อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 3/3 วันที่ 16 ก.พ. 56

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 3/3 วันที่ 16 ก.พ. 56

“มันไม่พูดความจริง แล้วยังแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเรา มันต้องการอะไรกันแน่”
นภดาราเห็นพเยียนิ่ง เลยเตือน “ว่าไงล่ะจ๊ะ พเยีย กอหญ้าเค้าถามว่าหนูตกใจอะไร”
พเยียจ้องมองตากอหญ้าอย่างค้นหา หยั่งเชิง เห็นแววตากอหญ้าใสบริสุทธิ์ มีแต่ความจริงใจ ยิ่งไม่เข้าใจ
“คุณตกใจเพราะเห็นหน้าฉันเหรอคะ” กอหญ้าถาม
“เปล่า” พเยียตัดบท “เอาเป็นว่าฉันขอโทษก็แล้วกัน” คว้ามือกอหญ้า “มากับฉันทางนี้ดีกว่า ฉันอยากคุยกับเธอ”

พเยียลากแขนกอหญ้าไป กอหญ้าหันมองอิศรเลิ่กลั่ก นภดาราบอกกับอิศร
“ให้ไปเถอะจ้ะ อิศร เค้าจะได้ปรับความเข้าใจกัน”
อิศรยิ้มรับอย่างเกรงใจ อดมองตามอย่างห่วงๆ ไม่ได้ นภัสรพีมองอาการของพเยียอย่างแปลกใจนิดๆ



พเยียผลักกอหญ้าเข้าไปในห้องน้ำ ตัวเองตามเข้าไปแล้วล็อกประตู
“บอกมานะ ว่าแกมาที่นี่ทำไม แกต้องการอะไร”
กอหญ้างง เพราะจำไม่ได้
“คุณพเยีย พูดเรื่องอะไรคะ”
พเยียเข้าไปบีบแขนกอหญ้า จนกอหญ้ารู้สึกเจ็บ แต่ไม่กล้าตอบโต้
“นังบ้า อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แกบอกมา ต้องการอะไร” บีบแขนแรงขึ้นอีก “บอกมานะ แกคุยอะไรกับยัยหม่อมหลวงนั่น แกบอกอะไรมันไปบ้าง”
“ฉัน ฉันไม่เข้าใจ โอ๊ย...คุณพเยียปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันเจ็บ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าคุณพูดเรื่องอะไร”
พเยียโกรธ ผลักร่างกอหญ้าไปจนติดผนัง บีบคอกอหญ้าถามคาดคั้น
“นังกอหญ้า แกเล่นเกมบ้าบออะไรของแก แกต้องการอะไร บอกมานะบอกมา” กอหญ้าดิ้น ส่ายหน้า “ถ้าแกไม่บอก ฉันจะบีบคอแกให้ตายคามือเลย”

“ปล่อยฉันเถอะค่ะ คุณพเยีย ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ ถ้าฉันเคยทำอะไรให้คุณไม่พอใจ ฉันขอโทษค่ะ ฉันจำไม่ได้จริงๆ ฉันจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ ค่ะ”
พเยียมองกอหญ้าที่น้ำตาคลอๆ อย่างแปลกใจ คลายมือออก
“อะไรนะ” พเยียมีท่าทีแปลกใจมาก “นี่แก...”
“ฉันประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ ความจำเสื่อม ฉันจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ แม้กระทั่งเรื่องของตัวเอง”
พเยียตาค้าง อึ้ง ปล่อยมือจากกอหญ้า
“นี่แก” พเยียไม่อยากเชื่อ “แกหมายความว่ายังไง”
“ฉันจำอะไรไม่ได้จริงๆ ค่ะ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน เคยทำอะไรมาบ้าง รู้แค่ว่าฉันชื่อกอหญ้า เป็นลูกกำพร้า คุณอิศรเค้าบอกฉันเท่านี้เองค่ะ”
พเยียมองหน้ากอหญ้านิ่ง นาน ใคร่ครวญ
“แล้วคุณอิศรนั่นน่ะ เค้ารู้อะไรเกี่ยวกับตัวแกอีกบ้าง”
“เค้าก็รู้เท่านั้นล่ะคะ เราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” กอหญ้าเริ่มเอะใจ “แต่คุณรู้จักฉันใช่ไหมคะ คุณโกรธฉัน ฉันตกใจที่เห็นหน้าฉัน แปลว่าเราต้องเคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหมคะ ใช่ไหมคะ”
พเยียชะงัก รีบปฏิเสธ
“เปล่า ไม่ ไม่ใช่ ฉันไม่เคยรู้จักเธอ เราไม่เคยรู้จักกัน”
“แต่ตะกี๊ที่คุณพูดกับฉัน...”
“ไม่! ฉันไม่เคยรู้จักกับเธอ ฉันแค่จำคนผิด ก็เท่านั้นเอง”
กอหญ้าหน้าตาไม่เชื่อแต่ไม่กล้าเซ้าซี้ พเยียย้ำหนักแน่น
“ฉันจำคนผิด ไม่มีอะไรหรอก ขอโทษทีนะ ที่ทำให้ตกใจ”

พเยียยิ้มออกอย่างสะใจ แล้วเดินออกไปจากห้องน้ำ กอหญ้ายืนอึ้ง ไม่เข้าใจ
ขณะเดียวกันตรงมุมหนึ่งของบริเวณงานในวังศิวาลัย อิศรเดินงุ่นง่าน ชะเง้อชะแง้มองหากอหญ้าด้วยความเป็นห่วง

“พากันไปไหนนะ”
อิศรเหลียวหน้าเหลียวหลังแล้วไปชนกับชายคนหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ
“ขอโทษครับ” ที่แท้เป็นชิษณุพงษ์
“ผมต่างหากครับ ที่ต้องขอโทษ มัวแต่มองหาคน ไม่ทันระวังเอง” อิศรมองแล้วต้องชะงัก เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าชิษณุพงษ์ชัดๆ “คุณ”
ชิษณุพงษ์ไม่ได้เอะใจ เพราะไม่เคยเห็นหน้าอิศร ไม่เคยได้ยินเสียงด้วยซ้ำ ตอนอิศรมีเรื่องกับกอหญ้า “ผม...ชิษณุพงษ์ครับ ผมเป็นลูกชายของเจ้าแสงโชติกับเจ้ามลุลี”
อิศรพึมพำ “จากเชียงใหม่”
“ครับ” ชิษณุพงษ์เห็นแววตาอิศรที่จ้องมองตน ก็นึกสงสัย “คุณคงเคยเจอผมตอนก่อนผ่าตัด ตอนนี้สายตาผมมองเห็นเป็นปกติแล้วครับ”
“อ้อ ครับ ยินดีด้วย” อิศรยิ่งมั่นใจนักว่า ชิษณุพงษ์ต้องเป็นคนที่รู้จักกับกอหญ้าแน่ๆ จึงรีบตัดบท “ขอโทษทีครับ ผมมีธุระด่วน ขอตัวก่อน”
อิศรหันหลัง เดินจ้ำอ้าวหนีออกมาเลย ชิษณุพงษ์มองตามแปลกใจนิดๆ พอดีเสียงเจ้ามลุลีดังขึ้น
“ชิษณุ” ชิษณุพงษ์หันไปหาผู้เป็นมารดา “มาหลบอยู่นี่เอง ไปลาท่านผู้ใหญ่เถอะลูก เจ้าพ่อว่าจะกลับแล้ว”
ชิษณุพงษ์รับคำแล้วเดินตามมลุลีไป

ตรงมุมสงบในวังศิวาลัย อิศรเดินลนลาน มองหากอหญ้า ท่าทางร้อนใจ ไม่อยากให้เจอชิษณุพงษ์
“ไปไหนนะ ยัยตัวดี ถ้าเจอเพื่อนเก่าเข้าล่ะก็ เรื่องยาวแน่”
ทันใดนั้น อิศรเห็นกอหญ้าเดินก้มหน้าก้มตาออกจากด้านในบ้าน อิศรเดินไปคว้าตัวไว้
“กอหญ้า” อิศรเห็นกอหญ้าตาแดงๆ ก็ตกใจ “เป็นอะไร เธอร้องไห้นี่”
“ฉันอยากกลับบ้านค่ะ เดี๋ยวนี้เลย เรากลับบ้านกันนะคะ” กอหญ้าขอร้อง
อิศรยิ่งห่วง “มีเรื่องอะไรรึเปล่า” น้ำเสียงพร้อมมีเรื่อง “ใครทำอะไรเธอ”
กอหญ้ายังตกใจที่ถูกพเยียทำร้าย ขอร้องอิศรอย่างร้อนรน ร้อนใจ “พาฉันกลับบ้านก่อนเถอะค่ะ อย่าเพิ่งถามอะไรเลยนะคะ ฉันอยากออกไปจากที่นี่เร็วๆ”
อิศรนึกถึงชิษณุพงษ์ขึ้นมา พยักหน้า
“จริงสิ ดีเหมือนกัน งั้นเราไปลาคุณอาดาราก่อน” จู่ๆ นึกระแวง “เออ ไม่ต้อง ฉันไปเอง เธอไปนั่งรอในรถดีกว่า เดี๋ยวฉันตามไป”
กอหญ้าพยักหน้ารับ อิศรรีบออกไป

กอหญ้าเดินมาถึงรถของอิศรที่จอดอยู่ข้างถนนในวัง ฝั่งตรงข้ามของถนนมีรถตู้หรูหราราคาแพงจอดอยู่ กอหญ้ายืนพิงรถรออิศร
คนขับรถตู้ฝั่งตรงข้ามสตาร์ทรถ แล้วกุลีกุลจอเปิดประตูรอท่า เห็นเจ้าแสงโชติ และเจ้ามลุลี เดินมาที่รถ มีชิษณุพงษ์เดินตามหลังมาห่างๆ
“เชิญครับ เจ้า”
เจ้าแสงโชติกับเจ้ามลุลีขึ้นรถชิษณุพงษ์ยืนรอ แล้วหันไปเห็นกอหญ้าที่ยืนอยู่อีกฝั่งของถนน ชิษณุพงษ์ชะงัก
กอหญ้าหันหน้ามาพอดี ดวงหน้าสวยงามนั้นทำเอาชิษณุพงษ์มองอย่างตกตะลึงเหมือนต้องมนตร์
กอหญ้าเห็นชิษณุพงษ์ ทั้งสองประสานสายตากัน เหมือนเกิดความรู้สึกผูกพันและคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
ชิษณุพงษ์ยิ้มให้ทักทาย
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ” กอหญ้ายิ้มตอบทักกลับอย่างมีมารยาท
ชิษณุพงษ์ชะงัก เมื่อได้ยินเสียงกอหญ้า น้ำเสียงนั้นช่างคุ้นหูนัก ชิษณุพงษ์พึมพำ
“เสียงนั่น”
ชิษณุพงษ์ทำท่าจะข้ามถนนมาหากอหญ้า พอดีอิศรเดินมาถึงที่รถและพูดกับกอหญ้า ชิษณุพงษ์ชะงักฟัง
“อ้าว มายืนอะไรตรงนี้ ทำไมไม่ไปรอในรถ”
กอหญ้าหันไปสนใจอิศร “ก็กุญแจอยู่ที่คุณ”
อิศรยิ้มแก้เก้อ “เออ จริง” พลางเปิดประตูให้ “ไป กลับบ้านกันดีกว่า”
กอหญ้าก้าวขึ้นรถ อิศรปิดประตู แล้วเห็นชิษณุพงษ์ยืนมองอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม อิศรตกใจ รีบขึ้นรถพรวด
“คุณครับ คุณ เดี๋ยวก่อน”
ชิษณุพงษ์เรียกไว้ จังหวะกันนั้น เจ้าแสงโชติชะโงกหน้าออกมาจากรถเรียกลูกชาย
“ชิษณุ ขึ้นรถ”

“เดี๋ยวครับ เจ้าพ่อ”
อิศรรีบฉวยโอกาส ออกรถไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย คุณ คุณครับ เดี๋ยว หยุดก่อน”
ชิษณุพงษ์วิ่งตาม อิศรเร่งรถออกไปทิ้งห่าง ขณะที่กอหญ้านั่งไม่รู้เรื่อง จนรถลับตาไป ชิษณุพงษ์หยุดหอบ รถตู้ขับตามมาจอดเทียบ เจ้าแสงโชติกับเจ้ามลุลีลงมาถามอย่างแปลกใจ
“นั่นใครกันลูก แล้วไปวิ่งตามเค้าทำไม”
“ผู้ชายเป็นใครก็ไม่ทราบครับ แต่ผู้หญิงคนนั้น เสียงเค้า...เสียงเค้าเหมือนกอหญ้าเลย”

ชิษณุพงษ์มั่นใจว่าเขาฟังไม่ผิดแน่
ตกตอนเย็นชิษณุพงษ์ เรียกลุงเติมมาพบที่ห้อง เล่าเรื่องกอหญ้าที่ตนเจอตอนบ่าย ลุงเติมตอบอย่างลังเล

“ครับ หนูกอหญ้าแกก็ ตัวเล็กๆ ตาโตๆ ปากนิด จมูกหน่อย ที่เล่ามาฟังๆ ดูก็เหมือนจะใช่อยู่นะครับ
“เสียงเค้าก็เหมือน...ฉันจำเสียงเค้าได้” ชิษณุพงษ์บอกอย่างมั่นใจ
“แต่ เอ .. ถ้าเป็นหนูกอหญ้าจริงๆ แกต้องจำคุณชิษณุได้อยู่แล้ว”
“ก็นั่นแหละ ที่ทำให้ฉันไม่แน่ใจ ถ้าเป็นกอหญ้าจริงๆ เค้าก็ต้องจำฉันได้แน่ๆ แต่ผู้หญิงคนนั้น เค้าทำท่าเหมือนไม่รู้จักฉัน”
ลุงเติมมั่นใจ “งั้นก็ต้องไม่ใช่หนูกอหญ้าแน่นอน”
ชิษณุพงษ์ลงนั่ง ครุ่นคิด ยังคาใจ ที่กอหญ้าทำเหมือนไม่รู้จักเขา
“แต่ว่า...ทำไมฉันรู้สึกเหมือนกับว่าใช่ เหมือนกับว่าเค้าคือกอหญ้าของฉันจริงๆ ทำไม...”

กอหญ้าเล่าให้อิศรฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องน้ำบ้านศิวาลัย อิศรทบทวนอย่างชั่งใจ
“คุณพเยียอาจจะจำคนผิดจริงๆ ก็ได้ คนอย่างคุณพเยีย ศิวาวงศ์ จะมารู้จักเด็กกำพร้าอย่างเธอได้ยังไง”
กอหญ้าบอกกับอิศรอย่างสับสน
“ก็นั่นสิคะ แต่คุณดาราบอกว่า คุณพเยียเคยอยู่ที่เชียงใหม่ เค้าอาจจะเคยเจอฉันมาก่อนก็ได้”
“ก็เป็นไปได้อีกนั่นแหละ”
สีหน้ากอหญ้าดูเป็นกังวลมาก “ถ้าเราเคยเจอกันจริง ฉันคงทำให้เค้าไม่พอใจมาก เค้าถึงได้โกรธฉันขนาดนั้น”
“ฉันบอกแล้วว่าเธอน่ะมันแสบ ศัตรูรอบตัวเลยเห็นไหม” อิศรสัพยอก
กอหญ้า ถอนหายใจเซ็งๆ พูดประชดชีวิต “ก็จริง ฉันคงเป็นคนไม่ดีมากๆ อย่างที่คุณว่า ถึงได้มีแต่คนเกลียดฉัน อยากจะฆ่าฉัน”
“เฮ้ย ตะกี๊ฉันพูดเล่นนะ กอหญ้า เธอไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น”
“คุณจะรู้ได้ยังไง คุณบอกเอง ว่ารู้จักกับฉันไม่ถึงวัน ฉันอยากรู้จัง ว่าเมื่อก่อนฉันเป็นใคร เคยทำอะไรมา ทำไมใครๆ ถึงได้พากันเกลียดฉันอย่างนี้”
กอหญ้าหน้าเศร้า อิศรมองอย่างเห็นใจ

เช้าวันต่อมา นภดาราเดินลงมาพร้อมกับพเยีย สองคนเข้ามาที่ห้องกินข้าว เห็นนภาจรีนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะแล้ว มีแม่ชื่นดูแลให้สาวใช้รินกาแฟให้
“สวัสดีค่ะ อาหญิง”
นภาจรีหันมามอง แล้วมองเลยไปที่พเยีย ที่ยืนลอยหน้าท้าทายอยู่หลังนภดารา
นภาจรีก้มหน้าอ่านคอลัมน์ข่าวสังคมไฮโซ ออกเสียงดังๆ
“คุณชายนภัสรพีจัดงานเลี้ยงเปิดตัวหลานสาวคนสวยกับญาติสนิทมิตรสหายเมื่อบ่ายวานนี้ อีกไม่นาน คนภายนอกคงได้ยลโฉมสาวน้อย นามว่า พเยีย ศิวาวงศ์” เงยหน้ามาพูดกับนภดารา “เอิกเกริกดีนะ” แล้วมองไปยังพเยีย “คงสมใจเธอล่ะสิ”
“ค่ะ” พเยียลงเสียงหนักลากเสียงยาวประชดกลับ “สมใจมากก...”
นภดาราปราม ส่ายหน้าเป็นเชิงตำหนิ “พเยีย”
พเยียย้อนตามประสาเด็กดื้อ “ก็คุณยายหญิงถาม”
“ผู้ใหญ่ถามก็ตอบดีๆ สิลูก”
พเยียเถียงอีก “ก็ถามดีๆ สิคะ จะได้ตอบดีๆ”
นภาจรีสุดทน ลุกพรวดขึ้นยืน ปาหนังสือพิมพ์ลงกับโต๊ะ
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ ฟังมันพูดสิ นภดารา”
จังหวะนั้นนภัสรพีเดินเข้ามาพอดี
นภัสรพีพูดตำหนิ “เอะอะโวยวายอะไรแต่เช้า หญิงนภา” มองหน้าทุกคน “มีเรื่องอะไรกัน”

นภาจรีสะบัดหน้า แล้วเดินเชิดออกไป แม่ชื่นรีบตาม นภัสรพีหันมองนภดารา
“อาหญิงดุลูกพเยียน่ะค่ะ พเยียพูดไม่ค่อยเพราะเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“จะตามแก้ตัวแทนลูกไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ นภดารา” คุณชายพูดพลางลงนั่ง หันมามองพเยีย “ไอ้เรื่องกิริยามารยาทของเธอเนี่ย ฉันก็เห็นว่ามันแย่เต็มที” แล้วหันกลับมาทางนภดาราเป็นเชิงสั่ง “ลูกควรจะจัดการได้แล้ว”
“ลูกหาครูมาช่วยสอนแล้วค่ะ”
พเยียเหลียวขวับ “อะไรนะคะ”
นภดาราบอก “ลูกจะเป็นศิวาวงศ์แต่ชื่อไม่ได้ ลูกสาวของแม่ต้องเป็นกุลสตรีที่เพียบ พร้อม ทั้งกิริยามารยาท การเข้าสังคม งานบ้านงานเรือน”
พเยียขัดขึ้น “โอ้ย ไม่เอาหรอกค่ะ การเรือนบ้าบออะไร พเยียไม่เรียน”
นภดาราชะงัก นภัสรพีฉุน พูดขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ
“งั้นก็ไปสอบเทียบ เข้ามหาวิทยาลัยให้ได้” พเยียอึ้ง นภัสรพีลุกขึ้นยืนจ้องหลานกำมะลออย่างโมโห “อย่าคิดว่าเป็นลูกหลานของฉัน แล้วจะนั่งกินนอนกิน ไม่ต้องทำอะไร” คุณชายพูดกับนภดาราอย่างเอาเรื่อง “ถ้าไม่เรียนการเรือน ก็ต้องไปเรียนวิชาชีพ ไม่ใช่ปล่อยให้หายใจทิ้งไปวันๆ เหมือนคนไม่มีค่า เข้าใจไหม”
“ค่ะ คุณพ่อ”
นภัสรพีลงนั่ง อารมณ์ขุ่นมัว นภดาราพยักหน้าให้สาวใช้รินกาแฟเสิร์ฟ พเยียฮึดฮัดขัดใจ นภดารามองหน้าพเยียเป็นเชิงปราม เอาจริง

ตอนสายวันเดียวกัน ภายในรถที่จอดซุ่มอยู่ เห็นลุงเติมนั่งอยู่ที่ฝั่งคนขับ ชิษณุพงษ์นั่ง ข้างๆ จับตาดูที่หน้าประตูรั้วบ้านอดิศร
ลุงเติมมีสีหน้าหนักใจ ไม่ค่อยเห็นด้วย “เค้าอยู่บ้านนี้เหรอครับ”
ชิษณุพงษ์ยังจับตาดูที่ประตูขณะตอบชายชรา “ก็เห็นคุณอาดาราว่าหยั่งงั้น”
“แปลก ถ้าหนูที่ชื่อกอหญ้านี่เค้าเป็นคนเดียวกันกับหนูกอหญ้าที่เชียงใหม่ แล้วเค้ามาอยู่ทำไมที่บ้านนี้”
ชิษณุพงษ์พูดด้วยสุ้มเสียงไม่ค่อยพอใจ “คุณอาดาราบอกว่าเค้าเป็นแฟนของคนชื่ออิศร ที่เป็นเจ้าของบ้านนี้”
“ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ คุณคนนี้แกอยู่กรุงเทพฯ แล้วแกจะไปเป็นแฟนกับหนูกอหญ้าของเราได้ยังไง .. ผมว่ากลับเถอะครับคุณ คงจะคนละคนแล้วละ”
พลางลุงเติมจะสตาร์ทรถ ชิษณุพงษ์ห้ามไว้
“เดี๋ยวน่ะ ลุงเติม ไหนๆ ก็มาแล้ว ผมอยากให้ลุงเติมช่วยดูหน่อย ว่าเป็นกอหญ้าคนเดียวกับรึเปล่า”
ลุงเติมท้วง “แต่คุณคร้าบ ถ้าเค้าไม่ออกมาจากบ้าน เรามิต้องนั่งแกร่วกันอย่างนี้ทั้งวันเหรอคร้าบ...”
ชิษณุพงษ์บอก “เอาน่ะ รอดูต่ออีกแป๊บน่ะ” ประตูบ้านเปิดออก เห็นรถอิศรแล่นออกมา ชิษณุพงษ์ดีใจ “โน่นไง ออกมาแล้ว ผมจำรถได้ ผู้หญิงคนนั้นก็มาด้วย”

รถอิศรแล่นออกไป เห็นมีกอหญ้านั่งไปด้วย ลุงเติมสีหน้าตื่นเต้น ออกรถตามไปทันที
กอหญ้าหันมาถามอิศรซึ่งกำลังขับรถแล่นมาตามท้องถนน

“เราจะไปไหนกันคะ”
“ไม่บอก เซอร์ไพรส์” อิศรยิ้มกริ่ม
กอหญ้าหมั่นไส้ “ตลอด คุณนี่จะทำอะไรให้มันตรงไปตรงมาเหมือนคนอื่นเค้าไม่ได้หรือไงนะ”
“ไม่ได้ ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ เป็นแฟนฉันต้องอดทน”
“ฉันยังไม่ได้เป็นแฟนคุณซะหน่อย มั่ว”
อิศรหันมาทำหน้าเจ้าชู้ “ยังไม่เป็น งั้นเป็นเลยไหม ตอนนี้เลย”
“บ้า” กอหญ้าเงื้อมือจะทุบ “อย่ามาทะลึ่ง เดี๋ยวเหอะ ขับรถไป”
อิศรหัวเราะ ขับรถไป ไม่รู้ตัวเลยว่าถูกตาม

ไม่นานนัก อิศรพากอหญ้าเดินเข้ามาหน้าโบสถ์ฝรั่งสวยงามแห่งหนึ่ง กอหญ้าถามอย่างแปลกใจ
“คุณเป็นคริสเตียนเหรอคะ”
“เปล่า แต่ฉันเห็นเธออยู่ที่โบสถ์มาตั้งแต่เด็ก ฉันเลยเดาเอาว่าเธอน่าจะเป็น” อิศรยิ้มๆ ทำหน้าตาน่ารัก “แล้วฉันเห็นว่าเธอไม่ค่อยสบายใจ เลยคิดว่าถ้าเธอได้มาไหว้พระ ก็คงจะดี”
กอหญ้ายิ้ม มองอิศรอย่างขอบคุณ แต่ไม่วายเหน็บ
“ทำดีก็เป็นนะ”
“พูดมากน่ะ เข้าไป” อิศรดันไหล่กอหญ้าเดินไป
“อ้าว แล้วคุณไม่เข้าไปกับฉันเหรอคะ”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ใช่คริสเตียนนี่ แล้วฉันมีธุระต้องโทรศัพท์นิดหน่อย เธอเข้าไปเถอะ ตามสบาย”
กอหญ้ายิ้มให้ แล้วเดินเข้าไปด้านใน

ครู่หนึ่ง กอหญ้าเดินไปด้านหน้า คิดๆ อยู่สักครู่ แล้วค่อยๆ คุกเข่าลงที่เก้าอี้หน้าแท่นบูชาด้วยความคุ้นเคย
อิศรแอบมองจากด้านนอกที่ประตู เห็นกอหญ้าก้มหน้าลงภาวนา อิศรยิ้ม แล้วเดินออกไป หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.สั่งงานลูกน้องในออฟฟิศ

เวลาผ่านไปสักระยะ ภายในโบสถ์ มองจากด้านหลังเห็นชิษณุพงษ์ยืนมองกอหญ้าอยู่เงียบๆ จากด้านข้าง แล้วค่อยๆ เดินเข้ามา ช้าๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่กอหญ้าตลอด
กอหญ้าภาวนาเสร็จ ได้ยินเสียงฝีเท้า เลยหันมายิ้มให้ คิดว่าเป็นอิศร แต่พอเห็นเป็นชิษณุพงษ์ ก็จำได้ รอยยิ้มจางลง

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 3/3 วันที่ 16 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th