อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 15 วันที่ 30 ม.ค. 58

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 15 วันที่ 30 ม.ค. 58

ศุภารมย์มีโอกาสเห็นวรรณิตใกล้ๆ ช่วงที่เธอป้อนข้าวตอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล และเกือบจะเห็นรอยผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้าถ้าวรรณิตไม่ไหวตัวเบือนหน้าหนีเสียก่อน

อนันยชมาเห็นวรรณิตอยู่กับแม่ของตนและพูดแปลกๆเหมือนที่ผ่านมาไม่อยากแต่งงาน ถ้ารู้ว่าแต่งแล้วจืดชืดไร้รสชาติ ศุภารมย์ปรามลูกชายเพราะเห็นใจลูกสะใภ้ แล้วอธิบายหลังจากอนันยชกลับออกไปแล้วว่า


“วันเขาก็เป็นอย่างนี้นั่นแหละ เอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก อยากได้อะไรก็ต้องได้ ฉันยังไม่คิดเลยว่าจะมีผู้หญิงคนไหนที่ทนวันได้...เธอรักวันหรือเปล่า”

“ทำไมคุณแม่ถามอย่างนั้นล่ะคะ”

“เพราะฉันรู้ว่าเธอคงไม่ได้แต่งกับวันเพราะความรัก” ดักทางแล้วเห็นวรรณิตอึกอัก ก็เลยถามตรงๆว่ายายน้อยบังคับเธอใช่ไหม

วรรณิตรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวเพราะศุภารมย์ที่เห็นไม่พูดไม่จาแต่กลับรู้ทุกอย่าง

“บอกฉันมาเถอะ อย่าลืมว่าต้อยน้องสาวฉันก็ได้แต่งกับคุณพลจากการเป็นแม่สื่อของยายน้อยเหมือนกัน แล้วฉันก็เชื่อว่าข้อเสนอที่ยายน้อยให้ ก็คงไม่ต่างจากเธอ เท่าไหร่ ฉันไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ ตราบใดที่วันกับเธอยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ไม่ใช่ล่ะก็...แผนของเธอกับป้าน้อยจะเป็นยังไงฉันคงไม่ต้องบอกนะ”

วรรณิตสะอึกอึ้ง เพราะเท่ากับว่าตอนนี้เธอคงทำอะไรไม่ได้สะดวกเหมือนที่ผ่านมา

ooooooo

วิทยาต้อนรับการกลับมาของลิลินหรือหนูลีอย่างเป็นทางการในตอนค่ำ นำดอกลีลาวดีที่เธอชอบมาตกแต่งโต๊ะอาหารอย่างสวยงาม แล้วขอโอกาสดูแลเธอในฐานะคนรัก

ลิลินไม่อยากเห็นเขาผิดหวังจึงบอกความจริงจากใจว่าเธอคิดกับเขาแค่พี่ชายที่แสนดี วิทยาฟังแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยเสียงเศร้า

“พี่เคยถามตัวเองเมื่อสิบห้าปีที่แล้วว่าถ้าคำตอบของหนูลีเหมือนในวันนี้ พี่จะทำยังไง”

“พี่วิทไม่โกรธหนูลีใช่ไหมคะ”

“พี่จะโกรธคนที่พี่รักได้ยังไง ไม่เป็นไร วันนี้พี่อาจจะเป็นได้แค่พี่ชาย แต่ไม่ว่ายังไงพี่ก็จะรอหนูลีนะ ...กินข้าวกันดีกว่า...นี่เลย...พี่จำได้ว่าของชอบหนูลีทั้งนั้น”

วิทยาฝืนยิ้มให้ลิลินที่ยืนปั้นหน้าไม่ถูกเพราะสงสารพี่ชายที่แสนดีคนนี้เหมือนกัน...

หนึ่งสัปดาห์ที่ศุภารมย์รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล วันนี้ทิวัตถ์ไปรับเธอกลับบ้าน พอรู้ว่าลิลินมาที่บ้านจากป้าจวนก็เลยซักถามทิวัตถ์ว่าเธอมาทำไม

“เธอมาบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นฝีมือเธอ”

ศุภารมย์ชะงักไปอย่างเก็บอาการ ทิวัตถ์ตัดสินใจถามเมื่อเห็นว่าอยู่ตามลำพังกับเธอ

“ผมถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ ทำไมแม่ไม่แจ้งความจับเธอ”

“ถ้าเธอจะฆ่าแม่แล้วเธอหายแค้น แม่ก็ยอม เพราะแม่ไม่อยากให้ความแค้นนี้ต้องตกไปอยู่ที่ลูกนะวิน”

ศุภารมย์ตีหน้าเศร้าเล่นละครตบตาทิวัตถ์...พอเห็นศัลย์เดินเข้ามาเธอรีบให้ลูกชายไปพักผ่อนเพื่อจะคุยธุระกับนายตำรวจคนสนิท

ทิวัตถ์เดินออกมาหน้าบ้าน หยิบกระดาษโน้ตข้อความที่ลิลินเอามายืนยันความบริสุทธิ์ขึ้นมาอ่านซ้ำก่อนทิ้งลงถังขยะ ไม่ทันจะหันเข้าบ้านได้ยินเสียงเรียกของทรงเผ่าที่ต้องการมาเยี่ยมศุภารมย์เพราะได้ข่าวว่าโดนทำร้าย

ในบ้าน ศัลย์ดูห่วงหาอาทรศุภารมย์มาก ตัดสินใจจะฆ่าลิลินเพื่อไม่ให้มาวุ่นวายกับเธออีก

“ฉันไม่อนุญาต ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันต้องการแค่ได้วินกลับมาเท่านั้น”

“แต่เพราะเธอ...คุณถึงต้องมาเจ็บแบบนี้ แล้วถ้าคุณปล่อยเธอไว้ คุณคิดว่าเธอจะหยุดแค่นี้เหรอ”

“เรื่องในอดีตที่ฉันทำเป็นเพราะความจำเป็น แล้วฉันก็เคยพูดเอาไว้แล้วว่า ต่อไปถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคนในบ้านนี้อีก ฉันขอให้มันเกิดกับฉัน”

“คุณต่ายพูดอย่างนี้ได้ยังไง แล้วผมล่ะ”

ศุภารมย์มองศัลย์ไม่เข้าใจความหมายลึกๆในคำพูดของเขา ศัลย์รู้สึกตัวก็ทำหน้านิ่ง ทันใดเสียงทรงเผ่า ทักทายทั้งคู่ดังมา มีทิวัตถ์เดินตามหลัง

“หวัดดีทุกคน...แหม ทำเป็นตกใจ หรือว่าฉันเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า”

“พี่เผ่าพูดอย่างนี้หมายความว่าไง”

“พี่ล้อเล่น...เอ...หรือว่าแกคิดจริงๆ” ทรงเผ่าตอบโต้ศัลย์ด้วยรอยยิ้มกวนๆ ศัลย์โกรธแต่ซ่อนอารมณ์ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย บอกศุภารมย์ว่าตนหมดธุระแล้วขอตัวก่อน

ศุภารมย์ไม่ชอบใจในการมาของทรงเผ่าเช่นกัน กลัวเขาจะมาปูดเรื่องราวในอดีตให้ทิวัตถ์ยิ่งสงสัย แต่กลายเป็นว่าครั้งนี้เขามาวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เธอโดนยิง นั่นยิ่งทำให้ศุภารมย์หวั่นใจว่าทิวัตถ์จะรู้ความจริงว่าเป็นแผนของเธอ

“คุณต่ายจะเป็นอะไรได้ยังไง ก็ในเมื่อมันเป็นแค่กระสุนเล็กๆแค่นั้น”

ศุภารมย์ชะงัก ทิวัตถ์เหลือบมองทั้งสองคนอย่างจับสังเกต

“พอดีลูกน้องคนเดิมกับเมื่อกี้มันรายงานน่ะ แต่ก็น่าแปลกนะ คนระดับอย่างคุณต่ายไม่น่าจะมีใครในจังหวัดนี้ที่กล้าทำอย่างนี้ แล้วก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ที่ไม่เห็นมีบันทึกประจำวันอะไรเลย สงสัยรองฯศัลย์คงลืม วันหลังถ้าเจอรองฯศัลย์ ฝากบอกด้วยนะถ้าใครถามอย่าบอกว่าเป็นลูกน้องเก่าผม แค่บันทึกประจำวันแค่นี้ยังลืมลง...เสียชื่อผู้กำกับทรงเผ่าหมด”
ศุภารมย์ควบคุมอารมณ์ เอ่ยเสียงเรียบ “ขอโทษนะคะผู้กำกับ...ฉันอยากพักผ่อน”

“จะไล่กันว่างั้น” เขาลดเสียงลง

ศุภารมย์ตอบกลับเบามากจนเกือบกระซิบ “ถ้ายังอยากมีเงินใช้...ก็กลับไปซะ”

“เฮ้อ...เพิ่งมาแป๊บเดียวเอง ก็ได้ ฉันไปก็ได้ แต่อย่าลืมโอนเงินค่าใช้จ่ายประจำเดือนด้วยนะ”

ทรงเผ่าลุกขึ้นเดินออกไป ศุภารมย์หันหน้าหนี ส่วนทิวัตถ์มองตามทรงเผ่าอย่างสงสัยในคำพูด แล้วตามเขาออกมาคุยกันพ้นหูตาของศุภารมย์

“ที่ผู้กำกับพูดกับแม่เมื่อกี้หมายความว่าไงครับ”

“เรื่องอะไร มีตั้งหลายเรื่อง”

“ก็เรื่องกระสุนเล็กๆที่ผู้กำกับบอก ผู้กำกับรู้เหรอครับ”

“อ้าว...นี่รองฯศัลย์ไม่บอกอะไรให้ฟังเลยเหรอเนี่ย ว่าไอ้กระสุนที่ยิงคุณต่ายมันคือลูกซ้อม”

ทิวัตถ์แปลกใจ นึกถึงที่ลิลินยืนยันว่าไม่ได้ยิงศุภารมย์ “ถ้าผมรู้ขนาดของกระสุน...ก็เท่ากับรู้ตัวคนร้ายใช่ไหมครับ”

“มันต้องใช้องค์ประกอบหลายอย่าง แต่นั่นก็เป็นข้อสันนิษฐานเบื้องต้น...มีอะไรหรือเปล่าคุณวิน”

ทิวัตถ์ไม่ตอบ...นิ่งไปอย่างใช้ความคิด

ooooooo

ศัลย์ทำตามใจตัวเองเพื่อตัดปัญหาเรื่องลิลินไม่ให้มากวนใจศุภารมย์อีก เขาแอบมาตัดสายเบรกรถวิทยาที่ลิลินต้องไปไหนมาไหนด้วยในระยะนี้ เพราะอยู่บ้านเดียวกัน

แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุร้ายแรงขึ้นจนได้ วิทยาต้องออกไปจัดสวนให้ลูกค้าแต่ไม่มีลูกน้องว่างสักคน ลิลินจึงอาสาเป็นลูกมือ แต่ระหว่างทางที่รถเข้าโค้งค่อนข้างเร็ว เบรกใช้งานไม่ได้ทำให้หลุดโค้งเสียหลักไถลลงข้างทางส่งผลให้วิทยาบาดเจ็บสาหัสและไปสิ้นใจที่โรงพยาบาล ขณะที่ลิลินได้รับแรงกระแทกที่ศีรษะ อาการน่าเป็นห่วง!

ooooooo

ศัลย์ผิดหวังที่ลิลินไม่ตาย ส่วนทิวัตถ์ที่เป็นคนพาลิลินและวิทยามาส่งโรงพยาบาลกระวนกระวายใจ เป็นห่วงลิลินอย่างที่สุด พอรู้ว่าวิทยาเสียชีวิตก็ตกใจมาก อยู่เฝ้ารอฟังอาการของลิลินจากหมอโดยไม่ยอมไปไหน

ศุภารมย์ทราบข่าวโทร.มาซักถามและรับปากจะให้คนเอาเสื้อผ้าไปให้ที่โรงพยาบาลเพราะทิวัตถ์จะอยู่เฝ้าทั้งคืน...แล้วเช้าวันใหม่ก็ทราบข่าวดีว่าลิลินพ้นขีดอันตราย พยาบาลกำลังย้ายเธอจากห้องฉุกเฉินไปห้องพักผู้ป่วย แต่ผ่านไปไม่นานหมอรายงานอาการเธออย่างละเอียดว่าภายนอกดูเป็นปกติ แต่เธอได้รับความกระทบกระเทือนที่ศีรษะรุนแรง ต้องรอให้เธอฟื้นก่อนถึงจะส่งไปทำซีทีสแกนได้

“แล้วเมื่อไหร่เธอถึงจะฟื้นล่ะครับหมอ”

“เรื่องนี้หมอคงตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายเธอตอบสนองต่อการรักษาได้ดีแค่ไหน”

ทิวัตถ์ได้ยินอย่างนั้นก็กังวลขึ้นมาอีก ฝ่ายศัลย์ตัวต้นเหตุ เวลานี้เขาโดนศุภารมย์บุกถึงห้องทำงานบนสถานีตำรวจ คาดคั้นเพราะแน่ใจว่าเขาขัดคำสั่งเรื่องลิลิน

“ฉันอยากรู้ว่าที่เด็กนั่นรถคว่ำเป็นเพราะฝีมือใคร”

“ผมเห็นว่าถ้าเด็กคนนั้นอยู่อาจจะทำให้คุณต่ายเดือดร้อนไปกว่านี้ก็ได้”

“ฉันไม่ได้สั่งให้เก็บเด็กนั่นใช่ไหม ทำไมถึงได้ทำเกินคำสั่งฉัน เกิดเด็กนั่นเป็นอะไรขึ้นมา คิดเหรอว่าวินจะปล่อยให้เรื่องเงียบไปง่ายๆเหมือนที่ผ่านมา”

“แต่ที่ผมทำไปก็เพื่อคุณ”

“กลัวว่าตัวเองจะเดือดร้อนมากกว่ามั้ง ตอนนี้ฉันขอให้รองฯอยู่เฉยๆ อย่าทำอะไรที่ฉันไม่ได้สั่งอีก”

“แล้วถ้าเด็กนั่นคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือคุณต่ายล่ะครับ”

“ว่าไงนะ” ศุภารมย์จ้องศัลย์ตาขวาง

“ถ้าผมเป็นเธอ...ผมก็เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องเป็นฝีมือคุณ”

ศุภารมย์พูดไม่ออก ความวิตกกังวลแผ่ซ่านไปทั้งร่างกาย

ooooooo

ศักดิ์สิทธิ์กับวิชนีแม้จะมีใจให้กันแต่ยังไม่ลงตัวสักที วางฟอร์มกันไปมาจนปกติหนักใจ แล้ววันนี้วิชนีก็ยิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่ เมื่ออาม่าของศักดิ์สิทธิ์มาที่โรงแรมแล้วได้ยินท่านพูดว่าหลานชายคบเชฟนีเพื่อตบตาตนหวังเงินสามสิบล้านมากอบกู้โรงแรม

วิชนีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หาว่าศักดิ์สิทธิ์หลอกลวงเธอไม่เลิก หวังแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง เธอด่าเขาไปหลายคำก่อนสะบัดหน้าเดินหนีทั้งน้ำตาคลอๆ

อาม่าอยู่ในเหตุการณ์ก็พลอยอึ้งไปด้วยเหมือนกัน

ผ่านไปสักพัก ขณะอาม่าเดินตรวจตราภายในโรงแรม ศักดิ์สิทธิ์ไปพาวิชนีเข้ามาพบท่าน แล้วแสดงความจริงใจออกมาอย่างไม่มีฟอร์ม

“คราวนี้จบแน่...เพราะผมจะบอกอาม่าว่า ผมเปลี่ยนใจไม่เอาเงินของอาม่าแล้ว”

“ถ้าไม่เอาแล้วลื้อจะทำให้โรงแรมนี้รอดได้ยังไงฮะ”

“ถ้าอาม่าคิดว่าผมไม่มีความสามารถพอ ผมก็จะเลิกบริหาร แล้วก็ขายให้กับคนที่อยากจะซื้อโรงแรมนี้แทน”

“นี่ลื้อคิดจะทิ้งมรดกตกทอดของเตี่ยลื้อจริงเหรอ”

“แต่ก่อนผมใช้ชีวิตตามความต้องการของคนอื่นมาตลอด แต่ตอนนี้ผมจะทำตามความฝันของตัวเองบ้าง”

“ลื้อแน่ใจนะ นี่มันธุรกิจนะ ไม่ใช่เล่นขายของ”

ศักดิ์สิทธิ์กระชับมือวิชนีแน่น ตอบอาม่าสีหน้าเด็ดเดี่ยว “ที่ผ่านมาผมอาจจะเล่น แต่ครั้งนี้ผมเอาจริง ผมจะแต่งงานกับเชฟนี แล้วไม่ขอรับเงินอาม่าแม้แต่บาทเดียว”

“ไม่ได้นะ แล้วโรงแรมนี้ที่พ่อแม่นายสร้างมาล่ะ” วิชนีท้วงเสียงหลง

“ฉันไม่สน และฉันจะไม่ทำมันต่อ แล้วต่อให้ฉันต้องไปขายเต้าหู้เต้าฮวยหรือเปิดร้านอาหารข้างทางเล็กๆที่ไหนฉันก็จะทำ ขอแค่มีเธออยู่ข้างๆ จะลำบากแค่ไหนฉันก็ไม่กลัว”

“ฮึ! แล้วลื้ออย่ามาง้อทีหลังแล้วกัน อั๊วผิดหวังในตัวลื้อจริงๆ” อาม่าพูดจบก็สะบัดหน้าเดินหนีไป ปกติที่ยืนฟังอยู่ตลอด ยิ้มแหะๆ ก่อนจะถือกระเป๋าวิ่งตามอาม่าไป

ooooooo

ด้านวรรณิตที่วันเดียวกันนี้ทราบข่าวแม่อาการทรุดหนัก เซลล์มะเร็งกระจายไปที่สมองเข้าขั้นวิกฤติ วรรณิตขอร้องหมอให้ช่วยรักษาแม่ของเธอ ไม่ว่าต้องเสียเงินเท่าไหร่เธอยอมทั้งนั้น

ที่พึ่งของวรรณิตเรื่องเงินไม่พ้นวาสนา แต่พอเธอมาวิงวอนก็ได้คำตอบเหมือนเดิมว่าไม่มี แต่เพราะวรรณิตลั่นวาจาจะเผยแผนการร้ายๆของวาสนาที่หวังสูบเงินครอบครัวทรงพล วาสนาเลยไม่กล้าแข็งขืนมากนัก แนะนำให้เธอไปเอ่ยปากกับอนันยช เรื่องแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอก

วรรณิตได้ยินชื่ออนันยชถึงกับนิ่งอึ้ง ทุกวันนี้เธอยังมองหน้าเขาไม่ติด แล้วจะกล้าพูดเรื่องเงินได้ยังไง... น้ำตาแห่งความสิ้นหวังไหลนองเต็มหน้าเธออย่างกลั้นไม่อยู่...

ส่วนลิลินที่ยังไม่ฟื้นอยู่โรงพยาบาล ทิวัตถ์ได้ข้อมูลเกี่ยวกับกระสุนปืนที่ศุภารมย์โดนยิงแล้วยิ่งห่วงลิลินมากขึ้น เชื่อว่าไม่ใช่ฝีมือเธอแน่ และคนที่ประสงค์ร้ายอาจย้อนมากำจัดเธออีกก็ได้ หลังจากพยายามทำให้เธอตายตอนรถคว่ำแล้วไม่สำเร็จ

เป็นเช่นนั้นจริงๆ ศัลย์มาป้วนเปี้ยนแถวห้องลิลินแต่ยังไม่สบโอกาสเหมาะ จึงต้องชะลอเอาไว้ก่อน

ตกเย็นวรรณิตกลับเข้าบ้านแต่ไม่ยอมร่วมโต๊ะอาหารกับทรงพล ศุภารมย์ และอนันยช เธอทุกข์ใจเรื่องแม่ป่วยหนัก อีกทั้งกับอนันยชก็ยังมองหน้ากันไม่ติด ไม่รู้จะหาเงินจากไหนไปรักษาแม่ แต่แล้วเธอนึกได้ หยิบกล่องเครื่องเพชรของศุภิสราที่อนันยชให้ออกมาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนพึมพำว่า มันอาจเป็นทางเดียวที่ทำให้แม่หาย...

ทิวัตถ์ยังไม่ได้กลับบ้าน อยู่เฝ้าลิลินแทบตลอดเวลา ทั้งรักและห่วงเธอจนไม่อยากให้คลาดสายตา พร่ำพูดให้กำลังใจทั้งที่เธอยังไม่ฟื้น

“อดทนหน่อยนะ อีกไม่นานเดี๋ยวคุณก็จะหาย ผมจะอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนคุณเอง”

ทันใดได้ยินเสียงแหบพร่าของเธอแว่วๆ เริ่มกระดิกตัวได้แล้วค่อยๆปรือตาอย่างยากลำบาก ทิวัตถ์ตื่นเต้นดีใจ

“คุณ! ฟื้นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง”

“ฉันหิวน้ำ...”

“หิวน้ำเหรอ เดี๋ยวผมเอาให้นะ...นี่ครับ ค่อยๆทานนะ”ทิวัตถ์ยื่นแก้วน้ำที่มีหลอดให้เธอ...เสร็จแล้วลิลิน

มองรอบห้อง ถามว่าที่นี่ที่ไหน

“โรงพยาบาล”

“ฉัน...ฉันมาที่นี่ได้ยังไง เกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันเจ็บไปหมดเลย”

“คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ คุณนั่งรถมากับคุณวิทยา...จากนั้นรถเกิดอุบัติเหตุ บังเอิญผมไปเจอ ก็เลยพามาที่นี่”

ลิลินทบทวนชื่อวิทยาก่อนถามว่าเขาคือใคร ทิวัตถ์ เริ่มเอะใจ พอได้ยินเธอถามว่าเขาเป็นใคร และเธอเป็นใครก็ตกใจแทบช็อก มือไม้อ่อนปล่อยแก้วน้ำหลุดจากมือแตกกระจาย

อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 15 วันที่ 30 ม.ค. 58

ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทโทรทัศน์ : อภิวัฒน์ เล่าสกุล
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง กำกับการแสดง : ตรัยยุทธ กิ่งภากรณ์
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ผลิต : บริษัท ปรากฏการณ์ดี จำกัด
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ควบคุมการผลิต : ชวลิต พงศ์ไชยยง
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง7 และ 7HD
ที่มา ไทยรัฐ