อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 4/2 วันที่ 3 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 4/2 วันที่ 3 พ.ย. 55

ชนะศึกมองไม่เห็นพิณทองจึงเดินเข้ามาดูในห้อง
ชนะศึกเดินเข้ามา ในห้องเก็บเอกสาร ตรงจุดที่พิณทองทำงาน แฟ้มเอกสารใหม่ถูกจัดเรียงไว้อย่างดี ชนะศึกเดินเข้ามา แล้วหยิบแฟ้มขึ้นมา เปิดดูเอกสารในแฟ้ม
ชนะศึกนิ่วหน้า “ทำงานเรียบร้อยอีกต่างหาก”
ชนะศึกเงยหน้าจากแฟ้ม หันซ้ายขวามองหาพิณทอง แต่ไม่เห็น จึงวางแฟ้มลง แล้วจะเดินสำรวจไปเรื่อย ๆ
“หนีกลับบ้านไปแล้วแน่ ๆ ยัยตัวดี”

ชนะศึกเดินเข้าไปในห้องเรื่อยๆ เห็นอะไรบางอย่าง รู้สึกแปลกๆ จึงเดินเข้าไปดู หลังกองเอกสารที่ถูกจัดไว้แล้ว ร่างของพิณทองนอนไม่ได้สติอยู่ ชนะศึกตกใจ
“พิณทอง พิณทอง พิณทอง” ชนะศึกเขย่าแขนเบาๆ “นี่” ตบที่แก้มเบาๆ “พิณทองเป็นอะไรน่ะ ตื่นสิพิณทอง ได้ยินมั้ย”
พิณทองยังคงนอนนิ่งไม่รู้สึกตัว ชนะศึกตัดสินใจช้อนร่างของพิณทอง แล้วอุ้มขึ้น แล้วรีบพาพิณทองออกจากห้องไปทันที



ไม่นานต่อมา ชนะศึกรออยู่หน้าห้องตรวจในโพลีคลินิคแห่งหนึ่ง ท่าทีกระวนกระวาย ชนะศึกเดินไปมาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินไปนั่ง แต่แล้วก็อดไม่ได้ ลุกขึ้นมาใหม่ แล้วเดินไปที่ประตูห้องตรวจ อยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น
ครู่หนึ่ง ประตูเปิดออก ชนะศึกรีบถอยหลังออกมา หมอออกมาจากห้องตรวจ
ชนะศึกลุกลี้ลุกลนด้วยความเป็นห่วง “คุณหมอครับ เขาเป็นอะไร แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“คงหน้ามืดเลยเป็นลมค่ะ คงจะอดอาหาร เพราะน้ำตาลในเลือดต่ำมาก แล้วก็มีอาการของโรคกระเพาะด้วย”
ชนะศึกอึ้ง “โรคกระเพาะเหรอ”
ชนะศึกเครียด สีหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุของอาการป่วยของพิณทอง
“ตอนนี้หมอก็ได้ให้น้ำเกลือกับยาแก้ปวด สักครู่ก็คงจะรู้สึกตัว รอน้ำเกลือหมดก็กลับบ้านได้ค่ะ”
ชนะศึกพยักหน้ารับรู้ “ขอบคุณมากครับหมอ”
หมอเดินออกไป ชนะศึกมองไปที่ห้องตรวจ

ชนะศึกเปิดประตูเข้ามาภายในห้องตรวจ หยุดมองมาที่เตียง เห็นพิณทองนอนหลับอยู่บนเตียง มีขวดน้ำเกลือ สายน้ำเกลือห้อยอยู่ข้างเตียง
ชนะศึกเดินเข้ามายืนอยู่ข้างเตียง มองไปที่พิณทอง พูดเบาๆ
“เด็กโง่เอ๊ย ทำไมไม่รู้จักหาอะไรกิน”
ชนะศึกเอามือขึ้นมา เกลี่ยไรผมที่หน้าของพิณทองออกเบาๆ ตาเพ่งมองที่ใบหน้าของพิณทอง
จังหวะนั้นชนะศึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ แล้วทันใดนั้น พิณทองก็ขยับหัว เหมือนจะรู้สึกตัว ชนะศึกรีบถอยออกมา ไม่อยากให้พิณทองเห็นว่าเขาอยู่ที่นั่น แต่พิณทองก็ยังคงหลับต่อ ไม่รู้สึกตัว

ป้าสำอางกับผึ้งยืนอยู่หน้าบ้าน เพชรแท้ยืนชะเง้อมองไปรอบๆ ทุกคนหน้าตากังวล
เพชรแท้บ่นอย่างหงุดหงิด “ทำงานบ้าบออะไรของมัน ดึกขนาดนี้”
“พิณมันคงไปสังสรรค์กับเพื่อนมันต่อล่ะมั้ง ถึงยังไม่กลับมาซักที” สำอางค์ว่า
ผึ้งท้วง “พูดดี ๆ หน่อยป้า สังสรรค์อะไรกัน พิณมันไม่เคยทำแบบนั้น ฉันเป็นเพื่อนมันฉันรู้ดี”
“โอ้ย...เค้าไม่ได้ไปกับเอ็ง แปลว่าเค้าจะไม่ไปกับคนอื่นรึไง นังนี่” สำอางค์แว้ดใส่หลานสาว
ระหว่างนั้นพรรณีเดินถือกระเป๋าสตางค์ออกมาอย่างกระวนกระวาย
“พอทีเถอะ อย่าเถียงกันเลย...” พูดกับเพชร “แม่จะไปดูพิณที่บริษัท”
“ดึกแล้ว อย่าเลยแม่ เพชรไปเอง...เผื่อพิณมันกลับบ้านมาไม่เจอใคร จะตกใจ”
พรรณีพยักหน้า “งั้นเพชรรีบไป ยังไงโทรบอกแม่ด้วยนะ”
“จ้ะ”
เพชรแท้เดินไปคว้ากุญแจรถ จะเอามอเตอร์ไซค์ออก ผึ้งกระโดดตาม
“ฉันไปด้วยจ้ะ พี่เพชร”
สำอางโวยห้าม “เอ็งจะไปทำไม นังผึ้ง”
ผึ้งกอดเอวเพชรแท้แน่น ลอยหน้าบอก “พิณมันเพื่อนชั้น ชั้นก็เป็นห่วงมันเหมือนกัน”
“ไม่ต้องเลยเอ็ง” สำอางเข้าไปดึงหูผึ้งแรงๆ ผึ้งร้องเสียงดัง “อยู่กับข้าที่นี่แหละ”
“ก็ฉันจะไป โอ้ย เจ็บ น้าณีช่วยฉันด้วย โอ้ย ป้า อย่าดึง เจ็บ”
สำอางค์ลากผึ้งลงมาจากรถจนได้ พรรณีเข้าห้าม
“ไปกันหลายคนวุ่นวายเปล่าๆ อยู่ที่นี่แหละ เพชรจะได้รีบมารีบไป”

เพชรแท้ขับมอเตอร์ไซค์ออกมาจากประตูบ้าน พรรณี ป้าสำอางค์ ผึ้ง ตามมา แสงสว่างจากไฟหน้ารถส่องให้เห็นร่างของพิณทองเดินเข้ามา ท่าทางอ่อนแรง
เพชรแท้ร้องเรียก “พิณ!”
สำอางค์ ทั้งตกใจ ทั้งดีใจ “เอ๊ะ นังพิณนิ นังพิณ” ตะโกนเสียงดัง
เพชรแท้กับพรรณีวิ่งเข้าไปหา
พิณทองร้อง “แม่...พี่เพชร”
“พิณหายไปไหนมาจนดึกจนดื่นลูก” พรรณีเห็นถุงยาในมือ “แล้วนี่อะไร พิณเป็นอะไร”
พิณทอง อึกอัก “คือว่า...”
“พิณ เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ หรือใครทำอะไร บอกพี่มา พิณ” เพชรแท้คาดคั้น
พิณทอง บอกเสียงอ่อย ๆ “พิณทำงานจนเป็นลมไปน่ะจ้ะ”
ทั้งหมดฟังแล้วถอนใจเฮือก

พิณทองนั่งอยู่ในห้อง ท่าทางยังเพลียๆ ผึ้งนั่งประคองอยู่ข้างๆ เพชรแท้โวยวาย
“มันโอเปอเรเตอร์ภาษาอะไรวะ งานหนักขนาดนี้ ไปลาออกเลยดีกว่าไป” ท่าทางโมโหจัด

พิณทอง พยายามชี้แจง “พิณไม่ได้เป็นโอเปอเรเตอร์แล้ว พิณได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นผู้ช่วยเลขาฯ เงินเดือนดีขึ้น งานมันก็หนักขึ้น เราก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นสิว่าเราทำได้”
เพชรแท้เยาะ “พิสูจน์ว่าตัวเองโง่น่ะสิ โดนไอ้เจ้านายหน้าเลือดมันหลอกใช้น่ะ”
พิณทอง น้อยใจ “พี่เพชรไม่เข้าใจพิณหรอก”
พรรณีมองลูกอย่างเข้าใจ เตือนสติด้วยเสียงอ่อนโยน
“พิณอยากให้ “เขา” เห็นว่าพิณดี อยากให้เขาเห็นคุณค่าของพิณ ก็เลยทุ่มเทโดยไม่คิดถึงสุขทุกข์ของตัวเอง อย่างงั้นเหรอลูก”
พิณทองอึ้ง เถียงไม่ออก หลบตา พรรณีถอนใจ
“เอาเถอะ พิณกลับมาบ้านได้อย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว” พรรณีหันไปบอกสำอาง “พี่อางค์กับผึ้งก็กลับไปพักผ่อนเถอะจ้ะ ดึกมากแล้ว ชั้นขอบใจมากนะ”
“โอ้ย ไม่เป็นไรหรอก เออ งั้นกลับก่อนนะ”
“ขอบคุณมากป้า” เพชรแท้ว่า
“ไป นังผึ้ง กลับบ้านได้แล้ว จะนอนบ้านนี้หรือไง”
“ก็อยากอยู่เหมือนกันแหละ” โดนป้าสำอางดึงหู “โอ้ย ไปจ้ะ ไปๆ”
สำอางค์ และผึ้งเดินออกไปจากบ้านแล้ว พรรณีหันมามองพิณทอง
“ไปนอนก่อนเถอะ พิณ เพชรก็เหมือนกัน พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า...”
พิณทองเดินเข้าไปในห้อง เพชรแท้มองตามหลังไป แล้วหันมองหน้าพรรณี เห็นแม่มีสีหน้ากังวล เพชรแท้ยิ่งสงสัย
“แม่ ตะกี๊แม่บอกว่า...”
พรรณีตัดบท “ไปนอนเถอะ เพชร มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้เช้า”
เพชรแท้ไป เหลือเพียงพรรณีนั่งถอนใจ กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยชีวิตตน

พิณทองเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว นั่งอยู่บนเตียง กอดหมอน ตาเหม่อมองออกไปที่ดวงจันทร์นอกหน้าต่าง มีแววฝัน คิดถึงเรื่องที่ผ่านมาก่อนหน้านี้
เป็นชนะศึกที่ขับรถมาส่ง พิณทองนั่งอยู่ข้างๆ ในมือถือถุงใส่ซองยา
“จอดตรงนี้แหละค่ะคุณชนะศึก”
“ให้ฉันไปส่งถึงหน้าบ้านเลยไม่ดีเหรอ” ชนะศึกรู้สึกผิด “เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาอีก”
“พิณไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะ”
ชนะศึกหยุดรถ
“ขอบคุณค่ะ ที่มาส่งพิณ” พิณทองเปิดประตูรถ
“ทีหลังอย่าลืมกินข้าวอีกล่ะ เดี๋ยวเป็นลมไปอีก จะหาว่าฉันใจร้าย”
“ไม่หาหรอกค่ะ” ชนะศึกมอง คิดในใจหลอกด่าหรือเปล่า พิณทองรีบยกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ”
พิณทองลงจากรถ

พอนึกขึ้นมา พิณทองได้แต่ทอดถอนใจ
“คุณเป็นคนใจดีหรือใจร้ายกันแน่คะ คุณชนะศึก”

พิณทองซบหน้าลงกับหมอน ใบหน้าเหมือนมีรอยยิ้มบางๆ สีหน้ากึ่งฝันกึ่งสุขกึ่งเศร้าระคนกัน
ตอนสายวันต่อมา รถของอังคณาซึ่งมีมนตรีเป็นคนขับ แล่นเข้ามาตามถนนทางเข้าบ้านของพิณทอง ชนกนันท์มองดูสภาพข้างทางอย่างรังเกียจ

“นังพิณทองมันอยู่ในนี้เหรอคะ ยี้ นกไม่อยากเชื่อเลย ว่าคุณพ่อจะลดตัวลงมากินของต่ำๆ แบบนี้ได้”
“ก็เพราะมันต่ำไง มันถึงอยากจะตะเกียกตะกายขึ้นที่สูง...อยากซะจนไม่เลือก ว่าลูกใครผัวใคร”
อังคณาหันไปมองสองข้างทาง เห็นชาวบ้านชี้ชวนกันดูเธอ และลูกที่นั่งหน้าเชิดมาในรถคันใหญ่ อังคณาจิกตาใส่อย่างไม่พอใจ
“เกลียดนัก ไอ้คนแบบนี้...เพราะพ่อแกคนเดียว แม่ถึงต้องมาเกลือกกลั้วกับพวกมัน” ถามคนขับรถ เสียงขุ่น “ถึงหรือยังล่ะ มนตรี”
มนตรีอ่านเลขที่บ้าน “ดูเหมือนจะหลังนี้ล่ะครับ คุณอังคณา”
รถมาจอดที่หน้าบ้านพรรณีพอดี สองแม่ลูกลงมาจากรถ มองไปรอบ ๆ แล้วไปหยุดที่ป้าย รับเย็บผ้า
“ลุยเลยค่ะคุณแม่”
“ไป”
สองแม่ลูกสบตากัน หน้าตามุ่งมั่น

ไม่นานนัก อังคณากับชนกนันท์พากันเดินเข้ามาในบ้าน กวาดตามองไปรอบๆ ผึ้งเงยหน้าขึ้นมาเห็นสองแม่ลูก ก็ยิ้มรับอย่างอัธยาศัยดี
“บ้านนังพิณทองหรือเปล่า” อังคณาถามจิก
“ใช่จ้ะ คุณมาหาพิณมันเหรอจ๊ะ” ผึ้งตะโกน “น้าณี น้าพรรณี มีคนมาหาไอ้พิณจ้ะ”
เสียงพรรณีดังขึ้น “จ้ะ จ้ะ เดี๋ยวออกไปจ้ะ”
จากนั้นพรรณีเดินออกมา ถือถุงมาด้วย พอเห็นหน้าอังคณา ก็ชะงักกึก
อังคณาก็ชะงัก จำได้เหมือนกัน
“นี่น้าพรรณี แม่ของพิณทองจ้ะ” ผึ้งไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“แกนี่เองเรอะ” อังคณาหยันในน้ำเสียง
พรรณีถามเสียงขุ่น “คุณมาทำไม”
ผึ้งงง “รู้จักกันด้วยเหรอ น้าณี”

อังคณาเหยียดหยัน “โลกมันแคบจริงๆ นะ ไม่นึกว่าจะมาเจอแกอีก นี่ถ้าวันนั้นฉันรู้ว่าแกเป็นใครล่ะก้อ ฉันชนแกตายไปแล้ว ไม่ใช่แค่ชนหรอก”
พรรณีเดินออกไปเปิดประตูรั้ว
“คุณออกไปได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับลูกค้าอย่างคุณ”
“คุณแม่ฉันไม่ลดตัวลงมาหาช่างเย็บผ้าต่ำๆ อย่างแกหรอก” ชนกนันท์กระชากเสียง “ฉันมาหาคนชื่อพิณทองย่ะ”
“มีธุระอะไรกับลูกสาวฉัน” พรรณีถาม
“จะมาสั่งสอนมันหน่อย อ๋อ สงสัยเพราะแม่มันคงมัวแต่เย็บผ้าจนไม่มีเวลาอบรมสั่งสอน ลูกมันถึงได้ทำตัวต่ำช้า หน้าไม่มียางอายแบบนี้” อังคณาว่า
“ไม่แน่นะคะ คุณแม่ บางทีแม่มันอาจจะสั่งสอนลูกให้หากินทางนี้ก็ได้ แค่คะๆ ขาๆ ก็หาเงินได้มากกว่าเย็บผ้าตั้งเยอะ” ชนกนันท์
สองแม่ลูกหัวเราะเย้ยหยัน พรรณีโกรธ
“อะไรกันเนี่ย อยู่ๆ ก็มาด่ากันแบบนี้มันเรืองอะไร มีเวลามากนักเหรอถึงสอนลูกแบบนี้ ลูกฉันไปทำอะไรให้”
“ทำอะไรเหรอ ก็เรียกมันมาถามดูซี ว่าผู้ชายที่มันไปอี๋อ๋ออยู่ น่ะ มันผัวของใคร” อังคณาหยัน
พรรณีงง “หมายความว่ายังไง เธอว่าพิณไปยุ่งกับใคร”
“ก็เจ้านายของมันไง ฮึ เป็นผู้ช่วยเลขาฯ อยู่ได้ไม่กี่วัน ก็เลื่อนขั้นเป็นนางบำเรอไปซะแล้ว ก้าวหน้าเร็วดีไหมล่ะ”
พรรณีตะลึง “ท่าน งั้นเรอะ! … ไม่จริง! เธอใส่ร้ายลูกฉัน”
ชนกนันท์แหวใส่ “ใส่ร้ายอะไร แล้วมันหดหัวหลบอยู่ที่ไหน เรียกมันออกมาซี ถามมันดูเลยว่าความจริง เป็นยังไง”
“พิณไม่อยู่ ลูกฉันไม่อยู่ไปทำงาน”
“ไปทำงานหรือทำอะไรกันแน่ คิดเหรอว่าเด็กความรู้แค่ปวช. อย่างลูกสาวเธอ จะได้กินตำแหน่งเลขาฯ บริษัทใหญ่ๆ อย่างนั้น เพราะอะไร ถ้ามันไม่ได้เอาตัวเข้าแลก แล้วข้าวของที่มีคนเอามาปรนเปรอให้แกที่บ้านน่ะ มันจะมาจากไหน ถ้าไม่ใช่เพราะลูกเธอขายตัว” อังคณาด่าเป็นชุด
“นี่หยุดนะ ลูกฉันไม่มีทางเป็นแบบนั้น”พรรณีไล่ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เธอสองคนออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่ไป จนกว่าฉันจะได้ตัวมัน นก เข้าไปดูกันซิลูก นังตัวดีมันแอบอยู่ที่ไหน”
อังคณากับชนกนันท์เดินเข้าไปในบ้าน จะลุยเข้าไปค้นข้างใน ผึ้งกับพรรณีขวางไว้
“หยุดนะ”
อังคณาผลักพรรณีจนล้มลง
ผึ้งตกใจมาก “น้าณี”
“รีบไปกันเถอะค่ะคุณแม่”
ชนกนันท์ และอังคณาเข้าไปในบ้านของพรรณี

“พิณทอง พิณทอง” ชนกนันท์ตะโกน
อังคณาตะโกนก้อง “นังพิณทอง อยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
“นังพิณทองแกออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
พรรณีกับผึ้งเดินตามเข้ามาในบ้าน
พรรณีขึ้นเสียง “นี่ หยุดนะ”
“อีหน้าด้าน ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
“ฉันบอกให้ออกไปจากบ้านฉันไง”
พรรณีกับผึ้งพยายามยื้อให้อังคณากับชนกนันท์ออกไป สองแม่ลูกไม่ยอม พรรณีกระชากอังคณาออกมา
แต่ถูกอังคณาผลักพรรณีล้ม ร่างซวนเซไปชนประตู จนหัวแตก
“น้าณี เป็นอะไรหรือเปล่า”
ผึ้งรีบวิ่งเข้าไปดูพรรณี ส่วนชนกนันท์ลุยเข้าไปเปิดห้องหาตัวพิณทอง
“นังพิณทอง”
พรรณียันตัวลุกขึ้นมา
ผึ้งตกใจ “น้าณีหัวแตก”
อังคณายืนยิ้มสะใจ
“มีมั้ยลูก”
ชนกนันท์เดินออกมาจากห้องของพิณทอง
“ไม่มีค่ะแม่”
อังคณาหันมามองพรรณีตาขวาง
“บอกมานะ ว่านังตัวดีมันอยู่ที่ไหน”
อังคณาตรงเข้าทำร้ายพรรณี
“บอกมาๆ แกบอกฉันมานะ ไม่งั้นแกโดนตบอีกนะ”
“จัดการมันเลยค่ะแม่”
อังคณาจะทำร้ายพรรณี
พรรณีไม่มีทางสู้ จึงผลักตัวอังคณาออกอย่างแรง จนอังคณาล้มลง
“แม่ แม่คะ”
ชนกนันท์รีบเข้าไปพยุงแม่
อังคณาเจ็บ จึงคว้าแจกันดอกไม้เตรียมจะปาใส่ พรรณีคว้ากรรไกรปลายแหลมมาถือไว้ในมือ เงื้อง่า
“หยุด....ถ้าแกสองคนไม่ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ แกได้ชิมรสมือช่างเย็บผ้าแน่”
ผึ้งมีไม้กวาดอยู่ในมือ “หรือจะเอาไม้กวาด ออกไป”
ชนกนันท์ กับอังคณา เห็นพรรณี และผึ้งคว้าอาวุธเตรียมพร้อม ตัดสินใจถอย
“ออกก็ได้” บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่แกต้องบอกนังลูกสาวตัวดีของแกด้วยนะ ว่าเลิกยุ่งกับผัวฉันซะ ไม่อย่างนั้นนะ แกจะเจ็บแสบ และเสียใจ”
อังคณาปาแจกันดอกไม้ลงพื้น สองแม่ลูกกำลังเดินออกไป
“ไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีกนะ”
ผึ้งตะโกนตามหลังสองแม่ลูก
พอทั้งสองพ้นไป พรรณีก็ทรุดฮวบลงกับพื้น ผึ้งรีบเข้ามาประคองพรรณี
“พิณ พิณลูกแม่ มันไม่จริงใช่ไหม พิณไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก”

พรรณีรำพึงหัวใจสลาย ไม่อยากจะเชื่อเลย
ตรงทางเดินในห้องเก็บเอกสารช่วงตอนกลางวัน ชนะศึกเดินตรวจแฟ้มตามตู้ต่างๆ โดยมีพิณทองเดินตาม ชนะศึกทำฟอร์มไม่รู้เรื่อง

“ไม่สบายเป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นรึยัง”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ”
“ดี...ที่ฉันเรียกเธอมาวันนี้ ก็เพราะจะคุยเรื่องงานนี่แหละ”
พิณทองตกใจ “มันไม่เรียบร้อยหรอคะ”
ชนะศึกหันมาบอก “ป่าว” พิณทองไม่เข้าใจ “คุณทำงานได้เรียบร้อยดีมาก”
พิณทองดีใจ “จริงเหรอคะ เท่ากับพิณผ่านการทดลองงานแล้วใช่ไหมคะคุณชนะศึก”
“ยัง” ชนะศึกเข้ามาใกล้ “ยังต้องทำอีกอย่างหนึ่ง”
พิณทองงวยงง “อะไรเหรอคะ”
ชนะศึกไม่ตอบ หันไปเปิดประตู แล้วเดินออกไป พิณทองรีบเดินตามชนะศึกไป

อังคณาจอดรถที่หน้าบริษัทเบสท์ เอ็นเตอร์ไพร้ส์ ไม่สนใจว่าจะขวางทางใครบ้าง ทั้งสองคนลงจากรถ
ชนกนันท์บ่นอุบ “เสียเที่ยวจริงๆ เลยนะคะคุณแม่ อุตส่าห์ไปหามันถึงบ้าน ดันชิ่งหนีมาทำงานเสียได้”
“ยังไงวันนี้มันก็หนีไม่รอด แม่จะต้องสั่งสอนมันให้ได้ เป็นไงเป็นกัน” อังคณานัยน์ตาวาววับ
ทั้งคู่เดินเข้าตึก คุยไปด้วย
“เรามาลุยมันที่ทำงานก็ดีค่ะคุณแม่ จะได้ประจานมันให้คนเขารู้ มันจะได้อยู่ที่นี่ไม่ได้อีก”
“ใช่ ไหนๆ จะตีงูแล้วต้องตีให้ตาย ไปลูก”
“ค่ะ ลุยมันเลย”
อังคณากับชนกนันท์เข้าตึกไป

ไม่นานนักอังคณากับชนกนันท์เดินมาหยุดที่หน้าห้องทำงานของธานินทร์ หน้าตาเอาเรื่องทั้งคู่ ยุ้ยที่กำลังสั่งงานเด็กอยู่เห็นเข้าตกใจ รีบยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ คุณอังคณา” อังคณารับไหว้แบบขอไปที
“นังพิณทองอยู่ไหน”
ทั้งฟลอร์เงียบกริบ อังคณากวาดสายตาไปทั่ว เด็กพนักงานหลบตากันวูบวาบ
“เอ่อ .. คือ” ยุ้ยอึกอัก อ้ำอึ้ง
“แม่ฉันถามว่านังพิณทองอยู่ไหน ทำไมไม่ตอบ อ้ำอึ้งอยู่ได้ หูตึงหรือไง” ชนกนันท์แหวใส่
“คือ น้องเขาไม่อยู่ค่ะ” ยุ้ยบอก
อังคณาแผดเสียง “โกหก! ฉันรู้นะว่ามันมาทำงานแล้ว ตอนนี้มันไปไหน” ยุ้ยปากคอสั่น “ยุ้ย อย่าโกหกฉันนะ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นใคร ฉันเอาเธอออกได้ทุกเวลานะ” เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นตวาด “นังพิณทองอยู่ไหน”
ชนกนันท์คาดคั้น “อยู่ไหน บอกมาสิ”
“คือว่า...”

ธานินทร์ได้ยินเสียงดังออกมาจากห้อง จึงเดินออกมา
“เสียงดังอะไรกัน” สีหน้าธานินทร์ตกใจ “คุณอังคณา! คุณมาทำไม”
อังคณาจ้องหน้าธานินทร์ “ทำไมฉันจะมาไม่ได้ ที่นี่บริษัทของฉัน ฉันก็อยากจะมาดู เพราะได้ข่าวว่าแถวนี้มันมีพวกเศษสวะรกหูรกตา เผื่อจะกำจัดออกไปซะมั่ง”
ธานินทร์ฉุน “อะไรกัน คุณอังคณา เศษสวะอะไรของคุณ”
“บอกคุณพ่อไปเลยซีคะ ว่าเรามาทำไม” ชนกนันท์บอกกับธานินทร์ “คุณแม่อยากจะมาดูหน้าผู้ช่วยเลขาฯ คนใหม่ของคุณพ่อค่ะ”
อังคณากราดตาไปรอบๆ “อยู่ไหนล่ะคะ แม่พิณทองของคุณน่ะ” เสียงดัง “หรือว่าแอบลักกินขโมยกินซะจนชิน เลยสู้หน้าใครไม่ได้”
ธานินทร์โกรธจัด ด่าออกไป “คุณอังคณา! หยุดพูดพล่อยๆ เดี๋ยวนี้นะ”
อังคณาอึ้ง “คุณว่าอะไรนะ”
“คุณได้ยินแล้วนี่ หรือจะให้ผมพูดซ้ำ ก็ได้ ผมบอกว่าหยุดพูดจาพล่อย ๆ แบบนี้ หยุดให้ร้ายคนอื่นซะที”
อังคณาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “คุณด่าฉัน...เพราะมัน คุณถึงกับกล้าด่าฉันเรอะ ฉันอยากรู้นัก มันมีทีเด็ดอะไร” พร้อมกับเดินลุยเข้าไปในห้องธานินทร์ “ไหน มันอยู่ไหน ขอฉันดูหน้าหน่อยเถอะ”
“หยุดนะ อังคณา”
“ไม่ ฉันไม่หยุด!”
อังคณาจะเดินไป ธานินทร์ดึงอังคณาไว้
“นั่นคุณจะไปไหน”

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 4/2 วันที่ 3 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th