อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 2/3 วันที่ 31 ธ.ค. 55

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 2/3 วันที่ 31 ธ.ค. 55

ฉัตรคุยอยู่กับพิศ ท่าทางพิศเรียบร้อยมาก บัวเดินประคองถาดสำรับกับข้าวมาให้ฉัตร พอเห็นฉัตรก็ขาแข็งเดินไม่ออก ยืนนิ่งอึ้ง และก้าวขาไม่ออก นางด้วงที่เดินตามรีบกระซิบด่า
“เดินสินังนี่ ผีตอกตะปูที่ตีนเรอะไง”
บัวรวบรวมสติ ประคองถาดเดินต่อไปที่ฉัตรนั่งอยู่ ฉัตรจดสายตามองบัวตลอด สีหน้าครุ่นคิดแต่ไม่พูดอะไรออกมา
“สำรับเช้านี้เป็นชุดข้าวต้มนะคะคุณฉัตร พิศทอดปลาสลิดกรอบๆ ยำไข่เค็ม กับไข่เจียว คุณฉัตรรับประทานได้ไม๊คะ หรือถ้าอยากรับอย่างอื่น พิศจะลงครัวไปทำให้ใหม่ค่ะ” พิศเจื้อยแจ้วสำเนียงอ่อนหวาน
“ไม่ต้องๆ แค่นี้ก็มากแล้ว”

พิศลำเลียงกับข้าวจากถาดในมือบัววางตรงหน้าฉัตร พอบัวเงยหน้าและสบตากับฉัตรก็มือไม้สั่น จนถาดพลัดตกมือ ทำให้กับข้าวที่ยังอยู่ในถาดบางส่วนหกรดฉัตร



พิศเอ็ดเสียงนุ่มๆ เบาๆ “ตายจริง ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้ละจ๊ะแม่บัว”
บัวตกใจลนลาน ยิ่งทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่ รีบขอโทษฉัตรละล่ำละลัก
“ขอประทานโทษเจ้าค่ะ บ่าวไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไร” ฉัตรบอกเสียงนุ่ม
พิศบอกบัวเสียงเหมือนปราณี “เก็บจานเปื้อนลงไปครัวเถอะไป๊บัว”
บัวลนลานเก็บจานเปื้อนแล้วรีบออกไป ฉัตรมองตามไปแวบเดียวแล้วหันกลับมาทำหน้านิ่งเฉย พิศยกมื้อไหว้ฉัตรพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน
“พิศต้องขอประทานโทษคุณฉัตรแทนบ่าวด้วยนะคะ พิศเพิ่งได้ตัวมาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ยังไม่ได้ขัดเกลามารยาทให้ดี ทำให้คุณฉัตรต้องเดือดร้อน”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือสา” ฉัตรว่า
“เอ้า..งั้นก็กินๆ กันทีดีมั้ยพ่อฉัตร”
พระยาสมานกับฉัตรเริ่มกิน พิศคอยนั่งปรนนิบัติเอาใจฉัตรตลอดเวลา ขณะที่บัวยังยืนอยู่ที่เชิงบันไดเรือน แอบดูฉัตรอยู่ด้วยแววตาเจ็บช้ำเป็นอย่างยิ่ง

ที่กระทรวงกลาโหม ในเวลาต่อมา ฉัตรเดินคุยกับฉาย สีหน้าทุกข์ใจ
“พี่ฉัตรเอาแอปเปิ้ลไปให้คุณพิศที่เรือน ได้พบแม่บัวรึเปล่าขอรับ”
ฉัตรพยักหน้า “พี่เห็นแม่บัวมาเป็นบ่าวเขาแล้วปวดหัวใจจริงๆ เลยฉาย จากคนที่เคยเป็นไทแก่ตัว ต้องมาเป็นบ่าวรับใช้เขา นี่ยังโชคดีนะที่แม่บัวมาเป็นบ่าวของคุณพิศน่ะ เพราะท่าทางคุณพิศจะเมตตาแม่บัวพอ สมควรทีเดียวละ”

ท้ายประโยคนายทหารนักเรียนนอกยิ้มเศร้าๆ
ฉัตรเข้าใจและคิดผิดมหันต์ เพราะเวลาเดียวกันนั้นบัวถูกพิศลงโทษด้วยการตบหน้าเต็มแรง

“เอ็งทำเซ่อซ่าต่อหน้าคุณฉัตรยังงี้ได้ยังไง หา! รู้มั้ยว่าข้าขายหน้าคุณฉัตรเธอขนาดไหน”

บัวจับแก้มข้างที่ถูกตบ เจ็บจนน้ำตาปริ่มๆ
“ต่อไปนี้..ถ้าคุณฉัตรมา เอ็งไม่ต้องขึ้นมารับใช้บนเรือน เพราะข้าไม่อยากให้เอ็งมาทำอะไรเซ่อซ่าต่อหน้าคุณฉัตรอีก ได้ยินมั้ย แล้วนี่เอ็งจะไปไหนก็ไปไป๊ อย่าอยู่ให้ข้าเห็นหน้า แล้ววันนี้เอ็งก็ไม่ต้องกินข้าวทั้งวัน”
บัวคลานทั้งน้ำตาปริ่มๆ ออกไป นางด้วงแอบยิ้มเยาะ

ครู่ต่อมาน้อยตกใจพอรู้เรื่องบัวถูกพิศทำโทษ
“ไม่ให้กินข้าวทั้งวัน โห...” น้อยจะพูดต่อแต่นางด้วงรีบแย้ง
“เอ๊ๆๆๆๆๆ เอ็งจะทำไม นี่เป็นคำสั่งคุณพิศนะยะ ก็นังบัว...” พลางเอานิ้วจิ้มหน้าผากบัวแรงๆ จนบัวหน้าหงาย “มันอยากซุ่มซ่ามเซ่อซ่าทำไมล่ะ สมน้ำหน้า อดข้าวแค่วันเดียว มันไม่ตายหรอกน่านังน้อย”
น้อยสีหน้าโมโห นางด้วงพูดดักคอคาดโทษ
“แล้วอย่าให้ข้ารู้เชียวนะว่า..” นางด้วงชี้นิ้วกราดใส่ทุกคนในครัว “ไอ้อีคนไหนมันเอาอะไรให้นังบัวมันกินน่ะ ถ้าใครเอาให้มันละก็ ข้าจะฟ้องคุณพิศ”
นางแดง อ่อนใจกับลูก “นังด้วงเอ๊ย เอ็งร้ายให้น้อยๆ หน่อยเถอะ มันก็ทาสด้วยกันทั้งนั้นแหละ”
นางด้วง เบ้ปากไม่แยแส “ข้าจะเป็นทาสอีกไม่นานหรอกแม่ ไม่เชื่อแม่คอยดู”
แล้วนางด้วงก็เดินหยิบของกิน เดินกินออกไปอย่างสำราญ ทุกคนในครัวถอนใจเฮือก น้อยเดินเข้าไปหาบัว
“หิวมั้ยบัว”
บัวส่ายหน้า น้อยเดินไปบิดกล้วยน้ำว้าในเครือมาส่งให้บัวลูกหนึ่ง
“คุณพิศสั่งไม่ให้เอ็งกินข้าว แต่ไม่ได้สั่งว่าไม่ให้กินกล้วยด้วยนี่หว่า..อ้ะ..กินซะ เดี๋ยวไม่มีแรงทำงาน”
บัวส่ายหน้า “อย่าเลยน้อย ขืนขัดคำสั่งคุณพิศ ประเดี๋ยวเธอจะยิ่งโกรธใหญ่ แล้วน้อยเองก็จะเดือดร้อนไปด้วย” บัวดันมือน้อยที่ยื่นกล้วยมาให้ออกไป “ข้าไม่กินหรอก”
น้อยทำหน้าเซ็ง แล้วปอกกล้วยกินเสียเอง พลางมองดูบัวอย่างเห็นใจ ขณะที่บัวเศร้าใจกับชีวิตตัวเองเหลือแสน

ไม่นานหลังจากนั้นน้อยเดินหน้าเซ็งไปตามทาง นายเพียรวิ่งตามมา
“เอ็งจะไปไหน”
น้อยทำหน้าเบื่อ “ทาสที่ทำงานอยู่แต่ในครัวอย่างข้าจะไปไหนได้..นอกจากตลาด”

นายเพียรบอก “ข้าไปด้วย”
“จะตามไปคุมข้าอีกรึไง”
“ใช่”
น้อยมองหน้าเพียรอย่างหงุดหงิด โมโห เลยผลักอกนายเพียรเต็มแรง แล้ววิ่งหนีไปเลย
“อ้าว..เฮ้ย” นายเพียรจอมตื๊อวิ่งตามไปไม่ยอมแพ้

น้อยวิ่งหนีนายเพียรมาอย่างรีบร้อน แล้วเลยชนเข้ากับฉายที่เพิ่งจอดรถ และลงมาจากรถ จนน้อยเกือบล้ม แต่ฉายคว้าตัวไว้ได้ทัน ทั้งคู่มองหน้ากัน สักครู่น้อยรู้สึกตัว จึงรีบยกมือไหว้ฉายปลกๆ
“ขอประทานโทษเจ้าค่ะ บ่าวไม่ได้ตั้งใจ”
“เจ้าทำท่าเหมือนกับหนีใครมา” ฉายสงสัย
น้อยหันไปมองข้างหลัง เห็นนายเพียรวิ่งตามมา น้อยไม่ตอบ หันซ้ายหันขวาแล้วไปหลบหลังรถฉาย ฉายมองน้อยอย่างงงๆ แต่พอเห็นนายเพียรวิ่งตามมาถึงฉายก็เข้าใจ นายเพียรเบรกกึกเมื่อเจอฉาย ก่อนจะยกมือไหว้พลางถาม
“ขอประทานโทษขอรับ ไม่ทราบว่าท่านเห็นบ่าวเรือนกระผมวิ่งมาทางนี้หรือไม่ขอรับ”
ฉายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “บ่าวคนไหน”
“ก็คนที่เคยเซ่อซ่าชนรถท่านเมื่อวันก่อนไงขอรับ” นายเพียรว่า
ฉายขำ “ฉันขับรถชนเขามากกว่านะ”
“นั่นแหละๆขอรับ เห็นมันมั้ยขอรับ”
“เห็น”
นายเพียรมีสีหน้าดีใจ ฉายชี้มือไปทางหนึ่ง
“เห็นวิ่งไปทางโน้นแน่ะ”
นายเพียรยกมือไหว้ฉายอีกที “ขอบพระคุณขอรับ” แล้วรีบวิ่งไปทางที่ฉายชี้ทันที
ฉายมองตาม แล้วหันไปมองน้อย เห็นน้อยคุดคู้อยู่หลังรถก็ขำ
“ออกมาได้แล้ว ผู้คุมหล่อนเขาไปแล้ว”
น้อยค่อยๆ ออกมาจากที่ซ่อน แล้วยกมือไหว้ฉาย
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
“หล่อนกลัวเขารึ”
น้อยเบ้ปาก “ไม่ได้กลัวหรอกเจ้าค่ะ จะกลัวทำไม มันก็ดีแต่อวดอำนาจ แต่ที่แท้มันก็เป็นแค่ทาสเหมือนๆ กันแหละเจ้าค่ะ”
ฉายมองน้อยอย่างเห็นใจ “หล่อนเป็นทาสเรือนไหนรึ”
“บ่าวเป็นทาสเรือนท่านเจ้าคุณสมานเจ้าค่ะ”
“อ้อ..บ้านฉันคุ้นเคยกันกับท่านเจ้าคุณสมานดี ฉันชื่อฉายนะ เป็นลูกชายท่านเจ้าคุณโกสินทร์ หล่อนล่ะ..ชื่ออะไร”
“บ่าวชื่อน้อยเจ้าค่ะ”

ฉายมองน้อยอย่างขำๆ และมีท่าทีเอ็นดู ในขณะที่น้อยมองฉายอย่างชื่นชม และรู้สึกว่าชายผู้นี้ดูช่างเป็นมิตรนัก
ค่ำคืนนั้นบนเรือนพระยาโกสินทร์ ๓ พ่อลูก และแอนนา กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหาร

จู่ๆ เสียงแอนนาโวยวายเป็นภาษารัสเซีย
“เผ็ด! แอนนากินไม่ได้”
ว่าแล้วแอนนาก็กระแทกช้อนส้อมโครม จากนั้นลุกเดินปังๆ ออกไป ฉายรีบตามไปต่อว่าเป็นภาษารัสเซีย
“แอนนา กลับมาก่อน หล่อนจะทำกิริยาอย่างนี้ต่อหน้าพ่อฉันไม่ได้นะ มันเสียมารยาทรู้มั้ย”
แอนนาบอก “ไม่รู้” ก่อนจะเดินหนีไป
ฉายเดินตามไป พระยาโกสินทร์ส่ายหน้าแล้วหันกลับมาหาฉัตร
“เอ้อ! เห็นวันนี้ไอ้สนมันว่า..ฉัตรเอาอาเปิ้นไปให้ใครรึ”
“กระผมเอาไปให้ท่านเจ้าคุณสมานขอรับ”
พระยาโกสินทร์ชะงัก คิดอะไรอยู่สักครู่ ก็เข้าใจผิดว่าฉัตรชอบพอพิศซะแล้ว ท่านเจ้าคุณยิ้มดีใจใหญ่
“แล้วเจอแม่พิศไหมล่ะ”
“เจอขอรับ”
พระยาโกสินทร์ชื่นชมพิศ “ลูกสาวท่านเจ้าคุณสมานคนนี้งามแท้นะฉัตร ได้ยินมาว่าการบ้านการเรือนเก่งไม่แพ้ใคร หากว่าฉัตรจะไปมาหาสู่กับแม่พิศ พ่อก็ยินดี”
ฉัตรก้มหน้ากินข้าวไม่ตอบกระไร

วันต่อมา ที่เรือนพระยาสมาน นางด้วงวิ่งหน้าตาตื่นเต้นดีใจเข้ามาหาพิศ บอกว่าฉัตรมา พิศรีบโบกมือไล่บัวให้ลงเรือนด้านหลังไป บัวรีบลงเรือนไปด้านหลัง ฉัตรก็เดินขึ้นเรือนมาทางด้านหน้า จึงไม่เจอกันบัว นายสนที่ตามหลังฉัตรมาถือห่อยาจีนมาด้วย ฉัตรรับห่อยาจีนจากนายสนแล้วส่งให้พระยาสมาน พิศมองฉัตรสีหน้าปลื้มเปรมมาก ฉัตรพยายามจะเหลียวมองหาบัว แต่ไม่เห็น ก็รู้สึกผิดหวัง

กลับมาถึงเรือนคืนนั้นฉัตรยืนถอนใจ สีหน้าเคร่งเครียดอยู่ลำพังตรงมุมหนึ่งบนเรือนใหญ่ ฉายเดินเข้ามาหาเห็นท่าทีผู้เป็นพี่ชายก็นึกสงสัย
“เป็นอะไรไปพี่ฉัตร ไปไม่เจอแม่บัวรึ”
“พี่ไม่ได้เจอแม่บัวเลย เห็นทีว่าคุณพิศคงจะไม่ให้ขึ้นมา รับใช้บนเรือนตั้งแต่วันที่หล่อนทำของตกวันนั้น”
“อ้าว..แล้วพี่ฉัตรจะทำยังไงละขอรับ”
ฉัตรนิ่งคิด

วันต่อมานางด้วงกำลังป่าวประกาศเรื่องฉัตรกับพิศอยู่ในครัว
“คุณฉัตรเธอมาชวนคุณพิศไปไหว้พระจ้า”
นางแดง งง “แล้วยังไง”
“อ๊ะ! แม่ก็ถามด๊าย..ลงคุณฉัตรเธอเทียวไล้เทียวขื่อคุณพิศเธออยู่บ่อยๆ อย่างนี้ละก็ อีกไม่นานเธอก็คงจะยกขันหมากมาสู่ขอคุณพิศเธอละ” นางด้วงยิ้มย่อง
บัวฟังอยู่ด้วย สีหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่มีใครสังเกตเห็น

พระยาสมานหัวเราะชอบอกชอบใจ พลางพูดเย้าธิดาคนเดียวของทันอย่างอารมณ์ดี
“ทำไมพ่อจะไม่อนุญาตลูกพิศล่ะ ไปไหว้พระไหว้เจ้าน่ะเป็นเรื่องดี พ่อฉัตรเขาชวนลูกไปในทางที่ดี พ่อยิ่งสมควรที่จะสนับสนุน จริงมั้ย”
พิศไหว้พ่อ “ขอบพระคุณเจ้าคุณพ่อค่ะ”
“ว่าแต่..พิศจะให้บ่าวคนไหนมันติดตามไปด้วยล่ะ”
“ก็คงมีนังด้วงอย่างเคยล่ะค่ะ ส่วนนังบัว..พิศคงจะไม่เอาไป ไม่อยากให้มันไปทำอะไรให้พิศขายหน้าต่อหน้าคุณฉัตรอีก”
พระยาสมานเผลอตัวพูดออกมาเบาๆ “เออ..ดีๆๆๆ”
พิศชะงักกึก “เอ๊..แต่พิศมาคิดดูอีกที เอามันไปด้วยก็คงดี มันจะได้ช่วยถือพานดอกไม้ให้ลูก”
พระยาสมานแอบทำหน้าผิดหวัง

ตกกลางคืน บัวยังนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด ชะเง้อดู เห็นพิศกับนางด้วงนั้นหลับสนิทอยู่ บัวถอนใจนอนไม่หลับ ตัดสินใจลุกเดินออกจากห้องไปเพื่อไปล้างหน้า

บัวลงเรือนมาแล้วเดินมาเปิดโอ่งน้ำ เอากระบวยตักน้ำขึ้นมาเพื่อจะเอาน้ำลูบเนื้อตัวให้คลายร้อน ทันใดนั้นก็มีมือใครคนหนึ่งมาตะปบปิดปากไว้จากด้านหลัง ที่แท้เป็นพระยาสมาน
บัวตกใจสุดขีด ทำกระบวยพลัดตกจากมือแล้วดิ้นรนสุดฤทธิ์ แต่สู้แรงไม่ได้ ถูกพระยาสมานลากตัวบัวเข้ามุม บัวไม่ยอมพยายามขืนตัวไว้เต็มที่ แล้วเตะถีบข้าวของแถวนั้นจนล้มเสียงดัง พระยาสมานตกใจปล่อยมือจากบัว บัวฉวยจังหวะนั้นวิ่งหนีกลับขึ้นไปบนเรือนพลางร้อง
“ช่วยด้วยเจ้าค่ะ ! คุณพิศช่วยบ่าวด้วย”
บัววิ่งขึ้นเรือนไป พระยาสมานจะตาม แต่ได้ยินเสียงประตูห้องเปิด พิศเอ็ดเสียงเขียว
“มีอะไรนังบัว”
พระยาสมานหน้าเสียสุดๆ กลัวพิศรู้
“ฉิบหายแล้ว”

ท่านเจ้าคุณผู้มักมากในกามคุณหันซ้ายหันขวาแล้ววิ่งหนีไป
ส่วนบัววิ่งกลับขึ้นมาบนเรือน เห็นพิศกับนางด้วงเปิดประตูห้องออกมายืนที่โถงกลาง บัวก็ถลาเข้าไปเกาะขาพิศทันที

“ช่วยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ”
“มีอะไร มีโจรขึ้นเรือนรึ” พิศถามพลางกวาดตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ

ด้านพระยาสมานวิ่งมาหลบที่พุ่มไม้ บริเวณใต้ถุนเรือน สีหน้าร้อนใจ
“เอาไงดีวะ...” ท่านเจ้าคุณเหลียวซ้ายแลขวา
จังหวะนั้น นายเพียรกับบ่าวชายคนอื่นๆ ที่ได้ยินเสียงรีบวิ่งเข้ามา บ่าวชายจะวิ่งขึ้นเรือนเพราะคิดว่าโจรขึ้นบ้าน นายเพียรก็กำลังจะขึ้นเรือน แต่พอดีเห็นพุ่มไม้ไหวๆ เขม้นตามอง)
นายเพียร เห็นพระยาสมานแอบซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ จึงเดินตรงเข้าไปหา
“ท่านเจ้าคุณมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ขอรับ”
พระยาสมานสะดุ้งสุดตัว หันไปมองเพียร
“ไอ้เพียร...มึง...” ท่านเจ้าคุณคิดอะไรออก “มาก็ดีแล้ว ช่วยกูหน่อย”
นายเพียรแปลกใจ

พิศคาดคั้นถามบัว
“เกิดอะไรขึ้น...ว่ามาสินังบัว”
“ท่านเจ้าคุณเจ้าค่ะ”
“เออ! พ่อข้าทำไม”
“ท่านเจ้าคุณจะปล้ำบ่าวเจ้าค่ะ”
นางด้วง ฟังแล้วโมโหหึง “เหลวไหล ท่านเจ้าคุณจะปล้ำเอ็งได้อย่างไร ท่านเจ้าคุณก็นอนอยู่ในห้องท่านโน่นสิ เอ็งนี่เพ้อเจ้อจริง”
พิศเหลียวหันไปมองทางห้องนอนของผู้เป็นบิดา หรี่ตาครุ่นคิด รู้อยู่ว่าพ่อหมายตาบัวไว้ พิศตัดสินใจเดินตรงไปที่ห้องพระยาสมานทันที นางด้วงตามติด แต่บัวอยู่ที่เดิม ยังอกสั่นขวัญหนีไม่หาย พิศเคาะประตูเรียกบิดา
“เจ้าคุณพ่อคะ”

พระยาสมาน สีหน้าตกใจสุดขีดเมื่อได้ยินเสียงพิศเรียก เพราะพระยาสมานกำลังปีนกลับเข้าห้องนอนตัวเองทางหน้าต่าง ด้วยความช่วยเหลือของนายเพียร ที่ให้พระยาสมานปีนบ่าตนขึ้นไปที่หน้าต่างห้องนอนอย่างทุลักทุเล นายเพียรมีสีหน้าเหยเกเพราะรับน้ำหนักของพระยาสมานไว้บนบ่าตนทั้งสองข้างอย่างเต็มตัว

พิศเคาะประตูห้องเรียกเสียงดังกว่าเดิม เมื่อไม่มีเสียงตอบ
“เจ้าคุณพ่อคะ...” พิศขมวดคิ้ว เริ่มสงสัยว่าบัวจะพูดจริง จึงเคาะดังขึ้นอีก “เจ้าคุณพ่อคะ”
พิศจะเคาะประตูอีก แต่แล้วก็ต้องชะงักค้างเมื่อเห็นพระยาสมานเปิดประตูห้องออกมา
สีหน้างัวเงีย
“เอะอะ อะไรกัน..ลูกพิศ..พ่อตกใจตื่นเลย”
พิศหรี่ตามองอย่างสงสัย “เจ้าคุณพ่อเพิ่งตื่นรึคะ”
“ก็ตื่นเพราะเสียงพิศนี่แหละ” พระยาสมานทำทีเป็นเพิ่งเห็นคนอื่นๆ “อ้าว..มีอะไรกันรึ”
นางด้วง รีบฟ้อง “ก็นังบัวน่ะสิเจ้าคะ มันอ้างว่าท่านเจ้าคุณจะทำมิดีมิร้ายมัน”
พระยาสมานรีบโวยวายกลบเกลื่อนทันที “โอ๊ย ข้ารึจะไปทำอะไรมัน ข้าก็หลับอยู่ในห้องข้าเนี่ย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
พิศมองบิดาอย่างจับกิริยา ก้ำกึ่งจะเชื่อหรือไม่เชื่อดี
นางด้วง เห็นพิศลังเล รีบยุส่งทันที “หน็อย นังบัว ริอ่านโกหกใส่ไฟท่านเจ้าคุณเรอะ”
“บ่าวเปล่าโกหกนะเจ้าคะคุณพิศ ท่านเจ้าคุณจะทำมิดีมิร้ายบ่าวจริงๆ คุณพิศต้องเชื่อบ่าวนะเจ้าคะ”
พิศมองหน้าผู้เป็นบิดา
“พ่อเปล่าลูก”
นางด้วงรีบบอกกับพิศ “เห็นมั้ยเจ้าคะ ขนาดอยู่ต่อหน้ากันอย่างนี้แล้ว นังนี่มันยังกล้าโกหกอีก”
“บ่าวไม่ได้โกหกนะเจ้าคะ” บัวบอก
พิศมองบิดานิ่ง แววตารู้ทัน “แต่ในเมื่อพ่อข้าบอกว่าไม่ได้ทำ ข้าก็เชื่อพ่อ”
พระยาสมานยิ้มออก
นางด้วงยุส่ง “อย่างงี้มันต้องเฆี่ยนมันให้หลาบจำนะเจ้าคะ ว่าต่อไปอย่าโกหกพกลมใส่ไฟท่านเจ้าคุณ หรือใครอีก เฆี่ยนมันเลยเจ้าค่ะคุณพิศ เฆี่ยนมันเลย”

พิศชั่งใจว่าจะเอาไงดี
รุ่งเช้าพระยาสมานยืนอยู่ที่ลานบ้าน สีหน้าไม่ดี พิศยืนอยู่ข้างๆ ส่วนบัวนั้นถูกมัดโยงอยู่กับเสาเรือน บ่าวไพร่ยืนล้อมดูอยู่รอบๆ

พิศกล่าวกับพระยาสมาน “ในเมื่อนังบัวมันกล่าวหาเจ้าคุณพ่อให้เสียหาย เจ้าคุณพ่อก็ควรจะเป็นคนสั่งลงโทษมันด้วย ตัวเองเพื่อให้มันหลาบจำ มันจะได้ไม่พูดใส่ร้ายเจ้าคุณพ่ออีก”
พระยาสมานเม้มปากแล้วกลั้นใจสั่งนายเพียร
“ไอ้เพียร! เอ็งเอาหวายมา”
เพียรขยับหวายในมือให้พระยาสมานดู กระเหี้ยนกระหือรือจะเฆี่ยนบัวตามคำสั่ง
พระยาสมานเต็มที่เพื่อเอาใจพ่อ พระยาสมานสูดหายใจแรงๆ เม้มปากแน่น
บ่าวไพร่คนอื่นๆ พวกหนึ่งเชื่อว่าบัวไม่ได้โกหก แต่ในเมื่อพระยาสมานปากแข็ง ใครจะกล้าเถียง ส่วนอีกพวกเห็นว่าบัวคงโกหกจริง ส่วนนางด้วงนั้นสะใจมากที่เห็นบัวจะถูกเฆี่ยน พระยาสมานนั้นสงสารบัวมากเพราะรู้ว่าเป็นความผิดตนเอง แต่ก็กลัวบุตรีมากกว่า จึงกลั้นใจสั่ง
“ไอ้เพียร ! เฆี่ยนนังบัวจนกว่ามันจะยอมรับ”
บรรดาบ่าวที่ล้อมดูอยู่นั้นส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที นายเพียรเดินเข้าไปใกล้บัว
เพียรเริ่มลงมือเฆี่ยนบัว เพียงไม้แรกร่างบัวสะดุ้งเฮือก ชีวิตนี้ไม่เคยถูกเฆี่ยนตีมาก่อน เม้มปากแน่น น้ำตาไหลพราก น้อยเริ่มน้ำตาปริ่มสงสารบัวจับใจ และสะดุ้งตามเสียงหวายที่หวดขวับลงกลางหลังบัวอย่างสุดแรง เสียงเฆี่ยนหลังบัวนั้นบาดใจเหล่าทาสกันถ้วนหน้า
พริบตานั้นหลังบัวแตกเป็นแผล ผ้าคาดตัวขาดเลือดซึมเต็มหลัง
พิศมีสีหน้านิ่งเฉย ใจแข็งพอที่จะยืนดูเพียรเฆี่ยนบัวอย่างไม่ปราณีปราศรัย ส่วนนางด้วงนั้นมีสีหน้าสะใจยิ่งนัก

“เอ็งจะยอมรับรึยังว่าเอ็งโกหก ! เอ็งใส่ร้ายท่านเจ้าคุณ”
บัวส่ายหน้า น้ำตาไหลพราก “ข้า..ไม่..ได้..โกหก”
“มันเป็นผู้ร้ายปากแข็งจริงๆ เลยเจ้าค่ะคุณพิศ” แล้วหันมาบอกนายเพียร “เฆี่ยนมันอีกสิไอ้เพียร ไม่ได้ยินที่ท่านเจ้าคุณสั่งรึไง ท่านให้เฆี่ยนมันจนกว่ามันจะยอมรับ เฆี่ยนมันสิ เร็วสิไอ้เพียร”
คราวนี้นายเพียรเฆี่ยนบัวไม่หยุด เหล่าบ่าวที่อยู่ข้างบัวเริ่มร้องไห้กันเสียงระงม พิศยืนดูนิ่งๆ
น้อยอดรนทนไม่ได้ ถลันเข้าไปกราบพิศ “พอเถอะเจ้าค่ะคุณพิศ นังบัวมันไม่ไหวแล้ว”
แต่พิศก็ยังนิ่งอยู่ นายเพียรจึงเฆี่ยนไปเรื่อยๆ จนในที่สุดบัวก็สลบไป พิศจึงเดินขึ้นเรือนไปหน้าเรียบเฉย นางด้วงรีบตามไป น้อยรีบผวาไปปลดเชือกที่มัดมือให้บัว ทันทีที่เชือกถูกปลดออก ร่างของบัวก็ทรุดลงกองกับพื้นทันที นางพุ่ม นางแดง และน้อยรีบประคองบัวไว้ น้อยหันขวับไปมองนายเพียรด้วยแววตาชิงชัง นายเพียรหน้าเสีย แล้วน้อยก็หันกลับมาดูบัวอีกครั้ง
บัวสลบไสลไม่ได้สติเลย

กลับขึ้นเรือนแล้วพระยาสมานนั่งหน้ารู้สึกผิดอยู่กลางเรือน พิศเดินเข้ามาพูดประชด
“ต่อไปหากมีบ่าวคนไหนใส่ร้ายเจ้าคุณพ่อเช่นนี้อีก พิศก็จะให้คนเฆี่ยนมันให้สลบคาหวายอย่างนังบัวนี่ทุกคนไปเลยค่ะ” พิศกึ่งๆ ขู่พ่อกลายๆ ว่าอย่าทำเรื่องเช่นนี้อีก
พระยาสมานพยักหน้าหงึกๆ หน้าเจื่อนๆ
“พ่อไปนอนต่อดีกว่า ปวดหัวเหลือเกิน” ท่านเจ้าคุณเดินเซ็งๆ เข้าห้องไป
พิศมองตาม แล้วหันมาสั่งบ่าว
“เอ้า..มัวแต่นั่งเบื้อใบ้กันอยู่ทำไมเล่า ไปเก็บดอกไม้ ดอกไร่เตรียมมาร้อยมาลัยเอาไปถวายพระที่วัดพรุ่งนี้สิเร็ว ช้านัก ข้าจะเฆี่ยนให้หลังลายกันให้หมดเลย”
บรรดาบ่าวไพร่ ต่างลนลานลงเรือนกันไปหาดอกไม้และอุปกรณ์ร้อยมาลัยกันทันที

บัวที่นอนไม่ได้สติอยู่ในเรือนทาส น้อยกับนางแดงกำลังปรุงยาสมานแผลกันยกใหญ่ นายเพียรตามมาดูน้อย รู้แล้วว่าน้อยโกรธ เลยยังไม่กล้าพูดด้วย ได้แต่ด้อมๆมองๆอยู่นอกเรือน สักครู่นางด้วงก็เดินกรีดกรายเข้ามาดู
“หนอย..ถูกเฆี่ยนแค่นี้ ทำมานอนสลบสไลไม่ได้สติ สำออยจริงนังบัว”
น้อยเจ็บใจแทน “พี่ด้วงลองถูกเฆี่ยนดูบ้างมั้ยล่ะ จะโดนเข้ากี่ทีมันก็เจ็บทั้งนั้นละ”
นางด้วงฉุนกึก “เอ๊ะ อีน้อย เอ็งอย่ามาทำปากเก่งปากกล้ากับข้านะ ข้าจะฟ้องคุณพิศ”

นางแดงทนไม่ไหว “เอ็งร้ายให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะนังด้วง ตั้งแต่เอ็งเกิดมา ข้าไม่เคยสอนให้เอ็งอิจฉาริษยาใคร นังบัวมันไปทำอะไรให้เอ็ง เอ็งถึงได้จงเกลียดจงชังมันนักหา”
นางด้วง เถียงแม่ “ก็มันอยากยั่วเจ้าท่านคุณของข้าทำไมล่ะ”
นางแดง ส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจ “นังด้วงเอ๊ย ! ทำอย่างกับเอ็งไม่รู้จักท่านเจ้าคุณของเอ็งดีอย่างนั้นแหละ ผู้ชายอย่างท่านเจ้าคุณ มักมากในกามไม่มีวันหมด ถึงเกิดเป็นลูกทาสในเรือนเบี้ยไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้ว”
นายเพียร หน้าตึงขึ้นมาทันที

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 2/3 วันที่ 31 ธ.ค. 55

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ิัที่มา manager