อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 6/3 วันที่ 24 ก.พ. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 6/3 วันที่ 24 ก.พ. 56

“มายืนคุยอะไรข้างถนนอย่างนี้ล่ะ เข้าไปคุยกันในวังดีกว่า พี่อยากจะเห็นเป็นบุญตาซะหน่อย ว่าหม่อมแม่ของพเยียรวยขนาดไหน”
นพดลพูดไป พลางเดินไปที่ประตูวัง พเยียรีบตามไปขวางไว้
“ไม่ได้นะ ไม่ได้ พี่จะเข้าไปไม่ได้”
นภดลเสียงเข้มใส่ “ทำไม…รังเกียจพี่งั้นเหรอ”
พเยียอึกอัก ไม่อยากมีเรื่อง “เปล่า แต่พเยียไม่อยากให้พวกเค้าเห็นพี่”

นภดลยียวน “ก็บอกเค้าไปซี๊ ว่าเราเป็นอะไรกัน รึจะให้พี่ไปบอกเอง”
นพดลขยับตัวทำท่าจะเข้าไปอีก พเยียตกใจ ลนลามห้าม ดึงตัวนพดลเอาไว้
“อย่านะพี่นพ”
จังหวะนั้นเสียงแม่ชื่นดังแว่วขึ้นมาจากหลังประตูวัง
“ทองมา” เสียงแม่ชื่นบ่น “ไปไหนนะ” เสียงดังใกล้เข้ามา “ทองมา อยู่ข้างนอกหรือเปล่า…ทองมา”



“นังชื่น”
พเยียตกใจมาก กลัวว่าแม่ชื่นจะเปิดประตูมาเห็น เลยตัดสินใจ โถมกอดนพดลทั้งตัว ออดอ้อน
“ไปหาที่คุยกันข้างนอกดีกว่าพี่ เราจะได้นั่งคุยนอนคุยกันให้สบาย”
นพดลยิ้มอย่างรู้ทัน หันกลับขึ้นขี่แล้วสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ พเยียรีบวิ่งไปซ้อนท้ายหมับ นพดลขับออกไปทันที

แม่ชื่นเปิดประตูเล็ก ชะโงกหน้ามองซ้ายขวา หาตัวทองมา เห็นลิบๆ ข้างหลังเป็นชายหญิงขับมอเตอร์ไซค์ออกไป ไม่ได้สงสัยอะไร แม่ชื่นหันกลับเดินเข้ามาในวัง เห็นทองมาวิ่งปาดเหงื่อกลับมา แม่ชื่นเอ็ดเสียงขุ่น
“ทองมา! หายไปไหนมา อู้ดีนัก เดี๋ยวเถอะ จะเรียนคุณหญิงซะให้เข็ด”
“เปล่าอู้ครับ คุณแม่บ้าน ผมไปไล่งูมา” ทองมาบอก
แม่ชื่นตกใจ “หา! งูเหรอ งูอะไร!”
ทองมายิ้มแหะๆ “งูอะไรก็ไม่ทราบครับ คุณหนูเธอโทร.มาตามผม ให้ไปช่วยไล่งูที่สวนด้านหลัง ผมไปหาอยู่ตั้งนาน ไม่เห็นเจอซักกะตัว”
แม่ชื่นฟัง แล้วนึกเอะใจว่ามอเตอร์ไซค์ที่เห็นหลังไวๆ นั้นน่าจะเป็นพเยีย

ไม่นานต่อมาแม่ชื่นเดินหน้าเครียดเข้ามาในบ้าน เห็นนภดาราเดินเหลียวซ้ายแลขวา อยู่ตรงโถงเหมือนมองหาใคร ศรีเดินเข้ามาจากด้านหลัง
นภดาราถาม “ว่าไง ศรี เจอไหม”
ศรียังไม่ทันตอบ แม่ชื่นก็ถามขึ้น
“หาอะไรคะ คุณดารา”
“หาลูกพเยียค่ะ แม่ชื่น เห็นเข้าห้องปิดประตูเงียบไป ฉันก็เป็นห่วง แต่พอไปหา ก็ไม่อยู่ ไม่รู้หายไปไหน” นภดาราบอกท่าทีเป็นห่วง
“อาจจะออกไปข้างนอกก็ได้นะคะ คุณดารา ตะกี๊มีเพื่อนของคุณหนูโทร.มาหา คุณหนูอาจจะออกไปหาเพื่อน” ศรีบอก
“เพื่อน? เพื่อนผู้ชายใช่ไหม” แม่ชื่นถาม
“ค่ะ คุณแม่บ้าน เห็นว่าเพื่อนจากเชียงใหม่น่ะค่ะ ชื่อคุณนภดล” ศรีบอก
แม่ชื่นพยักหน้ายิ่งมั่นใจ “ใช่แน่ๆ” หญิงชราบอกกับนภดารา “ตะกี๊ดิฉันเห็นซ้อนมอเตอร์ไซค์ออกไปด้วยกัน เห็นหลังไวๆ ไม่นึกว่าจะใช่คุณหนู”
นภดาราฟังแล้วไม่ค่อยสบายใจ

“นพดล…ใครกัน”
ช่วงบ่ายวันนั้น สองคนอยู่ที่คอนโดนภดล เห็นโค้กจากกระป๋องเทลงแก้วเหล้าที่ผสมไว้แล้วสองใบ นพดลถือแก้วเหล้า เดินมาหาพเยียซึ่งนั่งอยู่ที่โซฟา รอบตัวมีอาหารพวกดิลิเวอรี่เรียงรายเต็มไปหมด

นภดลส่งให้พเยียหนึ่งแก้วพูดเหน็บ “เอ้า โค้ก โซดา เหมือนเคย กินได้ไหม หรือว่าเดี๋ยวนี้ต้องกินไวน์ขวดละหมื่นสองหมื่น”
พเยียรับแก้วมาจิบอย่างชื่นใจ เมื่อได้กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมๆ กับนพดล พเยียดูผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองขึ้น
“พี่ก็พูดไป ไวน์เวยอะไรไม่เคยได้แตะซักหยด อยู่ที่วังกินอยู่สุขสบายก็จริง แต่ระเบียบจัด เรื่องเยอะยิ่งกว่าอยู่กับแม่ชีซะอีก”
นพดลลงนั่งข้างๆ “ไหน เล่าให้พี่ฟังสิ มันยังไงถึงได้กลายไปเป็นลูกท่านหลานเธอกับเค้าได้”
พเยียโกหกหน้าตาเฉย
“คุณแม่ท่านก็ให้คนตามหาลูกที่หายไปของท่าน อีตาลุงนั่นก็มาหา จนกระทั่งมาเจอพเยียเข้านี่แหละ”
“ตั้งสิบกว่าปีมาแล้ว แม่พเยียเค้ารู้ได้ยังไงว่าเป็นพเยียเป็นลูกของเค้า” นพดลถาม
พเยียตัดบท “เค้ารู้ก็แล้วกันน่ะ คุณแม่รับพเยียมาอยู่ด้วย แต่พวกญาติแก่ๆ ในวังเค้าไม่ชอบพเยีย จ้องจับผิดอยู่ตลอด เพราะฉะนั้น พี่นพห้ามมายุ่งกับพเยียอีกเป็นอันขาด”
นพดลมองพเยียอย่างมีแผน กระเถิบเข้ามาใกล้ ดึงมากอด ป้อคำหวาน
“แหม พเยียสวย ออร่าคุณหนูจับไปทั้งตัวอย่างนี้ จะให้พี่เลิกยุ่งได้ยังไง”
พเยียเอามือดันออกอย่างไว้ตัว “พอๆๆๆ” มองนพดลอย่างรู้ทัน “เอางี้ ฉันจ้างพี่ก็แล้วกัน
พเยียหยิบกระเป๋าขึ้นมา ส่งเงินให้ปึกหนึ่ง
“เอาไป…แล้วอย่ามายุ่งกับฉันอีก”
นภดลกรีดเงินดูอย่างชำนาญ “หมื่นนึง...ไม่น้อยไปหน่อยเหรอคุณหนูพเยีย”
“ฉันมีเท่านี้แหละ พี่จะเอาไม่เอา”
นพดลเก็บเงิน “เท่านี้ก่อนก็ได้” ยิ้มกวน “วันหลัง ค่อยว่ากัน”
พเยียทนไม่ไหว ลุกพรวดขึ้น โวยวายอย่างลืมตัว
“วันหลังอะไรเล่า ไม่มีแล้ว! ฉันพูดจริงๆ นะ พี่นพ ห้ามมายุ่งกับฉันอีก ลำพังตัวฉันเองตอนนี้ก็จะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว จะโดนเฉดออกจากวังเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“อะไรกัน” นภดลงง เมื่อเห็นสีหน้าพเยียจริงจัง “พเยียเป็นลูกเป็นหลานของเค้าไม่ใช่เหรอ ทำไมจะโดนเฉดออกจากวังได้”
พเยียนิ่งอัดอั้น ใจหนึ่งไม่อยากให้นพดลมายุ่ง อีกใจหนึ่งก็อยากระบาย อยากมีคู่คิด
นพดลมองคาดคั้น ในที่สุด พเยียก็ตัดสินใจ
“ฉันเป็นลูกเป็นหลานของเค้าก็จริง แต่มันดันมีคนคนนึง เข้ามาทำให้ชีวิตของฉันมีปัญหา”
“ใคร” นพดลประจบ “ใครมันมางี่เง่ากับพเยียของพี่ พี่เคลียร์ให้ได้นะ”
พเยียมองนพดล ได้คิด ยิ้มออกมา
“ก็แค่ผู้หญิงคนนึง พี่เคลียร์ให้พเยียได้จริงเหรอ”
“ได้สิจ๊ะที่รัก มันอยู่ที่ว่า เคลียร์แล้ว พี่จะได้อะไร”
พเยียยิ้มหวาน โน้มคอนพดลเข้ามาใกล้ กระซิบกระซาบ แล้วสองคนก็นัวเนียกันอย่างคุ้นเคย

คืนนั้นนภัสรพีนั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะในห้องหนังสือ กอหญ้าเคาะประตู
“ขออนุญาตค่ะ”
นภัสรพีเงยหน้าไปมองพลางปิดเอกสาร “เข้ามา”
กอหญ้ายิ้มแย้มเข้ามาพร้อมชุดน้ำชาประจำตัวของนภัสรพี
“ชาก่อนนอนค่ะ ท่าน...” กอหญ้าเห็นนภัสรพีมองยิ้มๆ จำใจเรียก “คุณตา”
“นี่มันหน้าที่ของแม่ชื่นเค้า วันนี้นึกยังไงให้หนูเป็นคนยกมา”
กอหญ้ารินชาร้อนควันกรุ่นลงในถ้วย เลื่อนไปให้ พูดไปด้วย
“แม่ชื่นดูแลคุณอาดาราอยู่ค่ะ หนูเลยอาสาทำแทน”
นภัสรพีจิบชา นึกรู้หน้าขรึมลง
“แปลว่าพเยียยังไม่กลับใช่ไหม”

“ค่ะ” กอหญ้าพูดอย่างเห็นใจ “คุณอาดารากลุ้มใจ ห่วงคุณพเยีย แม่ชื่นกลัวว่าโรคหัวใจจะกำเริบอีก เลยไม่กล้าทิ้งไปไหน”
นภัสรพีถอนใจ พูดลอยๆ “บางทีฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าฉันทำถูกหรือทำผิด ที่รับเอาเด็กคนนี้เข้ามาอยู่ในบ้าน”
กอหญ้ามองนภัสรพี แปลกใจในคำพูด
“ทำไมท่านพูดอย่างนั้นล่ะคะ คุณพเยียเป็นหลานของท่าน หลานที่ท่านตามหามาตั้งสิบกว่าปี ท่านไม่ดีใจเหรอคะ ที่ได้หลานสาวกลับคืนมา”
“หลานสาวของฉัน ถ้าฉันได้เค้ากลับคืนมาจริงๆ ก็ดีสิ”
นภัสรพีแววตาหม่นเศร้าลง

กอหญ้ามองอย่างงุนงง ไม่เข้าใจ แต่ก็สงสารนภัสรพีที่ดูเป็นทุกข์
ด้านพเยียเปิดประตูเล็ก ย่องเข้าบ้าน ทองมาที่นั่งดูทีวีเล็กอยู่ในป้อมยาม หันมาเห็นทักเสียงดัง

“คุณหนู”
พเยียเอานิ้วแตะปาก เป็นสัญญานให้เงียบ ทองมาลดเสียงลง
“คุณหนูไปไหนมาครับ”
“ไปเที่ยว อย่าเอะอะไปล่ะ”
พเยียวิ่งเข้าประตูไป ลัดเลาะไปทางด้านข้างบ้าน

พเยียย่องหาทางแอบเข้าบ้านที่ประตูข้างสวน ทันใดนั้นก็มีเสียงนภาจรีดังขึ้น
“หยุดนะ”
พเยียสะดุ้งสุดตัว รีบหลบ ใจเต้นโครมครามนึกว่าโดนจับได้ แต่แล้วกลับเห็นปุยฝ้ายวิ่งออกมา นภาจรีเดินแกมวิ่งตามออกมา
“ปุยฝ้าย จะไปไหน อย่าซนสิลูก”
พเยียถอนหายใจเฮือก หลบนิ่งอยู่ เห็นนภาจรีมาอุ้มปุยฝ้าย โอบกอดอย่างแสนรัก
นภาจรีพูดกับน้องหมาอย่างอ่อนหวาน “พรุ่งนี้เช้าค่อยเล่นนะจ๊ะลูกจ๋า ดึกแล้ว เข้าบ้านกันดีกว่านะจ๊ะ”
นภาจรีพาปุยฝ้ายออกไป พเยียทำปากขมุบขมิบด่าตามหลัง
“ทีพูดกับแมวล่ะลูกจ๊ะลูกจ๋า หมั่นไส้”

พเยียเข้าห้องปิดประตูอย่างเบามือ ไม่อยากให้นภดาราได้ยิน พอขยับตัวออกจากประตู ก็มีเสียงเคาะ พเยียทำหน้าเหมือนอยากจะกรี๊ด แล้วบ่นเบาๆ กับตัวเอง
“คุณแม่”
พเยียกลั้นใจ เปิดประตู ปั้นหน้ายิ้มหวาน
“มีอะไรคะ” พเยียชะงัก หน้าเปลี่ยน เสียงเปลี่ยน “กอหญ้า”
“คุณอานภดาราเข้านอนไปแล้วค่ะ แม่ชื่นให้ทานยา เพิ่งหลับไป” กอหญ้าพูด เสียงเป็นเชิงตำหนิ “แต่ก่อนหน้านั้น ท่านเป็นห่วงคุณมาก”
“อืมม์” พเยียทำเสียงรับรู้ จะปิด กอหญ้าดึงบานประตูไว้
“คุณอาดาราไม่ค่อยแข็งแรง คุณไม่น่าทำให้ท่านต้องกังวลใจ มันไม่ดีกับสุขภาพของท่าน”
พเยียชักสีหน้า “แล้วไงอีก”
“ท่านรักคุณมากนะคะ ถ้าฉันมีแม่ ที่รักฉันมากอย่างนั้น ฉันจะไม่ทำให้ท่านเสียใจเลย” กอหญ้าบอก
พเยียยิ้มเยือกเย็น “ไม่ต้องห่วงหรอก กอหญ้า ฉันจะรักและดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุด เพราะท่านเป็นคุณแม่ของฉัน…ของฉันคนเดียว”
พเยียปิดประตูใส่หน้ากอหญ้า ดังปัง!

วันต่อมาสุบรรณเดินเข้ามาในออฟฟิศของอิศร ในมือมีของฝากใส่ถุงมา 2-3 อย่าง สุบรรณโผล่หน้าเข้ามาหาในห้องทำงานอิศร
“กลับมาแล้วคร้าบ”
อิศรที่นั่งพิงพนักเก้าอี้หันหลังดูอะไรบางอย่างอยู่ หมุนเก้าอี้กลับมามอง สุบรรณเอาของวางลงบนโต๊ะ
“นี่ครับ จากเชียงใหม่”
อิศรมองมา ท่าทีหงุดหงิด “อะไรของแก
“แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม แล้วอันนี้หมูยอ” สุบรรณบอก
อิศรทนไม่ไหว ลุกพรวด หัวแทบจะชนกับสุบรรณ
“ฉันมีตาโว้ย ฉันเห็นว่ามันเป็นอะไร แต่แกเอามาวางที่โต๊ะฉันทำไม”
สุบรรณ ยิ้มกวน “อ๋อ ก็เห็นคุณอิศรสั่งว่า ยังไงก็ห้ามกลับมามือเปล่า แล้วผมก็เห็นว่าน้ำพริกเจ้านี้เค้าดัง…”
อิศรสวนขึ้น “พอ พอเลยไอ้สุบรรณ...” พลางลงนั่ง “ฉันหากอหญ้าเจอแล้ว เค้าอยู่ที่วังศิวาลัย”
“อ้าว จริงดิ” สุบรรณลงนั่ง “โห ไอ้ผมก็หาซะเหนื่อย ที่แท้ก็หนีไปอยู่ข้างบ้านคุณอิศรนี่เอง” นึกได้ “เอ๊ะ แล้วนึกยังไงไปอยู่ที่นั่นล่ะครับ”
อิศรบ่นระบายอย่างน้อยใจ “คุณอาดาราอาสาจะดูแลเค้า แล้วเค้าก็ไว้ใจทางโน้นมากกว่าฉัน”
สุบรรณถึงบางอ้อ “เลย’รมณ์เสีย”
อิศรบ่นต่อ “ไอ้ชิษณุพงษ์มันไปป้วนเปี้ยนอยู่ที่นั้นด้วย มันเสนอตัวจะช่วย ทำให้กอหญ้าจำอดีตได้”
“ก็ดีนี่ครับ คุณอิศรเองก็อยากให้คุณกอหญ้าหายความจำเสื่อมซะทีไม่ใช่เหรอ”
“ไม่รู้สิ”
สุบรรรณฟังแล้วงง “ห๊ะ!”
อิศรถอนใจฮึดฮัด ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้เหมือนเด็กไม่ได้อย่างใจ สุบรรณมองงงและสงสัย
“ฉันกลัวว่ะ สุบรรณ ฉันกลัวว่าถ้ากอหญ้าเค้าจำอดีตได้ ฉันจะเสียเค้าไป”
“ทำไมคิดหยั่งงั้นล่ะครับ
อิศรไม่ตอบได้แต่ทอดถอนใจ พลางก้มลงมองแหวนรูปดาวในมือ ที่ถือดูอยู่ก่อนหน้า คิดถึงคำพูดของชิษณุพงษ์ ที่บอกอย่างมั่นใจ วันที่เจอกันหน้าโบสถ์
“กอหญ้าเพื่อนผม ที่นิ้วนางข้างขวาของเค้า จะมีแหวนใส่ไว้ตลอดเวลา แหวนที่เป็นรูปดาว”
กอหญ้าฟังแล้วสับสน “แล้วคุณล่ะ คุณเป็นใคร เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เธอกับฉันเป็นเพื่อนกัน ตอนที่เธออยู่ที่เชียงใหม่ เธอช่วยดูแลฉันตอนที่ตาฉันมองไม่เห็น เราสองคนรักกัน เธอสัญญาว่าถ้าฉันผ่าตัดตาเรียบร้อย เธอจะหมั้นกับฉัน”
อิศรดึงตัวเองกลับมาบอกกับสุบรรณ น้ำเสียงไม่พอใจ
“กอหญ้ากับชิษณุพงษ์อาจจะเคยสัญญารักกันจริงๆ ก็ได้ ถึงได้ให้แหวนแทนใจกันไว้”
“คุณอิศรไม่ลองเอาแหวนไปให้คุณกอหญ้าดูล่ะครับ แกอาจจะนึกอะไรออกขึ้นมาก็ได้” สุบรรณแนะ
อิศรทำหน้าแบบเด็กเกเร ที่ไม่ยอมแพ้
“เรื่องอะไร ในเมื่อกอหญ้าเองก็จำไม่ได้ ว่าตัวเองเคยใส่แหวนของไอ้หมอนั่น” พูดกวนๆ “แหวนเหวินอะไรกัน ฉันไม่เคยเห็นกอหญ้าใส่แหวนอะไรทั้งนั้น” มองสุบรรณ พูดข่มขู่ “แกเองก็ไม่เคยเห็น ใช่ไหม”
สุบรรณรู้ทันว่าอิศรจะโกงอีกแล้ว ตอบอย่างอ่อนใจ
“คร้าบบบ”
อิศรยิ้มเจ้าเล่ห์ หยิบแหวนมาชู “แหวนวงนี้ ไม่เคยมีอยู่ในโลกเลยด้วยซ้ำ”

อิศรโยนแหวนใส่ลิ้นชัก ปิดดังปัง สุบรรณมองอิศรอย่างทึ่งในความเกเรและขี้โกงสุดๆ
ตอนสายๆ นภดารากึ่งนั่งกึ่งนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง มีแม่ชื่นดูแลอยู่ พเยียเดินหน้าตาสดใสเข้ามาหา ทักทายเสียงอ่อนหวาน

“คุณแม่ขา”
นภดาราหันไปเห็น “พเยีย”
พเยียเข้ามากอดประจบ แม่ชื่นมองอย่างไม่ไว้ใจ
“คุณแม่ไม่สบาย หายหรือยังคะ”
“แม่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกจ้ะ”
แม่ชื่นพูดแทรกเสียงเรียบ นิ่ง “คุณดาราเป็นโรคหัวใจ จะประมาทไม่ได้ ทางที่ดี” หญิงชราปรายตามองพเยียขณะพูดประโยคต่อมา “ก็ไม่ควรจะให้มีเรื่องเครียดหรือกังวลใจ”
นภดารามองอย่างกังวล ไม่อยากให้ชื่นต่อว่าพเยีย แต่พเยียกลับพูดเสียงอ่อนหวาน
“พเยียผิดเอง ที่ทำอะไรไม่คิด ทำให้คุณแม่ไม่สบายใจ” พเยียก้มกราบที่ไหล่ “พเยียขอโทษนะคะ” พลางหันไปไหว้แม่ชื่น “พเยียขอโทษค่ะ แม่ชื่น”
แม่ชื่นตกใจรับไหว้แทบไม่ทัน พเยียหันไปหานภดารา
“เมื่อวานพเยียออกไปหาเพื่อนน่ะค่ะ เค้าเห็นข่าวพเยียในหนังสือพิมพ์ เลยโทร.มาหา บังเอิญว่าโทรศัพท์แบตหมด พเยียเลยไม่ได้โทร.บอกคุณแม่” พเยียแก้ตัว
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ” นภดาราลูบหัวพเยียอย่างรักใคร่ “แต่วันหลังอย่าหายไปเฉยๆ แบบนี้อีกนะคะ แม่เป็นห่วงหนู”
พเยียกอดประจบนภดารา “ค่ะ หนูสัญญาจะเป็นเด็กดี ไม่ทำให้คุณแม่ต้องกลุ้มใจอีกเลย”

นภดารายิ้มชื่นใจ แม่ลูกหยอกล้อกันน่ารัก
แม่ชื่นมองพเยียกับนภดารา แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง แล้วหันหลัง เดินออกไปเงียบๆ

กอหญ้าเดินมาจากชั้นล่าง มาเคาะประตูห้องนภดารา
“ขออนุญาตค่ะ”
ภายในห้องนภดารากำลังเอาเครื่องเพชรออกมาขัดทำความสะอาด รอบตัวมีกล่องใหญ่กล่องเล็กเรียงราย พเยียหยิบโน่นนี่ดูอย่างตื่นตาตื่นใจ
นภดาราร้องเสียงใส มีความสุข “เข้ามาสิจ๊ะ หนูกอหญ้า”
กอหญ้าเข้ามา เห็นนภดาราหยิบแหวนเพชรวงหนึ่งขึ้นมาเช็ด พเยียชะโงกหน้ามอง ตาโต
“โอ้โห สวยจัง วงนี้กี่กะรัตคะนี่ คุณแม่” พเยียฉอเลาะ
“สามกะรัตจ้ะ” นภดาราเห็นพเยียตาวาว จึงถาม “หนูชอบเหรอลูก”
“ค่ะ” พเยียเสียงตื่นเต้น
“งั้นแม่ให้”
พเยียรับแหวนมาสวมอย่างดีใจ
“ขอบคุณนะคะ คุณแม่ใจดีที่สุดเลย”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 6/3 วันที่ 24 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager