อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 9/2 วันที่ 5 มี.ค. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 9/2 วันที่ 5 มี.ค. 56

“แม่ลูกส่งเสียงดังเอะอะ มีเรื่องอะไรกัน”
ทั้งสองหันไปดู เจ้ามลุลีรีบฟ้อง
“ลูกไม่ยอมกลับไปเรียนค่ะ เจ้าพี่” เจ้ามลุลีสังเกตเห็นสีหน้าของเจ้าแสงโชติก็แปลกใจ “เจ้าพี่เป็นอะไรคะ ทำไมสีหน้าไม่ดีเลย”
“ที่วังศิวาลัยโทร.มา” เจ้าแสงโชติไม่อยากพูด “คุณป้าหญิงสิ้นใจแล้วตั้งแต่เมื่อคืน”
ชิษณุพงษ์กับเจ้ามลุลีสลดใจ

บนศาลาสวดอภิธรรมศพนภาจรีที่วัดแห่งหนึ่ง เห็นที่มุมหนึ่งพนักงานจัดดอกไม้สองสามคนช่วยกันจัดดอกไม้สำหรับตกแต่งโลงศพ คนงานผู้ชายยกพาน 4 พาน ที่จัดของไว้อย่างประณีตสำหรับถวายสังฆทาน



ทุกคนแต่งตัวชุดไว้ทุกข์สบายๆ
แม่ชื่นจัดพานพุ่มอยู่ใกล้ๆ กับนภดาราที่นั่งร้อยพวงมาลัยสำหรับคล้องที่ข้อมือของนภาจรีอย่างประณีต เป็นความรู้สึกอยากชดใช้เพราะคิดว่าลูกตนต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แม่ชื่นมองนภดาราอย่างห่วงใย
“คุณดาราพักดีมั้ยคะ เดี๋ยวชื่นทำเองก็ได้ ก้มหน้าก้มตาร้อยมาลัยนานๆ เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไป”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ชื่น ฉันอยากทำให้คุณอาหญิง ฉันอยากทำให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย”
แม่ชื่นพลอยสลดไปเหมือนกัน พเยียเลียบๆ เคียงเข้ามา พยายามเอาใจนภดารา
“เหนื่อยไหมคะ คุณแม่ พเยียช่วยนะคะ” พเยียเห็นพานดอกไม้ที่แม่ชื่นจัดเสร็จแล้ววางอยู่ “เดี๋ยวพเยียช่วยจัดพานดอกไม้ก็ได้”
พเยียจะเอื้อมมือไปหยิบพานดอกไม้ แต่ไม่ทัน แม่ชื่นชิงกระชากพานดอกไม้มาก่อน พูดเสียงเย็นชา
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ดิฉันจัดการเอง”
“ฉันก็แค่อยากช่วยทำอะไรบ้าง”
แม่ชื่นมองมาอย่างเจ็บใจ แต่ข่มไว้ “พอเถอะค่ะ คุณทำมามากพอแล้ว”
แม่ชื่นคว้าพานดอกไม้เดินไป พเยียมองตามแม่ชื่นอย่างไม่พอใจ ทำปากขมุบขมิบ พูดไล่หลังแม่ชื่นไป
“ดูสิคะคุณแม่ จะช่วยก็ไม่ให้ช่วย หน้าตาก็หงิกซะ หยั่งกับพเยียไปทำอะไรให้”
“แม่ชื่นรับใช้คุณยายหญิงมาตั้งแต่แกยังเป็นสาว สนิทสนมรักใคร่กันยิ่งกว่าญาติ” นภดารามองพเยีย นิ่งๆ เย็นๆ “คุณยายหญิงมาเป็นไปเสียอย่างนี้ แม่ชื่นคงอดเสียใจ อดเจ็บใจแทนไม่ได้”
“เสียใจก็เสียใจไปซีคะ ทำไมมาลงกับพเยียล่ะ”
นภดารามองพเยีย ตานิ่งๆ หยั่งอารมณ์ไม่ถึง “นั่นสิจ๊ะ ทำไมแม่ชื่นถึงต้องมาลงเอากับลูกด้วย เพราะอะไร หนูบอกแม่ได้ไหม”
นภดาราถามเรียบๆ แต่เยียบเย็น พเยียนิ่ง ฟังแล้วหนาววูบยังไงพิกล แต่ฝืนทำไม่แคร์
“ไม่ทราบค่ะ คงเพราะคุณยายหญิงไม่ชอบพเยียมั้งคะ แม่ชื่นเลยพาลไม่ชอบไปด้วย ที่เค้าเรียกว่า นายว่าขี้ข้าพลอยไงคะ คุณแม่”
นภดารามองพเยียทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ รู้ดีว่าพเยียคงไม่มีวันสารภาพความผิดของตน นภดาราได้แต่ถอนใจ ลุกถือมาลัยที่ร้อยเสร็จพอดีเดินออกไป

ที่ด้านในสุดของศาลา เห็นนภาจรีหน้าตาสวยงาม ในชุดผ้าลูกไม้หรูหรานอนสงบอยู่บนตั่งมองดูเหมือนกำลังนอนหลับ มือข้างหนึ่งวางไว้ที่หน้าอก อีกข้างหนึ่งห้อยออกมาจากตั่งเพื่อรอรดน้ำ
นภดาราถือพวงมาลัยคลานเข้ามาหยุดที่ด้านหน้าตั่ง มองนภาจรีอย่างเสียใจก่อนจะบรรจงเอาพวงมาลัยที่ร้อยอย่างสวยงาม สวมที่ข้อมือนภาจรีและกราบที่มือนั้น นภดาราพึมพำเบาๆ ไม่ให้ใครได้ยิน
“อาหญิงขา หลานขอโทษกับทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้น หลานรู้ว่าลูกพเยียไม่ใช่คนดี แต่แกก็เป็นลูกของหลาน” นภดาราน้ำตาคลอ “หลานไม่รู้จะจัดการยังไงกับแกดี อาหญิงได้โปรดเข้าใจ ให้อภัยหลานด้วยนะคะ”
นภดาราซบหน้าร้องไห้ รู้สึกผิดมาก กอหญ้าเดินถือพานดอกไม้เข้ามาวาง เห็นนภดาราร้องไห้ เข้าไปปลอบ
“อย่าเสียใจไปเลยค่ะ ที่เกิดขึ้นกับคุณหญิงนภาจรี ไม่ใช่ความผิดของคุณอา”
นภดารากอดกอหญ้าร้องไห้ “ผิดสิ ฉันผิด ฉันผิดเอง เพราะฉัน ทุกอย่างมันถึงได้เป็นแบบนี้”

กอหญ้า พยายามปลอบ “คุณอาอย่าร้องไห้ อย่าโทษตัวเองเลยนะคะ ไม่มีใครคิดหรอกค่ะ ว่าคุณหญิงจะโชคร้ายอย่างนี้”
นภดาราร้องไห้อีก
กอหญ้า อย่าร้องนะคะ คุณหญิงเธอจะได้ไปสบาย
แม่ชื่นที่ถือพานดอกไม้เข้าไปวางข้างนภดารา ยืนมองอยู่ด้วยความเจ็บใจ
“คุณหญิงเธอไม่มีทางไปสบายหรอกค่ะ เพราะคนที่ฆ่าเธอยังลอยนวลอยู่ เผลอๆ อาจจะอยู่ในวังศิวาลัยเรานี่ก็ได้”
นภดาราตกใจที่แม่ชื่นกล้าพาดพิงพเยียตรงๆ

ขณะที่กอหญ้ามองแม่ชื่นอย่างงุนงงสงสัย ว่าแม่ชื่นหมายถึงใครกัน
เย็นนั้น อิศรอยู่ในห้องที่บ้านอดิศวร เตรียมตัวไปร่วมงานศพนภาจรี อยู่ในชุดกางเกงสีดำ หรู ท่อนบนเปลือยเปล่า กำลังหยิบเสื้อเชิ้ตขาวขึ้นมาใส่ บนเตียงเห็นสูทสีดำวางพาดอยู่ พร้อมเนคไทด์สีดำ

อิศรติดกระดุมเสื้อ อรรถเปิดเข้ามาในชุดสีสันปกติ พ่อลูกคุยกันอย่างหมางเมินเช่นเคย
“อิศร”
อิศรแต่งตัว ไม่หันไปดู “เคาะประตูเป็นไหมครับ”
อรรถชักสีหน้า แต่ขี้เกียจมีเรื่อง “แกจะไปงานศพคุณหญิงนภาใช่มั้ย”
“ครับ”
“แกรู้ข่าวตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกฉัน”
“ผมบอกหรือไม่บอก พ่อก็รู้อยู่ดี ต่างกันตรงไหน” อิศรแต่งตัวเสร็จพอดี หันมาหา “พ่อมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”
“ฉันก็จะไปงานศพคืนนี้เหมือนกัน เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเราไปด้วยกัน แกรอฉันด้วย”
อรรถพูดจบก็เดินออกไป อิศร หันไปหยิบเนคไทด์ที่วางไว้มาผูกอย่างไม่แคร์

อิศรอยู่ในชุดเสื้อเชิร์ตขาว กางเกงดำ ผูกเนคไทด์ดำเรียบร้อย เดินถือสูทออกมาจากห้อง เดินลงบันไดไปที่ชั้นล่าง เสียงอรรถตะโกนเรียกไว้
“เจ้าอิศร นั่นแกจะไปไหน”
อิศรหันมามอง เห็นอรรถเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่ยังผูกไทด์ไม่เสร็จ ยืนอยู่หัวบันได
“ฉันบอกให้แกรอไปกับฉันไง”
“ไปกับพ่อน่ะไม่มีปัญหาครับ แต่ผมกลัวว่าจะมีคนอื่นไปด้วยน่ะซี” อิศรยียวนตามประสา
“แล้วทำไม แกมีปัญหาอะไร”
“ไม่มีครับ แค่รังเกียจ... ผมไปล่ะ เจอกันที่งานครับพ่อ”
อิศรเดินออกไป อรรถถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
สกุณาสวมเสื้อคลุม ยังไม่ได้แต่งตัว เดินมาด้านหลังอรรถ พูดอย่างไม่พอใจ
“ลูกชายคุณแข็งข้อก้าวร้าวกับฉันมากขึ้นทุกที”
“ฉันก็พยายามทำดีที่สุดแล้ว เธอเองก็น่าจะลองพยายามเอาอกเอาใจมันดู เผื่อมันจะใจอ่อนเห็นความดีเธอเข้าบ้าง”
“ฉันเป็นภรรยาของคุณนะคะ มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยง จะให้ฉันมาปรนนิบัติเอาอกเอาใจลูกเลี้ยง มันไม่มากไปหน่อยเหรอคะ”
“ก็ท่องเอาไว้ในใจสิ ว่าไอ้ลูกเลี้ยงคนนี้ มันมีมรดกเป็นพันล้าน แล้วก็ เป็นเจ้าของบ้านที่เธอซุกหัวนอนอยู่... เผื่อมันจะทำใจได้ง่ายขึ้นบ้าง”
สกุณาสะบัดหน้าเดินกลับเข้าห้องไปอย่างขัดใจ อรรถถอนใจเหนื่อยหน่าย

ตกกลางคืนบรรยากาศที่ศาลาสวดศพนภาจรี เป็นไปอย่างหมองเศร้า ในศาลา โลงศพนภาจรีตั้งเด่นอยู่ด้านในสุด มีดอกไม้จัดเป็นสวนสวยงามอยู่หน้าศพ ที่รูปนภาจรี มีดอกไม้จัดอย่างงดงามและประณีต
ด้านประตูทางเข้าศาลา นภัสรพี นภดารา กำลังช่วยกันรับแขกผู้ใหญ่ พเยียอยู่ในชุดดำสวยสง่า ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพช่วยรับรองแขก พาแขกผู้ใหญ่ไปนั่งที่เก้าอี้
เครื่องแต่งกายสีดำของพเยียวันนี้ไม่เปรี้ยว ดูเรียบร้อยกว่าทุกวัน เนื่องเพราะเป็นงานศพของคนระดับหม่อมราชวงศ์ ที่จะมีคนจากในวังมาเป็นแขกด้วย
ชิษณุพงศ์ เจ้าแสงโชติ และเจ้ามลุลียืนท่าทีเคร่งขรึม ถัดจากนภัสรพี 3 คน มาในฐานะญาติสนิทที่คอยช่วยรับแขกด้วย และพูดคุยกันไปด้วย
เจ้าแสงโชติเอ่ยขึ้น “คิดๆ แล้วก็ใจหาย ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้กับคุณป้าหญิงได้”
“คราวเคราะห์น่ะค่ะ เจ้าพี่”
นภดาราพูดกลบเกลื่อนไป ไม่อยากให้ใครรื้อฟื้นเรื่องนี้ แต่ชิษณุพงษ์แย้งขึ้นมา
“ผมไม่เชื่อว่าเป็นโจรปล้นจี้ธรรมดา เรื่องนี้มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น”
พเยียตวัดตามองอย่างไม่พอใจ
“ปู่ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ชิษณุ ตอนนี้ ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เค้ากำลังหาเบาะแสจับกุมคนร้ายอยู่ ปู่เชื่อว่าเราต้องได้ตัวมันเร็วๆ นี้ล่ะ”
พเยียได้ยิน ตกใจ ถามอย่างลืมตัว
“จริงเหรอคะ” พอนึกได้ ระงับกิริยา “ตำรวจเค้ารู้แล้วเหรอคะ ว่าไอ้คนที่ทำร้ายคุณยายหญิงเป็นใคร”
นภดาราหันมองนภัสรพีด้วยความอยากรู้สุดๆ นภัสรพียิ้มเยือกเย็น
“ยังไม่รู้ตัวแน่ชัด แต่ก็ได้เบาะแสเพิ่มมากขึ้นแล้ว”
พเยียหน้าซีด เจ้ามลุลีเสริมขึ้นอย่างเจ็บแค้น
“ดวงวิญญานของคุณป้าหญิงคงไม่ปล่อยให้มันลอยนวลหรอกค่ะ หลานว่ามันหนีไม่พ้นแน่ บาปกรรมมีจริง คนเราทำอะไรไว้ มันต้องได้อย่างนั้น หลานอยากให้ไอ้ฆาตกรมันได้รับโทษ ตายตกไปตามกัน”
นภดาราฟังแล้วอดหันไปมองหน้าพเยียไม่ได้ เห็นพเยียหน้าซีดเผือด นภดารามองลูกอย่างผิดหวัง ทั้งรักทั้งเสียใจ

ส่วนกอหญ้ากับแม่ชื่นกำลังช่วยกันจัดชากาแฟและขนมใส่ถาด เตรียมไว้บริการแขก มีสาวใช้ช่วยกันยกออกไป แม่ชื่นที่แอบเหลือบดูกอหญ้ามาตลอด เห็นปลอดคน เลยวางมือจากงาน หันมาถามกอหญ้า
“หนูกอหญ้า”
กอหญ้า หันมาหา “คะ”
“อย่าหาว่าดิฉันละลาบละล้วงเลยนะคะ...ก่อนที่คุณหญิงจะสิ้นใจ ดิฉันเห็นเธอพยายามจะพูดอะไรกับหนูซักอย่าง”
กอหญ้ามองหญิงชราเหมือนชั่งใจนิดหนึ่ง แล้วตัดสินใจว่าไว้ใจแม่ชื่นได้ “ค่ะ หนูคิดว่าคุณหญิงอยากพูดกับหนูเรื่องแหวน ดูท่าทางมันคงสำคัญกับท่านมาก”
แม่ชื่นพยักหน้ารับรู้ “ค่ะ สำคัญมาก”
กอหญ้าตื่นเต้นนิดๆ “แปลว่าแม่ชื่นทราบ ว่าทำไมคุณหญิงท่านถึงอยากรู้เรื่องแหวนของหนู...” แม่ชื่นทำหน้ายอมรับ “ทำไมเหรอคะ”
“เอาไว้ให้หนูหามันเจอก่อนดีกว่าค่ะ ถ้าแหวนวงนั้น เป็นแหวนวงเดียวกันกับที่คุณหญิงเธอคิดเอาไว้ ดิฉันจะบอกหนูทุกอย่าง”
“หนูก็พยายามอยู่ค่ะ ตอนที่หนูหมดสติไปหลังจากรถคว่ำ คุณอิศรเป็นคนเก็บแหวนเอาไว้ แต่จำไม่ได้ว่าเอาไว้ที่ไหน”
“เอาเป็นว่าหนูต้องหามันให้เจอให้เร็วที่สุดก็แล้วกันค่ะ เพราะมันสำคัญมาก สำคัญมากจริงๆ”
นภดาราเดินเข้ามาพอดี เห็นกอหญ้ากับแม่ชื่นคุยกันอย่างเคร่งเครียด แม่ชื่นชะงัก
“คุณดารามาค่ะ”
“คุยอะไรกันอยู่จ๊ะ หน้าตาเคร่งเครียด”
แม่ชื่นตัดบท “นี่คุณดาราลงมาทำไมคะ บนศาลามีอะไรขาดเหลือ ทำไมไม่ให้เด็กลงมาเอา”
“ฉันมาตามกอหญ้าน่ะจ๊ะ ตาอิศรมาถึงแล้ว ถามหาหนูใหญ่เลย”
“ค่ะ” กอหญ้าขอตัวกับนภดาราและแม่ชื่น “งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ” ก่อนจะหันมาบอกกับแม่ชื่น “จะได้พูดเรื่องสำคัญกับคุณอิศรด้วยเลย”
แม่ชื่นพยักหน้ารับ เหมือนรู้กันว่ากอหญ้าจะคุยกับอิศรเรื่องอะไร กอหญ้าเดินออกไป
นภดาราหันมาหาแม่ชื่น ถามอย่างสนใจอยากรู้จริงๆ
“แม่ชื่นคุยอะไรกับกอหญ้าเหรอคะ ฉันได้ยินว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” แม่ชื่นทำท่าจะหลบไป
นภดาราขวางไว้ มองแม่ชื่นอย่างตัดพ้อ
“เดี๋ยวนี้แม่ชื่นไม่ไว้ใจฉันแล้วเหรอคะ”
แม่ชื่นบอกอย่างจริงใจ ตัดพ้อกลายๆ “คุณดาราขา ไม่ใช่ชื่นไม่ไว้ใจนะคะ แต่เรื่องบางเรื่อง คุณไม่รู้เสียดีกว่า คุณดาราเป็นคนซื่อ ไม่ทันใครเขา ชื่นเป็นห่วงคุณ ชื่นไม่อยากให้คุณเป็นอะไรไป เหมือนคุณหญิงนภา”
แม่ชื่นพูดจบ ก็เดินเลี่ยงออกไปเลย ทิ้งนภดารายืนอึ้ง ใจคอไม่ดีอยู่คนเดียว
“ทำไมแม่ชื่นพูดแบบนี้” นภดารายิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย “คุณอาหญิงรู้เรื่องอะไรถึงได้โดนทำร้าย มันเรื่องอะไรกัน แล้วมันเกี่ยวกับพเยียหรือเปล่า”

ในศาลาสวดศพ เห็นอิศรกราบพระที่โต๊ะหมู่บูชา ก่อนจะหันไปกราบศพนภาจรี มีกอหญ้าดูแลอยู่ข้างๆ
“เสร็จแล้ว ฉันขอคุยอะไรหน่อยนะคะ”
“ได้ ฉันก็มีเรื่องอยากคุยกับเธอเหมือนกัน”
ทั้งสองพากันออกไป

อิศรกับกอหญ้านั่งคุยกันอยู่ที่มุมสงบมุมหนึ่งในวัด
“ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว ฉันอยากให้เธอออกมาจากวังศิวาลัย”
“คุณอาดารากำลังเศร้าโศกเสียใจมาก ฉันไม่อยากทิ้งท่านตอนนี้”
“แต่วังศิวาลัยไม่ปลอดภัยแล้วตอนนี้ ถ้าคนร้ายมันเข้ามาทำร้ายคุณหญิงได้ มันก็เข้ามาทำร้ายเธอได้เหมือนกัน”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นค่ะ ฉันถึงต้องอยู่ที่วังศิวาลัยต่อไป จนกว่าคนร้ายมันจะลงมืออีกครั้ง แล้วฉันจะจับมันให้ได้”
อิศรหงุดหงิดที่กอหญ้าดื้อ ไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง
“เธอบ้าไปแล้ว จับคนร้ายมันเป็นหน้าที่ของตำรวจ ไม่ใช่หน้าที่ของเธอ”
“แต่ฉันคิดว่าฉันช่วยได้...แล้วคุณก็ต้องช่วยฉัน”
อิศรฉงน “ยังไง”
“แหวนของฉันน่ะค่ะ” กอหญ้าบอกจริงจัง อิศรชักสีหน้าเตรียมมีเรื่อง “ถ้าฉันได้แหวนวงนั้นคืนมา เราอาจจะรู้ ว่าฆาตกรที่ฆ่าคุณหญิงนภาจรีเป็นใคร แล้วมันต้องการอะไร”
อิศรหัวเราะเยาะ “ไร้สาระ! เธอจะบอกว่าที่คนร้ายมันคิดจะฆ่าเธอ หรือคนอื่นๆ ในวังศิวาลัย เป็นเพราะมันอยากได้แหวนสับปะรังเคที่เจ้าชิษณุพงษ์มันให้เธอหยั่งงั้นเหรอ”
กอหญ้าอึ้งไป เพราะจำไม่ได้เลย
“แหวนวงนั้นเป็นของคุณชิษณุเหรอคะ”
“ก็งั้นสิ” อิศรประชด แล้วนึกเอะใจ “ก็เค้าบอกกับฉันเอง ว่าเป็นแหวนแทนใจที่เค้าให้เธอเอาไว้ ก่อนที่เธอจะความจำเสื่อม”

กอหญ้านัยน์ตาวาววาม เริ่มมีความหวัง
ครู่ต่อมา ชิษณุพงษ์มองกอหญ้าสลับกับมองอิศร ที่ยืนกอดอกทำหน้ากวนๆ อยู่ห่างออกไป แล้วตัดสินใจตอบอย่างลำบากใจ

“ไม่ใช่แหวนของฉันหรอก มันเป็นแหวนของเธอเองต่างหาก” ชิษณุพงษ์ว่า
“อ้าว” กอหญ้างง หันไปหาอิศร “ไหนคุณอิศรว่า...”
อิศรยักไหล่ ทำไม่รู้ไม่ชี้ กอหญ้าหันไปหาชิษณุพงษ์
“ฉันบอกว่าเป็นแหวนของฉัน เพราะอยากให้เค้าเชื่อ ว่าเรา... เอ่อ ...เคยเป็นคนรักกัน”
อิศรระเบิดหัวเราะออกมาอย่างดีใจ “นั่นปะไร ฉันนึกอยู่แล้ว ว่านายต้องโกหก”
ชิษณุพงษ์สงสัย “แล้วแหวนวงนั้น มันมาเกี่ยวกับเรื่องการตายของคุณย่าหญิงยังไง”
กอหญ้า ถอนใจ “ฉันเองก็อธิบายไม่ได้เหมือนกัน รู้แต่ว่า มันสำคัญกับท่านมาก...มากจริงๆ”
กอหญ้าเดินไปหาอิศร ทำหน้าตาอ้อนวอน
“คุณอิศรคะ”
อิศรอารมณ์ดีมาก “โอเค รู้แล้วๆ ไม่ต้องมาอ้อน เดี๋ยวฉันจะเอามาคืนให้” กอหญ้ายิ้มออก “แต่ฉันมีเงื่อนไขนะ”
“ว่ามาเลยค่ะ”
“ฉันจะคืนแหวนให้เธอ ถ้าเธอย้ายออกจากวังศิวาลัย ไปอยู่กับฉัน...ว่าไง ตกลงไหม”
อิศรยิ้มกวนอย่างขี้โกงสุดๆ ชิษณุพงษ์ไม่พอใจ กอหญ้าอึ้งไป ครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดี

ด้านอรรถกับสกุณาเพิ่งเดินมาที่ศาลา อรรถหันมองสกุณาที่แต่งหน้าทำผมจัดเต็ม แต่งตัวหรูเว่อร์ราวกับจะไปงานกาล่า ปากก็บ่นอย่างหงุดหงิด
“กว่าจะแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จ ...ดีนะ ที่ไอ้เจ้าอิศรมันไปก่อน ถ้ามันรอคุณ ผมคงโดนมันถอนหงอกอีกตามเคย”
“แหม ถึงจะงานศพ แต่ก็งานศพไฮโซนะคะ จะให้แต่งปอนๆ ได้ยังไง”
“ไม่ต้องถึงขนาดปอนหรอกคุณ แค่แต่งให้พอดีๆ นี่อะไร” อรรถมองกราดหัวจรดเท้า “แต่งซะหยั่งกับจะไป...”
อรรถชะงักกึก เมื่อเห็นว่าสกุณากรายมือมาแตะทรงผม เห็นแหวนเพชรวงใหม่ ดูหรูหรา
“นี่คุณซื้อเครื่องเพชรใหม่อีกแล้วเหรอเนี่ย”
สกุณาภูมิใจนำเสนอ “ได้มาถูกๆ น่ะค่ะ ไม่กี่ตังค์หรอก คนขายเค้าร้อนเงิน”
อรรถส่ายหัวอ่อนใจ

ครู่ต่อมาอรรถกับสกุณาเดินมาถึงหน้างาน นภัสรพี นภดารายืนรับแขกอยู่ด้านหน้าสองคน พเยียเดินนำแขกคนอื่นเข้าไปด้านใน
อรรถ สกุณาเข้าไปไหว้นภัสรพี นภัสรพีรับไหว้ นภดารายิ้มรับบางๆ
“สวัสดีครับคุณชาย” หันมาทักนภดารา “คุณดารา”
“ขอบคุณคุณอรรถกับคุณสกุณานะคะที่อุตส่าห์มา”
อรรถบอกกับนภัสรพี
“ผมเสียใจด้วยนะครับ ไม่คิดจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้กับคุณหญิง”
สกุณาแหลมเข้ามา “คนเดี๋ยวนี้รู้หน้าไม่รู้ใจนะคะ คุณชายกับคุณดาราน่ะใจดีเกินไป เอาเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างแม่กอหญ้าเข้ามาเลี้ยงไว้” สกุณาทำทีกระซิบ “มันอาจจะเป็นสายให้โจรเข้ามาทำร้ายคุณหญิงก็ได้”
อรรถรีบเสริม “จริงครับ คุณชาย โจรมันเข้ามาล่อลวงจับตัวคุณหญิงได้ถึงในบ้าน อย่างนี้มันต้องมีคนในเป็นสาย”
นภดาราใจหล่นวูบ หายใจไม่ทั่วท้อง กลัวนภัสรพีจะสงสัยไปถึงพเยีย จึงรีบตัดบท
“อย่าคาดเดากันให้วุ่นวายไปเลยค่ะ มันไม่ดี”
“ที่คุณอรรถพูดก็มีเหตุผล” อรรถกับสกุณายิ้ม “แต่ผมไม่อยากให้ไปคิดว่าเป็นกอหญ้า...เราก็เป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น น่าจะมีหลักฐานให้เพียงพอซะก่อน ไม่งั้นจะเป็นการกล่าวหากันพล่อยๆ”
อรรถกับสกุณาหุบยิ้ม เพิ่งรู้ตัวว่าถูกนภัสรพีด่า
“เชิญคุณอรรถกับคุณสกุณาข้างในดีกว่าค่ะ ใกล้จะถึงเวลาพระสวดแล้ว” หันมาทางนภัสรพี “คุณพ่อคะ เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”
นภัสรพีเดินนำหน้าเข้าไปในศาลา ไม่สนใจอรรถกับสกุณา
อรรถกับสกุณามองตามนภัสรพีไปอย่างแหยงๆ ก่อนจะรีบเดินตามนภดาราเข้าไป

ครู่ต่อมานภัสรพีนั่งลงที่โซฟาด้านหน้าสุดของศาลา นภดารา อรรถ และสกุณา เดินตามเข้าไปนั่งด้วย ครอบครัวชิษณุพงษ์นั่งอยู่ด้านหน้าอีกฟากหนึ่ง
ระหว่างนั้นอิศรเดินมากับกอหญ้า เห็นอรรถกับสกุณา เลยเลี่ยงไปนั่งด้านหลัง ห่างออกไป พเยียเดินถือถ้วยชาเข้ามาให้นภัสรพี พยายามจะเอาใจ

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 9/2 วันที่ 5 มี.ค. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager