อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 2 วันที่ 29 ธ.ค. 55

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 2 วันที่ 29 ธ.ค. 55

ไม่ต้องถาม รำคาญ”
บัวนิ่งเงียบ รีบก้มหน้าก้มตาเดินตามนางด้วงไป
ขณะที่สองขบวนเดินตีคู่กันไปยังเรือนพระยาโกสินทร์ นางด้วงพาบัวเดินย้อนมาท้ายขบวน แล้วนางด้วงก็ปล่อยให้ขบวนของคุณชื่นเดินไปจนพ้นหน้า เหลือแค่บ่าวที่เดินถือถาดรั้งท้าย แล้วจู่ๆ นางด้วงผลักบัวเต็มแรง
บัวตกใจร้อง “ว้าย”

แหละเพราะบัวไม่ทันรู้ตัว จึงเสียหลักถลาเข้าไปชนบ่าวในขบวนของคุณชื่นคนสุดท้ายเต็มแรง จนบ่าวผู้นั้นเซถลาเข้าไปหาบ่าวคนที่อยู่เดินก่อนหน้า บ่าวคนที่เดินอยู่ก่อนก็เสียหลัก ถลาไปหาบ่าวอีกคน บ่าวในขบวนคุณชื่นจึงล้มเหมือนโดมิโน ข้าวของสำหรับอาหารคาวหวานที่ขนเอามาหมายจะไปช่วยงานบ้านพระยาโกสินทร์ จึงหกกระจายเสียงดังเปรื่องปร่างไปทั่วบริเวณ



พอแผนสำเร็จนางด้วงรีบวิ่งกลับเข้าไปในขบวนของพิศตามเดิม ทิ้งบัวไว้อย่างหน้าตาเฉย พิศหันมาดูขบวนของชื่นที่ล้มระเนระนาดแล้วยิ้มชอบใจ กระซิบบอกนางด้วง
“เอ็งทำดีมากนังด้วง”
นังด้วงจอมสอพลอ ยิ้มปลื้มที่ได้รับคำชม แล้วชะงักเมื่อคุณชื่นถามเสียงดังขึ้นมา
“นี่มันอะไรกันเนี่ย” พลางชี้หน้าบัง “เอ็งเป็นใคร”
บัวตกใจจนพูดอะไรไม่ออก ชื่นตะคอกถามซ้ำ
“เอ็งเป็นบ่าวบ้านไหน”
บัวกลัวมาก “เอ่อ..บ่าว..เป็นบ่าวของคุณพิศเจ้าค่ะ”
ชื่นหันขวับไปมองพิศที่หัวขบวนทันที พิศทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เดินเข้ามา
“ตายจริง..นังบัว..ทำไมเอ็งซุ่มซ่ามอย่างนี้ ดูสิ..ทำสำรับกับข้าวบ้านนี้หกกระจายเสียหายไม่เหลือดีเลย”
“แต่...” บัวอึกอัก มองนางด้วง “พี่ด้วงผลักบ่าวนี่เจ้าคะ”
แต่นางด้วงกลับโบกไม้โบกมือทำท่าปฏิเสธพัลวัน พิศรับลูกนางด้วงทันที
“นังด้วงมันจะผลักเอ็งได้อย่างไรอีบัว ในเมื่อนางด้วงมันเดินอยู่ที่หัวขบวนโน่นกับข้า เอ็งผิดแล้วอย่าคิดโยนบาปให้ผู้อื่นสิ..” หันมาทางชื่น “นังนี่มันเพิ่งมาเป็นทาสขัดดอกที่เรือนของฉันได้ไม่กี่วัน มันก็เลยเซ่อซ่าซุ่มซ่ามอย่างนี้แหละ
“แต่บ่าวของหล่อนทำข้าวของ ของฉันเสียหายหมดอย่างนี้ หล่อนจะว่าอย่างไร” ชื่นพูดด้วยสุ้มเสียงเหมือนจะเอาเรื่อง
พิศทำท่าคิด ท่าทางยียวน “จะว่าอย่างไรรึ ? อืม..ในเมื่อบ่าวของฉันเป็นคนผิด ถ้าเช่นนั้นฉันก็ยกให้หล่อนเอาตัวมันไปลงโทษก็แล้วกัน จะเฆี่ยนจะตีมันให้ตายคาหวายอย่างไรก็แล้วแต่ใจเถิด ฉันยกให้”
พูดจบพิศก็เดินกลับเข้าขบวนแล้วเดินนำขบวนไปที่บ้านพระยาโกสินทร์ต่อไปโดยไม่สนใจบัวหรือชื่นอีก ชื่นมองตามพิศไปอย่างเคียดแค้น แต่ทำอะไรไม่ได้
บัวที่ยังนั่งอยู่กับพื้น น้ำตาปริ่ม รู้แล้วว่าถูกพิศและนางด้วงใช้เป็นเครื่องมือแกล้งชื่น และโยนความผิดให้ บัวได้แต่เจ็บใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งอัดอั้นน้ำตาปริ่มอยู่ตรงนั้นเอง

บนเรือนพระยาโกสินทร์ ฉัตรเดินเข้ามายืนกับพ่อที่กำลังรอรับแขกอยู่ พระยาโกสินทร์ถาม “ฉายล่ะ..ฉัตร”
“เมื่อกี้เห็นยังช่วยแอนนาแต่งตัวอยู่เลยขอรับเจ้าคุณพ่อ” ฉัตรตอบ
พระยาโกสินทร์ส่ายหน้า แล้วฉายก็พาแอนนาเข้ามา แอนนาใส่ชุดฝรั่งเต็มยศ
พระยาโกสินทร์กับฉัตรมองอย่างอึ้งๆ พอดีกับที่พระยาสมานมาถึงเสียก่อน
“นั่น..ท่านเจ้าคุณสมานมาแล้ว”
พระยาสมานกับพระยาโกสินทร์ทักทายกันอย่างกันเองด้วยคุ้นเคยกันอยู่แล้ว
“กระผมรีบมาแต่หัววัน เพราะลูกพิศของกระผมเอากับข้าวคาวหวานมาช่วยงานด้วยขอรับ”

ขบวนของพิศมาถึง พิศรีบไหว้พระยาโกสินทร์อย่างเรียบร้อย พระยาโกสินทร์มองดูกิริยาท่าทางของพิศอย่างพึงพอใจ
“ขอบใจนะหลาน”
“ค่ะ”
พระโกสินทร์แนะนำบุตรชายอย่างเป็นทางการ “ฉัตร ฉาย มารู้จักน้องไว้หน่อย นี่ลูกชายคนโตของลุง ชื่อฉัตร ส่วนคนเล็กนั่น ชื่อฉายจ้ะ”
พระยาสมานแทรกขึ้น “นี่..แม่พิศ”
พิศไหว้ฉัตรกับฉายอย่างเรียบร้อยแช่มช้อย แล้วเงยหน้ามองหน้าฉัตรเต็มตา แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน ฉัตรยิ้มตอบตามมารยาท
“จะให้พิศเอากับข้าวไปที่ไหนดีคะ”
พระยาโกสินทร์เอ่ยขึ้น “ฉายแน่ะ พาบ่าวไปครัวที ส่วนฉัตรก็พาแม่พิศกับท่านเจ้าคุณสมานเข้าไปในบ้านก่อนแน่ะ”
ฉัตรกับฉายรับพร้อมๆ กัน “ขอรับ”
จากนั้นฉัตรเดินพาพิศกับพระยาสมานไปที่บ้าน ส่วนฉายก็พาพวกบ่าวเดินไปหลังบ้านอีกทางหนึ่ง สักครู่บัวก็เดินเซ็งๆ เข้ามา แล้วเดินตามบ่าวบ้านตัวเองไปหลังบ้านด้วย

ฉัตรกับบัวจึงยังแคล้วคลาดไม่ได้เจอหน้ากันสักที
ส่วนบนเรือนพระยาโกสินทร์ยามนั้น ทุกคนยืนคุยกันอยู่ พระยาสมานเอ่ยขึ้นอย่างชื่นชม

“น่าปลื้มใจแทนท่านเจ้าคุณนะขอรับที่ลูกชายร่ำเรียนจนจบมาจากต่างประเทศอย่างนี้ทั้งสองคน บ้านเมืองเรากำลังต้องการคนหนุ่มไฟแรง ความรู้ดี มาช่วยพัฒนาบ้านเมืองตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าหลวงท่านได้ทรงวางรากฐานไว้อีกมากทีเดียว...เสียดายจริงที่กระผมมีแต่ลูกสาวกับเขาอยู่คนเดียว”
พระยาโกสินทร์พูดและยิ้มอย่างมีนัยบางอย่าง “แต่ผู้ชายน่ะ..จะก้าวไปข้างหน้า ทำงานรับใช้บ้านเมืองได้ดีก็ควรจะต้องมีผู้หญิงสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง..จริงมั้ยละขอรับท่านเจ้าคุณสมาน”
พระยาสมานรู้นัยกัน “จริงขอรับ”
พระยาโกสินทร์บอกฉัตร “ฉัตรพาน้องไปดูแผ่นเสียงที่เจ้าเอากลับมาจากรุสเซียสิ”
“ขอรับ” ฉัตรหันมาพูดเชื้อเชิญพิศ “เชิญ...”
พระยาโกสินทร์ และพระยาสมานมองตามฉัตรกับพิศไป สีหน้าปลาบปลื้มมาก
“แม่พิศ..ลูกสาวท่านเจ้าคุณนี่..งามเหมือนแม่จริงๆ”
“กระผมก็หวังว่า...แม่พิศจะมีบุญวาสนาได้คู่ครองที่ดีนะขอรับ กระผมก็จะได้หมดห่วง เพราะกระผมก็มีลูกกับเขาก็แม่พิศคนเดียวนี่ละขอรับ”
ระหว่างนั้นฉายกับแอนนาเดินผ่านไป เห็นสองคนนั่นเหมือนเดินเถียงอะไรกันอยู่ แต่พอเจอ
แขกผู้ใหญ่ ฉายก็ยิ้มทักทายตามมารยาท แล้วแนะนำแอนนา แต่แอนนาแค่พยักหน้ารับ แขกผู้ใหญ่ท่านนั้นที่เตรียมจะยกมือขึ้นรับไหว้ ก็เลยเก้อๆ ไป พระยาโกสินทร์มองแล้วถอนใจ

“กระผมก็อยากให้ลูกได้คู่ครองที่ดีเหมือนกัน เพราะหากว่าเลือกผิด ก็คงจะเป็นทุกข์ไปตลอดชีวิตทีเดียว”
พระยาสมานพยักหน้าเข้าใจ

ตรงโถงกลางบนเรือนขณะนั้น เห็นมือชายคนหนึ่งกำลังบรรจงวางเข็มเล่นแผ่นเสียง ลงบนจานแผ่นเสียงอย่างเบามือ เสียงเพลงค่อยๆ ดังขึ้น เป็นเพลงรัสเซียทำนองคึกคัก
ที่แท้เจ้าของมือนั้นคือฉัตร พิศยืนอยู่ข้างๆ ยืนมองแผ่นเสียงด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“เครื่องนั่นเขาเรียกว่าอะไรรึคะคุณฉัตร”
“บ้างก็เรียกว่าจานเสียง บ้างก็เรียกว่าแผ่นเสียง เพราะแผ่นที่เล่นเป็นเพลงมีลักษณะเป็นแผ่น คล้ายๆ จาน ที่รุสเซียโน่นมีใช้กันแพร่หลายทีเดียว”
“เพลงสนุกดีทีเดียวนะคะ”
พิศและแขกคนอื่นๆ ยืนฟังเสียงจากแผ่นเสียงกันอย่างเพลิดเพลิน

ขณะที่บัวกำลังล้างเนื้อล้างตัว ที่เปื้อนกับข้าวจากบ่าวในขบวนคุณชื่นตอนที่ชนกันล้มอยู่ที่หลังเรือนพระยาโกสินทร์ นั้น บัวได้ยินเสียงเพลงแปลกหูดังแว่วมาก็ชะงักฟัง แล้วชะเง้อมองขึ้นไปบนเรือน
บัวมองไปเห็นผู้คนยืนมุงดูอะไรบางอย่างกันอยู่ในระยะไกลๆ และร่างของฉัตรถูกบังจนมิด
บัวขยับตัวจะไปดู แต่ยังไม่ทันจะเดินไป นางด้วงก็จิกตัวไว้
“เอ้า..เร็วๆ เข้าสิยะนังบัว เป็นขี้ข้าเขา ก็ต้องทำงาน จะมัวมานั่งกะร่อยกะหริบอะไรอยู่ได้ยังไงยะ เร็วๆ”
บัวเช็ดตัวแล้วค่อยๆ เดินตามนางด้วงไปช่วยจัดสำรับกับข้าวขึ้นเสิร์ฟแขกบนเรือน
เพลงจากแผ่นเสียงจบลง คราวนี้ฉัตรเปลี่ยนเป็นเพลงช้า ฉายเดินเข้าไปพูดอะไรบางอย่างกับแอนนา แอนนาเดินออกจากห้องไป
พระยาโกสินทร์สงสัย “แอนนาไปไหนล่ะนั่น”
ฉายยิ้ม “ประเดี๋ยวเจ้าคุณพ่อก็ทราบขอรับ”
ครู่ต่อมาแอนนาเดินกลับเข้ามาใหม่พร้อมไวโอลิน เธอเล่นไวโอลินไปพร้อมๆ กับเพลงจากแผ่นเสียงที่ฉัตรเปิดอยู่ สักครู่เพลงจากแผ่นเสียงจบ
แอนนาเริ่มสีไวโอลินเพลงใหม่ แขกคนอื่นๆ ต่างมองดูแหม่มฝรั่งสีไวโอลินอย่างตื่นตาตื่นใจ

ขณะเดียวกันบัว นางด้วง และบ่าวเรือนพระยาสมานยังช่วยกันจัดสำรับอยู่ ระหว่างนั้นบ่าวเรือนพระยาโกสินทร์วิ่งเข้ามา

“ไปดูคุณแหม่มฝรั่งบนเรือนสีซอฝรั่งกันเร็ว” บ่าวคนนั้นบอกด้วยอาการเนื้อเต้น
นางด้วงและบ่าวคนอื่นๆ ตื่นเต้นตามยกใหญ่ แล้วพากันละงานในมือวิ่งไปที่เรือน บัวจะไปด้วย แต่นางด้วงสะกิดไว้
“เอ็งไม่ต้องไป เฝ้าสำรับอยู่ที่นี่แหละ ประเดี๋ยวแมวมาเอาไปกินหมด” พูดจบคำแล้วนางด้วงก็เดินออกไปกับบ่าวคนอื่น

บัวทำหน้าเซ็ง ไม่มีโอกาสเห็นอะไรกับใครเขาเลย
แอนนาสีไวโอลินด้วยลีลาอันสวยงามแปลกตา นางด้วงพาบ่าวคนอื่นๆ มาแอบดูอยู่ที่ประตู มีสีหน้าตื่นเต้น ครั้นพอเพลงจบ แขกเหรื่อตบมือให้แอนนากันอื้ออึง แอนนาโค้งรับเสียงตบมือในมาดอย่างฝรั่งจ๋า

พระยาสมานเดินเข้าไปหาพระยาโกสินทร์
“แหม่มสีซอฝรั่งได้ไพเราะจริง” พลางหันไปเครื่องเล่นมองแผ่นเสียง “จานเสียงนี่..ก็ช่างมหัศจรรย์เหลือใจ”
“ขอบพระคุณขอรับ” ฉัตรยิ้มแย้ม
“คุณฉัตรมีสิ่งอื่นที่นำติดตัวกลับมาจากประเทศรุสเซียอีกมั้ยคะ ขอพิศชมเป็นบุญตาหน่อยได้มั้ยคะ” พิศเอ่ยถามขึ้น

ฉัตรนิ่งคิด ฉายเข้ามา
“กล่องดนตรีไงขอรับพี่ฉัตร”
ฉัตรยิ้ม แล้วบอกกับพิศ “รอสักประเดี๋ยวนะคุณพิศ”
พิศเยื้อนยิ้ม “ค่ะ”
ฉัตรเดินไปหยิบกล่องดนตรี ๒ อันมา แล้วเอากลับมา ผู้คนเข้ามากลุ้มรุมดูด้วยความสนใจ
“ฝรั่งเรียกว่า “กล่องดนตรี” ขอรับ เวลาต้องการจะฟังเพลง ก็จะต้องไขลานตรงนี้ก่อน”
พลางฉัตรไขลานกล่องดนตรีโชว์แขก สักพักเสียงดนตรีก็ดังออกมา แขกทุกคนเงียบกริบ ตั้งใจฟังเสียงเพลงจากกล่องดนตรีกันใหญ่

เวลาเดียวกัน บัวนั่งเฝ้าสำรับกับข้าวอยู่คนเดียวอย่างเซ็งๆ แต่ครั้นพอได้ยินเสียงเพลงกรุ๋งกริ๋งจากกล่องดนตรีดังแว่วมาจากบนเรือนก็ตื่นเต้น ค่อยๆ ลุกเดินตามเสียงเพลงไป แต่ก็ยังห่วงสำรับกับข้าวอยู่เลยเหลียวกลับมามอง เมื่อเห็นว่าไม่มีแมวหรือตัวอะไรจะมาจกกับข้าวไป บัวก็เลยเดินไปทางเสียงเพลงอย่างเงียบๆ โดยเลี่ยงไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางเดียวกับนางด้วงอยู่

ที่ใต้ถุนเรือน ที่มีช่องมองจากนอกเรือนเข้าไปในเรือนได้ บัวมายืนแอบดูเข้าไปในเรือนอย่างเงียบๆ
บัวเห็นเหตุการณ์ในเรือนไม่ค่อยถนัดนัก แต่เห็นว่าผู้คนกำลังมุงดูอะไรสักอย่าง แล้วมีเสียงเพลงกรุ๋งกริ๋งดังแว่วมา
บัวนิ่งฟังเสียงนั้น ด้วยสีหน้าตื่นเต้น พยายามจะชะเง้อมองให้ชัดๆ

ส่วนบนเรือนผู้คนกำลังมุงดู และฟังเสียงเพลงจากกล่องดนตรีในมือฉัตรกันอย่างตื่นเต้นและเห็นเป็นของแปลก ฉัตรหยิบกล่องดนตรีอีกอันขึ้นมาลองไขอีก
“ส่วนกล่องดนตรีอันนี้ เมื่อไขลานแล้ว ก็จะได้เพลงที่ไม่เหมือนกับกล่องโน้นขอรับ” ฉัตรกล่าว
ทุกคนเงียบฟังเสียงจากกล่องดนตรีอันที่ ๒ ฉัตรส่งกล่องดนตรีให้พิศลองไขดูเอง พิศรับไปแล้วลองไขดู ด้วยสีหน้าตื่นเต้น ฉัตรมองแล้วยิ้มขำๆ แล้วตาก็มองเลยออกไปด้านนอกเรือน
จังหวะนั้นฉัตรเห็นเหมือนมีใครบางคนมาด้อมๆ มองๆ แอบดูอยู่ตรงช่องหน้าต่าง ฉัตรขมวดคิ้วสงสัย แล้วเลยค่อยๆ เดินเลี่ยงออกมาจากกลุ่มผู้คน แล้วเดินลงจากเรือนไปโดยที่ไม่มีใครทันสังเกต เพราะมัวแต่ตื่นเต้นอยู่กับกล่องดนตรีกัน

ทางด้านบัวยังคงพยายามจะชะเง้อมองจากช่องหน้าต่าง อยากจะรู้ว่าเสียงเพลงกรุ๋งกริ๋งนั้นดังมาจากที่ใด แต่ก็ไม่เห็นสักที แล้วจู่ๆ ก็มีมือของใครคนหนึ่งมาจับที่บ่า
“มาแอบดูอะไรอยู่ตรงนี้”

บัวหันขวับมาอย่างตกใจ ยิ่งเมื่อเห็นว่าคนที่มาจับบ่าเธอนั้นคือฉัตรก็ตกใจมาก
“คุณฉัตร”
ฉัตรเองก็ตกใจไม่แพ้กัน “แม่บัว” ชายหนุ่มจับสองบ่าของบัวให้หันมามองหน้ากันชัดๆ “แม่บัวจริงๆ ด้วย แม่บัวมาที่นี่ได้ยังไง”
บัวมีสีหน้าสลดลงขณะตอบ “ฉันมากับคุณพิศจ้ะ..เอ้อ..เจ้าค่ะ”

ขณะเดียวกันพิศเริ่มสังเกตเห็นว่าฉัตรหายไป จึงเหลียวหาไปรอบๆ แต่ไม่เห็นฉัตรอยู่บนเรือนเลย พิศขมวดคิ้ว

ฉัตรมีสีหน้าฉงน
“ทำไมถึงมากับคุณพิศได้ แม่บัวเป็นญาติกับคุณพิศเธอรึ ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่ขึ้นไปบนเรือน”
บัวปฏิเสธ “ไม่ได้เจ้าค่ะ”
ฉัตรยิ่งงง “ทำไมจะขึ้นไม่ได้ นี่เรือนฉันเอง มาสิ..ฉันจะพาบัวไปรู้จักกับเจ้าคุณพ่อ กับเจ้าฉาย..น้องชายฉัน”
“ฉันขึ้นไปบนเรือนไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ขืนขึ้นไป..คงโดนพี่ด้วงเล่นงานตายเลย”
ฉัตรสงสัยหนัก “ใคร..ด้วง แล้วทำไมเขาจะต้องเล่นงานแม่บัวด้วยล่ะ”
“ก็ฉันเป็นแค่ทาสนี่เจ้าคะ”

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 2 วันที่ 29 ธ.ค. 55

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ิัที่มา manager