อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 3 วันที่ 31 ส.ค. 58

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 3 วันที่ 31 ส.ค. 58

เปลวออกไปพูดคุยกับนันทวัฒน์ที่หน้าบ้านหาได้รอดพ้นสายตาของทรงพล!

ทรงพลนั่งบนรถเข็นมองจากสนามและรอจนกระทั่งเปลวกลับเข้ามาแล้วถามเธอว่าพูดอะไรกับมัน เปลวเฉไฉไม่ตอบแต่ถามเขาว่าลงมาได้ยังไง เธอกำลังจะขึ้นไปเตรียมอาหาร ทรงพลหน้าตึงกระแทกเสียงด้วยความไม่พอใจว่าเห็นตนตาบอดหรือยังไง เธอพูดอะไรกับนันทวัฒน์

เปลวอึกอักก็ยิ่งโดนดุ ทรงพลอารมณ์ขึ้น โวยวายเสียงดังจนเธอต้องพูดความจริงว่า บอกนันทวัฒน์ว่าปรางค์ไม่กลับมาแล้ว

“เธอพูดแบบนั้นได้ยังไง เธอรู้ได้ไงว่ายัยปรางค์จะไม่กลับมา”



“ฉันไม่รู้ค่ะ ฉันแค่ไม่อยากให้คุณวัฒน์เธอต้องมานั่งรอ”

“ไหนมันว่ารักนักรักหนาไง ก็ให้มันรอจนอกแตกตายไปเลยสิ”

เปลวไม่รู้จะพูดอะไรกับทรงพลอีก เพราะเถียงทีไรเธอก็แพ้ทุกที ตัดบทว่าจะไปเตรียมอาหาร แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ดึงดันเข็นรถตามเธอไปจนเสียหลักล้มลง เปลวตกใจรีบหันกลับมาดูด้วยความเป็นห่วง แต่เขาสะบัดหนี ตวาดไล่เธอไม่ให้มายุ่งกับคนพิการอย่างตน

ทรงพลน้อยใจผลักเปลวออก เปลวไม่ละความพยายามจะช่วยเขาและพร่ำพูดว่าตนขอโทษ ทรงพลอัดอั้นร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร พลางทุบขาตัวเองด้วยความน้อยใจในโชคชะตา ร่ำร้องว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ เปลวฉุดมือเขาไม่ให้ทำร้ายตัวเอง ในขณะที่เธอเองก็รู้สึกกดดันจนน้ำตาไหลออกมาเช่นกัน

ooooooo

ที่ไร่นวลตะวัน แม่นวลหาวิธีช่วยแบ่งเบา

ธงไทยในการดูแลหญิงสาวนิรนามด้วยการให้คนอื่นๆ ในบ้านรวมทั้งตัวเองช่วยกันทำให้เธอไว้วางใจ

แรกๆก็มีอุปสรรคเพราะเธอไม่ยอมเข้าหาใครนอกจากธงไทย แต่ผ่านพักใหญ่ความพยายามของแม่นวลก็ไม่เสียเปล่า หญิงสาวยอมให้แม่นวลพาไปอาบน้ำแต่ก็ทิ้งคราบปัสสาวะเรี่ยราดไว้ให้พวกเจียมจัดการ พอดีจ๊ะจ๋ากลับเข้ามา เจียมเลยเกี่ยงให้หลานเป็นคนทำ

แน่นอนว่าจ๊ะจ๋าไม่ยอมและทำท่ารังเกียจ สองป้าหลานเกี่ยงกันไปมาหน้าดำหน้าแดง แต่แล้วเกิดความละอายเมื่อหนูพุทธอาสาทำเองเพราะไม่ต้องการให้บ้านแม่นวลสกปรก

ธงไทยกลับออกมาหลังจากส่งหญิงสาวเข้าไปให้แม่นวลอาบน้ำ ถามพวกเจียมว่ามีอะไรกัน เจียมอึกอักเล็กน้อยก่อนบอกว่าไม่มีอะไร ให้หนูพุทธส่งผ้ามาป้าจะทำเอง

“ไม่เป็นไรจ้ะ หนูพุทธทำได้จ้ะ ป้าเจียมไม่อยากทำ ไม่ใช่เหรอ”

เจียมหน้าตาเหลอหลา ยิ้มเจื่อนๆให้ธงไทย ชายหนุ่มเข้าใจบอกไม่เป็นไร แล้วขอผ้าจากหนูพุทธมาทำเอง แต่จ๊ะจ๋าเร็วกว่าฉวยผ้าจากมือหนูพุทธมาจัดการด้วยท่าทีขยะแขยง
ในห้องน้ำ แม่นวลแกะผ้าพันแผลที่ศีรษะหญิงสาวซึ่งถูกโกนผมเห็นร่องรอยแผลยาวแต่แห้งดี จากนั้นค่อยๆ

เปิดน้ำจากฝักบัวรดตัวเธอพร้อมกับปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อเธอสะดุ้งจะลุกหนี

“ไม่เป็นไรนะ อาบน้ำ...ล้างตัวให้สะอาด ล้างออกไปซะ อะไรที่ไม่น่าจดจำ ล้างออกไปให้สะอาดนะลูกนะ จากนี้ไปลูกจะเป็นคนใหม่ สะอาดทั้งภายในภายนอก แม่จะดูแลหนูเอง”

หญิงสาวเชื่อฟังนั่งลงอย่างว่าง่าย ดวงตาอ่อนโยน มีรอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนใบหน้า พูดคำว่าแม่ออกมาสองครั้ง ทำให้แม่นวลมีกำลังใจ...

กว่าจะเสร็จงานทำความสะอาดพื้น จ๊ะจ๋ากับป้าเจียมก็ทุ่มเถียงกันอยู่นาน ตาท้วมรู้เห็นด้วยความเหนื่อยใจ แล้วเจียมก็เพิ่งนึกได้ว่าทำไมจ๊ะจ๋าไม่ไปเรียน พอดีไผ่โผล่เข้ามาหน้าตามีรอยแตกช้ำ ตาท้วมรู้ทันทีว่าเกิดเรื่องเร่งไผ่ให้พูดออกมา

หลังจากเล่าจบ ไผ่โดนเจียมบ่นเป็นกระบุงว่าทำอะไรไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ทีนี้ได้อยู่กันไม่เป็นสุขแน่ เพราะไปมีเรื่องกับลูกน้องเสี่ยหมู...เวลาเดียวกัน เสี่ยหมูกำลังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชมจอมทำดีมากแถมมีเงินรางวัลให้อีกห้าพัน สะใจที่พวกไร่นวลตะวันจะอยู่ไม่เป็นสุข

ooooooo

พิชิตถูกนันทาเรียกมาตำหนิไม่ดูแลนันทวัฒน์ให้ดี เขาหายไปทั้งคืนยังติดต่อไม่ได้ พิชิตก้มหน้านิ่งไม่ตอบโต้ แต่กันเกราท้วงนันทาว่าลืมหรือเปล่าว่าเป็นคนสั่งไม่ให้พิชิตตามนันทวัฒน์ไป

นันทาหงุดหงิดพาลไปหมด ตวัดเสียงว่า “นั่นแหละ หน้าที่ของเธอคือคุ้มครองความปลอดภัยให้ตาวัฒน์และคนบ้านนี้...ถ้าทำไม่ได้ก็ถือว่าเธอเป็นคนไร้ประโยชน์”

พิชิตเจ็บจี๊ดเข้าไปถึงใจ กันเกราพยายามไกล่เกลี่ยแล้วให้พิชิตกลับไป แต่กลายเป็นว่าพอพิชิตเดินพ้นไป นันทาก็พาลพาโลเอากับกันเกราที่ไม่ให้ห่วงนันทวัฒน์ เดี๋ยวเขาก็กลับมา

“เธอก็พูดได้สิ ตาวัฒน์ไม่ใช่ลูกเธอนี่”

กันเกราสะอึก แต่ด้วยความที่เธอเป็นคนที่ไม่เคยถือสาใคร ร่าเริงและมองโลกในแง่ดี เธอตอบกลับ เบาๆและยิ้มแย้ม

“ไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูกนั่นแหละค่ะพี่นัน ก็เพราะเด็กสองคนนี้ไม่ใช่เหรอคะ ฉันถึงอยู่มาจนขึ้นคานแบบนี้ มาค่ะเชื่อน้อง พักก่อนนะคะ”

นันทาได้คิด ทุกวันนี้บ้านเป็นบ้านได้ก็เพราะมีกันเกราคอยช่วย สายตาเธอเริ่มอ่อนลง ยอมลงนั่งและดึงมือกันเกราที่จะไปเอาชาร้อนมาให้

“ขอบใจนะกันเกรา เธอดีซะยิ่งกว่าน้องสาวแท้ๆ ของพี่ซะอีก”

“ญาติเราก็ไม่ได้เยอะ มีกันแค่นี้ก็ต้องรักกันเอาไว้สิคะ”

“หนักนิดเบาหน่อยก็อย่าถือสาพี่เลยนะ”

“อุ๊ย น้องไม่คิดมากหรอกค่ะ คิดมากเดี๋ยวแก่ค่ะ น้องไปสั่งงานเด็กนะคะ”

นันทาพยักหน้า มองตามกันเกราไปแล้วเอนตัวพิงเก้าอี้ เหนื่อยใจเหลือเกินเรื่องลูกๆ ด้านพิชิตที่กำลังจะกลับออกจากบ้าน เจอพยาบาลที่ดูแลเจ้าสัววัฒนา เธอขอแรงเขามาช่วยเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้วัฒนา พิชิตตามเธอไปด้วยความเต็มใจ แต่ในระหว่างช่วยเธออยู่นั้น วัฒนาซึ่งนอนหลับเพราะฤทธิ์ยาคลายเครียดก็ลืมตาโพลงขึ้นมา

พิชิตตกใจมาก วัฒนามองเขาตาแดงก่ำและพยายามขยับปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่มีเสียง สีหน้าที่แสดงออกมาดูอัดอั้นและเจ็บปวด พยาบาลตกใจถามท่านเป็นอะไร

วัฒนามองพิชิตตาไม่กะพริบ น้ำตาแห่งความเจ็บแค้นเริ่มซึมออกจากตาแดงก่ำ ตัวสั่นจนสัมผัสได้ จังหวะนั้นกันเกราเดินเข้ามาเห็นพิชิตยืนอยู่ ถามเขาว่ามายืนทำอะไรตรงนี้

“คุณกันเกราคะ ท่านเป็นอะไรไม่ทราบค่ะ” พยาบาลแทรกขึ้นมาหน้าตาตื่น กันเกราพลอยตกใจ สังเกตสายตาของวัฒนามองพิชิต จึงรีบตัดบทว่า

“พิชิตจ๊ะ เธอไปพักเถอะนะ”

พิชิตพยักหน้าแล้วหันกลับไปทันที วัฒนาค่อยๆ ผ่อนคลายลง

“ฉันขอโทษค่ะคุณกันเกรา” พยาบาลพูดหน้าเจื่อน

“ช่างเถอะ ท่านคงไม่ชินกับคนนอกน่ะ ต๊าย! นี่ถ้าเป็นคุณทศจะไม่ยิ่งกว่านี้เหรอเนี่ย”

พิชิตเดินตัวสั่นออกมาที่ลานจอดรถ เขาอัดอั้นตันใจมาก พาลเตะโน่นเตะนี่ บ่นอุบว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทันใดนั้นรถนันทวัฒน์แล่นเข้ามาจอด ชายหนุ่มเปิดประตูลงมายืนทรงตัวแทบไม่อยู่เพราะความเมา พิชิตตกใจรีบเข้าประคองแต่ถูกเขาผลักไสไม่ให้มายุ่ง แล้วจากนั้นก็ร้องไห้สลับกับเรียกชื่อปรางค์ออกมา

อีกครู่ต่อมา กันเกราให้พิชิตแบกนันทวัฒน์ มาวางบนโซฟา ชายหนุ่มยังคงโวยวายหาผู้หญิงชื่อปรางค์ไม่เลิก

“ปรางค์...กลับมาหาผม...อย่าทิ้งผมไป”

พิชิตมองนันทวัฒน์ด้วยความสงสาร ใจเขาคิดอะไรบางอย่าง ทำให้สีหน้าแสดงออกมาอย่างไม่สบายใจนัก

“วัฒน์...ตาวัฒน์ใจเย็นๆนะ ยกขาขึ้นก่อน นอนพักซักหน่อยนะคะ”

“น้ากันเกรา...ปรางค์เขาทิ้งผมไปแล้ว”

“พักก่อนนะคะ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะคะ”

นันทาเดินพรวดพราดเข้ามาเห็นสภาพลูกชายเมาแอ๋ก็กรีดร้องถามว่าทำไมเมามาแบบนี้ แล้วยิ่งแตกตื่นยืนหน้าชาเมื่อลูกชายหัวเราะสลับกับร้องไห้ ถามว่าแม่สะใจไหม เธอทิ้งตนไปแล้ว

“เธอไปแล้ว...เพราะคุณแม่คนเดียว” นันทวัฒน์เริ่มยันตัวลุกขึ้น แต่เซไปมา พิชิตเข้ามาประคองและเตือนให้ระวัง นันทวัฒน์หัวเราะทั้งน้ำตา พูดกับเขาว่า “พิชิต...นายเป็นคนเดียวที่เข้าใจฉัน แต่ทำไมทุกคน

ไม่เข้าใจ ฉันรักเธอมาก ทำไมทุกคนต้องผลักไสเธอไป”

“พิชิต...พาคุณวัฒน์ไปล้างหน้าล้างตาซะ” นันทาเร่ง

“คุณแม่นี่แหละสำคัญเลย...คุณแม่ไม่อยากเห็นผมมีความสุขใช่มั้ย”

ไม่ทันมีใครคาดคิด นันทาตบฉาดเข้าที่หน้านันทวัฒน์อย่างแรงแล้วถามว่าได้สติหรือยัง

นันทวัฒน์ทรุดตัวลงนั่งน้ำตาร่วง แม้จะได้สติแต่เขาก็ระงับความเสียใจไม่ได้ ร้องไห้ครวญครางถึงปรางค์แล้วว่าคนบ้านนี้ไม่มีใครรักตนเลย...นันทาเหลืออดดึงคอเสื้อลูกชายให้ลุกขึ้นแล้วลากออกจากห้อง กันเกราตกใจรีบเดินตามไป

ooooooo

หลังจากทำให้หญิงสาวนิรนามไว้ใจแล้ว

แม่นวลพอใจกับผลงานตัวเอง ขณะที่ธงไทยก็ชื่นชมแม่นวลเก่งจังจัดการเธอเสียอยู่หมัด

“แม่เลี้ยงเด็กมากี่คนแล้วล่ะ แค่นี้สบาย”

ขาดคำของแม่นวล เสียงโทรศัพท์มือถือธงไทยดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาดูแต่เลือกที่จะไม่รับ บอกแม่นวลวิวโทร.มา ไม่รับไม่เป็นไรหรอก

“ไม่เป็นไรได้ไง เขามีธุระอะไรหรือเปล่า โทร.กลับไปซิ”

“ถ้ามีอะไรสำคัญ เดี๋ยวคงไลน์มาน่ะครับ”

“โทร.กลับไปเดี๋ยวนี้เลยไทย น่าตีนัก ทีเวลาไปรบกวนเขาล่ะโทร.จิกเขาจังเลย”

“รู้แล้วครับ งั้นเดี๋ยวผมออกไปโทร.ที่ระเบียงนะครับ”

“เชิญย่ะ รีบไปเดี๋ยวนี้เลย”

ธงไทยยิ้มเขินแล้วเดินออกไป หญิงสาวมองตามและเรียกชื่อเขา...แม่นวลยิ้มบางๆ พูดอย่างใจเย็นว่า

“พี่ไทยออกไปโทรศัพท์ หนูอยู่กับแม่นะลูกนะ”

แม้หญิงสาวจะไม่รู้ว่าแม่นวลพูดอะไร แต่เธอก็พยักหน้าและพิงตัวลงบนโซฟาอย่างผ่อนคลาย

ooooooo

ประตูห้องพักของวัฒนาถูกเปิดผลัวะเข้ามาก่อนที่ร่างของนันทวัฒน์จะถลาไปกองอยู่หน้าเตียงตามแรงเหวี่ยงของนันทา พยาบาลกำลังป้อนอาหารวัฒนาตกใจและงุนงง

กันเกราตามเข้ามาบอกพยาบาลให้พอก่อนเดี๋ยวตนทำต่อเอง พอเธอคล้อยหลัง นันทวัฒน์ก็ปรือตามองรอบห้องเห็นวัฒนานอนบนเตียง “ห้องคุณพ่อนี่เอง ฮ่าๆๆ”

“ใช่...นั่นไงพ่อของแก ดูซะให้เต็มตา มองดูให้ดี ดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านเรา ที่เราต้องเป็นแบบนี้เพราะอะไร เมื่อไหร่วัฒน์จะตาสว่างซะที”

นันทวัฒน์จ้องมองพ่อ เห็นสายตาหม่นเศร้าของพ่อ เขายิ่งเจ็บปวด

“เมื่อไหร่จะหายโง่ เมื่อไหร่จะมีสติ”

นันทวัฒน์สะเทือนใจกลั้นน้ำตาไม่อยู่ กันเกรา ยืนตัวสั่นมองคนนั้นทีคนนี้ทีทำอะไรไม่ถูก

“ดูคนรอบตัววัฒน์ ดูคนที่รักวัฒน์อย่างสุดหัวใจสิ ดูสภาพพวกเขา...วัฒน์กำลังไล่ตามคนที่ไม่รักวัฒน์ คนที่ทิ้งวัฒน์ไปอย่างเลือดเย็น แต่กลับทอดทิ้งคนที่ให้ความรักและความหวังดีต่อวัฒน์ บ้านเราจะไม่เป็นบ้านอยู่แล้ว หรือวัฒน์ต้องให้แม่ตายก่อน”

“คุณแม่!”

นันทวัฒน์คลานไปกอดขานันทาแล้วปล่อยโฮออกมา วัฒนามองลูกชายด้วยสายตาปวดร้าว

“ผมขอโทษ...คุณแม่ครับ ผมขอโทษ”

นันทาก้มลงกอดลูกชายปลอบใจ “เริ่มต้นใหม่นะลูก ลืมทุกอย่างให้หมด...ไม่เป็นไรนะลูกนะ”

กันเกราน้ำตาคลอ เช่นเดียวกับวัฒนาที่เหลือบตาขึ้นมองเพดาน น้ำตาค่อยๆไหลออกมา

ooooooo

ภายในร้านจำหน่ายและเช่าชุดวิวาห์ของวิว เจ้าของร้านถือโทรศัพท์แกว่งไปแกว่งมาด้วยความเซ็ง เจ๊แน๊ตกับชีสเค้กนั่งทำงานอยู่ใกล้ๆ แอบมองแล้วซุบซิบกัน วิวเลยแหวใส่ด้วยความรำคาญ

“นี่! ไม่ต้องมาทำซุบซิบกันเลยนะ ไทยเขาอาจจะทำธุระวุ่นอยู่ก็ได้”

“พวกฉันปรึกษาแบบเสื้อกันอยู่ ใครไปเม้าท์หล่อนไม่ทราบ” เจ๊แน๊ตไม่ยอมรับ วิวหมั่นไส้โพล่งว่าปากยื่นกันขนาดนั้นนึกว่าไม่รู้เหรอ

“เขาเรียกร้อนตัวรึเปล่านะเจ๊...แบบนี้น่ะ” ขาดคำของชีสเค้ก เสียงโทรศัพท์เรียกเข้า วิวรีบดูหน้าจอเห็นเป็นสายธงไทยก็ดีใจมาก โชว์หราให้เจ๊แน๊ตกับชีสเค้กดู ก่อนจะเดินเชิดๆไปหามุมคุยโทรศัพท์กับชายหนุ่ม

“ใช่...ช่วงนี้ยุ่งกับหลายๆเรื่องน่ะ ไทยขอโทษนะวิวถ้าไม่ได้รับสาย แต่ไทยจะโทร.กลับนะวิวนะ...ผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ อาการค่อยๆดีขึ้นตามลำดับน่ะ ห่วงแต่เรื่องของสมอง”

“ไทยคิดดีแล้วเหรอ แล้วถ้าเขาไม่หายหรือไม่ดีขึ้นล่ะ ไทยไม่ต้องเลี้ยงดูคนสติไม่ดีไปตลอดชีวิตเหรอ ญาติรึก็ไม่ใช่...คิดดีๆนะไทย”

“ไทยคิดดีแล้ววิว ต่อไปนี้เธอคนนี้เป็นความรับผิดชอบของไทย จะดีจะร้ายยังไง ไทยจะดูแลเขาไปจนตายจากกันไปข้างหนึ่ง”

วิวฟังแล้วสะอึก รู้สึกเจ็บแปลบที่ธงไทยกำลังให้ความสำคัญกับใครคนหนึ่งมากกว่าเธอ เพราะที่ผ่านมาเขาแทบไม่มีเพื่อนผู้หญิงคนไหนเลยนอกจากเธอ จึงเป็นเรื่องที่เธอจะทำใจให้เป็นปกติได้ยากสักหน่อย พูดเสียงอ่อยกลับไปว่า

“ก็ถ้าไทยตัดสินใจแล้ววิวก็จะเอาใจช่วยแล้วกันนะ”

“เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยๆคิดนะ ว่าแต่วิวเถอะกินอะไรบ้างรึยังวันนี้ อย่าเอาแต่ห่วงสวยจนลืมสุขภาพล่ะ... ไทยน่ะเหรอ อยู่บ้านแม่นวลไม่ต้องห่วงหรอกของกินวางบนโต๊ะให้เลือกกินทั้งวันจะอ้วนตายอยู่แล้ว”

ธงไทยคุยกับวิวอย่างอารมณ์ดี ไม่รู้ว่าหน้าบ้านเสี่ยหมูกับจอมบึ่งรถมาจอดฝุ่นตลบ ท่าทางเอาเรื่อง เจียมกับจ๊ะจ๋าละมือจากเสื้อผ้าที่เตรียมจะซักวิ่งมาดักหน้า กางกั้นไม่ให้สองคนเข้าไปหาแม่นวล แต่พวก เขาไม่ฟัง ดึงดันโวยวายเสียงดัง เจียมเลยให้จ๊ะจ๋าไปตามตาท้วมกับไผ่มาเร็วๆ

จ๊ะจ๋าวิ่งตื๋อไปทันที เจียมกางกั้นแต่ผู้มาเยือนไม่สน เดินอาดๆเข้าไปเห็นแม่นวลกับหญิงสาวอีกคน แม่นวลตกใจลุกพรวดถามว่า

“เสี่ยหมู!! มีธุระอะไรคะ ฉันพักผ่อนอยู่ วันนี้ไม่สะดวกจะรับแขก”

“ดูลูกน้องผมสิ หน้าตามันยับเยินขนาดนี้”

“แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันคะ”

“ทำไมจะไม่เกี่ยว ก็คนของแม่นวลน่ะสิไปรุมทำร้ายมัน”

“ไม่จริง” จ๊ะจ๋าส่งเสียงยืนยันเข้ามา ตรงดิ่งมาที่แม่นวล “ไม่ได้มีการรุมทำร้ายนะจ๊ะแม่นวล สู้กันตัวต่อตัวนี่แหละ”

เจียมตามเข้ามากระซิบกระซาบถามจ๊ะจ๋าหาไผ่กับตาท้วม พอรู้ว่าไม่อยู่ก็หน้าเสีย เสี่ยหมูกับจอมเห็นอาการของสองคนก็รู้ว่าวันนี้โชคดีแล้ว เพราะอยู่กันแต่ผู้หญิงกับเด็กๆ เสี่ยหมูเพ่งมองหญิงสาวอีกคนที่อยู่ข้างแม่นวลแล้วถามว่า

“นี่ไปเก็บคนป่วยที่ไหนมาเลี้ยงอีกล่ะ”

หญิงสาวหวาดกลัวกับท่าทางของเสี่ยหมูจึงกอดแม่นวลแน่น จอมแอบสังเกตว่าหญิงสาวหน้าตาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แถมมีเค้าความสวยด้วย มองตาเป็นมัน

“นี่อย่าบอกนะว่าสติไม่ดีด้วย ฮ่าๆๆ สมกับเป็นแม่นวลจริงๆ”

“จะพูดอะไรก็ให้เกียรติกันบ้างนะคะเสี่ยหมู”

“งั้นก็เข้าเรื่องเลยนะ แม่นวลจะรับผิดชอบยังไงที่คนของผมโดนแบบนี้”

“ก็คนทะเลาะกัน ชกต่อยกัน ถ้าสู้ไม่ได้ก็ต้องโดนอัดเจ็บตัวแบบนี้แหละ”

“หยุดนะเจียม อย่าต่อความยาวสาวความยืด...เสี่ยคะ เดี๋ยวฉันจะอบรมคนของฉันเอง เสี่ยก็ช่วยจัดการอบรมคนของเสี่ยซะด้วยนะคะ”

“พูดอย่างนี้ก็ไม่สวยสิครับ แม่นวลถามจ๊ะจ๋าเองดีกว่าว่าไอ้ไผ่มันลงจากรถได้ก็อัดผมตูมๆๆ ผมไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ” จอมใส่เป็นชุด จ๊ะจ๋าอึกอักไม่กล้าตอบ เสี่ยหมูเร่งอีกคน แม่นวลจึงตัดบท

“ไม่เป็นไรจ๊ะจ๋า...ของบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องพูดหรอก”

“พูดแบบนี้แปลว่าจะไม่รับผิดชอบน่ะสิ” เสี่ยหมูแผดเสียง

หญิงสาวกลัวตัวสั่น ร้องกรี๊ดออกมาดังลั่น ธงไทยกำลังพูดโทรศัพท์กับวิวได้ยินเสียงนั้นรีบขอตัววางสายจากวิวแล้ววิ่งเข้าบ้าน เห็นเสี่ยหมูกับลูกน้องก็ชะงักแปลกใจ

“คุณธงไทย อยู่ด้วยเหรอ นึกว่าออกไปข้างนอก”

ธงไทยเข้าไปกอดหญิงสาวที่กำลังเสียขวัญ เธอกอดตอบเขาแน่น เสี่ยหมูเห็นภาพนั้นหัวเราะร่าทันที

“ฮ่าๆๆ อย่าบอกนะครับแม่นวลว่านี่ลูกสะใภ้”

“เสี่ยหมู!!! มีอะไรก็ว่ามา” ธงไทยเสียงแข็งไม่พอใจ แม่นวลเกรงเรื่องบานปลายบอกลูกชายให้พาหญิงสาวเข้าห้องไปก่อน แต่ธงไทยอิดออดเป็นห่วง ยิ่งได้ยินเสี่ยหมูวางอำนาจก็ไม่ยอมขยับ

“คนของไร่นวลตะวันซัดเจ้าจอมซะเละขนาดนี้ จะชดใช้ยังไง อย่าหาว่าขู่นะ แต่ต่อไปนี้อย่าหวังว่าจะอยู่กันอย่างสงบเลย”

“แล้วเสี่ยจะเอายังไง” แม่นวลเริ่มเสียงขุ่น

“ง่ายๆ ขายที่นี่ให้ผมซะ แล้วแม่นวลก็เอาเงินไปตั้งมูลนิธิสงเคราะห์หมาแมวและคนบ้าของแม่นวลสงบๆจะดีกว่า”

ธงไทยเหลืออดลุกพรวดประจันหน้าเสี่ยหมู ท่ามกลางความตื่นเต้นของทุกคนว่าจะมีเรื่องกันร้ายแรงแค่ไหน ตาท้วมกับไผ่ก็โผล่เข้ามาพร้อมใครคนหนึ่ง

“ทางนี้เลยครับท่าน นายแม่นวลเชิญท่านทางนี้เลยครับ”

เสี่ยหมูคาดไม่ถึง ดวงตาพองโตมองท่านเกษตรจังหวัดที่ก้าวเข้ามา แม่นวลเองก็แปลกใจว่ามาได้ยังไง แต่พอไผ่กับตาท้วมสบตาส่งสัญญาณก็ถึงบางอ้อ เล่นละครตามน้ำต้อนรับขับสู้แขกที่เธอไม่ได้เชื้อเชิญ

ที่แท้เป็นแผนของตาท้วมกับไผ่ที่จะสกัดและขับไล่เสี่ยหมูกับลูกน้องตัวแสบกลับไป จอมหงุดหงิดมาก

อยากจะเรียกคนมาถล่มไร่นวลตะวันให้รู้แล้วรู้รอด แต่เสี่ยหมูไม่เห็นด้วย แถมด่าจอมที่พูดไม่คิด

“ตามมาให้ซวยเหรอ ไม่เห็นรึไงผู้ใหญ่อยู่ทั้งคน”

“แค่เกษตรจังหวัด...กลัวอะไรครับเสี่ย”

“มันไม่ใช่เกษตรจังหวัดธรรมดาน่ะสิ คนนี้น่ะเป็นถึงน้องชายท่านรัฐมนตรีเชียวนะโว้ย...ไอ้ท้วม ไอ้แก่เจ้าเล่ห์ เห็นบ้าๆบอๆแบบนี้มันฉลาดกว่าที่เราคิด” เสี่ยหมูหัวเสีย มองเข้าไปในบ้านแม่นวลด้วยความแค้นใจ

ภายในห้องรับแขก เกษตรจังหวัดชื่อชลธรนั่งอยู่กับแม่นวล โดยมีไผ่อธิบายเรื่องราวว่าชลธรมาขอบคุณ แม่นวลที่อุทิศตนเป็นวิทยากรให้นักศึกษาและอุทิศไร่นวลตะวันเป็นแปลงสาธิต ซึ่งเมล็ดพันธุ์ที่ทางวิทยาลัยจะเอามาลงทดลองปลูกเป็นเมล็ดพันธุ์พระราชทาน แม่นวลยิ้มกว้างอย่างสุดปลื้ม ยกมือไหว้ท่วมหัวว่าเป็นบุญของไร่นวลตะวันแท้ๆ

เสร็จธุระ แม่นวลให้ไผ่ไปส่งชลธร ส่วนตัวเองสั่งตาท้วมให้บอกคนงานถางไร่ด้านทิศเหนือสักห้าสิบไร่ในวันพรุ่งนี้เพื่อเตรียมแปลงสาธิต และไม่ลืมขอบใจตาท้วมที่คิดแผนได้แนบเนียน ช่วยเหลือเธอกับลูกมาตลอด ธงไทยนั่งฟังอยู่ด้วย เขาทิ้งหญิงสาวนิรนามไว้กับเจียมและจ๊ะจ๋า ไม่นานก็เป็นเรื่อง เธอกรีดร้องอาละวาดจนข้าวของในห้องกระจุยกระจาย

ธงไทยวิ่งเข้ามากอดปลอบเธอ และตำหนิเจียมกับจ๊ะจ๋าค่อนข้างแรงก่อนจะพาเธอนั่งรถเข็นออกไปในทุ่งดอกทานตะวัน ทิ้งให้จ๊ะจ๋าน้อยใจน้ำตาซึม พอหนูพุทธ เข้ามาปลอบก็โดนตวาดดุ เจียมกับตาท้วมเลยรุมตำหนิจ๊ะจ๋าจนร้องไห้วิ่งหนีไป ไผ่รู้เห็นและเข้าใจดีว่าเธอหึงธงไทย แต่เขาปลอบไม่เป็น ค่อยๆถอยห่างออกไปเมื่อธงไทยเดินเข้ามาเพียงคำว่า “พี่ขอโทษนะที่พูดแรงเกินไป” ทำให้จ๊ะจ๋าหายงอนหายน้อยใจธงไทยเป็นปลิดทิ้ง กอดซบอกเขาด้วยความเสน่หา ขณะที่อีกฝ่ายคิดกับเธอแค่พี่ชายรักน้องสาวก็เท่านั้น

ooooooo

เช้าตรู่วันนี้ นันทาเป็นตัวตั้งตัวตีให้นันทวัฒน์ใส่บาตรพระที่หน้าบ้านเพื่อเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ มยุริญมาทันเวลาพร้อมตะกร้าข้าวของ แต่คนที่อยู่ใน บ้านอย่างนันทนากลับยังไม่ลงมา ทำให้นันทาเกือบจะหัวเสียถ้าไม่เกรงใจมยุริญ...

หลังจากพาหญิงสาวนิรนามไปดูไร่ทานตะวันแล้วได้ยินเธอพูดคำว่าตะวันออกมา ธงไทยกับแม่นวลเห็นพ้องต้องกันตั้งชื่อเธอว่า “ตะวัน” ฝ่ายวิวที่ยังเพียรโทร.หาธงไทยแต่เขาไม่รับสาย วันนี้จึงขับรถมาหา

เขาถึงไร่ พอเห็นเขาเอาใจหญิงสาวที่ยังป่วย วิวทำใจไม่ได้ เริ่มรุกคืบจะเผยความในใจที่มีต่อธงไทย ส่วนจ๊ะจ๋ารู้แกวก็พยายามกันวิวโดยคิดใช้ตะวันเป็นเครื่องมือ แต่ไผ่รู้ทันจึงเตือนสติเธอไม่ให้มักใหญ่ใฝ่สูง

พัฒนาการของตะวันดีวันดีคืน เธอได้รับการ เอาใจใส่จากธงไทยและแม่นวลเป็นอย่างดี จากที่ทำอะไรเองไม่ได้ก็เริ่มทำได้ ทั้งการยืน เดิน และกินข้าว ไม่เป็นภาระใครอีกแล้ว...

ทางด้านนันทวัฒน์เมื่อแรกทำใจไม่ได้ที่ปรางค์ทองหายไป แต่วันนี้เขาเริ่มดีขึ้นเพราะมีมยุริญเข้ามาเยียวยาและให้กำลังใจ นานวันทั้งคู่ก็ยิ่งสนิทสนมสร้างความพอใจให้กับทั้งนันทาและคุณหญิงมยุรา

ในที่สุดนันทวัฒน์ก็พูดตรงๆกับคุณหญิงมยุราว่าตนขออนุญาตศึกษาดูใจกับมยุริญ แน่นอนว่ามยุราไฟเขียวทันใด เพราะรอคอยวันนี้มานาน แต่มยุริญผู้แสนดียังไม่ค่อยสบายใจ พูดกับนันทวัฒน์ขณะอยู่กันตามลำพังว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้

“พี่พูดเพราะคิดแบบนั้นจริงๆ หลายเดือนที่ผ่านมาพี่สบายใจที่ได้พูดคุยและไปไหนๆกับน้องยุริญ พี่ก็เป็นแค่คนคนหนึ่งที่อยากมีความสุขในชีวิตบ้าง แต่พี่ไม่คิดว่าน้องยุริญจะลำบากใจ พี่ขอโทษนะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ”

“งั้นก็หมายความว่าน้องยุริญไม่รังเกียจที่จะลองคบหากับพี่ใช่ไหมครับ”

มยุริญไม่พูดแต่หลุบตาต่ำและอมยิ้ม นั่นก็เท่ากับเป็นคำตอบของเธอแล้ว

ooooooo

ผ่านไปเกือบปี ตะวันเขียนหนังสือได้และทำอะไรได้เองทุกอย่าง ยกเว้นความทรงจำของเธอที่ยังไม่กลับคืนมา แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่ธงไทยจะดูแลเธอต่อไป

ในวันที่จังหวัดจัดงานเกษตรสัมพันธ์ประจำปี ธงไทยพาตะวันกับหนูพุทธไปเที่ยว ทุกคนกินเที่ยวและเล่นเกมกันสนุกสนาน ตะวันปาลูกดอกแม่นมากได้ตุ๊กตาเป็นรางวัลให้หนูพุทธตั้งหลายตัว ฝ่ายจ๊ะจ๋าที่น้อยใจธงไทยและอิจฉาตะวันไม่ยอมมาด้วย แต่ที่สุดเธอก็อดใจไม่ไหวตามไผ่ไปจนได้

แม่นวลยืนมองจ๊ะจ๋ากับไผ่จากหน้าต่างบนเรือนใหญ่ เจียมเดินเข้ามาเมียงมองอย่างเกรงใจเรื่องจ๊ะจ๋าที่หลงรัก ธงไทย

“ฉันต้องขอโทษแทนจ๊ะจ๋ามันด้วยนะคะ หมู่นี้มันเกเรจริงๆ” เจียมเอ่ยปาก แม่นวลตอบนิ่งๆว่าตนรู้ ตนเลี้ยงจ๊ะจ๋ามาหลายปีพอจะรู้จักนิสัยใจคอ “ฉันล่ะละอายใจจริงๆ นังหลานคนนี้มันไม่เจียมตัวเลย”

“ของแบบนี้ไม่เข้าใครออกใคร ฉันเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไร แต่ต้องขึ้นอยู่กับพระพรหมนะแม่เจียมนะ”

“แต่ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นหรอกค่ะ”

“ทำไมล่ะ”

“ฉันรักคุณไทย เห็นเธอมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย อยากให้เธอได้ลงเอยกับผู้หญิงดีๆ ดีได้ซักครึ่งของนายแม่นวลก็ยังดีค่ะ”

“ขอบใจนะเจียม” แม่นวลยิ้มสุขใจที่ชีวิตแวดล้อมไปด้วยคนที่รักและหวังดีกับครอบครัวเธอ

ooooooo

วันเดียวกันที่ธงไทยพาตะวันกับหนูพุทธไปเที่ยวงานเกษตรสัมพันธ์...นันทวัฒน์ได้ชวนมยุริญมาดูที่ดินที่อยู่ติดไร่นวลตะวัน เขาอยากซื้อที่ดินสวยๆอากาศดีๆ สักแปลง โดยให้ทนายทนงศักดิ์ช่วยดำเนินการ

ทนงศักดิ์ติดต่อเสี่ยหมูเอาไว้ เสี่ยหมูตั้งใจฟันค่านายหน้าและกว้านซื้อที่ดินแถบนี้ไว้หมดเพื่อเก็งกำไร ยกเว้นไร่นวลตะวันที่ดื้อรั้นไม่ยอมขาย

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 3 วันที่ 31 ส.ค. 58

ละครเพลิงตะวัน แนว โรแมนติก-ดราม่า
ละครเพลิงตะวัน บทประพันธ์โดย น้ำผึ้งเดือน 8
ละครเพลิงตะวัน บทโทรทัศน์โดย ดรีมทีม
ละครเพลิงตะวัน กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละครเพลิงตะวัน ผลิตโดย บริษัท ดูมันดี จำกัด
ละครเพลิงตะวันออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเพลิงตะวันได้ทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
ที่มา ไทยรัฐ