อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/5 วันที่ 10 มี.ค. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/5 วันที่ 10 มี.ค. 56

อิศรตัดสินใจ “หมอ แกส่งไปตรวจเลย ขอรู้ผลด่วนที่สุดนะ ฉันอยากรู้ทุกอย่างเท่าที่แกจะบอกได้ เกี่ยวกับรอยเลือดนี่”
หมอวิชาญมองกอหญ้ากับอิศรสลับไปมาอย่างสงสัย
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอวะ อิศร แกสองคนทำอย่างกับเป็นเจ้าหน้าที่ซีเอสไอ”
“ฉันสงสัยว่านี่จะเป็นรอยเลือดของใครบางคนน่ะค่ะ ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาขออย่าให้มันเป็นอย่างที่ฉันคิดเลย”
สีหน้ากอหญ้าหวั่นใจมาก

ส่วนพเยียอยู่ที่ห้องนอน กำลังไขกุญแจเปิดลิ้นชัก แล้วหยิบเอาถุงที่ได้จากนภดลออกมา พเยียเปิดถุง หยิบขวดยาขนาดเหมาะมือขึ้นมา ที่ข้างขวดมีฉลากภาษาอังกฤษติดว่า KCN ซึ่งเป็นชื่อย่อของสารโปแตสเซียม ไซยาไนด์


พเยียหยิบพิจารณาดู แล้วหยิบโทรศัพท์ใหม่มากดหานพดล
“พี่นพ ฉันเอง”
นภดลอยู่ที่บ้านเช่า คุยโทรศัพท์กับพเยีย แต่งตัวสบายๆ อยู่บ้าน
“ว่าไง คนสวย ได้ฤกษ์ลงมือหรือยัง”
พเยียมองที่ขวดยา
“ภายในวันสองวันนี้แหละ ว่าแต่ว่าไอ้ยานี่ เอาละลายน้ำ ให้กินเข้าไปแล้วตายแน่นะ”
“ชัวร์ ช้อนเดียวอยู่ ไม่ต้องซ้ำ”
“นานแค่ไหน กว่าจะตาย”
“ไม่เกินชั่วโมง”
“แล้วอาการมันจะเป็นยังไง ถ้ามันตายแล้ว จะไม่มีใครสงสัยมาถึงฉันแน่นะ” พเยียกังวล
“เฮ้ย ไม่หรอกน่ะ คนที่กินเข้าไปมันจะทุรนทุราย หายใจไม่ออก เหมือนหัวใจวายตายไปเอง” นพดลบอก
“ดี หมดไอ้แก่นี่ไปซะ ก็จะไม่มีใครมาเป็นก้างขวางคอฉันอีกแล้ว”
พเยียมองที่ขวดยาอย่างมุ่งร้าย

ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคาะประตู พเยียสะดุ้ง รีบซ่อนขวดยา เสียงนภดาราดังเข้ามา
“พเยีย พเยียจ๋า”
พเยียล็อกลิ้นชักเรียบร้อย วิ่งไปเปิดประตู
“ขา คุณแม่”
“คุณตาโทร.มา สั่งให้ทุกคนไปรอท่านที่ห้องสมุดจ้ะ”
“มีอะไรเหรอคะ”
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ แต่ฟังจากน้ำเสียง น่าจะเป็นเรื่องสำคัญ”
พเยียอยากรู้ขึ้นมาทันที
รถนภัสรพีแล่นเข้ามาจอดหน้าตึก นภัสรพีเดินลงมาพร้อมกอหญ้า คนขับรถขับรถออกไป แต่นภัสรพีไม่เข้าบ้าน ยืนรออยู่ตรงนั้น
รถตำรวจเคลื่อนตัวเข้ามาจอดตรงหน้า ตำรวจหนุ่มท่าทางกระฉับกระเฉง 2 นาย เป็นตำรวจสืบสวน ก้าวลงมาจากรถ ทำความเคารพ
“สวัสดีครับ คุณชาย”
“สวัสดีครับ ผู้หมวด เชิญข้างในเลย”
นภัสรพีเดินนำตำรวจเข้าไป กอหญ้าเดินตามไปอย่างเคร่งขรึม

นภัสรพีเดินเข้ามาในห้องโถง พอดีกับที่นภดาราและพเยียเดินลงมา
นภดาราเห็นตำรวจ ก็แปลกใจ “มีอะไรอีกหรือคะ คุณพ่อ ตำรวจมาที่นี่ทำไม”
“พ่อเชิญมาเอง มีอะไรบางอย่างที่พ่ออยากให้เค้าตรวจดู”
“อะไรคะ คุณตา” พเยียรีบถาม อยากรู้มาก
นภัสรพีมองพเยียยิ้มๆ “อยากรู้เหรอ อยากรู้ก็ตามมาดูซี” แล้วหันไปทางกอหญ้า “หนูกอหญ้าเชิญผู้หมวดไปที่ห้องสมุดเลย”
“ค่ะ” กอหญ้าหันไปพูดกับตำรวจ “เชิญทางนี้ค่ะ”
กอหญ้านำตำรวจไป คนอื่นๆ ตาม
พเยียยืนตัวแข็งทื่อ อึ้ง

“ห้องสมุด”
นภัสรพีและกอหญ้าเดินนำตำรวจเข้าไปในห้องสมุด

“หนูกอหญ้าพบรอยเลือดบนผ้าปูโต๊ะในห้องนี้ แล้วก็ยังมีร่องรอยความผิดปกติอีกหลายอย่าง ผมก็เลยอยากให้คุณตำรวจช่วยตรวจสอบดู” นภัสรพีอธิบายกับตำรวจ
“ได้ครับ ขออนุญาตนะครับ”
ตำรวจกำลังจะแยกย้ายกันตรวจค้นห้องสมุด นภดารา พเยียหยุดยืนสังเกตการณ์อยู่ที่หน้าประตู กอหญ้าถอยออกมายืนข้างๆ นภดารา
“รอยเลือด! รอยเลือดอะไรกันจ๊ะ กอหญ้า” นภดาราสงสัย
กอหญ้า ตอบ แต่แอบมองหน้าพเยีย “รอยเลือดคนนี่แหละค่ะ เป็นรอยเลือดใหม่เมื่อสองวันก่อนนี่เอง หนูพบมันติดอยู่ที่ผ้าปูโต๊ะ”
พเยียหน้าซีด หายใจไม่ทั่วท้อง
ตำรวจทั้งสองถ่ายรูปเก็บร่องรอยต่างๆ และตัดเอารอยเลือดที่ติดบนพรมใส่ถุงไป ผู้หมวดที่เป็นหัวหน้าหันมาบอกนภัสรพี
“อย่างที่คุณชายสันนิษฐานเอาไว้ไม่ผิดเลยครับ เมื่อสองวันก่อน น่าจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นในห้องนี้”
นภดาราปราดเข้าไปหานภัสรพี “คุณพ่อคิดว่า...”
นภัสรพีหันมาบอก สีหน้าขรึม “พ่อให้คนสอบถามไปที่ญาติของชื่นทุกคนที่พอจะรู้จักชื่นไม่ได้ไปหาใครทั้งนั้น จดหมายที่พ่อได้รับ ก็ไม่ใช่จดหมายของชื่น”
นภดาราตะลึง งุนงง พเยียเครียด หน้าซีดเผือด
นภดาราหวาดหวั่น “สองวันก่อน พอดีกับที่แม่ชื่นหายไป”
“คืนที่แม่ชื่นหายไป คืนนั้น แม่ชื่นอาจจะเข้ามาที่ห้องนี้ แล้วอาจจะมีใครทำร้ายแม่ชื่น”
กอหญ้าหันมองพเยียเหมือนตั้งใจ แต่ก็เหมือนไม่ตั้งใจ พเยียใจหล่นวูบ

ไม่นานต่อมาทุกคนนั่งที่โซฟาชุดใหญ่ ร่วมกันให้การกับตำรวจ เริ่มที่นภดารา
“ในคืนที่แม่ชื่นหายไป ทุกคนอยู่ที่วัดค่ะ เรามีงานสวดศพคุณอาหญิงของดิฉัน”
ตามมาด้วยกอหญ้า “กับคุณอาดาราก็ไปเยี่ยมหนูที่นั่น แล้วรับหนูกลับบ้าน”
นภัสรพีเอ่ยขึ้น “คนรับใช้คนอื่นๆ นั่งรถตามกลับมาทีหลัง เพราะต้องช่วยกันเก็บของ แต่ศรี สาวใช้คนหนึ่งของเราบอกว่า ชื่นออกมาจากวัดหลังจากที่พวกเราออกไปเยี่ยมกอหญ้า”
“เท่ากับว่าไม่มีใครรู้เห็นเลย ว่านางชื่นกลับเข้ามาที่วังศิวาลัยหรือเปล่า” ตำรวจเอ่ยขึ้น
กอหญ้าหันมองมาที่พเยียและโพล่งขึ้น
“แล้วคุณพเยียล่ะคะ เห็นอะไรบ้างไหม”
พเยียสะดุ้งตกใจ “ฉันไม่เห็น”
นภดาราไม่ได้สงสัยพเยีย แต่อยากช่วยสืบเรื่องแม่ชื่นมาก “ลองนึกดีๆ สิลูก หนูเป็นคนแรกที่กลับมาถึงบ้านคืนนั้น ลองนึกดีๆ สิ ว่าหนูเห็น หรือได้ยินอะไรไหม”
“ไม่ค่ะ คุณแม่” พเยียบอกกับตำรวจ “คืนนั้นฉันปวดหัว เลยของกลับบ้านก่อน กลับมาก็กินยาแก้ปวด แล้วก็ยานอนหลับไปตั้งสองเม็ด มารู้ตัวอีกทีก็ตอนเช้าเลยค่ะ”
นภัสรพีย้อนถาม “งั้นหรือ”
“ค่ะ คุณพ่อ ตอนลูกขึ้นไปหาพเยียที่ห้อง พเยียงัวเงียขึ้นมาพูดจาไม่รู้เรื่องแล้วก็ผล็อยหลับไป”
นภัสรพีหันไปสบตากอหญ้าอย่างไม่ตั้งใจ กอหญ้าถอนใจเบาๆ
“จริงค่ะ คุณพเยียทานยานอนหลับไปจริงๆ คืนนั้น”
“ช่างบังเอิญจริงๆ” นภัสรพีฝืนยิ้มให้ตำรวจ “คนเดียวที่อยู่ในบ้านคืนนั้น ก็กินยานอนหลับจนหมดสติไปเสียได้ น่าเสียดาย”
นภัสรพีถอนใจยาว พเยียหวาดหวั่น

พเยียเดินตัวลีบมาตามทางเดิน จะกลับเข้าห้อง กอหญ้าเดินตามมา
“คุณพเยียคะ”
พเยียชะงัก ไม่เต็มใจพูดด้วย “มีอะไร”
กอหญ้า เดินเข้ามามองหน้าพเยีย พูดเหมือนชวนคุย “เป็นไปได้ไหมคะ ว่าแม่ชื่นจะโดนคนร้ายฆ่าตาย”
“ยังไม่มีใครรู้ว่าแม่ชื่นอยู่ไหน เป็นหรือตาย เธอไม่รู้ ก็อย่าเดามั่ว”
กอหญ้า กระซิบ ทำท่าลึกลับ “คุณพเยียเชื่อเรื่องวิญญาณไหมคะ”
“วิญญาณอะไร”
กอหญ้า พูดจริงจัง “วิญญานของคุณหญิงนภา วิญญานของแม่ชื่นไงคะ วิญญานของ ท่านทั้งสอง ยังคงวนเวียนอยู่ด้วยความแค้น” กอหญ้าสำทับด้วยการมองไปรอบๆ ตัวพเยีย “ในวังศิวาลัยแห่งนี้”
พเยียแหวใส่ “เธอจะบ้าไปแล้วหรือไง กอหญ้า”
กอหญ้าเข้ามาจับแขนพเยียไว้ จ้องตา
“คุณหญิงท่านมาเข้าฝันฉัน ในฝัน” หันไปหยิบรูปนภาจรีที่วางอยู่บนตู้เตี้ยริม ผนังมายัดใส่มือพเยีย “ท่านใส่ชุดนี้เลยค่ะ ในฝัน ท่านจูงมือฉันไปดูรอยเลือดที่อยู่ในห้องสมุด”
พเยียผวา ชักกลัว “ไม่จริง”
“จริงค่ะ แล้วท่านก็บอกว่า คนที่ฆ่าท่าน ฆ่าแม่ชื่น กำลังจะพบกับจุดจบเร็วๆ นี้”
พเยียสะดุ้ง รูปนภาจรีตกลงพื้น กอหญ้ามองพเยีย พูดยิ้มๆ
“คุณหญิงบอกฉันด้วย ว่าใครเป็นคนสั่งฆ่าท่าน คุณพเยียอยากรู้ไหมคะ ว่าท่านบอกฉันว่ายังไง”
พเยียหน้าซีดเผือด ไม่พูดไม่จา สะบัดแขนจากมือกอหญ้า เดินหนีเข้าห้องไป ปิดประตูดังปัง
กอหญ้าลอบยิ้ม แววตาสาสมใจ

บรรยากาศงานศพนภาจรี ในคืนสุดท้าย ทุกคนอยู่ในศาลาตามสมควร ไม่มากนัก ห่างออกมาที่ด้านล่าง อิศรหลบมาคุยกับกอหญ้า พูดกันเสียงต่ำๆ เหมือนกลัวคนอื่นได้ยิน
อิศรทั้งขำทั้งโมโหกอหญ้า
“ฉันไม่รู้ว่าเธอฉลาดหรือโง่ แต่ที่แน่ๆ เธอบ้า” พูดแล้วก็อดขำไม่ได้อีก “คุณหญิงนภามาเข้าฝัน ให้ตายเหอะ กอหญ้า คิดได้ไงน่ะ”
กอหญ้ายิ้ม ขำตัวเองเหมือนกัน แต่พูดจริงจัง
“ฉันอยากให้เค้ากลัว เวลาที่คนเรากลัวมากๆ จะขาดสติ แล้วคนที่ขาดสติ ก็มักจะทำอะไรผิดพลาด”
“ให้เขากลัว แล้วอยากฆ่าเธอปิดปากเนี่ยนะ มันเสี่ยงไปหน่อยไหม กอหญ้า”
“ฉันยอมเสี่ยงค่ะ ฉันเชื่อว่าคุณพเยียอยู่เบื้องหลังเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้น แต่ฉันไม่มีหลักฐาน แต่ถ้าเค้าลงมือกับฉัน แล้วเค้าทำพลาด ฉันก็จะมีหลักฐานจับเค้าได้”
อิศรนึกห่วง “แล้วถ้าเค้าไม่พลาดล่ะ”
กอหญ้า พูดติดตลกอย่างขำๆ ไม่กลัว “ถ้าเค้าไม่พลาด ฉันเก๊าะตาย”
อิศรโวย หน้าบูดบึ้ง “อย่าพูดเล่นไปนะ กอหญ้า เธอเป็นของฉัน เธอจะตายไม่ได้”
กอหญ้าฟังแล้วขำคำพูดโกงๆ แบบเด็กๆ ของอิศร แต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจ อิศรจับมือกอหญ้ากุมไว้ พูดจริงจัง
“ฉันช่วยเธอวันที่รถคว่ำ ที่เธอถูกตีหัวแล้วทิ้งให้ตายอยู่ข้างทาง ฉันช่วยเธอวันที่ไอ้นพดลมันจะจับตัวเธอไปฆ่าฉันช่วยเธอมาขนาดนี้ เธอต้องอยู่กับฉันไปจนแก่ จนฉันเป็นตาแล้วเธอเป็นยาย เธอจะตายจากฉันไปไม่ได้ ฉันไม่ยอมเข้าใจไหม”
อิศรมองอย่างหวงแหน กอหญ้ายิ้มรับ ตาสุกใส
ห่างออกไปพเยียยืนมองอิศรกับกอหญ้า สีหน้ากังวลอย่างหนัก
“นังกอหญ้ามันพูดจริงหรือเปล่า” พยายามสลัดความคิด “ไม่ ไม่จริงหรอกมันหลอกเรา”
พอพเยียหันหลังกลับเข้ามาในศาลา สายตาไปปะทะกับรูปของนภาจรีที่หน้าโลงเข้าอย่างจัง พเยียชะงัก พึมพำ ปลอบใจตัวเอง “คนตายแล้วก็ตายไป ผีไม่มีจริง”
พเยียมองรูปอีกทีเหมือนนภาจรีจะจ้องมองมา รอยยิ้มในรูปดูเหมือนยิ้มเยาะ

พเยียขนลุกซู่ สะบัดหน้าแล้วรีบเดินหนีไป
เช้าวันต่อมาเสียงกริ่งโทรศัพท์ภายในวังศิวาลัยดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนที่ศรีจะเดินมารับสาย

“วังศิวาลัยค่ะ” ศรีน้ำเสียงตื่นเต้น “หา อะไรนะคะ”
ศรีพักสาย แล้ววิ่งออกไป หน้าตาตื่นเต้น
“คุณชายขา คุณชาย”

ไม่นานนักนภัสรพีกับนภดารานั่งสงบจิตใจอยู่ต่อหน้าตำรวจ
“ผมมาแจ้งให้คุณชายทราบว่า นางชื่น จิตมั่น ที่หายไปจากวังศิวาลัย ตอนนี้ได้เสียชีวิตแล้วครับ”
นภัสรพีกับนภดาราแม้จะทำใจเอาไว้แล้ว ก็อดไม่ได้ใจหาย
“ที่ไหน ยังไงครับ คุณตำรวจ” นภัสรพีถาม
“เมื่อเช้ามืดวันนี้ มีคนพบศพของนางชื่น ลอยขึ้นมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาครับ”
นภดาราแปลกใจ ลุกขึ้นยืน “อะไรนะคะ แม่ชื่นจมน้ำตาย!”
“มิได้ครับ จากการชันสูตรศพ นางชื่นเสียชีวิตก่อนหน้านั้นนานแล้ว จากการถูกทำร้ายจนคอหัก แล้วจึงถูกนำศพไปทิ้งน้ำเพื่ออำพรางคดีครับผม” นายตำรวจบอก
นภดาราใจสั่น “แม่ชื่น”
นภดาราฟังแล้วทั้งเสียใจ ทั้งสงสาร ทั้งสยดสยองประดังเข้ามา จนอาการหัวใจกำเริบขึ้น เริ่มมีอาการเกร็งและกระตุก
“ดารา ลูก” นภัสรพีเข้าไปประคองไว้
นภดาราผวาเหมือนไม่มีอากาศหายใจ แล้วหมดสติไป นภัสรพีตกใจ ร้องเรียกเสียงดัง
“ดารา ดารา อย่าเป็นอะไรนะลูก ...ศรี ใครอยู่ข้างนอก ขอยาหน่อย เร็วเข้า”
ร่างนภดารากระดุก แล้วหมดสติไป ลมหายใจรวนริน

ส่วนที่ห้องนั่งเล่นบ้านชิษณุพงษ์เวลาเดียวกัน เจ้าแสงโชติเดินเข้ามาคุยกับเจ้ามลุลีที่กำลังนั่งตรวจผ้าไหมอยู่ มีแตงรับใช้ และฟังข่าวอยู่ใกล้ๆ ด้วย
“ตกลงที่แม่ชื่นหายตัวไป มันเป็นการฆาตกรรมจริงๆ ด้วย”
“พวกขโมยหรือคะ เจ้าพี่”
“ที่วังไม่มีอะไรหาย น่าจะมาจากสาเหตุอื่นมากกว่า”
“มันมีสาเหตุอะไร ถึงกับต้องมาฆ่าคนแก่” เจ้ามลุลีเศร้าสลด “แม่ชื่นแกอายุปูนนั้นแล้ว ฆ่าไม่พอ ยังเอาศพไปถ่วงน้ำ โหดร้ายเหลือเกิน”
“ฆาตกรใจโหดแบบนี้ ถ้าจับได้ มันต้องประหารชีวิตอย่างเดียวเลยนะคะ เจ้า” แตงเสริม
เจ้าแสงโชติลงนั่งข้างมลุลี ถอนใจ บ่นออกมาดังๆ
“เฮ้อ วังศิวาลัยที่เคยสงบสุข เดี๋ยวนี้กลายเป็นสถานที่อันตราย มีคนถูกฆ่าตายติดๆ กันถึงสองศพ ...มันเกิดอะไรขึ้นนี่”
เจ้ามลุลีนึกได้ พูดขึ้นมาเสียงขุ่นๆ
“นั่นสิคะ ตั้งแต่น้องดาราได้ลูกสาวคนใหม่มา น้องคิดว่าวังศิวาลัยจะครึกครื้นสนุกสนาน กลายเป็นว่ามีแต่เรื่องร้ายๆ”
แตงที่นั่งก้มหน้าก้มตาพับผ้าและฟังอยู่เงียบๆ ตาวาว นึกอะไรได้
แตงพึมพำ “จริงสิ คุณพเยีย …เกือบลืมไปเลย”

ชิษณุพงษ์ฟังอย่างตื่นเต้น
“แน่ใจนะ แตง จำไม่ผิดแน่นะ”
“ไม่ผิดจ้ะ แตงเห็นกับตา คุณพเยีย ลูกสาวของคุณดารา เดินออกมาจากร้านพร้อมๆ กับคนชื่อนพดล”
“พเยียยืนอยู่ใกล้ๆ คนร้าย โดยที่ไม่เห็น ไม่สนใจ ไม่บอกให้ใครรู้เลยงั้นหรือ แปลก”
“ถ้าคุณพเยียไม่ใช่ลูกหลานวังศิวาลัยนะ คุณณุ แตงต้องคิดว่าคุณพเยียรู้เห็นเป็นใจกับคนร้ายแน่ๆ”
ชิษณุพงษ์คิดๆ เริ่มเอะใจขึ้นมานิดๆ ว่าพเยียจะเกี่ยวข้องกับคนร้าย

พเยียใส่ชุดพรางตัว สวมหมวก ใส่แว่น ขับรถเข้าไปจอดในสวนสาธารณะ ที่มุมปลอดคน
พเยียมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง แล้วโทรศัพท์หานภดลน้ำเสียงร้อนรน
“อยู่ไหน”
นพดลซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ ห่างจากรถไม่มาก
“อยู่ที่สวนแล้ว ออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
นพดลผลุบเข้ามาในรถอย่างรวดเร็ว พเยียรีบบอก สีหน้าตื่นกลัวมาก
“ตำรวจเจอศพนังชื่นแล้ว พี่นพ”
นภดลตกใจ “ตายห่า”
พเยียกรี๊ดด้วยความกลุ้ม “พี่ทำอะไรของพี่น่ะ คราวนังนภาจรีก็พลาดไปทีนึงแล้ว ยังนังชื่นอีก พี่อยากให้เราเข้าคุกกันหรือยังไง”
พเยียทุบตีนพดลด้วยความโมโห
“เว้ย หยุดโวยวายได้ไหม” นพดลจับมือสองข้างพเยียไว้ ตะคอก “พี่ก็ทำดีที่สุดแล้วเกิดมาก็ไม่เคยฆ่าคนนะโว้ย ที่พี่ต้องทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ ก็เพราะพเยียนั่นแหละ ตัวดี”
นพดลมองพเยีย โกรธเหมือนกัน
“พี่ต่างหากที่ควรจะโกรธ พี่ต่างหากที่ควรจะกลัว เพราะคนซวยน่ะมันพี่ ไม่ใช่พเยีย”
พเยียยังไม่เลิกโวย “ทำไมฉันจะไม่ซวย ศพนังชื่นมันลอยขึ้นมาแบบนี้ ถ้าเขาสืบรู้ว่าใครฆ่า ฉันก็ต้องไปนอนคุกกับพี่”
นภดลโมโห “นี่ อย่าตื่นตูมไปหน่อยเลยน่ะ เจอศพก็เจอซี จะไปรู้ได้ยังไงว่าใครฆ่า”
พเยียมองนพดลอย่างโกรธๆ กัดฟันพูด
“ก็แหวนของนังกอหญ้าน่ะซี ฉันซุกไว้ในศพนังชื่น ถ้าตำรวจหาเจอ ฉันซวยแน่”
นพดลมองพเยีย แววตาเจ้าเล่ห์ พยายามล้วงความลับ
“ทำไมต้องซวย แหวนวงนี้มันสำคัญยังไง”
พเยียกำลังกลุ้ม ไม่ทันระวังตัว เผลอบอกไป ระบายพรั่งพรู
“มันเป็นแหวนที่บอกว่านังกอหญ้าเป็นทายาทตัวจริงของวังศิวาลัยน่ะซีถ้าตำรวจเจอ แล้วนังกอหญ้ามันจำได้ ทุกคนก็ต้องรู้ว่าฉันเป็นตัวปลอมแล้วคราวนี้ ต่อให้ฉันไม่ได้ฆ่านังชื่น ฉันก็ตายอยู่ดี”
นพดลตาวาว แหวนนี้สำคัญมากกว่าที่เขาคิด นพดลแอบยิ้มอย่างดีใจ
นพดลลูบหัวพเยีย ปลอบ “ไม่ต้องห่วงเลย พเยีย พี่รับประกัน แหวนวงนั้นไม่ได้อยู่ในศพนังชื่นแน่นอน”
พเยียดีใจ “จริงนะ”
“รับรอง พี่กำจัดแหวนวงนั้นไปเองกับมือ ล้านเปอร์เซนต์ ไม่มีใครเจอแหวนในศพนังชื่นแน่ๆ”
พเยียค่อยโล่งอกขึ้น นพดลแอบยิ้มร้าย

ตกตอนเย็นนภดารานั่งเอนๆ อยู่บนเตียง หน้าตาหม่นหมอง ซีดเผือด อาการนภดาราดูจะทรุด และอ่อนแอลงเรื่อยๆ กอหญ้านั่งอยู่ข้างๆ มีถาดอาหารวางอยู่ที่โต๊ะเล็กๆ กอหญ้าพยายามคะยั้นคะยอให้นภดาราทานอาหาร
“คุณอาแข็งใจทานอาหารหน่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายไปกันใหญ่”
นภดาราส่ายหน้า น้ำตาคลอๆ
กอหญ้าสงสาร พูดไม่ออก ได้แต่กุมมือนภดาราบีบเบาๆ ปลอบใจ
“เป็นเพราะฉัน แม่ชื่นถึงต้องตายอย่างนี้” นภดาราระบายความอัดอั้นออกมา “ถ้าฉันบอกความจริงกับตำรวจ เราอาจจะจับตัวคนร้ายได้ มันอาจจะไม่มีโอกาสเข้ามาทำร้ายแม่ชื่นแบบนี้”
“คุณอาทราบใช่ไหมคะ ว่าคนร้ายคือใคร”
“จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคนที่ชื่อนพดล เพื่อนของพเยีย”
กอหญ้าตื่นเต้น
“เขาสองคนเคยรู้จักกันที่เชียงใหม่ มันเห็นว่าพเยียร่ำรวย เลยมาข่มขู่พเยียแล้วมันก็ฆ่าคุณอาหญิง”
“คุณพเยียบอกคุณอาหรือคะ”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/5 วันที่ 10 มี.ค. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager