อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 4 วันที่ 17 ก.พ. 56

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 4 วันที่ 17 ก.พ. 56

พเยียเลยถอนใจเฮือก ถอดแหวน ถอดกำไลโยนลงบนโต๊ะแต่งตัว พลางบ่น
“เรียนอยู่ได้คนเดียว เบื่อตาย”
นภดารายิ้มออก เมื่อเห็นพเยียยอมทำตาม พูดปลอบใจ
“ไม่เบื่อหรอกจ้ะ แม่หาคนมาเรียนเป็นเพื่อนลูกแล้ว” พเยียนิ่วหน้าฉงน “หนูกอหญ้าไง”
พเยียอึ้ง นึกไม่ถึง

ไม่นานต่อมาศรีเดินนำกอหญ้ามานั่งรอที่ห้องรับแขก
“เชิญคุณรอที่นี่ก่อนนะคะ ดิฉันจะไปเรียนคุณดารา”
“ค่ะ”
ศรีจะออกไป เสียงนภัสรพีดังขึ้น
“ใครมาพบคุณดาราเหรอ ศรี”
กอหญ้ารีบลุกขึ้น เห็นนภัสรพีแต่งตัวจะไปทำงาน เดินมาจากห้องรับประทานอาหาร มีนภาจรีและแม่ชื่นเดินตามมาข้างหลัง
นภัสรพีทักอย่างแปลกใจ “อ้าว หนูนั่นเอง”


กอหญ้าพนมมือไหว้อย่างนอบน้อมและอ่อนช้อย “สวัสดีค่ะ ท่าน” มองไปที่นภาจรีกับแม่ชื่น แล้วไหว้อย่างเรียบร้อย “สวัสดีค่ะ”
นภาจรีกับแม่ชื่นรับไหว้ มองกอหญ้าอย่างเอ็นดู
นภัสรพีแนะนำ “นี่น้องสาวฉัน หม่อมราชวงศ์หญิงนภาจรี ส่วนแม่ชื่นหนูก็รู้จักแล้วนี่ ใช่ไหม” คุณชายหันมาทางน้องสาว “หนูคนนี้เป็นเพื่อนของอิศร ลูกชายคุณอรรถ เพื่อนบ้านเรานี่เอง ชื่อหนูกอหญ้า”
กอหญ้ายิ้มรับ นภาจรีมองอย่างประหลาดใจ
“ชื่อกอหญ้า”
“ค่ะ” กอหญ้ายิ้มรับ
นภาจรีหันไปมองหน้าชื่น แล้วมองหน้านภัสรพี เหมือนจะพูดอะไร แต่ยังไม่ทันพูด นภดาราก็เดินลงมาพอดี ส่งเสียงทักมาแต่ไกล
“อ้าว หนูกอหญ้ามาแล้ว” กอหญ้าหันไปไหว้ นภดารายิ้มทักอย่างอ่อนหวาน แล้วอธิบายกับนภัสรพี “ลูกชวนกอหญ้ามาเรียนทำอาหารเป็นเพื่อนพเยียค่ะ”
“ดี” นภัสรพียิ้มๆ
ส่วนพเยียในชุดอยู่กับบ้านเดินหน้าหงิกตามลงมา นภดาราหันไปเห็น
“พเยียลงมาพอดี” นภดาราหันไปพูดกับกอหญ้า “อาจารย์วรรณารออยู่ที่ศาลาในสวนแล้ว
จ้ะ เราไปกันเลยไหม”
“ค่ะ” กอหญ้าหันไปไหว้ลาทุกคน “หนูขอตัวก่อนนะคะ”
กอหญ้าเดินตามนภดาราไป นภดาราเดินนำไปหาพเยียที่หน้าหงิกอยู่ พเยียมองกอหญ้าอย่างไม่เป็นมิตร แล้วสะบัดหน้า เดินนำออกไปโดยไม่รอ และไม่ทักทาย
กอหญ้าหน้าเจื่อนๆ นภดารายิ้มปลอบ แล้วจูงมือกอหญ้าเดินตามไป
ที่ด้านหลังสามคน นภาจรียังยืนมองตามกอหญ้าไปจนลับตา อย่างสนใจมาก พลางพึมพำกับตัวเอง
“แปลก ไม่น่าเป็นไปได้”
นภัสรพีฉงน “อะไรของเธอ”
“เด็กชื่อกอหญ้านี่ไงคะ ชื่อแปลกๆ อย่างนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะมีถึง 2 คน” นภาจรีว่า
“สองคนไหน”
“ก็กอหญ้าคนนี้ กับกอหญ้าคนที่หายตัวไปไงคะ พี่ชาย”
นภัสรพีคิดตาม ยังงงๆ แต่ก็เริ่มคลับคล้ายคลับคลา แม่ชื่นรีบเสริม
“คุณหญิงหมายถึงคนที่ตำรวจเคยมาตามหาที่วังไงคะ คุณชาย คนที่นั่งรถลงมาจากเชียงใหม่พร้อมคุณหนูพเยีย แล้วหายตัวไป หลังจากเกิดอุบัติเหตุน่ะค่ะ คนนั้นก็ชื่อกอหญ้าเหมือนกัน”

นภัสรพีนึกออก เริ่มรู้สึกแปลกใจในความบังเอิญนี้เหมือนกัน
เวลาต่อมาที่ศาลานั่งเล่นภายในสวนด้านหลังของวังศิวาลัย นภดารานั่งอยู่มุมหนึ่ง มองกอหญ้ากับพเยียที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำอาหาร อาจารย์วรรณา ซึ่งเป็นอาจารย์สอนการเรือนกำลังอธิบาย

ตรงหน้ามีจานขนมจีบไทยที่ทำอย่างประณีตเป็นตัวอย่าง วางอยู่หนึ่งจาน
“วันนี้เราจะทำขนมจีบไทยกันนะคะ เป็นของว่างทานเล่น ที่ไม่ค่อยจะได้เห็นกันเท่าไหร่ เพราะว่าทำยาก…”
เสียงพเยียถอนใจเบื่อหน่าย อาจารย์ชะงัก นภดารากระแอมเตือน อาจารย์พูดต่อ
“สิ่งที่ยากก็คือจะทำยังไง ถึงจะปั้นขนมจีบให้เป็นจีบสวยๆ แบบนี้ ซึ่งวันนี้เราจะมาทดลองทำกันดูค่ะ”
เสียงสุบรรณดังขัดขึ้น
“เดี๋ยวก่อนคร้าบ เดี๋ยวก่อน” สุบรรณวิ่งลิ้นห้อยหอบแฮ่กๆ เข้ามา “รอผมด้วย”
ทุกคนมองสุบรรณอย่างแปลกใจว่าเป็นใคร ยกเว้นกอหญ้า
“สุบรรณ! มาทำไมเนี่ย”
นภดาราถามอย่างแปลกใจ “เพื่อนหนูเหรอจ๊ะ กอหญ้า”
สุบรรณหอบไปพูดไป “ผมเป็นผู้ช่วยของคุณอิศรครับ คุณอิศรเห็นคุณกอหญ้าไม่ค่อยสบาย คุณอิศรเป็นห่วง เลยให้ผมมาคอยดูแลครับ”
กอหญ้านึกอาย “ฉันไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย” แอบไล่เบาๆ “กลับไปไป๊”
นภดาราเข้าใจว่าอิศรเป็นห่วงแฟน เลยตอบยิ้มๆ
“เอาเถอะจ้ะ ไม่เป็นไร ไหนๆ ก็มาแล้ว” หันไปบอกอาจารย์วรรณา “มีนักเรียนเพิ่มอีกคน อาจารย์คงไม่ว่าอะไรนะคะ”
“หลายคนก็ดีค่ะ สนุกดี เรามาเริ่มกันเลยนะคะ ขั้นแรก เราจะฝึกนวดดินน้ำมันก่อนนะคะ พอรู้วิธีแล้วค่อยใช้แป้ง”
อาจารย์วรรณาคลึงแผ่นดินน้ำมันสีสวยเป็นแผ่นบางๆ แล้วใช้วงกลมตัดแป้งขนาดเล็กกดตัดดินน้ำมันออกเป็น 4 ชิ้น
เห็นกอหญ้า พเยีย สุบรรณทำตาม ใช้ดินน้ำมันสีต่างกัน กอหญ้าทำอย่างตั้งใจ พเยียกับสุบรรณทำไปอย่างขอไปที
อาจารย์วรรณาคลึงดินน้ำมันเป็นลูกกลมๆ เล็กๆ สมมุติว่าเป็นไส้ วางลงบนแผ่นดินน้ำมัน
กอหญ้าแบ่งดินน้ำมันมาทำตามวรรณาด้วย เสียงอาจารย์วรรณาอธิบายแทรกมา
“ถูกค่ะ อย่างนั้นแหละ ฝึกไปเรื่อยๆ ให้คุ้นมือ กะดินน้ำมันให้พอดีนะคะ แผ่นหนามากจะไม่สวย ค่อยๆ ทำไปค่ะ”
กอหญ้าตั้งใจทำ นภดารามองกอหญ้า แล้วหันมองพเยียที่ยืนนิ่งอยู่ พเยียเห็นท่าทีของนภดารา จำใจต้องหยิบดินน้ำมันมาทำบ้าง เพราะกลัวจะน้อยหน้ากอหญ้า

ขณะเดียวกันนภาจรีอยู่ที่ริมระเบียง แอบใช้กล้องส่องทางไกล เป็นกล้องอันเล็กๆ ที่ใช้ดูโอเปร่าหรือดูม้าแข่ง คอยส่องดูกอหญ้าที่เรียนทำอาหารอยู่ที่ศาลาในสวนอย่างสนใจ
และเห็นกอหญ้ากำลังก้มหน้าก้มตาคลึงแป้งอย่างตั้งใจ แต่จากมุมที่มอง เห็นหน้าไม่ชัดนัดนภาจรีขัดใจ ชะเง้อชะแง้หามุมเหมาะๆ แม่ชื่นมายืนข้างหลัง มองขำๆ แล้วสะกิดถาม
“ลงไปดูที่ข้างล่างเลยไม่ดีกว่าหรือคะ คุณหญิง”
นภาจรีสะบัดเสียงอย่างไว้ตัว “ไม่! ฉันชังน้ำหน้านังพเยีย ไม่อยากมองหน้ามัน”
ชื่นแย้ง “เราก็ลงไปดูแต่หนูกอหญ้า”
“เค้าได้สงสัยสิแม่ชื่น ว่าฉันไปยืนดูเค้าทำไม ไม่เอาหรอก” นภาจรีนึกได้ ทำเป็นแกล้งพูด “ว่าแต่แม่ชื่นเถอะ อยู่ว่างๆ ไม่ไปดูๆ แลๆ คุณดาราเค้าหน่อยเหรอ”
นภาจรีทำหน้าเชิด ไม่รู้ไม่ชี้ แม่ชื่นเข้าใจว่านภาจรีต้องการอะไร ยิ้มชอบใจแล้วรีบออกไปทันที

ฝ่ายกอหญ้า พเยีย และสุบรรณกำลังปั้นตัวขนมจีบ วรรณาหันไปมองดินน้ำมันในมือพเยีย ที่ดูบิดๆ เบี้ยวๆ
“หนูพเยียขา อันนี้ยังไม่เป็นจีบเลยค่ะ ครูทำให้ดูอีกทีนะคะ”
วรรณาค่อยๆ จับมือพเยียสอน พเยียแทบจะร้องกรี๊ดด้วยความอึดอัด นภดาราเห็นอาการ รีบพูดแทรกขึ้นมา
“พเยียต้องใจเย็นๆ จ้ะลูก ขนมไทยโบราณมันเป็นเหมือนงานศิลปะ ต้องละเมียดละไม ค่อยๆ ทำ”
พเยียพยายามตั้งใจ ทำตามอาจารย์วรรณา
“อย่าแรงค่ะ เบามือนิดนึง”
วรรณามัวแต่สอนพเยีย นภดาราหันไปมองกอหญ้า เห็นเด็กสาวพยายามจีบขนมจีบ แต่ยังบังคับมือไม่ได้ นภดาราเห็นว่าอาจารย์กำลังสอนพเยีย เลยเข้ามายืนใกล้ๆ กอหญ้า จับมือกอหญ้าให้จับดินน้ำมันให้ถูกต้อง

“ต้องเอามือประคองด้านล่างไว้ด้วยจ้ะ มันจะได้เป็นรูปสวย เห็นมั้ยจ๊ะ มันจะไม่เสียรูป อ่ะ... ค่อยๆ ทำดู”
พเยียหันมาดู เห็นภาพนภดารากำลังยิ้มแย้มสอนกอหญ้าก็ชะงัก รู้สึกไม่สบายใจที่เห็นทั้งสองใกล้ชิดกัน วรรณาสะกิดเตือน
“หนูพเยียต้องจีบให้สนิทกว่านี้อีกนิดค่ะ เวลาทำจริงๆ ต้องให้เห็นไส้แค่นิดเดียว จะได้ดูน่าทาน”
พเยียจำใจหันกลับมาปั้นขนมจีบ แต่แอบมองกอหญ้าด้วยสายตาหวาดระแวง ไม่พอใจ

ที่มุมหนึ่ง ห่างออกไปหน่อย แม่ชื่นค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากหลังพุ่มไม้ มองดูกอหญ้าที่กำลังตั้งใจจีบดินน้ำมันตามที่นภดาราสอน
แม่ชื่นเห็นกอหญ้าปั้นจนเสร็จ แล้วเอาอวดให้นภดาราดู
“ใช้ได้ไหมคะ”
“สวย...เก่งมากจ้ะ”
กอหญ้ายิ้มกว้างอย่างดีใจ นภดารายิ้มตอบ ทั้งสองยิ้มแล้วย่นจมูกนิดๆ ด้วยท่าทางอย่างเดียวกัน แม่ชื่นถึงกับชะงัก เขม้นมองอีกครั้ง
กอหญ้าเกือบทำขนมหลุดมือ นภดารารับไว้ทัน ทั้งสองหัวเราะให้กันอีกครั้ง แล้วย่นจมูกนิดๆ ดูเหมือนกันมาก

แม่ชื่นยืนมองภาพตรงหน้าอาการตะลึง รู้สึกสังหรณ์ในใจอย่างประหลาด
เวลาเดียวกันชิษณุพงษ์เดินเข้ามาภายในวังศิวาลัย โดยมีศรีเดินเข้ามารับตรงห้องโถงรับแขก

“ผมมาพบคุณหญิงนภาจรีครับ”
“คุณหญิงรอคุณอยู่ที่ห้องสมุดค่ะ เชิญค่ะ”
ชิษณุพงษ์พยักหน้ารับ แล้วเดินไปทางห้องสมุด

นภาจรีนั่งเฉิดฉายท่วงทีสง่าอยู่ที่ชุดรับแขก ชิษณุพงษ์นั่งเรียบร้อยอยู่ตรงหน้า ศรีเสิร์ฟน้ำ
“เห็นเจ้าพ่อบอกว่าคุณย่าหญิงอยากพบผม”
นภาจรียกมือห้าม รอจนศรีเสิร์ฟน้ำเสร็จ แล้วสั่ง
“ออกไปแล้วปิดประตูห้องด้วยนะ ศรี แล้วถ้าฉันไม่เรียก อย่าให้ใครเข้ามากวน ฉันกับหลานจะคุยธุระสำคัญ”
“ค่ะ คุณหญิง”
ศรีค้อมตัวเดินออกไปจากห้อง ปิดประตู

ชิษณุพงษ์แปลกใจ “เรื่องสำคัญอะไรหรือครับ”
นภาจรีถามเรื่องคาใจ “เห็นแม่ชื่นเค้าเล่าว่า ชิษณุมีปากเสียงกับแม่พเยีย”
ชิษณุพงษ์ตอบตรงๆ “อ้อ .. ไม่เชิงหรอกครับ คือผมมีเรื่องอยากคุยกับเค้าแต่เค้าไม่อยากคุยกับผม”
นภาจรีถามต่อ “เรื่องเด็กสาวที่ชื่อกอหญ้า”
ชิษณุพงษ์มองนภาจรีอย่างแปลกใจ แต่ก็ตอบ “ครับ ผมกำลังตามหาเค้าอยู่ กอหญ้าเป็นเพื่อนรักของผม เป็นเพื่อนของพเยียด้วย เค้าลงมากรุงเทพฯ พร้อมกับพเยีย แล้วก็หายตัวไป .. คุณย่าหญิงรู้เรื่องกอหญ้าด้วยเหรอครับ”
“ตำรวจเคยมาสอบปากคำพเยีย เค้าบอกว่าเด็กคนนั้นขอลงทำธุระที่ข้างทาง ก่อนจะถึงกรุงเทพฯ” นภาจรีบอก
ชิษณุพงษ์แย้ง “เป็นไปไม่ได้ครับ กอหญ้าโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เค้าไม่รู้จักใครที่ไหนทั้งนั้น แล้วพเยียก็บอกผมอีกอย่าง เค้าบอกว่าหลังจากรถคว่ำเค้าสลบไป ตื่นขึ้นมากอหญ้าก็หายไป ถ้าพเยียไม่โกหกตำรวจ ก็ต้องโกหกผม”
นภาจรีพยักหน้า ยิ้มน้อยๆ เหมือนคิดแผนอะไรได้ แล้วเอื้อมมือไปหยิบกระดิ่งทองเหลืองอันเล็กๆ ใช้สั่นเรียกคนรับใช้ ขึ้นสั่นเบาๆ
ครู่เดียวเห็นศรีโผล่หน้าเข้ามา
“คะ คุณหญิง”
“ไปเรียนคุณดารา ว่าฉันจะลงไปดื่มน้ำชาตอนบ่ายกับเค้า อยากจะชิมของว่างฝีมือหลานสาวซักหน่อย”
“ค่ะ” ศรียอบตัว แล้วออกไป
นภาจรีพูดกับชิษณุพงษ์เป็นปริศนา “อยู่ทานของว่างกับย่านะ มีคนคนนึง ที่ย่าอยากให้ชิษณุเจอ”
นภาจรียิ้มอย่างสาสมใจ ชิษณุพงษ์มองนภาจรีอย่างสงสัย ประหลาดใจ

ยามบ่ายที่โต๊ะน้ำชาในศาลากลางสวนของวังศิวาลัย ถูกจัดอย่างสวยงาม ถัดไปข้างๆ มีโต๊ะเล็กๆ ที่มีขนมจีบไทย 3 จานเรียงกันอยู่ กอหญ้า พเยีย และสุบรรณ ยืนอยู่หลังจานขนมจีบของตัวเอง
อาจารย์วรรณายืนตรวจ จานแรกของกอหญ้าสวยที่สุด ของสุบรรณเป็นขนมจีบลูกโต บูดเบี้ยว ของพเยียพอดูได้ แต่ไม่สวยนัก
อาจารย์วรรณาพูดให้กำลังใจ “เริ่มหัดใหม่ๆก็อย่างนี้ล่ะค่ะ เอาไว้คราวหน้า...”
พเยียสวนคำออกมา “ไม่มีคราวหน้า ฉันไม่เรียนแล้ว” หันไปหากอหญ้า “แกจะได้ไม่ต้องมาเรียนเป็นเพื่อนฉันอีก”
วาจาและท่าที ทำเอาอาจารย์อึ้ง กอหญ้าก็อึ้ง ยังไม่ทันตอบอะไร นภดาราก็เดินเข้ามา พูดเสียงแจ๋วนำมาก่อนตัว
“เชิญทางนี้เลยค่ะ อาหญิง มาช่วยตัดสินหน่อยว่าของใครอร่อยที่สุด”
ทุกคนหันไปมอง เห็นนภดาราเดินนำนภาจรีเข้ามา กอหญ้ายิ้มรับ พเยียชักสีหน้าทันที
นภดาราพูดกับพเยีย “คุณยายหญิงมีแขกพิเศษมาช่วยชิมด้วยจ้ะ”
ชิษณุพงษ์เดินออกมาจากด้านหลังของนภาจรี พเยียและกอหญ้าต่างตกใจ อุทานเบาๆ
“แก” / “คุณ”
นภดารารีบบอก “ชิษณุพงษ์มาเยี่ยมคุณยายหญิง แม่เลยชวนมาทานของว่างด้วยกัน”
นภาจรีมองพเยีย ยิ้มเยาะ “หวังว่าพวกเธอคงจะไม่ว่าอะไรนะ “คนคุ้นเคยกัน” ทั้งนั้นนี่”
ชิษณุพงษ์ยิ้ม มองพเยียกับกอหญ้าสลับกันไปมาอย่างจับผิดทั้งสองหน้าตาไม่สบายใจ
โดยทีพเยียอึดอัดที่ชิษณุพงษ์มาใกล้ชิดกอหญ้า กลัวความลับแตก ส่วนกอหญ้าระแวง ไม่แน่ใจว่าชิษณุพงษ์มาดีหรือมาร้าย
สุบรรณมองหน้าชิษณุพงษ์ แอบพึมพำทวนชื่อ
“ชิษณุพงษ์”
สุบรรณครุ่นคิดนึกถึงเรื่องที่คุยกับอิศรเมื่อคืน

ตอนนั้นสุบรรณถามอย่างแปลกใจ
“คนชื่อชิษณุพงษ์เค้าคือใครครับ”
“เค้าเคยรู้จักกับกอหญ้าที่เชียงใหม่ แต่ตอนนั้นเค้าตาบอด เค้าเลยไม่รู้ว่ากอหญ้าหน้าตาเป็นยังไง กอหญ้าไปเจอเค้าในงานเลี้ยงที่วังศิวาลัย แล้วจากนั้นมา เค้าก็ตามกอหญ้าไม่เลิก”
สุบรรณซัก “แล้วคุณอิศรคิดว่าเค้าจะทำร้ายคุณกอหญ้าเหรอ”
“ไม่รู้ แต่ฉันไม่ไว้ใจ เอาเป็นว่าแกคอยระวังเอาไว้แล้วกัน อย่าให้เค้าเข้าใกล้ หรือมาพูดจาอะไรกับกอหญ้าเป็นอันขาด เข้าใจไหม”

สุบรรณนึกออก ได้สติ รีบขอตัว
“ผมขอตัวไปโทรศัพท์หน่อยนะครับ นึกได้ว่ามีธุระด่วน”

สุบรรณรีบลนลานออกไป
นภดารารินน้ำชาแจกทุกคน พเยียกับกอหญ้านั่งอยู่เงียบๆ

“ทำไมเงียบจังล่ะครับ หรือว่าไม่มีใครอยากคุยกับผม” ชิษณุพงษ์ทำลายความเงียบขึ้น
นภาจรีเสริม “นั้นสิ เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนแท้ๆ”
นภดารามองดูอาการของคนในโต๊ะ และอาการอมยิ้มของนภาจรี เริ่มจับได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลระหว่างเด็ก 3 คน
“เคยเป็นเพื่อนกัน? หมายความว่ายังไงจ๊ะ ชิษณุ”
ชิษณุพงษ์บอกเสียงเรียบ “ผม กอหญ้า พเยียเคยรู้จักกันมาก่อนที่เชียงใหม่” กอหญ้าหันขวับมองหน้าพเยีย สงสัย “เค้าสองคนเป็นเพื่อนกัน โตขึ้นมาด้วยกันที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
นภดาราหันมาถามพเยีย “จริงเหรอ ลูก”
“ไม่จริง! ฉันไม่เคยรู้จักกอหญ้ามาก่อน” พเยียพูดโต้เสียงดัง
“โกหก!” นภาจรีขึ้นเสียง
พเยียลุกพรวดขึ้น ทำโมโห “คุณแม่คะ ดูคุณยายหญิงหาเรื่องพเยียอีกแล้ว เค้าไม่ใช่เพื่อนหนู” หันมาทางกอหญ้าอย่างเอาเรื่อง “ฉันไม่รู้จักเธอ บอกใครๆ ไปซีว่าฉันไม่รู้จักเธอ”
บรรยากาศมาคุสุดๆ ทุกคนยืนขึ้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่กอหญ้า เห็นกอหญ้าอึกอัก นภดาราช่วยไกล่เกลี่ย
“อาหญิงคะ เด็กสองคนนี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนหรอกค่ะ หลานเป็นคนแนะนำกอหญ้าให้รู้จักพเยียที่งานเลี้ยงวันก่อนนี่เอง” นภดาราพูดเป็นเชิงถามกอหญ้า “จริงไหม หนู”
กอหญ้า จำใจตอบ “ค่ะ”
ชิษณุพงษ์เถียง “ไม่จริง” มองหน้าพเยียกับกอหญ้า “พเยียกับกอหญ้าเป็นเพื่อนกัน คุณสองคนทำไมต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกัน” ชิษณุพงษ์เข้ามาจับกอหญ้าเขย่าๆ “เธอโกหก ทำไมต้องโกหก เธอสองคนมีความลับอะไรกันแน่ พูดออก มาสิ กอหญ้า พูดออกมา”
ชิษณุพงษ์โกรธจนลืมตัว เขย่าด้วยอารมณ์แรง จนกอหญ้าเจ็บแขนร้อง “โอ๊ย”
“หยุดนะ ชิษณุ หยุด ปล่อย”
นภดาราตกใจและโกรธ รีบดึงกอหญ้าออกจากชิษณุพงษ์ จังหวะนั้นสุบรรณวิ่งกลับมาพอดี รีบเข้ากันกอหญ้า
“นี่มันอะไรกันครับ”
นภดาราอธิบาย “มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะจ๊ะ ฉันต้องขอโทษแทนหลานชายด้วย”
สุบรรณบอกกับนภดารา “บังเอิญมีเรื่องด่วนที่บ้านน่ะครับ คุณอิศรสั่งให้ผมพาคุณกอหญ้ากลับทันที” สุบรรณหันมาบอกกอหญ้า “กลับกันเถอะครับ”
กอหญ้า ไหว้ลานภดารากับนภาจรี “หนูลาค่ะ”
สุบรรณรีบพากอหญ้าเดินก้มหน้างุดออกไป
นภดาราหันมองชิษณุพงษ์อย่างตำหนิ

“ทำไมทำกับเค้าอย่างนั้น ชิษณุ มันเรื่องอะไรกัน อาไม่เข้าใจเลย”
ชิษณุพงษ์มองหน้าพเยียที่ยืนกอดอกเชิดหน้าอยู่ ชิษณุพงษ์ขัดใจ
“ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับ คุณอาหญิง ไม่เข้าใจจริงๆ ผมขอโทษครับ”
ชิษณุพงษ์พูดจบก็ยกมือไหว้ลา แล้วผลุนผลันออกไป นภาจรีรีบตาม
“เดี๋ยว ชิษณุ รอย่าก่อน”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 4 วันที่ 17 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th