อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 1/4 วันที่ 10 ก.พ. 56

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 1/4 วันที่ 10 ก.พ. 56

“ออกไปเมื่อเช้านี่เองค่ะ เห็นว่าจะไปหาทาง...เอ่อ หาเงินมาจัดการเรื่องที่ดิน” คุณแม่วันเพ็ญบอก
อิศรหน้าเสีย รู้สึกผิด
“เห็นเค้าว่าเค้าจะไปหาคนที่จะช่วยเรื่องการเงินได้ ถ้ายังไงคุณอิศรจะกรุณาให้เวลาทางโบสถ์อีกซักระยะได้ไหมคะ”
คุณแม่วันเพ็ญอ้อนวอน อิศรมองอย่างละอายใจ พูดไม่ออก ยกมือไหว้แล้วเดินหนีไปเฉยๆ เลย

ตกตอนเย็น แม่ชื่นช่วยแต่งผมให้นภดาราอยู่ที่หน้ากระจกในห้อง นภดาราใส่ชุดสวยสดใสเป็นพิเศษ แม้จะยังดูอ่อนแอ แต่ก็สดชื่นขึ้นมาก เตรียมตัวรับลูกเต็มที่



“กี่โมงแล้วจ๊ะ ชื่น”
“เพิ่งจะห้าโมงกว่าเท่านั้นค่ะ”
“เขามาถึงไหนกันแล้ว โทรมาบ้างไหม”
ชื่นอมยิ้มขณะบอก “คุณทนายปราบแกหัวโบราณค่ะ แกไม่ชอบใช้โทรศัพท์มือถือซักเท่าไหร่หรอก เห็นบอกว่าออกมาตั้งแต่เช้า อีกเดี๋ยวก็คงถึงแล้วล่ะคะ”
“จ้ะ ฉันตื่นเต้นน่ะ แม่ชื่น อยากเห็นหน้าลูกจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว”

ฟ้าเริ่มมืด รถของปราบแล่นมาบนถนน ยุพามองทางอย่างหนักใจ
“มืดเร็วเหลือเกิน”
“หน้าฝนก็อย่างนี้ล่ะครับ” ปราบบอก
กอหญ้ามองออกไปด้านนอก “ท่าทางเหมือนฝนจะตกด้วยค่ะ”
ขาดคำฝนก็เทลงมา พเยียนิ่วหน้า
“นั่น ตกเลย แหม แก พอมีเชื้อเจ้าปุ๊บ มีวาจาสิทธิ์ปั๊บเลยนะ” พเยียเหน็บ

ยุพากับกอหญ้าอ่อนใจในคำพูดไร้มรรยาทของพเยีย ขณะที่รถของปราบแล่นไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย
ส่วนที่วังศิวาลัยในกรุงเทพฯ นภาจรีแต่งตัวสวย ยืนมองสายฝนจากโถงใหญ่ ท่าทีวิตกกังวลนิดหน่อย

“ฝนมาตกอะไรวันนี้”
นภัสรพีที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ พับหนังสือลง พูดขึ้น
“ก็มันหน้าฝน เธอจะให้ตกตอนไหน”
“อีตาทนายปราบยิ่งขับรถช้าเป็นเต่าอยู่ด้วย กว่าจะถึงบ้าน หลานหิวแย่” นภาจรีบ่น
นภัสรพีลุกขึ้น ยิ้ม “หลานหิวหรือเธอหิวกันแน่” คุณชายมองนาฬิกา “ใจเย็นๆ เถอะน่ะ เดี๋ยวเค้าก็มา”

ฝนตกหนักมาก ไม่มีทีท่าว่าจะซาลง ฟ้าคะนองฟ้าแลบแปลบปลาบไม่หยุด รถของปราบแล่นมาตามถนน
ปราบขับรถอย่างระมัดระวัง มองทะลุกระจกหน้ารถออกไป เครื่องปัดน้ำฝนทำงานเต็มที่ ทางข้างหน้ามัวด้วยเม็ดฝนที่เทสายกระหน่ำ กระจกเป็นฝ้า ปราบต้องเพ่งสมาธิอย่างมาก
คุณแม่วันเพ็ญนั่งคู่ปราบ ช่วยลุ้นไปด้วย กอหญ้ากับพเยียนั่งข้างหลัง พเยียทำท่าเบื่อหน่าย
“อีกนานไหม กว่าจะถึง”
“ไม่รู้ซี”
“ใกล้แล้วครับ คุณหนู เราคงจะถึงวังศิวาลัย ภายในไม่เกินสองชั่วโมง”
ปราบตอบแล้วหันกลับไปมองที่นั่งตอนหลัง
ทันใดนั้น สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาที่กลางถนน ปราบตกใจ หักหลบ รถเสียหลักแฉลบแทบจะหมุนเป็นวง ไถลลื่นไปอีกด้านของถนน รถปราบกระแทกกับราวสะพานคอนกรีตเต็มแรง
“เฮ้ย” ปราบร้องลั่น
กอหญ้า พเยีย ยุพาร้องกรีดร้องด้วยความตกใจ
รถไถลลงไปที่ข้างทาง ก่อนจะหยุดนิ่งในสภาพพังยับเยิน ปราบและยุพาตายคาที่ ร่างของทั้งคู่ติดอยู่ในรถ กอหญ้าหลุดจากรถ กระเด็นไปนอนแน่นิ่งอยู่ที่ไหล่ทาง ส่วนพเยียกลิ้งหลุนๆ ไปลงที่นิ่มๆที่มีหญ้าหน่าแน่น
ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งไปในนาทีนั้น ไม่มีรถวิ่งมา สายฟ้าฟาดลงมาอีกเปรี้ยงๆ น่ากลัวมาก

โคมไฟระย้ากลางห้องโถงใหญ่ของวังศิวาลัยกระพริบวูบวาบ พร้อมๆ กับเสียงฟ้าโครมครืน บรรยากาศดูน่ากลัว
นภดารา นภัสรพี และนภาจรี นั่งรออยู่ที่ห้องโถง พร้อมกับแม่ชื่นและสาวใช้ บรรยากาศเริ่มเครียด เพราะปราบผิดเวลาไปพอสมควร
นภดารานั่งในรถเข็น บีบมือตัวเองแน่น
“ฟ้าแรงเหลือเกิน” นภดาราพึมพำ “เหมือนคืนนั้นไม่มีผิด”
นภาจรีมองหน้านภัสรพีอย่างกังวล นภัสรพีแอบลุกออกไป ชื่นเห็นนภดาราเครียด จึงเอายาคลายเครียดกับน้ำมาให้
“คุณเครียดอีกแล้ว ทานยาบำรุงหัวใจซักนิดนะคะ กันไว้”
นภดารากินยา ดื่มน้ำ เสียงฟ้าร้องโครมครืน นภดาราพึมพำ
“จำได้ไหมชื่น คืนนั้น ฝนตกหนัก ฟ้าผ่า แล้วไฟก็ไหม้ แล้วลูก .. ลูกของฉัน

นภดาราเริ่มเกร็ง มือเผลอบีบแก้วแตก หลุดมือตกดังเพล้ง บาดนิ้วจนเลือดไหล
นภาจรีร้องลั่น “ชื่น ดารา”!
แม่ชื่น ตกใจ“คุณดารา!
นภดาราตะลึง นภาจรีสั่ง
“แม่ชื่น พาดาราไปทำแผล ไป”
ชื่นรีบพานภดาราออกไป นภัสรพีเดินเข้ามา หน้าตาเครียดเคร่ง นภาจรีเขาไปกระซิบถาม
“ว่าไงคะ พี่ชาย”
นภัสรพีใจเสีย “ติดต่อไม่ได้เลย ต้องเกิดเรื่องไม่ปกติแน่”

ท่ามกลางความมืดสลัว พเยียที่นอนนิ่งอยู่ สักครู่หนึ่ง จึงค่อยๆ ขยับตัว รู้สึกเคล็ดขัดยอก แผลถลอก แต่ไม่บาดเจ็บมาก พเยียค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง
“โอย ขับรถไงวะ เดี๋ยวก็ตายกันหมดหรอก”
พเยียนั่งสำรวจตัวเอง แน่ใจแล้วว่าแขนขาไม่หัก หัวไม่แตกจึงลุกขึ้น กวาดตามองไปรอบๆ เห็นรถโผล่อยู่นิดๆ จึงเดินไปดูที่รถ พเยียผงะตกใจสุดขีดเมื่อเห็นร่างปราบและยุพาชุ่มไปด้วยเลือด
“คุณแม่” พะเยียผวาไปที่ปราบจับตัวเขย่าๆ ดู จึงรู้ว่าสิ้นใจตายแล้ว “ว้าย ตายกันหมดแล้ว”
พเยียตกใจแทบช็อก ทำท่าจะวิ่งหนีแล้วชะงัก นึกถึงกอหญ้า พึมพำออกมา
“กอหญ้าล่ะ”
พเยียเดินเปะปะสอดส่ายสายตามองหากอหญ้า ปากก็ตะโกนเรียกไปด้วย

“กอหญ้า กอหญ้า แกอยู่ไหนน่ะ กอหญ้า”
พเยียเดินห่างจากซากรถไปไม่ไกลนัก ก็เห็นร่างตะคุ่มๆ ของกอหญ้ากำลังขยับเขยื้อน
กอหญ้าขยับตัว ยังมองไม่เห็นอะไรเลย รู้สึกเจ็บศีรษะ
“โอย คุณแม่คะ”
พเยียเข้ามาหากอหญ้าที่กำลังพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น
“พเยีย คุณแม่ล่ะ คุณแม่เป็นไงบ้าง โอ้ย”
กอหญ้าพยายามจะลุก แต่เจ็บจนทรุดลงไปอีก พเยียเข้าประคอง ฟ้าแล่บสว่างวาบ ล็อกเก๊ตของกอหญ้าสะท้อนแสงเป็นประกายวามวาบ พเยียมองชะงักมอง นิ่งความคิดบางอย่างแว่บเข้ามาในใจ
“พเยีย เธอเป็นอะไรรึเปล่า แล้วคนอื่นๆ ล่ะ”
พเยียนิ่ง ทิ้งกอหญ้าลง แล้วเดินออกไป
“พเยีย...พเยีย”
กอหญ้าพยายามไถตัวเองไปตามพื้น เห็นเฉพาะขาพเยียเข้ามายืนกางจังก้า กอหญ้าเงยหน้ามอง ยังไม่เห็นท่อนไม้
พเยียมองกอหญ้าเหมือนยิ้มเหี้ยม
กอหญ้า ดีใจ “พเยีย ฉันลุกไม่ไหว ช่วยพาฉันไปหาคุณแม่ยุพาหน่อย”
พเยียเสียงเหี้ยม ยิ้มเหี้ยม “อยากไปหาคุณแม่ยุพาเหรอ ได้เลย”

พเยียสวิงท่อนไม้ในมือใส่กอหญ้าสุดแรงเกิดยินเสียงดังผลัวะอย่างน่าสยอง พร้อมๆ กับสายฟ้าที่สว่างวาบขึ้น ก่อนจะเห็นว่ากอหญ้าสลบคาที่ ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ดังโครมครืนอย่างน่าหวาดกลัว
ในแสงฟ้าแลบนั้น เห็นร่างพเยียยืนจังก้าเป็นเงาท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ และกอหญ้าที่นอนสลบอยู่แทบเท้าพเยียนั่นเอง
พเยียก้มตัวลงไปเขย่าตัวกอหญ้า เห็นกอหญ้านอนนิ่ง พเยียจึงคิดว่ากอหญ้าตายแล้ว รีบถอดสร้อยล็อกเก๊ตออกจากคอกอหญ้า พเยียยิ้มร้ายมองสร้อยในมือแล้วสวมใส่ที่คอตนทันที
“นับตั้งแต่วินาทีนี้ ฉันคือทายาทคนเดียวของสกุลศิวาวงศ์”

พเยียหัวเราะร่าอย่างผู้ชนะ ท่ามกลางฝนที่ตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตา
ฝนซาเม็ดลงไป เหลือแค่ตกปรอยๆ เห็นรถอิศรขับมาตามถนน อิศรมองเห็นรถปราบในสภาพพังยับเยินอัดติดอยู่กับต้นไม่ใหญ่ที่ข้างทาง และมีคนอยู่ด้วย อิศรตกใจ

“เฮ้ย”
อิศรจอดรถทันที เดินแกมวิ่งไปที่ซากรถ แล้วหันไปเห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งนอนฟุบอยู่ข้างทาง อิศรรีบเดินไปที่ร่างนั้น
“คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ คุณ”
อิศรจับร่างนั้นพลิกมา เห็นเป็นกอหญ้านอนนิ่งดูเหมือนตายแล้ว อิศรจำได้ ยิ่งตกใจมาก
“กอหญ้า!”

คืนนั้นบรรยากาศที่วังศิวาลัยอึมครึม นภดารานั่งนิ่งอยู่กลางห้องโถง สายตาจ้องไปที่ประตูทางเข้า แววตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น คนอื่นๆ ลอบมองอาการของนภดาราอย่างกังวล
นภาจรีกระซิบ “แจ้งตำรวจไหมคะ”
นภัสรพี นิ่งเครียด พยายามใช้ความคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี นภาจรีเซ้าซี้
“พี่ชายคะ ทำอะไรซักอย่างซี หลานดาราจะแย่อยู่แล้ว”
นภัสรพีพยักหน้า เดินไปที่โทรศัพท์บ้าน กำลังจะหยิบขึ้นมา โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
ทุกคนในห้องหันขวับไปมองพร้อมกัน ต่างคนต่างลุ้น
นภัสรพีพูดสาย “สวัสดีครับ ที่นี่วังศิวาลัย” นิ่งฟัง แปลกใจ “ใช่ ผมนภัสรพีพูด นั่นใครพูด”
น้ำเสียงนภัสรพีตกใจสุดขีด
“อะไรนะ” อึ้งไป หน้าเสีย
นภดารา นภาจรี ชื่น มองนภัสรพีตาไม่กระพริบ อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นภดาราแทบจะโถมเข้าไปหา ดีว่าชื่นรั้งเอาไว้
“ผมเสียใจด้วยจริงๆ ทำใจดีๆ ไว้ก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรที่ผมจะช่วยได้ก็ขอให้บอก อย่าเห็นว่าเราเป็นคนอื่นคนไกล...ครับ”
นภัสรพีวางสาย ตกใจและเสียใจมาก แต่พยายามข่มให้นิ่ง
“ใครโทร.มาคะ พี่ชาย มีเรื่องอะไรร้ายแรงหรือเปล่า”
“ทางบ้านปราบโทรมา...รถที่ปราบขับมาเกิดอุบัติเหตุ เสียหลักไปชนต้นไม้ข้างทาง”
นภาจรีใจหายวาบ นภาดาราผุดลุกขึ้นทันที เข้าไปหานภัสรพี
“แล้วคนอื่นล่ะคะ มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ปราบเสียชีวิตคาที่ รวมทั้งแม่ชีที่เป็นคนพายัยหนูมา...” นภัสรพีบอกเสียงเศร้า
“แล้วลูกล่ะคะ ลูกอยู่ที่ไหน” นภัสรพีอึ้ง นภดารากรีดร้องออกมา “คุณพ่อคะ ลูกสาวของลูกอยู่ที่ไหน”
“ไม่มีใครพบแก ฝนตกหนักทำลายร่องรอยทุกอย่างหมด...แต่ถ้าแกปลอดภัย แกก็ไม่น่าจะหายไปเฉยๆ แบบนี้”

“ไม่! ลูกต้องไม่เป็นอะไร!” นภดาราตัวสั่น วิ่งโซเซไปที่ประตู “ลูกต้องยังอยู่ ลูกต้องไม่เป็นอะไร”
นภดาราวิ่งออกไป นภาจรีกับชื่นวิ่งตามร้องเรียกพร้อมกัน
“คุณดารา” / “ดารา”

นภดาราวิ่งโซเซอย่างคนขาดสติจะออกไปข้างนอกวัง นภัสรพี นภาจรี และแม่ชื่น วิ่งตามมาจับตัวเอาไว้ได้
“ดารา จะไปไหน หยุดนะ” นภาจรีร้องถาม
“หยุดก่อนลูก” นภัสรพีคว้าตัวนภดาราเอาไว้ได้ “จะไปไหน”
“ลูกจะไปหายัยหนู ปล่อยลูกไป คุณพ่อปล่อยลูกไป”
ชื่นสงสารนัก “โถ คุณ .. คุณจะไปหาคุณหนูที่ไหนล่ะคะ”
“ไม่ว่าแกจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ฉันต้องเห็นหน้าแกให้ได้คุณพ่อขา ลูกจะไม่ทิ้งแกอีกแล้ว ลูกต้องหาแกให้เจอให้ได้”
นภัสรพีสงสาร เข้าใจความรู้สึก “ไป ลูก พ่อจะไปด้วย เราจะไปหาแกด้วยกัน”
ทั้งหมดประคองนภดาราขึ้นมา รปภ. วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพอดี
“คุณชายครับ...เอ่อ... มีคนมาหาครับ”
นภัสรพีถาม “ใคร”
“เอ่อ คือ...” รปภ. อึกอัก
พเยียในสภาพเลอะเทอะ มอมแมม ท่าทีตื่นตระหนก ก้าวออกมายืน มองทุกคนตื่นๆ ทุกคนมองพเยีย สังหรณ์ใจแปลกๆ
“หนูเป็นใครจ๊ะ” นภาจรีถาม
ท่าทีพเยียดูกล้าๆ กลัวๆ “หนู เอ่อ หนูชื่อพเยียค่ะ ก่อนสิ้นใจ ลุงปราบบอกให้หนูมาที่นี่”
พเยียพูดจบ หยิบล็อกเก๊ตที่คอชูขึ้น นภดารา นภัสรพี นภาจรี และแม่ชื่น ตะลึงเหมือนไม่เชื่อสายตา
“นั่นมัน...” คุณชายเอ่ยขึ้นยังไม่ทันจบ
“ยัยหนู”
นภดาราโผเข้าหาพเยียอย่างรักใคร่ จับแขนทั้งสองข้างของพเยียไว้ สัมผัสหน้าตา เนื้อตัวพเยียให้แน่ใจว่านี่เป็นความจริงไม่ใช่ความฝัน แล้วโผเข้ากอด น้ำตาพร่างพรู
“ยัยหนู ยัยหนูของแม่”
พเยียอึ้งๆ มองนภดารานิ่งๆ คิดในใจ ‘คนนี้เองที่เป็นแม่นังกอหญ้า’ นภดาราถอยออกมา ยิ้มบอกพเยีย
“ฉันชื่อนภดารา ฉันเป็นแม่ของหนูจ้ะ”
“ค่ะ คุณแม่”
นภดารากอดพเยียอีก พเยียกอดตอบ ยิ้มอย่างโล่งใจ
คนอื่นๆ ถอนหายใจ มองดูภาพนภดารากับพเยียกอดกัน ยิ้มอย่างมีความสุข
ในห้องฉุกเฉิน ร่างไร้สติของกอหญ้าถูกส่งเข้าไปในเครื่องสแกนสมอง หมอวิชาญและเจ้าหน้าที่ยืนดูอยู่ที่จอแสดงผล ใจจดใจจ่อ

ส่วนที่ด้านนอกห้อง อิศรเดินกระวนกระวาย รอลุ้นด้วยความเป็นห่วง
ที่วังศิวาลัย พเยียนั่งอยู่กับพื้นห้องโถง นภดาราประคองข้าง แนะนำญาติผู้ใหญ่

“นี่คุณตาของหนูจ้ะ หม่อมราชวงศ์นภัสรพี ศิวาวงศ์ ส่วนนี่ ก็คุณยายเล็ก น้องสาวของคุณตา หม่อมราชวงศ์หญิงนภาจรี”
พเยียก้มกราบนภัสรพีกับนภาจรีอย่างเรียบร้อยอ่อนหวาน
“พเยียกราบท่านตาท่านยายค่ะ”
นภาจรีส่ายหัว “เรียกคุณตาคุณยายก็พอ พูดเป็นลิเกไปได้”
“ส่วนคนนี้แม่ชื่น เป็นแม่บ้าน ที่ดูแลแม่มาตั้งแต่เล็กๆ”
แม่ชื่นที่ตั้งท่าจะรับไหว้ ต้องเหวอเล็กน้อย เพราะพเยียแค่พยักหน้ารับรู้
“ค่ะ คุณแม่”
นภาจรีนิ่วหน้า พูดเสียงเรียบแต่เข้ม
“ถึงแม่ชื่นจะเป็นแม่บ้าน แต่ก็เป็นผู้ใหญ่ เราเป็นเด็ก ก็ต้องเคารพนบไหว้”
พเยียชะงัก แอบชักสีหน้า ไม่พอใจนภาจรี พูดตัดพ้อกึ่งประชด
“ขอประทานโทษเจ้าค่ะ หนูเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีใครสั่งใครสอน”
นภดาราหน้าเสีย รีบแก้แทน
“อย่าว่าพเยียเลยค่ะ อาหญิง เอาไว้หลานจะค่อยๆ สอนแกเอง” นภดาราหันมาโอ๋พเยีย “เป็นความผิดของแม่เอง ที่ไม่ได้ดูแลหนู ต่อไปนี้ แม่สัญญานะจ๊ะ ว่าจะดูแลพเยียให้ดีที่สุด”
“ค่ะ คุณแม่” พเยียอ้อน “คุณแม่อย่าทิ้งพเยีย อย่าให้พเยียต้องลำบากอีกนะคะ”
“จ้ะ ลูกจ๋า ลูกรักของแม่”
นภดาราดึงพเยียมากอดอีก รักแสนรักนักหนา พเยียกอดตอบ นภัสรพีมองดูสองแม่ลูก แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าที่มือทั้งสองข้างของพเยียที่กอดนภดาราอยู่ ไม่มีแหวน
นภัสรพีฉุกคิดรำพึงเบาๆ “เอ๊ะ”
นภาจรีเห็นเข้า “อะไรคะ พี่ชาย”
“แหวน” คุณชายพยักเพยิดไปที่พเยีย
นภาจรีนึกได้ “จริงสิ แหวน...ไม่มีแหวน”
พเยียงง เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องแหวนมาก่อน
“แหวนอะไรคะ”
นภัสรพีถาม “เธอมีแหวนติดตัวมาด้วยนี่ ไปไหนซะล่ะ ขอให้ตาดูหน่อยซิ”
“แหวนอะไรคะ หนูไม่มีแหวนอะไรซักหน่อย” เริ่มเอะใจ และตกใจ “หนูต้องมีแหวนด้วยเหรอคะ คุณแม่ แหวนอะไร”
“แหวนที่พ่อของหนูให้กับแม่จ้ะ แม่ให้ติดตัวหนูไว้พร้อมกับล็อกเก๊ตอันนี้ ตั้งแต่ตอนที่หนูเกิด... หนูเอาให้คุณตาดูหน่อยซี...อยู่ไหนจ๊ะ” นภดาราบอก
พเยียอึ้งไปเลย ทำยังไงดี คิดหาคำแก้ตัว

ขณะเดียวกันที่นางพยาบาลส่งถุงพลาสติกให้อิศร มีแหวนเพชรรูปดาวอยู่ในนั้น
“ของส่วนตัวของคนไข้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
อิศรเอาของมาพลิกๆ ดู เห็นแหวนรูปดาว อิศรมองอย่างสนใจ

ส่วนที่ห้องโถง วังศิวาลัย พเยียทำเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้น น่าสงสาร
“หนูขอโทษค่ะ หนูผิดไปแล้ว”
นภัสรพีดุ “แล้วทำไมจะต้องโกหก แหวนของตัวเอง ติดตัวอยู่ตั้งแต่เล็ก ทำไมบอกว่าไม่เคยเห็น ไม่เคยมี”
พเยียปาดน้ำตา ทำหน้าดูน่าสงสารมากๆ “ก็เพราะว่า...เพราะมันไม่อยู่กับหนูแล้วค่ะ หนู ... ขายไปแล้ว”
ชื่นตกใจ “ตายจริง”
“ตอนนั้นทางโบสถ์ ทุกคนต้องอดๆ อยากๆ ข้าวแทบจะไม่มีให้กิน ตัวหนูก็ไม่สบาย ค่ายาค่าหมอก็ไม่มี หนูเลยเอาแหวนไปขาย เอาเงินมาให้ทางโบสถ์ แล้วก็เอามาเป็นค่ายาค่ะ” พเยียเล่าเป็นตุเป็นตะ
“โถ...ลูก”
“คุณแม่อย่าโกรธพเยียนะคะ พเยียไม่รู้ว่ามันสำคัญแค่ไหน พเยียขอโทษค่ะ คุณแม่”
“ลูกจ๋า แม่ต่างหากที่ต้องขอโทษหนู ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ ลูกคงไม่ต้องลำบากอย่างนั้น พเยียยกโทษให้แม่นะคะ”
นภดารากอดพเยียอีก ทั้งสองกอดกันกลม

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 1/4 วันที่ 10 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th