อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 3 วันที่ 14 ก.พ. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 3 วันที่ 14 ก.พ. 56

“คุณหญิงก็คิดเหมือนอย่างที่ชื่นคิดใช่ไหมคะ”
นภาจรีพยักหน้า
“นังเด็กคนนี้มันไม่ใช่ลูกของนภดารา มันเป็นแค่กาฝาก มันคงนึกว่าใครแตะต้องมันไม่ได้” น้ำเสียงนภาจรีฟังออกว่าเกลียดพเยียมาก “คอยดูเถอะ แม่ชื่น ฉันนี่แหละ จะกำจัดมันไปให้พ้นจากที่นี่ ไม่ให้มันมาแปดเปื้อนศิวาวงศ์ของเรา”

ที่เรือนไทยของชิษณุพงษ์เวลาเดียวกัน ชายหนุ่มเดินเกือบจะวิ่ง ชนโน่นชนนี่วุ่นวายไปทั่วบ้าน ร้องตะโกนลั่น
“ลุงเติมครับ ลุงเติม ลุงเติมอยู่ไหน”


เติมวิ่งออกมา
“มีอะไรเหรอครับ คุณชิษณุ”
ชิษณุพงษ์เขย่าตัวชายชราอย่างดีใจ “ฉันนึกออกแล้ว ลุง ฉันนึกออกแล้วว่าต้องทำยังไง ฉันจะกลับเชียงใหม่ ไปหาคนที่รู้จักกอหญ้า มันต้องมีใครซักคนที่รู้ว่ากอหญ้าจะไปไหน ลงมาหาใครที่กรุงเทพฯ”
เติมรู้สึกเห็นใจ “ไม่มีหรอกครับ ตำรวจเค้าถามดูแล้ว แม่ยุพาบอกทุกคนแค่ว่าจะพากอหญ้าลงไปทำธุระ”
“แต่พวกนั้นต้องมีรูปกอหญ้า ถ้าฉันรู้ว่าเค้าหน้าตาเป็นยังไง ฉันต้องหาเค้าเจอ”
“คุณครับ ทั้งโบสถ์ ทั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเค้าก็รื้อทิ้งไปแล้ว พวกแม่ชีที่เคยอยู่ที่นั่นก็แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ไม่มีใครเหลืออยู่ที่นั่น ซักคนเดียว คุณจะไปหาจากใคร”
ชิษณุพงษ์อึ้ง ใจเสีย แต่ยังไม่หมดหวัง
“มันต้องมีสิ ลุงเติม ต่อให้ฉันต้องเดินถามคนทั้งเชียงใหม่ ฉันก็จะทำ ฉันต้องหากอหญ้าให้เจอให้ได้”

ที่โต๊ะกินข้าวมื้อค่ำ ชิษณุพงษ์คุยกับเจ้าแสงโชติและเจ้ามลุลี ทั้งสองพยายามทัดทาน
“เพื่อนของลูกที่ชื่อกอหญ้าหายตัวไป ถ้าเขาไม่ได้เป็นอะไรไป เขาก็อาจจะมีความจำเป็น มีเหตุผลส่วนตัว ที่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน” เจ้าแสงโชติบอก
“หรือไม่เค้าอาจจะกำลังเดือดร้อน ตกอยู่ในอันตราย”
เจ้ามลุลีแย้ง “หรือไม่ เค้าก็อาจจะลืมลูกไปแล้ว อย่าลืมนะจ๊ะ กอหญ้ากับลูกก็เพิ่งรู้จักกันตอนที่ลูกไปพักฟื้นที่เชียงใหม่ เวลาแค่ไม่กี่เดือน”
ชิษณุพงษ์พูดสวนขึ้นมา “ผมกับกอหญ้าเป็นเพื่อนกัน เค้าไม่มีวันลืมผม เหมือนที่ผมไม่มีวันจะลืมเค้า”
เจ้าแสงโชติพูดเตือนสติ
“แต่เขาก็รู้ ว่าลูกไม่เคยเห็น ไม่รู้จักหน้าตาของเขา ถ้าเขายังไม่ลืมลูกเขาก็น่าจะเป็นฝ่ายติดต่อมา”
“ชิษณุ ตอนนั้นลูกเป็นคนตาบอดนะลูก เขาอาจจะไม่คิดว่าลูกจะหาย เขาอาจจะมีเพื่อนใหม่ไปแล้ว ผู้หญิงที่ไหนเขาจะ...”

ชิษณุพงษ์ลุกพรวดจากโต๊ะ
“ไม่! ไม่จริง! เขาต้องไม่ลืมผม! กอหญ้าต้องไม่ลืมผม”

ชิษณุพงษ์เดินผลุนผลันออกไป
ชิษณุพงษ์เข้ามาในห้องนอน ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างขัดใจ แล้วหันไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่หัวเตียง เป็นหนังสือที่ให้แง่คิดดีๆ ชิษณุพงษ์หยิบขึ้นมาเปิดดู ด้านในมีดอกหญ้าแห้งดอกหนึ่งทับเอาไว้

ชิษณุพงษ์หยิบขึ้นมาอย่างทะนุถนอม คิดถึงอดีต

ภาพในความคิดของชิษณุพงษ์ตอนที่ตาบอด จากจินตนาการของเขาเห็นบรรยากาศในทุ่งหญ้าที่มีดอกหญ้าสวยๆ ขึ้นประปราย ลมพัดเฉื่อยฉิว ชิษณุพงษ์กับกอหญ้านั่งบนเสื่อด้วยกัน มีตะกร้าขนมปิคนิคด้วย ชิษณุพงษ์แย่งหนังสือเล่มนั้นจากมือกอหญ้า ที่กำลังอ่านให้ฟัง
“เลิกอ่านเถอะ กอหญ้า” ชิษณุพงษ์โยนหนังสือไปอีกทาง “มาคุยกันดีกว่า” ชวนกอหญ้าคุยเล่นๆ “ชื่อเธอแปลกจัง ทำไมเธอถึงชื่อกอหญ้า”
กอหญ้าตอบด้วยเสียงแจ่มใส เป็นปกติ
“คุณแม่ยุพาบอกว่า วันที่พวกแม่ชีเจอฉัน ฉันโดนทิ้งเอาไว้บนกอหญ้าที่สนามข้างหน้าโบสถ์”
ชิษณุพงษ์รู้สึกผิดนิดๆ ที่ถาม “ขอโทษนะ ฉันไม่รู้”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่คิดมากหรอก”
“เธอไม่คิดอยากรู้เลยเหรอ ว่าเธอมาจากไหน พ่อแม่เธอเป็นใคร”
“ไม่ ฉันโชคดีแล้วที่ได้มาเจอคุณแม่ยุพา ได้อยู่ที่นี่ มีชีวิตแบบนี้” กอหญ้ายิ้มชื่น “ฉันพอใจแล้วที่เกิดมาเป็นกอหญ้า”
ชิษณุพงษ์ฟังแล้ว รู้สึกประทับใจ พลอยยิ้มออกมาด้วย
“ฉันอยากเห็นหน้าเธอจัง อยากเห็นว่าคนที่ชื่อกอหญ้า หน้าตาเป็นยังไง”
“เป็นแบบนี้ไง”
กอหญ้าเอาดอกหญ้ายื่นไปแหย่ชิษณุพงษ์ ทั้งสองหัวเราะสดใส

ชิษณุพงษ์ดึงตัวเองกลับมา มองดอกหญ้าแห้งในมือ เศร้า
“ซักวัน เราต้องได้เจอกัน ฉันจะหาเธอให้เจอ กอหญ้า”
ชิษณุพงษ์ยกดอกหญ้าแห้งในมือขึ้นมาแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ

งานเลี้ยงต้อนรับพเยียจัดขึ้นในห้องโถง วังศิวาลัย ตอนกลางวันก่อนถึงเวลาช่วงบ่าย มีการเตรียมงานคึกคัก นักดนตรี 2-3 คนในวง Quartet กำลังลองเสียง เตรียมการแสดงอยู่มุมหนึ่ง พนักงานในเครื่องแบบ เข็นรถที่มีเครื่องแก้วหรูหราผ่านวงดนตรีไป เห็นบรรยากาศกว้างขวางของบริเวณจัดงาน เป็นงานปาร์ตี้เลี้ยงน้ำชาเล็กๆ มีโต๊ะน้ำชา 4-5 โต๊ะถูกจัดตกแต่งไว้อย่างสวยงาม มีรสนิยม สาวใช้ถือแจกันดอกไม้เดินเข้าไปหาแม่ชื่นที่คุมงานอยู่
“แจกันอันใหญ่นี่จะให้ตั้งที่ไหนคะ คุณแม่บ้าน”
“เอาไว้ที่รับแขกตรงด้านหน้าจ้ะ” วินัยคนขับรถเดินผ่านมา “วินัย ขนมปั้นสิบที่สั่งให้ไปรับ เรียบร้อยหรือยัง”
“ครับ คุณแม่บ้าน ผมให้เค้าเอาเข้าไปจัดในครัวแล้ว”
แม่ชื่นพยักหน้าพอใจ นภดาราในชุดสวยงามเป็นพิเศษ เป็นชุดงานเลี้ยงกลางวัน แต่ดูสวยงาม หรูหรา เดินเข้ามาหา
นภดารามองไปรอบๆ สีหน้ากังวลนิดๆ “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมคะ แม่ชื่น”
“ค่ะ” ชื่นสังเกตเห็นนภดาราหน้าตาแฝงความกังวล “คุณไม่ต้องห่วงค่ะ ชื่นดูแลอย่างละเอียดทุกอย่าง รับรองไม่ทำให้คุณเสียหน้า”
“ฉันไม่ได้ห่วงเรื่องงานเลี้ยงหรอกจ้ะ เชื่อใจแม่ชื่น แต่ว่า...” นภดารานิ่งไป ชื่นมองอย่างสงสัย “คือ... เมื่อคืนฉันฝันถึงกานต์น่ะ”
ชื่นแปลกใจมาก “อุ๊ยตาย ฝันว่ายังไงคะ”
สีหน้าแววตานภดาราดูกังวลมาก “กานต์ย้ำแล้วย้ำอีก ฝากให้ฉันดูแลลูกให้ดี ให้ปกป้องคุ้มครองแก กานต์พูดอย่างกับว่า จะมีใครมาทำอะไรพเยียอย่างนั้นแหละ”
นภดาราพูดอย่างไม่สบายใจ แม่ชื่นฟังแล้วถอนใจอย่างระอา

ตกตอนบ่ายด้านพเยียมองตัวเองในกระจกอยู่ในเสื้อคลุมอย่างหรู แต่งหน้าเสร็จแล้ว ดูใสๆ เป็นธรรมชาติ ช่างผมกำลังทำผมให้พเยียไปได้ประมาณหนึ่งแล้ว
ช่างทำผมท่าทางหน่ายๆ เพราะลบหน้าแต่งใหม่ มาหลายรอบแล้ว ช่างแต่งหน้านั่งอยู่ใกล้ๆ หน้าตาประมาณพยายามข่มใจสุดๆ
พเยียหันซ้ายหันขวา พยายามมองสำรวจหน้าตัวเองในกระจกไปด้วย ช่างผมจับศีรษะให้นิ่ง
ช่างผมบอกเสียงหวาน “อยู่นิ่งๆ สักแป๊บบบบนะคะ คุณพเยีย”
พเยียเลยละความสนใจจากหน้า หันมาดูผมตัวเองจากในกระจก แล้วนิ่วหน้าอย่างไม่ถูกใจ

“ผมเนี่ย ทำแล้วเหรอ ทำไมมันดูหยั่งกับยังไม่ได้ทำ”
“ก็งานกลางวันนี่คะ ทำลอนคลายๆ ให้ดูสลวย เป็นธรรมชาติ” ช่างแนะ
พเยียเอียงไปเอียงมามองเงาตัวเอง มองที่ผมอย่างลังเล
“ไม่เอาอ่ะ ธรรมดาไป เกล้าผมดีกว่า”
ช่างผมหุบยิ้ม หน้าตาอดท๊นอดทน แต่แอบยกหวีแบบจะเอาหางหวีจิ้มศีรษะพเยีย หรือจะเอาหวีโขกให้ พยายามกลั้นใจ ตั้งใจเกล้าผมพเยียให้เสร็จๆ
พเยียดูสีลิปสติกที่ปาก แล้วชั่งใจว่าไม่ชอบ หันขวับไปหาช่างแต่งหน้า ผมหลุดอีก ช่างผมทำหน้าเจ็บใจ แต่ทำอะไรไม่ได้
พเยียบอกกับช่างแต่งหน้า “ลิปสติกสีนี้ก็เหมือนกัน ไม่ชอบอ่ะ หน้าก็จื๊ดจืด แต่งให้มันสวยๆ เด้งๆ เหมือนพวกไฮโซในหนังสือไม่ได้รึไง”
ช่างแต่งหน้าข่มใจสุดๆ “นี่ก็แต่งเยอะแล้วนะคะ”
ช่างแต่งหน้าหันไปทางกระเป๋าเมกอัพ ดึงสำลีหรือแผ่นทิชชูออกมาอย่างแรงแบบระบายอารมณ์ พึมพำ
“หน้ามันโลโซ จะแต่งให้มันไฮขึ้นมาได้ยังไง”
พเยียได้ยินไม่ถนัด แหวใส่ “อะไรนะ” ช่างชะงัก “ฉันได้ยินแว่วๆ แกว่าอะไรนะ แกว่าใครโลโซ”
“เปล่าค่ะ เปล่า”
“ก็ฉันได้ยิน” พเยียลุกพรวดอย่างเอาเรื่อง “แกว่าฉันใช่ไหม”
นภดาราเดินเข้ามาพอดี
“พเยีย อะไรกันลูก”
“ช่างพวกนี้น่ะค่ะ มันว่าพเยียโลโซ”
นภดารามองช่าง ช่างหน้าช่างผมหงอ หลบกันเป็นทาง นภดาราไกล่เกลี่ย
“เป็นไปไม่ได้หรอกจ้ะ หนูเป็นลูกสาวของแม่” ปรายตามองช่าง พูดยิ้มๆ “หนูคือพเยีย ศิวาวงศ์ ใครจะคิดว่าหนูเป็นอย่างนั้นได้ยังไง” นถดาราพูดกับช่างหน้าช่างผม “จริงไหมจ๊ะ”
ช่างหลบตากันวูบวาบ พเยียรู้สึกดี เชิดหน้าขึ้นมา ยิ้มอย่างภูมิใจ

ชิษณุพงษ์นอนหลับตาอยู่บนเตียง ท่าทางเกเรเอาแต่ใจสุดๆ
“ทำไมฉันจะต้องไปด้วย ฉันไม่อยากไป”
ลุงเติมตอบพลาง จัดเตรียมเสื้อผ้าให้ชิษณุพงษ์ไปพลาง
“เพราะเจ้าพ่อของคุณ เป็นญาติกับราชสกุลศิวาวงศ์ เจ้าก็เลยอยากให้คุณกับคุณหนูคนนั้น รู้จักมักจี่กันเอาไว้”
ชิษณุพงษ์หาข้ออ้าง “แต่ฉันยังไม่หายดี ปล่อยเจ้าพ่อไปกับเจ้าแม่สองคนก็พอแล้วนี่”
“แต่ถ้าคุณรู้ว่าคุณหนูคนนั้นเป็นใคร คุณอาจจะเปลี่ยนใจ”
ชิษณุพงษ์ลืมตา ลุกขึ้นนั่ง มองลุงเติม สงสัย สนใจ
“ทำไม”
“คุณหนูคนนั้นชื่อพเยียครับ ก่อนหน้านี้ เธอเคยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของโบสถ์แห่งนึง ที่เชียงใหม่”
ชิษณุพงษ์ตาเบิกกว้าง นึกออก
“พเยีย”

ชิษณุพงษ์นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตตอนเจอพเยีย ซึ่งเขายังตาบอดอยู่ เวลาตอนกลางวันของวันนั้นเสียงประตูห้องเปิด ลุงเติมนำพเยียกับกอหญ้าเข้าไป ชิษณุพงษ์ที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ที่เก้าอี้หันมาตามเสียง
พเยียเห็นเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี รีบดันกอหญ้าออกไปนอกห้อง ส่วนตัวเองเดินตรงเข้าไปหาชิษณุพงษ์ ยิ้มอย่างใส่จริต
“คุณชิษณุพงษ์ใช่ไหมคะ ลุงเติมบอกว่าคุณไม่สบาย ต้องการคนดูแล” เข้าไปเกาะแขนหว่านเสน่ห์ “ตั้งแต่นี้ไป พเยียจะมาดูแลคุณทุกวันเลยนะคะ”
ชิษณุพงษ์สะบัดมือ “ไม่ต้อง ฉันดูแลตัวเองได้”
ชิษณุพงษ์ลุกขึ้นยืน ลุงเติมตกใจ พเยียคว้าแขนไว้
“เดี๋ยวซีคะ จะไปไหนล่ะ ให้พเยียดูแลคุณดีกว่านะคะ”
“ปล่อย อย่ามายุ่งกับฉัน”
ชิษณุพงษ์สะบัด แล้วเดินหนี แต่ไปชนเก้าอี้ ชิษณุพงษ์เซล้ม ข้าวของบนโต๊ะตกกระจาย
ลุงเติมกับกอหญ้าตกใจ “คุณชิษณุ” / “คุณ”
ลุงเติมเข้าไปประคอง ชิษณุพงษ์ยิ่งโกรธ ควานมือเปะปะ พยายามจะลุกเอง แต่มือกลับไปผลักโดนข้าวของล้มอีก พเยียมองอย่างตกตะลึง
“ยี้ หน้าตาดีๆ ตาบอดเหรอนี่”

ลุงเติมส่งการ์ดเชิญให้ดู ชิษณุพงษ์รับมาอ่าน
“พเยีย ศิวาวงศ์”

ชิษณุพงษ์มองหน้าลุงเติม ลุงเติมยักคิ้วให้ เริ่มมีความหวัง ชิษณุพงษ์ยิ้มออกมา
ทางด้านนภาจรีเกลียดขี้หน้าพเยีย จนไม่อยากลงไปร่วมงานเลี้ยง ยังอยู่ในชุดสบายๆ โดยนั่งเล่นอยู่กับน้องหมาปุยฝ้ายที่ในห้อง เชิดหน้าตอบนภัสรพีผู้เป็นพี่ชายที่เข้ามาหา

“น้องไม่สบายค่ะ ปวดศีรษะ คงจะลงไปร่วมงานไม่ได้”
นภัสรพีที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว พูดตำหนิเสียงเข้มอย่างรู้เท่าทัน
“โกหกไม่เป็นก็อย่าริโกหก ทำแบบนี้ มันดูถูกทั้งพี่ ดูถูกทั้งตัวเอง”
นภาจรีลุกขึ้นยืน ประสานสายตาอย่างไม่หวั่นเกรง
“ค่ะ น้องไม่โกหกก็ได้ น้องสบายดี ไม่ได้เป็นอะไร แต่น้องไม่อยากลงไปร่วมงาน พี่ชายพอใจหรือยังคะ”
“หญิงนภา งานจัดที่บ้านของเราเองแท้ๆ แต่เธอไม่ลงไป คนอื่นเค้าจะคิดยังไง” นภัสรพีตำหนิ
“ใครจะคิดยังไงก็ช่าง น้องไม่สนใจ น้องไม่เชื่อว่านังเด็กพเยียเป็นลูกของดารา น้องไม่ยอมรับมัน พี่ชายจะเอาเด็กข้างถนน มายกย่องให้เป็นทายาทศิวาวงศ์ก็ตามใจ น้องไม่ว่า แต่จะให้น้องไปปั้นหน้าว่าชื่นชมยินดีซะเหลือเกิน น้องทำไม่ได้ ขอประทานโทษด้วยค่ะ”
นภาจรีเมินหน้า หันหลังให้ นภัสรพีมองอย่างหนักใจ

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ช่วงบ่าย เสียงเพลงบรรเลงอย่างไพเราะอยู่มุมหนึ่ง อีกมุม นภัสรพีกำลังทักทายญาติผู้ใหญ่ เป็นชายอายุ 80 ปี ท่าทางสง่าเดินมากับหญิงวัย 50 ปี ที่แต่งตัวดูภูมิฐานคนหนึ่ง
“ยินดีด้วยนะ คุณชาย” ญาติผู้ใหญ่ชายยิ้มๆ
“ขอบคุณมากครับ”
“แล้วหลานสาวคนใหม่อยู่ไหนกันล่ะจ๊ะ” ญาติผู้ใหญ่หญิงถาม
“แม่เค้ากำลังไปตามลงมา” หันไปเห็นนภดารา “โน่นไงครับ คุณหญิงมากันโน่นแล้ว”
ทุกคนมองไปที่บันไดห้องโถง นภดาดาราจูงพเยียเดินลงบันไดมา พเยียดูสวยสุดๆ หน้าผมจัดเต็ม สวมเดรสสั้นลูกไม้อย่างหรู เกือบจะกลางคืน แต่ก็ดูดี ใส่เพชรพลอยวูบวาบ
เต็มที่ เดินลงมาด้วยมาดของเจ้าหญิง
ช่างภาพถ่ายภาพกันใหญ่ พเยียยิ้มอย่างสุขสุดๆ นภดารามองพเยียอย่างปลื้มปริ่ม นภัสรพีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาด ไม่เชิงภูมิใจ ออกไปในเชิงปลงๆ
“นั่นแหละครับ พเยีย ศิวาวงศ์”
นภดาราพาพเยียเข้ามาไหว้ญาติผู้ใหญ่ ที่ยืนอยู่กับนภัสรพี พูดแนะนำ
“นี่ท่านชายนพ เป็นลูกผู้พี่ของคุณตา มีศักดิ์เป็นท่านตาอีกคนของหนู นี่หลานพเยียค่ะ ท่านลุง”
พเยียไหว้อ่อนหวาน “พเยียกราบท่านตาค่ะ”
นภดาราแนะนำต่อ “ส่วนนี่ก็หม่อมราชวงศ์ วิภาวลัย ลูกสาวของท่านตา หนูเรียกว่าคุณป้าหญิงก็ได้จ้ะ”
“กราบคุณป้าหญิงค่ะ”
“ไหว้พระเถอะลูก”
นภัสรพีหันไปเห็นเจ้าแสงโชติกับเจ้ามลุลีเดินเข้ามา หน้าตายิ้มแย้ม
“อ้าว แสงโชติมา” ประมุขวังศิวาลัยหันไปทางญาติผู้ใหญ่ “ผมต้องขอประทานอภัย ท่านชาย”
“เชิญไปรับแขกเถอะ คุณชาย เชิญๆ”
นภดารากับนภัสรพีเดินนำพเยียเข้าไปหา เจ้าแสงโชติกับเจ้ามลุลี ไหว้นภัสรพีอย่างนอบน้อม นภัสรพีตบไหล่ทักทายแสงโชติอย่างคุ้นเคยกันในฐานะญาติสนิท
“แสงโชติ ขอบคุณนะที่อุตส่าห์มา” หันมาทางพเยีย “พเยีย มารู้จักกับเจ้าลุงแสงโชติ และนี่เจ้าป้ามลุลี”
“สวัสดีค่ะ” พเยียยิ้มแย้ม ไหว้อ่อนช้อย
“ยินดีด้วยนะจ๊ะ ดารา ได้ลูกสาวกลับคืนมา เป็นสาวสวยเลยเชียว” เจ้ามลุลียิ้มแย้ม
“ขอบคุณค่ะ เจ้าพี่ เอ๊ะ แล้วนี่ มากันสองคนเองเหรอคะ”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงของชิษณุพงษ์ดังขึ้นด้านหลัง น้ำเสียงสดใส
“ผมอยู่นี่ครับ”
ชิษณุพงษ์สวมแว่นกันแดดสีชาอันโต มาดเท่ เดินเข้ามา หน้าตายิ้มแย้ม ไหว้กราดทักทายทุกคน
“สวัสดีครับ คุณปู่ คุณอา”
“สวัสดีจ้ะ ชิษณุมาก็ดีแล้ว จะได้รู้จักกันเอาไว้” นภดาราเบี่ยงตัว ให้พเยียเห็นชัดๆ “นี่พเยีย ลูกสาวของอาจ้ะ พเยียจ๊ะ นี่ชิษณุพงษ์ ลูกชายของเจ้าลุง”
พเยียกำลังจะยิ้มให้ชิษณุพงษ์ แต่แล้วพอเห็นหน้าชัดๆ ก็ชะงัก ชิษณุพงษ์ถอดแว่นกันแดดออก ยิ้มกว้าง มองพเยียเต็มตา

“สวัสดีครับ คุณพเยีย ไม่ทราบว่าจำผมได้ไหม”
พเยียหน้าซีดขาวเป็นกระดาษ นิ่งอึ้ง ตะลึงงัน ทำหน้าไม่ถูก นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตตอนเจอชิษณุพงษ์ครั้งแรก

วันนั้นที่บ้านชิษณุพงษ์ที่เชียงใหม่ พเยียวิ่งออกมาจากบ้าน กอหญ้ากับลุงเติมวิ่งตามมา
“เดี๋ยวก่อน พเยีย จะไปไหน”
“จะกลับแล้ว ฉันไม่เอาหรอก ดูแลคนตาบอดทั้งวัน เหนื่อยตาย”
“อ้าว ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ หนู ไหนตอนแรกว่าอยากหารายได้พิเศษไง” ลุงเติมแปลกใจ
กอหญ้า “ช่วยเค้าหน่อยเถอะนะ พเยีย เค้าน่าสงสารออก”
“แกดูไปคนเดียวเถอะ ฉันไปหาเงินทางอื่นดีกว่า ไปล่ะ” พเยียว่า
ชิษณุพงษ์ได้ยินตะโกนออกมาจากในบ้าน “ไปเลย จะไปไหนก็ไปเลย ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้น ไสหัวไป ไป๊”
พเยียด่ากลับ “ไม่ต้องมาไล่หรอก ฉันไปแน่ ไอ้บอด...อ๊าย”
ชิษณุพงษ์คว้าของในบ้านขว้างออกมาไม่นับ เฉียดหัวพเยีย กอหญ้ากับลุงเติมหลบแทบไม่ทัน พเยียวิ่งหนีไป ด่าดังลั่น

ทุกสายตามองมาที่พเยีย
“สองคนนี้เคยรู้จักกันมาก่อนเหรอนี่” นภัสรพีถาม
พเยียส่ายหน้า ปฏิเสธปากคอสั่น
“ม..ไม่ทราบซีคะ พเยียจำไม่ได้”
ชิษณุพงษ์เล่าต่อ “ผมเคยไปพักฟื้นอยู่ใกล้ๆ กับโบสถ์บนเขา ลุมเติมเคยพาจ้างคนจากบ้านเด็กกำพร้า ชื่อพเยีย มารับจ้างดูแลผม แต่ว่า...”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 3 วันที่ 14 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th