อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 10 วันที่ 16 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 10 วันที่ 16 พ.ย. 55

พรรณีกับพิณทองได้ยินเสียง โผล่พรวดออกมาจากห้อง สองคนตกใจที่เห็นธานินทร์
“คุณธานินทร์”
“ท่าน...ท่านเป็นอะไรคะ”
เพชรแท้ประคองธานินทร์ลุกขึ้นนั่ง ธานินทร์พยายามพูด พรรณีกับพิณทองชะงักอยู่ ห่างออกไป
“ไม่ ไม่เป็นอะไร ฉันแค่...ปวดท้อง”
เพชรแท้สงสารปนโมโห

“คุณกินอะไรไม่ได้แล้วใช่ไหม คุณไม่สบายมากแล้วนี่ แล้วยังจะกินเข้าไปทำไม คุณจะฆ่าตัวตายเหรอ”
ธานินทร์น้ำตาคลอ จับมือเพชรแท้กุมไว้แน่น พูดออกมาอย่างตื้นตัน

“ฉันอยากกินส้มที่ลูกชายของฉันซื้อให้...มันเป็นของขวัญชิ้นแรก และอาจจะเป็นชิ้นสุดท้ายในชีวิต ที่ฉันจะได้รับจากเธอ...ฉันต้องกินส้มนี่ให้ได้ ต่อให้กินแล้วฉันต้องตาย ฉันก็ยอม”



“อย่า...อย่ากินเลย” เพชรแท้ดึงมือธานินทร์ออก
ในที่สุดเพชรแท้ทนใจแข็งต่อไปไม่ไหว กอดธานินทร์เอาไว้ แล้วร้องไห้ออกมา ธานินทร์เองก็ร้องไห้เหมือนกัน
“เพชร เพชรแท้...ให้ฉันเรียกเธอว่าลูกได้ไหม”
เพชรแท้ชะงักลุกเดินหนี ธานินทร์พยายามลุกตาม พรรณีกับพิณทองช่วยประคอง เพชรแท้ยืนหันหลังให้ น้ำตาไหลริน
“พ่อดีใจ ที่เราได้เจอกัน...พ่อรักลูกนะ เพชรแท้”
เพชรแท้หันกลับมา ทรุดตัวลง ร้องไห้โฮอย่างสุดกลั้น
“พ่อ...” ธานินทร์นั่งลงตาม ร้องไห้โฮเช่นกัน สองพ่อลูกกอดกันกลม ธานินทร์ยิ้มทั้งน้ำตา
พรรณี และพิณทองมองภาพตรงหน้า อดร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจไม่ได้

รถแท็กซี่ยังจอดรอธานินทร์อยู่ ทุกคนในบ้านเดินออกมาส่งธานินทร์ เพชรแท้ช่วยประคอง หน้าตาธานินทร์มีความสุขมาก ลูบเนื้อลูบตัวเพชรแท้อย่างรักใคร่ตลอดเวลา พิณทองกับพรรณีอยู่ด้วย เป็นภาพครอบครัวที่ดูมีความสุขมากๆ
“ส่งฉันแค่นี้ก็พอ ไม่ต้องห่วง ฉันกลับเองได้” มองหน้าเพชรแท้อย่างเต็มตื้น “แค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้ว” พลางตบไหล่ “ขอบใจมากนะลูก” กอดเพชรแท้แน่น
เพชรแท้ยิ้มให้ขณะที่ธานินทร์ขึ้นแท็กซี่ และแท็กซี่แล่นออกไป

ห่างออกมาไม่ไกลนักในมุมมืด ชนกนันท์แอบซุ่มดูอยู่ในรถ กดมือถือโทร.ออก
“ฮัลโหล คุณแม่คะ นกมีเรื่องจะบอกคุณแม่ค่ะ”
อังคณาอยู่ที่บ้านเลิศชัยวัฒน์ รับสายชนกนันท์ด้วยหน้าตาถมึงทึง โกรธมากกับสิ่งที่ได้ฟัง
“อะไรนะ! พ่อแกไปหามันที่บ้านเชียวเรอะ”
อังคณาโกรธแค้นขึ้นมาทันที

ครู่ต่อมาอังคณาเดินเข้ามาในห้องทำงานธานินทร์ตามลำพัง ยังโกรธกรุ่นๆ อยู่ อังคณาระบายอารมณ์ใส่ข้าวของธานินทร์ จนในที่สุดไปถึงกรอบรูปภาพของธานนิทร์ อังคณาหยิบรูปมามอง รำพึงอย่างแค้น ๆ
“ฉันจะทำยังไงกับคุณดี หือ...ธานินทร์ ฉันจะทำยังไงกับคุณดี”
อังคณาพูดกับรูปของธานินทร์
“คุณบอกว่าตลอดสามสิบปีที่เราอยู่ด้วยกันมา คุณไม่รักฉัน...ไม่เป็นไร” อังคณาแค่นยิ้ม “กระทั่งวาระสุดท้าย ก่อนจะตาย คุณยังใจร้ายกับฉัน...ไม่เป็นไร แต่นี่คุณถึงกับตะกายไปหาเมียเก่า” ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น “คุณคิดจะไปสร้างครอบครัวสุขสันต์ก่อนตายหรือไง ธานินทร์! คุณเห็นฉันเป็นอะไร คิดว่าฉันจะยอมง่าย ๆ งั้นหรือ...ธานินทร์!”
อังคณาขว้างรูปธานินทร์ลงกับพื้น กระจกแตกรอยร้าวกระจายไปทั่วใบหน้าธานินทร์ในรูป ส่วนใบหน้าของอังคณายามนี้โหดเหี้ยม และเลือดเย็น น่ากลัวยิ่งนัก

รุ่งเช้าชนกนันท์ และอังคณากำลังดื่มกาแฟยามเช้าด้วยกัน อังคณาดูนิ่งขรึมกว่าทุกวัน ท่าทางเหมือนใช้ความคิดตริตรองอยู่
ชนะศึกในชุดทำงานเดินเข้ามานั่ง ที่มุมปากยังมีรอยช้ำจากการต่อสู้กับเพชรแท้ น้อยรินกาแฟให้
“ทานอาหารเช้ามั้ยคะพี่ชนะ”
“ไม่ล่ะ กาแฟก็พอ พี่ต้องรีบเข้าไปทำงาน...” ชนะศึกสังเกตุเห็นชนกนันท์แต่งตัวเตรียมไปข้างนอกก็แปลกใจ “แล้วเราล่ะ จะไปไหนรึ”
“ว่าจะไปเยี่ยมคุณพ่อค่ะ”
“ดี ถ้านกไม่มีธุระอะไรล่ะก็ ช่วยอยู่เฝ้าคุณพ่อเอาไว้ด้วย เห็นป่วยหนักอย่างนั้นเถอะ ไว้ใจไม่ค่อยได้” คิดขึ้นมาเริ่มหงุดหงิด “เมื่อคืนก็หนีออกจากโรงพยาบาลกลับมาเกือบสี่ทุ่ม อาการแย่มากเลย...พี่หมอถามก็บอกว่าไปเดินเล่น”
ชนกนันท์มองหน้าอังคณา รู้กันว่าเมื่อคืนธานินทร์หายไปไหนมา
ชนะศึกเห็นสองคนมองสบตากัน ทำหน้าสงสัย ระหว่างนั้นน้อยเดินเข้ามาพอดี
“คุณเรืองโรจน์มาขอพบคุณผู้หญิงค่ะ”
อังคณาลุกขึ้น เรืองโรจน์เดินเข้ามาพอดี ชนะศึกมองเรืองโรจน์อย่างเกลียดชัง
เรืองโรจน์ทักทาย “สวัสดีครับ คุณอังคณา”
“ไปคุยกับฉันข้างล่าง”
อังคณาเดินนำลงไป ชนกนันท์กับชนะศึกมองตาม
ชนะศึกตั้งข้อสังเกต “พี่ว่าวันนี้คุณแม่ดูแปลกๆ ไปนะปกติได้ยินเรื่องคุณพ่อก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที แต่วันนี้ดูคุณแม่เงียบๆ เฉยๆ ยังไงก็ไม่รู้”

ชนะศึกสงสัย ชนกนันท์คิดตาม
เรืองโรจน์ถามอังคณาทันทีที่ประตูห้องเต้นรำภายในบ้านเลิศชัยวัฒน์ปิดลง

“คุณผู้หญิงจะให้ผมทำอะไร”
“งานใหม่ สำคัญมาก” อังคณาเน้นคำ
เรืองโรจน์ยิ้มกริ่ม “แปลว่า...ค่าจ้างก็น่าจะสูงกว่าเดิม”
“ฉันไม่เกี่ยง งานเสร็จเมื่อไหร่ แล้วอยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ต้องทำให้เรียบร้อย แนบเนียนที่สุด”
“คนอย่างผม ไว้ใจได้อยู่แล้ว” เรืองโรจน์คุยโอ่
“เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเรา เรารู้กันสองคน จะให้ใครรู้ไม่ได้เป็นอันขาด...โดยเฉพาะลูก ๆ ของฉัน”
เรืองโรจน์ยิ้มร้ายพยักหน้ารับคำ ขณะอังคณาหน้าตาเหี้ยมเกรียมดวงตาวาวโรจน์

ที่หน้าปากซอยบ้านพรรณีเช้านั้น พรรณีพาพิณทองไปทำงานด้วย เพชรแท้ช่วยหิ้วถุงใส่ชุดหลายใบและสะพายเป้ใส่ปืนของเขามาด้วย เพชรแท้ช่วยยกถุงขึ้นแท็กซี่ไปจนหมดแล้ว

“ขอบใจมากจ้ะ...แล้วนี่เดี๋ยวเพชรไปไหน” พรรณีสงสัย
“เพชรจะไปหาไอ้สมภพ” เพชรแท้พูดพลางตบเป้ “จะเอาของไปคืนมัน แล้วก็ไปถามเรื่องงานหน่อย”
“แล้วพี่เพชรจะไปหาท่านอีกมั้ย”
เพชรแท้อึ้งไปนิดหนึ่ง
“มีอะไรเหรอ เพชร”
“เพชรก็อยากไปนะแม่ แต่เพชรไม่อยากเจอพวกนั้น พวกบ้านของ...” เพชรแท้ออกอาการเก้อๆ เขินๆ นิดหนึ่งขณะพูดประโยคต่อมา “...พ่อเขาน่ะ”
“แม่เข้าใจ แต่คุณธานินทร์ป่วยมาก เขามาหาเพชรไม่ได้ เพชรก็ควรจะไป...นึกว่าเห็นแก่เขานะลูก”
“จ้ะ...เพชรจะลองดู”
พรรณีกับพิณทองขึ้นรถ เห็นรถแล่นออกไป

เพชรเดินออกมาที่ป้ายรถเมล์แล้ว ใจยังครุ่นคิดเรื่องที่พรรณีพูด เพชรปลดกระเป๋าเป้วางไว้บนตัก
จู่ๆ ชาย 2 คนท่าทางมีพิรุธ เดินตรงเข้ามาที่ป้ายรถเมล์ เหล่มองกระเป๋าเป้เพชรแท้ และทำทีเป็นรอรถ ทันใดนั้นชายคนหนึ่งก็เข้ามากระชากเป้ของเพชรแท้ทันที และวิ่งหนีไป
เพชรแท้ตกใจร้องลั่น “เฮ้ย...”
เพชรแท้วิ่งตาม แต่ถูกชายอีกคนหนึ่งยืนขวางทางเพื่อถ่วงเวลา เพชรแท้ชนชายคนนั้นจนมันเซไป แล้ววิ่งตามคนที่กระชากกระเป๋าเป้ไป

ชายคนนั้นวิ่งหนีไปอย่างว่องไว เพชรแท้วิ่งตามไปอีกครู่หนึ่ง ชายคนนั้นวิ่งเลี้ยวตรงมุมถนน เพชรแท้วิ่งเลี้ยวตามไล่กวดมาติดๆ จนสามารถดึงกระเป๋าเป้ไว้ได้ แต่ชายคนนั้นสะบัดเพชรแท้จนหลุดออก และวิ่งหนีเข้าไปที่ตึกร้างใกล้ๆ
ชายคนนั้นวิ่งเข้ามาแล้วแอบหลบอยู่ที่มุมหนึ่งลับตา เพชรแท้วิ่งตามมา แต่ไม่ได้มอง เลยวิ่งเลยไป เพชรแท้มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นวี่แววของชายคนนั้นแล้ว รู้สึกโมโหมาก
ชายคนนั้น แอบอยู่ที่มุมตึกที่เดิม เปิดกระเป๋าเป้ดู เห็นว่ามีปืนอยู่ ก็ยิ้มอย่างพอใจ

สองสาวนั่งอยู่ในร้านอาหารตามสั่ง พิณทองกับผึ้งกำลังนั่งกินข้าวกลางวัน บนโต๊ะมีข้าวกล่องวางอยู่ 1 ถุง พิณทองนั่งเหม่อ กินอะไรไม่ลง
“ตกลงอีตาเศรษฐีนั่นยังตามราวีเธออยู่อีกหรือเปล่า” ผึ้งเอ่ยขึ้น...หมายถึงชนะศึก
“เปล่า...เขาไม่มาอีกเลย”
ผึ้งมองพิณทองอย่างจับอาการ “ทำไมทำหน้ายังงั้น เสียใจที่เขาไม่มาหรือยังไง”
“บ้า...คนพรรค์นั้น มาทีไรก็มีแต่ทำให้คนอื่นเขาเจ็บช้ำน้ำใจ เขาไม่มาก็ดีแล้วล่ะ เขากับฉันยังไงมันก็ไปกันไม่ได้อยู่แล้ว ฉันควรจะเชื่อแม่กับพี่เพชรตั้งแต่แรก”
ผึ้งมองพิณทองอย่างเข้าใจความรู้สึก
“แต่มันก็หักใจไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
พิณทองถอนหายใจ “ฉันรู้นะผึ้งว่าเขาเป็นคนใจร้าย ฉันรู้ทุกอย่าง...ขอแค่ไม่เห็นกันซักวัน ฉันก็ทำใจได้เองแหละ” พิณทองดื่มน้ำ พูดตัดบท “กินอิ่มแล้วรีบไปกันเถอะ” แล้วคว้าถุงข้าว “แม่ฝากซื้อป่านนี้รอแย่แล้ว อย่าเสียเวลาพูดเรื่องคนอื่นเลย”
พิณทองลุกไป ผึ้งลุกตาม

ชนกนันท์ขับรถคุยกับโสภิตามาด้วย โสภิตารู้เรื่องเพชรแท้ ก็แปลกใจ
“ตกลงว่านายคนนั้นเขาเป็นลูกของพ่อเธอจริงๆ เหรอ”
ชนกนันท์ตอบเชิดๆ “ก็คงงั้น...ไม่งั้นพ่อฉันจะไปยกมรดกให้มันทำไม”
โสภิตาขำหัวเราะคิกคัก “ถ้าจริงก็เท่ากับว่านายนั้นเขาเป็นพี่ชายของเธอน่ะสิ”
ชนกนันท์ฉุนตีแขนโสภิตาดังเผียะ ไม่พอใจมาก
“นี่หยุดเลยนะ งั้นฉันโกรธเธอจริงๆ ด้วย ฉัน...ชนกนันท์ เลิศชัยวัฒน์...ไม่มีทางนับญาติกับไอ้เศษสวะอย่างนั้น อย่ามาเรียกมันว่าเป็นพี่ฉันอีกเป็นอันขาด”
“โอเคๆ โทษที” โสภิตาคลำแขนป้อยๆ เจ็บไม่น้อย “มือหนักชะมัด”
รถชนกนันท์เลี้ยวเข้ามาในมาสเตอร์ สปอร์ตคลับ แล้วจอดที่ด้านหน้าตึก จังหวะนั้นโสภิตาเห็นเพชรแท้กำลังยืนคุยอยู่กับสมภพ ก็ตกใจ
“อุ๊ย! นัดกันมาหรือเปล่าเนี่ย”
“อะไรของเธอ” ชนกนันท์งวยงง
“ก็พี่ชายสุดที่รักของเธอไง”
ชนกนันท์มองตามโสภิตา พอเห็นเพชรแท้ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก แววตาวาววับ
ชนกนันท์รีบบอกโสภิตา “ลงไปก่อน เดี๋ยวฉันหาที่จอดรถเอง”

โสภิตาลงจากรถไป ชนกนันท์มองเพชรแท้ด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย
เพชรแท้เสร็จธุระแล้ว กำลังล่ำลาสมภพ และขอโทษเรื่องปืนโดยคิดแค่ว่าเป็นการฉกชิงวิ่งราวธรรมดา

“ขอโทษอีกทีนะโว้ยเรื่องปืนน่ะ ซวยจริง ๆ มันเชิดเอาไปทั้งกระเป๋าเลย เอาไว้กูมีงาน หาตังค์ได้ แล้วกูจะซื้อมาใช้ให้”
“เฮ้ยไม่เป็นไร เรื่องงานน่ะ พี่เกียรติเขาบอกว่าเขาจะช่วยๆ ดูที่อื่นให้ อย่างเป็นโค้ชสอนเด็กตามสระแบบนั้นน่ะเอาไหม”
“อะไรก็ได้ กูอยากทำงานหาเงินให้เร็วที่สุด สงสารแม่กับพิณ...ไปละ” เพชรแท้เดินออกมา
สมภพเรียกไว้ “เออ...เพชร” ส่งมือถือให้ “เอานี่ไป เผื่อมีงานจะได้เรียกตัวกันได้ แล้วอย่าทำหายอีกล่ะ”
“ขอบใจมากเพื่อน”
จากนั้นเพชรแท้ก็แยกจากสมภพเดินมาคนเดียว

เพชรแท้เดินออกมาช้าๆ ทันใดนั้นเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม พร้อมๆ กับที่รถคันหนึ่งพุ่งเข้าหาเพชรแท้ทางด้านหลังด้วยความเร็วสูง
เพชรแท้ได้ยินเสียง หันไปดู จังหวะที่รถยนต์คันนั้นกำลังพุ่งมาหาเขา ระยะห่างไปไม่เกินสามเมตรแล้ว เพชรแท้ตกใจมากร้องลั่น
“เฮ้ย!”
ไวเท่าความคิด เพชรแท้กระโดดหลบเข้าข้างทางได้อย่างหวุดหวิด
ชนกนันท์ขับรถเลี้ยวตาม ตั้งใจจะพุ่งชนเพชรให้ได้ เพชรวิ่งหนีอุตลุดอยู่ในลานจอดรถ ชนกนันท์ขับไล่จี้
เพชรแท้หลบหลีกพัลวันพลางตะโกนด่า “อะไรกันวะ! บ้าไปแล้วหรือยังไง”
ชนกนันท์หัวเราะลั่นสะใจอยู่ในรถ
เพชรแท้หลบรถได้ ยืนนิ่งเพ่งมองดูคนขับ เมื่อเห็นว่าเป็นชนกนันท์ก็ยิ่งแค้น
“หนีเข้าไป นึกเรอะว่าจะรอด” ชนกนันท์คำรามในลำคอ
ชนกนันท์ขับรถพุ่งเข้ามากะจะชนเพชรแท้ ทว่าเพชรกลิ้งตัวหลบได้อย่างเฉียดฉิว
“เฮ้ย!”
ชนกนันท์ตกใจ เบรครถกึกนึกว่าชนถูกเพชรแท้ พอชนกนันท์เปิดประตูรถลงมาดู มองใต้ท้องรถไม่เห็น พอจะหันตัวกลับขึ้นรถ ก็เจอเพชรแท้ยืนอยู่ในระยะประชิดมองหน้านิ่งสีหน้าแค้นจัดและเอาเรื่อง สาวขาวีนตกตะลึง เพชรแท้เข้าไปกระชากตัวชนกนันท์ กดตัวลงกับรถ
“ปล่อยนะ แกจะทำอะไรฉัน”
“จะทำอะไรดีล่ะ กับคนที่มันคิดจะขับรถชนฉันให้ตาย ฉันควรจะทำอะไรมันดีมันถึงจะสาสม” บีบคอชนกนันท์ขู่เล่น “ฆ่าซะดีไหม”
ชนกนันท์กลัวแต่ยังปากดี “เอามือสกปรกของแกออกไปจากตัวฉันนะ ไม่งั้น ฉันจะ...”
พูดเท่านั้นชนกนันท์ก็เหยียบเท้าเพชรแท้สุดแรง เพชรแท้เจ็บจึงยอมปล่อย
พอเป็นอิสระชนกนันท์รีบหนีขึ้นรถ ปิดประตู แต่เพชรแท้ตามขึ้นไปนั่งเบาะหลังคนขับ เอื้อมมือไปใช้สายเซฟตี้เบลท์รัดคอนก
“จะหนีไปไหน”
“แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
เพชรแท้ตวาดเยาะเย้ย “ลืมไปแล้วเรอะว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็นลูกชายคนโตของคุณธานินทร์ เลิศชัยวัฒน์ นะครับ หรือถ้าจะพูดให้ถูก ฉันเป็นพี่ชายของแก”
“ไม่! ฉันไม่ยอมนับคนอย่างแกเป็นพี่”
“ต้องยอม! เรียกฉันว่าพี่เดี๋ยวนี้”
“ไอ้บ้า!”
“เรียกฉันว่าพี่!”
ชนกนันท์ด่ารัวเร็ว “ไอ้เลว ไอ้เดนนรก ไอ้เศษขยะ ไอ้หมาวัด...ไอ้....”
เพชรแท้รัดคอชนกนันท์แรงขึ้นอีก แล้วเอื้อมมือไปกดปุ่มที่จุดบุหรี่ในรถ
ชนกนันท์ตกใจกลัว “แกจะทำอะไรฉัน”
“ก็จะทำให้หน้าสวยๆ นี่กลายเป็นรอยไหม้ทุเรศไปทั้งหน้า ให้มันสาสมกับจิตใจเลวๆ ของแก แกคิดว่าแกจะทนได้ไหม”
ว่าแล้วเพชรแท้ก็หยิบที่จุดบุหรี่ร้อนๆ ขึ้นมาชูตรงหน้า ชนกนันท์หน้าซีดเป็นกระดาษ เพชรแท้ค่อยๆ จ่อเข้าไปใกล้หน้าชนกนันท์อีก จนในที่สุดชนกนันท์ทนไม่ไหวร้องกรี๊ด
“อย่า อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว”
คุณหนูขาวีนร้องไห้โฮด้วยความกลัว เพชรแท้ตะคอก
“เรียกฉันว่าพี่”
ชนกนันท์ร้องไห้สะอึกสะอื้น “พี่...พี่...”
“พี่ชื่ออะไร”
“พี่เพชร พี่เพชรแท้”
“ไม่ได้ยิน ดังๆ” เพชรแท้ตะคอก
ชนกนันท์ตะโกนเสียงดัง “พี่เพชรแท้”
จากนั้นชนกนันท์ก็ร้องไห้โฮอย่างหมดฤทธิ์ เพชรแท้คลายมือออก แล้วยิ้มเยาะ
“ก็แค่นี้...แต่จำไว้นะ ถึงเราจะมีพ่อคนเดียวกัน ฉันก็ไม่เคยคิดจะมีน้องเลวๆ อย่างพวกแก...ฉันไม่คิดจะนับญาติกับพวกแกทั้งนั้น จำเอาไว้!”

เพชรแท้ลงจากรถไปปิดประตูรถดังปัง ชนกนันท์ซบหน้าร้องไห้กับพวงมาลัยรถทั้งเจ็บทั้งอาฆาตแค้น
ที่ห้องโถงบ้านเลิศชัยวัฒน์ช่วงเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม อังคณานั่งนิ่งดื่มไวน์ย้อมใจอยู่ ท่าทางเครียดเคร่ง เหมือนตัดสินใจหรือกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง ครู่หนึ่งน้อยสาวใช้เดินเข้ามาคุกเข่าถาม

“คุณผู้หญิงคะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว จะให้จัดโต๊ะเลยไหมคะ”
“ไม่ต้อง...วันนี้ฉันกินอะไรไม่ลง”
“ค่ะ”
น้อยงงๆ เดินเลี่ยงออกไป
อังคณาวางแก้ว สายตาเหลือบไปเห็นรูปธานินทร์ที่วางอยู่ข้างโต๊ะชุดรับแขก สายตาของธานินทร์ในรูปที่มองมาทำให้อังคณาอึดอัดใจนิดๆ รำพึงเบา ๆ
“มองทำไม...ฉันไม่ใจอ่อนหรอกคุณธานินทร์”
อังคณาจับรูปธานินทร์คว่ำลงกับโต๊ะ

น้อยเดินเข้ามา ป้าทองดี และสาวใช้อีกคนกำลังช่วยกันจัดผักลงจาน
“นังน้อย จัดโต๊ะให้คุณผู้หญิงเสร็จหรือยัง” ทองดีถาม
“เก็บเข้าตู้เย็นไปแล้วป้า ท่านบอกว่าวันนี้ไม่ต้องตั้งโต๊ะกินไม่ลง” น้อยบอก
“เรอะ” ทองดีสงสารนาย “โถ คงจะกลุ้มใจเรื่องคุณผู้ชาย”
“คงงั้นแหละป้า ผัวจะตาย ใครจะไปกินข้าวลง” น้อยว่า
ทองดีตีแขนน้อยดังเผียะ พูดปราม “นังนี่ ปากเสีย มันเรื่องอะไรมาแช่งคุณผู้ชาย”
“โอ๊ย...แช่งเชิ่งอะไรล่ะป้า ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น คุณผู้ชายท่านป่วยหนัก คุณนกว่าใจร้ายๆ น่ะยังแอบร้องไห้ทุกวัน” น้อยเม้าท์ใหญ่ “ตะกี้ฉันยังเห็นคุณผู้หญิงท่านคว่ำรูปคุณผู้ชาย คงจะทนดูไม่ไหว”
ทองดีน้ำตาคลอ “ผัวเมียกัน มันก็เหมือนลิ้นกับฟันนั่นแหละ น้อยเอ๋ย ถึงจะทะเลาะกันยังไง พอจะตายจากกันเข้าจริง ๆ ก็คงอดอาลัยไม่ได้ น่าสงสารคุณผู้หญิงจริงๆ”
น้อยพยักหน้า ทุกคนเศร้า พากันเห็นใจอังคณา

อังคณายังคงนั่งอยู่ที่เดิม สีหน้าดูเป็นกังวล เหมือนคิดไม่ตก

เพชรแท้เดินเข้ามาที่หน้าบ้าน แปลกใจที่เห็นบ้านมืดทั้งหลัง ไฟปิดทุกดวง ประตูก็ถูกล็อคกุญแจไว้ เพชรแท้เขย่าประตู ก่อนจะส่ายหน้าเซ็งๆ แล้วเดินมานั่งรอพรรณี และพิณทองที่ชานบ้าน เพราะตนไม่มีกุญแจ
จังหวะที่เพชรแท้นั่งลงนั้น ชายหนุ่มเห็นที่ชานบ้านมีจดหมายเสียบอยู่ จึงหยิบขึ้นมาดู เห็นจ่าหน้าซองถึงตัวเอง

เวลาเดียวกันที่โรงพยาบาล พยาบาลเดินตรงมาที่ห้องธานินทร์ถือซองจดหมายมาด้วย ธานินทร์กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง
“คุณธานินทร์คะ มีจดหมายค่ะ”
ธานินทร์แปลกใจ “จดหมายของใคร”
“มีคนเอามาส่งให้สักครู่นี้เอง บอกว่าคุณเพชรแท้ฝากมาให้ค่ะ”
เช่นเดียวกับเพชรแท้ถือจดหมายอยู่ สีหน้าท่าทางแปลกใจมาก ในที่สุดก็เปิดอ่าน
“เพชรแท้ ลูกรัก พ่อมีเรื่องสำคัญจะบอกกับลูก เรื่องนี้เป็นความลับ จะให้ใครรู้ไม่ได้...”
ธานินทร์เองก็เปิดจดหมายดู หลังจากพยาบาลออกจากห้องไปแล้ว
ธานินทร์อ่านในใจ “พ่อครับ เพชรมีเรื่องเดือดร้อน พ่อคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเพชรได้...”

เพชรแท้อ่านออกเสียง “พ่ออยากให้เพชรมาพบพ่อที่...” เพชรแท้ไม่คุ้นสถานที่ “คืนนี้เวลาสามทุ่มตรง พ่อจะรอลูกอยู่ที่นั่น”

ธานินทร์อ่านในใจ “เพชรจะรอพ่ออยู่ที่นั่น...เพชรแท้”

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 10 วันที่ 16 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th