อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 4 วันที่ 8 ม.ค. 58
เย็นนั้น ทิวัตถ์กลับเข้าบ้านพร้อมทรงพล พบลิลินอยู่กับศุภารมย์ในฐานะครูสอนร้องเพลง ทิวัตถ์ไม่ไว้ใจลิลิน แม้ศุภารมย์บอกเหตุผลว่าตนต้องการฝึกร้องเพลงไว้ร้องในงานวันเกิดทรงพล เขาก็ยังจ้องจะจับผิดเธออยู่ดีทิวัตถ์ไม่รู้เลยว่าศุภารมย์กับทรงพลมีแผนจับสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลิลิน เพราะสงสัยว่าเธอจะเป็นผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนสารวัตรศัลย์ฆ่าบุญช่วยที่วัด แต่เท่าที่สองผัวเมียเห็น ทิวัตถ์กับลิลินน่าจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเสียมากกว่า
ศรัณย์สนิทสนมกับทรงพลและศุภารมย์เป็นอย่างดี เขาเป็นหมอประจำตัวทิวัตถ์ รักษากันเรื่อยมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ศุภิสราตกระเบียงบ้านตาย แต่ปัจจุบันทิวัตถ์ไม่อยากให้หมอมาวุ่นวาย เชื่อมั่นว่าตนไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่พ่อกับแม่ก็ยังไม่วางใจ มักเรียกหมอมาดูอาการลูกชายเป็นระยะ
ทิวัตถ์ข้องใจเรื่องลิลินมาเป็นครูสอนร้องเพลงให้ศุภารมย์ เขาตามไปคาดคั้นเธอถึงหน้าโรงแรมของศักดิ์สิทธิ์ว่ามีแผนอะไร อยู่ๆถึงได้ไปโผล่ที่บ้านตน ลิลินรำคาญเต็มทีตอบโต้ไปหลายคำจนเขาโมโหฉุนเฉียว กระชากแขนเธอและสั่งห้ามไม่ให้ไปที่บ้านอีก ไม่ว่าเธอคิดจะทำอะไรให้เลิกซะ
“ถ้าอย่างนั้นคุณคงต้องไปบอกแม่คุณ เพราะที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากไปเหยียบบ้านนั้นเท่าไหร่หรอก...นี่ปล่อยนะ ฉันเจ็บ”
ลิลินสะบัดหนีแต่ไม่สำเร็จ ทันใดปรมัตถ์พุ่งพรวดเข้ามาชกทิวัตถ์จนปากแตกเลือกซิบ ทิวัตถ์เลยเข้าใจผิดลิลินยิ่งขึ้นไปอีกว่าเจ้าชู้คบหาผู้ชายหลายคน หญิงสาวเบื่อหน่ายไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น ดึงปรมัตถ์แยกไปแล้วตำหนิเขาว่าไม่น่าตามมาถึงนี่
ปรมัตถ์น้อยใจ ลิลินทำเหมือนไม่มีเยื่อใย ทั้งที่เขาเป็นห่วงเธอเหลือเกิน อยากให้เธอยุติเรื่องความแค้นในอดีต แต่ลิลินไม่มีทางล้มเลิกแน่นอน และอยากให้ปรมัตถ์หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีของพ่อที่น่าจะมีอะไรผิดปกติ
ขณะสองคนพูดคุยกันอยู่นั้น วิชนีเดินมาเห็น ลิลินแนะนำชายหนุ่มว่าเป็นเพื่อนที่กรุงเทพฯ แต่วิชนีไม่เชื่อ เข้าใจไปเองว่าสองคนเป็นแฟนกัน
หลังจากปรมัตถ์กลับไปแล้ว ลิลินเข้ามาทำหน้าที่นักร้องของตนในผับ เสร็จแล้วขออนุญาตศักดิ์สิทธิ์ไว้ ล่วงหน้าจะไปสอนร้องเพลงให้ศุภารมย์ ศักดิ์สิทธิ์ยินดีไม่มีปัญหาแต่ถ้ากำหนดวันแน่นอนแล้วให้เธอแจ้งปกติไว้ด้วย
ด้านอนันยชที่อาสาพาวรรณิตไปส่งบ้าน เขาคิดจะรวบหัวรวบหางเธอให้ได้ในคราวนี้ และเกือบจะสำเร็จอยู่แล้วถ้าวาสนาไม่กลับมาขัดจังหวะเสียก่อน วาสนาโกรธมากดุด่าอนันยชยกใหญ่ก่อนจะไล่กลับไป
“แกเห็นแล้วใช่ไหมว่าพ่อวันคิดอะไรกับแก...สงสัยต้องรีบลงมือซะแล้ว ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้แกคงโดนพ่อวันคาบไปรับประทานแน่ๆ” วาสนาพูดออกไปโดยไม่รู้ว่าอนันยชแอบฟังอยู่หน้าประตูด้วยความโกรธ...เขาไม่ยอมเสียวรรณิตให้ใครเด็ดขาด!
เช้าวันรุ่งขึ้น อนันยชรู้เรื่องศุภารมย์จ้างลิลินมาสอนร้องเพลงก็อดปากดีไม่ได้ว่าระวังทรงพลจะหลงเสน่ห์ในความสวยของเธอ ทรงพลขำมากกว่าโกรธ บอกว่าไม่ต้องห่วงยังไงน้าก็ไม่ทำให้แม่ของเขาเสียใจอยู่แล้ว...แต่สำหรับทิวัตถ์ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาที่บ้านหลังนี้อีก
วาสนาติดต่อมาที่ทรงพลเรื่องซื้อขายที่ดิน นัดเจอกันวันนี้ แต่แล้วทรงพลติดนัดกับลูกค้า อนันยชเลยอาสาไปพบวาสนาด้วยตัวเอง แต่ความจริงเขาดอดไปหาวรรณิตที่บ้านแล้วให้วาสนารอทรงพลอยู่อย่างนั้น
อนันยชพึงพอใจวรรณิตและต้องการเอาชนะวาสนา เขาบุกเข้ามาปลุกปล้ำวรรณิตจนได้ ด้านวาสนารออยู่นานจึงโทร.ตามทรงพล พอรู้ว่าเขาให้อนันยชไปแทนก็เอะใจขึ้นมาทันที...
ฝ่ายศักดิ์สิทธิ์ที่ยังกลัดกลุ้มเรื่องหาเชฟคนใหม่ไม่ได้สักที แถมวันนี้ยายเฟื่องเป็นลมต้องหามส่งโรงพยาบาลไม่มีใครทำอาหาร ที่สุดเขาก็ไม่มีทางเลือกต้องไปขอร้องลิลินให้ช่วยพูดกับวิชนี แต่กว่าจะสำเร็จวิชนีกับศักดิ์สิทธิ์ก็ต่อล้อต่อเถียงกันอยู่พักใหญ่...
ศุภารมย์ยังสงสัยว่าลิลินเกี่ยวข้องกับทิวัตถ์ยังไง บ่ายนี้เธอชวนทิวัตถ์ไปเป็นเพื่อนกินน้ำชาที่โรงแรมของศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกันนั้นก็แอบโทร.ตามใครบางคนให้มาเจอที่นี่ด้วย
ถึงโรงแรม ศุภารมย์ได้เจอลิลินสมใจ แต่ทิวัตถ์ขัดใจเป็นบ้า ไม่อยากให้แม่ต่ายของตนใกล้ชิดผู้หญิงคนนี้ ศุภารมย์ทำทีสนใจเรื่องการร้องเพลง แต่บางจังหวะก็ตั้งคำถามเพื่อจับสังเกตว่าลิลินกับทิวัตถ์รู้จักกันมากน้อยแค่ไหน ขณะที่ลิลินเองก็เริ่มไม่ไว้วางใจสองแม่ลูก ไม่รู้จะมาไม้ไหนกับตนกันแน่
ooooooo
ที่แท้ศุภารมย์นัดสารวัตรศัลย์มาดูลิลินว่าใช่ผู้หญิงที่เจอคืนนั้นหรือเปล่า ศัลย์เห็นใบหน้าชัดๆของลิลินก็จำได้แม่น โทร.ยืนยันกับศุภารมย์ก่อนจะหลบออกไปโดยไม่มีใครสงสัย
เมื่อรู้แน่ชัดเช่นนี้แล้ว ศุภารมย์รุกคืบลิลินทันทีว่า “เธอรู้จักนายบุญช่วย สัจธรรมมั้ย”
ลิลินอึ้งไปอย่างไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำถามนี้... ทิวัตถ์แปลกใจ นิ่งคิดทบทวนนามสกุลสัจธรรมแล้วจำได้
“สัจธรรม...นั่นมันนามสกุลของคุณวิทยานี่ครับ”
“วิทยา?” ศุภารมย์แสร้งถาม
“คุณวิทยา...นักออกแบบภูมิทัศน์ที่เราจะร่วมงานด้วยไงครับ”
“บังเอิญจังเลย” เธอยิ้มให้ทิวัตถ์ก่อนแต่งเรื่องเนียนๆต่อไปว่า “ลูกจำคุณประชาสามีคุณโสภิตได้มั้ย วันนั้นเขาไปที่วัดนั้นพอดี เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวยมากที่งานศพ พอคุณประชามองไปก็จำได้ว่าเธอเป็นนักร้องที่ซิลเวอร์โคฟ แม่คิดว่าคงไม่มีใครนอกจากคุณลินคนเดียว”
“ใช่ค่ะ...ฉันรู้จัก”
“แล้วคนที่ชื่อบุญช่วยนั่นเป็นอะไรกับเธอ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณลินเป็นคนสนิทของคุณวิทยา ถ้าจะไปที่งานศพด้วยก็คงไม่แปลกอะไร”
คำพูดของทิวัตถ์เข้าทางลิลิน...เธอยิ้มบางๆ กล่าวด้วยสีหน้าท่าทีปกติว่า
“คิดว่าคุณต่ายคงได้คำตอบแล้วนะคะ”
ศุภารมย์แสร้งตีหน้าเศร้า ฝากลิลินแสดงความเสียใจกับวิทยาด้วย...สมควรแก่เวลา ศุภารมย์ชวนทิวัตถ์กลับ แต่ยังพยายามเก็บข้อมูลของลิลินที่เดินตามออกมาส่งด้วยการเลียบเคียงถามว่าทำไมไม่เลือกอยู่กรุงเทพฯ มากกว่าจะมาร้องเพลงที่ต่างจังหวัดอย่างนี้ หรือว่ามีอะไรพิเศษที่นี่หรือเปล่า
“คุณลินคงคิดจะมาขุดทองที่นี่น่ะครับ...คุณลินก็ระวังหน่อยแล้วกัน แทนที่จะเจอทองผมกลัวว่าจะเจออย่างอื่น” ทิวัตถ์แขวะเพราะคิดว่าลิลินจะตามจับอนันยช
“แต่ถ้าฉันเป็นคุณ...คงอยากให้ฉันเจอทองมากกว่า เพราะถ้าฉันเจออย่างอื่นอย่างที่คุณว่า คุณอาจจะต้องมานั่งเสียใจทีหลัง”
ศุภารมย์สะดุดคำพูดของลิลิน แต่ทิวัตถ์ไม่ได้คิดอะไรนอกจากจ้องจะเอาเรื่องลิลินอย่างเดียว
“อย่ามาเล่นคำ เธอคิดว่าจะเจออะไร”
“วิน...ถึงคุณลินจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูก แต่ยังไงก็เป็นครูแม่นะ” ศุภารมย์ปรามลูกชายแล้วทำทีพูดดีกับลิลินว่า “คุณคงไม่ว่าอะไรนะที่ฉันถามเรื่องส่วนตัว”
“ไม่หรอกค่ะ ลินเองเป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีอะไรต้องปิดบัง เอาไว้วันหลังลินถามเรื่องส่วนตัวคุณต่าย
บ้างได้ไหมคะ”
“จะมากไปแล้วนะ” ทิวัตถ์แทรกขึ้นอย่างหัวเสีย แต่ศุภารมย์ยังใจเย็นตอบอย่างนุ่มนวลว่า
“ได้สิ ไว้วันหลังเรามาแลกเปลี่ยนอดีตกันมั้ย...ตกลงว่าคุณลินไปสอนฉันอาทิตย์ละสองครั้งแล้วกันถ้าไม่ขัดข้อง”
ลิลินตอบรับด้วยความยินดี ทิวัตถ์ตั้งท่าจะขัดขวางแต่ศุภารมย์รีบบอกให้เขาไปเอารถมารับตน...พออยู่กันสองคน ศุภารมย์ก็หยั่งเชิงลิลินว่าคงไม่โกรธที่ตนถามเรื่องบุญช่วย
“ไม่หรอกค่ะ แล้วคุณต่ายจะโกรธไหมคะ ถ้าลินอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงได้เลือกลินเป็นครูสอนร้องเพลง”
“เคยได้ยินเรื่องดนตรีบำบัดมั้ย” ลิลินตอบรับคำเดียว ศุภารมย์ขยายความต่อไปว่า “ฉันชอบทำอะไรที่มันมีความสุข แล้วการร้องเพลงมันก็ทำให้ฉันมีความสุข ฉันเป็นคนเกลียดความทุกข์ เธอรู้ไหมว่าฉันทำยังไงกับความทุกข์”
“ไม่ทราบค่ะ”
“ฉันเกลียดแต่ไม่ได้กลัวความทุกข์ เพราะฉะนั้นอะไรที่ทำให้ฉันทุกข์ ฉันเลือกที่จะกำจัดมันให้เร็วที่สุด”
ศุภารมย์ทิ้งท้ายแล้วคลี่ยิ้มนิดๆ ก่อนขึ้นรถที่ทิวัตถ์ขับมารอรับ...ปรมัตถ์ยืนมองจากมุมหนึ่ง พอเห็นลิลินขยับเดินกลับเข้าข้างในก็รีบเดินตามมาซักถามว่ารู้สึกยังไงกับทิวัตถ์กันแน่ ทำไมเขากับผู้หญิงคนนั้นถึงมาหาเธอ
“มัต...ลินไม่ชอบที่มัตแอบตามลินแบบนี้ ลินจะทำอะไรมันก็เรื่องของลิน” เธอเสียงแข็งใส่เขาแล้วเดินลิ่วหนีไป...
ด้านวาสนา...หลังคุยโทรศัพท์กับทรงพลเกิดสังหรณ์ใจ เธอเร่งรีบกลับบ้านแล้วพบเรื่องงามหน้าระหว่าง อนันยชกับวรรณิตที่อยู่ด้วยกันบนห้อง วรรณิตร้องไห้กระซิกกับความพลาดพลั้ง ขณะที่อนันยชพอใจและสะใจที่เอาชนะวาสนาหรือยายน้อยได้ แถมข่มขู่ยาย ถ้ายังคิดจะเอาวรรณิตไปให้ทิวัตถ์อีก รับรองว่าเรื่องนี้ถึงหูน้าทรงพลกับแม่ต่ายแน่
วาสนาโกรธแต่ข่มใจขอร้องอนันยชให้กลับไป พอเขาคล้อยหลัง เธอก็ระบายอารมณ์ด่าทอและทุบตีหลานสาวหาว่าให้ท่าเขา วรรณิตเสียใจเอาแต่ร้องไห้ วาสนาหมั่นไส้ด่าซ้ำให้อีกว่า
“แกจะร้องไห้อีกนานมั้ย ฉันล่ะเหนื่อยใจกับคนอย่างแกจริงๆ ทีตอนมันทำไม่ยักจะร้อง ทีอย่างนี้ทำเป็นร้องไห้ไม่หยุด แกเองก็ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้ว...เรื่องแค่นี้จะมาอาลัยอาวรณ์อะไรนักหนา”
วรรณิตได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งเสียใจเข้าไปอีก ร่ำร้องว่าตนไม่อยากทำแล้ว ยายปล่อยตนกลับไปอยู่บ้านเถอะ
“ถ้าแกคิดว่าน้ำตาที่เกิดจากการสำรากอารมณ์ของแกจะทำให้ฉันสงสาร...คิดว่าคนอย่างฉันจะมายืนอยู่ถึงจุดนี้ได้หรือไง”
“แต่ณิต...ณิตเกลียดตัวเอง...ทำไมๆ” วรรณิตทุบตีตัวเองด้วยความเสียใจและคับแค้นใจ วาสนาเข้ามาตบเธอเพื่อเรียกสติ ตวาดแว้ดพร้อมกับจ้องหน้าดุดัน
“พอได้แล้ว ของที่เสียไปแล้วก็ให้มันเสียไป แต่แกต้องคิดว่าเสียไปแล้วทำยังไงถึงจะคุ้มค่าต่างหาก”
วรรณิตชะงัก สงสัยว่ายายของตนมีแผนอะไรอีก
ooooooo
ทรงพลโทร.ตามศรัณย์มาคุยที่บ้านด้วยเรื่องอาการป่วยของทิวัตถ์ที่คนเป็นพ่อกลัวมันจะกลับมาทำให้ลูกชายมีปัญหา จำอะไรในอดีตขึ้นมาได้อีก
ศรัณย์แน่ใจว่าตอนนี้ความจำของทิวัตถ์เหมือนหีบที่ปิดตาย ถึงมันยังอยู่แต่ถ้าเราไม่ไปแตะต้อง... มันก็จะไม่มีผลอะไร
“แต่ก็ใช่ว่ามันจะเปิดไม่ได้ใช่ไหมหมอ”
“ตอนนี้หีบนั่นถูกปิดอยู่ มีกุญแจเพียงดอกเดียวที่จะเปิดมันได้ แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันคือกุญแจดอกไหน”
“แล้วผมต้องทำยังไง”
“ต้องพยายามให้คุณวินหลีกให้ห่างจากกุญแจต่างๆเอาไว้ แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็มองข้ามไม่ได้”
คำพูดศรัณย์ทำให้ทรงพลเริ่มกังวล แต่แล้วสองคนยุติการสนทนาเพราะอนันยชกลับเข้ามา...หลังจากศรัณย์กลับไปแล้ว ทรงพลถามอนันยชเรื่องไปดูที่ดินกับวาสนา ชายหนุ่มโกหกว่าไปสายนิดหน่อย ทำไมยายน้อยต้องโทร.ฟ้องคุณน้าด้วย
อ่านละคร ลีลาวดีเพลิง ตอนทีี่ 4 วันที่ 8 ม.ค. 58
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทประพันธ์ : กิ่งฉัตรละครเรื่องลีลาวดีเพลิง บทโทรทัศน์ : อภิวัฒน์ เล่าสกุล
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง กำกับการแสดง : ตรัยยุทธ กิ่งภากรณ์
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ผลิต : บริษัท ปรากฏการณ์ดี จำกัด
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ควบคุมการผลิต : ชวลิต พงศ์ไชยยง
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง7 และ 7HD
ละครเรื่องลีลาวดีเพลิง เริ้มออกอากาศตอนแรกในวันเสาร์ที่ 3 มกราคม 2558
ที่มา ไทยรัฐ