อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 11/3 วันที่ 12 มี.ค. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 11/3 วันที่ 12 มี.ค. 56

นภดารานิ่ง พเยียมองตา เอาแก้วนมยัดใส่มือ แต่ก็ยังจับมือไว้ เชิงบังคับ
พเยียพูดเสียงหวาน แต่จริงจัง “ดื่มค่ะ...นะคะ”
นภดาราเห็นพเยียไม่ปล่อยมือ รู้ว่าไม่มีทางรอด เลยพยักหน้าอย่างจำใจ
พเยียมองดู ลุ้นให้นภดาราดื่มนม ทันใดนั้น ประตูก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงกอหญ้าตะโกน
“อย่าค่ะ”
นภดาราฉวยโอกาสหยุดมือ กอหญ้าวิ่งเข้ามา พเยียลุกขึ้นตวาด ไม่พอใจ
“กอหญ้า เข้ามาทำไม”

“คุณอาอย่าดื่มนมเลยค่ะ” กอหญ้าจ้องตาพเยีย ไม่กลัว “คุณหมอวิชาญสั่งเอาไว้ว่า ให้คุณอาทานอาหารให้ได้มากๆ เพราะร่างกายอ่อนแอมาก”
กอหญ้าเข้าไปประคองนภดารา


“ลงไปทานข้าวดีกว่านะคะ”
นภดาราอ่อนแรงเต็มที “ไปจ้ะ”
นภดาราขยับจะลุก พเยียดึงแขนกอหญ้า แล้วดันเต็มแรงให้ถอยออกไป
“คุณแม่ไม่สบายมาก เดินยังไม่ไหว จะทรมานท่านทำไม”
พเยียประคองนภดาราแกมบังคับให้ลงนอนที่เดิม
“นอนพักผ่อนดีกว่าค่ะ คุณแม่ พรุ่งนี้จะได้หาย เพราะจะมีแขกมา”
“ใคร!? ใครจะมา”
“ทนายความที่บริษัทของคุณตาค่ะ พเยียนัดให้เค้ามาพบคุณแม่ เรื่องพินัยกรรมของคุณตา”
กอหญ้ามองพเยีย เข้าใจเหตุผลทุกอย่าง

นภดาราหน้าซีดเผือด เพิ่งรู้ถึงเหตุผลในการฆ่าของพเยีย ทั้งหวาดกลัว ทั้งเสียใจ
อิศรใส่กางเกงนอนตัวเดียว นอนคุยโทรศัพท์กับกอหญ้า ย้อนถามเสียงจริงจัง

“เธอคิดว่าพเยียจะทำอะไร”
“คุณดารารู้ว่าคุณพเยียรู้จักกับฆาตกร คุณพเยียอาจจะกลัวว่าเธอจะบอกตำรวจ คุณพเยียอาจจะ”
อิศรสวนออกมา “ฆ่าปิดปากงั้นเหรอ แต่เค้าเป็นแม่ลูกกันนะ กอหญ้า”
“คุณชายนภัสก็เป็นคุณตาของเค้านะคะ แล้วยังมีอีกอย่างที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ
“อะไร”
“คุณพเยียสนใจเรื่องพินัยกรรมของคุณชายนภัสรพีมาก ถึงกับเร่งให้ทนายมาเปิดพินัยกรรมด่วน อยากรู้ว่าสมบัติที่มีอยู่เป็นอะไรบ้าง แล้วจะตกทอดมาถึงคุณนภดาราที่เป็นทายาทมากแค่ไหน”
อิศรฉุกคิด

เช้าวันต่อมาที่ริมระเบียง อิศรแต่งตัวชุดทำงาน เซ็นเอกสารไปด้วย คุยกับสุบรรณไปด้วย
สุบรรณบอกอย่างมั่นใจ “ตามกฏหมาย ทรัพย์มรดกทุกอย่างของคุณชายนภัส ก็ต้องเป็นของหม่อมหลวงนภดาราอยู่แล้วครับ เพราะเธอเป็นลูกสาว เป็นทายาทคนเดียวตามกฎหมาย”
“แล้วพเยียล่ะ หลานสาวน่ะ”
“เป็นแค่หลาน ถ้าผู้ตายไม่ได้ระบุเอาไว้ในพินัยกรรม ก็คงยังไม่ได้หรอกครับ”
อิศรเงยหน้าขึ้น คิดๆ
“งั้นที่กอหญ้าคิดเป็นห่วงเรื่องคุณพเยีย มันก็อาจจะเป็นไปได้”
สุบรรณไม่รู้ว่าอิศรหมายถึงอะไร นึกว่าพูดเรื่องพินัยกรรม รีบแย้ง
“จะห่วงคุณพเยียเรื่องอะไรครับ วันนี้ไม่ได้วันหน้าก็ได้เอง คุณพเยียก็เป็นลูกสาวคนเดียวเหมือนกัน คุณนภดารามีอันเป็นไป สมบัติก็เป็นของเธอทั้งหมดอยู่ดี”
อิศรยักคิ้วกวนๆ ให้สุบรรรณ “ก็นั่นแหละ ที่กอหญ้าเค้ากลัว กลัวคุณอาดาราจะมีอันเป็นไปก่อนเวลาอันควร”
สุบรรณได้ยินแล้วตกใจ นึกไม่ถึง

วันต่อมา ภายในห้องรับแขกของวังศิวาลัย นภดาราหน้าตาซูบซีด ดูป่วยหนักและอ่อนแอจนเกือบจะกลับไปเป็นเหมือนสมัยก่อน เจ้าแสงโชติ เจ้ามลุลี และชิษณุพงษ์เดินเข้ามา ในมือเจ้าแสงโชติ มีกระเป๋าเอกสารใบหนึ่ง
“พี่แสงโชติ พี่มลุลี” นภดาราไหว้ “น้องขอโทษนะคะ ที่รบกวนแต่เช้า”
“ไม่เป็นไรหรอก น้องดารา คืนนี้พวกเราก็จะไปอเมริกาแล้ว จัดการให้เรียบร้อยไปเสียก็ดี” เจ้ามลุลีว่า
นภดาราถามชิษณุพงษ์ “ชิษณุพงษ์ก็ไปด้วยหรือจ๊ะ”
ชิษณุพงษ์ยิ้มจืดจ๋อย “ครับ แต่ผมไม่อยากไปเลย เป็นห่วงกอหญ้า แล้วก็ห่วงคุณอาด้วย”
เจ้ามลุลีแอบค้อนลูกชาย ห่วงกอหญ้าล่ะไม่ว่า
ระหว่างนั้นพเยียเดินนำทนายเข้ามา ท่าทีสง่า เยือกเย็น
“เชิญทางนี้ค่ะ คุณวินัย” หันไปยกมือไหว้เจ้าแสงโชติและเจ้ามลุลี “สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า” พลางหันมาทางทนาย “พยานมากันครบแล้ว จัดการเปิดพินัยกรรมได้เลยค่ะ”
ทุกคนนั่งรวมกันที่โซฟาชุดใหญ่ ทนายชี้แจง
“คุณชายนภัสรพีได้ทำพินัยกรรมไว้สองฉบับ ซึ่งมีข้อความตรงกัน ฉบับหนึ่งอยู่ที่ผม”
ทนายหยิบซองสีน้ำตาลขึ้นมาเปิดหยิบเอกสารในซองขึ้นมา
“อีกฉบับท่านได้มอบไว้ให้เจ้าแสงโชติ มหาวงศ์เป็นผู้เก็บรักษาไว้”
เจ้าแสงโชติหยิบซองจดหมายสีขาวออกมาจากกระเป๋าที่วางไว้ตรงหน้า เปิดซองหยิบกระดาษสีขาวเนื้อหนาอย่างดีขึ้นมาเพียงแผ่นเดียว
ทนายความเริ่มอ่านข้อความในกระดาษ
“ทำที่วังศิวาลัย เมื่อวันที่...”
ทนายเริ่มอ่านข้อความในพอนัยกรรม ส่วนห้องข้างๆ กอหญ้ายืนอยู่ในระยะที่จะได้ยินได้ชัด ตั้งใจฟังทุกอย่างภายในห้องรับแขก
ทนายความกำลังอ่านข้อความสำคัญ
“หากข้าพเจ้าถึงแก่กรรม ข้าพเจ้าขอมอบทรัพย์สินทั้งหมดที่ข้าพเจ้า มี ให้เป็นของหม่อมหลวงนภดารา ศิวาวงศ์ แต่เพียงผู้เดียว และหากหม่อมหลวงนภดารา ศิวาวงศ์ ได้ถึงแก่กรรมไป จะด้วยสาเหตุใดก็ตามทรัพย์สินทั้งหมด ให้ตกเป็นของทายาทของหม่อมหลวงนภดารา...”
พเยียระบายลมหายใจอย่างโล่งอก แอบยิ้มในสีหน้า
ทนายอ่านต่อ “...ที่มีหลักฐานการตรวจสารพันธุกรรมมายืนยัน ว่าเป็นทายาทโดยสายเลือดที่แท้จริงเท่านั้น”
พเยียสะดุ้งเฮือก หน้าเปลี่ยนสี นึกไม่ถึงว่านภัสรพีจะระบุข้อความนี้ในพินัยกรรม
เจ้ามลุลีกับเจ้าแสงโชติมองหน้ากันงงๆ
นภดาราฉงน “อะไรนะคะ คุณทนาย”
เจ้าแสงโชติอ่านทวนข้อความในฉบับของตัวเอง
“ทรัพย์สินทั้งหมด ให้ตกเป็นของทายาทของหม่อมหลวงนภดารา ที่มีหลักฐานการตรวจสารพันธุกรรมมายืนยันว่าเป็นทายาทโดยสายเลือดที่แท้จริงเท่านั้น” เจ้าแสงโชติเงยหน้าขึ้น “ท่านเขียนไว้อย่างนี้จริงๆ น้องดารา”
ทนายกระแอม แล้วอ่านต่อ “นอกเสียจากว่า หม่อมหลวงนภดาราจะระบุชื่อบุคคลอื่นใด ลงไปในพินัยกรรมซึ่งทำอย่างถูกต้องตามกฎหมายไม่เช่นนั้นแล้ว ข้าพเจ้าขอระบุให้ ทรัพย์มรดกของข้าพเจ้า ตกเป็นของสาธารณะกุศลทั้งหมด”
ชิษณุพงษ์ เจ้าแสงโชติ และเจ้ามลุลีมองหน้ากันไปมาอย่างแปลกใจ

นภดาราหันมองหน้าพเยีย เห็นพเยียหน้าซีด กำมือแน่น เหมือนพยายามสะกดกลั้นอารมณ์
ไม่นานหลังจากนั้นกอหญ้าเดินอย่างเร่งร้อน ตรงเข้าไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง อิศรกับสุบรรณยืนรออยู่

“ทางนี้ครับ คุณกอหญ้า”
กอหญ้ารีบเข้าไปหา
ทุกคนนั่งฟังกอหญ้าเล่าเรื่องพินัยกรรมของนภัสรพี
สุบรรณเปิดประเด็น “ทำไมต้องระบุเรื่องตรวจดีเอ็นเอ...เขียนแบบนี้เหมือนกลัวสมบัติจะตกไปอยู่ในมือของคนที่ไม่ใช่สายเลือดที่แท้จริง”
“พินัยกรรมฉบับนี้ ท่านเขียนก่อนที่คุณพเยียจะลงมากรุงเทพฯ ท่านคงคงไม่คิดน่ะค่ะ ว่าท่านจะอายุสั้น เลยไม่ทันได้แก้พินัยกรรม” กอหญ้าว่า
“แก้หรือไม่แก้มันก็เหมือนกัน พินัยกรรมก็ระบุเอาไว้ชัด ว่าลูกของคุณอาดาราที่ผ่านการตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์แล้ว จะได้รับมรดกตกทอดไป คุณพเยียแกเป็นลูกคุณดาราไม่ใช่เหรอ แล้วเค้าจะเดือดร้อนไปทำไม”
อิศรพูดจบแล้ว ทั้งอิศรทั้งสุบรรณก็เอะใจขึ้นมา หันมองหน้ากอหญ้า
“หรือว่าพเยีย ไม่ใช่...”
“ฉันก็สงสัยเหมือนกันค่ะ มีทางไหนไหมคะ ที่เราจะรู้ได้ ว่าคุณพเยียเป็นลูกของคุณอาดาราจริงๆ หรือเปล่า”
อิศรกับสุบรรณมองหน้ากัน แล้วพยักหน้า ยิ้มออกมา

นภดาราเดินหนีเข้ามาในห้องนอน พเยียเดินตามมาถามอย่าง เกรี้ยวกราด
“มันหมายความว่ายังไงคะ คุณแม่ คุณตาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง”
นภดาราไม่สนใจอาการของพเยีย “วันที่คุณตาเขียนพินัยกรรมฉบับนี้ มันก่อนที่พเยียจะมาที่นี่ ตอนนั้นท่านคงไม่คิดว่าปราบจะไปเจอตัวหนู”
“งั้นคุณแม่ก็ต้องแก้พินัยกรรมซะ”
“ทำไมแม่จะต้องทำ”
พเยียแทบจะกรี๊ด “เพราะพเยียไม่พอใจ คุณแม่ต้องแก้พินัยกรรม ใส่ชื่อพเยียลงไปด้วย”
นภดาราบอกเสียงแข็ง “ไม่”
พเยียเข้าไปประชิดตัวนภดารา กระชากไหล่สองข้างเข้ามา จ้องมองอย่างเอาเรื่อง
“คุณแม่ต้องทำ”
นภดาราเสียงแข็ง “ถ้าแม่ไม่ทำ พเยียจะทำอะไรแม่” มองพเยียอย่างน้อยใจ เสียใจ “จะฆ่าแม่ เหมือนอย่างที่ฆ่าคุณตางั้นหรือ”
พเยีย ผลักนภดาราออก นภดาราเซล้มลงนั่งบนเตียง
“อย่าพูดอย่างนี้อีกนะ”
นภดาราโกรธและเสียใจ พรั่งพรูออกมา น้ำตาคลอ
“แม่จะพูด จะทำไม พเยียเป็นคนฆ่าคุณตา คนที่วางยาฆ่าคุณตาคือ พเยีย ไม่ใช่กอหญ้า” นภดาราอัดอั้นร้องไห้โฮ “ทั้งคุณตา คุณยายเล็ก แม่ชื่น เป็นฝีมือของพเยียทั้งนั้น”
พเยียกรี๊ด ตวาดแว้ด “หยุดนะ! หยุด!”
นภดาราดังขึ้นอีก “พเยียฆ่าคุณตา เพราะเห็นแก่สมบัติของท่าน ทำไม...พเยียเป็นลูกของแม่ เป็นหลานของคุณตา พเยียต้องได้ทุกอย่างอยู่แล้วทำไมต้องฆ่า ทำไม ทำไม”
พเยียกรี๊ด “ฉันบอกให้หยุด”
พเยียโถมเข้าไปอุดปากนภดาราเต็มแรง นภดาราล้มหงายลงบนเตียง พเยียกดร่างของนภดาราเอาไว้กับหมอน จ้องตาข่มขู่ กัดฟันกระซิบ
“หยุดพูดนะ คุณแม่ไม่มีหลักฐาน ไม่มีใครมีหลักฐานอะไรทั้งนั้น”
“ยาพิษขวดนั้นไง”
นภดาราเถียง ทั้งกลัว ทั้งเสียใจ น้ำตาไหล
“มันไม่อยู่แล้ว! ไม่มีใครเอาผิดพเยียได้ เพราะฉะนั้น คุณแม่อย่าพูด พล่อยๆ แบบนี้อีกเป็นอันขาด” พเยียบอกเสียงดุ “เข้าใจไหมคะ คุณแม่”
นภดาราน้ำตาไหลริน อาการโรคหัวใจกำเริบ เริ่มหายใจไม่ทัน พเยียยกมือที่อุดปากออก
นภดาราเอื้อมคว้าขวดยา พเยียชิงเอาไปถือไว้ มองนภดาราที่นอนหายใจหอบถี่อยู่บนเตียง ไม่มีแรงต่อสู้ ด้วยสายตาโกรธเคืองแกมสมเพช
นภดาราตกใจ กลัว “พเยีย...ลูก”
พเยียนิ่ง
นภดาราเอื้อมมือไปจะหยิบกระดิ่งที่ใช้เรียกคน พเยียชิงคว้าเอาไป แล้วสั่ง
“นอนสงบจิตสงบใจไปก่อนดีกว่าค่ะ คุณแม่ ไม่ต้องเรียกหา ใครหรอก...จากนี้ไป พเยียจะดูแลคุณแม่เอง”

พเยียเดินออกไป ทิ้งให้นภดารานอนหอบหายใจรวยริน น้ำตาไหลพรากอยู่บนเตียงด้วยความเสียใจเพียงลำพัง
ครู่ต่อมาพเยียเดินเข้ามาที่ห้องโถง มือสั่นกระดิ่งไปด้วย กอหญ้าเดินกลับเข้าบ้านมา เห็นพเยียกลางห้อง ก็ชะงัก ศรี และคนใช้อื่นๆ เดินมาจากทุกทิศทุกทาง มาที่โถงกลางที่พเยียยืนเด่นเป็นสง่าอยู่

“มีอะไรเหรอคะ คุณพเยีย” ศรีถามแทนคนอื่นๆ
“ฉันมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ คุณแม่อาการกำเริบอีกแล้ว ท่านต้องการพักผ่อนอย่างสงบ จากนี้ไป ฉันขอสั่งห้าม ไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนท่าน”
กอหญ้าไม่เชื่อ “ฉันขอขึ้นไปดูอาการท่านหน่อยนะคะ”
พเยียขวางไว้ “ไม่ได้ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่ ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้าใกล้ท่านอีกเป็นอันขาด”
“คุณไม่มีสิทธิ์”
“ฉันเป็นลูกของคุณแม่ ฉันมีสิทธิ์ทุกอย่าง ฉันขอไล่แกออกจากบ้าน”
“บ้านนี้เป็นของคุณนภดารา! ไม่ใช่ของคุณ” กอหญ้าผลักพเยียเซไป “ฉันจะไปถามคุณอาดารา”
กอหญ้าจะขึ้นบันได พเยียกระชากไว้ ผลักกระเด็น ศรีและบรรดาคนใช้ตกใจแตกตื่น ทำอะไรไม่ถูก
“ทุกคน จับมันโยนออกไปนอกบ้าน” ทุกคนลังเล “ทำซี ไม่งั้นฉันไล่ออกทำ จับมันโยนออกไป”
บรรดาสาวใช้ละล้าละลัง แต่ไม่มีใครกล้าจับตัวกอหญ้าจริงจัง
พเยียร้องกรี๊ด
“เอามันโยนออกไปเดี๋ยวนี้ อยากให้มันฆ่าคุณแม่อีกคนหรือไง” บรรดาคนใช้ยังลังเล พเยียกรี๊ด “จับมันโยนออกไป ไม่งั้นฉันจะไล่ออกหมดนี่แหละ เอาซี”
ศรีไม่กล้า แต่สาวใช้คนอื่นๆ ตัดสินใจจับกอหญ้าดึงออกไป
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย” กอหญ้าตะโกนดังลั่น “คุณอาคะ คุณอา คุณอาดารา”
พเยียคุมคนให้ลากตัวกอหญ้าออกไป

บรรดาคนใช้ลากตัวกอหญ้าออกมาถึงหน้าประตูบ้าน พเยียยืนสำทับ
“ไสหัวมันออกไป”
กอหญ้าสะบัดหลุด มองพเยียอย่างไม่พอใจ
“ไม่ต้องค่ะ ฉันไปเองก็ได้”
“แล้วอย่ากลับเข้ามาอีกล่ะ” พเยียสั่งคนใช้ “ใครอย่าให้มันเข้ามาในวังศิวาลัยอีกเป็นอันขาด ไม่งั้นฉันจะถือว่าขัดคำสั่ง เข้าใจไหม”
คนใช้ทุกคนก้มหน้า จำใจรับคำ กอหญ้ามองพเยียอย่างวิงวอน จริงจัง
“ฉันจะไป แล้วไม่กลับมาอีกเลยก็ได้ แต่คุณรับปากฉันได้ไหม ว่าคุณจะไม่ทำอะไรคุณนภดารา”
พเยียกัดฟันพูด “ออกไป”
“คุณไม่รับปาก ฉันก็ปล่อยคุณไปไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น เราต้องได้เจอกันอีกแน่ คุณพเยีย”
ทั้งสองมองหน้ากัน ไม่มีใครยอมใคร

เจ้ามลุลีกับเจ้าแสงโชติแต่งตัวใหม่พร้อมเดินทาง เดินลงมาที่ห้องโถง แตงคุมสาวใข้ขนกระเป๋าเดินทาง 2-3 ใบออกมาวางเรียง เตรียมตัวเดินทางคืนนี้
“ครบแล้วเหรอ แตง” เจ้ามลุลีถาม
“จ้ะ ของเจ้า 2 ใบใหญ่ แล้วนี่ของคุณณุ”
“แล้วชิษณุพงษ์ไปไหน” เจ้าแสงโชติถาม
เจ้ามลุลีตอบอย่างเคืองๆ
“อยู่บนห้องค่ะ ตะกี๊ขอออกไปทำธุระข้างนอก น้องไม่ยอมให้ไป ก็ไม่ฟังน้องเลยยื่นคำขาด สั่งไม่ให้ออกจากห้องไปไหนทั้งนั้น จนกว่าจะถึงเวลา”
“ดีๆ ไอ้ลูกคนนี้มันดื้อนัก พูดดีๆ ไม่รู้เรื่อง ก็ต้องไม้แข็งกันบ้าง”
เจ้าแสงโชติพยักหน้าเห็นดีด้วย
แตงแอบเหลือบมองไปข้างบนอย่างเห็นใจ หน้าตาเจ้าเล่ห์

ที่หน้าต่างห้องนอนชิษณุพงษ์ มีบันไดไม้พาดอยู่ ชิษณุพงษ์กำลังปีนออกมาจากหน้าต่าง มีแตงดูต้นทางอยู่อยู่ที่ด้านล่าง ชิษณุพงษ์กระโดดตุ๊บลงมา
“ขอบใจมากนะ แตง”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ว่าแต่ว่า คุณณุจะไปไหน” แตงดูนาฬิกา “มีเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ”
“ฉันจะไปหาคนคนนึง เค้าน่าจะบอกเราได้ ว่าทำไมคุณปู่นภัสรพีถึงทำพินัยกรรมประหลาดแบบนั้น”

ไม่นานหลังจากนั้นชิษณุพงษ์พาตัวเองมานั่งอยู่ในห้องที่มีรูปถ่ายของปราบที่ผนัง และเห็นอร ภรรยาของปราบนั่งอยู่ที่โซฟากับแตง และชิษณุพงษ์
“เท่าที่ดิฉันทราบ คุณชายท่านหมดหวังเรื่องการตามหาทายาทตัวจริงไปนานแล้ว ท่านถึงได้ทำพินัยกรรมเอาไว้แบบนั้น”
“อ้าว แต่คุณปราบเพิ่งได้ตัวคุณพเยียมาเมื่อไม่กี่เดือนนี่เองนี่ครับ”
“ท่านรักคุณนภดารามากค่ะ ทนเห็นลูกสาวคนเดียวตรอมใจไม่ไหวที่ท่านใช้ให้คุณปราบขึ้นไปเชียงใหม่คราวนั้น เพื่อไปหาเด็กกำพร้าผู้หญิงที่เหมาะสม มาอุปโลกน์เป็นลูกของคุณนภดารา”
แตงงง “ไปหาทายาทตัวปลอม”
“ค่ะ แค่ไปหาเด็กผู้หญิงดีๆ ซักคนที่จะทำให้คุณนภดารามีความสุข แต่ปาฎิหารย์มีจริง คุณปราบไปเจอทายาทตัวจริงของท่านโดยไม่ตั้งใจ”
ชิษณุพงษ์สงสัย “รู้ได้ยังไงครับ ว่าเป็นตัวจริง”
“เด็กผู้หญิงคนนั้นมีของเป็นเครื่องยืนยันค่ะ เธอมีทั้งสร้อยล็อกเก็ตประจำตระกูล และแหวนเพชรที่เป็นรูปดาว” อรบอก
ชิษณุพงษ์ตื่นเต้นตกใจมาก “แหวนรูปดาว!”
แตงงง “ยังไงเหรอ คุณณุ มีอะไรรึเปล่า”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 11/3 วันที่ 12 มี.ค. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager