อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 2/3 วันที่ 13 ก.พ. 56

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 2/3 วันที่ 13 ก.พ. 56

“จริ๊ง เรากำลังจะหมั้นกันด้วย”
หน้ากอหญ้ายิ่งไม่เชื่อมากขึ้น
“ฉันว่ามันไม่น่าจะใช่นะ ฉันรู้สึกว่า ฉันไม่มีทางเลือกคนอย่างคุณเป็นแฟนแน่ๆ ยิ่งกำลังจะหมั้นกันด้วยเนี่ย ไม่น่าเป็นไปได้อ่ะ”
“ตอนนี้เธอประสาทกลับอยู่ จะไปรู้อะไร จริงๆแล้ว เธอรักฉันมาก.....” อิศรลากเสียงเว่อร์ กอหญ้ามองหน้าอิศรเขม็ง “เธอเป็นคนจีบฉันก่อนด้วยซ้ำไป”

กอหญ้ามองหน้าอิศร สำรวจจิตใจตัวเอง แล้วส่ายหัว
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”
อิศรกวน “อ้ะ งั้นลองคิดซิว่าความจริงคืออะไร แล้วเธอเป็นใคร”
กอหญ้าคิดไปคิดมา แล้วส่ายหน้าอย่างหมดหวัง “เป็นไปได้ไงเนี่ย ทำไมสมองฉันมันถึงว่างเปล่าอย่างงี้” หันขวับไปใส่อิศรทันที “คุณเห็นฉันไม่สบายเลยฉวยโอกาสเอาอะไรต่ออะไรมายัดใส่สมองฉันใช่มั้ย คุณหลอกฉัน หาว่าฉันเป็นแฟนคุณ”



อิศรรีบโวยวายกลบเกลื่อน
“โห ตัวเองสวยตายแล้วนี่ ฉันถึงต้องมาแอบอ้างเอาเธอเป็นแฟน นี่! จะบอกให้นะ ถ้าฉันไม่ได้เป็นคนดีขนาดนี้ล่ะก็ ฉันทิ้งเธอไปแล้ว ถามหน่อย แฟนความจำเสื่อมน่ะ มันน่ารักตรงไหนไม่ทราบฮะ”
กอหญ้า หมดปัญญาจะเถียง ได้แต่ค้อนขวับ
“ไม่รักก็อย่ารัก ฉันไม่เห็นจะง้อ”
อิศรยิ้มหน้าทะเล้นใส่
“อย่างอนน่า ใครว่าฉันไม่รักเธอล่ะ อย่าคิดมากนะ ไอ้โรคสมองติงต๊องของเธอเนี่ย เดี๋ยวมันก็หายเองล่ะ นะ นะ นะ”
อิศรยิ้มให้ กอหญ้ามอง ท่าทางอิศรน่ารักจนกอหญ้าโมโหไม่ลง ได้แต่เมินหน้าไป อิศรมองกอหญ้ายิ้มๆ อย่างเอ็นดู

ส่วนพเยียเดินไปตามถนนอย่างไม่มีจุดหมาย ไปจนถึงป้ายรถเมล์แห่งหนึ่ง พเยียนั่งลงอย่างทุกข์ใจ
“อีนังคุณหญิงมันสงสัยเราแล้ว ถ้าเรากลับไป ต้องโดนจับตรวจดีเอ็นเอแน่ๆ”
พเยียกลุ้มใจมาก
“แต่ถ้าไม่กลับไป แล้วเราจะไปไหน ไปทำอะไรกิน”
พเยียมองไปข้างหน้า คิดหาทางออก สายตามองไปเห็นขอทานนอนอยู่ริมถนน ในมุมมืดของป้ายรถเมล์มีผู้หญิงขายบริการยืนเกาะกลุ่มเรียกคนมาใช้บริการ เห็นชีวิตคนยากจนน่าสมเพช
พเยียลุกขึ้นเหมือนตัดสินใจได้ ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์อย่าท้าทาย
“ไม่ มาถึงขนาดนี้แล้ว อีพเยียไม่ถอยง่ายๆ เอาวะ ลองแลกกันดูซักตั้ง เป็นไงเป็นกัน”

นภัสรพีนั่งเป็นประธานอยู่กลางห้อง หน้าเครียดเคร่ง นภาจรีนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงมุมหน้าตาบอกบุญไม่รับ นภดาราเข้าไปพูดกับนภัสรพีอย่างจริงจัง
“เราทำอะไรซักอย่างได้ไหมคะ คุณพ่อ”
"พ่อก็ให้คนขับรถตระเวนหาตัวพเยียอยู่ เราคงทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น"
"ตำรวจล่ะคะ"
นภัสรพีปรามและปลอบ "ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอกลูก ทำใจเย็นๆ ไว้ก่อน พเยียคงไม่ถึงกับทิ้ง
แม่แท้ๆ ของตัวเองไป เพราะความโกรธชั่วแล่นหรอกมั้ง"
นภาจรีแทรกขึ้น "นอกจากว่าจะไม่ใช่"
นภัสรพีดุ "หญิงนภา พี่ขอห้ามไม่ให้เธอแสดงความเห็นอะไรอีก เกี่ยวกับเรื่องนี้"
นภาจรีขัดใจ แต่เกรงใจนภัสรพี สะบัดหน้าเดินออกไปจากหัอง นภดาราพูดอย่างน้อยใจ
“เพราะอาหญิงบังคับให้พเยียตรวจดีเอ็นเอ พเยียถึงได้หนีไปแบบนี้”
“ไม่น่าเลย...ยิ่งทำแบบนี้ ก็ยิ่งน่าสงสัย” คุณชายว่า
นภดาราตัดพ้อ “พเยียคงไม่ทันคิดหรอกค่ะ คุณพ่อ แกก็เป็นแค่เด็กคนนึง แก คงทั้งเสียใจ ทั้งน้อยใจ ที่ตายายแท้ๆ ไม่เชื่อว่าแกเป็นหลาน ป่านนี้ ไม่ รู้ว่าเตลิดไปถึงไหนแล้ว”
นภดาราน้ำตาคลอ
“พลัดลูกพลัดแม่กันมาสิบกว่าปี ลูกไม่นึกเลยว่าจะต้องเสียแกไปอีก” น้ำตาไหลริน “ถ้าแกเป็นอะไรไป ลูกคงอยู่ต่อไปไม่ได้”
นภดาราร้องไห้ออกมา นภัสรพีสงสารลูก จังหวะนั้นชื่นวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“คุณชายขา คุณดารา คุณหนูพเยียกลับมาแล้วค่ะ”
“ไหน ลูกอยู่ไหนจ๊ะชื่น”
“มาถึงก็ไม่พูดไม่จา เดินตรงลิ่วขึ้นข้างบนเลยค่ะ”
นภดาราวิ่งเตลิดออกไป “พเยีย พเยียลูกแม่”

นภดาราวิ่งหนีขึ้นไปชั้นบน นภัสรพีเดินตามไป มองลูกสาวอย่างเวทนา
พอนภดาราเปิดประตูเข้าไป เห็นพเยียกำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กที่เอาติดตัวมาจากเชียงใหม่

“พเยีย หนูไปไหนมา” นภดาราชะงัก เห็นพยียหันมามองนิ่งๆ “แล้วนี่ทำอะไรจะเก็บของไปไหนจ๊ะ”
พเยียมองนภดาราพูดอย่างเยือกเย็น
“พเยียจะไปจากที่นี่ค่ะ ในเมื่อทุกคนไม่เชื่อว่าพเยียเป็นลูกของคุณแม่ พเยียก็ไม่อยากจะอยู่ ให้ใครมาสงสัย”
นภดาราใจหล่นวูบ “ไม่มีใครสงสัยพเยียหรอกจ้ะ แม่รับรอง”
“ไม่จริงหรอกค่ะ ยิ่งพเยียไม่ยอมตรวจเลือด ทุกคนก็ต้องยิ่งสงสัย ในเมื่อไม่มีใครต้องการพเยีย กลัวว่าพเยียจะมาหลอกลวง กลัวว่าพเยียจะมาทำให้ศิวาวงศ์ต้องแปดเปื้อน พเยียก็จะไป”
นภดาราใจจะขากไม่ยอมให้ไป “ไม่นะ ลูก ไม่”
“ลาก่อนค่ะ คุณแม่”
พเยียหิ้วกระเป๋า เดินออกไปจากห้อง นภดาราวิ่งตามออกไป

พเยียหิ้วกระเป๋าวิ่งลงบันไดมาถึงห้องโถงใหญ่ นภดาราวิ่งตามมา
“พเยีย เดี๋ยวลูก อย่าไปนะลูก อย่าทิ้งแม่ไป”
นภัสรพีเดินเข้ามาขวางหน้าพเยียไว้
“หยุดก่อน พเยีย”
พเยียหยุด เห็นนภาจรีกับชื่นเดินออกมาจากอีกทาง พเยียมองไปที่นภดาราอย่างชั่งน้ำหนัก ก่อนจะพูดขึ้น
“ถ้าที่นี่ไม่มีใครรักหนู ไม่มีใครต้องการหนู ก็ปล่อยหนูไปตามทางดีกว่าค่ะ”
นภดาราตัดสินใจเด็ดขาด เดินไปยืนตรงหน้าพเยีย เผชิญหน้ากับนภัสรพีและนภาจรีด้วยเสียงมั่นคงอย่างตัดสินใจแล้ว
“คุณพ่อคะ คุณอาหญิง พเยียเป็นลูกของดารา ลูกอยู่ที่ไหน แม่อยู่ที่นั่น เราสองคนแม่ลูก จะต้องอยู่ด้วยกัน”
นภัสรพีมองนภดารา เข้าใจว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร พยายามปลอบโยน
“ดารา ไม่มีใครขับไสไล่ส่งพเยียให้ไปจากที่นี่”
“แต่ทุกคนไม่เชื่อแก ทุกคนสงสัยแก ทำอย่างนี้แกจะอยู่ต่อไปได้ยังไงคะคุณพ่อ เป็นลูก ลูกก็คงจะทนอยู่ต่อไปไม่ได้เหมือนกัน” นภดาราสะอื้น “ในเมื่อพเยียอยู่ที่นี่ไม่ได้ ลูกก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน” หันมาหาพเยีย “ถ้าลูกไปที่ไหน แม่จะไปกับลูกจ้ะ” กุมมือพเยียไว้บอกอย่างจริงจัง “เราสองแม่ลูกจะไม่มีวันพรากจากกันอีกแล้ว ในชาตินี้”
พเยียไม่ได้ซาบซึ้งไปกับนภดารา ดวงตามองไปที่นภัสรพี หยั่งเชิง
“ค่ะ คุณแม่ เราสองคนจะไม่พรากจากกันอีก ไปเถอะ ค่ะ”
พเยียกับนภดาราขยับตัว นภัสรพีพูดขึ้นเสียงดัง
“หยุดได้แล้ว ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น” นภัสรพีหันมาทางนภดารา น้ำเสียงจริงจังทว่าฟังดูอ่อนโยนมาก “ดารา พ่อเคยทำลายชีวิตลูกมาแล้ว พ่อจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก พ่อจะทำ ทุกอย่าง เพื่อความสุขของลูก”
นภัสรพีมองหน้าทุกคนเหมือนอย่างจะให้รับรู้โดยทั่วกัน และหยุดสายตาที่หน้านภาจรีแล้วบอกเสียงเข้ม
“ขอให้เรื่องนี้จบแต่เพียงเท่านี้” หันมาทางพเยีย “ตั้งแต่นี้ ฉันขอรับรองว่าเธอคือ พเยีย ศิวาวงศ์”
นภดารายิ้มทั้งน้ำตา ส่วนพเยียยิ้มในหน้า สาสมใจในชัยชนะอันยิ่งใหญ่

เวลาต่อมาสองคนอยู่ในห้องนอนนภาจรี วังศิวาลัย นภาจรีออกอาการหงุดหงิด ขณะบ่นให้ชื่นฟัง
“เด็กคนนี้ฉลาดมาก รู้จักใช้ความรักของนภดารามาเป็นเกราะป้องกันตัวเอง”
แม่ชื่นขัดใจ
“ชื่นสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้ค่ะ ว่าซักวันคุณพเยียจะต้องนำความเดือดร้อนมาให้คุณดารา แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีล่ะคะ คุณหญิง”
“ก็พี่ชายเค้าประกาศออกมาโต้งๆ แล้วว่าจบ ฉันจะไม่จบได้ยังไงล่ะ”
แม่ชื่นท่าทางผิดหวัง แต่แล้วนภาจรีก็พูดขึ้นลอยๆ
“แต่ถ้าแม่ชื่นไม่ไว้ใจ ก็จับตาดูเค้าต่อไปสิ”
แม่ชื่นชะงัก เข้าใจทันที นภาจรีทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้บอกต่อ
“ถ้ามีอะไร ค่อยมาบอกฉัน”

เช้านั้นอิศรกำลังจะลงจากรถพร้อมกับสุบรรณ สุบรรณดึงอิศรไว้
สุบรรณอิดออด “คุณอิศรครับ เอาจริงเหรอครับเนี่ย”
อิศรชักหงุดหงิด “อ้าว ก็จริงซีวะ แกจะมาถามอะไรตอนนี้”
“แต่มันเรื่องใหญ่นะครับ อยู่ดีๆ ก็ไปหลอกผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ ให้ไปอยู่ที่บ้าน แล้วถ้าญาติพี่น้องเค้าแจ้งความ...”
“วะ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าเค้าเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีญาติที่ไหนทั้งนั้น”
“ก็แล้วทำไมคุณอิศรไม่ส่งเธอกลับไปที่โบสถ์ล่ะครับ อย่างน้อย ได้กลับไปอยู่กับคนเดิมๆ ที่เคยอยู่ใกล้ตัว เผื่อเธอจะจำอะไรได้เร็วขึ้นนะครับ” สุบรรณบอก
อิศรนิ่งไป นึกถึงเรื่องที่คุยกับหมอวิชาญก่อนหน้านี้

ตอนนั้นหมอวิชาญถามอิศรตรงๆ
“แกแน่ใจเหรอ อิศร ว่าคุณกอหญ้าเค้าประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์”
“ใช่ ฉันขับรถไปเจอรถของเค้าชนต้นไม้ ตัวเค้ากระเด็นออกไปนอนเค้เก้อยู่ข้างถนน ทำไมเหรอ” เห็นหน้าหมอลังเลอิศรรีบถาม “หรือแกมีอะไร”
“คือ...แผลที่หัวคุณกอหญ้าน่ะ มันไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุแน่ๆ มันเหมือนมีโดนไม้แข็งๆ ฟาดมากกว่า” วิชาญบอก
อิศรอึ้ง “ถูกทำร้ายเหรอ ใครกัน” คิดไปคิดมา “โจรงั้นเหรอ”
“ไม่น่าใช่ เพราะของมีค่าก็อยู่ครบ บนตัวไม่มีบาดแผลการต่อสู้หรือโดนทำร้ายเลย ฉันว่า คงต้องเป็นคนรู้จัก คนที่ใกล้ๆ ตัวเค้านั่นแหละ เป็นคนทำ”

หมอวิชาญบอกอย่างมั่นใจ
ครู่ต่อมาสุบรรณกับอิศรเดินมาด้วยกันตรงทางเดินในโรงพยาบาล สุบรรณออกอาการตื่นเต้นเว่อร์

“ว้าว ที่แท้คุณอิศรของผมก็เป็นฮีโร่”
“จะทำยังไงได้ ตอนนี้กอหญ้าเค้าจำอะไรไม่ได้ซักอย่าง ใครดีใครร้ายก็ไม่รู้ ฉันจะปล่อยเค้ากลับไปอยู่คนเดียวได้ไงล่ะ”
“ก็เลยแอบอ้างเอาเค้ามาเป็นแฟนซะเลย ปลอดภัยตายล่ะนั่น”
อิศรตบกบาลสุบรรณ
“ไม่ใช่เรื่องของแก แล้วอย่าพูดมากไปล่ะ อย่าลืมนะ ว่าแกต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
“ไม่ลืมแน่นอนครับ เจ้านายบอกผมตั้งล้านหนแล้ว”
อิศรมองหน้าสุบรรณอย่างไม่ค่อยจะเชื่อมั่น

เช้าวันต่อมา สุบรรณยืนหน้าจ๋อยอยู่หน้าศาลพระภูมิของโรงพยาบาล อิศรยืนคุมอยู่ข้างๆ
“สาบานซะ” อิศรดุ “เร็ว มัวแต่โอ้เอ้อยู่นั่นละ”
“ก็ได้ครับ” สุบรรณทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ผม นายสุบรรณ จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ถ้าผมบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ ก็ขอให้ผม...” สุบรรณกลืนน้ำลายไม่อยากจะพูดต่อ แต่ต้องพูด “... มีอันเป็นไป”
อิศรตบไหล่สุบรรณ
“ดีมาก ทีนี้ แกจำได้แล้วใช่มั้ยว่าจะต้องพูดอะไรกับคุณกอหญ้าบ้าง”
“จำได้ครับ”
“ไหนลองพูดให้ฉันฟังซิ”

ไม่นานต่อมา ในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล สุบรรณกำลังพูดให้กอหญ้าฟัง ตามที่ท่องให้อิศรฟังเมื่อครู่
“คุณกอหญ้าเป็นแฟนของคุณอิศรจริงๆ ครับ คุณสองคนน่ะ รักกันหวานแหวว ใครๆ ก็อิจฉาคุณอิศรที่มีแฟนทั้งสวยทั้งน่ารักอย่างคุณ”
กอหญ้าตั้งใจฟังสุบรรณพูด เขม้นตามองพยายามจับพิรุธให้ได้
กอหญ้าถามซัก “แปลว่าเธอรู้จักฉันดี”
“ถูกต้องคร้าบ...” สุบรรณบอกขำๆ
“งั้น...บ้านฉันอยู่ที่ไหน”
เจอเข้าแบบไม่ได้เตี๊ยม สุบรรณเลยอึกอัก “เอ่อ...”
“ตอนที่คุณอิศรกับฉันรักกันหวานแหววน่ะ ฉันอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่” กอหญ้าคาดคั้น
อิศรเปิดประตูเข้ามาช่วยทันเวลาพอดิบพอดี
“นั่นแน่...คุณอิศรมาแล้ว” สุบรรณชิ่งเลย “งั้น...ให้คุณอิศรตอบคำถามนี้แทนผมละกันนะครับ”
สุบรรณรีบเผ่นแนบออกไป กอหญ้าหันมามองหน้าอิศร
“ฉันไปคุยกับหมอมาแล้ว หมอบอกว่าพรุ่งนี้เธอก็กลับบ้านได้แล้ว”
“บ้านฉันอยู่ที่ไหนล่ะ” กอหญ้าถามทันที
“บ้านเธอน่ะ ไม่มีหรอก มีแต่บ้านของเรา” อิศรบอก เขินนิดๆ
“หมายความว่าไง ไม่มีบ้าน” กอหญ้าหงุดหงิดกับคำตอบของอิศร เลยโวยวายดังลั่น “คนอะไรไม่มีบ้าน นี่คุณหลอกฉันอีกแล้วใช่ไหม อีตาบ้า” จากแค่หงุดหงิดเปลี่ยนเป็นโมโห หญิงสาวหยิบเอาของมาขว้างปาใส่พัลวัน “คุณไปเลยนะ ไปบอกพ่อแม่ฉันให้มารับกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ” กอหญ้าร้องกรี๊ด “ฉันจะกลับบ้าน ได้ยินไหม ฉันจะกลับบ้าน”
อิศรจับมือกอหญ้าเอาไว้ให้หยุดอาละวาด มองหน้ากอหญ้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“กอหญ้า หยุด! ฟังฉันนะ เธอไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อแม่ เธอเป็นเด็กกำพร้า!”
กอหญ้าอึ้งไป มองดูแววตาอิศรที่มองมามีแต่ความเห็นใจ เธอรู้ว่าคราวนี้เขาพูดจริง
อิศรพูดเสียงนุ่มนวลท่าทีอ่อนโยน “เธอโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พ่อแม่ของเธอตายไปหมดแล้ว เธอไม่มีใครอีกแล้วในโลกนี้...นอกจากฉันคนเดียว”
สีหน้ากอหญ้าสลดลง นิ่งไปอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อไปกับชีวิต น้ำตาค่อยๆ ไหลรินออกมา

อิศรโอบกอดกอหญ้าไว้ด้วยความสงสาร
คืนนั้น ทุกคนอยู่ในห้องนั่งเล่น นภัสรพีลุกขึ้นถามนภดาราด้วยความประหลาดใจ

“ลูกจะจัดงานเลี้ยงเปิดตัวพเยียงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่งานใหญ่โตอะไรหรอกค่ะ คุณพ่อ แค่เชิญญาติผู้ใหญ่ พี่ๆ น้องๆ มาเลี้ยงน้ำชา จะได้แนะนำให้ลูกพเยียรู้จักเอาไว้ ในฐานะที่พเยียก็เป็นศิวาวงศ์คนนึงเหมือนกัน”
นภาจรีหันไปมองหน้าพเยีย ที่นั่งประจบอยู่ข้างนภดารา
“นี่คงเป็นความคิดของเธอสินะ”
พเยียแสร้งทำตัวลีบเล็ก เข้าไปกอดแขนนภดาราเหมือนเด็กหาที่พึ่ง แต่แววตาที่มองนภาจรีท้าทายมาก นภดารามองไม่เห็นสีหน้านั้น รีบพูดปกป้องพเยีย
“แต่หลานก็เห็นดีด้วยนะคะ เพราะอยากให้พเยียมั่นใจ ว่าทุกคนที่นี่ ยอมรับแกเป็นลูกเป็นหลานจริงๆ”
นภาจรีหันมองนภัสรพี ไม่เห็นด้วย นภัสรพีมองนภดาราที่มองนิ่งมายังตนด้วยสายตาวิงวอน ในที่สุดก็ตอบตกลง
“ถ้าลูกต้องการอย่างนั้น พ่อก็ตามใจ”
“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ”
พเยียยิ้มในสีหน้า มองนภาจรีอย่างผู้ชนะ

สองพี่น้องอยู่ในห้องทำงานนภัสรพี นภาจรีระเบิดออกมาอย่างไม่พอใจ
“น้องทนไม่ได้! เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า มาจากไหนไม่ทราบ จะมาแอบอ้างสวมรอย เป็นหลานสาวของเรา” นภาจรีเข้าไปเซ้าซี้พี่ชาย “ถ้าพเยียเป็นลูกของดาราจริง หนีการตรวจดีเอ็นเอทำไม ทำตัวมีพิรุธขนาดนี้ พี่ชายไม่สงสัยบ้างหรือคะ”
“พี่ก็สงสัย แต่ในเมื่อไม่มีใครมาอ้างตัวเป็นลูกของนภดารา นอกจากพเยีย แถมแกยังมีล็อกเก๊ตเป็นหลักฐาน เราจะปฏิเสธแกได้ยังไง”
นภาจรีพูดประชดด้วยความเสียใจ
“เราเลยต้องยอมรับ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอก ว่าแกไม่ใช่สายเลือดของศิวาวงศ์ งั้นเหรอคะ”
นภัสรพี ปลอบน้องสาว และย้ำให้เห็นแก่นภดารา “ก็นึกเสียว่าทำบุญนะ หญิงนภา ทีลูกนกลูกกา ลูกแมวลูกหมาหลงมา เรายังเลี้ยงได้ กะอีแค่เด็กผู้หญิงคนเดียว ถ้าแกทำให้ดารามีความสุขพี่ก็เต็มใจจะเลี้ยงแกต่อไป”

นภาจรีนึกถึงพเยีย พูดอย่างเกลียดชัง
“แต่น้องว่าท่าทางเด็กคนนี้มันเลี้ยงไม่เชื่อง ระวังเถอะค่ะ มันจะแว้งกัดใครเข้าซักวัน”
“เอาไว้ให้ถึงวันนั้นก่อน แล้วพี่จะตัดสินใจเอง ว่าจัดการยังไง”
นภัสรพีพูดอย่างมั่นใจในตัวเอง ว่า “เอาอยู่”

วันต่อมา อิศรขับรถเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าประตูบ้าน โดยมีกอหญ้านั่งคู่ ใส่เสื้อผ้าชุดเดิมในวันที่เกิดอุบัติเหตุ
ประตูเปิดออก รถแล่นเข้าไปในคฤหาสน์โอ่อ่าและอาณาบริเวณกว้างขวางระดับบ้านอภิมหาเศรษฐี
กอหญ้าตะลึงค้างกับความโอฬารที่ได้เห็น ไม่ใช่เห่อ แต่เป็นรู้สึกเหลือเชื่อว่าบ้านอะไรจะใหญ่โตขนาดนี้ อิศรขับรถเข้าบ้านไป

อิศรขับรถมาจอดหน้าตึก แล้วลงจากรถแล้วมาเปิดประตูให้กอหญ้า แต่กอหญ้าไม่ลง 2 คน เถียงกันอีก
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน”
“ฉันเคยอยู่ที่นี่เหรอ ฉันไม่เห็นคุ้นเลย”
“ก็เธอความจำเสื่อมอยู่นี่ ลงมาสิ”
กอหญ้าส่ายหัว ไม่ยอมลง
“ลงมา...” กอหญ้ายังไม่ยอมลง “ไม่ลงเหรอ...ได้”
อิศรอุ้มกอหญ้าลงจากรถ
กอหญ้าดิ้น ร้องลั่น “ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
“ก็อยากดื้อทำไมล่ะ”
อิศรอุ้มกอหญ้าเข้าไปในบ้าน

ที่มุมหนึ่ง เห็นนันกับนุชคนรับใช้ในบ้าน แอบดูอย่างสอดแนม
“ว้าย นังนุช แกเห็นไหม”
“เต็มตาเลยนังนัน”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 2/3 วันที่ 13 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th