อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 2/4 วันที่ 13 ก.พ. 56

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 2/4 วันที่ 13 ก.พ. 56

ที่มุมหนึ่ง เห็นนันกับนุชคนรับใช้ในบ้าน แอบดูอย่างสอดแนม
“ว้าย นังนุช แกเห็นไหม”
“เต็มตาเลยนังนัน”
“คุณอิศรไม่เคยพาผู้หญิงเข้าบ้านเลย แม่คนนี้เป็นใครกัน” นันสงสัย
“ลองอุ้มกันเข้าบ้านแบบนี้ คงไม่ใช่ธรรมดาแน่ .. แบบนี้มันต้อง...”
นันกับนุชมองหน้ากัน แล้วประสานเสียง “เป็นข่าว”

อีกฟากหนึ่งของกรุงเทพฯ สกุณาพูดโทรศัพท์อยู่ ถามอย่างสงสัย
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เคยเห็นหน้าไหม”
นันคนใช้สายสืบรายงานสด “หนูไม่เคยเห็นมาก่อนเลยค่ะ แต่คงเป็นแฟนคุณอิศรมั้งคะ เพราะท่าทาง อื้อฮื้อ อย่าให้พูดดีกว่า”
สกุณาอยู่ในเสื้อคลุมตัวหลวมๆ อยู่ในห้องที่ตกแต่งคล้ายห้องนวดสุดหรูในสปา แต่จริงๆ แล้วเป็นบาร์โฮสต์ เมมเบอร์คลับสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ที่มีผู้ชายให้บริการ



“พูดมา” สกุณาซัก
“ก็คุณอิศรน่ะ ทั้งกอด ทั้งหอม แถมยังอุ้มเข้าบ้าน ทำอย่างกับเจ้าบ่าวอุ้มเจ้าสาวหยั่งงั้นเลยค่ะ คุณสกุณา”
สกุณาวางสาย ครุ่นคิด แววตาร้าย

“คุณอิศรพาแฟนเข้าบ้านอย่างงั้นเหรอ”
จังหวะนั้นวงแขนกำยำยื่นมาโอบรอบตัวสกุณา ที่แท้เป็นนภดลคู่ขาพเยียนั่นเอง ที่ใส่ชุดเสื้อคลุมเหมือนกัน เคล้าเคลียอย่างสนิทสนม

“ทางบ้านมีเรื่องอะไรเหรอครับ คุณพี่”
“ไม่มีใหญ่โตหรอกจ้ะ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พอให้รำคาญใจ”
นภดลโอบสกุณาไปที่เตียง “มา ผมนวดให้ คุณพี่จะได้หายเครียด”
สกุณามองนภดล แววตายั่วยวนเร่าร้อน
“สุดฝีมือเลยนะจ๊ะ นภ แล้วพี่จะตบรางวัลให้”
ขาดคำร่างของทั้งสองทรุดลงบนเตียง ดำดิ่งสู่แดนสุขาวดี

ด้านอิศรอุ้มกอหญ้าเข้าไปในห้องนอนใหญ่หรูหรา วางกอหญ้าลงในห้อง กอหญ้างง
“นี่ห้องฉันเหรอ”
อิศรยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฮื่อ นี่แหละ ห้องของเรา”
“อะไรนะ คุณหมายความว่าฉันกับคุณ”
กอหญ้าเอามือชี้ตัวเองและอิศร แล้วชี้ไปที่เตียง สายตามีคำถาม อิศรยิ้มกริ่ม พยักหน้า
“ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้! ไหนคุณบอกว่าเราเป็นแฟนกันไง เป็นแค่แฟนแล้วจะไปอยู่ห้องเดียวกันได้ยังไง” กอหญ้าโวยวาย “นี่คิดจะหลอกฉันอีกใช่มั้ย”
อิศรหัวเราะขำที่กอหญ้าไม่หลงกล
“ไม่ช่ายยย ไม่ได้หลอกซะหน่อย ฉันก็แค่พาเธอมาดู “ห้องของเรา” ห้องที่เธอกับฉันจะอยู่ด้วยกันหลังแต่งงานเท่านั้นเอง” อิศรทำเป็นบ่นๆ “ทำเป็นโวยวายไปได้”
กอหญ้าค้อนขวับ “แล้วห้องฉันอยู่ไหนล่ะ”
ครู่ต่อมาอิศรเปิดประตูห้องอีกห้องให้กอหญ้า
“นี่ไงห้องเธอ”
กอหญ้าก้าวเข้าไปในห้อง เห็นห้องนอนตกแต่งสไตล์ห้องผู้หญิง ทั้งห้องเต็มไปด้วยกุหลาบสีชมพู มีข้าวของเครื่องใช้ครบครัน
กอหญ้าเดินเข้าไปในห้องสำรวจข้าวของเครื่องใช้ในห้องอย่างละเอียด เปิดดูตู้เสื้อผ้าเห็นมีเสื้อผ้าผู้หญิงจัดอย่างเป็นระเบียบเต็มตู้ ทุกอย่างดูใหม่หมด ยังมี tag ราคาติดอยู่
ในห้องน้ำ มีพวกอุปกรณ์อาบน้ำทุกอย่างใหม่เอี่ยม สบู่ก้อนใหม่ แชมพูเต็มขวด ทุกอย่างในห้องนอนเหมือนไม่เคยมีคนอยู่มาก่อนเลย กอหญ้าเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นอิศรยืนยิ้มภูมิใจอยู่ กอหญ้าหมั่นไส้
กอหญ้าแสร้งถามเสียงเรียบให้อิศรตายใจ “นี่เหรอห้องฉัน”
“อึมม์” อิศรพยักหน้า
กอหญ้าซัก “ก่อนเข้าโรงพยาบาลฉันอยู่ห้องนี้เหรอ”
อิศรยิ้มย่อง “ใช่ เริ่มจำได้แล้วใช่มั้ยล่ะ”
กอหญ้า วีนแตก “นี่ นึกว่าฉันปัญญาอ่อนหรือไง ถ้าฉันเคยอยู่ห้องนี้จริงๆ ทำไมของใช้มันถึงได้ใหม่เอี่ยมอย่างงี้ ห๊ะ”
กอหญ้าคว้าแป้งกระป๋องใหม่เอี่ยมที่หน้ากระจกปาใส่อิศร แล้วเปิดตู้เสื้อผ้า คว้าเสื้อออกมา
“เสื้อผ้านี่ก็เหมือนกัน ป้ายราคายังติดอยู่เลย” พลิกดูป้ายราคา “ตัวละหมื่นห้าบ้าไปแล้ว มันไม่ใช่เสื้อของฉันแน่ๆ”
กอหญ้าปาเสื้อราคา 5 หมื่นบาท ใส่หน้าอิศร แต่อิศรปัดป้อง แล้วทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน
“ทำไมจะไม่ใช่” โวยเสียงดังกว่า “ของ-ของเธอทั้งนั้น เธอจำไม่ได้เอง”
กอหญ้าเถียงคอเป็นเอ็น “ไม่จริง ใครจะบ้าซื้อเสื้อผ้าแพงๆ แบบนี้”
“ก็เธอน่ะสิ เธอน่ะบ้าชอปปิ้ง ไม่รู้รึไง” อิศรเล่นใหญ่ จัดหนัก รัวเป็นชุด ออสการ์นำชายมาเอง “เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า อะไรออกใหม่เป็นต้องวิ่งไปซื้อ ซื้อมาจนใส่ไม่ทัน ซื้อมาจนไม่มีที่เก็บ พอฉันห้าม ก็หาว่าฉันงก นี่จะบอกให้นะ ตอนที่รู้ว่าเธอความจำเสื่อมน่ะ ฉันภาวนาเลย ขอให้นิสัยช้อปกระจายนี่มันหายไปด้วย ไม่งั้นฉันหมดตัวแน่ ฮึ่ย”
อิศรหยุดหอบพักเหนื่อย กอหญ้าโดนใส่ชุดใหญ่จนเหวอ มองอิศรอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ แต่ก็เถียงไม่ออกเพราะจำอะไรไม่ได้
“ฉันเป็นคนแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” กอหญ้าถามอย่างไม่แน่ใจ
“โอ๊ย ที่แย่กว่านี้ยังมีอีกเยอะ” กอหญ้าหน้าบึ้ง อิศรรีบยิ้มประจบ “แต่ไม่เป็นไร ฉันทนได้” รีบเปลี่ยนเรื่อง “ตอนนี้เธอพักผ่อนก่อนนะ ฉันต้องไปทำงานแล้ว จะเอาอะไรก็บอกพร เค้าเป็นคนรับใช้ของเธอ”
กอหญ้าพยักหน้ารับให้จบๆ เรื่องไป “ฮื่อ”
อิศรเดินมาใกล้ๆ ขโมยหอมแก้ม 1 ฟอด กอหญ้าตกใจ ร้องโวยวาย คว้าของใกล้มือขว้าง อิศรกระโจนออกนอกห้อง หลบทัน ของลอยไปกระทบประตูอิศรค่อยๆโผล่หน้าจากประตู ยิ้มยั่ว
“เย็นๆ เจอกันนะจ๊ะ ที่รัก”
อิศรหลบแว้บไป
“คนบ้า”
กอหญ้าอยู่คนเดียวมองไปรอบๆ ห้อง ก้มลงมองเสื้อผ้าเรียบๆ ชุดเดิมที่ใส่อยู่ แล้วรำพึงขึ้นมา
“ฉันเนี่ยนะ บ้าช้อปปิ้ง”

กอหญ้าไม่เชื่อ และไม่คุ้นเอาเลย
รถแล่นเข้ามาจอดที่บ้านเรือนไทยหลังใหญ่โต สวยงาม โอ่อ่า เจ้ามลุลีและเจ้าแสงโชติลงจากรถ พาชิษณุพงษ์ที่สวมแว่นกันแดด หน้าตาแจ่มใสเดินเข้าบ้าน

“ถึงบ้านเราแล้ว”
เจ้ามลุลีประคองชิษณุพงษ์มา “ค่อยๆ เดินนะลูก ระวัง”
ชิษณุพงษ์มองผู้เป็นมารดาขำๆ “ผมมองเห็นแล้วนะครับ แม่ ไม่ต้องจูงก็ได้”
ชิษณุพงษ์เดินเข้าบ้านมา ถอดแว่นออก หันมองไปรอบตัว ภาพที่มองเห็นยังเบลอๆ และมีแสงพร่าเล็กน้อย ก่อนจะปรับเป็นปกติ เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของลุงเติมโผล่เข้ามา ยิ้มกว้างทักทาย
“คุณชิษณุ”
ชิษณุพงษ์ดีใจมาก “ลุงเติม”
“ตาเป็นยังไงบ้างครับ” ชายชราถาม
“มองเห็นตีนกาลุงชัดแจ๋วเลยล่ะ แล้วนี่ลุงลงมาจากเชียงใหม่ทำไมเนี่ย”
“เจ้าสั่งน่ะครับ เจ้าให้ผมลงมาอยู่ดูแลคุณที่บ้านกรุงเทพฯ นี่ จนกว่าคุณจะหายดี”
ชิษณุพงษ์ยิ้ม อาการเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
“ใครบอกว่าฉันจะอยู่กรุงเทพฯ ลุงเติมมาก็ดีแล้ว พาฉันกลับไปเชียงใหม่ที ฉันจะรีบไปหากอหญ้า”
ลุงเติมอึ้งไป หน้าเสีย เจ้าแสงโชติกับเจ้ามลุลีรีบคัดค้าน โดยทั้งสองท่านไม่สนิทสนมกับกอหญ้า และไม่รู้เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
“ยังไปไหนไม่ได้นะลูก คุณหมอบอกให้ลูกพักให้หายดีก่อน”
“งั้นก็ให้เค้ามาหาผม” ชิษณุพงษ์บอกกับลุงเติม “ลุงเติมไปรับกอหญ้ามา บอกว่าฉันต้องการคนดูแลคนเดิม”
“คงจะไม่ได้หรอกครับ” ลุงเติมบอก
ชิษณุพงษ์งง “ทำไม”
ลุงเติมอึกอัก ไม่อยากพูด ชิษณุพงษ์คาดคั้น
ชิษณุพงษ์ตื่นเต้น รู้ว่ามีเรื่องบางอย่าง “ทำไม ลุงเติม มีอะไร เกิดอะไรขึ้น ทำไมกอหญ้าถึงจะมาหาฉันไม่ได้”
ลุงเติมลำบากใจ

ครู่ต่อมาภายในห้องนั่งเล่น ชิษณุพงษ์นั่งฟังลุงเติมเล่า สีหน้าเคร่งขรึม เจ้าแสงโชติกับเจ้ามลุลีนั่งฟังอยู่ห่างออกไป
“หนูกอหญ้าลงมาทำธุระที่กรุงเทพฯ กับคุณแม่ยุพาครับ ระหว่างทางรถที่นั่งมาเกิดอุบัติเหตุ ทั้งคุณแม่ยุพาทั้งเจ้าของรถ เอ่อ เสียชีวิตทันที”
ชิษณุพงษ์ใจหล่นวูบ “แล้วกอหญ้าล่ะ”
“หนูกอหญ้าหายไปครับ จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ ว่าแกหายไปไหน เป็นตายร้ายดียังไง”
ชิษณุพงษ์อึ้ง พูดไม่ออก หน้าตาเสียใจมาก เจ้ามลุลีกับเจ้าแสงโชติมองลูกชายอย่างเป็นห่วง

เย็นวันเดียวกันกอหญ้าค้นลิ้นชักและตู้ต่างๆ ในห้อง พยายามหาสิ่งที่จะบอกถึงอดีตของตน แต่ไม่พบอะไร
“ไม่มีอะไรซักอย่าง กระเป๋าสตางค์ บัตรประชาชน รูปถ่ายซักใบก็ไม่มี นี่เราเป็นใครกันเนี่ย ทำไมมีแต่ตัวเปล่าๆ แบบนี้”
กอหญ้านั่งแหมะลงที่โต๊ะแต่งตัว หยิบบรรดาเครื่องสำอางที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะมาดู กอหญ้าเปิดดมกลิ่น ย่นจมูก
“อีตาบ้านั่นหลอกเราแน่ๆ นี่มันห้องของใครก็ไม่รู้”
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น กอหญ้าเดินไปที่ประตู
“ใครจ๊ะ”
“พรเองค่ะ”
กอหญ้าเปิดประตู ยิ้มให้พร
“มีอะไรจ๊ะ”
พรยิ้มแหยๆ มองกอหญ้าอย่างห่วงๆ
“คุณอรรถกับคุณสกุณาให้มาเชิญคุณกอหญ้าลงไปพบค่ะ”
กอหญ้างง “คุณอรรถกับคุณสกุณา ใครกันอีกล่ะ”
“คุณอรรถคือคุณพ่อของคุณอิศรค่ะ ส่วนคุณสกุณาคือ เอ่อ...คือภรรยาใหม่ของคุณพ่อคุณอิศรค่ะ”
กอหญ้าลำบากใจ

อรรถกับสกุณารออยู่ที่ห้องรับแขก กอหญ้าเดินสำรวมเข้าไป ทั้งสองหันมองกอหญ้าหัวจรดเท้า แววตาจ้องจับผิดเต็มที่ กอหญ้าพนมมือไหว้อรรถและสกุณาอย่างเรียบร้อย
“สวัสดีค่ะ”
“เธอเป็นใคร” อรรถถามเสียงแข็ง
“ฉันชื่อกอหญ้าค่ะ”
อรรถซักต่อ “ลูกเต้าเหล่าใคร มาจากไหน แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”
กอหญ้า งงๆ “ฉัน เป็น ...เอ่อ... เป็น...” หญิงสาวกระดากปากที่จะบอกว่าเป็นแฟนอิศร เพราะตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ เลยย้อนถามกลับ “ท่านไม่รู้จักฉันหรอกเหรอคะ”
สกุณาแหว เสียงดุ “นี่ ถามก็ตอบดีๆ อย่ามายอกย้อน”
“ฉันไม่ได้ยอกย้อนค่ะ ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกัน ว่าตัวเองเป็นใคร” กอหญ้าบอก
อรรถฉงน “อะไรนะ นี่เธอพูดอะไรของเธอ”
“ฉันประสบอุบัติเหตุ แล้วก็ความจำเสื่อมค่ะ คุณอิศรบอกว่าฉันชื่อกอหญ้า เป็นเด็กกำพร้า ไม่มีบ้าน...”
กอหญ้าพูดไม่ทันจบสกุณาพูดสวนขึ้นมา “ที่แท้ก็พวกเด็กมีปัญหา” หันมาแดกดันอรรถ “งามหน้าไหมล่ะคะ ลูกชายคุณ ไปคว้าเด็กข้างถนนเข้าให้”
“อายุไม่เท่าไหร่ ก็แล่นตามผู้ชายมาถึงบ้าน คิดจะจับลูกชายฉันหรือไง”
อิศรเดินเข้ามาทันได้ยินและโกรธจัด
“กอหญ้าไม่ได้ตามผม ผมเป็นคนพาเค้ามาเอง ในฐานะ แฟนของผม”
“ฉันไม่อนุญาติ แกจะเอาผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้ มาอยู่ที่ บ้านไม่ได้” อรรถเสียงขุ่นใส่
กอหญ้าหน้าเสีย อับอายมาก อิศรเห็นแล้วยิ่งโกรธ
“แล้วทำไมพ่อเอาผู้หญิงหน้าด้าน ไม่มียางอายมาอยู่ในบ้านได้ล่ะครับ”
สกุณาเต้นเร่าๆ กรี๊ด “คุณอรรถคะ”
อิศรชี้หน้าสกุณา “นี่เธอ อุตส่าห์ได้อัพเกรดขึ้นมาเป็นเมียหลวง ไอ้กริยากรี๊ดกร๊าดแบบเมียน้อยนี่เลิกไม่ได้หรือไง หรือว่ามันอยู่ในสันดาน”
อรรถทนไม่ไหว เงื้อมือจะตบอิศร
“ไอ้อิศร”
อิศรจ้องมองอย่างเอาเรื่อง “อย่านะ พ่อ อย่าแม้แต่จะคิด” อรรถลดมือลงจ๋อยๆ “แล้วจำเอาไว้ด้วย ที่นี่ เป็นบ้านของแม่ผม ผมจะพาใครเข้ามาอยู่ก็ได้ เพราะมันเป็นบ้านของแม่ผม!” พลางเข้าไปโอบปกป้องกอหญ้า “และนี่ แฟนผม เค้ามีสิทธิ์มากกว่าคนบางคนที่ยืนเสนอหน้าอยู่ตอนนี้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใคร ห้ามมาวุ่นวายกับกอหญ้าอีก ไม่งั้น อย่าหาว่าผมไม่เตือน”
อิศรจับแขนกอหญ้าพาเดินออกไป
อรรถถูกลูกชายตอกหน้าหงาย พูดไม่ออก สกุณาเจ็บใจที่ทำอะไรอิศรไม่ได้ หันมาระบายใส่อรรถ
“ไงล่ะคะ ลูกชายบังเกิดเกล้าของคุณ เมียเก่าคุณน่ะร้ายนัก ทำพินัยกรรมยกสมบัติให้ลูกชาย มันถึงได้จะเดินเหยียบหัวคุณอยู่เนี่ย”
อรรถโมโหเลยใส่คืนบ้าง

“ที่เป็นแบบนี้ ก็เพราะเค้าจับได้ ว่าฉันเป็นชู้กับเธอไง มาพูดซ้ำซากอยู่ได้ โธ่เว้ย”
ตกกลางคืนกอหญ้านั่งน้ำตาซึมอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องนอน อิศรนั่งปลอบใจข้างๆ

“อย่าคิดมากนะ ที่พ่อฉันเค้าเป็นแบบนี้ เพราะมียัยปีศาจสกุณาคอยเป่าหูทุกวัน”
“ฉันไม่โกรธหรอกค่ะ เป็นใครก็คงรังเกียจฉันทั้งนั้น” กอหญ้ามองหน้าอิศรด้วยสายตาวิงวอน “คุณอิศรคะ พูดความจริงกับฉันได้มั้ย อย่าหลอกฉันอีกเลย”
อิศรนิ่ง รู้ว่ากอหญ้าสะเทือนใจมาก ไม่อาจพูดเล่นต่อไปได้
“ฉันไม่เคยอยู่ที่นี่ ข้าวของในห้องก็ไม่ใช่ของฉัน พ่อคุณไม่รู้จักฉัน จริงๆ แล้วฉันเป็นใคร มีเรื่องอะไรที่เป็นเรื่องจริงบ้าง”
อิศรกุมมือกอหญ้า “เรื่องจริงก็คือ เธอเป็นเด็กกำพร้า ชื่อกอหญ้า ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ เธอเคยอยู่กับแม่ชีที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เชียงใหม่”
กอหญ้างง “แล้วทำไมคุณไม่พาฉันกลับไปที่นั่น”
“มันไม่ปลอดภัย” กอหญ้ามอง ไม่เข้าใจ “จริงๆ แล้วแผลที่หัวของเธอ ไม่ได้เกิดจากรถคว่ำ แต่เธอโดนทำร้าย” คราวนี้กอหญ้าตกใจ “มีคนต้องการฆ่าเธอ”
“ฆ่าฉัน” กอหญ้านึกสยอง “ใครคะ ใครกัน”
“ฉันไม่รู้ เธอเป็นคนเดียวที่รู้ แต่เธอกลับจำอะไรไม่ได้ ฉันเลยไม่กล้าเสี่ยงให้เธอไปอยู่ที่ไหน กับใครทั้งนั้น ฉันเป็นห่วงเธอนะ กอหญ้า”
กอหญ้าก้มหน้า เช็ดน้ำตา ยิ่งสลดใจในชะตากรรมของตัวเอง
“แล้วฉันจะต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน”
อิศรแอบมองกอหญ้าอย่างอ่อนโยน
“ฉันอยากให้เธออยู่กับฉันอย่างนี้ตลอดไป” กอหญ้าเงยหน้าขึ้นมามอง อิศรรีบซ่อนท่าทีอ่อนโยน “หรืออย่างน้อยๆ ก็จนกว่า เธอจะจำได้ ว่าคนที่ทำร้ายเธอเป็นใคร”

วันต่อมาพเยียหมุนตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ กำลังลองสวมชุดเดรสสั้นสำหรับกลางวัน แบบเรียบแต่หรู ดูสวยหวานแบบคุณหนู บริเวณรอบๆ มีเสื้อผ้าชุดอื่นที่พเยียลองแล้วไม่ชอบ เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า วางเกลื่อนเรียงราย แม่ชื่นเก็บไปพลาง มองพเยียอย่างเซ็งๆ ไปพลาง
นภดาราเข้าไปจัดชุดให้พเยียอย่างรักใคร่
“ลูกสาวแม่สวยจัง” หันมาพูดกับชื่น “จริงมั้ยจ๊ะ แม่ชื่น”
“ค่ะ คุณหนูพเยียสวยคม เข้ม” แม่ชื่นเน้นคำ “ไม่เหมือนคุณดาราเลย”
พเยียจิกหางตามองแม่ชื่นแบบรู้ทัน นภดารามัวแต่ก้มหน้าก้มตาดูชุด ไม่ทันรู้สึกอะไร
“พเยียเค้าเข้มเหมือนกานต์ไงจ๊ะ” แม่ชื่นอ่อนใจ “ลูกสาวเหมือนพ่อน่ะ เค้าว่าวาสนาดีนะคะ แม่ชื่น” หันมาทางพเยีย “แม่ว่าเอาชุดนี้นะลูกนะ สวยแล้ว”
“สวยอะไรคะ เรียบจะตาย ใส่แล้วยังกับแม่ชี”
พเยียเดินไปหยิบแมกกาซีนแฟชั่นที่วางอยู่มาพลิกด้านในให้นภดาราดู เห็นรูปนางแบบเดินแฟชั่นชุดราตรีบนแคตวอล์ก เป็นชุดหรูหราอลังการ พเยียออดอ้อนเสียงหวาน
“พเยียอยากได้แบบนี้น่ะค่ะ คุณแม่” เอานิ้วชี้ๆ ไปตามรูป “หยั่งงี้ๆๆๆๆ เหมือนที่นางแบบเค้าใส่กัน มันต้องแบบเนี้ย ถึงจะสมกับเป็นงานเปิดตัวพเยียหน่อย นะคะ คุณแม่ นะคะ นะค้า”
นภดาราหน้าตาไม่เห็นด้วย แต่เกรงใจพเยียที่รุมเร้าอยู่ แม่ชื่นทนไม่ได้ ขัดขึ้นมา
“แต่นี่มันงานเลี้ยงน้ำชานะคะ คุณหนู งานกลางวัน”
พเยียหันขวับมา จิกตาใส่ “ก็ฉันจะใส่ มันหนักอะไรใครรึเปล่า”
แม่ชื่นผงะ นภดาราตกใจ
“พเยีย”
ชื่นย้อนเสียงเรียบ “ชุดกลางคืนเอาไปใส่กลางวัน...ถ้าจะหนัก ก็คงจะหนักที่คนใส่เองนั่นแหละค่ะ”
“นี่ แกด่าฉันเหรอ นังชื่น”
พเยียหันเข้าใส่แม่ชื่นอย่างลืมตัว นภาจรีที่เดินผ่านมาพอดี ปรี่เข้ามาขวาง
“หยุดนะ พเยีย เธอจะมาขึ้นเสียง ทำฤทธิ์ทำเดชใส่คนที่นี่ไม่ได้” จ้องหน้าพเยีย เน้นทีละคำ “ที่นี่ วังศิวาลัยนะ ไม่ใช่ข้างถนนถ้ารักจะอยู่ที่นี่ ก็ทำตัวซะใหม่”
พเยียมองนภาจรีเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ไม่กล้าทำอะไร ได้แต่ปาหนังสือลงพื้นดังโครม แล้วเดินกระทืบเท้าเปรี้ยงๆ ออกไป
“พเยีย ลูก”
นภาจรีคว้าแขนไว้
“ไม่ต้องตามไปง้อนะ ดารา เด็กอะไร ก้าวร้าว ไม่มีสัมมาคารวะ ไม่รู้จักมารยาท” นภาจรีเน้นคำตอนท้าย “เหมือนไม่ใช่ลูกชาติลูกตระกูล”
นภดาราย้อนนภาจรีอย่างตัดพ้อ
“ต่อให้เป็นลูกชาติลูกตระกูล ถ้าถูกทอดทิ้ง ปล่อยให้โตขึ้นมาตามยถากรรม ก็คงเป็นเหมือนพเยียทุกคนแหละค่ะ” เห็นนภาจรีชักสีหน้าโกรธ เลยเสียงอ่อนลง “พเยียแกมีปมด้อย น้อยใจว่าไม่มีใครรัก ก็อาจจะก้าวร้าว เจ้าอารมณ์ไปบ้าง ยังไงหลานก็ขอโทษอาหญิงกับแม่ชื่นแทนลูกด้วยก็แล้วกันค่ะ อย่าถือโทษโกรธพเยียเลยนะคะ”
นภาจรีกับชื่นเจอไม้นี้เข้าไป พูดไม่ออก ได้แต่มองหน้ากัน อย่างอ่อนใจ

นภาจรีเดินหน้าหงิกเข้าห้องมา เห็น ปุยฝ้าย - แมวเปอร์เซียสีขาวนอนอยู่บนโซฟา ชื่นเดินตามมาด้วย บ่นอย่างขัดใจ
“พ่อกานต์ก็เป็นคนดีแสนดี คุณดาราเองก็ดี พ่อดีแม่ดี แล้วทำไม๊...ลูกออกมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง”
“ก็เพราะมันไม่ใช่น่ะซี แม่ชื่น”
“คุณหญิงก็คิดเหมือนอย่างที่ชื่นคิดใช่ไหมคะ”
นภาจรีพยักหน้า

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 2/4 วันที่ 13 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th