อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 9 วันที่ 15 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 9 วันที่ 15 พ.ย. 55

หมอสั่งเพิ่มระดับไฟฟ้า แล้วปั้มหัวใจธานินทร์อีกครั้ง
ชนะศึกร้องไห้ฟูมฟาย ซบหน้าลงข้างเตียง
ทันใดนั้นที่จอมอนิเตอร์ เส้นระดับการเต้นของหัวใจเริ่มขยับขึ้น หัวใจธานินทร์กลับมาเต้นอีกครั้งแล้ว
“คลื่นหัวใจมาแล้วนี่ พยาบาลหยุดปั๊มนะ แล้วเอาเข้าห้องไอซียูก่อน” หมอสั่ง
ชนะศึกหายใจลึก โล่งอกที่พ่อปลอดภัยแล้ว
“คุณพ่อครับ”
ชนะศึกก้มลงกอดธานินทร์

ชนะศึกเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินกับหมอ
“คุณพ่อเป็นอะไรกันแน่ครับ ทำไมคุณพ่อถึงปวดท้อง แล้วทำไมอาการถึงได้หนักขนาดนี้ คุณพ่อไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”
“คุณอาท่านเป็นมะเร็งในลำไส้ แต่ท่านขอไว้ไม่ให้ผมบอกใคร” หมอบอก
ชนะศึกชะงัก “มะเร็งในลำไส้”
“ใช่...ระยะสุดท้าย หมอคิดว่าท่านอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน”
ชนะศึกตกใจมาก “หมายความว่ายังไงไม่นาน อีกกี่เดือน อีกกี่ปี”
หมอลำบากใจพูดออกมาอย่างยากเย็น “ย่างมากก็คงไม่เกิน….สอง…หรือสาม….อาทิตย์”



ชนะศึกตกตะลึง น้ำตาเริ่มเอ่อออกมา
เย็นนั้นชนกนันท์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับชนะศึก สีหน้าตื่นตระหนกตกใจ
“พี่ชนะว่าไงนะคะ”
อังคณาซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ หันมามองนก
“พี่หมอบอกว่า...คุณพ่อป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย”
ชนกนันท์ตกตะลึง “เป็นไปได้ยังไง...ค่ะ เดี๋ยวนกกับคุณแม่จะรีบไป”
ชนกนันท์วางหู
“มีอะไรยัยนก”
“พี่ชนะโทร.มาบอกว่า ตอนนี้คุณพ่ออยู่โรงพยาบาลค่ะ”
อังคณามีท่าทีไม่ค่อยสนใจ “เป็นอะไรอีกล่ะ”
ชนกนันท์อ้ำอึ้ง “คุณพ่อ...คุณพ่อ พี่ชนะบอกว่าคุณพ่อเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย จะอยู่ได้อีกไม่เกิน สองถึงสาม อาทิตย์ค่ะ”

อังคณาอึ้ง ชะงักงัน ด้วยความตกใจ
ค่ำนั้นภายในห้องพักโรงพยาบาลซึ่งเป็นห้อง suite วีไอพีกว้างขวาง มีห้องรับแขกด้วย ธานินทร์นอนอยู่บนเตียง สายน้ำเกลือระโยงระยาง พยาบาลกำลังให้ออกซิเจนแก่ธานินทร์ ใช้หลอดเสียบจมูกไว้

ชนะศึกนั่งนิ่งอยู่ข้างเตียง มองพ่อที่นอนหลับอยู่ด้วยความเป็นห่วง จังหวะหนึ่งชนะศึกเอื้อมมือไปจับมือพ่อไว้ น้ำตาไหลออกมา
“ทำไมครับ ทำไมไม่บอกอะไรผมเลย ทำไมไม่บอกผม ว่าพ่อป่วยหนักขนาดนี้ ผมเป็นลูกชายของพ่อนะ ทำไมพ่อไม่บอกผม”
ชนะศึกก้มหน้าร้องไห้
ครู่หนึ่งธานินทร์ค่อยๆ รู้สึกตัว ลืมตาตื่นขึ้นมา ได้ยินเสียงสะอื้นอยู่ ธานินทร์เหลือบมองไป เห็นเป็นชนะศึก จึงพูดปลอบออกมาเสียงแผ่วเบา
“ชนะ อย่าร้องลูก อย่าร้องไห้”
ชนะศึกได้ยินจึงเงยหน้าขึ้นมา ยกมือเช็ดปาดน้ำตา “พ่อครับ พี่หมอบอกผมหมดแล้วครับ” ธานินทร์นิ่งไป “ว่าอาการพ่อร้ายแรงขนาดไหน ทำไมพ่อไม่บอกผมล่ะครับ ทำไม”
“มันไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่ลูกคิดหรอก” ธานินทร์ถอนใจปลงๆ “จะสองปี สองเดือน หรือว่าสองอาทิตย์ สุดท้ายทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย”
ชนะศึกน้ำตาไหล “คุณพ่อ”
“คนเราจะมีชีวิตอยู่นานแค่ไหนมันไม่สำคัญหรอก สำคัญว่าเราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือยัง” น้ำเสียงธานินทร์เศร้า “พ่อแค่เสียดายว่า พ่ออาจจะต้องตายไป ทั้ง ๆ ที่ยังทำมันไม่สำเร็จ” มองชนะศึกสายตาเว้าวอน “ชนะช่วยพ่อได้ไหม”
“พ่อบอกผมมาเลยครับ ผมทำได้ทุกอย่าง”
“พ่ออยากเจอเพชรแท้” ธานินทร์บอก
ชนะศึกลุกขึ้นหันหลังให้ธานินทร์อย่างไม่พอใจ
“ทำไมล่ะชนะ ลูกสัญญากับพ่อแล้ว ว่าลูกจะทำให้พ่อทุกอย่าง”
“ทำไมครับพ่อ ที่พ่อป่วยหนักขนาดนี้ก็เพราะไปหามันมาไม่ใช่เหรอ พ่อบอกเหตุผลของพ่อมาสิ ทำไม”
ธานินทร์ตัดสินใจบอกความจริง “เขาเป็นลูกของพ่อ”
ชนะศึกชะงัก ตกตะลึง “พ่อว่าไงนะครับ”
“เขาเป็นลูกของพ่อกับพรรณี ลูกชายอีกคนของพ่อ” ธานินทร์ย้ำคำ
ชนะศึกว้าวุ่น สับสน ทั้งตกใจ ทั้งโกรธ ทั้งไม่อยากเชื่อ
“เป็นไปได้ยังไง”
“พรรณีท้องก่อนที่พ่อจะมาแต่งงานกับแม่ของลูก” ธานินทร์บอก

คืนนั้นอังคณา เดินนำหน้าชนกนันท์มาตามทางเดินในโรงพยาบาลอย่างรีบร้อน
“คุณพ่อนะคุณพ่อ...เป็นหนักถึงขนาดนี้แล้วยังจะปิดกันอยู่ได้” ชนกนันท์บ่นตามประสา
“เขาคงไม่อยากให้พวกเรารับรู้เรื่องอะไรของเขาแล้วล่ะมั้ง” อังคณาประชด
“แล้วเป็นไงล่ะคะ...พอเป็นหนักขึ้นมา คนที่คอยมาดูแลก็หนีไม่พ้นคุณแม่”
ระหว่างนั้นชนะศึกยืนพิงประตูหน้าเครียดอยู่หน้าห้องพักฟื้นของธานินทร์
อังคณากับชนกนันท์เดินมาถึงพอดี
ชนกนันท์แหวใส่ชนะศึก “อะไรกันคะพี่ชนะ โรงพยาบาลก็ใหญ่โตขนาดนี้ มาปกปิดกันได้ยังไงว่าคุณพ่อเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย”
“หมอบอกว่าคุณพ่อท่านขอเอาไว้ไม่ให้บอกใคร”
“คุณพ่อนะคุณพ่อ แล้วนี่จะทำยังไงกันคะ จะทำยังไง”
ชนกนันท์ทั้งเสียใจทั้งเป็นห่วงพ่อ อังคณาที่ฟังอยู่นิ่งๆ พูดด้วยเสียงเยียบเย็นกับชนกนันท์
“หยุดโอดครวญได้แล้วยัยนก เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว จะทำยังไงได้” หันมาทางชนะศึก “แล้วพ่อแกไปทำอะไรที่ท่าเรือนั่นตาชนะ”
ชนะศึก อึกอักลำบากใจที่จะบอก แต่ต้องพูด “ไปหานายเพชรแท้ครับคุณแม่”
อังคณาอึ้ง สายตาวาววาม เดินเข้าไปในห้องพักฟื้นของธานินทร์ทันที

ในห้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล ธานินทร์นอนหลับอยู่บนเตียง อังคณาเปิดประตูห้องเข้ามา ยืนมองทั้งโกรธทั้งแค้น
ครู่หนึ่งธานินทร์ลืมตาขึ้นมาแต่ต้องชะงัก อังคณายืนอยู่ข้างเตียง จ้องมองมาที่ธานินทร์พูดแดกดัน
“เป็นไง...จะตายอยู่แล้วยังไปหาไอ้เพชรแท้มันอีก สมบัติก็แบ่งให้มัน นี่จะตายก็ยังอยากอยู่กับมันจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตเลยสินะ”
ธานินทร์เบือนหน้าไปทางอื่น อังคณาเอื้อมไปจับหน้าของธานินทร์ให้หันมาทางตัวเอง
“ฉันพูดด้วย ต้องมองหน้าฉันซี”
อังคณายอมปล่อยมือออก ธานินทร์จ้องหน้า “ผมจะทำอะไรก็เรื่องของผม คุณมาที่นี่ทำไม”
“ก็แค่มาเยี่ยม...คนอยู่ด้วยกันมาสามสิบปี อีกไม่นานก็จะไม่ได้เห็นหน้ากันแล้ว ก็ต้องมาเยี่ยมกันหน่อย”
ธานินทร์มองมาอย่างชิงชัง “ผมดีใจ ดีใจที่ตายจากคุณไปได้เสียที”
อังคณามองธานินทร์ด้วยสายตาเกลียดชังไม่แพ้กัน ก่อนจะก้มลงไปกระซิบเสียงเหี้ยม
“ต่อให้คุณตายไป อีบ้านนั้นก็ไม่มีทางได้อยู่อย่างสงบสุขหรอก ฉันจะตามรังควาน จนกว่าฉันกับพวกมันจะตายจากกัน”

รุ่งเช้าเพชรแท้อยู่หลังบ้าน กำลังใช้ขวานผ่าฟืน ปอกมะพร้าว เพชรแท้ฟันมีดลงอย่างแรง เพื่อระบายอารมณ์ พรรณีเดินออกมาจากในบ้าน
“เพชร”
“แม่ไม่ต้องมาพูดอะไรหรอก ยังไงเพชรก็ไม่ยอมรับว่ามันเป็นพ่อ”
“แต่เราก็หนีความจริงไปไม่ได้หรอกลูก”
“เพชรไม่สน ทำไมแม่ต้องมาคาดคั้นเพชรด้วย เพชรเกลียดมัน เพชรเกลียดพวกมันทั้งบ้าน พวกมันทำกับเพชรไว้มากขนาดไหนแม่ลืมได้ยังไง อย่ามาพูดเรื่องนี้กับเพชรอีก เพชรไม่มีพ่ออย่างมัน”
พรรณีนิ่งงันไป รู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ

เวลาผ่านไป พิณทองได้รู้ทุกอย่างแล้ว นั่งลงข้างๆ พรรณี
“อะไรนะคะแม่ พี่เพชรเป็นลูกของท่าน”
“พิณ แม่มีลูกกับท่าน ก่อนที่แม่จะมาเจอกับพ่อของพิณ แต่ว่าท่านไม่รู้หรอก”
“แล้วท่านว่ายังไงบ้างจ๊ะ”
“พอท่านรู้ ท่านก็อยากทำดีกับเพชร ความจริงที่เพชรหลุดคดียาบ้านั่นน่ะ ก็เพราะท่านช่วย ท่านอยากจะเจอกับเพชรในฐานะพ่อ แต่ว่าเพชรก็ไม่ยอม”
พิณทองเข้าพี่ชาย “พี่เพชรคงจะช็อคที่อยู่ดี ๆ คนที่เคยเป็นพ่อกลับไม่ใช่ แล้วกลายเป็นคนอื่นที่มาเป็นพ่อ เป็นใครเจอแบบนี้ก็ทำใจยาก พิณว่าให้เวลาพี่เพชรหน่อยเถอะนะแม่”
พรรณีมองผ่านประตูออกไป เห็นเพชรแท้ฟันฟืนระบายอารมณ์ ก็ได้แต่นึกว่าคงต้องรอเวลาต่อไป

ตอนกลางวันในวันเดียวกัน พิณทองกำลังเดินออกไปปากซอยเพื่อซื้อของ ชนะศึกขับรถมาจอดตรงหน้า แล้วลงมาจากรถ ทั้งคู่สบตากันแวบหนึ่ง
“คุณมาทำอะไรที่นี่ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่อยากเจอหน้าคุณอีก”
“ผมไม่ได้มาหาคุณ ผมมาหาพี่ชายคุณ”
“มาหาเขาทำไม”
“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา”
“จะมาหาเรื่องอะไรพวกเราอีก”
“มันเป็นเรื่องระหว่างผมกับเขา เราต้องคุยกันตัวต่อตัว”
ชนะศึกเดินไปทางหน้าบ้านทันที พิณทองตามไปขวาง
“เดี๋ยว หยุดนะ...ฉันไม่ให้คุณไป”
ชนะศึกเดินเข้าไปประชิดตัว พิณทองเชิดหน้าสู้ ชนะศึกขยับเดินเข้ามาจนชิดตัวพิณทอง
พิณทองชักสู้ไม่ไหว จำต้องถอยไปอีกนิดหนึ่ง ชนะศึกยิ้มเย็นชา
“พิณทอง คุณขวางผมไม่ได้หรอก ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำอะไรพี่ชายคุณหรอก รับรอง”

พูดจบชนะศึกก็เดินเลี่ยงไปเร็วรี่ พิณทองได้สติ รีบวิ่งตามไป
ขณะที่เพชรแท้กำลังซ่อมมอเตอร์ไซค์อยู่ที่หน้าบ้าน ใกล้ๆ กันนั้นมีกระเป๋าเป้ของเพชรแท้แขวนไว้ ครู่หนึ่งชนะศึกก้าวเข้ามาทางด้านหลัง

“คุณเพชรแท้”
เพชรแท้ชะงักลุกขึ้น
“มึงมาที่นี่ทำไม”
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”
“กูไม่มีอะไรจะคุยกับมึง” เพชรแท้ไล่ ชี้ไปที่ประตู “มาทางไหนมึงไปทางนั้น ออกไป” เห็นชนะศึกนิ่งยิ่งโมโห “จะเดินกลับไปเองดี ๆ หรือจะต้องให้หามออกไป”
ชนะศึกพูดดีๆ ด้วย “ผมไม่ได้มาหาเรื่อง” เพชรแท้เมินหน้าหนี “ฟังผมก่อน ผมไม่ได้อยากมาด้วยซ้ำ แต่ผมต้องมาหาคุณเพราะว่า...”
เพชรแท้สวนคำทันควัน
“พ่อมึงสั่งให้มาใช่ไหม นึกว่าให้ลูกชายมาพูดแล้วกูจะฟังเหรอ กูไม่ฟัง มึงกลับไปได้แล้ว...ไป”
“คุณพ่อกำลังป่วยหนัก ตอนนี้ท่านอยู่ที่โรงพยาบาล ท่านอยากเจอคุณ”
“แต่กูไม่อยากเจอ กูไม่ไปไหนทั้งนั้น มึงมาทางไหนออกไปทางนั้นเลย”
“คุณพ่อป่วยหนัก ท่านอยากพบคุณ ท่านกำลังจะ...ตาย”
เพชรแท้ไม่ใส่ใจ “เหรอ แล้วไง ตายก็ตายไปสิ เกี่ยวอะไรกับกูล่ะ”
ชนะศึกโกรธกรุ่นๆ “พูดออกมาได้ยังไง คุณยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ผู้ชายที่กำลังจะตาย เป็นพ่อแท้ๆ ของคุณนะ”
เพชรแท้เยาะหยัน “พ่อเหรอ สามสิบปีที่ผ่านมา กูไม่เคยเห็นหน้ามันเลย อยู่ดี ๆ มาบอกว่าเป็นพ่อกู มาอ้างความเป็นพ่อเป็นลูกกับกู มันไม่ง่ายอย่างงั้นหรอก มึงกลับไปได้แล้ว ไป”
“ผมไม่กลับ” ชนะศึกตัดสินใจเข้าไปหาเพชรแท้
“ไอ้นี่ยังไง ก็บอกไม่ไปไง”
ชนะศึกเข้ามาดึงตัวเพชรแท้ “คุณต้องไป”
“อะไรของมึงวะ กูไม่ไป”
“ต้องไป”
เพชรแท้ทนไม่ไหวผลักชนะศึกจนหงายหลังไป ชนะศึกลุกขึ้นสู้
“ออกไปได้แล้ว กูไม่ไป”
“คุณต้องไป”
ชนะศึกยืนกราน แล้วเข้าไปหาอีกครั้ง เพชรแท้ผลักชนะศึกออก จนชนะศึกล้มลงอีก จังหวะนั้นพิณทองเดินเข้ามาเห็นก็ตกใจ แต่ไม่รู้จะทำยังไง
“พี่เพชร”
ชนะศึกไม่ยอมแพ้เดินเข้าไปอีก
“คุณต้องไปกับผม”
เพชรแท้ชกเข้าที่ท้องของชนะศึก จนล้มลงไป แต่ชนะศึกก็ลุกขึ้นอีกครั้ง
“คุณต้องไปกับผม”
เพชรแท้โมโหชกที่ท้องชนะศึกอีก
พิณทองยิ่งตกใจ “พี่เพชร”
ชนะศึกเดินเข้ามาหาอีก “ผมรับปากพ่อไว้แล้ว ผมจะเอาตัวคุณไปให้ได้”
“พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องใช่ไหม งั้นพูดกับไอ้นี่”
ว่าแล้วเพชรก็เดินไปเปิดกระเป๋าเป้ แล้วหยิบปืนออกมา จ่อปืนมาที่ชนะศึก
“พี่เพชรอย่านะ”
พิณทองเดินไปกดปืนลง ก่อนจะหันไปพูดกับชนะศึก
“คุณกลับไปซะ แล้วอย่ามายุ่งกับพวกเราอีก”
ชนะศึกมองหน้าเพชรแท้ ที่เล็งปืนขู่อยู่
“มึงกลับไปซะ แล้วฝากไปบอกพ่อมึงด้วย” น้ำเสียงเจ็บแค้น “กูมีพ่อคนเดียว แล้วเขาก็ตายไปแล้ว ส่วนมัน ถึงมันจะทำให้กูเกิด แต่กูก็ไม่ยอมเรียกมันว่าพ่อ ไม่มีทาง มึงกลับไปได้แล้ว”
เพชรแท้เล็งปืนตาไม่กระพริบ
“พี่เพชรอย่า”
ชนะศึกรู้ว่าพูดต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ ตัดสินใจจะกลับ แต่ก่อนไป ชนะศึกหันมาทิ้งท้าย
“ไม่ว่าคุณจะบอกตัวเองยังไง ความจริงก็คือความจริง เขาเป็นพ่อคุณ เขาป่วยหนักมาก และเขาก็อยากเจอคุณ คุณจะยอมรับความจริงหรือไม่ก็ได้ แต่คุณมีเวลาตัดสินใจ อีกไม่เกินสองอาทิตย์”
ทั้งเพชรแท้ และพิณทองต่างชะงักงันกันไป ชนะศึกหันหลังเดินออกไป พูดเน้นทุกคำ
“พ่อแท้ ๆ ของคุณจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินสองอาทิตย์ คุณจะทำยังไงก็คิดดูเอาเองก็แล้วกัน”
ชนะศึกเดินลับตัวออกจากบ้านไป
เพชรแท้อึ้ง ลดปืนลง

พรรณีกำลังตากผ้าอยู่กับพิณ
“สองอาทิตย์เหรอ” ตกใจ “เป็นไปได้ยังไง”
“คุณชนะศึกเขาบอกอย่างนั้นน่ะค่ะ เขาว่าท่านป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย”
“ทำไมโชคร้ายเหลือเกิน” พรรณีใจหาย “เพิ่งจะได้เจอหน้ากันแท้ๆ แล้วนี่เพชรเขาว่ายังไง”
“พี่เพชรยืนยันว่ายังไงก็ไม่ไป”
พรรณีถอนใจ แล้วนิ่งงันไป
“พิณก็ไม่รู้จะพูดกับพี่เพชรยังไง มันเรื่องส่วนตัวของเขากับท่าน” พิณทองถอนใจ “แต่ก็น่าสงสารท่านนะแม่ ไหนๆ ท่านก็แก่แล้วป่วยขนาดนั้น จะไปโกรธแค้นอะไรกันนักหนา”
พรรณีตัดสินใจ จะไปคุยกับเพชรแท้

ชนะศึกเดินมาที่ข้างเตียงพ่อ ยังไม่พูดอะไร สีหน้าหนักใจ
“เป็นไงมั่งชนะ เจอไหม...เขาว่ายังไงมั่ง”
ธานินทร์ถามชนะศึกเร็วๆ
“ว่าไง เจอเขาไหม เขายอมมาหาพ่อหรือเปล่า บอกเขาหรือเปล่าว่าพ่อเป็นยังไง เขาจะมาเมื่อไหร่”
“คุณพ่อหลับสบายดีไหมครับ” ชนะศึกอึดอัดใจ
“พ่อถามลูกไงชนะ บอกพ่อมาซี เพชรว่ายังไงบ้าง”
เห็นชนะศึกนิ่งไป ธานินทร์เหมือนจะรู้ว่าคำตอบ
“เขาไม่ยอมมาใช่ไหม”
ชนะศึกพูดอะไรไม่ออก
“เขายังโกรธพ่อใช่ไหม เขาถึงไม่ยอมมาหาพ่อ บอกเขาหรือเปล่าว่าพ่ออยากเจอเขาเป็นครั้งสุดท้าย ลูกขอร้องเขาหรือเปล่า บอกเขาหรือเปล่า...ว่าพ่อกำลังจะตาย...”
ธานินทร์ร้องไห้พยายามลุกขึ้นนั่ง ชนะศึกเข้าไปกอดพ่อไว้
“คุณพ่ออย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องนี้เลยครับ นอนพักก่อนดีกว่า”
ธานินทร์น้ำตาไหลริน “เขาเกลียดพ่อ ขนาดพ่อจะตาย เขายังไม่ยอมมาดูใจ พ่อคงทำผิดร้ายแรงเหลือเกินชนะ” ธานินทร์สะอื้น “พ่อ...พ่อ...”
ชนะศึกสงสารพ่อ ตัดสินใจโกหก “พ่อครับ ผมไม่เจอเขา”
ธานินทร์อึ้ง “อะไรนะ”
“ผมตามหาเขาไม่เจอครับ แต่ผมจะหาเขาจนพบ ผมจะพาเขามาหาพ่อให้ได้ครับ...เขาต้องมา พ่อต้องได้เจอเขา เชื่อผมซีครับ”
ธานินทร์ค่อยคลายโศกเศร้า แววตามีความหวังขึ้น
“ลูกต้องพาเขามาให้ได้นะลูก” ธานินทร์ปาดน้ำตาขณะกำชับลูกชาย “ตามหาเพชรแท้ให้เจอ พาเขามาหาพ่อให้ได้นะลูกนะ”
ชนะศึกกอดธานินทร์อยู่อย่างนั้น รู้สึกเจ็บปวด และแค้นเพชรมากขึ้นไปอีก

เย็นนั้น อังคณากับชนกนันท์รู้เรื่องที่ชนะศึกจะไปตามเพชรแท้แล้วไม่พอใจ
“แกจะไปตามมันมาทำไม”
“มันเป็นความต้องการของคุณพ่อ”
“แล้วแกก็โง่ทำตามงั้นเหรอชนะ ลองนึกดูซี พ่อแกเขาจะอยากคุยกับมันเรื่องอะไร ก็ไม่พ้นเรื่องมรดกที่เขาจะยกให้มันน่ะซี”
“ไอ้กุ๊ยนั่นมันกำลังจะมาแย่งทรัพย์สมบัติของเราไปนะ พี่ชนะพี่จะไปช่วยมันทำไม” ชนกนันท์แหว
“พี่บอกแล้วไง ถ้าพ่อต้องการ พี่ก็ต้องทำให้พ่อสมหวัง”
“แต่มันสมบัติของเรานะพี่ ไอ้เพชรแท้มันไม่ควรจะได้”
ชนะศึกอึ้งไป ลังเลว่าจะบอกดีไหม
“แม่ว่าแกอยู่เฉย ๆ อีกไม่กี่วัน พ่อแกก็โวยวายอะไรไม่ได้แล้ว เรื่องมันก็จบไปเอง...คิดดูซีชนะ มันเรื่องอะไรจะเอาของที่ควรจะเป็นของเราไปยกให้คนอื่น ไอ้เพชรแท้มันเป็นใคร มันมีสิทธิ์อะไร”
ชนะศึกสวนออกมา “เขามีสิทธิ์”
“สิทธิ์อะไร” อังคณาแปลกใจ
“เขาเป็นลูกของคุณพ่อ”
อังคณา และชนกนันท์อึ้ง ตกตะลึงแทบช็อค
“อะไรนะ” อังคณาไม่เชื่อ
“ลูกของคุณพ่อ พี่พูดเรื่องบ้าอะไร”
“พ่อเพิ่งบอกกับพี่” ชนะศึกหันมาทางอังคณา “เพชรแท้ เป็นลูกของพ่อกับคุณพรรณี”
อังคณาผงะไป “เป็นไปได้หรือนี่”

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 9 วันที่ 15 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th