำให้ทั้งคู่รู้สึกตัว
“รู้ตัวแล้วรึ เพราะท่านช่วยข้ากับลูกแท้ๆ ถึงต้องเจ็บตัวอย่างนี้ ข้าชื่อชด ลูกข้าชื่อบัว ท่านล่ะ ชื่ออะไรรึ” นายชดถาม
“ฉันชื่อฉัตร บังเอิญมาธุระแถวนี้น่ะ แล้วได้ยินเสียงร้อง ของแม่บัวเข้า เสียใจนะที่ไม่อาจรักษาอัฐของพวกเจ้าไว้ได้”
บัวหน้าสลดลง นายชดถอนใจใหญ่
“เอาเถิด ชีวิตสำคัญกว่า และที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตข้า..ก็คือชีวิตลูก ถ้ายังไงเราสองคนก็เป็นหนี้บุญคุณท่าน ถ้าไม่ได้ท่านช่วยไว้ ป่านนี้เราสองคนพ่อลูกคงตายไปแล้ว”

ว่าแล้วนายชดก็ยกมือไหว้ฉัตรแล้วก้มกราบ บัวรีบกราบด้วย ฉัตรตกใจที่ผู้ใหญ่มากราบไหว้ตน รีบขยับจะรับไหว้ แล้วก็ต้องหน้าเหยเกอีกครั้งเพราะเจ็บแผล
“อย่าเพิ่งขยับตัวมากเลย หิวหรือยังล่ะ” นายชดยกสำรับมาให้
ฉัตรเหลียวหานายสน “นายสนล่ะ คนที่มากับฉันน่ะ”
“กำลังกินข้าวอยู่ข้างล่างโน่นแน่ะ” นายชดบอกกับบัว “เอ็งดูแลท่านกินข้าวนะบัว พ่อจะลงไปดูคนข้างล่าง” แล้วเดินลงเรือนไป
บัวจัดแจงยกสำรับมาใกล้ ฉัตรรับจานข้าวมากินอย่างไม่ถนัดเพราะเจ็บแผล บัวคอยดูแล ฉัตรมองบัวอย่างพิจารณา พลางถาม
“เจ้าไม่กลัวรึ ถึงได้กล้าช่วยฉันสู้กับโจรอย่างนั้นน่ะ”
“กลัวจ้ะ แต่กลัวว่ามันจะทำร้ายท่านมากกว่า” บัวว่า
ฉัตรซาบซึ้งใจในตัวบัวมากขึ้น

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 1 วันที่ 26 ธ.ค. 55

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ิัที่มา manager