อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 4/2 วันที่ 18 ก.พ. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 4/2 วันที่ 18 ก.พ. 56

ชิษณุพงษ์พูดจบก็ยกมือไหว้ลา แล้วผลุนผลันออกไป นภาจรีรีบตาม
“เดี๋ยว ชิษณุ รอย่าก่อน”
นภาจรีตามไป นภดารามองตามอย่างไม่เข้าใจ
พเยียมองตาม แววตาวาววับร้ายกาจ


อิศรรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วโมโห
“นี่มันบุกไปถึงวังศิวาลัยเลยเหรอ” ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ “คิดไม่ถึงว่าคุณอาดาราจะปล่อยให้มันทำร้ายเธอได้”
“เค้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายหรอกค่ะ เค้าโกรธจนลืมตัวมากกว่า”



“ยังจะมีหน้ามาแก้ตัวแทนมันอีก”
“จริงๆ นะคะ ท่าทางเค้าโกรธแล้วก็เสียใจมาก ที่ฉันบอกว่าฉันไม่รู้จักพเยีย ไม่รู้จักเค้า .. ฉันลำบากใจจังเลยค่ะคุณอิศร ฉันบอกใครๆ ไม่ได้เหรอคะ ว่าฉันความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้”
“ไม่! อย่าพูด อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาด”
“ทำไมล่ะคะ ฉันอึดอัดใจจะตายอยู่แล้ว”
“เพราะฉันชักสงสัยขึ้นมาแล้วน่ะซี ในเมื่อนายชิษณุพงษ์ยืนยันว่าเคยรู้จักกับเธอและพเยียมาก่อน ทำไมพเยียยืนยันว่าไม่เคยรู้จักเธอ เค้าโกหกทำไม"

ฟังที่อิศรตั้งข้อสังเกต กอหญ้าครุ่นคิดตาม นึกสงสัยเหมือนกัน
ภายในห้องทำงานของประมุขแห่งวังศิวาลัยค่ำคืนนั้น นภัสรพีพูดอยู่กับนภาจรี น้ำเสียงเคร่งขรึม

“พเยียโกหกไม่ใช่เรื่องแปลก เค้าก็เคยโกหกเรามาแล้ว เรื่องแหวน”
นภดาราอยู่ให้ห้องด้วย หน้าตาไม่พอใจกับคำพูดที่ได้ยิน ปกป้องเด็กสาวที่คิดว่าเป็นลูกในไส้ทันที
“ค่ะ แต่ตอนนั้นลูกพเยียกลัวว่าเราจะโกรธว่าแกเอาแหวนไปขาย แกก็เลยโกหกไป แต่เรื่องที่แกรู้จักกับหนูกอหญ้า ไม่ใช่ความผิด ทำไมแกจะต้องโกหกด้วย”

“อาถึงได้สงสัยไง ดารา อาว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล”
นภัสรพีแย้ง “แต่หนูกอหญ้าดูไม่ใช่คนที่ชอบโกหก แล้วก็จริงอย่างที่ดาราว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรเลย ถ้ากอหญ้าคนนี้ คือกอหญ้าที่หายตัวไปในคืนนั้น ทำไมเค้าต้องโกหกเรา มันมีเหตุผลอะไร”
นภัสรพีนิ่งคิด สงสัยอย่างมาก
“พี่ชายคะ” นภาจรีจะออกความเห็นนภัสรพียกมือห้าม ไม่ให้พูด
“เราคงต้องจับตาดูเด็กทั้งสองคนอย่างใกล้ชิด ถ้าเค้าสองคนโกหก ไม่นาน ก็ต้องถูกเราจับได้” คุณชายหันมาทางนภดารา “จริงไหม นภดารา”
นภัสรพีมองจ้องนิ่งๆ นภดาราอึ้ง เมื่อรู้ว่าตนต้องเป็นคนทำหน้าที่นั้น

ด้านพเยียอยู่บนเตียง กอดหมอนนอนครุ่นคิดอย่างกลัดกลุ้ม
“มีนังกอหญ้าอยู่ข้างบ้านยังไม่พอ ยังมีไอ้ชิษณุพงษ์เข้ามาวุ่นวายไหนจะนังนภาจรีอีก แก่ไม่อยู่ส่วนแก่ มันน่านัก”
เสียงนภดาราดังขึ้นจากหน้าประตูห้อง
“พเยีย หลับหรือยังลูก”
ภายในห้องพเยียถอนใจอย่างเบื่อหน่าย บ่นพึมพำ
“นี่ก็อีกคน ร้องหาทั้งวัน เบื่อจะอ้วกอยู่แล้ว” แต่ร้องตอบเสียงหวาน “ขา...คุณแม่”
นภดาราเข้ามา
พเยียลุกขึ้นนั่ง “มีอะไรคะ”
นภดาราเข้ามานั่งลงข้างพเยีย ลูบผมมองพเยียอย่างใช้ความคิด
“มีอะไรคะ คุณแม่”
“ตอนที่หนูอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พเยียเหงาไหมลูก”
พเยียตอบอย่างระวังตัว “ค่ะ ก็เหงา”
“แล้วตอนนี้ล่ะ”
พเยียกอดประจบ “พเยียมีคุณแม่แล้ว พเยียไม่เหงา ไม่เศร้า ไม่กลัวอะไรอีกแล้วค่ะ”
“หนูโชคดี ที่เจอแม่ แต่เด็กกำพร้าคนอื่น เค้าไม่โชคดีเหมือนหนู อย่างหนูกอหญ้า”
พเยียเสียงแข็ง “กอหญ้าทำไมคะ”
“เค้าก็เป็นเด็กกำพร้าเหมือนกันนะลูก แม่สงสารเค้า แม่อยากช่วยเค้า”
พเยียระแวง “ช่วยยังไงคะ”
“แม่ปรึกษาคุณตาคุณยายแล้ว ท่านก็เห็นดีด้วย ถ้าหากแม่จะอุปการะกอหญ้า”
พเยียตกใจลืมตัว ลุกพรวด
“จะอุปการะนังกอหญ้า! จะเอามันมาเลี้ยงเป็นลูกงั้นเหรอ”
นภดาราลุกขึ้นปลอบ “ก็แค่เอามาเลี้ยงดูส่งเสียเท่านั้น ไม่ได้จริงจังอะไรไม่ดีเหรอจ้ะ พเยียจะได้มีเพื่อนไง”
“ไม่! พเยียไม่ต้องการเพื่อน พเยียเป็นลูกคนเดียวของคุณแม่ พเยียไม่ให้ใครมาแย่งคุณแม่ไป”
พเยียเข้ากอดนภดาราอย่างเด็กหวงของ นภดารายิ้ม
“โถ ลูก ที่แท้ก็หวงแม่” นภดาราลูบหัวพเยียอย่างแสนรัก “ไม่ต้องกลัวหรอกจ้ะยังไงแม่ก็เป็นแม่ของพเยีย คนอื่นจะมาแย่งแม่ไปจากลูกได้ยังไง”
พเยียฟังแล้วอึ้ง กระแทกใจอย่างจัง
“พเยียกลัวมันมาทำดีประจบแม่ กลัวแม่รักมันมากกว่าพเยีย”
“จะเป็นไปได้ยังไงคะ” นภดาราประคองหน้าพเยีย มองตา พูดอย่างจริงจัง “แม่ที่ไหน จะรักคนอื่น มากกว่าลูกในไส้ ที่เป็นสายเลือดของตัวเอง จริงไหม”
นภดารายิ้ม ดึงพเยียเข้ามากอด
พเยียนิ่งอึ้ง แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและระแวง

เช้าวันต่อมาชิษณุพงษ์เดินลงมาจากชั้นบน ร้องเรียกหาลุงเติม
“ลุงเติมครับ ลุงเติม”
เจ้ามลุลีเดินมาหาพร้อมเจ้าแสงโชติ
“เรียกหาลุงเติมทำไมลูก”
“ผมมีธุระจะออกไปข้างนอกครับ จะให้ลุงเติมขับรถให้”
“ธุระเรื่องเด็กที่ชื่อกอหญ้าใช่ไหม” เจ้ามลุลีเอ่ยขึ้นเสียงขุ่น ชิษณุพงษ์อึ้ง “แม่ว่าลูกวุ่นวายกับเรื่องนี้มากเกินไปแล้วนะ แทนที่จะพักผ่อนตามที่หมอสั่ง กลับออกไปนั่งรถตะลอนๆ ตามหาคน ถ้าเกิดมันกระทบกระเทือน สายตาเป็นอะไรขึ้นมาอีก แล้วจะทำยังไง”
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ก็มีลุงเติมคอยดูแลอยู่ทั้งคน” ชิษณุพงษ์ออกไปร้องเรียกอีก “ลุงเติมๆ”
ลุงเติมเดินเข้ามา
“ครับ คุณชิษณุ”
ชิษณุพงษ์สั่ง “เอารถออก ฉันจะไปวังศิวาลัย”
ลุงเติมไม่ทันตอบ เจ้าแสงโชติก็พูดขึ้น
“ไม่ได้หรอก ชิษณุ ลุงเติมเค้าต้องกลับไปเชียงใหม่วันนี้แล้ว ไปจัดการธุระให้พ่อ”
ชิษณุพงษ์ขัดใจ เจ้าแสงโชติพูดสำทับ
“จากนี้ไป ลูกต้องพักผ่อนอยู่ที่บ้าน แล้วถ้าผลการตรวจร่างกายออกมาว่าเรียบร้อยดี ก็เตรียมตัวกลับไปเรียนต่อได้”
“อะไรนะครับ”
“แม่ปรึกษากับเจ้าพ่อแล้ว อีกสามเดือน แม่กับเจ้าพ่อจะต้องเอาผ้าไหมของเราไปโชว์ที่อเมริกา แม่คิดว่าเราจะให้ลูกบินกลับไปพร้อมๆ กันเลย” เจ้ามลุลีบอก

ชิษณุพงษ์อึ้งไป
ไม่นานต่อมาชิษณุพงษ์เดินมาส่งลุงเติมขึ้นรถตู้ หน้าตาฮึดฮัดขัดใจเป็นอย่างมาก

“ฉันเหลือเวลาอีกแค่สามเดือนเท่านั้น ลุงเติมต้องช่วยฉันเรื่องกอหญ้า”
“จะให้ลุงช่วยยังไง ว่ามาเลยครับ” เติมบอก
“ลุงต้องช่วยฉัน ไปหาหลักฐาน รูปถ่าย หรือพยานบุคคลก็ได้ ที่สามารถยืนยันได้ว่ากอหญ้าคนนี้ คือกอหญ้าคนเดียวกันกับที่เชียงใหม่”
“ผมก็ยืนยันนั่งยันแล้ว แต่หนูคนนั้นเค้าก็บอกว่าไม่รู้จักเรา”
“ถ้าเรามีรูปถ่ายหรือหลักฐานที่ยืนยันได้ ว่าเค้าเคยเป็นเพื่อนกับพเยีย เค้าก็ปฏิเสธไม่ได้”
“ครับ ผมจะพยายาม คุณชิษณุอยู่ทางนี้ระวังตัวนะครับ อย่าทำอะไรผลีผลาม ผมจะรีบส่งตัวช่วยมาให้”
ชิษณุพงษ์พยักหน้ารับ ไม่ได้ติดใจว่าตัวช่วยที่ลุงเติมว่าคืออะไร

อิศรเดินมากับกอหญ้าที่หน้าบ้าน กอหญ้าแต่งตัวเรียบร้อย
“ฉันไม่อยากให้เธอไปเลย”
“ฉันรับปากคุณอาดาราไปแล้วนี่คะ”
อิศรประชด “อยากไปเจอไอ้หมอนั่นอีกล่ะซี”
กอหญ้าอมยิ้ม แกล้งล้อ “ค่ะ”
อิศรหึงซะงั้น “นี่นัดจะไปเจอมันใช่ไหม ไม่กลัวหรือไง ถ้ามันเป็นฆาตกรโรคจิตจะทำยังไง”
กอหญ้าเลิกพูดเล่น หันมาพูดจริงจัง “ไม่กลัวหรอกค่ะ ต่อให้เค้าเป็นฆาตกรโรคจิต ถ้าเค้ารู้ว่าฉันเป็นใคร ฉันก็พร้อมจะคุยกับเค้า ไม่อยากอยู่แบบคนสมองกลวงแบบนี้”
อิศรกุมมือกอหญ้าอย่างอาทร “เธอไม่มีความสุขเหรอ”
กอหญ้ายิ้มเศร้า รับรู้ความห่วงใยของอิศร
“ฉันอยากรู้น่ะค่ะ ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงมีคนอยากจะฆ่าฉัน”
อิศรแย้งอย่างอ่อนโยน “ซักวันเธอก็จะจำได้เอง แต่ตอนนี้ เธอยังจำอะไรไม่ได้ ฉันขอร้องได้ไหม อย่าเสี่ยงไว้ใจใครเลย ฉันเป็นห่วงเธอนะกอหญ้า”
ถ้อยคำน้ำเสียงของอิศรที่แสนจริงจัง ทำให้กอหญ้าซาบซึ้งใจ อิศรดึงกอหญ้ามากอดอย่างอ่อนโยน ปกป้อง

สกุณาในชุดอยู่กับบ้านกรุยกรายยืนจิบกาแฟอยู่ที่หน้าต่างตรงมุมหนึ่งในบ้าน มองอิศรกับกอหญ้ากอดกัน ส่ายหัวอย่างหนักใจ
ส่วนด้านหลัง เห็นอรรถแต่งตัวจะไปทำงาน นั่งกินอาหารเช้า มีนุชกับนันรินกาแฟ ยกอาหารให้ เห็นท่าทีของสกุณา แปลกใจ
“มีอะไร สกุณา”
สกุณาเดินกลับมาที่โต๊ะ พูดเป็นเชิงปรารภ
“ลูกชายของคุณน่ะซีคะ ท่าทางจะจริงจังกับยายเด็กที่ชื่อกอหญ้านี่เหลือเกิน”
“ก็ช่างหัวมันปะไร” อรรถไม่สนใจ
“ลูกชายของคุณจะมีลูกสะใภ้เป็นเด็กกำพร้า ที่มาจากข้างถนน คุณไม่เดือดร้อนเลยหรือไง” สกุณาของขึ้น
“ถ้าเจ้าอิศรมันจะใฝ่ต่ำ ฉันจะไปห้ามอะไรได้” อรรถวางแก้วกาแฟลง “อย่าไปสนใจมันเลยคุณ”
อรรถอ่านหนังสือพิมพ์ ไม่สนใจ
สกุณาหันไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง เห็นอิศรจูงมือกอหญ้าไปส่งที่รถตู้ของวังศิวาลัย ลากันอย่างหวานชื่น
“ฉันจะไม่สนใจได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นเจ้าของทุกอย่างในบ้านนี้...” สกุณาคิดแค้นอยู่ในใจตาวาววับ หันมามองอรรถที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ “ถ้าไอ้อิศรมันบังเอิญเป็นอะไรไป สมบัติก็จะกลับมาเป็นของคุณ ที่เป็นพ่อ แต่ถ้ามันดันแต่งงาน ไปซะก่อน” หันไปมองอีกที เห็นกอหญ้าโผล่หน้าต่างรถ โบกมือลาอิศรอย่างแจ่มใส “สมบัติของมัน ก็จะตกเป็นของนังกอหญ้า แล้วฉันจะไม่สนใจได้ยังไง”
สกุณาบีบแก้วกาแฟแน่น แววตาวาววับดูร้ายกาจ

รถตู้ของวังศิวาลัยเข้ามาจอดที่ถนนด้านหน้าตึก กอหญ้าลงมาจากรถนภดาราที่ยืนรออยู่ เดินออกไปรับด้วยตัวเอง
“หนูกอหญ้า”
“คุณอาดารา”
กอหญ้าไหว้ นภดาราดึงเข้ามากอด
“ฉันนึกว่าหนูจะไม่มาซะแล้ว”
“หนูรับปากแล้ว จะไม่มาได้ยังไงคะ” กอหญ้าว่า
“น่ารักจริง”
นภดาราดึงมากอดอีกที กอหญ้ากอดตอบ
พเยียอยู่ในบ้านยืนมองกอหญ้ากับนภดารากอดกัน แล้วจูงมือกันเดินเข้ามา พเยียหน้าเครียด
“ที่นี่เป็นของฉันแล้ว มันเป็นของฉันคนเดียว แกจะกลับมาวุ่นวายอีกไม่ได้”

พเยียคิดแค้นอยู่ในใจ ขณะมองกอหญ้าด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย
ไม่นานนัก นภดาราเดินนำกอหญ้าเข้ามาในบริเวณครัวขนาดใหญ่ กว้างขวาง มีส่วนเตรียมอาหารแยกออกมา

ที่โต๊ะกลางห้อง มีผักหลายชนิดแกะสลักไว้สวยงามวางอยู่บนพานกระเบื้องใบเล็ก ถัดออกมายังมีผักอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้สลักวางอยู่ในถาดใบใหญ่
“วันนี้อาจารย์วรรณาจะสอนทำน้ำพริกไข่ปู ฉันเลยทำผักจิ้มเตรียมไว้”
กอหญ้าเดินเข้าไปพิจารณาดูผักที่สลักเอาไว้ ท่าทางชื่นชม
“สวยจังเลยค่ะ นี่คุณทำเหรอคะ”
นภดาราเยื้อนยิ้ม “จ้ะ อยากทำเป็นไหม ฉันจะสอนให้”
กอหญ้ายิ้มแย้มดีใจ

ที่มุมนั่งเล่นสบายๆ ด้านนอก นภดาราเอาผักบางส่วนออกมาสอนกอหญ้า กอหญ้านั่งข้างๆ นภดารา มีมีดแกะสลักกับหัวขมิ้นขาวในมือ มองนภดาราสลักเป็นตัวอย่าง
“ครั้งแรกกดมีดลงไปตรงๆก่อน ครั้งต่อไปค่อยตะแคงมีดนิดนึงจะได้เป็นร่องสวย” นภดาราอธิบาย ไปด้วย กอหญ้าทำตาม “ลึกอีกนิดนึงจ้ะ”
กอหญ้ากะน้ำหนักมือไม่ถูก กดมีดลงไปอย่างแรง มีดไถลไปบาดนิ้วมือที่จับขมิ้น เลือดซึมออกมานิดๆ
“อุ๊ย”
กอหญ้าวางขมิ้นกับมีดลง กดปลายนิ้วห้ามเลือดไว้
นภดาราตกอกตกใจ “ตายจริง ขอฉันดูแผลหน่อยจ้ะ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ แผลนิดเดียวเอง”
“ถึงนิดเดียวก็ต้องใส่ยา มา ฉันทำให้”
ไม่นานนักนภดาราใส่ยาให้ที่ปลายนิ้วกอหญ้า พลางพูดปลอบโยน
“แสบนิดนึงนะจ๊ะ”
นภดาราใส่ยาเสร็จ ก็พันพลาสเตอร์ยาให้อย่างอ่อนโยน กอหญ้ารับรู้ได้ถึงความอาทรนั้น นภดาราทำไป คุยไป ท่าทีมีความสุข เหมือนแม่ดูแลเอาใจใส่ลูกอย่างไรอย่างนั้น
“ตอนฉันเด็กๆ เริ่มหัดแกะสลักก็เป็นอย่างนี้แหละ คุณแม่ต้องทำแผลให้ทุกวัน...อ้ะ เสร็จแล้วจ้ะ” พลางเป่าแผลให้ “เพี้ยง หาย”
กอหญ้าน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความตื้นตัน พูดไม่ออก นภดาราเงยหน้าขึ้นมามองเห็นกอหญ้า น้ำตาคลอหน่วย ก็แปลกใจ
“หนูร้องไห้ เจ็บแผลเหรอจ๊ะ”
“เปล่าค่ะ หนู...” กอหญ้ามองนภดาราอย่างเต็มตื้นซาบซึ้งใจ “หนูเพิ่งรู้ว่าคนที่มีแม่ทำแผลให้ มันรู้สึกดียังไง”
“โถ หนูกอหญ้า”
นภดาราดึงกอหญ้ามากอดปลอบใจ กอหญ้ากอดตอบ
พเยียยืนอยู่ด้านนอก ตรงมุมที่ห่างออกไป มองเห็นสองแม่ลูกโอบกอดกัน สายตาพเยียที่มองกอหญ้าเต็มไปด้วยความหวาดระแวงและเกลียดชัง ก่อนจะหันหลังเดินออกไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง

พเยียเดินเข้ามาในครัว เห็นอุปกรณ์ทำอาหารวางเตรียมพร้อม พเยียคว้ามีดปลายแหลมมากำแน่น แทงกระหน่ำลงไปบนผักต่างๆ ในถาดใบใหญ่เป็นการระบายอารมณ์
“ฉันจะทำยังไงกับแกดี จะทำยังไงดี”
พเยียแทงมีดฉึ่กๆๆ ปักลงบนฟักทองเกือบมิดด้าม แววตาร้ายกาจและน่ากลัว

ไม่นานนักกอหญ้ากับพเยียยืนฟังอาจารย์วรรณาอธิบาย บนโต๊ะเตรียมอาหารในครัว มีครกหิน และเครื่องปรุง 3 ชุด อยู่ตรงหน้า 3 คน อย่างละชุด กอหญ้าตั้งใจฟัง ส่วนพเยียหน้านิ่ง เย็นชา
“การทำน้ำพริกไข่ปูนี่ไม่ยากเลยค่ะ สำคัญที่ตอนปรุงรสว่าใครจะปรุงได้กลมกล่อมกว่ากัน ... ตอนนี้เราเตรียมเครื่องปรุงเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือเตรียมเนื้อกับไข่ปูค่ะ... หนูพเยียกับหนูกอหญ้าลงมือแกะปูได้เลย” อาจารย์วรรณาอธิบาย
พเยียกับกอหญ้าต่างหยิบจานที่ใส่ปูทะเลต้มสุกเอาไว้ เตรียมแกะปู นภดารามองดูเด็กสาวทั้งสอง พอแลเห็นพลาสเตอร์ที่มือกอหญ้าแล้วนึกอะไรได้ รีบเดินเข้าไปหา
“มือหนูเป็นแผล ฉันแกะปูให้ดีกว่าจ้ะ หนูรอปรุงก็พอ”
พเยียได้ยินนภดาราพูด ก็กระแทกจานปูในมืออย่างแรง
กอหญ้า นภดารา และอาจารย์วรรณาสะดุ้ง ทุกคนหันมามองพเยียอย่างตกใจ พเยียไม่สนมองกอหญ้ากับนภดาราอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเดินสะบัดออกไปจากห้อง
“พเยีย”
นภดาราตามออกไป

พเยียเดินกลับขึ้นชั้นบนด้วยความโกรธ นภดาราเดินตามมาทันตรงทางเดินหน้าห้อง
“พเยีย เป็นอะไรลูก”
“พเยียเกลียดมัน พเยียไม่อยากเห็นหน้ามัน”
“ทำไม หนูกอหญ้าเขาไปทำอะไรให้”
พเยียสะบัดหน้าหนี ไม่มีคำตอบ นภดารามองอย่างคาดคั้น
“ไหนว่าไม่เคยรู้จักกัน คนไม่รู้จักกัน เพิ่งเจอหน้ากัน จะมาเกลียดชังอะไรกันนักหนา”
พเยียอึ้งไป นึกหาเหตุผล
“พเยียเกลียดมัน เพราะ...เพราะมันจะแย่งคุณแม่ไปจากพเยีย”
“เหลวไหล” นภดาราว่า
“ก็เห็นๆ กันอยู่ มันทำออดอ้อนให้คุณแม่สงสาร คุณแม่ก็รักมัน หลงมัน คอยโอ๋แต่มัน มันมาได้แค่สองวัน คุณแม่ยังหลงมันขนาดนี้ อีกหน่อยก็คงจะถีบหัวพเยียส่ง”
“พาลใหญ่แล้วนะ พเยีย แม่จะทำอย่างนั้นกับลูกได้ยังไง”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 4/2 วันที่ 18 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th