อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 6/2 วันที่ 23 ก.พ. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 6/2 วันที่ 23 ก.พ. 56

ชิษณุพงษ์บอกจริงจัง “ผมเอารูปนี้มายืนยัน ว่ากอหญ้าเป็นเพื่อนผมจริงๆ ครับ”
“ถ้ากอหญ้าเป็นเพื่อนพเยีย อุบัติเหตุที่ทำให้แกความจำเสื่อม ก็น่าจะเป็นอุบัติเหตุรถคว่ำในคืนนั้นนั่นเอง”
นภาจรีแขวะ “แม่พเยียโกหกคำโต อยากรู้นัก จะแก้ตัวว่ายังไง”
นภัสรพีถอนใจสีหน้าหนักใจ “ดารา ไปตามเด็กสองคนนั้นมาหาพ่อที”

ครู่ต่อมานภดาราเดินนำ พเยียกับกอหญ้าเดินตาม ทั้งสองต่างมีอาการตื่นเต้น ไม่รู้ว่าจะได้เจอกับอะไร โดยเฉพาะพเยียที่หน้าเครียดเคร่ง
นภัสรพีบอก “นั่งลงสิ ทั้งสองคน”



พเยียกับกอหญ้านั่งลงอย่างเรียบร้อย นภัสรพีวางรูปถ่ายลงบนโต๊ะ
นภัสรพีพูดกับกอหญ้า “ชิษณุพงษ์เค้าเอารูปมาให้ดู ...รูปของเธอสองคน”
พเยียกับกอหญ้าร้องขึ้นพร้อมกัน
พเยียตกใจ “อะไรนะ”
ขณะที่กอหญ้าดีใจ “รูปของหนูเหรอคะ”
ทั้งสองสาวเอื้อมมือคว้าพร้อมกันโดยไม่ตั้งใจ แต่กอหญ้าหยิบไปได้ก่อน ดูอย่างตื่นเต้น
“ต้องเป็นหนูแน่ๆ รูปหนูจริงๆ ด้วย” กอหญ้าหันมาถามชิษณุพงษ์ “ที่นี่ที่ไหนคะ”
“โบสถ์ที่เชียงใหม่ เธอกับคุณพเยียเคยอยู่ที่นั่นมาด้วยกัน” ชิษณุพงษ์ว่า
กอหญ้าหันไปมองหน้าพเยีย
“ฉันนึกอยู่แล้ว ว่าคุณต้องรู้จักฉันมาก่อน” กอหญ้าบอก
นภดาราถามทันที “แต่ทำไมพเยียต้องทำเป็นไม่รู้จักกอหญ้าด้วย”
พเยียนั่งนิ่ง สมองพยายามคิดหาทางเอาตัวรอด
นภาจรีเสริม “ไม่ใช่แค่ทำเป็นไม่รู้จัก แต่เธอยังโกหกตำรวจ ว่ากอหญ้าขอลงไปทำธุระข้างทาง ทั้งๆ ที่เขาอยู่ในรถกับเธอตลอดเวลา จนกระทั่งรถคว่ำ”
กอหญ้ามองหน้าพเยียอย่างแปลกใจ เพิ่งรู้เรื่องพเยียโกหกตำรวจ ชิษณุพงษ์มองเยาะ ยิ้มหยัน เพราะรู้อยู่แล้ว
นภดาราคาดคั้น “ทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วยลูก”
นภัสรพีถามคาดคั้นเสียงดัง “เธอมีอะไรปกปิดพวกเราอยู่หรือเปล่า พเยีย บอกมา”
พเยียยังนิ่ง เครียดแทบหัวจะระเบิด คิดหาทางออกให้ตัวเอง
นภดาราต่อว่าอย่างผิดหวัง เสียใจ
“พเยีย ตอบแม่มา นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะลูก หนูทิ้งกอหญ้าเอาไว้ที่นั่น ถ้าคุณอิศรไม่ไปเจอเข้า กอหญ้าคงตายไปแล้ว หรือถ้าหากคนที่ไปเจอไม่ใช่คุณอิศร แต่เป็นคนร้าย ป่านนี้กอหญ้าจะเป็นยังไง”
“เป็นเพื่อนกัน โตขึ้นมาด้วยกันแท้ๆ ทำไมเธอถึงทิ้งเพื่อนได้ลงคอ” นภัสรพีต่อว่า
นภดาราเสียใจมาก “แม่นึกไม่ถึง ว่าลูกของแม่จะเป็นคนใจร้ายอย่างนี้ ลูกมีเหตุผลอะไร พเยีย”
กอหญ้าฟังอยู่นาน ตัดสินใจถาม “ฉันเคยทำอะไรคุณเหรอคะ คุณพเยีย คุณถึงได้เกลียดฉันขนาดนั้น”
นภาจรีมองพเยียอย่างจับผิด “หรือว่าเธออยากให้กอหญ้าตาย ทำไม”
นภัสรพีเสียงดัง “พเยีย! ตอบมา!”
พเยียน้ำตาไหล แล้วค่อยๆ สะอื้นแรงขึ้นๆ แรงขึ้น จนน้ำตาไหลพรากๆ นภดาราตกใจ
“พเยีย ลูกเป็นอะไร”
พเยียพูดปนสะอื้น ดูน่าสงสารมาก
“หนู...หนูกลัว” ทุกคนฟัง แปลกใจ “หลังจากรถคว่ำ หนูฟื้นขึ้นมา มีแต่คนตายรอบตัวไปหมด หนูเห็นกอหญ้านอนจมกองเลือด หนูนึกว่ากอหญ้าตายไปแล้ว”
พเยียทำหน้าสยดสยอง กอหญ้าและทุกคนฟังอย่างตั้งใจ
“หนูไม่รู้จะทำยังไง หนูกลัว หนูเลยรีบมาหาคุณแม่”
นภัสรพีซักถามต่อ “แล้วทำไมตอนที่ตำรวจมาสอบสวน เธอไม่พูดความจริง”
“พอตำรวจเค้าบอกว่ากอหญ้าหายไป หนูไม่รู้ว่าเค้าหายไปได้ยังไง หนูกลัวตำรวจจะเอาผิดหนู หนูเลย...”
พเยียสะอื้นฮักๆ จนต้องหยุดเล่า นภดาราใจอ่อน ลงไปนั่งประคองปลอบพเยีย นภัสรพีมองดูนิ่งๆ นภาจรีมองอย่างไม่เชื่อใจ
ชิษณุพงษ์ถามขึ้น ยังไม่หมดความสงสัย
“แต่พอคุณรู้ว่ากอหญ้ายังไม่ตาย ทำไมคุณไม่ดีใจ แต่กลับทำเป็นไม่รู้จักเพื่อนของคุณเอง”
ทุกสายตาจับจ้องไปที่พเยีย พเยียตอบทั้งน้ำตา ท่าทางน่าสงสาร
“กอหญ้าก็ความจำเสื่อมไปแล้วนี่ ฉันจะไปรื้อฟื้นอีกทำไม...” พเยียขดตัวเข้าหากันท่าทีตื่นตระหนก ร้องไห้อย่างเจ็บปวด “เรื่องวันนั้นมันเหมือนฝันร้าย พเยียไม่อยากจำมันเอาไว้ ไม่อยากพูดถึงมันอีก พเยียอยากลืม อยากลืม”
พเยียร้องไห้สะอึกสะอื้น นภดารากอดพเยียที่ตัวสั่น ลูบหัวปลอบโยนด้วยความสงสาร เชื่อทุกอย่าง
นภาจรีเมินหน้า เบื่อหน่าย ชิษณุพงษ์กับกอหญ้าไม่แน่ใจ
นภัสรพีมองนิ่ง ชั่งใจ ใคร่ครวญครุ่นคริด

ไม่นานต่อมาชิษณุพงษ์ไหว้ลานภดาราที่เดินออกมาส่งหน้าบ้าน กอหญ้าเดินมาด้วย
“ไม่โกรธผมนะครับ คุณอาดารา ผมแค่ต้องการช่วยกอหญ้า ไม่ได้ต้องการจะทำร้ายจิตใจคุณพเยีย”
“ไม่หรอกจ้ะ อาเองก็อยากช่วยหนูกอหญ้าเหมือนกัน” นภดาราหันมาทางกอหญ้า “น่าเสียดาย ที่พเยียไม่รู้ว่าเธอลงมากรุงเทพฯ ทำไม มาหาใคร คนที่รู้ก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว”
ชิษณุพงษ์บอกกับกอหญ้า “ฉันอยากพาเธอไปเชียงใหม่ มันอาจจะมีใครที่จำเธอได้ หรืออย่างน้อย การได้กลับไปที่นั่น อาจจะทำให้ความทรงจำของเธอกลับคืนมาก็ได้”
“คิดว่ายังไงจ๊ะ กอหญ้า” นภดาราถาม
“ขอเวลาหนูอีกซักหน่อยนะคะ ขอคิดอะไรให้รอบคอบก่อน” กอหญ้าหันมาทางชิษณุพงษ์ “แต่ยังไงก็ขอบคุณมาก ฉันเชื่อแล้วว่าคุณเป็นเพื่อนของฉันจริงๆ”
“ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ฉันจะมาเยี่ยมเธอบ่อยๆ ฉันจะทำทุกอย่างให้เธอจำอดีตของเราให้ได้เร็วๆ”
ชิษณุพงษ์พูดอย่างมีความหมาย กอหญ้ายิ้มอ่อนๆ ไม่รับรู้อะไร
ชิษณุพงษ์ไหว้ “ผมลาครับ คุณอา” พลางยิ้มให้กอหญ้า “แล้วจะมาเยี่ยมบ่อยๆ นะ”
ชิษณุพงษ์เดินออกไปที่รถ นภดาราโอบเอวกอหญ้าอย่างรักใคร่ กอหญ้ากอดตอบอย่างสนิทใจ

พเยียยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากด้านหลังสามคน สีหน้ากังวลหนัก
อิศรอยู่ในห้องทำงาน นั่งอ่านแบบแปลนของโครงการรีสอร์ทที่จะสร้างใหม่ตรงที่ดินเชิงเขาที่เชียงใหม่ ใจหวนไปคิดถึงเหตุการณ์ที่กอหญ้าเคยมาวิงวอนตน

“คุณพ่อคุณร่ำรวย ท่านคงมีที่ดินเยอะแยะ แต่เด็กพวกนี้ เค้าไม่มีที่อยู่ที่ไหนอีกแล้ว .. ฉันไหว้ล่ะ คุณช่วยขอร้องคุณพ่อคุณ ให้สงสารพวกเค้าหน่อยได้ไหมคะ”
“คุณพ่อผมไม่เคยสงสารใครหรอกคุณ อีกอย่าง ลองท่านอยากจะทำอะไร ใครก็ห้ามท่านไม่ได้”
“พ่อคุณก็ไม่ต่างอะไรจากคุณ ฉันไม่น่าเสียเวลา อ้อนวอนคนเห็นแก่ ตัวอย่างคุณเลย”
อิศรไม่มีสมาธิ ผลักพิมพ์เขียวตรงหน้ากระจายไป ทิ้งตัวลงนั่ง ท่าทีกลัดกลุ้ม
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น อิศรรับอย่างเซ็งๆ
“อิศรพูดครับ” อิศรลุกขึ้น น้ำเสียงแปลกใจและไม่พอใจ “คุณพเยีย”
พเยียอยู่ในห้องนอน ขณะพูดโทรศัพท์
“ฉันมีข่าวจะบอก ตอนนี้กอหญ้าอยู่ที่วังศิวาลัย คุณรีบมาเอาตัวเค้าออกไปซะ ก่อนที่จะโดนใครคาบเอาไปกิน”
พเยียพูดจบก็วางหู อิศรตะโกนลั่น
“คุณพเยีย เดี๋ยวก่อน” พเยียสายตัดไปแล้ว อิศรหงุดหงิด “โธ่เว้ย” อิศรครุ่นคิดตามคำพูดพเยีย “กอหญ้าอยู่ที่วังศิวาลัย มีคนจะมาคาบไป” นึกได้ ก็โมโหขึ้นมา “ไอ้ชิษณุพงษ์! ไอ้ขี้โกง”
อิศรพุ่งออกจากห้องทำงานไปด้วยอาการราวกับพายุสลาตัน

อิศรขับรถแทบจะบินมาจอดในวังศิวาลัย แล้วเดินปึงปังเข้ามาด้านในตรงโถงใหญ่ เจอแม่ชื่นที่กำลังคุมศรีและสาวใช้จัดห้องอยู่
“อ้าว คุณ”
อิศรถามสวนออกไปเร็วๆ ประสาคนร้อนใจ “ผมมาหากอหญ้า”
แม่ชื่นไม่ทันตั้งตัว “เอ่อ...คือ...”
อิศรเน้นเสียง “ผมรู้นะครับ ว่าเค้าอยู่ที่นี่ ตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหน”
แม่ชื่นตั้งสติได้ ยืดตัวตรง ตอบนิ่งๆ
“อยู่ในสวนกับคุณดาราค่ะ ตอนนี้เธอเป็นแขกของคุณชายนภัสรพี ไม่ทราบว่าคุณต้องการพบเธอเรื่องอะไรคะ ดิฉันจะไปเรียนเธอให้”
แม่ชื่นสบตาอิศรแววตากร้าว เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าอิศรจะมาวางอำนาจที่นี่ไม่ได้ อิศรเป็นฝ่ายสงบลง
“ผมมารับเค้ากลับบ้าน”
“รอซักครู่นะคะ”

อิศรนั่งรออยู่ในห้องโถงอย่างร้อนใจ ครู่หนึ่งนภดาราเดินออกมากับแม่ชื่น อิศรรีบลุกขึ้นยกมือไหว้
“คุณอาดารา สวัสดีครับ”
นภดารารับไหว้ “สวัสดีจ้ะ”
อิศรมองหา “กอหญ้าล่ะครับ”
“กอหญ้าให้ฉันมาบอกเธอว่า เค้าจะอยู่กับเราที่นี่” นภดาราบอกเสียงเรียบ
อิศรหน้าบึ้งขึ้นมาทันที ประสาคนเอาแต่ใจ
“ขอผมพูดกับเค้าเองดีกว่า”
“กอหญ้ามีปัญหากับคุณอรรถ กับคุณสกุณา เธอก็ทราบแล้วเธอจะให้กอหญ้ากลับไปที่บ้านนั้นอีกได้ยังไงจ๊ะ” นภดาราบอก
อิศรพูดอย่างถือดี “ผมจะพาเค้าไปอยู่ที่คอนโดของผม”
“ในฐานะอะไร” นภดาราย้อน อิศรอึ้ง “แล้วคนอื่นจะคิดยังไง”
อิศรเหวี่ยง วึดวือพาลตามนิสัยเอาแต่ใจ “คิดยังไงก็ช่าง ผมไม่สน”
แม่ชื่นทนไม่ไหว พูดแทรกขึ้นมา
“คุณเป็นผู้ชาย คุณไม่สนได้ แต่หนูกอหญ้าเป็นผู้หญิงนะคะ”
อิศรชะงักไป นภดาราพูดให้สติ
“กอหญ้าเป็นเด็กกำพร้า ใครๆ ก็ดูถูกแกอยู่แล้ว อิศรอย่าทำให้คุณอรรถดูถูกกอหญ้าไปมากกว่านี้เลยนะจ๊ะ เค้าคิดถูกแล้วล่ะ ที่จะอยู่กับอาที่นี่”
อิศรยอมรับ ไม่มีทางเถียง ในที่สุดก็ได้แต่พูดเสียงอ่อย
“งั้น ขอผมเจอเค้าหน่อยได้ไหมครับ ขอคุยนิดเดียว”

นภดาราพยักหน้ายินยอม
ไม่นานนักอิศรเดินเข้าไปที่ศาลาในสวน กอหญ้าที่นั่งอยู่รีบลุกขึ้นยืนต้อนรับ ทั้งสองต่างดีใจที่เห็นหน้ากัน

“กอหญ้า” อิศรเข้าไปจับมือบีบแน่น “เป็นยังไงบ้าง”
“สบายดีค่ะ”
“รู้ไหม ฉันตามหาเธอแทบไม่ได้หลับได้นอน เป็นห่วงแทบตาย”
กอหญ้าตื้นตัน ดีใจ “ขอโทษค่ะ”
ทั้งสองมองตากัน กอหญ้ายิ้ม ดึงมือออกอย่างสุภาพ อิศรถาม
“จะอยู่ที่นี่แน่หรือ”
กอหญ้า ตัดบท “ไม่เอานะ ไม่เถียงกันเรื่องนี้แล้ว”
“ก็ได้ๆ แต่ฉันก็ยังเป็นห่วงเธออยู่ดี” ลดเสียงเบาลง “ไม่กลัวคุณพเยียจะแกล้งเอาอีกหรือไง”
“กลัวค่ะ แต่คุณอาดารารับปากว่าจะดูแลฉัน”
อิศรพาล พูดแขวะ “แล้วยังมีไอ้ชิษณุพงษ์มาช่วยดูแลด้วย”
กอหญ้าอมยิ้มขำ “คุณอย่าพาลไปหน่อยเลยน่ะ เค้าก็แค่หวังดีอยากจะช่วยฉัน”
“ไม่ต้องไปแก้แทนมัน”
“จริงๆ ค่ะ” หยิบรูปจากกระเป๋ามาอวด “เค้าเอาเอารูปตอนฉันอยู่ที่โบสถ์ที่เชียงใหม่มาให้ แล้วเค้ายังบอกว่าถ้าเค้าเจออะไรที่เกี่ยวกับตัวฉันอีก เค้าจะเอามาให้ เผื่อฉันจะได้จำความหลังได้ซะที”
กอหญ้าพูดด้วยย้ำเสียงสดใส และมีความหวัง อิศรฟังกอหญ้าพูดถึงชิษณุพงษ์อย่างอิจฉานิดๆ

ด้านพเยียแอบยืนมองจากหน้าต่างห้องนอน เห็นกอหญ้ากับอิศรเดินคุยกัน กอหญ้าเดินไปส่งอิศรขึ้นรถ อิศรขับรถออกไป พเยียเซ็งเดินกลับมาที่เตียง
“แกนี่มันกำจัดยากสมชื่อกอหญ้าจริงๆ ฉันจะทำยังไงกับแกดี”
พเยียทิ้งตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผากบนเตียง
“ขืนฉันเล่นงานแกอีก คุณตาเอาเรื่องฉันหนักแน่ แต่ถ้าปล่อยให้แกอยู่สบายๆ อย่างนี้ แกอาจจะหาย จำตัวเองได้ขึ้นมาซักวัน”
พเยียคิดเครียด เสียงเคาะประตู
“คุณหนูขา”
“อะไรอีก”
พเยียลุกเปิดประตูอย่างรำคาญ ศรีส่งโทรศัพท์ไร้สายให้
“โทรศัพท์ถึงคุณหนูค่ะ”
“ใครโทร.มา คุณอิศรเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ เป็นผู้ชาย บอกว่าเป็นเพื่อนคุณหนู ชื่อคุณนภดล”
พเยียช็อก ตัวแข็งทื่อคว้าโทรศัพท์มาแล้วปิดประตูใส่หน้าศรีดังปัง!

พเยียใจสั่น ลนลานหนัก มองดูโทรศัพท์ในมือ แล้วตัดสินใจรับสาย
“ฮัลโหล พเยียพูด”
นพดลพูดโทรศัพท์
“โอ้โห กว่าจะรับได้” นพดลตัดพ้อ
“พี่โทร.มาทำไม แล้วรู้ได้ไงว่าฉันอยู่เบอร์นี้”
นภดลประชด “เบอร์โทร.วังศิวาลัยมันจะไปหายากตรงไหนคะ คุณหนูพเยีย...แหม ได้ดิบได้ดี ได้เป็นลูกหลานเศรษฐีไม่มีส่งข่าวกันเลยนะ”
พเยียตกใจ ตัวเย็นวาบ “นี่...นี่พี่รู้”
ที่แท้นพดลนั่งคุยโทรศัพท์อยู่บนมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าวัง
“พี่อยู่หน้าวังนี่แหละ พเยียบอกให้อีพวกบ่าวไพร่มันมาเปิดประตูรับพี่หน่อย หิวน้ำจะแย่อยู่แล้ว”
พเยียยิ่งตกใจมากกว่าเดิม
“ไม่ ไม่ได้”
นภดลไม่พอใจ “อะไรนะ”
พเยียรีบตัดบท “พี่รออยู่ข้างนอกนั่นแหละ เดี๋ยวพเยียออกไป แค่นี้นะ”
พเยียกดวางสาย ใจเต้นโครมคราม
“เรื่องนังกอหญ้ายังไม่จบ อีพี่นพเสือกโผล่มาอีกคน แล้วจะทำยังไงดีวะนี่”

พเยียเดินแกมวิ่ง เหลียวหน้าเหลียวหลัง ท่าทางมีพิรุธออกจากห้อง ก่อนจะวิ่งลงบันได และสวนกับกอหญ้า ที่หยุดยืนมองอยู่อย่างสนใจ
“คุณพเยีย” พเยียชะงัก กอหญ้าเห็นพเยียสะพายกระเป๋า “จะไปข้างนอกเหรอคะ”
“มันเรื่องของฉัน แกไม่ต้องมายุ่ง”

พเยียวิ่งสวนลงไปอย่างรีบร้อน กอหญ้ามองตามอย่างสงสัย
พเยียกึ่งเดินกึ่งวิ่ง ท่าทีรีบร้อนออกจากตึกมาถึงประตูหน้าวังศิวาลัย เห็นไม่มีคนอยู่ พเยียมองไปอีกมุมเห็นนพดลนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ พเยียตั้งท่าจะเปิดประตูเล็กเดินไปหา

แต่ทองมายามเฝ้าประตูวังเดินกลับมาจากไปเข้าห้องน้ำพอดี พเยียเห็นรีบแอบหลังต้นไม้ ทองมาเข้าประจำที่ป้อมยามตามหน้าที่ พเยียขัดใจ
พเยียมองไปเห็นนพดลดูนาฬิกาข้อมือ ด้วยหน้าตาหงุดหงิด พเยียยิ่งร้อนใจ คิดไปคิดมาแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ที่ป้อมยามดัง ทองมาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วรีบกดรับ
“ครับผม...ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ”
ทองมามีท่าทีรีบร้อนเดินแกมวิ่งไปทางสวนด้านข้างวัง พเยียมองตามไปจนทองมาลับสายตา หันซ้ายหันขวามองจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น ก่อนจะวิ่งไปที่ประตูเล็ก

นภดลรออยู่นาน ชักเริ่มไม่พอใจ กดโทรศัพท์หาพเยียอีก
“ฮัลโหล ขอสายคุณพเยียอีกทีซิ” จู่ๆ มีมือมาคว้าโทรศัพท์ไว้ นพดลเห็นหน้าพเยีย ยิ้มออก “โอเคๆ ไม่มีอะไร แค่นี้แหละ”
นพดลกดวางสายมองพเยียกวนๆ “กว่าจะเสด็จมาได้นะ เจ้าหญิง”
พเยียชักสีหน้าไม่พอใจ พูดไประวังตัวไปกลัวมีคนมาเห็น
“พี่นพมาที่นี่ทำไม”
“ก็มาเยี่ยมเยียนกันตามประสาวันก่อนก็วิ่งหนีพี่ทีนึงแล้ว ทำไม ได้ดีแล้วกะจะทิ้งเพื่อนเก่าเลยหรือไง”
พเยียรีบตัดบท “พี่นพมีธุระอะไรก็พูดๆ มาเลยดีกว่า พเยียไม่มีเวลา”
นพดลมองอาการพะวักพะวนของพเยีย รู้สึกไม่ชอบใจ ยิ่งอยากแกล้ง
“มายืนคุยอะไรข้างถนนอย่างนี้ล่ะ เข้าไปคุยกันในวังดีกว่า พี่อยากจะเห็นเป็นบุญตาซะหน่อย ว่าหม่อมแม่ของพเยียรวยขนาดไหน”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 6/2 วันที่ 23 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager