อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 3 วันที่ 4 ม.ค. 58

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 3 วันที่ 4 ม.ค. 58

คืนนี้ลิลินที่พาตัวเองเข้ามาที่บ้านหลังนี้อีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ เธอหยุดยืนมองขึ้นไปยังชั้นบนตรงที่เคยเป็นที่เกิดเหตุ แววตาของเธอเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เค้นเสียงออกมาอย่างเคียดแค้น

“พ่อ...หนูเจอแล้ว...หนูต้องทำให้ทุกคนรู้ว่าพ่อไม่ได้เป็นฆาตกร”



ลิลินมองสำรวจบ้านหลังใหญ่พร้อมกับไฟแค้นที่ลุกโชนขึ้นในใจ กลับไปถึงโรงแรมก็ยังครุ่นคิดเรื่องนี้ตลอดเวลา สัญญากับรูปของพ่อว่าตนจะทำให้คนพวกนั้นตกนรกทั้งเป็นเหมือนพวกเรา

ooooooo

ความแค้นแน่นในอกลิลิน เธอนั่งคิดทบทวนเหตุการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่วัดแล้วอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมไอ้โม่งคนนั้นถึงไม่ยิงทิวัตถ์ทั้งที่มีโอกาส...และดวงตาแข็งกร้าวของไอ้โม่ง เธอได้จดจำมันเอาไว้แล้วอย่างแม่นยำ!

ด้านสิตาที่เพียรพยายามตามหาทิวัตถ์แทบพลิกโรงแรม เธอยังปักหลักอยู่ที่นี่โดยเคี่ยวเข็ญศักดิ์สิทธิ์ให้บอกที่อยู่ของทิวัตถ์หรือไม่ก็ตามตัวเขามาให้ได้ ศักดิ์สิทธิ์แทบจะบ้าตาย คอยเลี่ยงหลบไม่อยากเผชิญหน้าโดยให้ปกติช่วยระแวดระวังเธออีกแรง

ทิวัตถ์อยู่ที่บ้านแต่ยังนึกห่วงลิลินเพราะดึกแล้ว อยากรู้ว่าเธอกลับถึงโรงแรมหรือยังจึงโทร.ถามศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่ได้ความคืบหน้าเพราะเพื่อนรักกำลังเซ็งจัดเรื่องสิตา วอนให้เขามาพากิ๊กเก่ากลับไป แต่ทิวัตถ์กลับบอกลาแล้ววางสายไปดื้อๆ

เช้าวันถัดมา ทิวัตถ์เจ็บหน้าแข้งจนเดินกะเผลก เขาพยายามเลี่ยงที่จะเจอใครต่อใครในบ้านเพราะขี้เกียจตอบคำถาม แต่สุดท้ายก็หลบไม่ทัน เจอแม่ต่ายจังๆ

เลยโดนซักจนต้องโกหกว่าเดินสะดุดนิดหน่อย ศุภารมย์สีหน้าไม่เชื่อทำท่าจะคาดคั้นแต่ป้าจวนเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน เล่าว่าเมื่อคืนตนเจอผีคุณต้อย

เท่านั้นเอง ศุภารมย์อารมณ์เสียเอ็ดป้าจวนว่าตนเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามพูดเรื่องอะไรบ้าง...ทิวัตถ์ฉวยโอกาสนี้จะชิ่งหนีแต่ศุภารมย์รีบบอกให้เขาไปพบพ่อก่อน ท่าทางพ่อมีเรื่องจะคุยด้วย

ที่แท้ศุภารมย์ต่างหากที่อยากคุยกับทิวัตถ์เรื่องนักออกแบบภูมิทัศน์คนใหม่ที่ชื่อวิทยา เธอเดินตามมากรุยทางให้ทรงพลเป็นคนพูดเพื่อจะหาคนอื่นมาแทน

“พ่อเห็นว่านายวิทยาอะไรนั่นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านลีลาวดีก็จริง แต่ผู้รับเหมาคนอื่น พ่อว่าฝีมือก็คงไม่แตกต่างกันมากมั้ง...นี่เป็นรายชื่อนักออกแบบภูมิทัศน์ที่พ่อเลือกมาให้แล้ว...ลองดูแล้วกัน”

ทิวัตถ์ไม่รับแฟ้มที่ทรงพลส่งมาให้ ท้วงว่าทำไมเราไม่ลองติดต่อดูก่อน ทรงพลไม่พอใจเริ่มเสียงดังว่าตนไม่เข้าใจทำไมต้องเป็นวิทยาเท่านั้น ทิวัตถ์เลยย้อนให้บ้างว่าตนก็ไม่เข้าใจทำไมพ่อถึงไม่อยากได้วิทยา...ทรงพลกับศุภารมย์ชะงักเงียบไปอย่างไม่รู้จะตอบอย่างไร

“โครงการนี้พ่อบอกให้ผมรับผิดชอบ แต่ถ้าพ่อยังเข้ามาดูทุกขั้นตอนอย่างนี้แล้วผมจะบอกคนที่ร่วมงานกับผมยังไง”

“พ่อเขาแค่กลัววินเหนื่อยน่ะ” ศุภารมย์แทรกขึ้นเพราะไม่อยากให้พ่อลูกให้ทะเลาะกัน ทิวัตถ์เองก็เลี่ยงการปะทะกับพ่อด้วยการเดินหนีไป ทรงพลหงุดหงิดเรียกลูกชายเสียงเขียว ศุภารมย์รีบปรามเขาว่าอย่าทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่

“คุณยังว่าเรื่องบุญช่วยเป็นเรื่องเล็กอีกเหรอ”

ศุภารมย์หนักใจแต่ขอร้องให้เขาเชื่อเธอ แล้วพอลับหลังทรงพล เธอก็โทร.หาใครบางคนบอกว่ากำลังจะออกไปแล้ว...

เช้านี้วันเดียวกัน ลิลินทราบจากศักดิ์สิทธิ์ว่ามีข่าวฆ่ากันตายที่วัดที่เธอไปเมื่อคืน หญิงสาวสงสัยเขารู้ได้ยังไงว่าเธอไปวัด แต่ไม่ทันซักถามศักดิ์สิทธิ์ก็พูดออกมาเองว่าตนถามคนขับรถของโรงแรมที่ไปส่งเธอ

ลิลินหายสงสัย แต่นึกเป็นห่วงบุญช่วยจึงย้อนกลับไปที่วัดอีกครั้งโดยบอกศักดิ์สิทธิ์ว่าขอไปเปิดหูเปิดตา ปรากฏว่าที่วัดมีไทยมุงจำนวนไม่น้อยวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคนจมน้ำตาย ลิลินตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นศพนั้นคือบุญช่วย แต่ไม่แสดงออกว่ารู้จัก แค่เข้าไปถามตำรวจว่าจะเอาศพไปไว้ไหน

“ต้องเอาไปชันสูตรก่อน เพราะไม่ใช่การตายแบบ ปกติ”

ขณะที่ตำรวจนำศพบุญช่วยที่ห่อผ้าไปขึ้นรถ วิทยาวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาแจ้งว่าตนเป็นญาติผู้ตาย ลิลินรีบถอยหลบออกมาและเฝ้ามองวิทยากอดศพบุญช่วยร้องไห้อย่างทำใจไม่ได้

หลังจากตำรวจนำศพบุญช่วยไปแล้ว ลิลินปรากฏตัวแสดงความเสียใจและปลอบวิทยาที่ยังเศร้าโศกเพราะสูญเสียผู้มีพระคุณที่เขาอยากเรียกว่าพ่อ...

ooooooo

ศุภารมย์นัดพบสารวัตรศัลย์โดยไม่บอกทรงพล เขาโทร.มาเธอก็ไม่รับสายเพราะไม่ต้องการให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ พอรู้ว่าศัลย์สังหารบุญช่วยไปแล้วก็ยิ่งตกใจ อุทานว่าต้องฆ่ากันเลยเหรอ

“มันเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด ผมขี้เกียจคอยตามล้างตามเช็ดทีหลัง”

“เอาเป็นว่าฉันไม่เคยรับรู้เรื่องนี้ก็แล้วกัน”

“แต่ผมว่าเรื่องนี้คุณคงจะอยากรู้...เมื่อคืนผมเจอผู้หญิงคนหนึ่งกับคุณวิน”

“อะไรนะ วินเข้าไปเกี่ยวข้องได้ยังไง”

“เรื่องนั้นคุณต่ายคงต้องเป็นคนไปถามคุณวินเอง” ศัลย์กล่าวเสียงเรียบแล้วเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ ทิ้งศุภารมย์ยืนหน้าเครียด คิดหนัก...

วาสนาพาวรรณิตมาที่บ้านทรงพลอีกแล้วหมายมั่น ปั้นมือจะให้หญิงสาวลงเอยกับทิวัตถ์ให้จงได้ อนันยชรู้ทันและพึงพอใจวรรณิตจึงพยายามกีดกันและช่วยเหลือให้ทิวัตถ์หลบหลีกสองยายหลานก่อนจะพาตัวเองมาตีสนิทด้วยการทำดีด้วย แต่บางทีก็มีจิกกัดวาสนาบ้างเหมือนกัน

อนันยชเจ้าเล่ห์เพทุบาย หลอกวรรณิตจนสามารถแยกเธอออกจากวาสนาได้แล้วพาเธอไปนอกบ้าน อ้างว่าเดี๋ยวศุภารมย์กลับมาจะเป็นเรื่อง

ส่วนทิวัตถ์ที่หลบสองยายหลานมาได้ เขายังไม่ได้เข้าบริษัทแต่โทร.สั่งคฑาวุธให้ช่วยหารูปและประวัติแล้วก็ผลงานของวิทยา สัจธรรม ไว้ให้ตน...คฑาวุธรับทราบแต่ไม่ทันจะปฏิบัติ สิตาก็พรวดพราดมาถามหาทิวัตถ์และใช้ถ้อยคำหยาบคายราวกับคฑาวุธเป็นขี้ข้า

ศักดิ์สิทธิ์กลัดกลุ้มที่ยังหาเชฟคนใหม่ไม่ได้ เรียกปกติมายื่นคำขาดต้องหาเชฟให้ได้ภายในสามวันไม่งั้นตนจะลดตำแหน่งเขา ปกติเลยแนะนำว่าในตัวเมืองมีร้านอาหารร้านหนึ่งขายดีมาก แสดงว่าต้องมีพ่อครัวที่ สุดยอด เขาควรจะไปพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วทาบทามมาอยู่กับเรา

เจ้านายเห็นดีเห็นงามกับคำแนะนำของลูกน้อง รีบออกจากโรงแรมไปทันที ทิวัตถ์มาหาจึงไม่เจอ พูดคุยกับปกติครู่หนึ่งก่อนจะขอตัวไปเดินเล่นบริเวณสวน แล้วบังเอิญไปเห็นลิลินที่กำลังคุยโทรศัพท์กับปรมัตถ์เรื่องการตายของบุญช่วยที่เป็นกุญแจดอกเดียวที่เธอมีทิวัตถ์ไม่ได้ยินการสนทนานั้น แต่ได้ยินในช่วงท้ายๆที่ลิลินปฏิเสธความห่วงใยของปรมัตถ์ ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเธอคบชายหลายคนจนเกิดรถไฟชนกัน พอเธอวางสายเลยเข้ามาจิกกัดเธอว่าน่าจะเปลี่ยนจากนักร้องไปเป็นผู้บริหาร โดยเฉพาะเรื่องบริหารผู้ชาย หญิงสาวยอกย้อนด้วยความโกรธว่า สำหรับผู้ชายบางคนก็บริหารไม่ได้เพราะในใจเขามีแต่สิ่งปฏิกูล

ทิวัตถ์ไม่พอใจคว้าแขนเธอไว้ไม่ยอมให้เดินหนี ลิลินพยายามสะบัดแต่ไม่สำเร็จ แล้วต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเขาถามว่าจะไปไหน หรือว่าจะไปเรียกตำรวจเมื่อคืนมายิงตน

“ตำรวจเหรอ?” ลิลินทวนคำเสียงแผ่ว

“คุณไม่ต้องมาทำหน้าซื่อตาใสแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง... ฉลาดนี่ที่รู้จักสร้างเครือข่าย...ไอ้หนุ่มบ้านทุ่งตำรวจแล้วไหนจะคนที่อยู่ที่กรุงเทพฯอีก ต่อไปคุณจะเอาอาชีพอะไรล่ะ”

ลิลินไม่อยากต่อปากต่อคำ หันหลังจะเดินออกไปแต่ทิวัตถ์ไม่ยอม

“นี่คุณ...ที่ฉันเดินหนีไม่ใช่เพราะฉันทนคำดูถูกเหยียดหยามจากคุณไม่ได้ แต่ฉันไม่อยากเห็นคนที่...”

เธอพูดไม่ทันจบ เสียงสิตาดังแหวกอากาศขึ้นมาจนทิวัตถ์ตกใจรีบปล่อยมือจากลิลิน...สิตาปรี่เข้ามาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เงื้อมือจะตบหน้าลิลินอย่างหึงหวง แต่ลิลินตั้งหลักอยู่แล้วก้มหลบก่อนจะจับแขนสิตาไพล่หลังแล้วผลักออกไปจนล้มลง พร้อมกับประกาศว่าตนไม่ยอมให้ใครมารังแก!

“นังหน้าด้าน!” สิตาลุกขึ้นโวยวาย กล่าวหาลิลินโดยไม่ยอมฟังคำอธิบายของทิวัตถ์ว่าหล่อนคิดจะแย่งเขาไปจากตน ลิลินเลยตอกหน้าสิตาต้องเข้าใจเสียใหม่ ตนไม่เคยแย่งใครเพราะเขาเป็นฝ่ายมาหาตนเอง

สิตาทนไม่ได้ร้องกรี๊ดแล้วปรี่เข้าหาลิลินอีก ทิวัตถ์เห็นท่าไม่ดีตัดสินใจอุ้มสิตาออกไปมุมหนึ่งแล้วถามอย่างเหนื่อยหน่ายว่าเธอเป็นบ้าอะไร

“ตาต้องเป็นคนถามวินมากกว่า...วินเป็นบ้าอะไรถึงได้ลงไปเกลือกกลั้วกับผู้หญิงชั้นต่ำอย่างนั้น...วินเป็นอะไร...เป็นอะไร” สิตาทุบตีเขาอย่างแค้นใจ ทิวัตถ์ไม่ปัดป้อง... แล้วถามว่าแค่นี้คงทำให้เธอรู้สึกผิดน้อยลงแล้วใช่ไหม ถ้าเธอคิดว่าเขามีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น แสดงว่าเธอดูถูกเขา แล้วก็ดูถูกความรู้สึกดีๆที่เขาเคยมีให้เธอด้วย

สิตานิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโผกอดทิวัถต์และขอโทษทั้งน้ำตา ขอให้เรากลับมารักกันอีกครั้งได้ไหม...

แต่ทิวัตถ์เจ็บปวดกับอดีตมากเกินจะเริ่มต้นใหม่ เขาเดินจากเธอไปพร้อมกับรำลึกเหตุการณ์เมื่อสามปีที่แล้ว ที่พบเห็นกับตาว่าสิตานอกใจเขา แอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหนุ่มฝรั่งคนหนึ่งขณะไปเรียนต่อด้วยกันที่ต่างประเทศ

ความสัมพันธ์ของเขาและเธอขาดสะบั้นลงทันทีนับตั้งแต่วันนั้น ทิวัตถ์เสียใจมาก ขณะที่สิตาก็รู้สึกผิด...

ทุกวันนี้เธอพยายามตามตื๊อเขาเรื่อยมา แต่เพราะความเอาแต่ใจของเธอยิ่งทำให้เขาเอือมระอา และรับไม่ได้จริงๆ กับเหตุการณ์ที่ผ่านมา

คิดถึงความหลังอันเจ็บปวด ทิวัตถ์ไม่สบายใจ เข้าไปนั่งดื่มในผับทั้งที่ยังไม่เปิดให้บริการ ลิลินจะมาซ้อมร้องเพลงกับวงดนตรี เหลือบเห็นเขาจึงเดินเข้าไปทักกึ่งแขวะว่าคุณหนูอารมณ์ร้ายไม่ให้อภัยหรือไง คุณชายจอมมโนเลยต้องมานั่งดื่มแต่หัววัน

ทิวัตถ์เห็นลิลินก็ยิ่งชิงชังเพราะความฝังใจที่ตัวเอง เกลียดผู้หญิงเจ้าชู้...สองคนปะทะคารมกันไปมาก่อนที่ฝ่ายชายจะโมโหจนระงับอารมณ์ไม่อยู่คว้าตัวเธอมากอดจูบ แล้วโดนเธอตบหน้าไปสองฉาด พอดีกลุ่มนักดนตรีเข้ามา ลิลินจึงฝากพวกเขาบอกศักดิ์สิทธิ์ด้วยว่าวันนี้ตนขอลางาน

เวลานั้นศักดิ์สิทธิ์อยู่ในร้านอาหารที่ปกติบอกว่าลูกค้าแน่นเพราะอาหารอร่อย ซึ่งเขาได้พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่าเป็นเรื่องจริง จึงอยากจะพบหัวหน้าพ่อครัวตัวเป็นๆ โดยแต่งเรื่องหลอกพนักงานว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุขจังหวัดมาตรวจความสะอาดต้องการพบพ่อครัว

ปรากฏว่าเชฟใหญ่ของที่นี่ก็คือวิชนี...สองคนเผชิญหน้ากันแล้วก็ทะเลาะกันอีกอย่างไม่มีใครยอมใคร ศักดิ์สิทธิ์เถียงสู้ไม่ได้เดินปึงปังออกมาหน้าร้านจนชนเก้าอี้อนันยชที่พาวรรณิตมานั่งกินอาหารอยู่ครู่หนึ่งแล้ว แต่สองหนุ่มเพื่อนรักไม่ทันได้พูดคุยกัน เพราะศักดิ์สิทธิ์ต้องรีบเผ่นก่อนจะถูกพนักงานในร้านมาจับตัวโทษฐานหลอกลวงว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุขจังหวัด

วรรณิตสงสัยว่าศักดิ์สิทธิ์เป็นใคร อนันยชตอบสั้นๆว่าเพื่อน แล้วชวนเธอกินแกงมัสมั่น ตักให้อย่างเอาใจพร้อมกับลอบมองเธออย่างหลงใหล ไล่สายตาตั้งแต่ใบหน้าลงมาที่คอและหยุดที่เนินอกของเธอ

อนันยชเคยมีความหลังกับแกงมัสมั่นฝีมือศุภิสราที่หว่านเสน่ห์ด้วยแกงชนิดนี้...เขานึกถึงเหตุการณ์วันนั้นขึ้นมา และที่สุดก็หักห้ามใจไม่ได้ทำท่าจะหอมแก้มวรรณิตพร้อมกับพูดเสียงแผ่วว่าเขาจะดูแลเธอ

วรรณิตตกใจรีบถอยหนีและห้ามปราม “คุณวันอย่าทำอย่างนี้เลยค่ะ ถ้ายายรู้...ณิตต้องโดนคุณยายว่าแน่ๆ แล้วนี่ทำไมยายยังไม่มาอีกคะ”

ขาดคำ เสียงมือถือวรรณิตก็สั่นขึ้น เธอรู้สึกตัวรีบหยิบมันออกจากกระเป๋ามองเบอร์ก่อนกดรับและคุยโต้ตอบกับวาสนาอยู่หลายประโยค จนรู้ว่าตัวเองโดนอนันยชหลอกเสียแล้ว

“ทำไมคุณวันต้องทำอย่างนี้ คุณวันโกหกณิตทำไม”

“ก็ได้...ผมยอมรับว่าผมโกหก เพราะผมอยากอยู่กับณิตแค่สองคน...ให้โอกาสผมบ้างสิ”

วรรณิตไม่ฟัง ดึงมือตัวเองกลับแล้วลุกขึ้นจะออกไป อนันยชเอาแต่ใจพยายามยื้อยุดเธอไว้ เลยโดนเธอตบจนหน้าหันแล้ววิ่งหนี...เขามองตามเธอไปด้วยแววตาที่โกรธจัด... ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำแบบนี้กับเขามาก่อน!

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น ลิลินใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้บุญช่วยแล้วกลับเข้ามาเจอศักดิ์สิทธิ์โดยบังเอิญ

“สวัสดีค่ะคุณสิทธิ์”

“เมื่อวานมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ เห็นว่าอยู่ดีๆก็ลากะทันหัน”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีเจอคนที่มารยาททราม ปากจัด วันๆไม่ทำอะไร จ้องแต่จะคอยจับผิดคนอื่น”

“ใครครับ...ใครบังอาจทำกับคุณลินแบบนั้นบอกผม เดี๋ยวผมจัดการให้เอง”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันมาคิดๆดูแล้วหมอนั่นคงสติไม่ค่อยดีน่ะค่ะ...คุณสิทธิ์กับคุณทิวัตถ์นี่เป็นเพื่อนกันมานานหรือยังคะ”

“อย่าเรียกว่านานเลยครับ เรียกว่านานมากดีกว่า... ทำไมเหรอครับ”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่เห็นว่าคุณศักดิ์สิทธิ์เป็นคนดีมีน้ำใจ มองโลกในแง่บวก ไม่ตัดสินคนจากภายนอก... ดูแล้วตรงข้ามกับตานั่น เอ่อ คุณทิวัตถ์น่ะค่ะ ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะคบกันได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วลินขอตัวก่อนนะคะ”

“ครับ” ศักดิ์สิทธิ์ตอบด้วยสีหน้างงๆ มองตามหลังลิลินพร้อมนึกทวนคำพูดของเธอ “เป็นคนดีมีน้ำใจ...มองโลกในแง่บวก...เอ๊ะ! หรือว่าคุณลินจะชอบเรา” คิดแล้วหัวใจชายหนุ่มพองฟู แทบจะกระโดดโลดเต้น...

ทรงพลทราบเรื่องศุภารมย์นัดเจอศัลย์เมื่อวานด้วยความหนักใจ อยากรู้ว่าทิวัตถ์ไปอยู่ในเหตุการณ์ได้ยังไง แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร...ต่างจากศุภารมย์ที่ดูนิ่งขรึมไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย...เช้านี้เจอกันที่โต๊ะอาหารเธอก็ยังวางเฉยจนทรงพลทนไม่ไหว บอกว่าตนคิดดูแล้วจะถามทิวัตถ์ตรงๆว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร

“คุณคิดว่าวินจะบอกเราเหรอ อีกอย่างเรายังไม่รู้เลยว่าวินรู้เรื่องการตายของบุญช่วยมากแค่ไหน ถ้าไม่รู้... บางทีคำถามของเราอาจจะทำให้วินเจอคำตอบที่หามาทั้งชีวิตก็ได้”

ทรงพลได้ยินอย่างนั้นก็นิ่งไป เพราะรู้ว่าศุภารมย์หมายถึงเรื่องการตายของศุภิสรา...ทิวัตถ์ลงมาร่วมโต๊ะตามด้วยอนันยชเป็นคนสุดท้าย จู่ๆทรงพลก็ถามคำถามที่ทุกคนคาดไม่ถึง

“วิน...พักนี้เรากับสิตาเป็นยังไง”

“ทำไมอยู่ๆพ่อถามถึงเธอล่ะครับ”

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พอดีโครงการที่วินรับผิดชอบอยู่ตอนนี้ คิดว่าเสี่ยหาญก็คงอยากจะได้เหมือนกัน...พ่อเราเขาก็เลยกลัวว่าหนูตาจะมาใกล้ชิดวินเพื่อล้วงความลับน่ะ” ศุภารมย์ตอบเป็นตุเป็นตะ

“โอ๊ย...เรื่องนั้นแม่ไม่ต้องห่วงเลย ยัยตาน่ะอยากล้วงอย่างอื่นของไอ้วินมากกว่าความลับอีก...เชื่อผมสิ”

“วัน! บนโต๊ะอาหารอย่ามาพูดจาทะลึ่งทะเล้นนะ” ศุภารมย์ตำหนิอนันยชจนเขาหน้าเจื่อนไป

“ถ้าเรื่องสิตา...คุณพ่อกับแม่ต่ายไม่ต้องห่วงครับ อดีตยังไงก็เป็นแค่อดีต” ทิวัตถ์พูดเพื่อให้ทุกคนสบายใจ ศุภารมย์พอใจ ถามหยั่งเชิงเผื่อจะได้ข้อมูล “ผู้หญิงคนนั้น” ว่าเขาไม่คิดจะมีใครอีกเหรอ “ทำไมครับ...หรือแม่ต่ายเบื่อที่จะดูแลผมแล้ว”

“พูดไป...ที่แม่ถามเพราะเห็นว่าช่วงนี้วินทำงาน หนักเกินไป บางทีการมีใครสักคนอาจจะทำให้วินไม่ต้องเครียดอย่างนี้”

“ปรึกษายายน้อยไง รับรองแกหายเครียดแน่” อนันยชปากไวเลยโดนศุภารมย์ตวาดปรามอีกครั้ง แต่ยังไม่วายแซวทิวัตถ์ก่อนลุกออกไป “ก่อนขับรถน่ะดึงถุงออกด้วยนะเว้ย”

“ถุงอะไร” ทิวัตถ์ไม่เข้าใจ

“เอ้า...ก็แม่ฉันกำลังจะจับแกคลุมถุงชนแน่ๆ ระวังให้ดีเถอะ”

ศุภารมย์มองตามลูกชายตาเขียว...ฝ่ายทิวัตถ์ขอตัวไปรอพ่อที่รถเพื่อออกไปทำงานพร้อมกัน พอเขาลับกาย ทรงพลก็เอ่ยกับศุภารมย์อย่างหนักใจว่า

“ท่าทางจะเอาอะไรจากเจ้าวินไม่ได้จริงๆ แล้วอย่างนี้เราจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

ooooooo

เมื่อไปถึงบริษัท ทิวัตถ์ถามหาข้อมูลของวิทยาที่สั่งการคฑาวุธไว้ ลูกน้องหนุ่มรู้สึกลำบากใจเพราะมันตรงข้ามกับความต้องการของทรงพลซึ่งเป็นถึงประธานบริษัท ที่เพิ่งมาสั่งเปลี่ยนแปลงงานใหญ่ของจังหวัด

ทิวัตถ์ทราบเรื่องจากคฑาวุธก็ตรงไปที่ห้องทำงานพ่อ ถามด้วยความสงสัยว่าทำไมพ่อถึงเปลี่ยนจากต้นลีลาวดีเป็นต้นปาล์ม

“ต้นปาล์มหาง่ายกว่า แล้วก็ถูกกว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นต้นปาล์มบริษัทเราก็จะมีกำไรเพิ่มขึ้น”

“แต่ผมว่าที่พ่อเปลี่ยนเพราะพ่อกลัวว่าผมจะทำงานไม่ได้เพราะไอ้โรคบ้าๆของผมใช่ไหมครับ”

“วิน...พ่อไม่ได้คิดอย่างนั้น”

“พ่อครับ ชีวิตผมจะก้าวต่อไปไม่ได้ถ้าผมยังวิ่งหนีอดีตอยู่อย่างนี้”

ทิวัตถ์สายตามุ่งมั่นจนทำให้ทรงพลไม่กล้าที่จะยื้อเอาไว้อีก เพราะรังแต่จะทำให้ลูกชายสงสัยมากขึ้น...

วันเดียวกันที่บ้านวาสนา...วรรณิตคุยโทรศัพท์กับญาติคนหนึ่งฝากให้ดูแลแม่ที่กำลังป่วย ส่วนเรื่องเงินตนจะรีบเอาไปให้...พูดแล้วเหลือบเห็นวาสนาเดินมา จึงรีบบอกลาญาติแล้ววางสายทันที แต่วาสนาก็เห็นอยู่ดี ถามหลานสาวว่าคุยกับใคร

“พี่ที่โรงพยาบาลน่ะค่ะ แกโทร.มาบอกว่าแม่เริ่มมีอาการตอบสนองแล้ว...”

“ไม่ต้องเล่า ฉันไม่ได้อยากฟัง ถ้าแม่หล่อนตายเมื่อไหร่ค่อยบอกฉันก็พอ”

“ยาย...” วรรณิตส่งเสียงไม่พอใจ แต่วาสนาหาได้ใส่ใจ สวนกลับมาว่า “หรือไม่จริง นอนเป็นผักอย่างนั้นสู้ตายไปซะยังจะดีกว่า อยู่อย่างนี้ก็เป็นภาระคนอื่นเขา”

“แต่ที่ณิตยอมทำตามที่ยายบอกอยู่ตอนนี้ก็เพราะณิตต้องการเงินไปรักษาแม่ ถ้ายายยังพูดกับแม่ของณิตอย่างนี้อีก...”

“ทำไม...แกจะไปจากฉันหรือไง อย่าลืมสิว่าแกก็อยากได้เงิน ถ้าแกไปจากฉัน น้ำหน้าอย่างแกจะหาเงินจากไหน”

วรรณิตนิ่งไปเพราะถูกวาสนาดักไว้หมดทุกทาง วาสนาไม่อยากจะชักใบให้เรือเสียจึงเปลี่ยนเรื่องบอกว่าอนันยชชอบเธอ แต่ตนบอกเขาไปแล้วว่าเธอชอบทิวัตถ์... วรรณิตปฏิเสธว่าไม่ได้ชอบทั้งสองคน โดนวาสนาขึ้นเสียงใส่จนนิ่งไปอย่างจนใจ

“หยุดเลย...แกจะพูดแบบนี้ไม่ได้ คิดถึงเป้าหมายเราไว้ให้ดีๆสิ ถ้าแกอยากได้เงินก็ทำตามที่ฉันบอกก็พอ”

ooooooo

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 3 วันที่ 4 ม.ค. 58

ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทโทรทัศน์ : อภิวัฒน์ เล่าสกุล
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง กำกับการแสดง : ตรัยยุทธ กิ่งภากรณ์
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ผลิต : บริษัท ปรากฏการณ์ดี จำกัด
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ควบคุมการผลิต : ชวลิต พงศ์ไชยยง
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง7 และ 7HD
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง เริ้มออกอากาศตอนแรกในวันเสาร์ที่ 3 มกราคม 2558
ที่มา ไทยรัฐ