อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 4/3 วันที่ 19 ก.พ. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 4/3 วันที่ 19 ก.พ. 56

คุณแม่ยังหลงมันขนาดนี้ อีกหน่อยก็คงจะถีบหัวพเยียส่ง”
“พาลใหญ่แล้วนะ พเยีย แม่จะทำอย่างนั้นกับลูกได้ยังไง”
“ก็ทำมาแล้วนี่” พเยียแดกดัน และได้ทีโวยวาย ลำเลิกให้นภดารารู้สึกผิด “คุณแม่เคยทิ้งพเยียมาแล้ว พเยียถึงต้องไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไง เคยทิ้งมาแล้ว ทำไมจะทิ้งอีกไม่ได้”
นภดาราเจอไม้นี้ถึงกับอึ้งไป เสียงอ่อนลง

“พเยีย อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยได้ไหม แม่รักลูกนะจ๊ะ ไม่มีวันรักคนอื่นมากกว่าพเยียแน่นอน”
“แน่นะคะ”



นภดาราพยักหน้า พเยียพูดอย่างผู้ชนะ
“งั้นก็ไล่มันออกไป อย่าให้มันเข้ามาที่วังศิวาลัยอีกเป็นอันขาด”
นภดารานิ่ง มองพเยียเขม็ง นึกไม่ถึง ว่าพเยียจะเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจอย่างนี้
“ว่าไงคะ คุณแม่” พเยียคาดคั้น
“แม่รักลูกนะ พเยีย แม่รักลูกมาก และอยากให้ลูกของแม่เป็นคนดี เพราะฉะนั้น แม่จะไม่ตามใจลูกในเรื่องแบบนี้เป็นอันขาด” นภดาราพูดเสียงเข้ม ท่าทีจริงจัง “นอกจากลูกจะมีเหตุผลมากกว่านี้ ว่าทำไมถึงไม่อยากให้กอหญ้าเข้ามาในบ้านของเรา”

พเยียอึ้ง ผิดคาดที่เห็นนภดาราแข็งใส่และดูท่าทางเอาจริง
ฝ่ายสุบรรณตามมาทีหลังเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในครัว อาจารย์วรรณากับกอหญ้ากำลังจะใส่เครื่องปรุงลงในครกหิน

กอหญ้า ร้องทักเลขาจอมทะเล้นของอิศร “อ้าว สุบรรณ”
สุบรรณโค้งคำนับอาจารย์ “ขอโทษครับ ที่มาช้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ” อาจารย์หลีกออกมาจากด้านข้างของกอหญ้า “เชิญเลยค่ะ เรากำลังจะลองตำน้ำพริกกันพอดี”
สุบรรณเข้าไปประจำที่ หน้าครกหินของวรรณาที่อยู่ข้างๆ กอหญ้าอย่างซึมกะทือ กอหญ้ามองขำๆ ล้อเบาๆ
“ไหนบอกว่าหัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่มาไง”
สุบรรณบ่นอุบอิบ “ขี้เกียจเถียงกับคุณอิศร”
กอหญ้าสัพยอก “ขี้เกียจหรือไม่กล้า”
“อย่ามาพูดดี คุณเองก็กลัวเค้าหงอเหมือนกัน” สุบรรณย้อนขำๆ
กอหญ้าอมยิ้มขำทุบสุบรรณเบาๆ อาจารย์วรรณาอมยิ้ม กระแอมเตือน
“คุณสุบรรณเอาไข่ปูที่ครูเตรียมไว้ มาตำกับพริกกระเทียมเลยค่ะ ตำให้เข้ากันนะคะ เสร็จแล้วจะได้ปรุงรสกัน”
“ครับ”
สุบรรณเอาไข่ปูใส่ครกรวมกับพริก กระเทียม ลงมือตำสุดแรงเพราะกะไม่ถูก พริกกระเด็นเข้าตา สุบรรณร้องจ๊าก
“โอ๊ย ตาผม ตาผม”
กอหญ้ากับครูวรรณาเข้ามารุมดู
“อย่าขยี้ค่ะ อย่าขยี้” กอหญ้าบอก
“ไปล้างตาก่อนค่ะ” อาจารย์บอกกับสุบรรณ “มาค่ะไปกับครู ทำไมต้องตำแรงขนาดนั้นก็ไม่รู้”
วรรณาพาสุบรรณเดินออกไป ยินเสียงสุบรรณเถียงอาจารย์แว่วๆ ห่างออกไป
“ผมไม่เคยทำกับข้าว ผมจะรู้ได้ยังไง โอ๊ย ตาผมจะบอดไหม โอ๊ย แสบ”
กอหญ้ายิ้มขำ แล้วหันไปก้มหน้าก้มตาใส่เครื่องปรุงน้ำพริก ลงในครกของตัวเองอย่างตั้งใจ พเยียเดินเข้ามาหยุดอยู่แค่ประตูครัว มองหน้ากอหญ้าหน้านิ่ง แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง อำมหิต กอหญ้าเงยหน้ามาเห็น รู้สึกสยอง แต่ฝืนยิ้มให้
“คุณพเยีย”
พเยียเดินเข้ามาช้าๆ นิ่งๆ ไม่พูดอะไร

นภดารานั่งพักอยู่ในห้องนั่งเล่นรู้สึกเหนื่อยใจ เลยไปเปิดลิ้นชักใส่ของจุกจิกที่ตู้ในห้อง เพื่อหาขวดยาบำรุงหัวใจประจำตัวของเธอ แม่ชื่นเข้ามา
“หาอะไรคะ คุณดารา”
“ยาบำรุงหัวใจของฉันน่ะจ้ะ”
แม่ชื่นมาช่วยหา ดูท่าทีนายหญิงแล้วบ่นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ทะเลาะกับคุณหนูพเยียอีกแล้วใช่ไหมคะ”
นภดาราถอนใจแก้ต่างแทนอยู่ดี “เด็กมีปมด้อยก็พูดยากอย่างนี้แหละจ้ะ แม่ชื่น” พูดพลางฝืนยิ้ม โทษตัวเองอีก “เราเป็นคนทำให้เขาเป็นอย่างนี้เอง เราก็ต้องรับผิดชอบ จริงไหม”
“หนูกอหญ้าก็เป็นเด็กกำพร้า ไม่เห็นเป็นเหมือนคุณหนูพเยีย”
นภดาราชะงัก “นั่นสิ ทำไมลูกสาวของฉันถึงไม่หัวอ่อน ว่าง่ายอย่างนั้นบ้างก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ แม่ชื่น”
นภดาราถอนใจ แม่ชื่นส่งขวดยาให้ มองอย่างสงสาร
“คุณนั่งพักเถอะค่ะ ดิฉันจะไปเอาน้ำมาให้”

กอหญ้ามองพเยียเดินเข้ามา ใจสั่นๆ กลัวจะมีเรื่อง พเยียเดินไปที่ครกที่ว่างอยู่ ของตัวเอง
กอหญ้าหลบตา หันไปก้มหน้าก้มตากลับไปหยิบเครื่องปรุงใส่ครก ทำน้ำพริกของตนต่อ
พเยียตามองกอหญ้านิ่ง มือเอื้อมหยิบถาดเครื่องปรุงมา มืออีกข้างกำสากหินแน่น มือพเยียขณะที่หยิบของเกร็งแน่น แววตากร้าว สีหน้าดุดัน บรรยากาศภายในครัวดูกดดัน เหมือนกับอันตรายกำลังจะปะทุ
จังหวะนั้นพเยียผลักถาดเครื่องปรุงตรงหน้าไปที่กอหญ้าอย่างแรง ถาดปลิวกระเด็นไปโดนของทางฝั่งกอหญ้า ตกลงไปที่พื้นครัวดังโครมคราม
กอหญ้าตกใจ หน้าเสีย รู้ว่าพเยียจงใจหาเรื่อง
“คุณ... คุณทำของตกหมดเลย”
“แกก็เก็บขึ้นมาสิ” พเยียสั่งอย่างวางอำนาจ
กอหญ้ามองอย่างไม่พอใจ แต่แววตาพเยียแข็งกร้าว กอหญ้าข่มใจคุกเข่าลงไปเก็บของที่พื้นครัว แม่ชื่นเดินเข้ามาที่ประตูครัวพอดี พร้อมกับที่เห็นพเยียผลักสากหินในมือออกไปสุดแรง สากหินกลิ้งไปที่ขอบโต๊ะ แล้วตกไปตรงจุดที่กอหญ้าก้มหน้าอยู่พอดี
กอหญ้าเงยหน้ามาเห็น ตกใจ รีบหลบ แต่ไม่ทัน สากตกลงมาโดนเข้าที่ขมับอย่างจัง
กอหญ้าร้อง “โอ๊ย”
แม่ชื่นเห็นเหตุการณ์ตลอดตกใจมาก “คุณหนู!”
พเยียตกใจที่มีคนเข้ามา แต่ฝืนทำนิ่ง
แม่ชื่นวิ่งปราดไปดูฝั่งกอหญ้า เห็นกอหญ้านอนแน่นิ่ง มีสากหินกลิ้งอยู่ข้างๆ ตัว
“ว๊าย หนู หนูกอหญ้า”
แม่ชื่นเข้าไปประคอง กอหญ้าตัวอ่อน ไม่มีสติ
นภดารา สุบรรณ และอาจารย์วรรณาได้ยินเสียงร้องของแม่ชื่น วิ่งเข้ามาในครัว พร้อมๆ กัน นภดาราถามเป็นคนแรก
“อะไรกันคะ แม่ชื่น”
สุบรรณเห็นกอหญ้าหมดสติ ตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับ กอหญ้าเป็นอะไร”
แม่ชื่นยังไม่ทันตอบ พเยียพูดขึ้นเสียงนิ่งๆ
“กอหญ้าหกล้มหัวฟาดพื้นค่ะ”
นภดาราสั่งเร็วรี่ “แม่ชื่น บอกให้เค้าเอารถออก ฉันจะพากอหญ้าไปโรงพยาบาล”
“ผมพาไปเองครับ”
สุบรรณเข้าไปประคองกอหญ้าออกไป มีอาจารย์วรรณาช่วย นภดารารีบเดินตามไปด้วยความเป็นห่วง แม่ชื่นหยุดมองหน้าพเยีย สีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะตามออกไป

อาจารย์วรรณากับสุบรรณประคองกอหญ้าเข้าไปนอนเอนที่เบาะหน้ารถ สุบรรณรีบไปประจำที่คนขับ นภดาราตามมาด้วยความเป็นห่วง ตัดสินใจ
“ฉันไปด้วยดีกว่า แม่ชื่นไปหยิบกระเป๋า”
สุบรรณรีบห้ามเพราะอิศรสั่งไว้ และกลัวนภดาราจะรู้เรื่องกอหญ้าความจำเสื่อม
“ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการเองได้”
แม่ชื่นรั้งนภดาราไว้ “ให้คุณสุบรรณเธอรีบไปดีกว่าค่ะ คุณ”
“ครับ หมอเค้าว่ายังไงแล้วผมจะรีบโทร.มาบอกคุณอา”
นภดาราได้สติ พยักหน้ารับ สุบรรณขึ้นประจำที่สตาร์ทรถ ขับออกไป นภดารามองตามอย่างห่วงใย
“ขออย่าให้เป็นอะไรมากเลยนะ หนูกอหญ้า” นภดาราใจเสีย หันมาพูดกับอจารย์วรรณา “ฉันขอตัวเค้ามาเรียนเป็นเพื่อนลูกสาว แต่กลับมาเจ็บตัวอย่างนี้ ไม่รู้ตาอิศรจะว่ายังไงบ้าง”
อาจารย์วรรณาปลอบ “อย่าคิดมากเลยค่ะ คุณดารา ถึงอยู่ในครัว อุบัติเหตุมันก็เกิดขึ้นได้”
“แต่บังเอิญว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุน่ะซีคะ คุณดารา”

แม่ชื่นพูดชัดเจน และมั่นใจ นภดารามองหน้าแม่ชื่น แปลกใจ
ไม่นานต่อมา พเยียนั่งเชิดหน้านิ่งอยู่ที่โซฟา ในห้องโถง ฝั่งตรงข้ามมีนภดารา นภาจรี นั่งอยู่ บรรยากาศเป็นการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น แม่ชื่นนั่งอยู่ที่เก้าอี้อีกด้าน ให้การเสียงดังฟังชัด

“ดิฉันเห็นกับตา ว่าคุณกอหญ้าไม่ได้ลื่นล้ม คุณหนูพเยียตั้งใจทำร้ายเธอ”
นภดาราถามเสียงอ่อนโยน “จริงหรือเปล่าลูก”
พเยียกอดอกนิ่ง เชิดหน้า ไม่ยอมตอบ นภาจรีพูดแทรกขึ้นมา
“จะถามทำไมให้มากความ ของอยู่บนโต๊ะ อยู่ดีๆ มันจะตกลงไปเองได้ด้วยหรือ นภดารา”
พเยียหันมองหน้าสู้สายตานภาจรีอย่างเกลียดชัง นภาจรีถลึงตาใส่
“พเยีย หนูบอกแม่มาตามตรง หนูจงใจทำร้ายกอหญ้าใช่ไหม”
“ถ้าพเยียบอกว่าไม่ได้ทำล่ะคะ” พเยียบอกเสียงเรียบ
แม่ชื่นท้วงทันที “แต่ดิฉันเห็น”
พเยียมองหน้านภดารา พูดท้าทาย
“คุณแม่จะเชื่อคำพูดของคนใช้ มากกว่าลูกสาวของตัวเองเหรอคะ”
แม่ชื่นอึ้ง นภดาราพูดด้วยความผิดหวัง เสียใจ ในความประพฤติของพเยีย
“แม่ชื่นเป็นคนเลี้ยงแม่มาตั้งแต่เล็ก เป็นผู้ใหญ่ที่ทุกคนในวังศิวาลัยเคารพนับถือ และที่สำคัญ แม่ชื่นไม่เคยพูดปด ตอบแม่มา หนูทำร้ายกอหญ้าเขาใช่ไหมลูก” นภดาราคาดคั้น เสียงเครือๆ ด้วยความเสียใจ “ใช่ไหม ใช่ไหม”
พเยียลุกพรวดขึ้นมา ระเบิดอารมณ์แรงตอบโต้
“ใช่! พเยียทำเอง พเยียอยากให้มันเจ็บ อยากให้มันตาย อยากให้มันหายไปจากโลกนี้ มันจะได้ไม่มาที่นี่อีก ไม่มาวุ่นวายกับชีวิตของพเยีย”
ทุกคนนิ่งอึ้งกับคำพูดรุนแรง เต็มไปด้วยโทสะนั้น นภดาราหน้าซีด ใจสั่น คาดไม่ถึง
“ทำไม” นภดารา น้ำตาคลอ ยิ่งเสียใจหนัก “ทำไมลูกแม่ถึงได้ใจคอโหดร้ายอย่างนี้ แม่บอกแล้วไง แม่ไม่มีทางรักเค้ามากกว่าหนู” เอามือทาบอกตัวเองสะเทือนใจ “นี่แม่นะลูก ทำไมพเยียคิดว่าแม่จะรักคนอื่นมากกว่าลูกของตัวเองได้”
พเยียมองนภดาราด้วยแววตาจริงจัง พูดเสียงหนักแน่น เย็นเยียบ เอาจริง
“ไม่รู้ล่ะค่ะ ถ้าคุณแม่เอามันมาที่นี่อีก พเยียจะทำอีก จะทำหนักกว่านี้ด้วย ไม่เชื่อคอยดู”
พูดจบพเยียกวาดตามองแม่ชื่นกับนภาจรีอย่างเกลียดชัง แล้วเดินออกไป นภดาราทรุดลงกับโซฟา หน้าซีดเผือด นภาจรีแทบกรี๊ด
“ดู ดูมันมองฉัน แม่ชื่นเห็นไหม นังเด็กนี่มันลูกเสือลูกตะเข้ชัดๆ”
“ทำคนเจ็บขนาดนี้ จะปล่อยให้ลอยนวยไปเฉยๆ เหรอคะ คุณดารา” แม่ชื่นชะงัก เห็นนภาดาราตัวอ่อนระทวย ท่าทางเหมือนใจจะขาด อาการกำเริบ “คุณดารา”
แม่ชื่นกับนภาจรีเข้าไปประคองนภดารา
นภาจรีลนลาน “ยา .. ยา แม่ชื่นเอายามา” รีบบีบนวดมือปลอบ เรียกสตินภดารา “ดารา หลานอาหายใจลึกๆ ทำใจดีๆ ไว้”
แม่ชื่นเอายากับน้ำมาให้ นภดารากินเข้าไป แล้วหอบหายใจถี่ คร่ำครวญเบาๆ
“ทำไม ทำไมลูกถึงได้เป็นคนอย่างนี้ ทำไม”
นภดาราน้ำตาไหลพราก นภาจรีมองดูหลานสาวด้วยความสงสาร นึกแค้นพเยีย

เวลาเดียวกันสุบรรณเดินกลับไปกลับมาที่หน้าห้องฉุกเฉิน สลับกับมองไปที่ทางเข้า
อิศรวิ่งเข้ามา สุบรรณรีบปราดเข้าไปรับหน้า
“คุณอิศรครับ”
อิศรมีท่าทีร้อนรนใจ “กอหญ้าล่ะ”
“อยู่ในห้องฉุกเฉินยังไม่ออกมาเลยครับ”
ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก หมอวิชาญเดินออกมา อิศรพุ่งเข้าไปหา สุบรรณรีบตามไปด้วย
“เฮ้ย หมอ กอหญ้าเป็นยังไงบ้าง”
“เอ็กซเรย์ดูแล้ว กระโหลกไม่ร้าว แค่ศีรษะบวมช้ำ แต่คงต้องขอให้อยู่ก่อน ฉันอยากตรวจอะไรเพิ่มเติมอีกหน่อย” หมอวิชาญว่า
อิศรฉงน “ทำไม มีอะไรหรือเปล่า”
“กอหญ้ามีอาการปวดหัวรุนแรงมาก ตอนนี้ฉันให้ยาระงับปวดไปแล้วแต่อยากจะตรวจให้ละเอียดหน่อย กลัวว่า...”
อิศรยิ่งห่วง “กลัวอะไร”
“กลัวว่าอาการปวดหัวที่ว่า มันจะไม่ได้เกิดเพราะอุบัติเหตุวันนี้ แต่เกิดจากสาเหตุอื่นน่ะซี”
อิศรกับสุบรรณอึ้งไป เป็นห่วงกอหญ้ามาก

กอหญ้านอนนิ่งอยู่บนเตียง อิศรเปิดประตูเข้ามายืนที่ข้างเตียง มองอย่างสงสารปนอ่อนใจ
“ยัยโก๊ะเอ๊ย ทำไมดูแลตัวเองไม่ได้เลย ไปไหนก็มีเรื่องเจ็บตัวตลอด”
อิศรเขี่ยแก้มกอหญ้าเบาๆ แววตาอ่อนโยน
“ทีนี้รู้แล้วใช่ไหม ว่าทำไม ฉันถึงต้องคอยดูแลเธอ”
อิศรมองสาวน้อยที่ตรงหน้า รู้สึกว่าตัวเองมีหน้าที่จะต้องปกป้องคุ้มครองเธอ

เย็นนั้นชิษณุพงษ์เดินมาที่ห้องโถง เห็นสาวใช้กำลังขนของเข้ามาในบ้าน ซึ่งเป็นของที่ระลึกประเภทงานหัตถกรรมพื้นเมืองจากเชียงใหม่
“นั่นขนอะไรมากันมากมาย”
“ของฝากพวกลูกค้าฝรั่งนะค่ะ คุณชิษณุ เจ้าให้รถขนลงมาจากเชียงใหม่ก่อน แล้วจะบินตามลงมาพรุ่งนี้เช้า”
“มีคนลงมาจากเชียงใหม่เหรอ” ชิษณุพงษ์ดีใจ “ลุงเติม”
ชิษณุพงษ์รีบเดินออกไปทางห้องพักลุงเติม สาวใช้เอ้ออ้าเหมือนจะห้าม แต่ชิษณุพงษ์ไม่ได้สนใจ คนขับรถหอบกล่องใส่ของตามเข้ามา สวนกับชิษณุพงษ์ที่ผลุนผลันออกไป
“นั่นคุณชิษณุจะรีบไปไหน”
สาวใช้ทำเสียงงงๆ “ไปหาลุงเติม”

คนรถทำหน้าเหวอ งงกว่า “อ้าว ได้ยังไง”
ชิษณุพงษ์ท่าทางลิงโลดดีใจมาก เดินเข้าไปในห้องลุงเติมอย่างสนิทสนม พลางร้องเรียกเสียงสดใส

“ลุงเติม ลุงเติม”
ชิษณุพงษ์มองทั่วห้องไม่มีใคร เห็นมีกระเป๋าเดินทางใบเล็กวางอยู่ที่พื้น แต่มีเสียงน้ำไหลจากฝักบัวอยู่ในห้องน้ำ
ชิษณุพงษ์ยิ้ม แล้วเดินไปทุบประตู พูดล้อๆ
“อาบน้ำอยู่เหรอลุง จวนเสร็จหรือยัง” เสียงน้ำหยุดไหล “เสร็จแล้วก็ออกมาเร็วเข้า ฉันร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว”
ชิษณุพงษ์เดินไปนั่งรอที่เตียง ประตูห้องน้ำยังไม่เปิดออกมา ไม่มีเสียงใดๆ ชิษณุพงษ์แปลกใจลองเรียกดู
“ลุงเติมครับ” ไม่มีเสียงตอบ ชิษณุพงษ์ร้อนใจ “ลุงเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเงียบๆ” พลางทุบประตู “ลุง เป็นลมหรือเปล่า ลุง”
ประตูค่อยๆ แง้มออกมา เห็นดวงหน้าสดใสที่มีหยดน้ำเกาะพราวของเด็กสาวคนหนึ่งโผล่ออกมาอย่างหวาดๆ
ชิษณุพงษ์ตาค้าง ตกใจ “เธอ”
ที่แท้เป็น แตง เด็กสาวตัวช่วยที่ลุงเติมส่งมาช่วยชิษณุพงษ์
แตงเป็นเด็กบ้านนอก พูดจาง่ายๆ ซื่อๆ พูดทอดเสียงเรียบร้อย มีมารยาท แต่ไม่พูดคะขา
แตงยิ้มแหย “หวัดดีจ้ะ คุณ”
พูดยังไม่ทันจบ ชิษณุพงษ์สวนขึ้นมา
“เธอเป็นใคร มาจากไหน แล้วเข้ามาในห้องลุงเติมได้ยังไง ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
ชิษณุพงษ์พูดพลางกระชากประตูจะเปิด แตงยื้อเอาไว้สุดแรง
“อย่านะ อย่า อย่า”
ประตูเปิดออก ผลัวะ เพราะแตงสู้แรงไม่ไหว ชิษณุพงษ์อึ้ง เห็นแตงนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว รีบหันหลังให้ แตงหดไปอยู่หลังประตูทันที
“แต่งตัวซะ แล้วออกไปคุยกับฉันข้างนอก”
ชิษณุพงษ์เดินออกไป แตงเป่าปากหวือ เกือบไป

แตงนั่งเรียบร้อยยืนอยู่ตรงหน้าชิษณุพงษ์ ยิ้มประจบ
“แตงเป็นลูกพ่อตั๋น เป็นหลานลุงเติมไง คุณณุ”
ชิษณุพงษ์มองแตงหัวจรดเท้า พยายามนึก
“แตงเคยอยู่ที่คุ้มตอนเด็กๆ ก่อนที่คุณณุจะลงมาเรียนกรุงเทพฯ ไง”
“อ๋อ ยัยแตงที่เป็นอีสุกอีใส” ชิษณุพงษ์นึกออก แตงค้อน “แล้วเธอหายไปไหน ทำไมฉันกลับบ้านตอนปิดเทอมไม่เห็นเคยเจอเธอ”
“พ่อเค้าแต่งงานใหม่ แล้วพาแตงไปอยู่แม่ฮ่องสอน ตอนนี้พ่อตายแล้วแตงไม่อยากอยู่กับแม่ใหม่ เลยกลับไปหาลุงเติมที่คุ้ม” แตงหยิบซองจดหมายออกมาจากกระเป๋า “ลุงเติมเลยฝากให้แตงเอานี่มาให้คุณ”
ชิษณุพงษ์รับมา เปิดซองดู ข้างในเป็นรูปถ่ายเก่าๆ เป็นรูปถ่ายในงานวันคริสต์มาสของโบสถ์ปีก่อน มีคุณแม่ยุพาอยู่ในรูปด้วย พเยียยืนร้องเพลงอยู่ในแถวนักร้องประสานเสียงของโบสถ์
ชิษณุพงษ์ดีใจ “พเยีย แล้วกอหญ้าล่ะ”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 4/3 วันที่ 19 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th