อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10 วันที่ 7 มี.ค. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10 วันที่ 7 มี.ค. 56

“มันเลี้ยวไปทางโน้นแล้ว ชิษณุพงษ์
ชิษณุพงษ์เลี้ยวตามทันที โดนกดแตรด่าลั่นถนน
ส่วนในรถนพดล เห็นนพดลพยายามกดโทรศัพท์หาพเยีย แต่ไม่มีเสียงอะไรเลย เพราะโทรศัพท์พเยียเจ๊งไปแล้ว
“โธ่เว้ย ให้มันได้หยั่งงี้สิวะ”
“เฮ้ย นพ กูว่าฟอร์ดสีดำ... คันนั้นแม่งตามเรามาว่ะ” เพื่อนนพดลว่า

“เฮ่ย” นพดลเหลียวมองไป สังเกตรถชิษณุพงษ์ “ไม่ใช่ตำรวจนี่หว่า”


เพื่อนชักสงสัย “มึงไปทำอะไรมา ทำไมมีคนตามมึง”
นพดลไม่สนใจ มองรถชิษณุพงษ์ตลอด “เรื่องของกูน่ะ มึงขับไป”
“ไม่ล่ะ ถ้ามึงไม่บอกมึงลงไปเลย กูไม่อยากซวยไปกับมึงด้วย ว่าไง”
นพดลมองเพื่อนอย่างขัดใจ มองไปข้างหน้า เห็นป้ายสถานีขนส่งหมอชิต นพดลคิดอะไรได้
“มึงส่งกูข้างหน้านี่เลย ไอ้บอม เรื่องมากนัก กูไปเองได้”
เพื่อนนพดลหักชิดซ้าย ชิษณุพงษ์ตามติด

นพดลสะพายกระเป๋าเดินแกมวิ่งเข้าในฝูงคน ได้ยินเสียงประกาศ
“ท่านผู้โดยสาร ที่จะเดินทางไปเชียงใหม่ เวลาสิบเก้านาฬิกา สิบห้านาที กรุณาขึ้นรถได้ที่ชานชาลาหมายเลข...”
นพดลวิ่งไปที่ช่องขายตั๋วทันที ชิษณุพงษ์กับกอหญ้าวิ่งตามเข้ามา กวาดตามองหา
“หายไปไหนแล้ว” ชิษณุพงษ์ขัดใจ “รอดไปจนได้”
กอหญ้ามองไปที่ป้ายบอกสายรถ เห็นคำว่าเชียงใหม่ นึกได้
“ทางโน้นค่ะ”
นพดลยืนรออยู่ที่ช่องขายตั๋ว
“ไปเชียงใหม่นะคะ” คนขายถาม
“ครับ”
ชิษณุพงษ์กับกอหญ้าวิ่งเข้ามา กอหญ้าชี้มาที่นพดล
“อยู่โน่นค่ะ”
นพดลออกวิ่งหนีเลย ไม่รอเงินทอน คนขายร้องเรียก
“อ้าว คุณ”

นพดลวิ่งหนี ชิษณุพงษ์กับกอหญ้าวิ่งตาม
“หยุดนะ ไอ้นพดล ฉันเห็นหน้าแกแล้ว แกหนีไม่รอดหรอก”
นพดลเลี้ยวไปมุมหนึ่ง มีลังไม้ใส่สินค้าเทินสูง และมีรถเข็นสำหรับขนถ่ายสินค้าระเกะระกะ นพดลคิดๆ ชิษณุพงษ์วิ่งตามมา ทันใดนั้น ลังไม้ที่กองสูงก็ล้มลงใส่ชิษณุพงษ์ ชิษณุพงษ์ล้มลงไป
นพดลจะวิ่งหนี กอหญ้าตัดสินใจร้องตะโกน
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ช่วยจับโจรด้วย”
มีผู้คนได้ยินเสียง เริ่มเข้ามาดู
นพดลเห็นจวนตัว ควักปืน ที่เพิ่งซื้อมาออกมาขู่กอหญ้า โดยเล็งไปที่ชิษณุพงษ์ที่เพิ่งลุกขึ้นมา
“หุบปากนะ นังกอหญ้า”
กอหญ้าชะงัก นพดลเข้าไปคว้าตัวกอหญ้าเอาไว้ ชิษณุพงษ์ตกใจ
“เฮ้ย แกจะทำอะไร”
“อย่าตามมานะ ไม่งั้นนังนี่ตาย”
นพดลลากกอหญ้าไป กอหญ้าขัดขืน ชิษณุพงษ์ฉวยโอกาสนั้น ตัดสินใจเสี่ยงถีบรถเข็นของขนาดใหญ่พุ่งเข้าชนนพดล นพดลไม่ทันระวังตัว เสียหลัก กอหญ้าสะบัดหลุดวิ่งหนี นพดลยิงตามมา เฉี่ยวแขนกอหญ้า
กอหญ้าร้อง “โอ๊ย” แล้วล้มลงไป
“กอหญ้า”
ชิษณุพงษ์เข้ามาประคองกอหญ้า นพดลฉวยโอกาสวิ่งหนีไป

ส่วนที่งาน พระสวดจบแล้ว นภัสรพี นภดารา และพเยียยืนส่งแขกที่ทยอยกันลากลับ พเยียหน้าขรึม ดูเจียมเนื้อเจียมตัวกว่าทุกวัน อิศรเดินหน้ามุ่ยเข้ามาลา สุบรรณตามมาด้วย
“กอหญ้าหายหน้าไปเลย ท่าทางธุระที่ไปทำคงจะเรื่องใหญ่มาก”
นภัสรพีรู้ว่าอิศรผิดหวังที่ไม่ได้เจอกอหญ้า ยิ้มเอ็นดู
“ก็ใหญ่เอาการอยู่ ฉันเสียใจด้วยนะ ที่พวกเธอต้องมาเก้อ”
สุบรรณตกใจ “มิได้ครับ คุณชาย ผมตั้งใจจะมาฟังสวดอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้ คุณอิศรมีของสำคัญเอามาให้คุณกอหญ้าเท่านั้นเอง”
มีแขกผู้ใหญ่เดินออกมา นภัสรพีหันไปสั่งนภดารา
“ลูกบอกกอหญ้าให้เขาโทร.หาคุณอิศรคืนนี้ด้วยก็แล้วกัน ฉันขอตัวไปส่งแขกก่อนนะ ตามสบาย”
ทั้งสองไหว้ลา นภัสรพีแยกออกไป อิศรรีบบอกนภดารา
“เอาไว้พรุ่งนี้ผมมาใหม่ก็ได้ครับ แค่ของส่วนตัวของกอหญ้าเค้าเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร สุบรรณมันชอบเว่อร์”
พเยียที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้างแม่ ได้ยินถึงกับหูผึ่ง สุบรรณไม่ได้ระวังตัว เลยเถียงขึ้นมา
“เว่อร์อะไรกัน คุณอิศร คุณกอหญ้าเค้าทวงคุณอิศรมาหลายหนแล้ว” สุบรรณหันมาบอกกับนภดารา “คุณกอหญ้าบอกว่ามันสำคัญมาก อยากได้คืน แต่เจ้านายผมนี่แหละครับ ที่มัวแต่ระแวงโน่นนี่ เลยอมไว้ ไม่ให้เค้า”
“เปล่า ฉันไม่ได้อม ก็เอามาคืนแล้วนี่ไง แต่เค้าไม่อยู่เอง”
พเยียได้ที
“คุณอิศรฝากพเยียไว้ก็ได้ค่ะ พเยียจะเอาไปให้กอหญ้าเอง”
อิศรลังเล ไม่ไว้ใจพเยียเลย “ไม่เป็นไรครับ”
พเยียแกล้งทำหน้าจ๋อย “อ้อ ท่าทางคงจะเป็นของมีค่า คุณอิศรคงไม่ไว้ ใจพเยีย”
สุบรรณเห็นพเยียหน้าจ๋อย กลัวนภดาราจะโกรธว่าไม่ไว้ใจ รีบพูดไกล่เกลี่ย
“ไหนๆ ก็เอามาแล้ว คุณอิศรฝากคุณนภดาราไว้ก็ได้นี่ครับ”
“อาเต็มใจรับฝากจ้ะ” เห็นอิศรยังลังเลนิดๆ “ถ้าอิศรไว้ใจอานะ”
อิศรตัดสินใจ “ผมไว้ใจคุณอาดาราอยู่แล้วครับ”
พลางอิศรล้วงกระเป๋าสูท หยิบถึงกำมะหยี่สีดำเล็กๆ ออกมาส่งให้นภดารา
“นี่ครับ ของที่กอหญ้าเค้าอยากได้ แล้วฝากบอกเค้าด้วยนะครับว่า ได้ของไปแล้ว อย่าลืมที่สัญญาเอาไว้” นภดาราทำหน้างง “คุณอาบอกเค้าตามที่ผมพูดนี่แหละครับ กอหญ้าเค้ารู้ ว่าผมหมายถึงอะไร”
“จ้ะ” นภดารายิ้มบางๆ
อิศรกับสุบรรณลากลับ
นภดาราเอาถุงกำมะหยี่ใส่กระเป๋าถือ รูดซิปปิด พเยียมองตาวาว สงสัยสุดๆ ว่าของนั้นคืออะไร
นภดาราเดินมานั่งพักที่โซฟา วางกระเป๋าไว้ข้างตัว ค่อนข้างเหนื่อยและเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ พเยียตามมานั่งประจบ
พเยียมองไปที่กระเป๋า “ของอะไรคะ คุณแม่”
“แม่จะไปรู้ได้ยังไงจ๊ะ อิศรเค้าไม่ได้บอกซะหน่อย”
“คุณแม่ก็ลองเปิดดูสิคะ”
“อุ๊ย ไม่ได้จ้ะ ของส่วนตัวเค้าฝากไปให้กัน เราจะไปเปิดดูได้ ยังไง น่าเกลียด”

พเยียมองไปที่กระเป๋าอย่างขัดใจ
ทันใดนั้น นภดาราก็ลุกขึ้น ตามองออกไปด้านหน้าศาลา

“เอ๊ะ ชิษณุกลับมาแล้ว แล้วกอหญ้าล่ะ”
นภดารา เห็นชิษณุพงษ์ท่าทางยับเยิน เดินขึ้นมาคนเดียว นภดารารีบลุกไปหา พเยียแอบชำเลืองไปที่กระเป๋า
ทั้งสามคนยืนคุยกันหน้าศาลา นภัสรพีตกใจ
“กอหญ้าถูกยิงงั้นเหรอ”
“กระสุนเฉี่ยวแขนไปนิดเดียวครับ ตอนนี้ทำแผลเรียบร้อย แต่หมอให้พักดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลก่อน”
นภัสรพีถาม “แล้วแจ้งตำรวจหรือยัง”
“เรียบร้อยครับ คุณปู่ ตอนผมออกมา ตำรวจเข้าไปสอบปากคำกอหญ้าแล้ว ผมกลัวทางนี้เป็นห่วง เลยกลับมาก่อน”
“เราไปดูกอหญ้ากันเถอะค่ะ คุณพ่อ” นภดาราบอก
“ดี ให้เอารถคันใหญ่ออกเถอะ จะได้ไปพร้อมกันเลย”
“ลูกไปหยิบกระเป๋าก่อน”
นภดาราหันจะกลับไปที่โซฟา แต่เจอพเยียยืนอยู่ ส่งกระเป๋าให้
“นี่ค่ะ คุณแม่”
“ขอบใจจ้ะ พเยียไปด้วยกันไหมลูก”
“พเยียเหนื่อย แล้วก็ปวดหัวด้วยค่ะ เหมือนจะมีไข้”
“งั้นกลับไปพักนะลูก แม่กับคุณตาไปดูกอหญ้าแป๊บเดียว…ไปค่ะ คุณพ่อ”
ทั้งหมดพากันออกไป พเยียแอบถอนใจโล่ง

ใต้ต้นไม้ ด้านหลังศาลา แม่ชื่นนั่งเศร้าอยู่คนเดียวในมุมมืด เห็นหลังพเยียไวๆ วิ่งออกไปที่ลานจอดรถด้านหลังวัด แม่ชื่นขยับชะเง้อดู ศรีมาข้างหลัง น้ำเสียงตื่นเต้น
“คุณแม่บ้านคะ”
แม่ชื่นหันกลับไป “อะไร”
“คุณชายกับคุณดาราเอารถคันใหญ่กลับไปก่อนแล้วนะคะ ท่านจะไปดูคุณกอหญ้า คุณกอหญ้าโดนยิง” ศรีบอก
แม่ชื่นตกใจ “หา! โดนยิง”
“เฉี่ยวแขนนิดเดียวค่ะ” แม่ชื่นคลายความกังวล “ตอนนี้อยู่โรง’บาล ปลอดภัยดี”
“แล้วไป” แม่ชื่นนึกได้ “เอ๊ะ แล้วทำไมตะกี๊ ฉันเห็นคุณพเยียวิ่งไปข้างหลัง”
“อ๋อ คุณหนูบ่นปวดหัว ไม่สบายค่ะ เลยขอกลับบ้านไปเอง”
แม่ชื่นฟังแล้วสงสัยอย่างแรง

พเยียเข้ามาในตึกที่ปิดไฟมืดสลัว เพราะที่วังไม่มีใครอยู่ ทุกคนไปที่งานศพกันหมด พเยียวิ่งขึ้นไปทั้งๆ ที่มืดๆ

พเยียเข้ามาในห้องตัวเอง เปิดถุงแหวนกำมะหยี่ดู เห็นแหวนรูปดาว พเยียหยิบแหวนขึ้นมาดู
“แหวนรูปดาว”
พเยียนึกอะไรได้ ตกใจ
วันแรกที่พเยียมาถึง ถูกนภัสรพีทวงถามเรื่องแหวน
“เธอมีแหวนติดตัวมาด้วยนี่ ไปไหนซะล่ะ ขอให้ตาดูหน่อยซิ”
“แหวนอะไรคะ หนูไม่มีแหวนอะไรซักหน่อย” พเยียเอะใจ แล้วนึกตกใจ “หนูต้องมีแหวนด้วยเหรอคะ คุณแม่ แหวนอะไร”
นภดาราถามเสริม “แหวนที่พ่อของหนูให้กับแม่จ้ะ แม่ให้ติดตัวหนูไว้พร้อมกับล็อกเก็ตอันนี้ ตั้งแต่ตอนที่หนูเกิด... หนูเอาให้คุณตาดูหน่อยซี ...อยู่ไหนจ๊ะ
พเยียดึงตัวเองกลับมาคิดๆ ค่อนข้างมั่นใจ
“นี่เอง แหวนที่ทุกคนถามหา แหวนที่จะพิสูจน์ว่า นังกอหญ้าคือทายาทตัวจริงของศิวาวงศ์ ...ไม่ใช่เรา”
พเยียคิดๆ มองแหวนในมือ ตัดสินใจ
“จะต้องไม่มีใครได้เห็นแหวนวงนี้เด็ดขาด โดยเฉพาะนังกอหญ้า”

ส่วนที่โรงพยาบาลกอหญ้าทำแผลเสร็จ นั่งพักอยู่บนเตียง คนอื่นรายล้อม ให้การกับตำรวจเพิ่งเสร็จ
“คงจะมีเท่านี้ล่ะครับ ขอบคุณน้องมาก”
ตำรวจทำท่าจะกลับ นภัสรพีย้ำ
“ยังไงก็ฝากช่วยจับตัวคนร้ายให้ได้เร็วที่สุดนะครับ”
“ครับ คุณชาย ตอนนี้ทางเราก็ได้ควบคุมตัวเจ้าของรถกระบะ ที่เป็นเพื่อนของนายนพดลมาสอบสวนแล้ว เพื่อนของนายนพดลยืนยันว่า นายนพดลวางแผนจะไปกบดานที่เชียงใหม่ ทางเราก็ประสานงานกับตำรวจท้องที่ให้สืบหาตัวนายนพดลอย่างเร่งด่วนแล้วครับ”
ชิษณุพงษ์เจ็บใจ “ผมพลาดเอง ไอ้ฆาตกรที่มันฆ่าคุณย่าหญิงเลยหนีไปได้”
นภัสรพีปลอบ “ไม่เป็นไรหรอก ชิษณุ คนที่ตายก็ตายไปแล้ว ยังไงชีวิตคนที่ยังเป็นอยู่ก็สำคัญกว่า” คุณชายหันมาทางกอหญ้า “วันหน้าวันหลัง หนูอย่าเสี่ยงแบบนี้อีกนะ”
“ค่ะ” กอหญ้ารับคำ
“ผมจะให้คนของเจ้าพ่อช่วยกันหาอีกแรง ถ้ามันอยู่เชียงใหม่จริง เราต้องได้ตัวคนร้ายแน่”
ฟังที่ชิษณุพงษ์ว่า นภดารามีสีหน้าแววตากังวลนิดๆ

ตรงทางเดินในวังศิวาลัย มืดทึม แลดูน่ากลัว พเยียวิ่งออกมาจากห้องพร้อมกับถุงใส่แหวนในมือ ทันใดนั้น เสียงกริ่งโทรศัพท์ที่วังก็ดังขึ้น พเยียสะดุ้งเฮือก เสียงโทรศัพท์ยังดังบีบประสาทอยู่ในความมืด พเยียละล้าละลัง
พเยียเดินเข้ามาในห้องหนังสือ ไปยกหูโทรศัพท์ออกวางไว้ พอหันกลับมา ก็เห็นแม่ชื่นยืนตระหง่านอยู่ พเยียสะดุ้งเฮือก
“จะทำอะไร”
พเยียตกใจ “นังชื่น”
แม่ชื่นเดินเข้ามา พูดเสียงเย็น “ทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ในบ้านมืดๆ คนเดียวท่าทางคงไม่ได้ทำเรื่องดีอยู่แน่ๆ บอกมานะ แกมาทำอะไร”
แม่ชื่นตวาด พร้อมกับเปิดไฟฉายดวงใหญ่ที่ถือแอบไว้ สาดใส่หน้าพเยียทันที พเยียตกใจกับแสงจ้าที่สาดเข้าตากะทันหัน เอามือปิดหน้าร้องกรี๊ด
“อ๊าย”
แม่ชื่นเห็นถุงกำมะหยี่ในมือพเยีย เอะใจ
“นั่นอะไร”
พเยียชะงัก
ชื่นขยับตัวพรวดเดียวถึง คว้าข้อมือพเยียข้างที่ถือถุงเอาไว้
“เอามาดูเดี๋ยวนี้ นั่นอะไร
“ปล่อยฉันนะ นังบ้า
แม่ชื่นฉายกระบอกไฟฉายใส่หน้าพเยียอีก พเยียเสียสมาธิ ชื่นกระชากถุงแหวนมาจนได้ พเยียสะบัดจนไฟฉายกระเด็นตกพื้นไป ถุงแหวนกระเด็นไปอีกทาง แม่ชื่นวิ่งไปเปิดไฟสว่างจ้าทั้งห้อง ทั้งสองเห็นถุงแหวน และแหวนที่กระเด็นออกมาจากถุง วางอยู่เด่นชัดกลางห้อง
“นั่นมัน”
แม่ชื่นพุ่งเข้าไป พเยียพุ่งไปแย่ง ทั้งสองยื้อแย่งแหวนกันอยู่บนพื้น แต่แม่ชื่นอยู่ใกล้กว่า ได้ไปแล้วพิศดูแหวน พลางยิ้มสะใจ
“แหวนรูปดาวของคุณดารา นี่แกขโมยแหวนของคุณกอหญ้ามาใช่ไหม”
พเยียตกใจ “แกรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”
“รู้สิ แล้วฉันก็รู้ด้วยว่า เจ้าของแหวนตัวจริง จะเป็นทายาทของศิวาวงศ์คนต่อไป แล้วใครที่ไม่ใช่ ก็จะถูกเฉดหัวออกจากวังไปอยู่กลางถนน”
พเยียกำมือแน่น เจ็บใจ แม่ชื่นยิ้มเย้ย
“อ้อ ลืมไป ไม่ใช่สิ ต้องออกจากวังไปอยู่ในคุกต่างหาก”
แม่ชื่นคว้าแหวนเดินหันหลังออกจากห้องไปอย่างมีชัย พเยียแค้น
และแล้วก่อนที่แม่ชื่นจะเดินพ้นประตูห้อง พเยียคว้าโคมไฟตั้งพื้นที่ขาเป็นสแตนด์เลสฟาดออกไปสุดแรง เป้าหมายที่ศีรษะแม่ชื่น ด้วยแรงโทสะชั่ววูบ ไม่ได้ตั้งใจจะเอาถึงตาย
แม่ชื่นเห็นเงาวูบมาจากข้างหลัง กรีดร้องเสียงดังลั่น แต่หลบไม่ทัน ได้แต่ยกมือปิดป้องตัวเองไว้ ที่ปลายขาตั้งโคมไฟกระแทกแขนแม่ชื่นเป็นรอยลึกพอควร เลือดไหล
แหวนตกจากมือกระเด็นไปแทบเท้าพเยีย พเยียหยิบแหวนขึ้นมา แม่ชื่นอึด โถมเข้าแย่งแหวน พเยียหลบ มือไม่ยอมปล่อยโคมไฟที่เป็นอาวุธ ขาตั้งโคมไฟเหวี่ยงไปฟาดขาเก้าอี้ดังปัง เป็นรอยถลอก โดยที่พเยียไม่ทันรู้ตัว
พเยียทิ้งโคมไฟ กำแหวนไว้แน่น แม่ชื่นพยายามงัดมือพเยียออก พเยียต่อยท้องเต็มแรง หญิงชราเจ็บชะงักไป พเยียผลักแม่ชื่นเซไป แล้ววิ่งหนี แม่ชื่นคว้ารวบตัวพเยียไว้ ทั้งสองล้มลงบนโซฟา พเยียดิ้นรนสารพัด แต่ไม่หลุด แม่ชื่นล็อกตัวพเยียไปด้วย แย่งแหวนไปด้วย
ระหว่างนั้นเลือดจากแขนแม่ชื่นไหลเลอะพื้นพรมและมุมๆ ซอกๆ ของโซฟานิดหน่อย พเยียบิดข้อมือชื่น ชื่นร้องโอ้ย พยายามทนเจ็บ
“ปล่อยนะ นังชื่น ปล่อย ไม่งั้นฉันเอาแกตาย”
“ตายเป็นตาย ถ้าฉันตายแกก็ต้องไม่รอด”
แม่ชื่นตัดสินใจกัดแขนพเยียอย่างแรงชนิดจมเขี้ยว
แหวนหลุดจากมือพเยีย
“โอ๊ย.. อีบ้า อีทุเรศ”
แหวนกระเด็นไปห่างจากสองคน กลิ้งหายไปใต้โต๊ะทำงาน
พเยียจะวิ่งไปเก็บ ชื่นถลันไปขวาง คว้ามีดตัดซองจดหมายของนภัสรพีจากโต๊ะขึ้นมาขู่
“อย่านะ ถอยออกไป”
พเยียโกรธตาลุกโชน เมื่อเห็นว่าแม่ชื่นจะมาเอามีดมาทำร้ายตัวเอง
“แกจะฆ่าฉันเหรอ นังชื่น”
พเยียแย่งมีดตัดซองจดหมายกับแม่ชื่น ทั้งสองล้มไปด้วยกัน น้ำหนักตัวของพเยียทับลงบนตัวแม่ชื่น ชื่นฟาดกับขอบโต๊ะทำงานดังพลั่ก ก่อนจะร่วงลงกับพื้น
“แก...แก”
แม่ชื่นตาค้างฟุบไป พเยียตกใจ เข้าไปดู แม่ชื่นคอหักตายคาที่ พเยียตกใจ
“มันตาย มันตายแล้ว ฉันฆ่ามันตาย ฉันจะทำยังไงดี”
พเยียลนลานเดินพล่าน เหมือนคนประสาท ทำอะไรไม่ถูก แล้วนึกถึงแหวนขึ้นมาได้

พเยียคลานไปเก็บแหวน หันมองไปที่ศพแม่ชื่นตัวสั่นงันงก คิดไม่ออกว่าจะทำไงกับแหวนและศพของแม่ชื่น
เวลาเดียวกัน นพดลใส่หมวกและแจ๊กเก็ตมีฮู้ดพรางตัว กำลังโทรศัพท์อยู่ในตู้สาธารณะโทร.หาพเยียท่าทางคั่งแค้นมาก

“อีพเยีย มึงคิดจะทิ้งกูง่ายๆ แบบนี้เหรอ ไม่มีวันซะละ”
นพดลตาวาววับ หยิบปืนจากเอวขึ้นมามอง กะไปลุยพเยีย

พเยียกำลังเข็นรถเข็นมีสี่ล้อ ที่คนสวนใช้ขนดิน ขนปุ๋ย ไปตามทางเดินมืดๆ ในสวนหลังวัง หน้าซีด เหงื่อแตกพลั่ก
ในรถเข็นคือร่างของแม่ชื่นที่ถูกคลุมอย่างมิดชิดด้วยผ้าปูที่นอน รองด้วยแผ่นพลาสติกอีกที จนมองไม่เห็นว่าเป็นอะไร
ใครคนหนึ่งมองตามพเยียที่กัดฟันเข็นรถเข็นมาจนถึงประตูสวนด้านหลัง แล้วหยุดปาดเหงื่อ หน้าตายังคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงต่อไปดี

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10 วันที่ 7 มี.ค. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager