อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 1/2 วันที่ 9 ก.พ. 56

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 1/2 วันที่ 9 ก.พ. 56

พเยียถอนใจ ท่าทางเซ็งและรำคาญ
“ค่ะ ก็วันนี้วันหยุดนี่คะ คุณแม่”
“เธอเองก็เป็นเด็กกำพร้า อาศัยอยู่ที่นี่ อยู่ว่างๆ ไม่คิดจะช่วยงานทางโบสถ์บ้างเลยหรือยังไง”
“จะให้ทำอะไรล่ะคะ แค่ขยับตัวก็ผิดแล้ว พเยียไม่ใช่กอหญ้านี่ ทำอะไรก็ถูก ก็ดีไปซะหมด” พเยียตัดบท “หมดเรื่องแล้วใช่มั้ยคะ พเยียจะได้ไป”

“เดี๋ยวก่อน พเยียช่วยไปตามกอหญ้าให้หน่อยเถอะจ้ะ บอกให้ไปพบฉันที่ห้องทำงาน”
“ค่ะ ค่ะ”
พเยียรับคำอย่างเซ็งๆ รีบปลีกตัวออกมาโดยเร็ว



มองจากตรงป้ายสถานสงเคราะห์เด็กหญิง เห็นกอหญ้าขี่จักรยานผ่านป้าย เข้ามาจอดหน้าเรือนไม้เก่าๆ หน้าตาผ่องใสเป็นปกติ พเยียเห็นกอหญ้า ท่าทางดีใจ รีบเข้าไปหาทันที
“กอหญ้า เจอก็ดีแล้ว ยืมเงินสองร้อยสิ จะไปในเมือง”
กอหญ้าหยิบเงินออกจากกระเป๋ากางเกง มีแบงค์ร้อย 1 ใบ แบงค์ยี่สิบ 2 ใบ กอหญ้ามองดูลังเล
“ทั้งเนื้อทั้งตัวเรามีแค่นี้เอง เงินพิเศษยังไม่ออกเลย”
พเยียดึงแบงค์ร้อยมา ยิ้มประจบ “ร้อยนึงก็ยังดี” กอหญ้าเหวอ “ขอบใจนะ”
พเยียรีบวิ่งออกไป แล้วนึกขึ้นได้ หันมาบอกกอหญ้าที่ยืนงงอยู่
“อ้อ ลืมบอกไป คุณแม่ยุพาให้เธอไปหาแน่ะ”
พเยียวิ่งออกไปอย่างร่าเริง กอหญ้าถอนใจ ปลงและชิน

กอหญ้าเดินเข้าไปในโบสถ์ เลยไปด้านหลังที่เป็นห้องทำงาน เคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดเข้าไปในห้อง
พอเข้ามาในห้อง เห็นคุณแม่ทั้งสองอยู่ด้านใน จากมุมที่มองนั้น คุณแม่ยุพาบังคนที่นั่งอยู่ด้วย
“อ้าว กอหญ้า มาพอดีเลย เข้ามานี่หน่อยจ้ะ”
กอหญ้าหลบตาต่ำ สำรวมกริยา เดินเข้ามาอย่างคนที่ได้รับการอบรมมาดี เสียงคุณแม่ยุพาดังเข้ามา
“กอหญ้าเพิ่งเรียนจบปีนี้ค่ะ เป็นนักเรียนตัวอย่างยอดเยี่ยมของที่นี่ ผลการเรียนดีเยี่ยม ความประพฤติก็ดี มารยาทก็ดี ไม่มีที่ติเลยค่ะ”
กอหญ้าเดินมาถึงเงยหน้าขึ้น ชะงักกึก ตกใจยิ่งกว่าเห็นผี
คุณแม่ยุพาคุยอยู่กับอิศร คุณแม่ยิ้มผ่องใส อิศรยิ้มอย่างกลั้นหัวเราะ แต่มีมาด
“กอหญ้า มารู้จักท่านจ้ะ นี่คุณอิศร อดิศวร” (อ่านว่า อิด - อะ-ดิ-สวน “ลูกชายของท่านเจ้าของที่ดิน ที่พวกเราอาศัยอยู่”
กอหญ้า วางหน้าไม่ถูก ตายแน่ๆ แล้ว
อิศรมองกอหญ้า ยิ้มในสีหน้า สายตากวนในมาดผู้ชนะ แต่ดูดีมากๆ
“นี่เหรอครับ นักเรียนยอดเยี่ยมของที่นี่ ผมว่าน่าจะเป็นนักเรียนยอดแย่มากกว่า”
กอหญ้าขึ้นเสียง “นี่คุณ”
วันเพ็ญแปลกใจ “กอหญ้ารู้จักคุณอิศรมาก่อนหรือจ๊ะ”
“ไม่รู้จักหรอกค่ะ แต่เมื่อตะกี๊ คุณคนนี้ เค้าขับรถเกือบชนกอหญ้ากับชิษณุพงศ์ แล้วก็...” กอหญ้าชะงัก นึกได้ว่าไม่ควรเล่า ว่าโดนจูบ
อิศรเร่ง “แล้วอะไร” ท่าทีกวนสุดขีด “ฉันทำอะไรเธอ บอกไปซี”
“ว่าไงจ๊ะ กอหญ้า” ยุพาถาม
เห็นกอหญ้าอึกอัก อิศรยิ่งนึกสนุก
“ถ้าเธอไม่บอก ฉันบอกนะ” อิศรหันมาพูดกับยุพา “คืองี้ครับ คือเมื่อตะกี๊นี้น่ะ ผม…
กอหญ้า เสียงดัง “อย่านะ”
ยุพาปราม “กอหญ้า” หันมาทางอิศร “ยังไงนะคะ คุณอิศร”
อิศรทำท่ากระแอมกระไอจะพูด กอหญ้าหน้าจ๋อย
“เมื่อตะกี๊นี้น่ะครับ…” กอหญ้าลุ้นระทึก “เด็กคนนี้...เอาหินขว้างรถผม”
กอหญ้าโล่งอก คุณแม่วันเพ็ญตาโต คุณแม่ยุพาหันมาดุ
“ตายแล้ว กอหญ้า ทำไมเสียมารยาทอย่างนี้ ขอโทษคุณอิศรเดี๋ยวนี้เลย”
กอหญ้าแค้นอิศรที่ทำให้โดนดุ และเสียฟอร์มที่ต้องขอโทษ อิศรยิ้ม แอบยักคิ้วใส่กอหญ้า
“แต่คุณแม่คะ”
ยุพาปรามเสียงเข้ม “กอหญ้า”
กอหญ้า พูดอย่างไม่เต็มใจ “ขอโทษ...” วันเพ็ญกับยุพามองหน้า กอหญ้าจำใจ “…ค่ะ”

อิศรยิ้มสะใจ กอหญ้าหน้าบึ้ง แอบค้อนอิศร
ครู่ต่อมาคุณแม่ยุพาพาอิศรเดินชมบริเวณบ้านสงเคราะห์เด็กหญิง มาถึงแปลงผักแปลงดอกไม้ กอหญ้าเดินตามทิ้งระยะนิดหน่อย

ยุพาบอกอย่างภูมิใจ “แปลงผักพวกนี้ เด็กๆ ช่วยกันปลูกค่ะ ปลูกเองทานเองที่เหลือก็เอาไปขายในตลาด”
อิศรฟังอย่างตั้งใจ
“มีเด็กอยู่ที่นี่กี่คนครับ”
“20 คนค่ะ”
“แล้วค่าใช้จ่าย...”
“เราได้เงินสนับสนุนจากต่างประเทศค่ะ แล้วก็มีเงินบริจาคด้วย” ยุพายิ้ม มองอิศรอย่างชื่นชม “แต่ที่สำคัญ ก็คือครอบครัวของคุณอิศร ที่ให้เราใช้ประโยชน์จากที่ดินผืนนี้มาหลายสิบปี โดยไม่คิดค่าเช่า”
อิศรพยักหน้ารับรู้ หน้าตาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“วันนี้ คุณอิศรขับรถมาถึงนี่ ถ้ามีอะไรให้ทางเรารับใช้ ทางเราก็ยินดีนะคะ”
อิศรอึ้งไปนิดนึง ก่อนจะพูดออกมา ชัดถ้อยชัดคำ
“ผมจะมาบอกว่า คุณพ่อของผม ท่านคิดว่าจะใช้ที่ดินแปลงนี้ สร้างรีสอร์ทครับ”
กอหญ้าและคุณแม่ยุพารู้สึกเหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมากลางศีรษะ หน้าเสีย
“ท่านต้องการที่ดินคืน และขอให้ทุกคนย้ายออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ”
อิศรพูด แม้ภายในใจจะไม่เห็นด้วย และรู้สึกว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายมาก แต่ก็ฝืนทำหน้านิ่ง

ไม่นานต่อมา อิศรเดินหน้าขรึมออกมา กำลังจะก้าวขึ้นรถ กอหญ้าถลันตามมา กระชากแขนเสื้อไว้ ด้วยความโกรธ
“เดี๋ยวก่อน คุณ”
อิศรหันมาพอเห็นกอหญ้า ก็เกิดอารมณ์สนุก อยากกวนประสาทคนเล่น
“อะไรอีก”
กอหญ้าพยายามข่มอารมณ์โกรธ ขอร้องอิศร “คุณพ่อคุณร่ำรวย ท่านคงมีที่ดินเยอะแยะ แต่เด็กพวกนี้ เค้าไม่มีที่อยู่ที่ไหนอีกแล้ว .. ฉันไหว้ล่ะ คุณช่วยขอร้องคุณพ่อคุณ ให้สงสารพวกเค้าหน่อยได้ไหมคะ”
อิศรนึกถึงพ่อ พูดด้วยเสียงเยาะๆ “คุณพ่อผมไม่เคยสงสารใครหรอกคุณอีกอย่าง ลองท่านอยากจะทำอะไร ใครก็ห้ามท่านไม่ได้”
กอหญ้าไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างอิศรกับพ่อ เข้าใจว่าน้ำเสียงนั้นต้องการเยาะตน โกรธมาก
“พ่อคุณก็ไม่ต่างอะไรจากคุณ ฉันไม่น่าเสียเวลา อ้อนวอนคนเห็นแก่ตัว อย่างคุณเลย”
อิศรเห็นกอหญ้ายิ่งโกรธ ยิ่งอยากแหย่ ลอยหน้าลอยตายั่ว
“ใช่ ฉันมันคนเห็นแก่ตัว จะให้ฉันช่วยพูดให้เธอ โดยไม่หวังผลตอบแทนน่ะ ฝันไปเถอะ ยกเว้นแต่ว่า…”
กอหญ้าสวนออกมา “คุณต้องการอะไร”
อิศรมองกอหญ้าหัวจรดเท้า หัวเราะเยาะ “ทั้งเนื้อทั้งตัว เธอมีอะไรจะตอบแทนฉันบ้างล่ะ”
กอหญ้าเข้าใจความหมายนั้น หน้าแดง โกรธสุดๆ
“คนบ้า ทุเรศ”
อิศรเปิดประตู เตรียมจะก้าวขึ้นรถ “อย่ามัวมาแช่งชักหักกระดูกฉันอยู่เลย คืนนี้ฉันจะค้างที่เชียงใหม่ พรุ่งนี้ตอนเย็นๆ ถึงจะกลับกรุงเทพฯ ถ้าถึงตอนนั้น เธอไม่มีข้อเสนออะไร ก็ไปเก็บเสื้อผ้า เตรียมย้ายบ้านได้เลย ไป๊”

อิศรขึ้นรถขับปราดออกไป กอหญ้ามองตามอย่างโกรธจัด แต่ทำอะไรไม่ได้

ส่วนพเยียพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องพักของโรงแรม ตอนกลางคืน ก่อนจะเคาะประตูเบาๆ ประตูเปิดออก เห็นเป็น นภดล ชายหนุ่มวัย 25 ปี ท่าทางกะล่อน แต่งตัวจัด หุ่นดีเหมือนนายแบบ เปิดออกมายิ้มอย่างพอใจ
พเยียที่เคาะประตูอยู่ ที่โถมเข้ากอดคอนภดลทันที
ไม่นานนัก ทั้งสองนอนกอดกันกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง พเยียอยู่บนตัวนภดล ระดมจูบนภดลไปทั่งหน้า
“โอ้ย คิดถึงๆๆๆๆๆ คิดถึงที่สุดเลย ลงไปกรุงเทพฯ ตั้งอาทิตย์” พเยียแบมือทวง “ไหนล่ะ ของฝาก”

นภดลจับมือ พลิกพเยียลงข้างล่าง “พี่นี่ไง ของฝาก”
พเยียแสร้งหันหนี ยั่วเย้า “อุ๊ย ไม่เอา” จากนั้นก็พูดออเซาะ “พี่นภดลจ๋า คราวหน้าถ้าพี่ลงไปทำงานกรุงเทพฯ พาพเยียไปด้วยได้ไหม พเยียอยากไปแคสต์งาน อยากถ่ายแบบเหมือนพี่บ้าง”
“อยากเป็นนางแบบเหรอ?” นพดลยั่ว “หุ่นดีเหรอ เราน่ะ”
พเยียอมยิ้ม ยั่วกลับ “ก็ดีไหมล่ะ”
“มาดูชัดๆ อีกทีซิ”
นภดลคว้าตัวพเยียมา พเยียหัวเราะกิ๊กชอบใจ ทั้งสองล้มกลิ้งลงไปบนเตียงอีกครั้ง

กอหญ้าเดินห่มผ้าให้เด็กเล็กที่นอนเรียงกันเป็นแถวในห้องนอน สีหน้าเศร้าสร้อย
กอหญ้าคิดถึงอิศร เสียงกวนประสาทของอิศรดังก้องในความคิด
“ทั้งเนื้อทั้งตัว เธอมีอะไรจะเสนอบ้างล่ะ…จะให้ฉันช่วยพูดให้เธอ โดยไม่หวังผลตอบแทนน่ะ ฝันไปเถอะ...ถ้าเธอไม่มีข้อเสนออะไร ก็ไปเก็บเสื้อผ้า เตรียมย้ายบ้านได้เลย ไป๊”
กอหญ้านิ่งคิดตัดสินใจ

ด้านพเยียหลังจากหลับนอนกับนภดลในห้องที่โรงแรมจนเสร็จสมแล้ว สองคนออกมาที่ผับเล็กๆ ใกล้โรงแรม เพื่อลงมาดื่มกันต่อ
“ตกลงว่าไงพี่นพ”
นพดลมองเป็นเชิงถาม พเยียเข้าไปกอดคอเซ้าซี้
“เรื่องที่ฉันขอตามพี่ไปกรุงเทพฯ น่ะ ฉันพูดจริงนะ ฉันเบื่ออีพวกแม่ชีที่โบสถ์เต็มทีแล้ว”
“จะไปทำไม อยู่กรุงเทพฯ ลำบากนะ พเยีย งานการไม่ใช่จะหากันง่ายๆ”
พเยียทำงอน น่ารัก “มีเมียซุกเอาไว้เลยไม่อยากให้ฉันตามลงไปก็ว่ามาเถอะ” นพดลยิ้ม พเยียอ้อนต่อ “นะ พี่นพ นพ ฉันอยู่ที่โบสถ์นี่สบายที่ไหน วันๆ ฉันต้องทำงานอย่างกับทาส”
“จริงอ่ะ”
“จริงสิพี่” พเยียทำหน้าน่าสงสาร “ทั้งทำสวน ปลูกผัก ไหนจะงานทำความสะอาด ซักผ้า ถูบ้าน รับใช้พวกแม่ชีแก่ๆ ทั้งวัน เงินค่าจ้างก็ไม่เคยได้” ตีหน้าเศร้า “พี่ไม่รู้อะไร บางวันข้าวยังไม่มีให้กินเลย”
นพดลไม่เชื่อเลย แต่ทำเป็นพูดประชด “โถๆ แม่คุณ ชีวิตช่างน่าสงสาร พาไปออกรายการอะไรดีนะเนี่ย”
พเยียทุบนพดลเบาๆ เลิกเล่นละคร
“พี่พาไปไหนฉันก็ไปทั้งนั้น นรกหรือสวรรค์ฉันไม่กลัว ขอให้ได้เงินเยอะๆ ฉันอยากมีตังค์ ฉันอยากรวย ไม่ว่าไปไหน ทำอะไร ฉันยอมทั้งนั้น”

พเยียพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
กอหญ้าอยู่ในห้องนอน หยิบสร้อยทองเส้นเล็กๆ ที่มีล็อกเก๊ตคล้องอยู่ นำมาพร้อมกับแหวนเพชรรูปดาว วางลงในมือคุณแม่ยุพา

“ทั้งเนื้อทั้งตัว กอหญ้าก็มีอยู่เท่านี้ สร้อยนี่เป็นของเก่า ส่วนเพชรนี่ถึงจะเม็ดเล็กนิดเดียว แต่ก็คงพอมีราคาบ้าง”
“ไม่ได้จ้ะ ของสองอย่างนี้เป็นของที่ติดตัวหนูมาตั้งแต่แบเบาะ หนูต้องเก็บเอาไว้” ยุพาบอก
“เก็บไว้ก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร แต่ถ้ากอหญ้าเอาไปให้เค้า”
“ไม่มีประโยชน์หรอกจ้ะ ที่ดินนี่ราคามันไม่ใช่น้อยๆ นะ กอหญ้า คงหลายล้าน กอหญ้าทำอะไรไม่ได้หรอกลูก”
“กอหญ้าช่วยไม่ได้ แล้วใครจะช่วยเราได้ล่ะคะ คุณแม่ กอหญ้านึกไม่ออกเลย”
กอหญ้ามองล็อกเก๊ตและแหวนในมือ หน้าเศร้า

รุ่งเช้าปราบนั่งจิบกาแฟอยู่ที่ล้อบบี้โรงแรมหรูของเชียงใหม่ หยิบกระดาษที่พิมพ์รายชื่อของสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าหลายแห่งในเชียงใหม่ขึ้นมาดู
“ใครจะเป็นเด็กสาวผู้โชคดีคนนั้น ทายาทคนเดียวของศิวาวงศ์”
ปราบหยิบล็อกเก็ตออกมาจากกระเป๋า เพ่งมอง ถอนใจ

กอหญ้าใส่เสื้อเปิดคอ มองเห็นล็อกเก็ตชัดเจน เดินเล่นอยู่กับชิษณุพงษ์ ทั้งสองต่างเงียบเหมือนมีความในใจ
“วันนี้เธอเงียบจัง กอหญ้า”
“เธอก็เงียบ…มีอะไรรึเปล่า”
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอน่ะ” ชิษณุพงศ์ว่า
“ฉันก็มีเรื่องจะพูดเธอเหมือนกัน” กอหญ้าบอก
“เรื่องอะไรเหรอ”
กอหญ้ามองชิษณุพงศ์ ตัดสินใจว่าจะขอความช่วยเหลือเรื่องที่ดินดีไหม
“เธอพูดก่อน” กอหญ้าว่า
ชิษณุพงศ์นิ่งไปอย่างอาลัยอาวรณ์
“วันนี้ เจ้าพ่อจะมารับฉันไปกรุงเทพฯแล้วนะ”
กอหญ้า ใจหายวูบ “วันนี้เลยเหรอ ทำไมเร็วจัง”
“หมอให้ฉันไปเตรียมตัวผ่าตัดตา...ฉันคงคิดถึงเธอมากเลยนะกอหญ้า”
ชิษณุพงศ์พูดอย่างซาบซึ้ง จริงจัง กอหญ้าใจหาย แต่พยายามทำร่าเริงกลบเกลื่อน
“จะคิดถึงได้ซักกี่วัน อีกหน่อยพอเธอหาย เธอก็มีเพื่อนใหม่ๆ เยอะแยะ”
“ไม่มีใครเหมือนเธอหรอก…กอหญ้า รอฉันนะ พอฉันหายดี ฉันจะรีบกลับมาหาเธอที่นี่”
กอหญ้า พูดทีเล่นทีจริง “ขี้โม้ หน้าฉันเป็นยังไงเธอก็ไม่เคยเห็น เธอจะหาฉันเจอได้ยังไง”
ชิษณุพงศ์รู้สึกสดใสขึ้น เริ่มโต้ตอบ
“ทำไมจะไม่เจอ ฉันรู้ว่าเธอเดินยังไง พูดยังไง ขี้บ่นโวยวายยังไง แล้วฉันจำได้ว่ากอหญ้าตัวจริงน่ะ” ชิษณุพงศ์คว้ามือกอหญ้ามากุม “ต้องใส่แหวนที่เป็นรูปดาว เอาไว้ที่นิ้วนางข้างขวา”
กอหญ้ายิ้มกว้าง “จำแม่นขนาดนั้นเชียว”
ชิษณุพงศ์บอกจริงจัง “ใช่ ฉันจำทุกอย่างเกี่ยวกับเธอได้ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะฉันไม่ได้จำเธอด้วยตา แต่ฉันจำเธอด้วยหัวใจ”
“ขอบใจนะ ชิษณุพงศ์ ฉันก็จะไม่มีวันลืมเพื่อนที่แสนดีคนนี้เหมือนกัน”
กอหญ้ามองชิษณุพงศ์อย่างตื้นตัน ชิษณุพงศ์ยิ้มอย่างมีความสุขและมีความหวัง
“ไหนเธอบอกว่ามีอะไรจะพูดกับฉันไง เรื่องอะไรเหรอ”
กอหญ้ารู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพูดเรื่องยืมเงิน เพราะชิษณุพงศ์จะไปแล้ว ฝืนยิ้มให้
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ไปเดินเล่นทางโน้นกันเถอะ”
ชิษณุพงศ์จับมือกอหญ้าเดินไปด้วยกัน

ปราบขับรถมาอย่างช้าๆ แล้วจอดรถตรงหน้าโบสถ์ มองดูแผนที่ที่จดมาอีกที
“ที่นี่แหละ ใช่แล้ว”
ปราบลงมา ยืนละล้าละลังอยู่สักพัก เห็นไม่มีบ้านคน เลยจะเดินเข้าไปในโบสถ์
กอหญ้าจูงจักรยานเข้ามาจอด เห็นด้านหลังปราบ ร้องทัก
“คุณลุงมาหาใครคะ”
ปราบหันกลับมา เห็นกอหญ้ายิ้มอยู่ไกลๆ มองมาอย่างเป็นมิตร ปราบชะงัก
“ฉันทราบมาว่า ที่นี่เป็นสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า”
“อ๋อ ใช่ค่ะ บ้านของพวกเราอยู่ทางด้านหลังโบสถ์” กอหญ้าชี้บอกทาง “ไปทางโน้น”
ปราบยิ้ม มองกอหญ้าอย่างถูกชะตา “ขอโทษ หนูก็เป็นเด็กกำพร้าหรือ”
“ค่ะ คุณแม่ยุพาเลี้ยงหนูมา” กอหญ้าเดินมาใกล้ๆ พลางถาม “คุณลุงมาที่บ้านเด็กกำพร้ามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
“คือว่าฉัน...”
ปราบชะงัก เมื่อมองไป เห็นล้อกเก็ตที่คอกอหญ้า ปราบตาค้าง
“คุณลุงคะ”
ปราบนิ่ง ตาเบิกค้าง กอหญ้าเป็นห่วง เอื้อมมือมาจับที่แขนปราบ
“คุณลุงคะ”
ปราบเห็นแหวนรูปดาวที่นิ้วกอหญ้า ก็สะดุ้ง คว้ามือกอหญ้ามาดูอย่างลืมตัว
“แหวน! ล็อกเก็ต!”
กอหญ้าเห็นปราบท่าทีแปลกๆ ก็ขยับตัวออกห่างอย่างตกใจ ปราบคว้ามือไว้
“เดี๋ยวก่อนครับ”
“ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน”
กอหญ้าสะบัดมือ แล้ววิ่งหนีเข้าไปในโบสถ์ ปราบวิ่งตาม

“คุณหนูครับ เดี๋ยวก่อน”
กอหญ้าพยายามปิดประตูโบสถ์ ปราบยื้อ คว้ามือกอหญ้าไว้แน่น

“คุณเป็นใคร ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
“เดี๋ยวครับ คุณหนู อย่าเพิ่งไป ได้โปรดฟังผมอธิบายก่อน”
“ไม่ ฉันบอกให้ปล่อยฉัน”
ระหว่างนั้นเสียงคุณแม่ยุพาดังขึ้น
“หยุดนะ นี่มันอะไรกัน!”
ปราบปล่อยมือกอหญ้า กอหญ้าวิ่งมาหาคุณแม่ยุพา มองปราบอย่างตื่นๆ
ยุพาถามเสียงเข้ม “คุณเป็นใคร”
ปราบแนะนำตัว “ผมชื่อปราบ...” ทนายสูงวัยนึกได้ ส่งนามบัตรให้ “ปราบ รักสันติ ผมเป็นทนายความ”
“ฉันชื่อยุพา เป็นคุณแม่อธิการของที่นี่ คุณมาที่นี่ทำไมคะ ต้องการอะไร”
ปราบมองกอหญ้า สีหน้าตื่นเต้นสุดๆ

เวลาต่อมาที่ห้องรับแขกของโบสถ์ ปราบสรุปเรื่องทั้งหมดให้กอหญ้ากับคุณแม่ยุพาฟัง
“คุณแม่ยุพาบอกว่า พบคุณหนูกอหญ้าถูกวางทิ้งเอาไว้ที่หน้าโบสถ์ ในวันที่ 17 มิถุนายน 2536 ซึ่งคืนก่อนหน้านี้ คือคืนที่เกิดเหตุโรงพยาบาลแม่ออนไฟไหม้ แล้วลูกสาวของหม่อมหลวงนภดารา ศิวาวงศ์ ก็หายสาบสูญไป”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 1/2 วันที่ 9 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th