อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 7 วันที่ 9 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 7 วันที่ 9 พ.ย. 55

เพชรแท้หยิบซองมาเปิดออกดู นับเงิน แล้วอึ้งไป
“เหลือแค่นี้น่ะเหรอ
“ยังดีนะโว้ยที่เขายอมให้เงินแก ไอ้คดีที่แกโดนน่ะ ตามระเบียบแกไม่ได้อะไรซักบาท อยู่ดีๆ ไปโดนคดีค้ายาได้ไงวะ”
เพชรแท้แค้นขึ้นมา “คนมันแกล้งน่ะ เออ แล้วนี่ฉันมีโอกาสที่จะกลับไปทำงานกับพี่เขาไหมเนี่ย”
“นี่แกยังคิดจะกลับมาทำงานอีกเหรอ ถ้าไปก็ติดคุกซี ตำรวจมาวนเวียนที่สปอร์ตคลับทุกวัน แกอยู่เฉยๆ ไปก่อนเหอะ”
“อยู่เฉยๆ ก็อดตายพอดี” เพชรแท้ถอนหายใจ “ไม่เป็นไร ยังไงก็ขอบใจนะที่อุตส่าห์เอาเงินมาให้”
“เออ” สมภพตบไหล่สงสารเพื่อน “โทษทีนะเพชร ฉันช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ”

เพชรแท้พยักหน้าเข้าใจ รันทดหดหู่กับชีวิตตัวเองยามนี้
“ฉันไปก่อนละกัน”
“โชคดีเว้ย ระวังตัวด้วยนะ”
เพชรแท้เปิดประตูลงจากรถไปอย่างระแวดระวัง

เวลาต่อมาภายในร้านอาหารตกแต่งค่อนข้างหรูหรา ชนะศึกกินกาแฟอยู่กับนายพลตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งใส่ชุดซาฟารี
“ไอ้เรื่องคดียาเสพติดนี่มันยุ่งยากนะชนะ มันไม่เหมือนคดีทั่วๆ ไป” สวัสดิ์เพื่อนที่ธานินทร์แนะนำเอ่ยขึ้น
“แต่ว่ามันอาจเป็นการใส่ความกันก็ได้นะครับ”



“ใครล่ะ เขามีปัญหากับใคร”สวัสดิ์ซัก
ชนะศึกชะงัก หยุดนิดหนึ่ง “เรื่องนั้นผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
“ลองมียาจำนวนมากขนาดนี้อยู่กับตัว ถ้าเป็นการใส่ความ ไอ้คนที่ใส่ความก็ต้องตัวใหญ่มากๆ เอางี้ดีกว่า ขั้นแรกเลย ถ้าคิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ก็เข้ามามอบตัว ถ้ายิ่งหนีอยู่อย่างนี้ก็ยิ่งอันตราย ดีไม่ดีอาจจะถูกวิสามัญก็ได้”
ชนะศึกพยักหน้ารับทราบ

ขณะเดียวกันเพชรแท้เดินมาตามฟุตบาทจนใกล้จะถึงร้านอาหารหรู ที่ชนะศึกมาพบกับนายพลตำรวจสวัสดิ์
สักครู่หนึ่งชนะศึกกับสวัสดิ์ก็เดินออกมา เพชรแท้ชะงักจำชนะศึกได้ทันที จึงรีบหามุมหลบ แล้วแอบดู เห็นชนะศึกกับสวัสดิ์เดินมาที่รถ นายร้อยตำรวจคนสนิททำความเคารพ แล้วเตรียมจะเปิดประตูรถให้ สวัสดิ์หันมาพูดกับชนะศึก
“ไม่ต้องห่วงนะ ลุงจะดูแลเรื่องนี้เอง”
ชนะศึกไหว้ขอบคุณ “ขอบพระคุณมากครับ”
“ฝากความคิดถึงพ่อกับแม่ด้วยล่ะ”
จากนั้นสวัสดิ์ก็เข้าไปนั่งในรถ นายร้อยคนสนิทเข้าไปนั่งด้านข้างคนขับ พลขับประจำตัวติดเครื่อง แล้วถอยรถออกไป
เพชรแท้เข้าใจผิด รู้สึกโกรธมากกับสิ่งที่เห็นรำพึงกับตัวเอง
“แกจะเล่นงานฉันให้ได้ใช่ไหม”

ธานินทร์ก้าวออกมาจากลิฟต์ เขาเปลี่ยนเป็นชุดลำลองดูดี ธานินทร์กำลังจะเดินออกไป อังคณานั่งอยู่ที่ชุดรับแขกในห้องโถง
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป”
อังคณาเดินมาตรงหน้า มีกระดาษปึกหนึ่งในมือ
“เห็นไหม นี่อะไร”
ธานินทร์ชะงัก
“หนังสือขอหย่าที่ทนายของคุณส่งมาให้ฉันเซ็น” อังคณาฉีกกระดาษเป็นชิ้น ๆ แล้วปาใส่หน้าธานินทร์ “เอ้า! เอาคืนไป แล้วบอกไอ้ทนายหน้าโง่ของคุณด้วยว่าฉันไม่ยอมหย่าให้คุณง่ายๆ หรอก มันจะส่งมากี่ร้อยใบ ฉันก็จะฉีกทิ้งให้หมด”
ธานินทร์ไม่สนใจสักนิด “ก็แล้วแต่คุณ ถ้าไม่มีอะไรทำดีกว่านี้ก็ตามใจ”
“ไม่! ฉันไม่ทำอะไรทั้งนั้น อย่างเดียวที่ฉันจะทำก็คือ ทำให้คุณไม่มีความสุข เหมือนกับที่คุณทำกับฉัน ฉันจะทำทุกทางไม่ให้คุณกับมันได้มีความสุขอีกเลย” อังคณาเดือดดาล
“ได้ยินที่ตัวเองพูดบ้างไหมอังคณา คุณได้ยินไหมว่าความคิดของคุณมันทุเรศขนาดไหน” ธานินทร์ด่า
อังคณาแค้นจัด “ใช่...ฉันมันทุเรศ แต่อย่านึกนะว่าคุณจะหนีฉันไปได้ คุณจะต้องอยู่กับฉัน เราจะต้องตกนรกทนทุกข์ทรมานไปด้วยกันตลอดชาตินี้ ฉันไม่มีทางปล่อยคุณไปง่ายๆ”
“คุณขวางผมไม่ได้หรอก อังคณา อีกไม่นาน ผมก็จะพ้นจากทุกๆ อย่างแล้ว” พูดจบธานินทร์ก็จะเดินหนี
อังคณาขวางไว้อีก “หมายความว่ายังไง คุณคิดว่าคุณจะหย่าจากฉันได้งั้นเหรอ มีไม้ตายอะไรซุกซ่อนเอาไว้อีกล่ะ งัดขึ้นมาเลย อยากรู้เหมือนกันว่าใครหน้าไหนจะเอาคุณไปจากฉันได้ ถ้าฉันไม่ยอมแพ้ซะอย่าง”
อังคณาโวยวายลั่น ธานินทร์มองอย่างสมเพช
“คราวนี้คุณต้องยอม คุณไม่มีทางชนะ คุณไม่มีทางจะรั้งผมไว้ได้ ไม่มีทาง!”
ธานินทร์ก็เดินออกไปทันที

อังคณามองตาม รู้สึกหวาดหวั่นในใจว่า เหตุใดธานินทร์ถึงมีท่าทีมั่นใจมากขนาดนี้
รถยนต์หรูคันนั้นขับแล่นมาตามทาง โดยมีศักดาเป็นคนขับ ส่วนธานินทร์นั่งอยู่ที่เบาะหลังรถ ศักดาเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นอย่างรู้ใจนาย

“ในที่สุดก็ถึงวันนี้ซักทีนะครับ”
“ฉันรอมายี่สิบปี ทุกข์ทรมานมายี่สิบปี ตอนนี้ฉันจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำในสิ่งที่ถูกต้องเสียที”
“ขอให้ทุกอย่างราบรื่น สมความปรารถนาของท่านนะครับ” ศักดาบอกอีก
“ขอบใจ” ธานินทร์รำพึง “ถ้าฉันช่วยพรรณีได้สำเร็จ คราวนี้ฉันจะได้พักยาว ๆ ซักที”
“ท่านจะไปไหนครับ” ศักดาถามที่หมายของเจ้านาย
“ไปที่สงบ ๆ ไปให้พ้นจากปัญหาทุกอย่าง”
รถของธานินทร์แล่นไปบนท้องถนนมุ่งหน้าสู่จุดหมาย โดยมีรถของเรืองโรจน์ขับตามมาห่าง ๆ
เรืองโรจน์พยายามขับตามรถของธานินทร์ไปไม่ให้คลาดสายตา และไม่ให้ธานินทร์รู้ตัว เรืองโรจน์มั่นใจว่าเขาจะต้องได้สิ่งที่ต้องการแน่

ที่บริเวณใกล้ๆ กับบ้านเช่าใหม่ พรรณีกำลังเก็บกระถิน และตำลึงที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆ บ้าน ท่าทางพรรณีดูเหนื่อยล้า แต่เธอก็ยังฝืนเก็บต่อไปเรื่อย ๆ
เวลาเดียวกันรถของธานินทร์แล่นเข้ามาจอดใต้ร่มไม้ต้นหนึ่ง ศักดาลงมาเปิดประตูให้ธานินทร์
“เชิญครับท่าน”
ธานินทร์ลงมาจากรถ
“บ้านคุณพรรณีอยู่ที่นี่เหรอครับ” ศักดาถาม
“ชนะศึกบอกว่าพรรณีเขาอยู่ที่บ้านเช่าหลังวัด”
“ให้ผมไปถามให้นะครับ”
ธานินทร์ปฏิเสธ “ไม่เป็นไรหรอก จะมีสักกี่หลังกัน ฉันถามเองก็ได้ เธอรออยู่ที่นี่แหละศักดา”
แล้วธานินทร์ก็เดินเข้าไปหาเด็กวัดที่อยู่แถวๆ นั้น
“เออ ขอโทษนะ เข้าไปในนี้หลังวัด มีบ้านเช่าไหม”
เด็กวัดชี้บอก “เดินตรงไปหลังวัดนะครับ แล้วก็เลี้ยวขวา จะเจอสวนแล้วก็มีบ้านอยู่ สองสามหลัง ลองไปถามดูก็ได้นะครับ”
“ขอบใจมากนะ”
เรืองโรจน์แอบดูอยู่มุมหนึ่ง เห็นธานินทร์เดินเข้าไปตามทางที่เด็กวัดชี้บอก ส่วนศักดายืนรออยู่ที่รถ
เรืองโรจน์เดินกลับมาแล้วเข้าไปนั่งในรถท่าทีหงุดหงิด
“โธ่เอ๊ย จะยืนทำบ้าอะไรวะ”

ธานินทร์เดินมาเรื่อยๆ ตามทางจนถึงบริเวณบ้านเช่า ที่เด็กวัดคนนั้นบอก จากนั้นจึงค่อยๆ เดินไปที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ธานินทร์มองไปที่หน้าบ้าน เห็นพรรณีกำลังติดเตาไฟอยู่ ควันขึ้นโขมง ธานินทร์ยิ้มอย่างดีใจที่ได้เห็นพรรณีอีกครั้ง
พรรณีสำลักควันนิดหน่อย แล้วครู่หนึ่งถ่านก็เริ่มติดไฟ ควันจางลง พรรณีเอาหม้อที่ใส่น้ำไว้แล้วตั้งบนเตา
ธานินทร์มองภาพตรงหน้า เห็นความยากลำบากของพรรณีแล้วยิ่งรู้สึกแย่
จังหวะที่พรรณีเดินเข้าไปในบ้าน ธานินทร์ตัดสินใจเดินออกมาจากที่ซ่อน เปิดดูหม้อที่ตั้งอยู่บนเตา
ครู่หนึ่งพอพรรณีเดินกลับออกมาในมือถือขวดน้ำปลา ก็เห็นธานินทร์ยืนหันหลังอยู่ ท่ามกลางกลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาจากเตาไฟและหม้อ และเห็นเป็นเพียงเงาดำ
“คุณคะ มาหาใครคะ” พรรณีตัดสินใจถาม
ธานินทร์ค่อยๆ หันมา กลุ่มควันจางลง เผยให้เห็นเป็นธานินทร์ พรรณีตกตะลึง ภาพธานินทร์ในวัยหนุ่มซ้อนเข้ามา และกลับมาเป็นธานินทร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
พรรณีตะลึง ปล่อยขวดน้ำปลาในมือร่วงลงพื้นโดยไม่รู้ตัว
“คุณธานินทร์”
พรรณีตะลึงอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะได้สติเดินถอยหลังออกมา ธานินทร์เดินตาม ทักทายเสียงอ่อนโยน
“สวัสดี...พรรณี”
“คุณกลับไปซะ” พรรณีไล่ ธานินทร์ชะงักกึก “แล้วอย่ามาที่นี่อีก”
“เมื่อวันก่อน ผมเข้าใจว่าคุณอยากจะเจอผม พรรณี ผมรู้นะว่าคุณกำลังเดือดร้อนมาก แล้วผมก็รู้ว่าผมเป็นต้นเหตุ”
“แล้วคุณยังจะมาทำไม”
“เพราะผมอยากจะแก้ไขในสิ่งที่ผิดไงพรรณี ทุกอย่างที่อังคณาเขาทำกับพวกคุณ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน ผมอยากจะขอโทษ และชดใช้ความผิดทุกอย่าง ทุกอย่างที่ผมเคยทำผิดต่อคุณ”
“คุณทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”
“ได้ซี...ถ้าคุณจะให้โอกาสผมนะพรรณี ให้โอกาสผมได้แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว ผมทำได้”
“คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ฉันขอร้อง...ธานินทร์ คุณกลับไปซะ”
ธานินทร์ยังคงพยายามพูดกล่อมพรรณี
“พรรณี จำได้ไหม เมื่อยี่สิบปีก่อน ผมสัญญาว่าผมจะแต่งงานกับคุณ”
พรรณีสวนออกมาน้ำเสียงขมขื่น “แต่คุณก็ทำไม่ได้”
“เพราะผมทำไม่ได้ ผมมีความจำเป็นหลายอย่าง แต่วันนี้พรรณี ผมไม่มีข้อจำกัดอะไรอีกแล้ว ผมทำอะไรก็ได้พรรณี ผมทำให้คุณเดือดร้อนมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ทั้งคุณทั้งลูกๆ ของคุณ ได้โปรด...ขอให้ผมได้ไถ่โทษในสิ่งที่ผมทำเถอะนะให้ผมทำอะไรก็ได้ เพื่อชดใช้ให้กับคุณ”
พรรณีนิ่งคิดอย่างตริตรอง “ก็ได้...คุณอยากทำอะไรเพื่อฉันใช่ไหม”
ธานินทร์ดีใจ “ใช่ บอกผมมาเลยพรรณี คุณต้องการให้ผมทำอะไร ผมพร้อมจะทำทุกอย่าง”
“ฉันขอแค่สองอย่างเท่านั้น อย่างแรก ขอให้คุณช่วยเพชร เพชรไม่ได้ทำผิด เขาถูกใส่ร้าย”
“ได้ ผมจะช่วย” ธานินทร์ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข “แล้วอย่างที่สองล่ะ”
พรรณีพูดเสียงเรียบ “ไปซะ ไปให้พ้นจากชีวิตฉัน”
ธานินทร์อึ้งนิ่งงันไป

เรืองโรจน์นั่งคอยอยู่ในรถนานสองนาน ชักเริ่มจะเบื่อๆ แต่จากกระจกมองหลังเป็นชายคนหนึ่งกำลังเดินตรงมา ทางตน ซึ่งเป็นเพชรแท้ที่เดินหลบหน้าหลบตาผู้คน และกำลังจะเข้าซอยวัด หน้าตาเคร่งเครียด
เรืองโรจน์รำพึง จำได้ “ไอ้เพชร”
เพชรแท้เดินเข้ามาใกล้รถของเรืองโรจน์ จนเรืองโรจน์รีบหย่อนตัวหลบเพื่อไม่ให้เพชรแท้เห็น
จนเมื่อเพชรแท้เดินผ่านไปเรืองโรจน์ยิ้มอย่างมีชัย สมหวัง
“ไอ้เพชร แกอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย”
เรืองโรจน์หยิบมือถือขึ้นมา แล้วกดโทร.หาอังคณาทันที
“คุณอังคณาเหรอครับ ผมคิดว่าผมเจอบ้านของนังพรรณีแล้ว คุณธานินทร์ก็มาที่นี่ด้วย”
อังคณารับสายอยู่ที่บ้านเลิศชัยวัฒน์
“ไปหากันจนเจอแล้วซีนะ มิน่าล่ะ เมื่อเช้าถึงได้มั่นอกมั่นใจนัก”
“ที่สำคัญ ผมยังเจอคนอื่นอยู่ด้วย” เรืองโรจน์บอกต่อ
อังคณาฉงน “ใคร”
“ไอ้เพชร ลูกชายของนังพรรณี”
อังคณายิ้มเหี้ยมเกรียม “เรอะ งั้นเธอจัดการได้เลย”
“คุณอังคณาอยากให้จัดการแบบไหนครับ”
อังคณาหงุดหงิด “เอาแบบที่ ยิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งรังเลยน่ะ ทำเป็นไหม”
เรืองโรจน์ยิ้มร้ายออกมา ก่อนจะวางสาย แล้วกดใหม่
“ฮัลโหล...ผมจะแจ้งเบาะแสคนร้ายน่ะครับ”

เรืองโรจน์ยิ้มนัยน์ตาส่อแววชั่วร้ายเต็มสองตา
พรรณีเดินหนีเข้ามาในบ้าน ธานินทร์ตามง้อ และพยายามอธิบาย

“ทำไมล่ะพรรณี ทำไมต้องเป็นแบบนี้ คุณให้อภัยผมไม่ได้เหรอ เราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไม่ได้เหรอ”
พรรณีนิ่ง เมินหน้าหนีไปอีกทาง น้ำตาคลอ ธานินทร์ถอนหายใจ ล้วงกระเป๋าหยิบถุงนาฬิกาพกออกมายื่นส่งให้
พรรณีรับถุงนาฬิกาพกนั้น เปิดออกดู
“วันนั้นที่เรานัดกัน ผมไปช้า เพราะผมไปเอานาฬิกานี่ ผมตั้งใจจะเอามาให้คุณ เพื่อจะบอกว่าผมจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ทั้งหมดของผมกับคุณ” พรรณีสะเทือนใจ น้ำตาคลอเบ้า “แต่โชคร้าย พอผมไปถึงพ่อผมก็อยู่ที่นั่น พ่อทำร้ายคุณไปแล้ว คุณต้องเชื่อผมนะพรรณี วันนั้นผมทำอะไรไม่ได้จริงๆ”
“ฉันเชื่อ” พรรณีบอกทันที ธานินทร์ชะงัก “ความจริง วันนั้นหลังจากเกิดเรื่อง ฉันแอบอยู่ในร้านแล้วก็เห็นทุกอย่าง”
ธานินทร์ตกใจ “แล้วทำไมคุณไม่ออกมา คุณหนีผมทำไม”
“เพราะเมื่อฉันได้พบคุณพ่อของคุณ ฉันรู้ว่าระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ ฉันเลือกที่จะจบมันแค่นั้น” พรรณีบอก
ธานินทร์อึ้งไป “ถ้าผมรู้ว่าคุณยังอยู่ ผมจะสู้ ผมจะไม่ยอมแต่งงาน พรรณี คุณน่าจะรอผม จนกว่าจะถึงเวลาของเรา”
พรรณีสวนออกมา “ฉันรอไม่ได้”
ธานินทร์สงสัย “ทำไมล่ะ ทำไมคุณถึงรอไม่ได้”
พรรณีส่งนาฬิกาพกคืนให้กับธานินทร์ บอกเสียงแปร่งปร่า
“เรื่องมันแล้วไปแล้ว อย่าไปรื้อฟื้นมันอีกเลย”
ธานินทร์เอะใจ “มันอะไรกันแน่ พรรณี คุณต้องบอกผม ยังมีอะไรที่ผมไม่รู้อีกใช่ไหม ใช่ไหม พรรณี”
พรรณีส่ายหน้า ไม่ยอมพูดใดๆ ธานินทร์มองคาดคั้นไม่เชื่อ

ครู่ต่อมาพรรณีเดินออกมาหน้าบ้านเช่า
“คุณกลับไปเถอะธานินทร์ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันแล้วไป อย่าได้รื้อฟื้นกันอีกเลย”
“บอกมาก่อนซีว่าเรื่องมันคืออะไร อะไรที่คุณปกปิดผมอยู่” ธานินทร์ค้างคาใจ เฝ้าถามคาดคั้น
“ไม่มีอะไรสำคัญหรอก
“ก็มันอะไรล่ะพรรณี”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้”
ธานินทร์มั่นใจว่าต้องมีบางอย่างแน่ “คุณก็บอกผมมาก่อนซี ว่ามันเรื่องอะไรที่ทำให้คุณหนีผมมาตลอด ขอร้องเถอะนะ พรรณี ชีวิตคนเรามันสั้นนัก สั้นเกินกว่าที่จะมานั่งเข้าใจอะไรกันผิดๆ ขอโอกาสให้ผมได้รู้ และได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องบ้าง” ธานินทร์จะร้องไห้ออกมา ขณะเดินเข้ามาหาพรรณี จับแขนทั้งสองข้าง “สักครั้งเดียวในชีวิตก็ยังดี นะพรรณี บอกผมเถอะ คุณหนีผมทำไม”
พรรณีใจอ่อน กำลังจะบอกอยู่แล้ว “เพราะว่าฉัน...ฉัน”

ทันใดนั้นเพชรแท้กลับมา เห็นธานินทร์กำลังจับตัวแม่อยู่ก็โมโห
“นั่นแกทำอะไร”
ทั้งธานินทร์ และพรรณี เหลียวขวับไปมอง สองคนนิ่งตะลึงงัน เพชรแท้ปรี่เข้ามา แล้วผลักธานินทร์ออกไปอย่างฉุนเฉียว
“แกทำอะไรแม่ฉัน”
ธานินทร์พูดอ่อนโยนพยายามอธิบาย “เธอเข้าใจผิดแล้ว”
“เข้าใจผิดอะไร” เพชรแท้กระแทกเสียงถาม ขณะหันมาทางพรรณี “มันทำอะไรแม่หรือเปล่า”
พรรณีปลอบ “เพชร ใจเย็น ๆ ก่อนนะลูก”
เพชรแท้จ้องหน้าธานินทร์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ทำไม...เมียแกทำร้ายแม่ฉันขนาดนี้ แกยังมีหน้ามาเหยียบบ้านฉันอีกเหรอ แกนึกว่าแกมีเงิน แล้วฉันไม่กล้าทำอะไรแกหรือไง”
ขาดคำเพชรแท้ถลันเข้าไปจะเล่นงานธานินทร์ พรรณีรีบมาดึงตัวเพชรแท้ไว้
“อย่าลูก อย่าทำอะไรเขา”
เพชรแท้ดึงดัน ขู่ฟ่อๆ “ปล่อยผมนะแม่ เพชรอยากจะรู้นักว่าเลือดเศรษฐีมันสีอะไร”
“ไม่นะเพชร แม่ไม่ให้เพชรทำอะไรเขา”
“ทำไมล่ะแม่ มันเป็นใครมาจากไหน แม่ยอมให้มันมารังแกแม่อยู่ข้างเดียวได้ยังไง”
พรรณีบอกเสียงจริงจัง “เขาไม่ได้รังแกแม่”
ธานินทร์พยายามอธิบาย “แม่เธอพูดถูกแล้ว ฉันจะมาช่วยพวกเธอต่างหาก”
เพชรแท้กระแทกน้ำเสียงใส่หน้า “โกหก แกน่ะเหรอจะมาช่วยฉัน แกกำลังจะให้ตำรวจมาลากคอฉันเข้าคุกต่างหาก”
พรรณีตกใจ “เพชร เพชรพูดเรื่องอะไร”
“เพชรเห็นมากับตาแม่ เมื่อเที่ยงเนี่ย...เพชรเห็นลูกชายมันคุยอยู่กับนายตำรวจใหญ่ในร้านอาหาร มันจะเอาตำรวจมาจับเพชร”
ทั้งพรรณี และธานินทร์ต่างก็ตกตะลึง
พรรณีหันมามองหน้าธานินทร์ “จริงเหรอ”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง”
พรรณีบอกเสียงรัวเร็ว “คุณเอาเพชรเข้าคุกไม่ได้นะ คุณทำไม่ได้นะ”
“ผมไม่ทำอยู่แล้ว” ธานินทร์หันมาอธิบายกับเพชรแท้ “เธอเข้าใจผิด ที่เธอเห็นลูกฉันไปคุยกับตำรวจน่ะ เขาพยายามจะขอให้ตำรวจช่วยเธอต่างหาก เชื่อฉันซี เราสองคนพยายามจะช่วยเธอจริงๆ”
ระหว่างนั้นเองกำลังตำรวจที่เรืองโรจน์แจ้งไป วิ่งเข้ามาอย่างเงียบๆ แต่แล้วเพชรแท้หันไปเห็นเข้า ก็ยิ่งเชื่อว่าธานินทร์มาร้าย ทุกคนยิ่งตกใจ
“ตำรวจ”
เพชรแท้หันไปมองรอบๆ ตำรวจกระจายกำลังล้อมไว้ทุกด้าน
“นี่น่ะเหรอช่วยเรา” เพชรแท้บอกกับพรรณีอย่างโกรธแค้น “แม่เห็นหรือยัง เห็นมั้ยแม่...ตำรวจกำลังจะมาจับเพชร”
ธานินทร์ตกใจ “มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง”
พรรณีเสียใจยิ่งนัก “ไหนคุณว่าต้องการช่วยเราไง ทำไมคุณทำแบบนี้”
“ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ตามตำรวจมา”
เพชรแท้บันดาลโทสะเข้าไปผลักธานินทร์จนล้มลง
“ยังมีหน้ามาโกหกอีก” พร้อมกับหันมาบอกลาพรรณี “เพชรไปนะแม่”
เพชรแท้วิ่งหนีตำรวจไป เสียงนายตำรวจหัวหน้าทีมดังเข้ามา
“หยุดนะ” รีบสั่งการลูกน้องเมื่อเห็นเพชรแท้ไม่หยุด “ตามไป”

เพชรแท้ตัดสินใจวิ่งหลบไปทางหลังบ้าน แล้วหนีออกไปอย่างว่องไว
เพชรแท้โผล่ออกมาทางหลังบ้านเช่า พยายามจะลัดเลาะหนีไปตามซอกซอย ตำรวจคนหนึ่งเห็นเข้า

“อยู่นั่น ตามไป”
ตำรวจอีกคนหนึ่งดักรออยู่ข้างหน้าเพชร
“หยุดนะ” พร้อมกับตวาดเสียงดัง ขู่

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 7 วันที่ 9 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th