อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 13 วันที่ 28 ม.ค. 58
หลังจากไปพบน้าชัยมาเมื่อวาน ทิวัตถ์เพิ่งโทร. บอกลิลินในสายวันนี้ และถามเธอว่าว่างไหมตนอยากพบ ลิลินมีนัดสำคัญกับแม่ดาจึงขอเป็นตอนบ่ายค่อยเจอกันกานดาเตรียมจดหมายที่ลิลินส่งถึงแม่ดาหลายฉบับมาเพื่อยืนยันว่าเธอคือแม่ดา โดยนัดเจอลิลินที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่ดูเหมือนเธอจะผิดหวังเสียแล้วเพราะลิลินไม่ทันจะออกจากโรงแรมก็เจอมรสุมลูกใหญ่
ศักดิ์สิทธิ์หันรีหันขวางก่อนตัดสินใจไม่เข้าไป ศุภารมย์กับลิลินจึงเผชิญหน้ากันตามลำพัง เชือดเฉือนกัน
ด้วยสีหน้าและคำพูดที่ต่างคนต่างไม่กลัว
“เธอคือเด็กผู้หญิงคนนั้น...เปลี่ยนไปมากจริงๆ เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่เอาแต่ร้องไห้ในวันนั้นอีกแล้ว”
“น้ำตาคงไม่ทำให้พิสูจน์ได้ว่าพ่อของฉันไม่ได้เป็นฆาตกร”
“ฉันเข้าใจว่าเธอคงรักพ่อของเธอมาก แต่ทุกอย่างมันจบไปแล้ว ทั้งหลักฐาน ทั้งพยาน และที่สำคัญ...พ่อเธอเองก็ยอมรับว่าเขาเป็นคนฆ่าน้องสาวฉัน”
“แปลกนะคะ เพราะพ่อกลับบอกฉันว่าพ่อไม่ได้ฆ่าผู้หญิงคนนั้น แต่ทันทีที่พ่อต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ พ่อกลับยอมรับว่าทำก่อนที่พ่อจะตาย”
“เอาเถอะ เธอมีสิทธิ์ที่จะคิดอย่างนั้น แต่ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี ไม่ว่าเธอจะพยายามสืบหรือรื้อฟื้นอะไรขึ้นมา เธอจะไม่พบอะไร ทำไมเธอไม่เลิกยุ่งกับเรื่องนี้ซะ แล้วไปไหนก็ได้ ฉันพร้อมจะให้เงินเธอก้อนนึงเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่”
“คุณต่ายเก็บเงินของคุณไว้เถอะค่ะ เผื่อวันนึงคุณอาจจะต้องใช้มันเพื่อแก้ไขความผิดพลาดที่คุณเคยทำเอาไว้”
“จะมากเกินไปแล้วนะ คิดเหรอว่าคำขู่ของเด็กอย่างเธอจะทำอะไรฉันได้”
“ไม่คิดหรอกค่ะ เพราะคนที่ฆ่าน้องสาวตัวเองเพื่อแย่งสามีเธอ คงจะทำอะไรได้มากกว่าที่ฉันคิด”
ศุภารมย์โกรธแทบเต้นตบหน้าลิลินดังฉาด ลิลินไม่แสดงอาการใดๆ กลับเหยียดยิ้มแล้วยอกย้อนราวกับผู้ชนะว่า
“ทุกอย่างที่ฉันพูดมันคงไปกระตุ้นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคุณสินะ ไม่อย่างนั้นคุณต่ายคงไม่โกรธขนาดนี้...จริงไหมคะ”
“แล้วยังไง...เธอคิดว่าเธอจะทำอะไรฉันได้ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นใครในจังหวัดนี้”
“ค่ะ ฉันอาจจะไม่มีอาวุธหรืออำนาจเหมือนอย่างคุณ แต่ฉันมีความจริง ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ว่าพ่อฉันไม่ได้เป็นฆาตกร”
“มันไม่ง่ายนักหรอก” ศุภารมย์กล่าวเน้นๆ จ้องลิลินก่อนเดินเชิดหน้าออกไป
เป็นไงเป็นกัน! ลิลินไม่กลัวอะไรอีกแล้ว เธอไปพบทิวัตถ์ตามนัดและบอกเรื่องศุภารมย์รู้ว่าเธอคือลูกสาวปองภพ ขณะที่ทิวัตถ์ก็บอกเธอว่าตนถามทุกคนที่บ้านเรื่องคำให้การในวันเกิดเหตุ พวกเขายอมรับว่าอยู่ในบ้าน แต่ที่ตนอยากคุยกับเธอเพราะคำพูดของทุกคนทำให้ตนแปลกใจ
เรื่องของทิวัตถ์ยุติไว้ก่อน ลิลินสงสัยว่าศุภารมย์รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของปองภพจากใคร ถ้าทิวัตถ์ไม่พูด ก็ไม่น่าใช่วิทยากับปรมัตถ์ที่รู้ความลับนี้ หรือว่าจะเป็นกานดาเลขาฯของทรงพล
กานดาผิดหวังที่ลิลินไม่มาตามนัด เดินออกจากร้านอาหารไม่คิดว่าจะเจอศุภารมย์แถมเธอยังจู่โจมตบหน้ากานดาแล้วด่าซ้ำ “เธอมันงูพิษชัดๆ”
“คุณต่ายพูดเรื่องอะไรคะ กานไม่เข้าใจ”
“ยังจะตีหน้าซื่ออีกเหรอ เธอคิดว่าเธอติดต่อกับลูกสาวปองภพทางจดหมายแล้วฉันจะไม่รู้เหรอ”
กานดาตกใจหน้าเสีย จะอธิบายก็ไม่ถนัดมีบางอย่างติดขัดจนไม่กล้าพูด ศุภารมย์เลยเข้าใจไปว่ากานดาคิดยืมมือลิลินทำลายตนเอง ถึงได้ส่งเสียเลี้ยงดูกันมานาน
“ไปซะ ฉันจะให้เวลาเธอแค่คืนนี้ พรุ่งนี้ฉันไม่อยากเห็นเธอในจังหวัดนี้อีก” ศุภารมย์ส่งสายตาร้ายใส่กานดาก่อนจะเดินลิ่วออกไป ทิ้งกานดายืนช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
หลังจากรู้ความจริงว่าครอบครัวของเขาสามารถทำอะไรได้ทุกอย่างเพื่อรักษาอดีตให้เป็นอดีตต่อไป นับวันทิวัตถ์ยิ่งเป็นห่วงลิลิน แต่ลิลินขอยืนหยัดจะต่อสู้ทุกอย่างเพื่อให้ความจริงปรากฏออกมาให้ได้ ด้านศักดิ์สิทธิ์ที่ล่วงรู้ว่าลิลินเป็นลูกสาวของฆาตกร เขากลุ้มหนักตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้เธอออกจากการเป็นนักร้องหรือยังคงอยู่ต่อไปเหมือนเดิม
แต่แล้ววิชนีที่ได้ยินเรื่องนี้โดยบังเอิญก็หยิบยกเหตุผลดีๆมาทำให้ศักดิ์สิทธิ์จ้างลิลินทำงานต่อไป ทั้งนี้ลิลินก็ต้องสัญญาว่าจะไม่ทำให้โรงแรมของตนเดือดร้อนด้วย
วันเดียวกันทรงพลทราบเรื่องที่ลิลินเป็นลูกปองภพจากศุภารมย์ และเธอคิดว่าทิวัตถ์ก็ทราบเรื่องนี้แล้วด้วยแต่ไม่ยอมบอกพวกเรา เหนือสิ่งอื่นใดเธอกลัวว่าลิลินจะใช้ทิวัตถ์เป็นเครื่องมือเพื่อขุดคุ้ยความจริง
เย็นนั้นกลับบ้านเจอทิวัตถ์ ทั้งสองคนจึงซักถามเรื่องนี้จนเขายอมรับรู้นานแล้วว่าลิลินเป็นลูกสาวปองภพ แต่เมื่อศุภารมย์ยื่นคำขาดให้เขาเลิกยุ่งกับเธอ ทิวัตถ์ทำไม่ได้เพราะเขาชอบเธอไปแล้ว ฝ่ายลิลินที่วันนี้เจอ
เรื่องหนักๆแต่ยังพอยิ้มออก เพราะได้กำลังใจจากวิชนีที่พร้อมอยู่เคียงข้างไม่หนีไปไหน
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างอนันยชกับวรรณิตไม่ค่อยสู้ดีทั้งที่น่าจะอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน แต่อนันยช
กลับออกเที่ยวเตร่นอกบ้าน แล้วไปเจอกิ๊กเก่าที่เป็นพยาบาลโดยบังเอิญ ลูกแก้วเล่าว่าเจอวรรณิตสองสามครั้งที่โรงพยาบาล ล่าสุดก็วันนี้ตอนกลางวัน พออนันยชกลับมาซักถามเธอกลับบอกว่าไปหาวาสนา เขาเลยอารมณ์เสียทำท่าจะเอาเรื่อง แต่ศุภารมย์เข้ามาแทรกเสียก่อนเลยไม่กล้า
เมื่อคืนลิลินเกือบโดนไอ้โม่งทำร้าย โชคดีที่วิทยามาช่วยไว้ทัน แต่คนร้ายเก็บสร้อยข้อมือที่ลิลินทำหล่นขณะต่อสู้กันไปได้ วิทยารีบพาลิลินส่งโรงพยาบาล ส่วนไอ้โม่งคนนั้นซึ่งก็คือนพกรรีบกลับไปทำแผลที่บ้านแล้ววรรณิตเห็นเข้า เธอหวังดีจะช่วยทำแผลแต่โดนนพกรตวาดไม่ให้ยุ่ง และสั่งห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร
เช้าขึ้นทิวัตถ์เห็นรอยแผลที่หน้านพกรแต่ไม่ได้ติดใจสงสัยในคำตอบที่เขาบอกว่าซ่อมรั้วหลังบ้านแล้วโดนเครื่องมือเกี่ยว
นพกรทำหน้าที่ขับรถให้ทิวัตถ์เหมือนเดิม แต่พอ ได้ยินเขารับสายจากศักดิ์สิทธิ์แจ้งข่าวลิลินโดนทำร้ายเมื่อคืน วัวสันหลังหวะก็มีอาการหวาดระแวงขึ้นมา เหมือนกัน
ooooooo
ทรงพลถึงที่ทำงานเห็นซองจดหมายลาออกของกานดา เขาตกใจและไม่เข้าใจทำไมเธอไปกะทันหัน โทร.หาก็ไม่รับสาย เชื่อว่าศุภารมย์ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
ที่โรงพยาบาล ลิลินยอมเล่าเรื่องพ่อแม่ทิวัตถ์รู้ว่าเธอคือใครมาจากไหนให้วิทยาฟัง เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เธอค่อนข้างแน่ใจว่าพวกนั้นส่งคนมาทำร้ายเธอ วิทยาโกรธแทน พอเห็นทิวัตถ์มาเยี่ยมลิลินก็เลยปะทะอารมณ์กันครู่หนึ่งก่อนจะยุติเพราะลิลินขอร้อง
ลิลินเชื่อว่าทิวัตถ์ไม่รู้เห็น เธอขอให้วิทยากลับไปก่อน แล้วจะเล่าเรื่องราวให้ฟังทีหลัง เมื่ออยู่กันตามลำพัง ทิวัตถ์แสดงความห่วงใยลิลินประสาคนที่มีใจ ลิลินเองก็รับรู้ และยิ่งไม่เชื่อว่าเขาจะร่วมมือกับพ่อแม่ทำร้ายเธอได้
นพกรที่ขับรถมาให้ทิวัตถ์เห็นวิทยาที่หน้าโรงพยาบาล มองตามเขาไปด้วยแววตาอาฆาต เพราะจำได้ว่าเขาคือคนที่เข้ามาช่วยลิลินเมื่อคืนและทำให้ตนบาดเจ็บ
ค่ำนั้น ทรงพลกับศุภารมย์มีปากเสียงกันอีกเรื่องกานดา เขาไม่พอใจที่เธอไล่กานดาออกจากงาน
“ใช่ค่ะ ฉันไล่เธอไปเพราะเห็นว่าเราไม่ควรเลี้ยงงูพิษไว้ใกล้ตัว”
“แต่กานดาเป็นเลขาผม ผมรู้ดีว่าเธอเป็นคนยังไง”
“แล้วคุณรู้หรือเปล่าคะ ว่าเธอส่งเสียเลี้ยงดูลูกสาวปองภพไว้” ทรงพลชะงักไปนิดก่อนถามศุภารมย์รู้ได้ยังไง “เห็นจดหมายที่แม่เลขาของคุณเขียนติดต่อกับนังเด็กนั่น ฉันเพิ่งรู้ว่ากานดาร้ายกาจกว่าที่เราคิด... เธอคงเลี้ยงลิลินเอาไว้เพื่อให้กลับมาทำลายพวกเรา”
“แต่คุณจะทำอะไรก็น่าจะปรึกษาผมก่อน”
ศุภารมย์ไม่ชอบใจตั้งท่าจะเถียงอีกแต่ต้อง
หยุดลงเพราะทิวัตถ์เดินหน้าตึงเข้ามาต่อว่าทั้งคู่เรื่องลิลินโดนทำร้ายเมื่อคืน และไม่ฟังด้วยว่าศุภารมย์จะปฏิเสธยังไง
“คิดซะว่าผมขอเถอะนะครับ ผมไม่อยากให้คุณพ่อกับแม่ต่ายทำแบบนี้อีก เพราะมันจะยิ่งทำให้ผมไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้”
“พ่อกับแม่ไม่ทำแบบนั้นหรอก วินก็น่าจะรู้”
“ผมไม่ได้มาเพื่อคาดคั้นหรือสอบสวนพ่อกับแม่ต่าย ที่ผมมาก็เพื่ออยากให้รู้เอาไว้ว่าถ้าคุณลินเป็นอะไรขึ้นมา ผมนี่แหละจะเป็นคนสานเรื่องที่เธอทำต่อเอง เราจะได้รู้กันสักทีว่าใครเป็นคนฆ่าพ่อของเธอ”
ทิวัตถ์ทิ้งท้ายแล้วเดินหนีขึ้นห้อง ทรงพลกับศุภารมย์มองหน้ากัน เรื่องที่เถียงกันเมื่อสักครู่หายวับไปทันที เพราะไม่มีเรื่องไหนสำคัญเท่าเรื่องของทิวัตถ์อีกแล้ว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือคุณ”
“ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนเลวร้ายในสายตาคุณไปแล้วเหรอคะ”
“ถึงคุณจะพูดว่าไม่ใช่ฝีมือคุณ แต่วินก็รู้ว่าคนที่ต้องการให้คุณลินออกไปจากชีวิตของวินมากที่สุดคือพวกเรา”
“ฉันก็คิดว่ายัยเด็กนั่นก็คงจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน” ศุภารมย์เอ่ยด้วยความแค้นใจ แต่เธอไม่มีวันยอมแพ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างลิลินแน่!
ศัลย์ถูกเรียกมาพบที่บ้านในคืนนั้นเลย ศุภารมย์เล่าเรื่องลิลินคือลูกสาวปองภพและคิดว่าเธอจัดฉากว่าโดนคนทำร้ายเพื่อปั่นหัวทิวัตถ์ให้เกลียดพวกตน แต่พอศัลย์ถามว่าจะให้ตนจัดการเลยไหม ทรงพลห้ามไว้ เพราะแค่นี้ทุกคนก็สงสัยเรา โดยเฉพาะทิวัตถ์
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ฉันมีวิธีอื่น”
“ไม่ว่าจะวิธีไหนก็แล้วแต่ ผมไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนเพราะพวกเราอีกแล้ว...เข้าใจตรงกันนะ” ทรงพลเน้นหนักกับทั้งศุภารมย์และศัลย์
แต่ศุภารมย์ไม่หยุดยั้งการเอาคืนลิลินแน่ เธอเตรียมวางแผนอย่างแยบยลและจะลงมือในเร็ววันนี้
ooooooo
วิชนีเป็นอีกคนที่สงสัยว่าเรื่องที่ลิลินโดนทำร้ายเป็นฝีมือแม่ของทิวัตถ์ ส่วนศักดิ์สิทธิ์ก็ลังเล มีความเป็นไปได้ทั้งนั้นเพราะรู้จักนิสัยใจคอศุภารมย์ค่อนข้างดี แต่พูดไปไม่ดีแน่ จึงปรามวิชนีด้วยอีกคน
ทิวัตถ์ยืนหยัดในความถูกต้อง ถึงจะยังพิสูจน์ความจริงไม่กระจ่างแต่เขาก็ไปมาหาสู่ลิลินเหมือนเดิม เป็นห่วงเป็นใยเธอถึงขนาดให้ศักดิ์สิทธิ์เข้มงวดเรื่องความปลอดภัยภายในโรงแรม ให้จ้าง รปภ.เพิ่มและติดกล้องวงจรปิดมากขึ้นโดยเฉพาะทางเดินหน้าห้องลิลิน
วิทยากับทิวัตถ์เจอกันอีกครั้งที่โรงพยาบาล สองหนุ่มต่างก็ชอบลิลิน ความห่วงใยเธอจึงมีไม่ต่างกัน เมื่อมีโอกาสคุยกันส่วนตัว วิทยาอยากให้ทิวัตถ์ออกไปจากชีวิตลิลิน ในเมื่อรู้ว่าพ่อของเธอเป็นคนฆ่าแม่ของเขา ก็ไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก
“แต่ผมชอบเธอ ผมรู้ว่ามันอาจจะดูแปลกๆ ที่ผมรักลูกสาวของฆาตกรที่ฆ่าแม่ตัวเองได้ยังไง แต่บางทีความรักก็ไม่มีเหตุผล”
“แสดงว่าผมคิดไม่ผิด”
“ผมบอกความรู้สึกของผมไปแล้ว แล้วผมก็อยากรู้ว่าคุณคิดยังไงกับเธอเหมือนกัน”
“เธอคือรักแรก...และเป็นรักเดียวของผม...ก็ดี...
ในเมื่อคุณบอกว่าคุณชอบเธอ ผมเองก็อยากเห็นว่าคุณจะพิสูจน์ความรักที่มีต่อหนูลีได้แค่ไหน”
“หมายความว่าไง”
“ผมอยากให้คุณเลิกติดต่อกับเธอ เพราะการเข้ามาของคุณทำให้หนูลีไม่ปลอดภัย ถ้าคุณรักหนูลีจริงๆ และอยากให้เธอปลอดภัย ผมว่าคุณควรจะอยู่ห่างจากหนูลีให้มากที่สุด”
เหตุผลของวิทยาทำให้ทิวัตถ์นิ่งไป แต่จะยอมจำนนหรือไม่ก็สุดจะคาดเดา...
ทางด้านความรักของศักดิ์สิทธิ์กับวิชนีก็ยังไม่ลงตัวสักที ทั้งที่สองคนมีใจให้กัน ปกติเลยต้องเข้ามาเป็นผู้ช่วยอยู่เสมอและหวังว่าแผนครั้งนี้จะสำเร็จเสียที
ปกติวางแผนให้ศักดิ์สิทธิ์พาวิชนีไปอยู่ในที่เปลี่ยวแล้วตัวเองกับพนักงานโรงแรมอีกสองคนปลอมเป็นโจรไปดักทำร้าย เพื่อให้ศักดิ์สิทธิ์โชว์ฝีมือช่วยวิชนี แต่ความลับดันมาแตกเพราะวิชนีจำปกติกับพนักงานสองคนนั้นได้
วิชนีโกรธศักดิ์สิทธิ์มาก แต่พอเขาสารภาพว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะชอบเธอ หญิงสาวรู้สึกสับสนและเขินอายจนพูดไม่ออก เดินหน้าแดงหนีไป
ooooooo
ในที่สุดศุภารมย์ก็เรียกศัลย์มารับฟังแผนการของเธอโดยไม่สนใจว่ามันจะเสี่ยงอันตรายกับตัวเธอสักแค่ไหน
ลิลินได้รับกระดาษโน้ตข้อความจากใครบางคนที่ฝากพนักงานโรงแรมไว้ให้ ข้อความระบุว่า “ถ้าอยากรู้ ความจริง ฉันจะเป็นคนบอกเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเอง มาพบฉันตามแผนที่นี้ ห้ามบอกใคร ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีวันรู้ความจริงไปตลอดกาล...จากผู้หวังดี”
ลิลินระวังตัวแจ พกปืนออกจากโรงแรมไปยังจุดนัดหมาย ในเวลาไล่เลี่ยกันศัลย์มาดักเจอทิวัตถ์ที่โรงแรมแล้วทำทีรับสายจากศุภารมย์ อุทานด้วยความตกใจว่าลิลินนัดเธอออกไปพบ ศัลย์พยายามห้ามแต่ศุภารมย์ไม่ฟัง ทิวัตถ์ไม่เชื่อจึงโทร.หาลิลิน ปรากฏว่าเธอไม่รับสาย ทั้งที่เพิ่งแยกจากกันเมื่อสักครู่นี้เอง
ทิวัตถ์หลงกลแผนแยบยลของศุภารมย์เข้าจนได้ เขารีบร้อนไปยังจุดนัดหมายโดยที่ศัลย์ไม่คิดจะห้ามปราม แต่แอบโทร.บอกศุภารมย์ว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ลิลินไปถึงที่นัดหมาย คาดไม่ถึงว่าจะได้พบศุภารมย์ หรือว่าเธอจะเป็นคนเขียนโน้ตนัดตนมาที่นี่!
เพียงเห็นรอยยิ้มแสนเยือกเย็นของอีกฝ่าย ลิลินก็เข้าใจแจ่มแจ้ง ระแวดระวังตัวเองมากขึ้น
“เธอนี่แผนสูงกว่าที่ฉันคิดซะอีกนะ ยอมลงทุนถึงขนาดจ้างคนมาทำร้ายตัวเอง” ศุภารมย์เปิดฉากจนลิลินชะงักไปอย่างแปลกใจ “ยอมรับเถอะ ไหนๆตรงนี้ก็ไม่มีใครอยู่”
“ฉันไม่เข้าใจ...คุณพูดเรื่องอะไร”
“เลิกตีหน้าซื่อได้แล้ว เธอทำอย่างนี้เพื่อจงใจใส่ร้ายฉัน ให้วินเกลียดฉันใช่ไหม”
“คุณจะทำอะไรกันแน่”
“แย่งวินกลับคืนมาจากเธอไง”
ระหว่างนั้นมีชายคนหนึ่งใส่หมวกไหมพรมเล็งปืนมาที่ลิลิน แต่แล้วมันเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ศุภารมย์ ลิลินตกใจร้องเตือนเธอให้ระวัง แต่ไม่ทันไอ้โม่งที่ลั่นไกยิงเข้าใส่ไหล่ศุภารมย์จนทรุด ก่อนที่มันจะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ทิวัตถ์มาถึงที่เกิดเหตุเห็นศุภารมย์โดนยิงเลือดสาดก็ถลาไปประคอง และไม่ยอมให้ลิลินยุ่งเกี่ยว สายตาที่เขามองเธอว่างเปล่า ลิลินรู้ได้ทันทีว่าเขาเข้าใจว่าเธอยิงศุภารมย์
ทิวัตถ์รีบอุ้มศุภารมย์ขึ้นรถไปโรงพยาบาล ส่วนลิลินยืนอึ้ง รู้แน่แก่ใจว่าตัวเองพลาดหลงกลแผนการของศุภารมย์เข้าอย่างจัง
อนันยชอยู่บ้านทราบข่าวจากทิวัตถ์ว่าแม่ต่ายถูกยิงก็รีบร้อนไปพร้อมวรรณิต ส่วนทรงพลไปถึงก่อน เห็นเสื้อผ้าทิวัตถ์เปรอะเปื้อนเลือดแดงฉานยืนกระวน กระวายอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
“วิน...หมอว่าเป็นยังไงบ้าง”
“หมอยังไม่ออกมาบอกอะไรเลยครับ”
สองพ่อลูกกังวลใจ พอเห็นหมอออกมาจากห้องฉุกเฉินก็รีบเข้าไปถาม
“ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ”
“กระสุนเข้าที่หัวไหล่ ไม่ได้ถูกจุดสำคัญ ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ” จบคำหมอก็หันกลับเข้าห้องฉุกเฉิน สองพ่อลูกโล่งใจ ทรงพลถามทิวัตถ์ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง
“ทุกอย่างเป็นเพราะผม...ผมผิดเอง...ผมผิดที่เชื่อใจเธอ”
“วินหมายถึงใคร...หรือว่าคุณลิน...”
ทิวัตถ์พยักหน้า...ทรงพลยังงงๆ แต่ก็แตะไหล่ลูกชายเชิงปลอบใจ...
ขณะเดียวกัน ลิลินกลับถึงห้องพักในโรงแรม หยิบปืนขึ้นมาดูแล้วครุ่นคิดทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมด นึกถึงรอยยิ้มของศุภารมย์หลังจากโดนยิง และคำพูดแผ่วเบาที่บอกว่า “มันจบแล้ว”
ลิลินเชื่อว่าทั้งหมดเป็นแผนของศุภารมย์ แต่มันจะไม่จบง่ายๆอย่างนี้แน่!
ooooooo
อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 13 วันที่ 28 ม.ค. 58
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตรละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทโทรทัศน์ : อภิวัฒน์ เล่าสกุล
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง กำกับการแสดง : ตรัยยุทธ กิ่งภากรณ์
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ผลิต : บริษัท ปรากฏการณ์ดี จำกัด
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ควบคุมการผลิต : ชวลิต พงศ์ไชยยง
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง7 และ 7HD
ที่มา ไทยรัฐ