อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 1/2 วันที่ 27 ธ.ค. 55

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 1/2 วันที่ 27 ธ.ค. 55

ฉัตรซาบซึ้งใจในตัวบัวมากขึ้น
“ท่าทางอ้ายโจรนั่นมันโหดร้ายมาก ถ้าท่านไม่มาช่วย ฉันเชื่อว่ามันต้องฆ่าฉันกับพ่อแน่ๆ” ขณะพูดบัวมีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาอีก
ฉัตรเอื้อมมือไปจับมือบัวไว้อย่างปลอบโยน
“แต่เจ้าก็รอดตายมาแล้ว”
บัวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วนึกได้ว่าถูกฉัตรจับมือตนไว้ บัวค่อยๆ ดึงมือออกอย่างเขินอาย ฉัตรมองอาการนั้นของบัวแล้วยิ้ม

ดูเหมือนบุตรชายคนโตของพระยาโกสินทร์ จะหลงรักสาวชาวบ้านคนนี้เข้าแล้ว
รุ่งเช้าฉัตรแต่งตัวเรียบร้อยพร้อมจะกลับพระนครแล้ว แต่ยังมีผ้าพันแผลอยู่ ฉัตรจะเดินลงเรือน แต่แล้วก็เซไปเพราะรู้สึกเจ็บแผล บัวเห็นรีบปราดเข้ามาช่วยประคอง



“ค่อยๆ จ้ะ”
ทั้งสองมองตากัน
“ขอบใจเจ้ามากนะ...แม่บัว”
“ฉันสิต้องขอบใจท่าน ถ้าไม่ได้ท่านช่วย ป่านนี้ฉันคงถูกพวกโจรมันลากตัวไปไหนแล้ว” บังพูดเรื่องนี้ทีไรก็สีหน้าหวาดหวั่นทุกคราครั้ง
ฉัตรเชยคางบัวขึ้น แล้วจ้องตา พูดปลอบ “อย่ากลัว เรื่องมันผ่านไปแล้ว และโจรพวกนั้นคงไม่กล้าย้อนกลับมาอีกหรอก”
สองคนมองตากันนิ่ง ตกอยู่ในภวังค์หวาน นายสนกับนายชดเข้ามา สองคนจึงแยกห่างออกจากกัน

“เรือพร้อมแล้วขอรับ”
ฉัตรพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินลงจากเรือน
“หากมีโอกาส..ข้ากับลูกคงได้ทดแทนบุญคุณท่านบ้าง” นายชดกล่าว
“ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดเรื่องบุญคุณให้มากไปเลย ฉันไปละ”
ฉัตรออกเดิน บัวเดินตามไปส่ง สนเดินรั้งท้าย ฉัตรยิ้มนิดๆ ขณะหันมาพูดเฉพาะกับบัว
“แล้ววันหลังฉันจะกลับมาเยี่ยมเจ้าใหม่นะ”
“จ้ะ”
ฉัตรมองตาบัวอีกครั้ง ไม่อยากไปแต่ต้องไป ในที่สุดก็ตัดใจเดินไป นายสนรีบตาม บัวมองตาม นายชดเดินเข้ามายืนข้างบัว พูดเปรยๆ
“หากมีบุญวาสนาต่อกัน..สักวันก็ต้องได้พบเจอกันอีกละ”
บัวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วมองตามฉัตรไปจนลับตา เห็นฉัตรเหลียวกลับมามองเธอเช่นกัน บัวยิ้ม สีหน้ามีความสุข

เวลาเดียวกันที่เรือนพระยาสมาน เพียรเดินแบกทะลายมะพร้าว กระสอบข้าวสาร น้ำตาล และของอื่นๆ เข้ามาพร้อมกับบ่าวชายอีก 2-3 คน แล้วเอามาวางไว้ที่น้อย
“โฮ้ย! คุณพิศเธอจะเอาข้าวของพวกนี้มาทำไมมากมายรึนังน้อย”
“ก็ลูกชาย 2 คนของท่านเจ้าคุณโกสินทร์เพิ่งสำเร็จการ ศึกษามาจากรุสเซีย ท่านเจ้าคุณโกสินทร์ก็เลยจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายทั้งสอง ท่านเจ้าคุณของเรากับคุณพิศก็ได้รับเชิญให้ไปงานเลี้ยงนี่ด้วย”
เพียรออกอาการงวยงง “แล้วไง”
“คุณพิศเธอก็จะเตรียมทำสำรับคาวหวานไปช่วยงานบ้านนั้นน่ะสิ..ถามได้” น้อยบอก
เพียรยังไม่เข้าใจอยู่ “แล้วทำไมต้องตระเตรียมของมากมายถึงขนาดนี้ด้วย”
น้อยหน่าย “เอ็งนี่โง่จริง ก็เพราะท่านเจ้าคุณของเราอยากได้ลูกชายท่านเจ้าคุณโกสินทร์เป็นเขยน่ะสิ สำรับที่จะเอาไปช่วยงานบ้านโน้นจึงต้องคัดสรรแต่ของชั้นเลิศเท่านั้น”
เพียรพอเข้าใจแล้ว “อ้อ...” เพียรมองน้อยตาหวานฉ่ำ “แต่สำหรับข้านะนังน้อย ข้ารู้ว่ารสมือเอ็งน่ะเลิศอยู่แล้ว ข้าอยากรู้รสอย่างอื่นของเอ็งมากกว่า...” พลางยื่นหน้าเข้าไปจะหอมแก้มน้อย
น้อยโมโหเอากระบวยใกล้มือตีเพียร เพียรร้อง “โอ๊ย”
“เอ็งจะไปไหนก็ไปเลย ข้าไม่มีวันใจอ่อนกับเอ็ง”
เพียรโมโห “ข้าจะไม่รอให้เอ็งใจอ่อนหรอกโว๊ยนังน้อย ถ้าท่านเจ้าคุณตกลงยกเอ็งให้ข้าเมื่อไหร่ เอ็งก็ต้องเป็นเมียข้า บิดพลิ้วไม่ได้อีกต่อไป!”

น้อยหน้าเจื่อนไปเลย รู้ดีว่าชีวิตทาสขึ้นอยู่กับนาย จะยกให้เป็นเมียใครก็ได้ น้อยหวั่นใจ แต่นายเพียรยิ้มอย่างเหนือกว่า

ด้านพิศกำลังรื้อผ้านุ่งออกจากหีบใส่ผ้า แล้วเหลียวหานางด้วง แต่ดูเหมือนนางด้วงไม่ได้อยู่แถวนั้น
“นังด้วง...นังด้วง”
ที่แท้นางด้วงกำลังนอนสีหน้าเคลิบเคลิ้มอยู่อีกห้อง โดยมีร่างของชายคนหนึ่งทาบทับอยู่ข้างบน และชายคนนั้นกำลังซุกไซ้ซอกคอนางด้วงอยู่อย่างมีอารมณ์ เสียงเรียกของพิศทำให้ทั้งสองนี้หยุดเคลื่อนไหวทันที แล้วนิ่งค้างอยู่ในท่านั้น
นางด้วงกระซิบบอกชายคนนั้น

“เสียงเหมือนคุณพิศเรียก”
พิศออกเดินตามหานางด้วงมาตรงโถงกลางของเรือนใหญ่ แล้วตะโกนเสียงดังขึ้นด้วยความโมโหที่หานางด้วงไม่เจอ

“นังด้วง”
แล้วหันไปมองที่ประตูห้องพระยาสมานอย่างสงสัย เดินตรงไปทุบประตูเรียกทันที ด้วยเสียงอันดัง
“เจ้าคุณพ่อคะ เจ้าคุณพ่อ”

นางด้วงและชายผู้นั้นลุกพรวดขึ้นทันที ที่แท้เป็นพระยาสมานนั่นเอง ทั้งคู่มีสีหน้าตกใจ
“บรรลัยแล้ว! ขืนลูกพิศรู้ว่าเอ็งอยู่ในห้องนี้ ลูกพิศเอาข้าตายแน่”
แล้วพระยาสมานก็ลากแขนนางด้วงให้ไปที่หน้าต่าง สั่งอย่างรีบเร่ง
“เอ็งปีนลงไปทางนี้ เร็ว”
พระยาสมานตัดสินใจผลักให้นางด้วงปีนออกไปทางหน้าต่าง ในขณะที่เสียงพิศเรียกหานางด้วงยังคงดังอยู่ภายนอกเป็นระยะๆ ในที่สุดนางด้วงก็หล่นโครมลงไป พระยาสมานชะโงกตามไปดู เห็นนางด้วงนอนจุกอยู่ที่พื้นใต้หน้าต่าง

พระยาสมานรีบโบกมือไล่ให้นางด้วงวิ่งไปหาพิศโดยเร็ว แล้วพระยาสมานก็รีบผลุบหน้ากลับเข้ามาในห้อง พยายามทำหน้าตาให้เป็นปกติที่สุด แล้วเดินไปเปิดประตูห้องรับบุตรี พลางเอ่ยถาม
“มีอะไรรึลูกพิศ”
พิศเดินพรวดเข้าไปในห้องทันที กวาดตามองไปรอบๆ อย่างค้นหา
“นังด้วงมันอยู่ในห้องนี้กับเจ้าคุณพ่อรึเปล่า”
“เปล่านี่ลูก พ่ออยู่คนเดียว”
พิศหรี่ตามองบิดาอย่างไม่เชื่อใจ สักครู่นางด้วงก็วิ่งกระโผลกกระเผลกเข้ามา
“เรียกหาบ่าวหรือเจ้าคะ”
“เออสิ! เอ็งไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมา ข้าเรียกอยู่เป็นนานสองนาน..กว่าจะโผล่หัวมาได้นางด้วง”
“บ่าวไปเว็จมาเจ้าค่ะ คุณพิศมีอะไรจะใช้บ่าวรึเจ้าคะ”
“เอาผ้านุ่งข้าไปอบร่ำที”
“ผืนไหนเจ้าคะ”
“หมดกำปั่นนั่นแหละ”
นางด้วงรีบรับคำ “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ” แล้ววิ่งออกไป
“ลูกพิศจะอบร่ำผ้านุ่งหมดทั้งกำปั่นเชียวรึ” ผู้เป็นบิดานึกสงสัย
“ค่ะ เพราะพิศยังเลือกไม่ได้ว่าจะนุ่งผืนไหนไปงานเลี้ยงฉลองต้อนรับลูกชายท่านเจ้าคุณโกสินทร์ดี”
พระยาสมานยิ้มแย้ม “โถ...ลูกพ่อแต่งอะไรก็สวย การบ้านการเรือนก็เก่ง นี่ถ้าลูกชายท่านเจ้าคุณโกสินทร์ไม่สนใจเจ้าละก็..มันก็ตาบอดแล้ว!”
พิศสีหน้าระรื่น ดีขึ้นมาทัน ภูมิใจในตัวเองมาก

ฉัตรกลับมาถึงบ้านที่พระนครแล้ว
“บุญของพี่ฉัตรที่สุด..ที่ไม่เจ็บไปกว่านี้น่ะ” ฉายเดินมาสำรวจดูแผลที่บ่าของฉัตรอย่างกังวล
พระยาโกสินทร์ไม่พอใจนักหลังฟังความจนจบ “แต่ฉัตรเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อชาวบ้านสองพ่อลูก ถ้าฉัตรเป็นอะไรไป มันไม่คุ้มเลย”
“แต่ตอนที่กระผมเข้าไปช่วยเขาก็ไม่ทันได้นึกอะไรขอรับ แค่สงสารว่า..คนเขาอุตส่าห์ทำไร่ทำนาอาบเหงื่อต่างน้ำ มาทั้งปี ต้องมาถูกไอ้โจรบ้าห้าร้อยมาจี้ปล้นเอาจนหมดตัว นี่ถ้าไม่เข้าไปช่วยมันอาจฆ่าทั้งพ่อทั้งลูกทิ้งซะก็ไม่รู้” ฉัตรว่า
“ช่วยชีวิตคน..นับว่าเป็นการสร้างกุศลครั้งใหญ่นะขอรับเจ้าคุณพ่อ” ฉายเห็นด้วยกับพี่ชาย “เจ็บครั้งนี้..ถือว่าฟาดเคราะห์ไปนะขอรับพี่ฉัตร”
“แต่พี่ไม่คิดว่าเป็นคราวเคราะห์หรอกนะฉาย พี่คิดว่ามันเป็นเรื่องของบุพเพสันนิวาสนะฉาย เพราะมันทำให้พี่ได้พบกับแม่บัว” ฉัตรยิ้มพรายเมื่อคิดถึงบัวอีกครั้ง
พระยาโกสินทร์เสียงแข็ง “แต่พ่อไม่เห็นด้วยนะฉัตร เจ้าเป็นลูกชาติ ลูกตระกูล หน้าที่การงานก็กำลังจะเติบโตก้าวหน้า ต่อไปวันข้างหน้าเจ้าก็จะต้องเป็นเจ้าคนนายคน หากจะแต่งเมียทั้งที มันก็ต้องดูให้สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย”
“แต่...”
ฉัตรพูดไม่จบ พระยาโกสินทร์ขัดขึ้น
“พ่อถึงได้จัดงานเลี้ยงฉลองการกลับมาให้เจ้า แล้วเชิญบ้านที่มีลูกสาวที่มีชาติมีตระกูลทั้งหลายมาให้เจ้าได้เลือก เพราะฉะนั้นถ้าฉัตรจะไปคว้าหญิงชาวบ้านไม่มีเชื้อมีแถวมาเป็นเมีย พ่อไม่ยอม”

ท่าทีและสุ้มเสียงจริงจังของบิดา ทำเอาฉัตรอึ้งไปทันที
ด้านบัวกำลังนั่งอยู่บนเกวียนกับนายชด สองพ่อลูกกำลังมุ่งหน้าสู่พระนคร บัวนั้นโพกหัวกันแดดร้อนด้วย บัวนั่งนับเงินกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบแล้วหน้าเครียด นายชดหันมาดู

นายชดพูดหน้าเศร้า “เอ็งจะนับอีกกี่รอบ อัฐมันก็ไม่งอกเงยไปกว่าที่มีอยู่หรอกลูกเอ๊ย”
“แต่อัฐเท่าที่เรามีอยู่นี่ ส่งดอกท่านไม่พอแน่ๆจ้ะพ่อเราจะทำยังไงกันดีละจ๊ะ”
“ยังไงเราก็คงต้องไปพบท่านเจ้าคุณก่อนละ ขอความเมตตาจากท่าน”
“แต่ถ้าท่านไม่เมตตาเราละจ๊ะพ่อ” บัวทักท้วง
นายชดพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ทำหน้าครุ่นคิดกังวล

พิศกำลังคุมน้อยคัดพริกหยวกที่สวยๆ ส่งให้บ่าวคนอื่นเอาไปตัดหัว ตัดท้าย และชักไส้ออก โดยมีนางด้วงช่วยคุมอีกแรง
“นังน้อยเอ็งต้องเลือกเอาเฉพาะพริกหยวกที่ทรงตรงสวย ไม่หงิกงอ ไม่มีตำหนิสิ” สุ้มเสียงพิศเหมือนไม่พอใจมาก “นี่อะไร! มีแต่พริกช้ำๆ”
นางด้วง ซึ่งมีคดีกันอยู่รีบใส่ไคล้ทันที “บ่าวบอกมันแล้วเจ้าค่ะว่าให้คัดเอาแต่พริกที่เม็ดงามๆ นังน้อยมันก็สักแต่ว่าเลือกมาลวกๆ เจ้าค่ะ”
“ข้าเปล่าลวกๆ นะพี่ด้วง แต่ที่งาม มันมีเท่านี้เอง” น้อยบอก
พิศไม่พอใจอารมณ์ขึ้นมาเป็นริ้วๆ พูดเสียงดัง “งั้นเอ็งต้องออกไปหามาให้ข้าใหม่ เอ็งจะไปหาจากตลาดไหน หัวเมืองไหนก็ได้ แต่ข้าต้องการพริกงามๆ ข้าจะทำพริกหยวกแช่อิ่มเอาไปช่วยงานบ้านท่านเจ้าคุณโกสินทร์นะ ไม่ใช่ให้พวกเอ็งกินกันเองในบ้าน ของที่เอาไปขึ้นโต๊ะบ้านนั้น ต้องดีที่สุด! เข้าใจมั้ย”
“เจ้าค่ะ” น้อยรับคำ
พิศหยิบพริกหยวกที่บ่าวคนหนึ่งกำลังชักไส้ออกอยู่ขึ้นมาดูแล้วด่า “ทำไมเอ็งมือหนัก ชักไส้จนพริกช้ำยังงี้หา” พร้อมกันนั้นก็ปาพริกหยวกใส่หน้าบ่าวคนนั้นอย่างไม่ปราณีปราศรัย “ถ้าวันนี้เอ็งทำไม่ดี เอ็งไม่ต้องกินข้าว”
บ่าวลนลานเก็บพริกหยวกขึ้นมา ท่าทางกลัวพิศมาก
ระหว่างนั้นนายเพียรพานายชดและบัวขึ้นเรือนมา พอเห็นพิศกำลังยืนคุมบ่าวทำงานอยู่ก็รีบสั่งให้นายชดกับบัวลงนั่ง นางด้วงหันมาเห็น
“เอ้า..ไอ้เพียร เอ็งพาใครมาน่ะ”
พิศหันมามองตาม แต่เห็นหน้าบัวไม่ชัดเพราะบัวก้มหน้าและมีผ้าโพกผมบังหน้าอยู่ตลอดเวลา
“มีคนมาขอพบท่านเจ้าคุณ เรื่องส่งค่าเช่าที่นาขอรับ” นายเพียรบอก
พิศบอกนายเพียร “ไปตามพ่อมาสิ”
เห็นเพียรเดินเข้าไปในเรือน

ครู่ต่อมาพระยาสมานเดินเข้ามานั่งที่ตั่ง นายเพียรตามกลับมาด้วย บ่าวไพร่ที่อยู่แถวนั้นรีบเข้ามายกน้ำชาและพัดวีเอาใจกันเป็นการใหญ่ พิศเดินมานั่งกับพ่อ
“เอ้า เอ็งมีอะไรก็ว่ามา ไอ้ชด”
“คือว่า...ทีแรกกระผมตระเตรียมอัฐจะเอามาเป็นค่าเช่าที่นาให้ท่านเจ้าคุณขอรับ แต่กระผมถูกโจรมันปล้นเอาอัฐไปจนหมดเนื้อหมดตัว ปีนี้กระผมก็เลยไม่มีค่าเช่าที่นามาให้ท่านขอรับ” นายชดเรียนท่านเจ้าคุณท่าที
“อ้าว...ไม่มีอัฐมาให้ข้า ข้าก็ต้องยึดที่นาคืน เอ็งก็ต้องไปอยู่ที่อื่นสิ”
นายชดรีบคลานเข้าไปเกาะขาพระยาสมานแล้วยกมือขึ้นพนมไหว้ปลกๆ
“ถ้าท่านเจ้าคุณยึดที่นาไปแล้ว กระผมกับลูกก็จะไม่มีที่อยู่ ที่ทำมาหากิน กระผมกับลูกก็ไม่รู้จะอยู่กันได้ยังไงน่ะขอรับ ขอความเมตตากระผมกับลูกด้วยเถิดขอรับท่านเจ้าคุณ จะให้กระผมกับลูกกราบก็ยอม”

นายชดกวักมือเรียกบัวให้เข้ามากราบพระยาสมานเพื่อขอความเห็นใจ บัวรีบคลานเข้ามา จังหวะนั้นผ้าโพกผมของบัวหลุดออก เปิดเผยให้เห็นใบหน้าสวยงามของบัว
พระยาสมานตะลึงงัยชอบบัวในทันที พิศมองดูอยู่ขมวดคิ้วฉับ รู้ทันทีว่าพ่อชอบบัวเข้าให้แล้ว พิศไม่พอใจ นางด้วงเองก็หน้าตึงขึ้นมาเช่นกัน

“แต่เห็นแก่ว่าข้าก็รู้จักเอ็งมานาน แล้วเอ็งก็ส่งดอกให้ข้าทุกปีไม่เคยขาดเอาเช่นนี้แล้วกัน เอ็งเอาลูกเอ็งขัดดอกไว้ก่อน แล้วมีอัฐเมื่อไรค่อยมาไถ่ตัวมันกลับไปก็แล้วกัน”
นายชดจะไม่ยอม “แต่...”
บัวรีบจับมือพ่อห้าม “เอาเถิดจ้ะพ่อ ถ้านี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้เราไม่ถูกยึดที่นาไป ข้าก็ยอมจ้ะ”
นายชดจะไม่ยอม แต่บัวพยักหน้าให้นายชดเป็นเชิงว่า..ให้เอาตามนี้ พระยาสมานถามย้ำ
“เอ้า...ว่าไงล่ะไอ้ชด”
นายชดไม่ยอมตอบ บัวเลยตอบแทน
“ตกลงเจ้าค่ะ”
นายชดคอตก ในขณะที่พระยาสมานยิ้มออกมาทันที บัวมองหน้าพระยาสมาน สีหน้าหวาดหวั่นแต่พยายามนิ่งไว้ ส่วนพิศมองอาการพ่อแล้วเดาออกทุกอย่าง แต่ก็ไม่พูดอะไร
พระยาสมานเอ่ยขึ้น “เอ้า! นังด้วง พาแม่บัวไปเรือนพักทีไป๊” นิ่งคิดอยู่นิดหนึ่ง “แต่เรือนหลังท่าจะแออัดกันเกินไปแล้ว ให้ไปอยู่ที่กระท่อมท้ายสวนก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ” นางด้วงเข้าไปหาบัว “มาสิ! ข้าจะพาไปที่กระท่อม”
พิศเห็นพ่อมองบัวไม่ละสายตาเลย ก็ตัดสินใจพูดขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวค่ะเจ้าคุณพ่อ”
พระยาสมานแปลกใจ “มีอะไรรึลูกพิศ”
พิศเดินเข้าไปดูหน้าบัวใกล้ๆ “นังนี่หน้าตามันสะอาดสะอ้านเกลี้ยงเกลาดี พิศอยากได้ไว้ใช้งานค่ะเจ้าคุณพ่อ”
พระยาสมานหน้าเจื่อนไป “โธ่..ลูกพิศ จะอยากได้คนบ้านนอกคอกนามารับใช้ใกล้ตัวทำไม เดี๋ยวมันจะทำเซ่อซ่าให้พิศรำคาญเสียเปล่าๆ ให้มันไปอยู่กระท่อมท้ายสวนโน่น แล้วก็ช่วยงานในโรงครัวไป..ไม่ดีกว่ารึ”
“แต่พิศอยากได้มันนี่คะ”
“แต่พิศก็มีนังด้วงอยู่แล้วนี่ลูก”
พิศย้อนถามเสียงแข็ง

“ตกลงเจ้าคุณพ่อจะไม่ยกนังทาสคนใหม่นี่ให้พิศรึคะ”
ครู่ต่อมาสองพ่อลูกอยู่ตรงลานบ้านพระยาสมาน นายชดจับบ่าสองข้างของลูกสาวไว้ มองหน้าบัวท่าทางเป็นห่วงอย่างยิ่ง

“ถ้าพ่อมีทางอื่น พ่อจะไม่ยอมทำอย่างนี้เลยบัวเอ๊ย”
“แต่พ่อต้องทำจ้ะ เพราะพ่อจะอยู่ดูแลที่นาเราได้ดีกว่าฉัน แล้วปีหน้า...พอพ่อขายข้าวได้อัฐ พ่อก็ค่อยเอาอัฐมาไถ่ตัวฉันกลับบ้าน...ก็แค่ปีเดียวเอง..นะจ๊ะพ่อ..นะจ๊ะ” บัวอ้อนวอน
นายชดพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ให้ค่ำมั่น แล้วอดใจไม่ไหว โผเข้ากอดบัวก่อนจะร้องไห้ออกมา สองพ่อลูกเลยกอดกันร้องไห้อยู่ตรงนั้นเอง สักครู่นายชดก็ค่อยผละออกจากบัว แล้วค่อยเดินกลับ ไปแต่ไม่วายเหลียวกลับมามองดูลูกสาวด้วยความเป็นห่วงอย่างที่สุด บัวมองตามจนพ่อลับตาไปแล้ว ก็เดินกลับขึ้นเรือน

พิศนั่งอยู่ในห้อง โดยมีนางด้วงปรนนิบัติพัดวีอยู่ใกล้ๆ บัวค่อยๆ เดินเปิดประตูห้องเข้ามาหน้าตาตื่นกลัว พอเห็นพิศนั่งอยู่ บัวก็ค่อยๆ ลงนั่งแต่ไกลแล้วคลานเข่าเข้าไปหา ก่อนจะกราบพิศที่เท้าอย่างเรียบร้อย
“บ่าวขอบพระคุณ คุณพิศเจ้าค่ะที่เมตตาให้บ่าวคอยอยู่รับใช้ใกล้ชิด บ่าวสัญญาว่า..บ่าวจะรับใช้คุณพิศอย่างดีที่สุดเจ้าค่ะ”
พิศสะบัดเท้าหนีบัวอย่างไม่แยแส
“เอ็งคงนึกว่าข้าชอบเอ็งสินะ” น้ำเสียงของพิศทั้งเยาะและเย้ยอยู่ในที ขณะกล่าวคาดโทษ “ฮึ ข้าแค่ไม่อยากให้เอ็งเอาพ่อข้าเป็นผัวได้ง่ายๆ ต่างหาก แล้วจำไว้ ถ้าเอ็งไม่อยากโดนหวาย เอ็งก็ต้องเก็บเนื้อเก็บตัวให้ดีๆ อย่ายุ่งกับพ่อข้า เข้าใจมั้ย”
บัวฟังแล้วถึงกับอึ้งไปเลย

พระจันทร์บนท้องฟ้าในค่ำคืนนี้เว้าแหว่ง ดุจวิถีชีวิตของบัวในยามนี้ บัวที่นอนอยู่หน้าเตียงของพิศ โดยมีนางด้วงนอนอยู่ห่างออกไปหน่อย บัวมองไปรอบๆ อย่างไม่คุ้นเคยกับที่ เห็นพิศนอนหลับอยู่บนเตียง ท่าทางสุขสบาย นางด้วงนอนหลับอยู่ที่พื้นใกล้ๆ

บัวหันกลับมามองตัวเอง แล้วถอนใจยาว สะท้อนใจนักกับชะตาชีวิตที่พลิกผัน จากคนอิสระต้องกลายมาเป็นทาสเพียงชั่วข้ามคืน!

รุ่งเช้าวันต่อมา พระยาโกสินทร์กำลังสั่งบ่าวไพร่จัดบ้านเพื่อเตรียมจัดงานเลี้ยงฉลองการกลับมาของลูกชายทั้งสองอยู่อย่างโกลาหล

“นายสน..เอากระถางต้นไม้มาลงตรงนี้”
นายสนกับบ่าวชายอีกคน ช่วยกันขนกระถางมาเรียงจัดสถานที่กันตามคำสั่ง ฉัตรอยู่ในชุดเครื่องแบบนายทหาร กับฉายอยู่ในสูทโก้จะออกไปทำงาน สองหนุ่มมองดูบิดาสั่งงานเหล่าบ่าวไพร่
“ดูท่าท่านเจ้าคุณพ่อตั้งใจจัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับการกลับมาของเราสองคนจริงๆ” ฉัตรว่ายิ้มๆ
“ก็เพราะเจ้าคุณพ่อท่านมุ่งมั่นจะให้พี่เลือกคู่จากลูกท่านหลานเธอที่เจ้าคุณพ่อเชิญมางานเลี้ยงมาก”
“พี่ฉัตรจะเลือกใคร ก็เลือกให้ดีนะขอรับ อย่าเลือกผิดอย่างผมก็แล้วกัน”
ฉัตรหันไปมองหน้าฉายอย่างตกใจ แล้วเห็นฉายทำหน้าเซ็ง ฉัตรก็เข้าใจทันทีว่าชีวิตคู่ของฉายกับแอนนาคงไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เห็น
“แต่เรื่องของหัวใจ..ใครจะกำหนดได้เล่าฉาย”
สีหน้าฉัตรขณะพูดคิดคำนึงถึงบัวขึ้นมาจับใจ

ขณะเดียวกันพิศ นางด้วง และบัวมาที่ตลาดตรงร้านขายเครื่องเทศ บัวนั้นมองรอบๆ ตัวอย่างตื่นตา นางด้วงมองบัวอย่างหมั่นไส้

“คุณพิศมาตลาดเครื่องเทศทำไมหรือเจ้าคะ” นางด้วงเอ่ยถาม
“ข้าก็จะมาหาซื้อเครื่องเทศเอาไปทำกับข้าว ไปช่วยงานที่บ้านท่านเจ้าคุณโกสินทร์น่ะสิ งานนี้ข้าจะทำกับข้าวคาวหวานให้สุดฝีมือทีเดียว”
นางด้วงเยินยอเอาใจ “แหม..ฝีมือคุณพิศทำกับข้าวน่ะล้ำเลิศหาคนเทียบฝีมือยากเจ้าค่ะ”
พูดแล้วนางด้วงก็เหลียวมามองดูบัวด้วยความหมั่นไส้
“ว่าแต่ว่าคุณพิศเอานังบัวมันมาด้วยทำไมเจ้าคะ เซ่อๆ ซ่าๆ อย่างนั้น ประเดี๋ยวก็ทำคุณพิศขายหน้าเขาเสียเปล่าๆ”

“ข้าก็ไม่ได้พิศวาสอะไรมันนักหรอกนังด้วง แต่ข้าไม่อยากทิ้งมันไว้ที่เรือนให้เป็นเหยื่อปากเหยี่ยวปากกา เอ็งก็รู้..พ่อข้าน่ะชอบใฝ่ต่ำขนาดไหน”
พิศเน้นคำตอนท้าย นางด้วงเม้มปากสะกดอารมณ์ฉุนไว้ พิศไม่สนใจ ซื้อของไปเรื่อย นางด้วงรับของที่พิศเลือกซื้อมาแล้วโยนให้บัวหอบหิ้วอยู่คนเดียวเลย

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 1/2 วันที่ 27 ธ.ค. 55

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ิัที่มา manager