อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 4/4 วันที่ 19 ก.พ. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 4/4 วันที่ 19 ก.พ. 56

ยุพาอยู่ในรูปด้วย พเยียยืนร้องเพลงอยู่ในแถวนักร้องประสานเสียงของโบสถ์
ชิษณุพงษ์ดีใจ “พเยีย แล้วกอหญ้าล่ะ”
ชิษณุพงษ์กวาดตาหาต่อไป เห็นที่มุมภาพ เป็นกอหญ้าก้มหน้าก้มตาดีดเปียโน เป็นภาพด้านข้างเห็นหน้าไม่ชัด แต่ชิษณุพงษ์ก็มั่นใจ บอกกับตัวเอง
“กอหญ้า ต้องเป็นกอหญ้าแน่ๆ”
แตงยื่นหน้ามาดูบ้าง เล่นเอาชิษณุพงษ์ตกใจ

“เห็นแต่จมูกกับผมยาวๆ คุณณุรู้ได้ยังไงว่าเป็นใคร บอกว่าเป็นแตงยังได้เลย”
ชิษณุพงษ์ผลักหัวแตงออก “ยุ่งน่ะ แล้วนี่ลุงเติมจะลงมาเมื่อไหร่”



แตงส่ายหน้า “ที่โรงไหมมีปัญหา เจ้าให้ลุงเติมไปช่วยดู ลุงเติมเลยให้” แตงทำท่ามั่นใจมาก “แตงมาอยู่ช่วยคุณณุแทน”
ชิษณุพงษ์ไม่เชื่อนัก “เธอเนี่ยนะ มาช่วยฉัน น้ำหน้าอย่างเธอจะทำอะไรได้”
“ไม่ลองไม่รู้ .. ยังไงสองหัวก็ดีกว่าหัวเดียวนะ คุณณุ”
แตงทำท่ามั่นอกมั่นใจ ชิษณุพงษ์มองหน้าแป้นแร้นของแตง ชั่งใจ

ที่บ้านอดิศวร คืนนั้น พรถือกระเป๋าใบเล็กๆ มาส่งให้อิศรที่คอยอยู่
“นี่ค่ะ เสื้อผ้าของใช้ของคุณอิศร”
“แล้วของคุณกอหญ้าล่ะ เสื้อผ้าชุดใหม่ที่จะใส่กลับบ้านพรุ่งนี้น่ะ”
“พรจัดลงไปในกระเป๋านี้แล้วค่ะ ชั้นนอกชั้นในอยู่ในนี้ครบ”
อิศรรับไป พรอดไม่ได้ถามอย่างเป็นห่วง
“คุณกอหญ้าไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ”
อิศรไม่แน่ใจ “ไม่หรอกมั้ง ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวกอหญ้าตื่นขึ้นมาไม่เจอใครจะตกใจ”
อิศรจะไปแล้ว จู่ๆ โทรศัพท์บ้านดังขึ้น พรรีบไปรับ
“บ้านอดิศวรค่ะ” พรมีสีหน้าแปลกใจ “จะพูดกับคุณกอหญ้าเหรอคะ”
อิศรชะงัก เดินกลับมา ส่งสัญญานให้พร
“รอซักครู่นะคะ”
พรกดพักสาย อิศรรีบถาม
“ใครโทร.มาหากอหญ้า”

ส่วนที่บ้านชิษณุพงษ์เวลาเดียวกัน ชิษณุพงศ์ยืนกำกับอยู่ข้างๆ สั่งงานแตงที่ถือโทรศัพท์อยู่
“เธอบอกกอหญ้านะ ว่าคุณแม่วันเพ็ญให้โทร.มาหา”
“โทร.หาเรื่องอะไรล่ะ คุณณุ”
“ก็บอกว่าคุณแม่วันเพ็ญเป็นห่วง ให้เธอโทรมาถามสารทุกข์สุกดิบอะไรก็ได้ ฉันแค่อยากรู้ว่ากอหญ้าจะบอกว่าไม่รู้จักคุณแม่วันเพ็ญด้วยหรือเปล่า”
เสียงทางปลายสายดังขึ้นเหมือนมีคนรับ แตงรีบบอก
“รับสายแล้ว” แตงพูดเสียงหวาน “สวัสดีจ้ะ กอหญ้าใช่ไหมจ๊ะ”
อิศรพูดสาย
“คุณเป็นใคร โทร.มาหากอหญ้าเรื่องอะไร”
แตงตอบทันที ไม่มีติดขัด “ฉันโทร.มาจากคุณแม่วันเพ็ญ คริสตจักรอิงดอยจ้ะ คุณแม่ได้ข่าวจากลุงเติมว่ากอหญ้าอยู่ที่กรุงเทพฯ เลยเป็นห่วง ให้ฉันโทร.มาถามข่าวคราว”
อิศรนิ่งไป ชั่งใจว่าควรจะบอกดีหรือไม่
“ว่าไงคุณ กอหญ้าอยู่ที่นี่จริงหรือเปล่า ฉันขอพูดด้วยได้ไหม คุณแม่วันเพ็ญท่านเป็นห่วงกอหญ้ามากนะ”
อิศรคิดไปคิดมา ในที่สุดก็ตัดสินใจบอก
“กอหญ้าอยู่ที่บ้านนี้ก็จริงครับ แต่ตอนนี้คงติดต่อกับใครไม่ได้”
แตงฟังอิศรพูด แล้วหยุดยิ้ม อึ้งๆ ไป
“จ้ะ จ้ะ... ขอบคุณมากจ้ะ”
แตงวางสาย ชิษณุพงษ์ใจเสีย
“ว่าไง แตง วางสายทำไม กอหญ้าล่ะ”

“คุณกอหญ้าอยู่ที่โรงพยาบาล”
กอหญ้านอนนิ่ง หลับอยู่บนเตียงในห้องพักฟื้น มีพยาบาลตรวจดูอาการอยู่ ส่วนตรงทางเดินหน้าวอร์ด ชิษณุพงษ์เดินมากับแตง 2 คนหยุดยืนอยู่ที่ป้ายบอกเลขห้อง

“ทางนี้ คุณณุ” แตงบอก
ชิษณุพงษ์เดินไปตามทางลูกศรชี้ สั่งงานไปด้วย
“เดี๋ยวฉันจะเข้าไปคุยกับกอหญ้า ส่วนเธอเฝ้าต้นทางไว้ ถ้ามีใครมา รีบเข้าไปบอกฉัน”
“ไอ้ใครที่ว่าน่ะ ใครมั่งล่ะ หมอ พยาบาล ภารโรง” แตงกวนประสาท
“เงียบ”
ชิษณุพงษ์จุ๊ปาก แล้วกระชากแตงหลบเข้ามุมบริเวณนั่งเล่นที่ติดกับห้องพัก แตงงง ชิษณุพงษ์บุ้ยใบ้ว่ามีคนมา
2 คนเห็นอิศรหิ้วกระเป๋าเดินมากับหมอวิชาญ คุยกันมา
“ฉันตรวจดูแล้ว สมองไม่บวม เลือดไม่คั่ง สรุปว่าไม่มีอะไรผิดปกติ” หมอวิชาญบอก
“แล้วทำไมปวดหัวมากมายขนาดนั้น”
ชิษณุพงษ์เงี่ยหูแอบฟังอย่างสนใจ
“สงสัยว่าจะเป็นอาการข้างเคียงจากอุบัติเหตุรถคว่ำคราวที่แล้วมากกว่า ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็น่าเป็นห่วงมาก”
อิศรกับหมอวิชาญเดินเข้าไปในห้องกอหญ้า
ชิษณุพงศ์ยืนนิ่ง พยายามเรียบเรียงข้อมูลที่ได้ยินมา
“อุบัติเหตุรถคว่ำคราวที่แล้ว”
คำพูดของลุงเติมดังก้องในหัวชิษณุพงษ์
“หนูกอหญ้าลงมาทำธุระที่กรุงเทพฯ กับคุณแม่ยุพาครับ ระหว่างทางรถที่นั่งมาเกิดอุบัติเหตุ ทั้งคุณแม่ยุพาทั้งเจ้าของรถ เอ่อ เสียชีวิตทันที”
ชิษณุพงษ์ ตาเป็นประกายเจิดจ้า ยิ้มด้วยความดีใจ

ที่โต๊ะอาหารค่ำ ภายในห้องอาหารของวัง นภัสรพีนั่งเป็นประธาน นภาจรีกับนภดารานั่งประจำที่ แม่ชื่นยืนคุมสาวใช้รอเสิร์ฟ นภัสรพีคุยกับนภดารา สีหน้าเบื่อหน่ายกับความประพฤติของพเยีย
“แล้วนี่หนูกอหญ้าเป็นยังไงบ้าง โทรไปถามข่าวคราวหรือยัง”
“เห็นคุณอิศรบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แต่หมอขอให้นอนพักที่โรงพยาบาลซักคืนเพื่อดูอาการ ลูกว่าพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมแกค่ะ” นภดาราตอบ
“ก็ดี” คุณชายหันไปสั่งแม่ชื่น “แม่ชื่นช่วยสั่งดอกไม้ให้ที” แล้วหันมาทางนภดารา “พ่อฝากไปเยี่ยมด้วย บอกเค้าด้วยว่าพ่อเสียใจมาก ที่เค้าต้องมาเจ็บตัวในบ้านของเรา”
“แล้วแม่ตัวดีอยู่ไหนนี่ ป่านนี้ทำไมยังไม่ลงมา” นภาจรีถามขัดขึ้น
ศรีเดินค้อมตัวเข้ามา หน้าจ๋อยๆ แม่ชื่นถามทันที
“ว่าไง ศรี ที่ให้ไปตามคุณหนูพเยีย”
“คุณหนูไม่ยอมลงมาค่ะ”
นภดาราถอนใจ ขยับจะลุก นภัสรพีห้ามไว้
“ไม่ต้องไป นภดารา ถ้าง้อกันวันนี้ ก็ต้องตามง้องอนกันไปไม่มีที่สิ้นสุด” นภัสรพีหันไปหาแม่ชื่น “แม่ชื่น ตักข้าวเถอะ ฉันหิวแล้ว”
“ค่ะ คุณชาย”
แม่ชื่นพยักหน้าให้สาวใช้เข้ามาเสิร์ฟข้าว นภดาราหนักใจ นภัสรพีคุยกับแม่ชื่น ชื่นชมกับอาหารตรงหน้า ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ส่วนนภาจรียิ้มสะใจ

พเยียนอนดูทีวี เห็นช๊อตอาหารบ้าง โฆษณาของกินบ้าง พเยียกดเปลี่ยนช่องไปมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะกดปิด โยนรีโมททิ้ง
“โอ๊ย หิว”
พเยียลุกจากเตียง ดูนาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลา 5 ทุ่มแล้ว ตัดสินใจเปิดประตูเบาๆ ย่องออกไป

ห้องแพนทรีปิดไฟมืด พเยียเปิดตู้เย็นควานหาของกินมาประทังหิว เจอขนมปัง ช็อกโกแลต ผลไม้ พเยียคว้าของกินที่ชอบเต็มอ้อมแขนย่องออกมา จะกลับห้องนอน

ตรงทางเดินค่อนข้างมืด เปิดไฟไว้เพียงไม่กี่จุด เพราะคนในบ้านเข้านอนหมดแล้ว พเยียเดินมาแล้วได้ยินเสียงนภาจรีดังแปร๋นออกมาจากห้องสมุด
“พี่ชายคะ พี่ชาย”
พเยียรีบฉากหลบ นภัสรพีเดินหนี มีนภาจรีเดินตามเซ้าซี้
“เดี๋ยวก่อนสิคะ พี่ชาย” นภัสรพีหยุดเดิน “พี่ชายยังไม่ตอบน้องเลย ว่าจะจัดการกับมันยังไง”
พเยียตาวาววับ เงี่ยหูฟัง
“ใจเย็นๆ ก่อนเถอะน่ะ เอาไว้ถ้าพเยียสร้างปัญหาอีกครั้งเดียว พี่จัดการกับแกเอง”
“ทำไมต้องมีอีกครั้งคะ นังเด็กนั่นมันทำจนยัยกอหญ้าเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว พี่ชายยังจะรออะไรอีก”
นภัสรพีมองนภาจรีอย่างอ่อนใจ นภาจรีไม่หยุด พยายามโน้มน้าว
“พี่ชายเคยบอกน้อง ให้คิดเสียว่า เอาลูกหมาข้างถนนมาเลี้ยงเอาบุญ แต่ถ้าหมาตัวนั้น มันเป็นหมาบ้าไล่กัดคนไปทั่ว พี่ชายจะเลี้ยงมันไว้ทำไมคะ”
พเยียนิ่งฟัง เห็นนภัสรพีนิ่งอึ้ง
“เธอต้องการอะไรกันแน่ หญิงนภา”
“กำจัดมันไปเถอะค่ะ พี่ชาย เฉดมันออกไปจากศิวาลัยซะ พี่ชายก็รู้อยู่เต็มอกว่าเด็กคนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกับเราซักนิด จะไปทนเลี้ยงมันเอาไว้ทำไม”

พเยียได้ยินทุกคำชัดเจน ถึงกับทรุดลงกับพื้น มือบีบขนมในมือแน่นจนปริแตกออกมา ตัวเย็นเฉียบ ด้วยความแค้นปนหวาดกลัว
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องเห็นลำแสงสวยงาม กอหญ้านอนหลับตาอยู่บนหมอนสีขาวสะอ้าน หลับตาพริ้ม ใบหน้าระบายยิ้มบางๆ อย่างมีความสุข เหมือนคนหลับฝันดี

กอหญ้าฝันว่าตัวเองอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจีงดงาม นั่งเล่นเปียโนสีขาวอยู่กลางเนินเขาสวย รอบตัวมีดอกหญ้า ดอกไม้ธรรมชาติหลากสีบานสะพรั่ง กอหญ้าร้องเพลงเสียงสดใส

ทันใดนั้น เมฆฝนทะมึนมาเคลื่อนตัวมาอย่างรวดเร็วปกคลุมท้องฟ้าเบื้องบนจนมืดมิด ลมแรงโหมพัดกระหน่ำ บรรยากาศรอบข้างมืดลงทันที
กอหญ้าตกใจลุกขึ้น ละล้าละลัง จู่ๆ สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาเป็นเส้นไกลๆ กอหญ้าตื่นตระหนก ตัดสินใจวิ่งหนี
ท่ามกลางความมืด สายฟ้าฟาดเปรี้ยงๆ ไล่ตามมาจนใกล้ตัวกอหญ้ามากขึ้น กอหญ้าวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว จนสะดุดหกล้ม
กอหญ้าเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นเงาร่างของพเยียดำทะมึนอยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แล้วสายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมา แสงสว่างเจิดจ้าจนตาแทบบอด กอหญ้าหลับตาอย่างหวาดกลัว

พร้อมกันนั้น กอหญ้าก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่หัวจน กรีดร้องเสียงดังลั่นห้อง
“โอ๊ย.....”

ภายในห้องพักฟื้น ของโรงพยาบาล กอหญ้าสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นนั่ง กุมหัวด้วยความเจ็บปวด อิศรเด้งตัวจากโซฟาที่นอนอยู่ ถลันเข้ามาหาที่เตียงทันที
“กอหญ้า เป็นอะไร”
กอหญ้าลืมตา ระล่ำระลัก
“ฉันกลัว”
อิศรกอดไว้ “ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่นี่แล้ว”
ระหว่างนั้นพยาบาลถือแฟ้มวิ่งเข้ามา กอหญ้าขยับตัวออกจากอ้อมกอดของอิศร
“คนไข้เป็นอะไรคะ”
“ไม่มีอะไรครับ แค่ฝันร้าย” อิศรบอก
พยาบาลเข้ามาตรวจเช็คทั่วๆ ไปอย่างรวดเร็ว เห็นว่าปกติดี
“ถ้ามีอะไรผิดปกติกดเรียกทันทีเลยนะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
พยาบาลออกไป อิศรถาม
“บอกฉันได้ไหม ฝันเห็นอะไร ทำไมกลัวขนาดนี้”
กอหญ้ายังหน้าซีด พูดเสียงแผ่วเบา
“ฉันเห็นตัวเอง อยู่บนเนินเขา แล้วจู่ๆ มันก็มืดไปหมด แล้วก็มีคน...” กอหญ้าอึ้งไป
อิศรตื่นเต้น “ใคร”
กอหญ้า นิ่งไป ไม่แน่ใจ “ไม่รู้ค่ะ ฉันเห็นแค่เงาดำๆ”
“มันทำอะไรเธอ ในฝันน่ะ”
กอหญ้าส่ายหน้า “เปล่าค่ะ แต่ฉันเห็นเค้าแล้วฉันกลัวมาก แล้วก็เจ็บหัวจี๊ดขึ้นมาทันทีเลย”
อิศรฟังแล้วนิ่งอึ้งไป

ขณะที่พยาบาลเดินถือแฟ้มประวัติของกอหญ้าเดินมา ไม่รู้ตัวว่าแตงสะกดรอยตามมาห่างๆ พยาบาลมาถึงเคาน์เตอร์หน้าวอร์ด เอาแฟ้มวาง ยังไม่ทันจะเก็บ แตงที่รอจังหวะอยู่ ก็วิ่งเข้าไปหาหน้าตาตื่น
“คุณพยาบาลคะ เพื่อนหนูค่ะ อยู่ดีๆ ก็ชักขึ้นมา คุณพยาบาลช่วยไปดูหน่อยได้เถอะค่ะ”
“ค่ะ ห้องไหนคะ” พยาบาลถาม
แตงชี้ไป “ห้องริมสุดทางเดินโน่นน่ะค่ะ”
พยาบาลรีบหยิบ Stethoscope เครื่องวัดความดัน วิ่งออกไปทันที แตงวิ่งตามไปพอเป็นพิธี ชิษณุพงษ์ที่แอบอยู่ รีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล คว้าแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ชิษณุพงษ์รีบเปิดดู อ่านปราดๆ ไปตามหน้าต่างๆ แตงที่ยืนเฝ้าต้นทางอยู่ ร้องบอก
“หมดเวลาแล้ว คุณณุ”
ชิษณุพงศ์เอาโทรศัพท์มือถือถ่ายประวัติเอาไว้
พยาบาลวิ่งกลับมา แตงกับชิษณุพงษ์วิ่งหนีไปได้อย่างหวุดหวิด

สองคนอยู่ตรงมุมหนึ่งของโรงพยาบาล แตงหอบแฮ่กๆ
“ได้เรื่องไหม คุณณุ”
ชิษณุพงษ์ชูโทรศัพท์ “อยู่ในนี้หมดแล้ว ทีนี้ล่ะ จะได้รู้กันซะที ว่ากอหญ้าคนนี้คือคนเดียวกันกับที่เชียงใหม่หรือเปล่า”

ส่วนที่วังศิวาลัยนภดาราอยู่หน้ากระจก แต่งตัวเตรียมจะออกไปข้างนอก แม่ชื่นเข้ามา
นภดาราถาม
“ไปด้วยกันไหมคะ แม่ชื่น ฉันไปเยี่ยมหนูกอหญ้าเสร็จแล้ว จะแวะไปตลาดด้วย”
“ไปซีคะ จะได้ไปคอยดูแลคุณด้วย” แม่ชื่นพยายามซ่อนสีหน้ากังวล
นภดาราเห็นสีหน้าของชื่น อดทักถามไม่ได้
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
แม่ชื่นชั่งใจ ว่าจะตอบหรือไม่ตอบ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจ
“ตอนแรกชื่นไม่อยากบอก กลัวคุณจะกังวล แต่จะช้าจะเร็ว คุณก็ต้องรู้อยู่ดี คุณหนูพเยียน่ะค่ะ เธอหายไปไหนก็ไม่รู้”
นภดาราตกใจ “อะไรนะ!”

ไม่นานนักนภดาราเปิดประตูเข้าไปในห้องพเยีย เห็นในห้องว่างเปล่า
“พเยีย ลูก .. พเยียไปไหน”
แม่ชื่นเดินตามเข้ามา อธิบาย ชี้ให้ดูซองขนมและขยะอาหารในถังขยะ
“ของกินเกลื่อนห้องเลยค่ะ ในถังขยะนั่นก็เต็มไปหมด คงขนมาทานตั้งแต่เมื่อคืน”
“แปลว่าคงเพิ่งหนีไปเมื่อเช้า”
“ค่ะ แต่คงไม่ได้หนีไปไหนไกลหรอกค่ะ เสื้อผ้าข้าวของส่วนใหญ่ก็ยังอยู่มีแต่กระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ที่หายไป” น้ำเสียงแม่ชื่นอ่อนอกอ่อนใจ “คงแค่ทำฤทธิ์ทำเดช หวังจะให้คุณเกรงใจ ก็เท่านั้นเอง”
นภดาราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.หาพเยีย รออยู่นานแต่พเยียไม่รับ นภดาราตัดสินใจฝากข้อความเสียง
“พเยีย นี่แม่นะลูก หนูอยู่ที่ไหน รีบกลับมาบ้านเถอะนะคะ แม่เป็นห่วง แม่รักลูกนะจ๊ะ”
นภดาราวางสาย ถอนใจหนักหน่วย ท่าทีกลัดกลุ้ม

พเยียอยู่ในร้านฟาสต์ฟู้ด กดฟังข้อความเสียงของนภดารา ท่าทีเบื่อหน่ายแกมกลุ้ม
“แกรักฉันแล้วไง คนอื่นในบ้านนั้นจ้องจะฉีกฉันเป็นชิ้นๆ น้ำหน้าอย่างแกจะมาช่วยอะไรฉันได้”
พเยียกระแทกโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ มือไปโดนถาดเลื่อนตก เครื่องดื่มกระเด็นหวือไปที่ทางเดิน และไปโดนรองเท้าของลูกค้าคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามา
ลูกค้าชายคนนั้นแต่งตัวตัวจัด ใส่หมวก สวมแว่นตาอันโต หันมองพเยียอย่างไม่สบอารมณ์
พเยียกระแทกเสียง “โทษทีค่ะ”
ชายคนนั้นชะงัก มองพเยียไม่วางตา ค่อยๆ ถอดแว่นออก
พเยียเห็นหน้าชายคนนั้นชัดๆ อ้าปากค้าง เพราะเขาคือ นภดล กิ๊กที่เชียงใหม่นั่นเอง
นพดลเขม้นมองพเยีย เห็นแต่งตัวเปรี้ยว หรู ถือกระเป๋าแบรนด์เนมใบโต ดูท่าทางรวยมาก
“พเยีย เฮ้ย นั่นพเยียจริงๆ เหรอนี่”
พเยียไม่ตอบ ยกแว่นสวมปิดหน้า แล้วเดินจ้ำอ้าวหนีออกจากร้านอย่างเร็วรี่ นพดลเดินตาม
“พเยีย เดี๋ยวก่อนซี พเยีย นี่พี่ไง พี่นพ”

พเยียวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง นพดลยิ่งสงสัย วิ่งกวดไล่ตามไม่ลดละ พเยียวิ่งขึ้นบันไดเลื่อน หนีไม่คิดชีวิต
พเยียวิ่งหน้าตั้งหนีสุดชีวิต เหลือบไปทางด้านหลังเห็นนพดลยังตามมา พเยียหันไปเห็นร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงหรู ตัดสินใจหนีเข้าไปในนั้น นพดล เห็นพเยียหลบแว้บเข้าไปในร้าน รีบพุ่งตัวตามติด

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 4/4 วันที่ 19 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th