อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 7/3 วันที่ 11 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 7/3 วันที่ 11 พ.ย. 55

“อย่ามาขึ้นเสียงนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งอะไรพิณ พิณไม่ใช่ลูกน้องของคุณอีกแล้ว ออกไป”
พิณทองกระชากตะกร้าผ้ากลับมา แล้วเดินเข้าบ้านทันที

ชนะศึกเดินตามพิณทองเข้ามาในบ้าน
“เดี๋ยว พิณทอง ฟังก่อน” พิณทองเดินหนี ชนะศึกเดินตามติด “ผมไม่ได้เอาตำรวจมาจับพี่ชายคุณนะ ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ผมพยายามจะช่วยคุณ” ชนะศึกโมโหที่พิณทองเดินหนีไปเรื่อยๆ “นี่ผมกำลังพูดอยู่นะ ฟังหน่อยได้ไหม”
พิณทองหันขวับมา พูดใส่หน้า “ไม่ เพราะพิณฟังคุณ ครอบครัวพิณถึงได้เดือดร้อนแบบนี้”
ชนะศึกชักโมโหเหมือนกัน

“แล้วครอบครัวผมไม่เดือดร้อนหรือไง คุณรู้ไหม ตอนนี้บ้านผมจะลุกเป็นไฟอยู่แล้วเพราะเรื่องนี้”
พิณทองสวนคำ อารมณ์แรง “เลยจะโทษพวกเราอีกใช่ไหม” ประชดประชัน “จะมาด่าว่าอะไรบ้านพิณอีกล่ะ เอาตำรวจมาจับแม่พิณไปขังคุกเลยไหม พิณไม่อยากฟังคุณพูดอะไรทั้งนั้น ออกไปนะ ออกไป”
พูดจบพิณทองผลักชนะศึกออกจากบ้าน ชนะศึกไม่ยอม จับมือพิณทองไว้ ยื้อยุดกันอยู่ในบ้าน
“บอกให้ออกไป”



“ไม่ไป จนกว่าคุณจะฟังผม”
“ไม่ฟัง พิณไม่ฟังอะไรทั้งนั้น พิณหลงเชื่อว่าคุณจะช่วยเราแต่สุดท้าย คุณก็เข้าข้างแม่ของคุณ คุณทำร้ายแม่ ทำร้ายพี่เพชร พวกคุณทำร้ายเราทั้ง ๆ ที่เราบริสุทธิ์ พวกคุณมันใจร้าย ใจดำ”

พิณทองด่าไม่ยั้ง ชนะศึกไม่รู้จะทำยังไง กอรปกับอารมณ์โกรธกรุ่นๆ ชายหนุ่มลืมตัวโน้มใบหน้าจูบพิณทองทันทีอย่างจู่โจม
พิณทองตกใจมาก ผลักชนะศึกออกอย่างแรง แล้วตบหน้าไป 1 ฉาด ชนะศึกได้สติ พิณทองร้องไห้โฮ

ระหว่างนั้นพรรณีกลับเข้ามาพอดี
“อะไรกันนี่” พรรณีแปลกใจที่เห็นพิณทองร้องไห้ “พิณเป็นอะไร” หันมาเอาเรื่องชนะศึก “คุณทำอะไรลูกฉัน”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่” พิณทองบอกทั้งน้ำตายังไหลริน “เขาก็แค่...มาหาความสะใจแถวนี้เท่านั้นเอง”
พรรณีมองชนะศึกอย่างโกรธแค้น
“คุณชนะศึก ชีวิตฉันไม่มีอะไรเหลือแล้ว ฉันไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีงานทำ ลูกชายของฉันถูกใส่ร้ายจนต้องติดคุก คุณยังคิดจะมาย่ำยีลูกฉันอีกเหรอ คุณจะบีบคั้นกันไปถึงไหน”
“ผมไม่ได้คิดทำร้ายครอบครัวของคุณ ผมยืนยัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ออกไป แล้วอย่าให้ฉันเห็นคุณที่นี่อีก”
ชนะศึกมองพิณทองสายตาเว้าวอน แต่พิณทองเมินหน้าเช็ดน้ำตา ชนะศึกตัดใจเดินออกไป
พรรณีหันไปหาพิณ
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก”
พิณทองส่ายหน้า ไม่พูดอะไร
“เขาทำร้ายพิณหรือเปล่า” พรรณีคาดคั้น
“เปล่าค่ะ พิณก็แค่เสียใจที่เขาทำกับเรา ทำกับพี่เพชรถึงขนาดนี้ แต่ก็ดีจะได้เห็นธาตุแท้กัน พิณจะได้ไม่หลงคิดว่าเขาเป็นคนดีอีกต่อไป”
พิณทองสะอื้นเบาๆ เสียใจ พรรณีกอดปลอบ
“เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็แล้วกันไป พิณก็จำเอาไว้เป็นบทเรียนแล้วกัน ส่วนเรื่องเพชรแม่จะหาทางช่วยพี่เขาเอง”

เช้าวันต่อมาพรรณีเดินตรงมาที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดหมายเลข
ที่บ้านธานินทร์ แจ๋วรับสาย
“สวัสดีค่ะ บ้านเลิศชัยวัฒน์ค่ะ”
“ขอพูดกับคุณธานินทร์ค่ะ”
“ท่านไม่อยู่ค่ะ ตอนนี้ยังพักอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลยคะ”
“โรงพยาบาลไหนคะ”
“ที่โรงพยาบาล” แจ๋วบอกชื่อโรงพยาบาล
พรรณีทราบชื่อโรงพยาบาล พยักหน้า บอกขอบคุณแล้ววางหูโทรศัพท์
พรรณีรำพึงกับตัวเอง “ธานินทร์ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องรู้ความจริงเสียที”

ระหว่างนั้นร่างของธานินทร์นอนอยู่บนเตียง และถูกส่งเข้าไปในเครื่องเอ็กซเรย์เพื่อทำ CT Scan
เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องเอกซเรย์สั่งให้ธานินทร์หายใจเข้า หายใจออก และกลั้นหายใจ
ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เห็นเป็นภาพลำไส้ของธานินทร์ที่ได้จากการเอกซเรย์ หมอยืนดูอยู่หน้าเครียด
ธานินทร์นอนอยู่ที่เตียงคนไข้ หมอเดินเข้ามาหา ในมือถือแฟ้มผลการตรวจร่างกาย ท่าทางหมอดูออกว่าหนักใจ
ธานินทร์มองหน้าหมอ เห็นหน้าหมอเครียดๆ “อาการผมเป็นยังไงมั่งหมอ”
ธานินทร์เตรียมฟังคำตอบ รอลุ้นไปด้วย
“ต่อไปคนไข้จะมีอาการปวดท้องรุนแรงขึ้น ถี่ขึ้น”
ธานินทร์ทำเฉยๆ ไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด “อีกหน่อยคงต้องมารบกวนหมอบ่อยๆ ซีนะ”
หมอถอนใจหนักๆ พูดจริงจัง
“ระยะสุดท้าย อาการจะทรุดลงอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดจะรุนแรงมาก อาจจะต้องใช้มอร์ฟีนเข้าช่วยระงับความเจ็บปวด ผมว่า คุณธานินทร์น่าจะบอกให้คนในครอบครัวทราบได้แล้ว”
ธานินทร์ตัดบท “เอาเถอะหมอ ผมจะบอกพวกเขาเองเมื่อถึงเวลา เออ นี่ผมกลับบ้านได้หรือยัง เบื่อห้องนี้เต็มทน”
“ยังครับ เอางี้แล้วกัน เดี๋ยวผมจะให้พยาบาลมาพาไปนั่งเล่นในสวนสักครู่ จะได้รู้สึกดีขึ้น”
“ก็ได้ ขอบใจนะ”
หมอตรวจดูตวามเรียบร้อย แล้วเดินออกไป

พยาบาลเข็นธานินทร์มาตามทางเดิน ก่อนจะเข็นเข้าไปในสวนหย่อม มาหยุดที่ใต้ร่มไม้ใหญ่
ธานินทร์บอกยิ้มๆ “เอาล่ะๆ คุณทิ้งผมไว้ตรงนี้ก็ได้”
“เดี๋ยวอีกสักครู่ ดิฉันจะมาพาท่านกลับห้องนะคะ”
ธานินทร์พยักหน้ารับทราบ พยาบาลเดินเข้าไปนอาคารผู้ป่วย
ธานินทร์อยู่คนเดียวลำพัง ครุ่นคิดถึงเรื่องที่หมอพูด สุดท้ายก็คิดเป็นห่วงพรรณี
ธานินทร์ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู ถอนหายใจ เป็นนาฬิกาเรือนเดิมที่ติดมือมาตั้งแต่คืนที่ไปหาพรรณี ก่อนจะเข้าโรงพยาบาล
“เวลาเหลือน้อยทุกทีแล้ว ฉันจะทำยังไงดี”
ธานินทร์กลุ้มปิดฝานาฬิกา แต่พลาดทำนาฬิกาหลุดมือ นาฬิกากระเด็นลงไปที่พื้นหญ้า
จู่ๆ มีมือใครคนหนึ่งเก็บนาฬิกาขึ้นจากพื้น ยื่นส่งให้ ธานินทร์รับไว้ เงยหน้ามองเห็นคนที่ส่งให้ ยิ้มอย่างดีใจ
“พรรณี”
พรรณีนิ่ง บอกด้วยน้ำเสียงหมางเมิน “ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับคุณ”
ธานินทร์เก้อๆ ไปนิดหน่อย “เรื่องอะไร”
“เรื่องของเพชรแท้” ประโยคต่อมาพรรณีเน้นคำ ท่าทีจริงจัง “คุณต้องช่วยเขา”
“ผมกำลังหาทางช่วยเขาอยู่”
“ตำรวจเขาเร่งคดีของเพชรขึ้นมาอีก เขาบอกว่าไม่เกินเดือนนี้ศาลจะตัดสิน แล้วอาจจะ...เขาอาจจะประหารชีวิตเพชร”
ธานินทร์ตกใจ “หา”
“คุณเท่านั้นที่ช่วยเพชรได้ คุณรู้จักคนใหญ่คนโตเยอะ คุณต้องขอให้เขาช่วยเพชร”
“ผมบอกแล้วไง ผมจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ” ธานินทร์บอกย้ำ
พรรณีสวนคำ “ไม่ใช่เพื่อฉัน แต่เพื่อตัวคุณเอง ถ้าเขาต้องมีอันเป็นไปคุณเองนั่นแหละที่จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
บางอย่างในน้ำเสียง และท่าทางของพรรณีทำให้ธานินทร์ชะงัก
“คุณหมายความว่ายังไง พรรณี”
พรรณีหน้านิ่ง เตรียมพร้อมจะเปิดปากพูดความจริง

ธานินทร์นั่งอยู่ริมหน้าต่างในห้องพักฟื้นแล้ว ท่าทางอยู่ตกในภวังค์ ภายในใจรู้สึกเศร้า สีหน้าธานินทร์กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก เหตุการณ์เมื่อครู่ผุดขึ้นมาในห้วงคิด

พรรณีนั่งอยู่ที่ม้านั่งในสวนหย่อม ส่วนธานินทร์นั่งอยู่บนรถเข็น พรรณีมองหน้าธานินทร์แล้วเล่าด้วยเสียงจริงจัง
“เมื่อยี่สิบปีก่อน หลังจากวันที่พ่อคุณมาก่อเรื่องวันนั้น ฉันก็ย้ายกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด ต่อมาไม่กี่เดือน ฉันก็คลอดเขา”
ธานินทร์คิดตาม เริ่มเอะใจ พรรณียังเล่าต่อไป
“ฉันรักเขามาก ฉันตั้งชื่อเขาว่าเพชรแท้ เพราะเขาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของฉัน” มองหน้าธานินทร์ขณะพูดประโยคต่อมา “เป็นของขวัญสิ่งเดียวที่ฉันได้จากผู้ชายคนที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิต”
ธานินทร์เริ่มจะเข้าใจ “พรรณี คุณจะบอกว่า...”
“ใช่ เพชรแท้เป็นลูกของคุณ” พรรณีบอกเสียงและท่าทีจริงจัง
ธานินทร์นิ่งตะลึง
“นี่หมายความว่าคุณตั้งท้องตั้งแต่วันเกิดเรื่องแล้วใช่ไหม” พรรณีพยักหน้า ธานินทร์โวย “แล้วทำไมคุณไม่บอกผม”
“ฉันบอกไปแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร มันจะเปลี่ยนอะไรได้หรือ”
“ได้ซี ถ้าผมรู้ว่าเรามีลูกด้วยกัน ผมจะไม่ยอมแต่งงาน ผมจะพาคุณหนีไป ผมจะทำทุกอย่างไม่ให้มันเป็นแบบนี้ ทำไมล่ะพรรณี ทำไมคุณไม่เชื่อผม ทำไมไม่ให้โอกาสผม ทำไม”
ธานินทร์ทั้งเสียใจ และน้อยใจ พรรณีน้ำตาไหล เสียใจเหมือนกัน
“เรื่องมันผ่านมาแล้ว ฉันไม่อยากรื้อฟื้น ทุกวันนี้แม้แต่เพชรเองก็ไม่รู้ เขาคิดว่าพ่อของพิณทองคือพ่อของเขา และฉันก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้น”
ธานินทร์ครวญ “คุณไม่ยุติธรรมกับผมเลย”
พรรณีบอกอย่างปล่อยวาง “มันดีที่สุดแล้ว สำหรับทุกคน ที่ฉันต้องบอกคุณวันนี้ ฉันไม่ได้ต้องการอะไร ฉันแค่ไม่อยากให้คุณทำร้ายลูกในไส้ของตัวเอง ฉันต้องการให้คุณช่วยเพชร ฉันต้องการแค่นั้นจริงๆ”
พรรณีมองหน้าธานินทร์แล้วหันหลังเดินจากไป ปล่อยธานินทร์ก็อึ้งกับความจริงที่เพิ่งรู้

ธานินทร์ดึงตัวเองกลับมา คิดตกแล้ว ใบหน้าเครียดเคร่งนั้นจึงค่อยๆ ระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แล้วรำพึงออกมา
“เรามีลูกด้วยกันหรือนี่ ผมมีลูกกับคุณพรรณี”

ธานินทร์รู้สึกมีความสุขเหลือเกินแล้ว ที่มีพยานรักกับผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดในชีวิต
เช้าวันนี้ พิณทองเอาขันตักน้ำฝนในโอ่งเดินมาส่งให้พรรณีที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่หน้าบ้าน

“แม่จ๋า กินข้าวเสร็จแล้วดื่มน้ำเย็น ๆ นี่นะจ๊ะ จะได้ชื่นใจ”
มือพิณทองยื่นขันน้ำส่งให้แม่แล้ว พรรณียิ้มกำลังจะยื่นมือออกไปรับ แต่แล้วก็มีมือใครคนหนึ่งเข้ามาปัดขันน้ำจนตกพื้น น้ำหกกระจายไปทั่ว
พิณทองกับพรรณีหันไปมองคนที่ปัดขันน้ำเห็นเป็นชนกนันท์ก็ตกใจ ชนกนันท์มองจ้องทั้งสองสลับกันแล้วยิ้มอย่างสะใจ
พิณทองตกตะลึงอยู่ สักครู่อังคณาก็มาปรากฏตัว “พวกคุณ...”
พรรณีลุกขึ้นยืนพรวด “พวกแกมาที่นี่ได้ยังไงน่ะ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ”
ชนกนันท์ไม่โต้ตอบ แต่ใช้สายตามองดูสภาพบ้านอย่างดูถูก “บ้านโทรม ๆ หลังนี้ดูเหมาะกับพวกแกดีนะ” สาวแสบเน้นเสียงทุกคำ “ทั้งจนทั้งต่ำ เหมาะกับพวกชอบแย่งสามีชาวบ้าน”
พรรณีเริ่มโกรธ “ฉันบอกว่าให้ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ไง ไม่ได้ยินเหรอ”
“ทำไม ถ้าฉันไม่ไปซะอย่าง แกจะทำอะไรฉันได้” ยิ้มเยาะ “ฉันก็แค่อยากมาเห็นสีหน้าพวกแกตอนนี้ ไอ้เพชรแท้มันจะโดนประหารอยู่แล้วนี่ จะบอกอะไรให้นะ...ฉันนี่แหละที่เป็นคนจัดการวิ่งเต้นให้คดีมันเร็วขึ้น มันถึงได้จะตายเร็วแบบนี้ไง”
พิณทองตกใจ “พวกคุณเป็นคนทำจริงๆ ด้วย”
พรรณีโกรธจัด “พวกแกต้องการอะไร...ทำกับพวกเราแบบนี้ทำไม ทำกับลูกชายฉันแบบนี้ทำไม”
อังคณาเดินเข้าไปหาพรรณีท่าทางน่ากลัว “ก็เพราะแกมายุ่งกับผัวฉันยังไงล่ะ ฉันถึงได้ตามจองล้างจองผลาญพวกแก จำไว้นะอีพรรณีตราบใดที่แกยังไม่เลิกยุ่งกับผัวฉันล่ะก็” แล้วผลักพรรณีอย่างแรง พรรณีไม่ทันตั้งตัวล้มลงไปนั่งกับพื้น “ฉันจะทำให้แกกับลูกเจ็บปวดยิ่งกว่านี้อีก”
พูดจบอังคณากับชนกนันท์ก็ยิ้มเยาะแล้วเดินเชิดจากไป
พรรณีร้องไห้ด้วยความแค้นใจและเจ็บใจ พิณทองกอดแม่สงสารชีวิตครอบครัวตัวเอง

รถธานินทร์แล่นมาจอดที่หน้าสถานีตำรวจ ครู่หนึ่งธานินทร์ลงมาจากรถ โดยมีศักดาเป็นคนเปิดประตูให้ ธานินทร์รีบเดินขึ้นไปบนสถานีตำรวจ
ธานินทร์เดินขึ้นไป หันซ้ายหันขวาเพราะไม่ค่อยคุ้นที่ทาง พยายามถามจ่าเวร
“เอ่อ โทษทีเถอะครับ ผมมาเยี่ยมคน”
“เยี่ยมใครล่ะ” จ่าเวรถาม
“เพชรแท้ครับ ชื่อเพชรแท้ มงคลกุล”
“เพชรแท้ อ๋อ ไม่ทันแล้ว” ธานินทร์งง จ่าเวรบอกต่อ “เขาเอาตัวไปนู่นแล้วล่ะ”
ธานินทร์อึ้ง “พาไปไหนครับ”
“พาไปฝากขังที่เรือนจำ”
ธานินทร์มองตามมือ เห็นด้านนอก ตำรวจกำลังต้อนผู้ต้องหาขึ้นรถคุมตัวนักโทษที่มีลูกกรงเหล็กแน่นหนากันหลบหนี ธานินทร์รีบวิ่งออกไปที่รถคันนั้น ตำรวจกำลังผลักเพชรแท้ให้ขึ้นรถ ธานินทร์วิ่งไปที่รถ เพชรแท้เข้าไปในรถ ตำรวจปิดประตูลูกกรง
ธานินทร์เดินมาถึงรถคุมนักโทษ เกาะลูกกรงเรียก
“เพชร เพชรแท้”
เพชรแท้หันขวับ พอเห็นว่าเป็นธานินทร์ก็ไม่พอใจทันที “แกมาทำไม”
“ฉัน...ฉัน” ธานนิทร์อยากบอกว่ามาเยี่ยม แต่พูดไม่ออก
เพชรแท้เยาะหยัน “ฉันเข้าคุกสมใจแกแล้วนี่ สะใจไหม”
“ไม่นะ เพชรแท้ ฉันจะมาช่วยเธอ”
“ฉันไม่เชื่อ ไปให้พ้น ไป ไม่งั้นฉันลงไปเหยียบแกเดี๋ยวนี้”
ตำรวจเข้ามากันธานินทร์ออกไป ตำรวจพลขับขึ้นประจำที่
“ถอยไปก่อนคุณ มีอะไรกันหรือครับ” ตำรวจบอกดีๆ
ธานินทร์บอก “ผมมาหาเขา”
“ไม่ได้ครับ อยากเยี่ยมไปเยี่ยมที่เรือนจำโน่น”
จังหวะนั้นเพชรแท้ตะโกนออกมา “ไม่ต้องมาเยี่ยมฉัน ไอ้ธานินทร์ แกใส่ร้ายฉัน แกเอาฉันเข้าคุกทั้งที่ฉันไม่ผิด” ยิ่งคิดยิ่งแค้น “ถ้าฟ้ามีตา ถ้าฉันรอดออกไปได้วันไหน แกได้เห็นหน้าฉันแน่ ฉันไม่ปล่อยแกหรอก ฉันจะออกไปฆ่าแก”

เพชรแท้แค้นจัดทุบลูกกรงโวยวาย ระหว่างนั้นรถลูกกรงเคลื่อนออกไป
ธานินทร์เดินตาม รถนักโทษเคลื่อนห่างออกไป ธานินทร์วิ่งตามไปอีกนิดหน่อย เอื้อมมือไปเหมือนจะจับรถ รถแล่นออกไปลับตา ธานินทร์หยุดหายใจเหนื่อยหอบบอกกับตัวเอง
“พ่อมาช่วยลูกนะ เพชรแท้ พ่อมาช่วยลูก”

คืนนั้นตำรวจควบคุมตัวคนร้าย เป็นผู้ชายท่าทางนักเลงคนหนึ่งเข้ามา คนที่ยัดยาให้เพชรแท้ พามาดูตัว

“พาตัวเข้ามา”
ผู้การสวัสดิ์นั่งอยู่ในห้อง
“ขออนุญาตครับท่าน คนนี้ละครับ ท่าน”
ผู้การสวัสดิ์พยักหน้า ตำรวจพาคนร้ายมานั่งตรงหน้าผู้การสวัสดิ์ ผู้การสวัสดิ์เอารูปเพชรแท้ให้ดู แล้วถาม
“รู้จักคนนี้ไหม”
คนร้ายมองรูปเพชรแท้นิ่งไม่ตอบ อาการไม่แน่ชัดว่ารู้จักหรือไม่รู้จัก
พนักงานสอบสวน คาดคั้น “บอกมาดีกว่า มันชื่ออะไร อยู่ที่ไหน” คนร้ายส่ายหน้าอีก “เป็นพวกส่งยาด้วยกันไม่ใช่เรอะ”
คนร้ายนิ่งไป ท่าทางลังเลใจว่าจะบอกหรือไม่บอกดี

กลางดึกคืนนั้น ชนะศึกกำลังรอฟังข่าวอยู่ที่บ้าน ท่าทางกระวนกระวาย จนโทรศัพท์ดังขึ้น ชนะศึกผวารับสาย
“ฮัลโหล...ได้ความว่าไงมั่งครับลุงสวัสดิ์” ชนะศึกฟังท่าทีตื่นเต้น “อะไรนะ”

ตรงโต๊ะธุรการในเรือนจำคลองเปรมตอนสายวันต่อมา มีคนมาแสดงความจำนงขอเยี่ยมนักโทษอยู่ เจ้าหน้าที่จดไว้ รายนั้นออกไปนั่งรอ พรรณีกับพิณทองเป็นคิวต่อไป

“มาขอเยี่ยมนายเพชรแท้ค่ะ เพชรแท้ มงคลกุล ฝากขังค่ะ”
เจ้าหน้าที่ทวนชื่อ มองหา “เพชรแท้ มงคลกุล เหรอครับ” ก้มดูในรายชื่อครู่หนึ่ง “ผมตรวจดูรายชื่อแล้ว ไม่มีครับ”
พรรณีนึกห่วงขึ้นมา “ไม่มีได้ยังไงคะ เพิ่งมาเมื่อวานนี้ คุณดูอีกทีได้ไหม”
เจ้าหน้าที่ย้ำ “ไม่มีจริง ๆ ครับ”
พิณทองตกใจ “ไม่มี ถ้าไม่อยู่ที่นี่แล้วไปอยู่ไหนละคะ”
พรรณีตกใจกว่า โวยวายลั่น “พวกคุณเอาลูกฉันไปไหน เอาไปศาลเหรอหรือเอาไปไหน บอกมานะ เอาลูกฉันไปไว้ที่ไหน”
เจ้าหน้าที่เตือน “นี่เบา ๆ หน่อยได้ไหม สถานที่ราชการนะคุณ”
“เพชร เพชรยังอยู่ในนี้หรือเปล่าลูก” หันมาเอาเรื่องเจ้าหน้าที่ “พวกคุณทำอะไรลูกฉัน”
พรรณีไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น วิ่งวุ่นวาย พยายามจะเข้าไป ชะเง้อชะแง้ดูไปทั่ว
“เข้าไม่ได้นะครับ” เจ้าหน้าที่ห้าม
“พวกคุณเอาลูกฉันไปฆ่าไปแกงไม่ได้นะ ลูกฉันไม่ผิด คุณทำเขาไม่ได้ เพชร” พรรณีร้องตะโกนดังขึ้น “เพชรลูกแม่เพชร เพชรอยู่ไหนลูก”
“แม่ เพชรอยู่นี่”
พรรณีหันไปตามเสียง เพชรแท้ยืนอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง
“เพชร
พรรณีเรียกแล้ววิ่งเข้าไปหาเพชรแท้ สองแม่ลูกกอดกัน พิณทองเข้าไป เพชรแท้ดึงพน้องสาวเข้ามากอดด้วย ร้องไห้กันยกใหญ่
“เพชรเป็นอิสระแล้วแม่ เขาปล่อยเพชรแล้ว”

ทั้งสามคนกอดกันกลมอยู่อย่างนั้น
ธานินทร์ยังอยู่ที่ลานจอดรถ มองพรรณีกับเพชร และพิณทองเดินออกมาด้วยกัน ท่าทางมีความสุขเหลือเกิน ธานินทร์ที่แอบอยู่ในรถ มองภาพนั้นอย่างแสนสุขใจ

“ท่านครับ ขอประทานโทษนะครับ ท่านจะหลบทำไมครับ ทำไมไม่บอกให้เขารู้ไปเลยว่าท่านเป็นคนช่วย” ศักดาขัดใจ
“ฉันจะบอก ศักดา แต่ไม่ใช่เดี๋ยวนี้” มองเพชรแท้ ขณะคิดตริตรอง “ให้เวลาเขาอีกซักหน่อย แล้วฉันจะไปหาเขา ฉันมีเรื่องอยากจะบอกเขาเยอะแยะเลย”
ธานินทร์คิดแผนการบางอย่างด้วยสีหน้าสุขใจ

อังคณากับเรืองโรจน์นั่งอยู่ที่ชุดรับแขกในคอนโดเรืองโรจน์ตอนกลางคืน เวลานั้นสีหน้าเรืองโรจน์แปลกใจมาก
“คุณอังคณาบอกว่าไอ้เพชรแท้มันหลุดออกมาได้แล้วเหรอครับ ไม่น่าเป็นไปได้”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้” ลดเสียงลง แต่ยังไม่พอใจอยู่ “ก็ไอ้เศษสวะที่เธอจ้างมาน่ะมันดันพลาดทำให้ตำรวจเขาจับได้ สอบไปสอบมา มันก็หลุดน่ะซี ทำงานชุ่ยแบบนี้ ยังจะมีหน้ามาทวงรางวัลอีกหรือ”
“ผมเอาตัวมันเข้าคุกได้ แต่ที่มันหลุดมาได้ คงเป็นเพราะคุณธานินทร์วิ่งเต้นช่วยมัน คุณอังคณาจะโทษว่าผมผิดหรือครับ” เรืองโรจน์อ้าง
“ไม่รู้ล่ะ มันไม่ตาย ฉันไม่พอใจ ถ้าฉันไม่พอใจ แกก็ยังจะไม่ได้อะไรจากที่ฉันสัญญาไว้” ส่งเช็คให้ “เอาแค่นี้ไปก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
เรืองโรจน์หือขึ้นเสียง “แต่ผมทำงานให้คุณอังคณามาตั้งเยอะแล้ว ผมควรจะได้อะไรตามที่เราตกลงกันมาก่อนบ้างสิ”
อังคณาโกรธที่เรืองโรจน์กล้าหือใส่ตน ตบหน้าเรืองโรจน์เต็มแรง
“แกอย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ” พยายามคุมอารมณ์จนเย็นลง “อะไรที่แกอยากได้แกได้แน่...แต่ว่าแกต้องทำงานให้ฉันเรียบร้อยทุกอย่างเสียก่อน”
อังคณาเดินออกไปจากห้องเรืองโรจน์
เรืองโรจน์มองตามอังคณาออกไปอย่างไม่ค่อยเชื่อใจ

เช้าวันใหม่ ศักดาเอารถออกมาจอดรออยู่หน้าบ้าน ธานินทร์แต่งตัวเตรียมออกจากบ้านในชุดลำลอง ชนะศึกดักรออยู่
“จะไปเหรอครับพ่อ”
“ไปธุระหน่อย” ธานินทร์เดินหลีกไป
ชนะศึกเดินตาม อยากรู้นัก “ไปไหนครับ”
“พ่อไปธุระส่วนตัวน่ะลูก”
ธานินทร์เดินออกมาหน้าบ้าน ศักดาเอารถมารออยู่ ชนะศึกขวางไว้
“เดี๋ยวนี้ดูพ่อจะมีเรื่องส่วนตัวเยอะจริงนะครับ” มองแล้วถามคาดคั้น

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 7/3 วันที่ 11 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th