อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 3 วันที่ 1 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 3 วันที่ 1 ม.ค. 56

ส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจ “นังด้วงเอ๊ย ! ทำอย่างกับเอ็งไม่รู้จักท่านเจ้าคุณของเอ็งดีอย่างนั้นแหละ ผู้ชายอย่างท่านเจ้าคุณ มักมากในกามไม่มีวันหมด ถึงเกิดเป็นลูกทาสในเรือนเบี้ยไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้ว”
นายเพียร หน้าตึงขึ้นมาทันที
นางแดง พูดต่อ “ถึงไม่มีนังบัว ท่านเจ้าคุณก็ต้องไปหาเศษหาเลยกับอีทาสคนอื่นๆ อยู่ดี ข้าจะเตือนเอ็งไว้นะนังด้วง ถ้าเอ็งไม่หยุดอิจฉาริษยาคนอื่น สักวันเอ็งจะต้องเสียใจ”
นางด้วงแค้นใจที่แม่ไม่เข้าข้างตนเอง เดินสะบัดตูดออกไป นางแดงถอนใจอย่างระอาใจ
ลูกสาวตัวเอง

ระหว่างนั้นบัวเริ่มได้สติ ปรือตามองไปรอบๆ พอรู้ตัวว่าอยู่ที่ไหนและเกิดอะไรขึ้น บัวก็น้ำตาไหลพราก
“ข้าไม่ได้โกหกจริงๆ นะน้อย ข้าจะโกหกทำไม”
“ข้ารู้ ใครๆ ก็รู้” น้อยหันไปมองบ่าวคนอื่นๆ
ทุกคนพยักหน้าหงึกๆ ต่างเห็นด้วยว่าเรื่องจริงคืออะไร
“แต่เกิดเป็นทาสเขา จะทำอะไรได้..นอกจากก้มหน้ารับกรรมกันไป”



น้อยสะท้อนใจ ส่วนบัวน้ำตาไหลพรากด้วยความแค้นใจ
ขณะเดียวกัน สองพี่น้องอยู่ที่กระทรวง กำลังเดินคุยกันมา

“กระผมเกรงว่า ยิ่งพี่ฉัตรชวนคุณพิศเธอไปไหว้พระอย่างนี้ คุณพิศเธอจะยิ่งเข้าใจผิดคิดไปว่าพี่มีใจให้กับเธอนะขอรับ” ฉายเป็นกังวลแทนพี่ชาย
“ก็จะทำยังไงได้ล่ะฉาย ถ้าไม่ทำอย่างนี้ เห็นทีพี่จะไม่มีโอกาสได้พบหน้าแม่บัวน่ะสิ”
ฉายพยักหน้าเข้าใจ “ถ้าเช่นนั้น...ขอกระผมไปไหว้พระกับพี่ฉัตรด้วยนะขอรับ กระผมอยากเห็นหน้าแม่บัว...คนที่ทำให้พี่ฉัตรถึงกับเพ้อหาคนนี้สักครั้ง”
ฉัตรพยักหน้าอนุญาต ฉายยิ้มดีใจ

เช้าวันต่อมา ที่เรือนทาส ภายในเรือนพระยาสมาน ขณะที่บัวนอนครางฮือๆ เบาๆ ไม่ได้สติ เพราะเป็นไข้จากการถูกเฆี่ยน จู่ๆ นางด้วงยื่นหน้าเข้ามาดูแล้วเข้าไปดึงตัวบัวขึ้นจากที่นอน
“เอ้า! ลุก ลุกได้แล้วนังบัว อย่ามามัวสำออย คุณพิศสั่งให้เอ็งไปไหว้พระที่วัดด้วยกัน” นางด้วงลากบัวโดยไม่ปราณีปราศรัย
น้อยเดินเข้ามาเห็นพอดีก็ทักท้วง
“เอ๊ พี่ด้วงก็เห็นอยู่แล้วว่าบัวมันเป็นไข้ ไม่สบาย ยังจะลากมันไปอีก”
นางด้วง แหวใส่ “ก็คุณพิศสั่ง”
น้อยนิ่งคิด ก่อนจะถามออกไป “คุณพิศเธอจะไปไหว้พระกับคุณฉัตร ลูกชายท่านเจ้าคุณโกสินทร์ใช่มั้ย”
“ใช่สิ เขาเป็นคู่ตุนาหงันกันนี่” นางด้วงว่า
น้อยคิดแผนอะไรบางอย่างได้ “บัวมันไปไม่ไหวหรอกพี่ด้วง ถ้าคุณพิศจะเอาบ่าวไปไว้ใช้งานที่วัด ให้ข้าไปแทนนังบัวมันก็แล้วกัน”
นางด้วงมองสภาพบัวสลับกับมองหน้าน้อยแล้วนิ่งคิด

ไม่นานหลังจากนั้น ฉัตร ฉาย นายสน และบ่าวอื่นๆ มายืนคอยขบวนของพิศอยู่แล้วที่บริเวณหน้าวัดแห่งหนึ่ง สักครู่พอเห็นขบวนของพิศเดินมาแต่ไกล ฉายก็รีบกระซิบถามฉัตรทันที
“คนไหนขอรับ..แม่บัว”
ฉัตรสอดส่องสายตามองหาบัวในขบวนบ่าว แต่ไม่เห็น จึงหน้าเสียไป ฉายพยายามมองหาบัวบ้าง แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นน้อยเดินอยู่ในขบวนบ่าวของพิศด้วย

ฉายตาโต “เอ๊ะ นั่น”
ฉัตรหันมามองฉาย
“มีอะไรรึฉาย”
ฉายส่ายหน้า ยังไม่ตอบ พอดีขบวนของพิศมาถึง พิศไหว้ฉัตรและฉาย
“พิศมาช้ารึเปล่าคะนี่”
“เปล่า พวกฉันมาเร็วกว่าที่นัดหมายกันน่ะคุณพิศ” ฉัตรว่า
“พิศไม่นึกว่าคุณฉายจะมาไหว้พระด้วย แล้วทำไมคุณฉายไม่พาคุณแอนนามาไหว้พระด้วยกันล่ะคะ”
ฉายหน้านิ่งพยายามสะกดอารมณ์ ที่มีบาดหมางกับแอนนาไว้ “แอนนาเขาไม่ค่อยอยากมาเดินกลางแจ้ง เขาร้อน”
“โถ...เคยอยู่แต่เมืองหนาวมาตลอดชีวิตนี่คะ คงอีกสักพักล่ะค่ะ เธอถึงจะปรับตัวได้”
ฉายพึมพำกับตัวเอง “หรือไม่ได้เลย”
พิศได้ยินไม่ชัด “คุณฉายว่าอะไรนะคะ”
ฉัตรรีบตัดบท “เราเข้าไปไหว้พระข้างในกันเสียทีดีมั้ยคุณพิศ”
“ค่ะๆ”
ฉัตรเดินนำพิศเข้าไปภายในวัด น้อยมองอยู่จึงตามขบวนเข้าไปในวัดด้วย

ไม่นานต่อมาพิศกำลังก้มลงกราบพระสงฆ์ ๒ รูป ที่นั่งอยู่เบื้องหน้า พร้อมๆ กับฉัตรอยู่ภายในโบสถ์ ดูเผินๆ เหมือนคู่รัก แล้วทั้งหมดก็พนมมือฟังพระสวดอย่างตั้งใจ
พิศแอบชำเลืองมองฉัตรอย่างปลาบปลื้ม และมีความสุขมากที่ได้มาไหว้พระกับเขาในวันนี้
ฉายเห็นคนกำลังตั้งใจฟังพระสวด จึงค่อยๆ คลานเข่าออกไปจากโบสถ์ ระหว่างทางออก ฉายหันไปมองที่น้อย น้อยเงยหน้าขึ้นมามองพอดี ฉายรีบให้สัญญาณว่าให้น้อยออกไปข้างนอก

น้อยยกมือไหว้พระ แล้วค่อยๆ คลานเข่าตามฉายออกไป โดยไม่ทันมีใครสังเกตเห็น
สองคนอยู่ข้างๆ โบสถ์ในมุมลับตา น้อยมองฉายอย่างแปลกใจ

“บ่าวไม่นึกว่าคุณฉายจะมาไหว้พระด้วยเจ้าค่ะ”
“ฉันอยากมาเห็นหน้าแม่บัวน่ะ”
น้อยแปลกใจนัก “อยากเห็นหน้านังบัวทำไมหรือเจ้าคะ”

“ก็ฉันเห็นพี่ฉัตรออกจะลุ่มหลงแม่บัวมากอยู่”
น้อยประชด กระเง้ากระงอด งอนแทนบัว “ฮึ..บ่าวเห็นแต่ว่าคุณฉัตร เทียวไปเทียวมาหาคุณพิศอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จะมาลุ่มหลงอะไร นังบัวกันล่ะเจ้าคะ”
ฉายขำน้อยๆ “นี่หล่อนงอนแทนแม่บัวรึ”
น้อยเถียง “ก็มันจริง”
ฉายตัดสินใจบอกความจริง “เอ้า..ฉันจะบอกความจริงให้ หากพี่ฉัตรไม่เทียวไปมาหาสู่กับคุณพิศ แล้วพี่ฉัตรจะหาโอกาสพบแม่บัวได้อย่างไรเล่า”
น้อยทำหน้าร้องอ๋อ...เออจริง
“ว่าแต่..ทำไมวันนี้แม่บัวไม่ได้ตามมารับใช้คุณพิศด้วยล่ะน้อย”
น้อยถอนใจทำหน้าซังกะตาย

ทางด้านพระยาสมานยืนรอนายเพียรอยู่อย่างใจจดใจจ่อ สักครู่นายเพียรเดินมานั่งคุกเข่า
“ท่านเจ้าคุณมีอะไรจะใช้กระผมรึขอรับ”
พระยาสมานกวักมือเรียกเพียรให้เข้ามาใกล้ๆ
“เข้ามานั่งใกล้ๆ ข้านี่สิ”
นายเพียรสีหน้าดีใจขึ้นมาทันที เข้าใจว่าท่านเจ้าคุณผู้เป็นบิดาเมตตามันมากกว่าวันอื่นๆเพราะมันเฆี่ยนบัวตามคำสั่งทุกอย่าง
“ตกลงนังบัวมันเป็นยังไงมั่งวะไอ้เพียร”
“นังบัวมันเป็นไข้สูงอยู่ขอรับ แต่ไม่ต้องห่วงขอรับ เพราะตอนนี้แม่ของกระผมคอยดูแลมันอยู่ เพราะนังน้อยมันตามคุณพิศไปไหว้พระขอรับท่านเจ้าคุณพ่..เอ้อ...” นายเพียรจะพูดคำว่า “พ่อ” แต่ไม่กล้า
แต่แล้วพระยาสมานกลับโวยวาย “ก็เอ็งเฆี่ยนมันไม่ยั้งมือเลยนี่หว่าไอ้เพียร เฆี่ยนเสียจนหลังนังบัวมันแตกยับขนาดนั้น..กว่าจะหายก็คงอีกนานเลยนี่”
นายเพียรหน้าเหวอเมื่อพระยาสมานโยนความผิดมาให้ตนหน้าตาเฉย
“ก็ท่านเจ้าคุณสั่งให้กระผมเฆี่ยนมันจนกว่าจะสารภาพนี่ขอรับ สิ่งใดที่ท่านเจ้าคุณสั่ง กระผมก็ทำตามคำสั่งจนสุดกำลังน่ะขอรับ” นายเพียรประจบเอาใจ
พระยาสมานเหลียวซ้ายแลขวากลัวมีใครมาได้ยิน ก่อนจะพูดกับลูกชายที่เกิดแต่บ่าวในเรือน
“แต่เอ็งก็รู้ว่านังบัวมันก็ไม่ได้โกหกจริงๆ”

นายเพียรนิ่งไป รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่พูด
พระยาสมานกำชับ “แล้วเอ็งก็อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เป็นอันขาดเชียวนะ โดยเฉพาะลูกพิศ”
“ขอรับท่านเจ้าคุณ...” เพียรลดเสียงพูดเบาๆ “...พ่อ”
พระยาสมานได้ยินไม่ชัด “เอ็งว่าอะไรนะ”
“เอ้อ..กระผมไม่ได้ว่าอะไรขอรับ”
พระยาสมานเลิกสนใจ ล้วงหยิบเศษเงินเล็กๆ น้อยมาโยนลงพื้น ไม่ส่งให้กับมือนายเพียร
“เอ้า..ค่าปิดปากเอ็ง ปิดให้สนิทเชียวนะมึง แล้วเอ็งจะได้อยู่เรือนนี้อย่างมีความสุขต่อไป”
พอพูดจบก็เดินลุกหนีไปเลย
นายเพียรมองดูเศษเงินที่พระยาสมานโยนให้ไว้ ด้วยแววตาเจ็บปวด มองเศษเงินที่ตกอยู่ที่พื้นกระจัดกระจายอยู่อย่างนั้น เหลียวไปมองทางที่พระยาสมานเดินไป แล้วก้มเก็บเงินนั้นเงียบๆ เจ็บปวดที่พระยาสมานไม่เคยเห็นหัวว่าตนเป็นลูกเลย

ในเวลาเดียวกัน ที่เรือนพระยาโกสินทร์ ฉัตรมีสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก
“อะไรนะฉาย! แม่บัวถูกเฆี่ยนจนเป็นไข้”
“ขอรับ พอดีแม่น้อยพอมีความรู้เรื่องยาสมุนไพรบ้าง ก็เลยผสมยาพอกยากินให้แม่บัวอยู่ขอรับ”
ฉัตรแปลกใจนัก “ที่เรือนนั้นมีเรื่องอะไรกัน ถึงกับต้องเฆี่ยนต้องโบยแม่บัวกันจนเป็นไข้” แล้วพาลหัวเสีย “ท่านเจ้าคุณสมานนี่ป่าเถื่อนจริงๆ”
“อาจจะเป็นเรื่องที่ป่าเถื่อนจริง แต่ทุกเรือนที่มีทาสก็ย่อมเคยเฆี่ยนตี ทำโทษทาสกันทั้งนั้น” ฉายว่า
“แต่เรือนเราไม่เคย” ฉัตรท้วง
“เพราะเจ้าคุณพ่อไม่นิยมที่จะทำโทษทาสไงขอรับพี่ฉัตร แต่บ้านอื่น เรือนอื่น เขาไม่ได้คิดอย่างเจ้าคุณพ่อของเราทุกคน”
ฉัตรใจหายพูดอย่างมุ่งมั่น “พี่จะต้องไปพบหน้าแม่บัวให้ได้”
“แล้วพี่จะบอกกับคุณพิศเธอว่าอย่างไรรึขอรับ หากพี่ฉัตรจะไปขอพบทาสขัดดอกของเธอ ไม่ได้ไปพบเธอ กระผมเกรงว่ามันจะทำให้เจ้าคุณสมานกับเจ้าคุณพ่อของเราหมางใจกันได้นะขอรับ”
ระหว่างนั้น บังเอิญพระยาโกสินทร์เดินเข้ามาได้ยินพอดี
“พ่อกับท่านเจ้าคุณสมานจะหมางใจกันเรื่องอะไรรึ”
ฉัตรนิ่ง พยายามคิดหาคำตอบ

พระยาโกสินทร์นึกเดาเอาเอง “อย่าบอกนะว่า..ที่เจ้าไปไหว้พระเมื่อเช้ากับแม่พิศ แล้วมีเรื่องอะไรขัดใจกันน่ะ”
“ไม่มีขอรับ ไม่มี” ฉัตรรีบบอก
พระยาโกสินทร์ยิ้ม “ไม่มีก็ดีแล้ว พ่อไม่อยากให้เจ้ากับแม่พิศขัดใจอะไรกัน เพราะนี่พ่อก็กำลังคิดว่าจะหาเวลาไปพบหม่อมจรัส จะขอให้ท่านเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเรา เจ้าคิดว่ายังไงล่ะฉัตร”
ฉัตรบ่ายเบี่ยง “แต่..เอ้อ..กระผมเพิ่งรู้จักกับแม่พิศได้เพียงไม่นาน”
“โฮ้ย! แม่พิศนี่แหละเหมาะสมกับเจ้าที่สุด แต่งกันไป อยู่กันไป มันก็รักกันไปเองนั่นแหละ ถ้าเจ้าไม่ได้รักได้ชอบกับหญิงอื่นที่ดีไปกว่าแม่พิศ เจ้าก็ต้องแต่งกับแม่พิศเท่านั้น”

ท่านเจ้าคุณพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังนัก สีหน้าฉัตรยามนั้นดูออกว่าหนักใจเหลือแสน
บัวเพิ่งฟื้นไข้ พยายามจะลุกขึ้นนั่ง น้อยกลับมาถึงพอดีรีบเข้าไปช่วยประคองบัว

“เป็นไงมั่งบัว ค่อยยังชั่วมั้ย”
“เจ็บที่ตัวยังไม่เท่าเจ็บที่หัวใจหรอกน้อย คำพูดของทาสอย่างข้า ไม่มีใครเชื่อถือจนต้องเจ็บตัวอย่างนี้ ใครนะเคยพูดว่า..คนเราเกิดมามีความเป็นคนเท่าเทียมกัน มันไม่จริงเลย ทาสอย่างเรา..ไม่มีใครเห็นค่าความเป็นหรอก จริงมั้ยน้อย” บัวบ่นอย่างน้อยใจ
“ไม่จริงหรอกบัว อย่างน้อย..ก็มีลูกชายท่านเจ้าคุณโกสินทร์นั่นละ ที่เห็นค่าความเป็นคนของทาสอย่างเรา บัว...วันนี้ข้าได้พบคุณฉัตรด้วย”
บัวสะท้อนใจ จนน้ำตาปริ่ม “พูดถึงเขาทำไม เขาอยู่ที่สูง ข้าอยู่ที่ต่ำ คุณฉัตรเหมาะสมกับคุณพิศแล้วละ”
“แต่เขาชอบเอ็งนะบัว ไม่ได้ชอบคุณพิศ” น้อยบอกท่าทีจริงจังมาก
บัวหันมามองน้อย อาการงงๆ
น้อยอธิบายต่อ “คุณฉายบอกข้าว่า..ที่คุณฉัตรต้องเทียวไปมาหาสู่คุณพิศ..ก็เพื่อจะได้มาพบหน้าเอ็ง วันนี้ที่เขาชวนคุณพิศไปไหว้พระ เขาก็คิดว่าเอ็งจะได้ร่วมขบวนไปกับคุณพิศเธอด้วย พอเขาไม่เห็นเอ็ง สีหน้าสีตาหมองเศร้าไปเลย”
บัวร้องถามหน้าตาตื่น “จริงเรอะน้อย”
“จริงสิ ข้าจะโกหกเอ็งทำไม แล้วนี่ข้าบอกคุณฉาย..ให้ไปบอกคุณฉัตรแล้วด้วยว่า..เอ็งน่ะถูกเฆี่ยนจนซมไข้ คอยดูเถิด..คุณฉัตรต้องนั่งไม่ติดแน่ “

ขณะเดียวกันที่บนเรือนใหญ่ พระยาสมานกำลังกระเซ้าถามบุตรี อย่างอารมณ์ดี
“กลับมาจากไปไหว้พระกับพ่อฉัตร ดูหน้าตาลูกพิศผ่องใสจริง”
“เห็นทีเรือนเราจะมีงานมงคลเร็วๆ นี้แล้วล่ะมั้งเจ้าคะ...ท่านเจ้าคุณ” นางด้วงสาระแน
พิศยิ้ม มั่นใจในตัวเองมาก ระหว่างนั้นมีบ่าวเดินขึ้นเรือนมาท่าทางรีบร้อนขณะนั่งลงรายงาน
“มีคนจากเรือนท่านเจ้าคุณโกสินทร์มาขอพบเจ้าค่ะ”
พิศหน้าตาตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“ต๊าย เพิ่งจะไปไหว้พระด้วยกันมายังไม่ทันจะข้ามวันเลย..ก็ส่งคนมาหาถึงเรือน สงสัยจะส่งของกำนัลตามมานะเจ้าคะ” นางด้วงสอพลอตามนิสัย
พระยาสมานยิ้มชอบใจ ในขณะที่พิศยิ้มดีใจ นายสนเดินขึ้นเรือนมาแล้วทรุดตัวลงนั่งไหว้
“กระผมชื่อสน เป็นบ่าวเรือนท่านเจ้าคุณโกสินทร์ขอรับ”
“มีอะไรรึ” พระยาสมานถาม
“บ่าวเก่าแก่ที่เรือนของกระผมเกิดล้มป่วยลง แต่คุณฉัตรจะให้ไปรับหมอฝรั่งมาดูอาการบ่าวผู้นั้นก็ไม่ยอม จะหาแต่หมอสมุนไพรตามความเชื่อดั้งเดิมท่าเดียว พอดีคุณฉัตรรู้ว่าที่เรือนนี้มีบ่าวชื่อน้อยที่มีความรู้เรื่องยาสมุนไพรอยู่บ้าง จึงอยากจะขอยืมตัวบ่าวที่ชื่อน้อยให้ไปช่วยดูอาการคนป่วยที่เรือนโน้นสักหน่อยขอรับ” สนว่าเป็นคุ้งเป็นแคว
พิศกับพระยาสมานมองหน้ากันอย่างงงๆ

ครู่ต่อมาน้อยกำลังนั่งฟังคำสั่งจากพิศอยู่ด้วยสีหน้างงๆ
“อีน้อย! เอ็งมียาสมุนไพรเท่าไหร่เอาไปให้หมดนะ อย่าให้ขาดแม้แต่อย่างเดียว เอ็งต้องทำให้คนป่วยที่เรือนหายให้ได้ ถ้าเขาไม่หาย ข้าจะลงโทษเอ็ง”
“เจ้าค่ะๆ” น้อยรับคำ
“ไอ้เพียร เอ็งไปกับนังน้อยด้วย”
“ขอรับ” นายเพียรรับคำ

ขณะเดียวกันบัวนั่งมองดูน้อยเอาสมุนไพรประดามี ที่น้อยเอาใส่ลงในห่อผ้าอย่างขนานใหญ่
“ไม่ต้องห่วงนะบัว ข้าจะไปหาทางบอกคุณฉัตรเรื่องเอ็งด้วยตัวเอง จะดูทีสิว่า..เขาจะว่าอย่างไร”
“โธ่..อย่าเลยน้อย บอกเขาไปก็ไม่เห็นได้ประโยชน์อะไร เขาเป็นถึงนายทหาร ส่วนข้า..มันก็แค่ทาสขัดดอก โชคชะตาฟ้ากำหนดมาให้เป็นเช่นนี้แล้ว ข้าไม่คิดหวังอะไรอีกแล้วละ” บัวว่า
น้อยขัดใจ “ไฮ้ ทำไมยอมแพ้อะไรง่ายๆ อย่างนี้เล่าบัว เกิดเป็นคนทั้งทีมันต้องมีความหวังในชีวิตสิ เอ็งน่ะเป็นเพียงทาสขัดดอก ไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยอย่างข้า ฉะนั้นวันหนึ่งเอ็งจะต้องได้เป็นไท”

บัวเลิกเถียง ได้แต่ถอนใจ
ไอ้เพียรเดินคุมตัวน้อย ที่ถือห่อผ้าใส่ยาสมุนไพรติดมือมาด้วย สองคนตรงมาที่เรือนพระยาโกสินทร์ท่าทางขึงขังมาก มีนายสนรั้งท้าย

“เอ้า..เดินเร็วๆ เข้าสินังน้อย เดินอ้อยสร้อยอย่างนี้ คนป่วยได้ตายกันพอดี” ไอ้เพียรดึงแขนน้อยให้เดินเร็วขึ้น
“ข้าก็เดินเร่งฝีเท้าอยู่นี่แหละ”
น้อยสะบัดแขนออกจากไอ้เพียรเต็มแรง จนทำให้ห่อผ้าที่ถือมาหล่นพื้น ไอ้เพียรก้มเก็บพลางถาม
“เอ็งเอาอะไรมาเยอะแยะเนี่ย”
น้อยกระชากห่อผ้าคืนมาจากไอ้เพียร “ก็สมุนไพรน่ะสิ ข้าไม่รู้ว่าคนป่วย..ป่วยด้วยโรคอะไร ข้าก็ต้องเอามาหมดทุกอย่างที่มีไว้ก่อนสิ เอ็งนี่โง่จริง”
ไอ้เพียรถลึงตามองน้อยอย่างโมโห แต่น้อยไม่สนใจเดินไป มีฉัตรกับฉายเดินออกมารับ
น้อยกับฉายสบตากัน ไอ้เพียรมองแล้วรู้สึกไม่ชอบใจ แต่ไม่แสดงอะไรออกมา
“ขอบใจจริงๆ ที่มานะแม่น้อย”
“ไม่เป็นไรมิได้เจ้าค่ะ คนป่วยอยู่ที่ไหนหรือเจ้าคะ”
“ข้างใน”
ฉัตรเดินนำน้อยตาม ไอ้เพียรตั้งท่าจะตามน้อย แต่ฉายเดินมาขวางหน้าไว้เสียก่อน ไอ้เพียรมองหน้าฉายเป็นเชิงถาม
“รออยู่ที่นี่เถอะ คนป่วยเป็นผู้หญิง เจ้าเข้าไปคงไม่เหมาะ”
ไอ้เพียรพยักหน้าเข้าใจ แต่ยังมองตามน้อยไป เพียรเห็นฉัตรเดินนำน้อยไปด้านหลังเรือน

ฉัตรเดินนำหน้าน้อยมาที่มุมหนึ่งในบ้าน แล้วหยุดเดินเอาดื้อๆ น้อยชะงักกึก แล้วมองฉัตรอย่างตกใจ แล้วมองไปรอบๆ
“คนป่วยอยู่ที่ไหนเล่าเจ้าคะคุณฉัตร”
“อยู่ที่เรือนเจ้านั่นแหละ”
น้อยหน้าเหวอ
“เรือนนี้ไม่มีคนป่วยหรอก”
น้อยหน้าเหวอหนักขึ้นไปอีก เบิ่งตาโตเป็นเชิงถาม ฉัตรบอกต่อ
“แม่บัวต่างหากคือคนป่วย ฉันรู้เรื่องที่แม่บัวถูกเฆี่ยนจนซมไข้จากฉายแล้ว ฉันเป็นห่วงแม่บัวมาก”
“อ้อ” น้อยถึงบางอ้อ
ฉัตรหยิบขวดยาออกมา ส่งให้น้อย “เอ้า..ฉันฝากยาฝรั่งนี่ให้แม่บัวหน่อย”
น้อยรับขวดยามาดูอย่างตื่นเต้น

ทางด้านฉายยืนคุมเชิงอยู่ไม่ให้ไอ้เพียรตามน้อยเข้าไปด้านในได้ ทันใดนั้นแอนนาก็เดินมา
แอนนาพูดเป็นภาษารัสเซีย “ฉาย..ไปดูไฟหัวเตียงให้แอนนาที มันเปิดไม่ติด”
ฉายทำหน้าขัดใจ แต่แล้วเดินไปที่ห้องกับแอนนา ไอ้เพียรมองตามไป พอเห็นฉายลับตัวไปแล้ว จึงหันไปมองทางที่น้อยเดินไป ไอ้เพียรตัดสินใจจะไปดูน้อย
ไอ้เพียรค่อยๆ เดินเข้ามาด้านใน มองสำรวจไปรอบๆ อย่างไม่คุ้นเคย แล้วเขม้นตามอง เห็นน้อยยืนดูอะไรบางอย่างในมือ ในขณะที่ฉัตรกำลังอธิบายการใช้ยาอยู่อย่างละเอียด แต่เพียรไม่ได้ยิน เลยขยับจะเดินเข้าไปแอบฟังด้วยความสงสัย แต่พอจะขยับก็ต้องชะงัก เมื่อสนโผล่มาขวางหน้าไว้
ไอ้เพียรตกใจร้อง “เฮ้ย”

ฉัตรกับน้อยได้ยินเสียงไอ้เพียรก็หันขวับมามอง พอเห็นเป็นไอ้เพียร น้อยก็รีบเอาขวดยายัดใส่ห่อผ้าอย่างรวดเร็ว

“เอ็งมาจากไหนนี่! ตกใจหมด” ไอ้เพียรถาม
นายสน ตอบหน้าเรียบเฉย “ทำไมเอ็งไม่รออยู่ด้านนอก”
“ก็ข้าเห็นนังน้อยมันหายเข้ามานาน เผื่อมันต้องการคนช่วย ข้าก็เลยว่าจะเข้ามาช่วยน่ะสิ”
“ไม่ต้อง” นายสนบอก
ฉายกระหืดกระหอบเข้ามา พอดีกับที่ฉัตรพาน้อยเข้ามาใกล้ แล้วสบตากับฉายเป็นเชิงรู้กันว่าเรียบร้อยแล้ว ไอ้เพียรมองหน้าน้อยอย่างสงสัย น้อยก้มหน้างุดไม่สบตาใครเลย
“เรียบร้อยไหมขอรับ” ไอ้เพียรถาม
ฉัตรพยักหน้า “แม่น้อยดูอาการคนป่วย และดูแลให้บ่าวที่เรือนนี้ปรุงยาสมุนไพรให้คนป่วยเรียบร้อยแล้ว ฝากขอบคุณท่านเจ้าคุณสมานกับคุณพิศด้วยนะ..ที่เอื้อเฟื้อให้ยืมตัวแม่น้อยมา”
“ไม่เป็นไรขอรับคุณฉัตร หากคุณฉัตรต้องการตัวนังน้อยมาช่วยปรุงยาสมุนไพรให้คนป่วยอีก ท่านเจ้าคุณกับคุณพิศก็คงจะยินดี คุณฉัตรให้คนไปบอกที่เรือนได้เลย แล้วกระผมก็จะพานังน้อยมาปรุงยาให้เองขอรับ”
“ขอบใจ” ฉัตรเอ่ย
“ถ้าเช่นนั้นกระผมลา...” ไอ้เพียรยกมือไหว้ฉัตรกับฉาย

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 3 วันที่ 1 ม.ค. 56

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ิัที่มา manager