อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 9/4 วันที่ 6 มี.ค. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 9/4 วันที่ 6 มี.ค. 56

“มันบอกว่ามันถ่ายรูปพเยียเอาไว้ ตอนที่เรามีอะไรกัน ถ้าพเยียไม่เอาเงินให้มัน มันจะส่งรูปให้หนังสือพิมพ์ พเยียกลัวคุณแม่กับคุณตา คุณยายรู้ กลัวจะอับอายไปถึงวงศ์ตระกูลของเรา พเยียก็เลยยอม”
นภดาราโกรธ “ยอมให้มันฆ่าคุณยายหญิง เพื่อเครื่องเพชรชุดเดียวงั้นน่ะเหรอพเยีย”
พเยียเงยหน้ามองนภดารา ดวงตาใสซื่อน่าสงสาร น้ำตาคลอ

“พเยียไม่มีเงิน เลยขโมยของคุณยายหญิงเอาไปให้มัน แต่คุณยายหญิงจับได้ คุณยายหญิงตามพเยียออกไป แล้วขู่ว่าจะเรียกตำรวจ” พเยียสะอื้น “มันเลยฆ่าคุณยายหญิง พเยียห้ามไม่ทัน มันฆ่าคุณยายหญิงตาย”



พเยียร้องไห้ นภดาราพูดไม่ออก ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ แต่ก็เชื่อเรื่องที่พเยียเล่ามาทั้งหมด เพราะไม่คิดว่ามีเหตุผลอื่นที่พเยียจะอยากฆ่านภาจรี
นภดาราทรุดลงนั่งกับเตียงอย่างอ่อนแรง พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะขาดใจ
“แล้วทำไมไม่บอกแม่ ทำไมไม่พูดความจริงตั้งแต่แรก”
พเยียค่อยๆ คลายเข้ามาซบที่ตักนภดารา น้ำตาไหล
“มันบอกว่าถ้าพเยียพูดมันจะฆ่าพเยียมันบอกว่า ถ้ามันคิดคุก พเยียก็ต้องโดนด้วย ที่สมรู้ร่วมคิด พเยียกลัวค่ะ พเยียไม่อยากตาย พเยียไม่อยากติดคุก”
นภดารามองพเยีย อดสงสารไม่ได้ แต่ยังทำใจแข็ง พเยียกอดขานภดาราเอาไว้
“พเยียผิดไปแล้ว พเยียยอมรับโทษทุกอย่าง คุณแม่จะเฉดหัวพเยียออกจากบ้าน จะตัดแม่ตัดลูกกับพเยียก็ได้ แต่ขอบอกใครได้ไหมคะคุณแม่ นะคะ พเยียขอร้อง”

พเยียก้มลงกราบที่เท้านภดารา แล้วซบนิ่งอยู่อย่างนั้น แต่ในใจลุ้นว่านภดาราจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
นภดารามองพเยียด้วยความสะเทือนใจในเรื่องที่เกิดขึ้น หนักใจ แต่ก็ตัดใจ

“ลูกทำลายชีวิตคนทั้งคน จะให้แม่ปิดปากเงียบไม่ได้หรอกนะ ลูกทำผิด ลูกก็ต้องรับผิดชอบ”
นภดาราลุกขึ้น เดินไปที่ประตู แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงข้าวของตกลงพื้น นภดาราหันมาเห็นพานผลไม้บนโต๊ะล้มคว่ำ พเยียยืนจังก้า ถือมีดปอกผลไม้ไว้ในมือ ตาวาววับ
นภดาราตกใจ “พเยีย”
“ถ้าคุณแม่ต้องการอย่างนั้น พเยียก็ขอตาย ชดใช้ความผิด ชดใช้ชีวิตให้คุณยายหญิง ก็แล้วกันนะคะคุณแม่”
พเยียทำท่าเหมือนจะเอามีดแทงตัวเอง นภดาราวิ่งเข้ามายื้อเอาไว้
“อย่า พเยีย อย่าลูก”
“ปล่อยลูกเถอะค่ะ คุณแม่ พเยียยอมตาย ดีกว่าต้องไปทนทรมานในคุกให้พเยียตายเถอะค่ะ ให้พเยียตาย”
นภดาราดึงกระจกออกจากมือพเยีย แล้วดึงพเยียมากอด น้ำตาไหล
“ไม่เอานะลูก ลูกตาย แล้วแม่จะอยู่ต่อไปได้ยังไง ไม่เอานะ พเยีย”
พเยียซบสะอื้นอยู่ในอ้อมอกนภดารา แต่แววตาสาสมใจ

เย็นนั้นนภัสรพีเปลี่ยนชุดเรียบร้อยเตรียมตัวจะไปงานศพ แม่ชื่นยืนอยู่ข้างๆ
“ทำไมคุณชายไม่เรียกคุณพเยียมาถามให้รู้เรื่องกันไปเลยล่ะคะ”
“รอให้ตำรวจจับไอ้หมอนั่นให้ได้ก่อนดีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องจับให้มั่นคั้นให้ตาย ว่าแต่แม่ชื่นเถอะ ทำให้มั่นใจนักว่าพเยียเป็นคนบงการ เท่าที่ฉันคิดดู ไม่เห็นจะมีเหตุผลเลย ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะไม่ชอบหน้ากัน มันก็เกินไป”
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกค่ะ คุณชาย แต่ว่าคุณพเยีย”
แม่ชื่นยังพูดไม่ทันจบ นภดาราก็เดินเข้ามา เปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อย
“ได้เวลาแล้ว ไปวัดกันเลยไหมคะ คุณพ่อ”
“เดี๋ยวก่อนลูก พ่อกำลังคุยเรื่องสำคัญกับแม่ชื่น”
นภดารานึกรู้ว่าแม่ชื่นน่าจะพูดเรื่องที่สงสัยพเยีย รีบเข้ามาคล้องแขนยืนข้างๆ นภัสรพี เพื่อไม่ให้นภัสรพีเห็นสีหน้าตนชัดเจนนัก พูดดักคอ
“เรื่องสำคัญอะไรคะ แม่ชื่น เรื่องดีหรือเรื่องร้ายคะ เรื่องเกี่ยวกับพเยียลูกสาวของฉันหรือเปล่า”
นภดาราเน้นย้ำว่าพเยียเป็นลูกของตน และมองแม่ชื่นอย่างวิงวอน ไม่อยากให้พูดเรื่องที่ทำร้ายพเยีย แม่ชื่นเข้าใจ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณดารา” บอกกับนภัสรพี “เอาไว้ชื่นค่อยเรียนปรึกษาคุณชายวันหลังดีกว่านะคะ วันนี้คงไม่สะดวกแล้ว”
นภัสรพีพยักหน้ารับ แม่ชื่นค้อมตัวออกไป นภดารามองตามแม่ชื่นด้วยสายตากังวล รู้ดีว่าแม่ชื่นสงสัยพเยีย และต้องพูดเรื่องพเยียแน่ ไม่ช้าก็เร็ว นภดาราหนักใจ จะทำยังไงดี

ฝ่ายชิษณุพงษ์คุยโทรศัพท์กับกอหญ้าเรื่องนพดล
“เธอแน่ใจเหรอ กอหญ้า ว่ามันจะกลับไปเชียงใหม่”
กอหญ้าอยู่ที่มุมหนึ่งในวังศิวาลัย
“ก็ไม่แน่หรอก แต่ยังไงฉันว่าเราก็น่าจะลองเสี่ยงดู”
“ได้ ฉันจะให้แตงกับลุงเติมลองสืบให้ทั่ว ว่าแต่ว่า หน้าตามันเป็นยังไงล่ะ ไอ้นพดลคนนี้น่ะ”
“คุณชายถ่ายรูปสำเนาบัตรประชาชนของคนที่ชื่อนพดลมาด้วย ฉันจะส่งไปให้เธอเดี๋ยวนี้”
กอหญ้ากดส่งไฟล์ภาพไปให้ชิษณุพงษ์

ไม่นานต่อมาบนถนนชานเมือง กำลังจะถึงกรุงเทพฯ ลุงเติมขับรถตู้ของคุ้ม แตงอยู่ในรถตู้ คุยโทรศัพท์กับชิษณุพงษ์
“แต่ตอนนี้ แตงกับลุงเติมไม่ได้อยู่ที่เชียงใหม่แล้วน่ะซี คุณณุ ลงมาตั้งแต่เมื่อเช้า จะถึงกรุงเทพฯอยู่แล้วเนี่ย”
“อ้าว แล้วลงมาทำไม ฉันสั่งให้เธอกับลุงเติมไปหาคุณแม่วันเพ็ญ ไปสืบเรื่องกอหญ้าไม่ใช่เหรอ”
“ก็สืบแล้ว ได้เรื่องแล้ว แตงก็จะลงมารายงานนี่ไง”
ชิษณุพงษ์ตื่นเต้น “รายงานมาเลย ได้เรื่องอะไรมามั่ง”
“เรื่องมันยาว ไปคุยที่บ้านไม่ดีเหรอ คุณณุ”
“ไม่ ฉันใจร้อน ว่ามาเลย ได้อะไรมา ฮัลโหล แตง ได้ยินฉันไหม แตง”
สายตัดไป ชิษณุพงษ์เซ็ง
ส่วนในรถ แตงก็เซ็ง
ลุงเติมถาม “แบตหมด”
“จ้ะ”
“สมน้ำหน้า โทรศัพท์เค้ามีไว้โทร. เอ็งก็เอามาเล่นเกมส์ ถ่ายรูป ทำโน่นทำนี่สารพัด แบตมันจะไม่หมดได้ยังไง” เห็นแตงเปิดลิ้นชัก ค้นตรงโน้นตรงนี้เหมือนหาอะไรซักอย่าง “แล้วนั่นหาอะไรของเอ็ง”
“ที่ชาร์ตแบตจ้ะ”
“นี่ไง”
ลุงเติมควักสายชาร์ตแบตรุ่นโบราณ ที่เข้ากับโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาชู แตงเห็นแล้วกุมหัว
“โห ...ลุงเติม รุ่นอะไรเนี่ย”
“รุ่นโทรได้ ไม่เหมือนของเอ็งก็แล้วกัน”
ลุงเติมเก็บโทรศัพท์อย่างภูมิใจ แล้วขับรถไปอย่างสบายอุรา

ตกเย็นอิศรสวมเสื้อคลุม เพิ่งอาบน้ำเสร็จกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา มองแหวนรูปดาวในมือ นิ่งคิด
“ความรักคือการให้นะครับ คุณอิศร”
เสียงสุบรรณซึ่งแต่งตัวเรียบร้อยเตรียมไปงานศพแหลมขึ้นมา กำลังแสดงโวหารกล่อมอิศรให้ยอมคืนแหวนให้กอหญ้า อิศรเหลือบมองสุบรรณอย่างหมั่นไส้
“แล้ว...”
“แล้วความรักจะงอกงามได้ ต้องอยู่บนรากฐานของความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน ไม่โกหก ไม่หลอกลวง ไม่เบี้ยว ไม่กั๊ก ไม่เม้ม”
อิศรลุกไปทำท่าเหมือนอยากเตะสุบรรณให้กระเด็นติดฝา
“ไอ้นี่ เดี๋ยวเถอะ”
สุบรรณรู้ทันเด้งตัวหนี แต่ยังอวดโอ้โวหารต่อไป
“และที่สำคัญ รักแท้คือการเสียสละ ผมรู้ว่าคุณอิศรรักคุณกอหญ้าแต่ถ้าเขากับคุณชิษณุพงษ์เคยหมั้นหมายกันมาก่อน คุณอิศรก็ต้องยอมแพ้อย่างลูกผู้ชาย”
อิศรส่ายหัวอย่างอ่อนใจ “ไอ้บ้า แหวนนี้ไม่ใช่แหวนหมั้น แหวนแทนใจอะไรหรอก ไอ้หมอนั่นมันสารภาพกับฉันแล้ว ว่ามันโกหก มันกับกอหญ้าไม่เคยหมั้นกัน”
“อ้าว แล้วคุณอิศรจะมานั่งคิดทำไมครับเนี่ย เห็นนั่งจ้องแหวนมาตั้งนาน คิดอะไร”
“ฉันแค่สงสัยเท่านั้นเอง แกคิดดูสิ สุบรรณ กอหญ้าเป็นเด็กกำพร้า ยากจนมาตั้งแต่เกิด ถ้านี่ไม่ใช่แหวนของเจ้าชิษณุพงษ์ แล้วกอหญ้าไปเอาแหวนเพชรแบบนี้มาจากไหน”

บรรยากาศที่ศาลาสวดศพ ตอนเย็น แขกที่มาฟังสวดยังไม่มาก มีแต่เจ้าภาพที่เตรียมงานอยู่ด้านหลังศาลา แม่ชื่นคุมสาวใช้จัดการเรื่องชุดอาหารเครื่องดื่มเหมือนเคย กอหญ้าหน้าตาตื่นเต้น เดินมาหา
“แม่ชื่นขา แม่ชื่น”
“อะไรคะ หนูกอหญ้า”
“คุณอิศรโทร.มาบอกว่า หาแหวนเจอแล้วค่ะ”
แม่ชื่นดีใจ “โอ๊ย ดิฉันดีใจที่สุดเลย แล้วตอนนี้แหวนอยู่ที่ไหนคะ”
“คุณอิศรจะเอามาคืนให้หนูคืนนี้ค่ะ”
แม่ชื่นยิ้มดีใจ ตาวาวด้วยความหวัง หญิงชราคิดในใจ
“คุณพระคุณเจ้า ขอให้แหวนของหนูกอหญ้าเป็นแหวนรูปดาวของคุณดาราจริงๆ เถอะ เรื่องเลวร้ายในบ้านนี้จะได้จบสิ้นซักที”
หญิงชรายิ้มดีใจ สีหน้าเปี่ยมความหวัง
แม่ชื่นหน้าตาแจ่มใสอย่างเห็นได้ชัด ตื่นเต้นจนหูตาแวววาวผิดสังเกต เดินมองหานภัสรพีในศาลาสวดศพนภาจรี

“คุณชายอยู่ไหนนะ ตะกี๊ยังเห็นอยู่เลย”
นภดาราโผล่เข้ามาขวางถามเสียงเข้ม
“หาคุณพ่อทำไมเหรอคะ แม่ชื่น”
แม่ชื่นชะงัก นภดาราพูดอย่างตัดพ้อ
“เงียบทำไมคะ หรือแม่ชื่นมีความลับอะไรที่ฉันรู้ไม่ได้อีก”
แม่ชื่นเห็นว่ากอหญ้าจะได้แหวนมาแล้ว จึงไม่ต่อปากต่อคำ จะหลบไป นภดาราคว้าต้นแขนไว้ ลากแม่ชื่นไปที่มุมลับตาคน
“ฉันรู้นะคะว่าแม่ชื่นจะทำอะไร แม่ชื่นจะฟ้องคุณพ่อเรื่องพเยียใช่ไหม”
แม่ชื่นตัดสินใจพูดตรงๆ อย่างไม่ไว้หน้า
“ค่ะ ดิฉันเชื่อว่า “มัน” เป็นคนทำร้ายหนูกอหญ้า ทำให้คุณหญิงนภาต้องตาย”
“แม่ชื่นกำลังพูดถึงลูกฉันนะคะ! ลูกสาวคนเดียวของฉัน”
“มันไม่ใช่ลูกของคุณ คุณกำลังหลงผิด ปกป้องลูกงูเห่า ที่พร้อมจะกัดพวกเราทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ตัวคุณเอง”
นภดาราไม่ได้ติดใจหรือสนใจคำพูดของแม่ชื่นคำแรก เพราะมัวแต่โกรธ เถียงแทนพเยียปากคอสั่น
“ฉันไม่ได้หลงผิด ฉันรู้ว่าพเยียทำอะไรลงไป ฉันรู้ ว่าลูกฉันผิด แต่พเยียไม่ใช่ฆาตกร พเยียไม่ได้เลวร้ายอย่างที่แม่ชื่นคิด”
แม่ชื่นขยับปากจะเถียง นภดาราชิงพูดสำทับ
“ฉันรู้ว่าแม่ชื่นรักคุณอาหญิง ฉันเองก็รักท่านเหมือนกัน แต่ฉันก็รักลูกฉันด้วย ฉันขอร้องล่ะค่ะแม่ชื่น เลิกวุ่นวายกับเรื่องนี้ได้แล้ว”
แม่ชื่นมองนภดาราอย่างเสียใจ
“ทุกอย่างที่ทำ ดิฉันทำด้วยความกตัญญูต่อคุณหญิงและคุณชาย แต่กลับถูกคุณดารามองว่าวุ่นวาย”
นภดาราเสียใจเหมือนกันที่ทำให้ชื่นเสียใจ แต่เธอรู้ว่าเธอต้องใจแข็ง เพื่อที่จะหยุดความเสียหาย
“ฉันจะสารภาพความจริงกับคุณพ่อ พเยียจะต้องได้รับการลงโทษ แต่ฉันจะทำด้วยวิธีของฉันเอง แม่ชื่นห้ามยุ่ง”
นภดาราพูดเฉียบขาด แล้วหยิบโทรศัพท์มาจากกระเป๋าถือ
“แม่ชื่นเหนื่อยมาหลายวันแล้ว เดี๋ยวฉันจะบอกให้วิชัยพากลับไปพัก”
แม่ชื่นรู้ทันว่านภดาราไม่ไว้ใจตัวเอง รีบพูดขัดขึ้น เสียงสั่นด้วยความน้อยใจ
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอกค่ะ ยังไงชื่นก็ยังเป็นข้ารับใช้ของคุณดารา ถ้าคุณสั่งห้ามยุ่ง ชื่นก็จะไม่ยุ่ง ชื่นรับปากว่าจะไม่ไปเสนอหน้ากับคุณชายอีก”
นภดาราหน้าจ๋อยไป แต่ฝืนใจทำเข้มแข็ง
“ขอบใจจ้ะ”
แม่ชื่นจะเดินไป แล้วหันมา
“แต่ความจริงก็คือความจริง ต่อให้ดิฉันไม่พูด มันก็ต้องแดงโร่ออกมา” หญิงชรายิ้มเย้ย “อีกไม่กี่ชั่วโมงหรอกค่ะ คุณดารา คุณจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วคุณจะเสียใจ ที่ทำกับดิฉันแบบนี้”
แม่ชื่นเดินออกไป นภดาราใจหายวาบ อย่างบอกไม่ถูก

เวลาเดียวกันที่ปั๊มน้ำมันเขตชานเมือง รถเก๋งกระบะคันที่นพดลเคยใช้เลี้ยวเข้ามา แต่ติดป้ายทะเบียนเรียบร้อยนพดลนั่งอยู่กับเพื่อนผู้ชายรูปร่างดี ท่าทางเหมือนคนทำงานที่เดียวกัน เป็นคนขับเข้ามาจอดให้เด็กเติมน้ำมัน
“เต็มถังน้อง” เพื่อนบอกนพดล “มึงรออยู่นี่ กูปวดท้อง”
“เออ แล้วรีบมานะ เพราะกูก็ปวดฉี่เหมือนกัน”
“อ้าว งั้นรอให้เสร็จก่อนก็ได้ ไปทีเดียวเลย”
นพดลขำๆ “รอได้แน่นะมึง อย่าเสือกแตกออกมาในรถล่ะ กว่าจะถึงเชียงใหม่ เหม็นตายชัก”
ตรงร้านค้าในปั๊ม แตงซื้อน้ำและขนมอยู่ หันมาเห็นหน้านพดลในรถ แต่นพดลใส่แว่นสวมหมวกพรางตัวนิดหน่อย แตงชะงัก
“นั่นมัน”
แตงรีบออกไปนอกร้าน กะจะดูให้ถนัด พอดีรถเติมน้ำมันเสร็จเลื่อนไปที่ห้องน้ำด้านหลัง
แตงวิ่งไปหาลุงเติม ที่จอดรถอยู่ไม่ไกล
“ลุงจ๋า ลุง เรื่องใหญ่แล้ว”
“อะไร ไอ้แตง อะไรกัน”
“แตงเจอผู้ชายคนนึง ท่าทางมันเหมือนคนที่ไปดักจับคุณกอหญ้าที่หัวหินเลย”
“เฮ้ย พูดจริงดิ แล้วมันอยู่ไหน”
แตงบุ้ยใบ้ไปที่รถที่จอดหน้าห้องน้ำชาย

ลุงเติมกับแตงซุ่มอยู่ในรถ ที่จอดอยู่ไม่ห่างจากรถของนพดล ทั้งสองมองไปที่หน้าห้องน้ำ แตงใช้โทรศัพท์ของลุงเติมโทร.คุยชิษณุพงษ์
“มันไปเข้าห้องน้ำ คุณณุ ยังไม่ออกมาเลย”
ชิษณุพงษ์อยู่ที่บ้าน ใส่ชุดเตรียมจะไปงานศพนภาจรี กำลังเดินแกมวิ่งไปที่รถที่จอดไว้
“รอดูตอนมันออกมา ถ้าแน่ใจว่าเป็นคนเดียวกัน เราก็เรียกตำรวจจับมันเลย”
แตงย้อนถาม “เอางั้นเลยนะ คุณณุ”
“งั้นสิ แตงจับตาดูมันเอาไว้นะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
รถชิษณุพงษ์ขับออกไปด้วยความเร็ว

ส่วนที่วัด อิศรแนะนำสุบรรณกับนภัสรพี
“สุบรรณ นี่คุณชายนภัสรพี ศิวาวงศ์ คุณชายครับ นี่สุบรรณ ผู้ช่วยของผม”
“สวัสดีครับ”
“ขอบใจนะ ที่มา” นภัสรพีพูดกับอิศร “ฉันไม่นึกว่าคืนนี้คุณอิศรจะมาอีก”
“ผมตั้งใจว่าจะมาทุกคืนครับ แล้วพอดีมีธุระกับกอหญ้าเค้าด้วย อยู่ไหนครับนี่”
อิศรสอดส่ายสายตามองไปทั่วๆ คนในงานยังไม่มากนัก เห็นคนใช้ในวังแต่งดำ ช่วยงานกันอยู่ขวักไขว่
นภัสรพี ยิ้มอย่างเข้าใจ “กอหญ้าไม่อยู่หรอก เขาออกไปทำธุระกับชิษณุพงษ์”
“ธุระ”
อิศรกับสุบรรณมองหน้ากัน สงสัย เรื่องอะไร

ชิษณุพงษ์ขับรถด้วยความเร็วสูง กอหญ้านั่งข้างๆ เป็นคนคุยโทรศัพท์กับลุงเติมและแตง
“ตกลงว่าใช่แน่นะ แตง”
แตงกับลุงเติมยังแอบอยู่ในรถ
แตงเห็นนพดลกินน้ำยืนรอเพื่อนอยู่ที่ข้างรถ ถอดแว่นออกแล้ว เห็นหน้าชัดเจน
“ชัวร์ค่ะ คุณกอหญ้า แตงจำได้ คนเดียวกันแน่ๆ คุณบอกคุณณุให้รีบมาเลย”
ชิษณุพงษ์ได้ยินเสียงแตงแว่วๆ เลยหันไปพูดกับกอหญ้า “ฉันจะถึงอยู่แล้ว บอกแตงให้เฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้มันหนีไปได้ก็แล้วกัน”
กอหญ้าวางสาย ตาวาว มีความหวัง หันไปถามชิษณุพงษ์
“เราจะได้ตัวคนร้ายแล้ว อีกไม่กี่อึดใจ ฉันจะได้รู้ซะที ว่าใครเป็นคนที่ ต้องการทำร้ายฉัน แล้วมันต้องการอะไร”

ค่ำแล้วแตงกับลุงเติมเฝ้ามองอยู่ เห็นเพื่อนนพดลเดินออกมา
“นั่น เพื่อนมันออกมาแล้ว อ้าว เฮ้ย”
ทั้งสองเห็นเพื่อนนพดลขึ้นรถ นพดลตามขึ้นไป
“มันจะไปแล้ว ไอ้แตง”
“คุณณุมาไม่ทันแน่ มันสตาร์ทรถแล้ว เอาไงดีล่ะ ลุง”
เพื่อนนพดลถอยรถ ลุงเติมคิดๆ ทำหน้าเจ้าเล่ห์ แล้วตัดสินใจเข้าเกียร์รถตัวเองพุ่งออกไป
รถลุงเติมเข้ามาชนท้ายรถเพื่อนนพดลดังโครม สะเทือนไปทั้งคัน
“เฮ้ย อะไรวะ”
นพดลกับเพื่อนเปิดประตูรถลงมาดู ลุงเติมก็ลงมาเหมือนกัน ทำท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยงมาเลย
“ขับรถยังไงวะ ไอ้หนู”
“ผมต่างหากที่ต้องถาม ลุง ขับเข้ามาได้ยังไง เมาหรือเปล่า” นพดลโมโห
“อ้าว ลุงก็ขับของลุงมาดีๆ เอ็งนั่นแหละที่ถอยรถไม่ดูตาม้าตาเรือเอ็งน่ะเป็นคนผิด จ่ายค่าเสียหายมาซะดีๆ” ลุงเติมบอก
นพดลชักโมโห “กูไม่ผิด กูไม่จ่าย”
ลุงเติมบอก “ไม่จ่ายก็เรียกประกันมา”
“รถกูไม่มีประกัน” เพื่อนบอก
“ขับรถไม่ทำประกัน งั้นเอ็งก็ผิดกฎหมาย ข้าจะเรียกตำรวจ”

ว่าแล้วลุงเติมทำท่าจะโทรศัพท์
ชิษณุพงษ์ขับตามนพดลมาละแวกหมอชิตแล้ว กอหญ้าโทร.คุยกับแตง

“แตงกับลุงเติมไม่เป็นอะไรแน่นะ จ้ะ เรากำลังตามอยู่ แตง ไม่ต้องห่วง...แล้วฉันจะคอยส่งข่าวเป็นระยะๆ”
กอหญ้าวางสาย สายตาจับจ้องไปที่รถเพื่อนนพดล ชนิดไม่ยอมให้คลาดสายตา เห็นรถนพดลซิกแซกหลบเข้าซอยลัด
“มันเลี้ยวไปทางโน้นแล้ว ชิษณุพงษ์
ชิษณุพงษ์เลี้ยวตามทันที โดนกดแตรด่าลั่นถนน

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 9/4 วันที่ 6 มี.ค. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager