อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 7 วันที่ 25 ก.พ. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 7 วันที่ 25 ก.พ. 56

นภาจรียอม ตอบเสียงสะบัดๆ
“ก็ได้”
“ไม่แน่นะคะ ภายในเวลาสองอาทิตย์นี้ หนูกอหญ้าเธออาจจะนึกอะไรออกขึ้นมาอีกก็ได้” แม่ชื่นว่า
นภาจรียิ้มออก อารมณ์ดีขึ้นมา “ก็ดีเหมือนกัน ระหว่างที่พี่ชายไม่อยู่ ฉันจะหาหลักฐานมายืนยันให้ได้ ว่ากอหญ้าเป็นหลานของฉัน พี่ชายกลับมาเมื่อไหร่ นังพเยียจะต้องกระเด็นออกไปจากศิวาลัยเมื่อนั้น”

ด้านพเยียคลอเคลียนภดาราอยู่เหมือนลูกแมวขี้ประจบ ถามด้วยน้ำเสียงน่ารัก
“ระหว่างที่คุณตาไม่อยู่ เราหนีไปเที่ยวกันไหมคะ คุณแม่”


นภดารายิ้มเอ็นดู “พเยียอยากไปไหนล่ะคะ”
“ทะเลค่ะ พเยียอยากไปทะเล”
“เอาซีจ๊ะ แม่ก็ไม่ได้ไปนานแล้ว ชวนคุณยายหญิงกับแม่ชื่นไปด้วย” นภดาราชะงัก เมื่อเห็นพเยียทำหน้าจ๋อย “ทำไมล่ะลูก”
พเยียพูดเสียงอ่อยๆ แต่ทำทีเป็นออดอ้อนให้เห็นใจ
“พาคนแก่ไปด้วย จะสนุกอะไรคะ แล้วอีกอย่าง” พเยียทำหน้าจ๋อยๆ “คุณยายหญิงท่านไม่ชอบพเยีย ขืนท่านไป พเยียคงไม่กล้าขยับตัวแน่”
นภดารานิ่งไป รู้ว่าพเยียพูดจริง มองพเยียที่ทำตาปริบๆ อย่างเห็นใจ
“แล้วเราจะไปกันสองคนเองหรือลูก”
“เราก็ชวนกอหญ้าไปด้วยซีคะ” นภดารามอง แปลกใจนิดๆ พเยียทำหน้าซื่อ เสียงสดใส “กอหญ้าเค้าก็ไม่เคยไปเที่ยวไหนเหมือนกัน จะได้ไปช่วยพเยียดูแลคุณแม่ด้วย”
นภดาราฟังน้ำเสียง ดูท่าทีของพเยีย เข้าใจว่าพเยียพยายามจะเป็นมิตรกับกอหญ้า นภดาราดีใจ
“ดีจ้ะ ชวนกอหญ้าไปด้วย” นภดารานึกสนุก “เราสามคนหนีคุณยายหญิงไปเที่ยวทะเลกันนะ”

พเยียกอดนภดาราอย่างประจบ นภดารายิ้มมีความสุข พเยียยิ้มแววตาวาววับสาสมใจ
เช้าวันต่อมา ทั้งสามนั่งกินอาหารเช้าด้วยกันในสวนสวย นภดาราชวนกอหญ้าไปทะเลด้วยกัน แต่กอหญ้าลังเล

“ไปทะเลเหรอคะ”
“จ้ะ” นภดารายิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริง “ฉันให้เวลาสาวๆ เตรียมตัวหนึ่งวัน พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันแต่เช้า”
กอหญ้าแอบเหลือบมองพเยียนิดหนึ่ง เห็นพเยียหน้าตาสดใส ดูไม่มีพิษสง แต่กอหญ้ายังลังเลอยู่อย่างนั้น
“คุณอาไปกับคุณพเยียสองคนไม่ดีเหรอคะ หนูอยู่ช่วยเฝ้าบ้านให้”
นภดาราหัวเราะขำ “จะเฝ้าทำไมจ๊ะ ไปเที่ยวด้วยกันดีกว่า ไปพักผ่อนเปิดหูเปิดตาบ้าง” นภดารารู้ว่ากอหญ้ากลัวพเยีย ช่วยพูด “พเยียเค้าก็อยากให้หนูไป”
กอหญ้าหันมองพเยียอีก พเยียยิ้มแย้ม
“ไปด้วยกันนะ กอหญ้า จะได้ไปช่วยฉันดูแลคุณแม่ไง”
กอหญ้ามองพเยีย แล้วมองนภดารา เห็นสีหน้าของนภดารา เลยตอบอย่างเกรงใจ
“ค่ะ”
นภดารยิ้มพอใจ ศรีเข้ามาเรียน
“คุณคะ คุณอิศรมาพบคุณกอหญ้าค่ะ”
เห็นอิศรเดินตามศรีเข้ามาแล้ว ไหว้นภดารา
“สวัสดีครับ คุณอา”
“อิศรนั่งก่อนซี ทานอะไรมารึยังจ๊ะ” นภดารารับไหว้ แล้วหันไปบอกศรี “ศรี ขอกาแฟให้คุณอิศรด้วย” แล้วหันมาทักอิศร “มีธุระอะไรหรือเปล่าจ๊ะ มาแต่เช้า”

ครู่ต่อมาศรีเสิร์ฟกาแฟให้อิศร ซึ่งบอกธุระกับนภดารา
“วันนี้คุณหมอนัดตรวจเช็คอาการกอหญ้าน่ะครับ”
“ดีเลยจ้ะ ไปให้คุณหมอเช็คหน่อยก็ดี เมื่อวานหนูกอหญ้าก็ปวดหัวอีกแล้ว” นภดาราบอก
“อีกแล้วเหรอ กอหญ้า” อิศรเป็นห่วง
“ค่ะ แล้วก็เห็นภาพวูบวาบอีกแล้วด้วย ฉันอยากถามคุณหมออยู่เหมือนกัน ว่ามันเป็นภาพหลอนหรือว่าอะไร”
พเยียนิ่งฟังที่กอหญ้าพูด แอบมองอย่างกังวล ไม่สบายใจ

ไม่นานต่อมาอิศรกับกอหญ้านั่งคุยกับหมอวิชาญในห้องตรวจไข้ หมอวิชาญตื่นเต้นกับอาการของกอหญ้า
“อาจจะเป็นภาพหลอน หรืออาจจะเป็นเหตุการณ์จริงที่เคยเกิดขึ้นกับคนไข้มาก่อนก็ได้”
กอหญ้าซัก “แล้วทำไมฉันถึงต้องปวดหัวทุกครั้งที่คิดถึงมันด้วยล่ะคะ คุณหมอ”
“ภาพที่คนไข้เห็น มันอาจจะเป็นความทรงจำที่ถูกกดทับไว้ เมื่อเราไปพยายามนึกถึงมัน ร่างกายมันก็เกิดอาการต่อต้าน” หมอบอก
อิศรไม่เข้าใจ ถามอย่างหงุดหงิดรำคาญๆ “ต่อต้านทำไมวะ”
หมอวิชาญอธิบาย “ร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก ไอ้อิศร มันมีกลไกธรรมชาติที่จะปกป้องดูแลตัวเองให้ปลอดภัยในยามที่เกิดเหตุร้าย”
อิศรยิ่งงง ยกมือห้าม เสียงดัง “พอ! หยุด” หมอวิชาญชะงัก “แกอธิบายเป็นภาษาคนได้ไหม ฉันอยากรู้แค่ว่าทำไมกอหญ้าปวดหัว แล้วทำไงถึงจะหาย” หมอวิชาญตั้งท่าจะอธิบาย อิศรขัดอีก “สั้นๆ ง่ายๆ”
หมอวิชาญขำเพื่อน “โอเคๆ ฉันลืมไปว่าแกโง่ คืองี้ สมองของกอหญ้าไม่ต้องการจดจำเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น มันเลยบังคับให้เธอลืมทุกอย่าง เมื่อกอหญ้าพยายามจะรื้อฟื้น ร่างกายมันก็เลยต่อต้าน เป็นที่มาของอาการปวดหัวรุนแรงที่ว่า”
อิศรกับกอหญ้าฟัง รู้สึกทึ่ง ประหลาดใจ กอหญ้าหน้าเสีย
“หมายความว่า ฉันจะไม่มีวันจำอดีตของตัวเองได้อีกเลยเหรอคะ คุณหมอ”
หมอวิชาญมองตาแวววาว เหมือนเด็กได้ของเล่นชิ้นใหม่ขณะบอก
“ความจริงมันก็พอจะมีวิธี ว่าแต่ว่าคุณจะยอมเสี่ยงไหม”
กอหญ้าแววตาดูมีความหวังขึ้น อิศรมองหมอวิชาญอย่างระแวง ไม่ไว้ใจ

ไม่นานนัก อิศรลากแขนกอหญ้าออกมา หมอวิชาญตามมารั้งไว้ กลายเป็นเถียงกันเร็วๆ พูดสวนกัน โดยไม่มีใครหยุดรอเลยทีเดียว
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อนซี ไอ้อิศร นี่แกไม่อยากให้กอหญ้าเค้าหายหรือไง”
“ก็แกบอกว่ามันเสี่ยง”
หมอวิชาญขัดใจ “ฉันก็ต้องพูดไว้ก่อน ตามหลักการแพทย์ผ่าหัวสิวมันก็ยังมี ความเสี่ยง ฉันบอกแล้วไง ฉันจะดูแลอย่างดี ฉันรับรอง…”
อิศรเถียงสวนขึ้นมา “แกจะรับรองอะไรได้ แกเป็นคนบอกเอง ว่าสมองกอหญ้าพยายามจะลืมเรื่องในอดีต เพราะมันเลวร้ายมาก ถ้าแกไปกระตุ้นให้มันกลับมา แล้วกอหญ้าเกิดเสียสติ บ้าบอขึ้นมา แกจะว่ายังไง”

“ฉันไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นหรอกน่ะ” หมอวิชาญหันมาทางกอหญ้า “ผมรับประกัน”
อิศรพาล ขัดอีก “แกก็พูดแบบนี้ ตอนที่รักษาปลาทองให้ฉัน แล้วมันก็ตาย”
หมอวิชาญชักโมโห “ตอนนั้นฉันอยู่ป.4 นะไอ้อิศร แล้วนี่คนนะ ไม่ใช่ปลาทอง”
“ฉันถึงไม่ให้แกลองไง” อิศรคว้ามือ “ไป กอหญ้า”
กอหญ้าขืนตัวไว้
“เดี๋ยวค่ะ” อิศรชะงัก “นี่มันชีวิตของฉัน ฉันขอตัดสินใจเองได้ไหมคะ” แล้วหันมาทางหมอวิชาญ “ฉันอยากรู้ค่ะ ว่าวิธีที่คุณหมอว่า มันคืออะไร”

อิศรอึ้ง กอหญ้าทอดสายตามองมาอย่างวิงวอน
ทางด้านพเยียกับนภดารานั่งรออยู่ที่ล้อบบี้โรงพยาบาล พเยียดูกระวนกระวาย คอยมองไปทางห้องหมอวิชาญตลอดเวลา ครู่หนึ่งเห็นอิศรกับกอหญ้าเดินออกมาด้วยกัน

พเยียลุกพรวด “คุณแม่ขา ออกมาโน่นแล้วค่ะ”
นภดาราลุกขึ้น พเยียรีบดึงนภดาราเข้าไปหากอหญ้า
กอหญ้า แปลกใจ “คุณอา คุณพเยีย…มาโรงพยาบาลทำไมคะ”
นภดารายิ้มเขินๆ รู้สึกว่าตัวเองทำเกินกว่าเหตุไปหน่อย
“ฉันเป็นห่วงหนูน่ะจ๊ะ” นภดาราออกตัว “ความจริงก็แค่บ่นคำเดียวเท่านั้น แต่สงสัยพเยียเค้าจะรำคาญที่ฉันบ่น เลยลากฉันขึ้นรถให้ตามมาดูอาการหนูที่นี่”
อิศรกับกอหญ้ามองหน้าพเยีย รับรู้ว่าพเยียเป็นคนอยากมาที่นี่ พเยียรีบถามอย่างร้อนใจ
“ตกลงหมอว่ายังไงบ้าง กอหญ้า”
“หมอว่าอาการปวดหัว แล้วเห็นภาพวูบวาบมันเกี่ยวกับที่ความจำเสื่อมน่ะค่ะ” กอหญ้าบอก
พเยียยิ่งร้อนใจ “แล้วมันจะหายไหม ยังไง เมื่อไหร่”
“เอ่อ คือ…”
กอหญ้าอีกอัก ตอบไม่ถูก แปลกใจกับอาการรุกเร้าของพเยีย
“หมอเค้าว่ามีทางรักษาไหมจ๊ะ” นภดาราถาม
“หมอแนะนำให้ใช้วิธีสะกดจิตครับ คุณอา เผื่อว่าภาพเหตุการณ์ในอดีตที่ถูกกดทับไว้ จะแสดงออกมา”
นภดาราซักท่าทางตื่นเต้น “สะกดจิตให้กอหญ้ากลับไปเห็นเหตุการณ์ วันที่เกิดอุบัติเหตุอย่างงั้นหรือจ๊ะ”
“ค่ะ คุณหมอว่า ถ้าหากจิตใจหนูยอมรับเหตุการณ์นั้นได้ ทุกอย่างอาจจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม”
พเยียอึ้ง หน้าเสีย นภดาราไม่เห็น มัวแต่ดีใจ
“ดีจริง แล้วหนูจะเข้ารับการรักษาเมื่อไหร่”
“อาทิตย์หน้าค่ะ พอกลับมาจากทะเล หนูก็ว่าจะมาพบคุณหมอเลย”
“ฉันจะมาเป็นเพื่อนหนูด้วย ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าหนูเป็นใคร แล้วกำลังจะลงมาทำอะไรที่กรุงเทพฯ”
นภดาราปลื้มอกปลื้มใจ ไม่ได้สนใจว่าพเยียที่ยืนอยู่ด้านหลัง นิ่งเงียบ แววตาครุ่นคิดวางแผน

ที่สปา เมมเบอร์คลับ ภายในเต็มไปด้วยชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี แต่งตัวคล้ายๆ กัน 3-4 คนนั่งเรื่อยเปื่อยอยู่ เหมือนรอลูกค้า
ห่างออกไป นพดลคุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมห้อง หน้าตาจริงจัง
“ได้ แล้วไปถึงนั่นแล้วจะให้พี่ทำยังไง” นพดลนิ่งฟัง “โอเค ได้”
นพดลวางสาย แล้วเดินมาหาผู้จัดการสาวใหญ่ แต่งตัวสวย แต่ท่าทางโหด
“พี่ พรุ่งนี้ผมขอลาหยุดวันนึงนะครับ มีธุระ”
ผู้จัดการเปิดดูตารางนัดในสมุด “ไม่ได้ พรุ่งนี้เธอมีลูกค้าบุ๊คยาวเลย”
“ให้คนอื่นขึ้นงานแทนผมแล้วกันพี่ ผมมีธุระจริงๆ”
“ไม่ได้ ลูกค้าพรุ่งนี้เป็นลูกค้าวีไอพี เค้าบุ๊คล่วงหน้ามาหลายวันแล้วด้วยแกลาไม่ได้…ถ้าอยากจะลานักล่ะก็ ลาออกไปเลย”
นพดลมองหน้าผู้จัดการอย่างไม่พอใจสุดๆ

ขณะที่นภดารากำลังดูศรีแพคกระเป๋าเตรียมเดินทาง นภาจรีเปิดประตูเข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“ปิดกันเงียบกริบเลยนะ เรื่องจะพากันไปเที่ยวทะเล”
นภดาราอึ้ง มองหน้าศรี
“ศรีออกไปก่อนไป ที่เหลือฉันทำเอง”
ศรีรับคำแล้วค้อมตัวออกไป นภดาราหันไปตอบนภาจรี
“ที่หลานไม่ได้ชวนคุณอาหญิง ก็เพราะหลานทราบอยู่แล้ว ว่าคุณอา หญิงไม่ชอบลูกพเยีย” นภาจรีเชิดใส่ ไม่ปฏิเสธ “ในเมื่อไม่ถูกชะตากันก็ต่างคนต่างอยู่ ห่างๆ กันเสีย ไม่ดีกว่าหรือคะ”
“แต่อาบอกตรงๆ ว่าอาไม่ไว้ใจแม่พเยีย เธอเองก็ไม่แข็งแรงนะ ดารา แล้วถ้าพเยียทำอะไรหนูกอหญ้าอีก…”
นภดารายิ้ม พูดอย่างเชื่อมั่น
“คุณอาหญิงไม่ต้องห่วงเลยค่ะ หลังจากที่แกรับปากกับหลาน พเยียก็ไม่เคยพูดจา หรือทำอะไรไม่ดีกับกอหญ้าเลย แกพยายามจะเป็นเพื่อนที่ดีของกอหญ้า จริงๆ แล้วพเยียเป็นต้นคิดชวนกอหญ้าไปทะเลเสียด้วยซ้ำ”
นภาจรีอึ้งไป “งั้นหรือ”
“ค่ะ ก่อนหน้านี้ ที่พเยียทำตัวไม่ดี เพราะอิจฉา กลัวคนไม่รัก กลัวถูกทอดทิ้งต่างๆ นานา แต่พอเราพิสูจน์ให้แกเห็นว่า เรารักแกอย่างไม่มีเงื่อนไข พเยียก็หมดปัญหา ตอนนี้พเยียกับหนูกอหญ้าเค้าเป็นเพื่อนกันแล้วค่ะ”
นภดาราเล่าอวดๆ ด้วยความเชื่อเต็มเปี่ยมว่าพเยียกลับตัวแล้ว ส่วนนภาจรีนิ่งคิด

คืนนั้นนภาจรีอยู่ในห้องกับแม่ชื่น โดยนภาจรีนั่งลูบขนปุยฝ้ายใช้ความคิด แม่ชื่นถอนใจ บ่นงึมงำ
“คุณดาราหนอ คุณดารา ความรักมันทำให้ตาบอดจริงๆ”
นภาจรีคิดๆ “ที่นังพเยียทำแบบนี้ มันต้องมีแผนอะไรซักอย่าง”
“นั่นสิคะ นึกๆ แล้วก็เป็นห่วงหนูกอหญ้า ยิ่งไปไกลหูไกลตาด้วย” แม่ชื่นตัดสินใจ “คุณหญิงคะ ดิฉันว่าเราตามไปด้วยดีกว่า”
“ไปได้ยังไงล่ะ ดาราเค้าพูดกันท่าซะขนาดนั้น ไม่ให้ฉันไปยุ่งกับนังพเยีย”
แม่ชื่นฮึดขึ้นมา “งั้นดิฉันไปเอง ดิฉันจะอ้างว่าตามไปดูแลคุณดารา”
นภาจรีหันไปดุแม่ชื่น ด้วยความรักและเป็นห่วง
“แม่ชื่น แม่ชื่นอายุเท่าไหร่แล้ว จะไปทันอะไรนังเด็กนรกนั่น ขืนไป ฉันก็ต้องมานั่งเป็นห่วงแม่ชื่นอีก”
“แต่คุณหญิงขา ถ้าหากหนูกอหญ้าเป็นอะไรไป” หญิงชราลดเสียงลง “แล้วถ้าหากเรื่องที่เราสงสัยเป็นความจริง นั่นน่ะหลานคุณหญิงทั้งคนนะคะ”

นภาจรีฮึดฮัดขัดใจ สับสน ไม่รู้จะทำยังไงดี
เช้าวันต่อมา ที่หน้าตึกใหญ่ของวังศิวาลัย มีรถตู้จอดรออยู่ เห็นศรีกับวินัยกำลังขนกระเป๋าใส่รถ

นภดารา กอหญ้า พเยีย แต่งตัวลำลองเดินออกมา นภดารากับพเยียดูเบิกบานแจ่มใส โดยเฉพาะนภดาราที่ดูมีความสุขมาก กอหญ้าแจ่มใส แต่ก็ยังระวังตัว
พเยียดึงแขนนภดารา “ขึ้นรถเลยค่ะ คุณแม่ พเยียอยากไปเล่นน้ำเร็วๆ”
นภดาราขำ “ใจเย็นๆ จ้ะ ไม่ต้องรีบ ทะเลไม่หนีไปไหนหรอก”
“แหม พเยียเป็นเด็กดอย ไปค่อยเคยไปทะเลนี่คะ ก็ต้องตื่นเต้นหน่อยซีจริงไหม กอหญ้า”
พเยียแกล้งทำน้อยใจท่าทีน่าขำ กอหญ้ายิ้มรับอย่างสำรวม นภดาราหัวเราะออกมา
“จ้ะๆๆ แม่ลืมไป” นภดารานึกขึ้นมาได้ “เออ แล้วแม่เด็กดอยสองคนนี้เนี่ย ว่ายน้ำกันเป็นหรือเปล่าจ๊ะ”
กอหญ้า กับพเยียมองหน้ากัน พเยียคิดๆ แล้วพยักหน้าตอบชัดเจน
“เป็นค่ะ”
กอหญ้าไม่แน่ใจ “ฉันว่ายน้ำเป็นด้วยเหรอคะ คุณพเยีย”
พเยียชะงักนิดเดียว แล้วตอบอย่างมั่นใจ “เป็น เธอกับฉันเคยเรียนว่ายน้ำด้วยกันตอนเด็กๆ เธอว่ายน้ำเก่งจะตาย เก่งกว่าฉันซะอีก”
กอหญ้าพยักหน้า หันไปตอบนภดาราบอกอย่างน่ารัก “งั้น หนูก็ว่ายน้ำเป็นค่ะ”
ทั้งสามหัวเราะกัน รถตู้ขับออกจากวังศิวาลัย

ภายในห้องประชุมบริษัท อรรถนั่งอยู่หัวโต๊ะ มีอิศรนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และผู้บริหารร่วมอยู่ 2-3 คน สุบรรณกำลังเสนอโครงงานอย่างคล่องแคล่ว
“ในปีนี้ เราจะลงมือก่อสร้าง เซอร์วิส คอนโดมิเนียม โดยมีจุดขายเป็นที่พักผ่อน เป็นบ้านที่สองของครอบครัว ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวแบบบ้าน แต่บริการสะดวกสบายแบบโรงแรม”
ระหว่างที่สุบรรณพูดอยู่ เห็นอิศรนั่งไม่ติด ไม่ได้สนใจฟัง เพราะมัวแต่กังวลใจเรื่องกอหญ้า
อรรถเหลือบมองอย่างไม่ค่อยพอใจ
“เจ้าอิศร”
อิศรเพิ่งรู้ตัว “ครับ”

“มัวใจลอยคิดอะไรอยู่ งานการไม่สนใจ”
อิศรไม่สนใจ “โทษทีครับ เผอิญมีเรื่องอื่นให้คิด” หันมาทางสุบรรณ “ว่าต่อไปสิ สุบรรณ ถึงไหนแล้ว”
“เรามุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเอบวก ในจุดท่องเที่ยวคือ เชียงใหม่ สมุย ภูเก็ต และหัวหิน...” สุบรรณรายงานต่อที่ประชุม
อิศรตาวาววับ พูดเสียงดัง “ที่หัวหิน!? จริงสิ เรามีโครงการที่หัวหิน”
“ก็ใช่นะสิ เอ๊ะ นี่แกเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง” อรรถพูดอย่างขวางๆ
อิศรเก็บของ ลุก ตั้งท่าจะไป พูดกับทุกคน
“ผมขอตัวก่อนครับ สุบรรณ ไปกับฉัน”
อรรถลุกขึ้นบ้าง โมโหกรุ่นๆ “แกจะไปไหน”
“ไปหัวหินครับ พ่อว่าผมไม่สนใจการงาน ผมก็สนใจแล้วไง” อิศรพูดกับที่ประชุม “ขอโทษนะครับ ทุกคน…ไป สุบรรณ”
ครู่หนึ่ง อิศรเดินออกไป สุบรรณรีบเก็บของ เดินตาม อรรถได้แต่โมโห
เช้านั้นอิศรเดินตัวปลิวท่าทีร่าเริงมาตามทางเดินในออฟฟิศ สุบรรณวิ่งตามไปขวาง กางมือออกเหมือนจราจรให้เจ้านายหยุด
“หยุดก่อนครับ” อิศรมอง ขัดใจ “ผมต้องการคำอธิบาย”
“วันนี้กอหญ้าเค้าไปหัวหินกับคุณอาดาราฉันเป็นห่วงเค้า เลยว่าจะตามไปดู”
สุบรรณบ่น “นึกว่าอะไร ที่แท้ก็เอางานบังหน้า”
“ใครว่า เค้าเรียก ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวต่างหาก” อิศรว่า
“แปลว่าที่ไปหัวหินเนี่ย คุณอิศรจะไปทำงาน”
“ทำสิ” อิศรยิ้มขี้โกง “แต่ขอไปหากอหญ้าก่อนนะ”
อิศรเดินไป สุบรรณตามไปอย่างอ่อนใจ

ตอนสายๆ รถตู้ของวังศิวาลัยวิ่งเข้ามาจอดในบ้านตากอากาศหลังใหญ่ สวยงาม นายบุญกับสร้อยลูกสาว คนดูแลบ้านที่เป็นพ่อลูกกัน ออกมาต้อนรับ ท่าทางตื่นเต้นดีใจสุดๆ

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 7 วันที่ 25 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager