อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/3 วันที่ 9 มี.ค. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/3 วันที่ 9 มี.ค. 56

พเยียรีบเสริมกอหญ้า “นั่นสิคะ คุณตา อาจจะมีญาติพี่น้องคนไหนเป็นอะไร หรือต้อง ไปที่ไหนไกลๆ ที่มันติดต่อกันไม่ได้
“ไม่น่าเป็นไปได้ ชื่นไม่มีบ้านที่ไหนอีกแล้ว ศิวาลัยเป็นเหมือนบ้านของเค้า และนอกจากพวกเรา เค้าก็ไม่มีญาติสนิทมิตรสหายที่ไหนทั้งนั้น”
นภดารานิ่งฟัง สีหน้าเต็มไปด้วยความละอายใจ ก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้นมา

“คุณพ่อคะ .. ลูกมีเรื่องสำคัญจะเรียนให้คุณพ่อทราบค่ะ”
นภัสรพีฉงน “เรื่องอะไร”
“ลูกกำลังสงสัยว่าแม่ชื่นอาจจะหนีไปจากพวกเราค่ะ”
นภัสรพี กอหญ้า พเยีย มองนภดารา ยิ่งแปลกใจ



นภัสรพีนภัสรพีกับนภดาราอยู่ในห้องสมุดด้วยกันสองคน
“ชื่นไม่ใช่เด็กๆ ทำไมลูกถึงคิดว่าชื่นจะหนีออกจากบ้าน”
นภดาราละอายใจ “เพราะลูกพูดอะไรบางอย่าง ที่อาจจะทำให้แม่ชื่นโกรธ แล้วก็น้อยใจจนไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป”
นภัสรพีสงสัย “ยังไง” เห็นนภดาราหลบตา ทำท่าอึกอัก คุณชายเลยดุเสียงเข้ม “จะพูดอะไรก็พูดมานภดารา อย่าอ้อมค้อม พ่อฟังไม่เข้าใจ”
นภดาราตัดสินใจเด็ดขาด พูดออกมาอย่างคนที่อัดอั้นตันใจมานาน
“พเยียรู้ว่าใครคือคนร้ายที่ฆ่าอาหญิงค่ะ พเยียรู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแม่ชื่นสงสัยว่าพเยียจะรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ แกจะฟ้องคุณพ่อ ลูกห้ามไว้ เมื่อวานนี้ ลูกกับแม่ชื่นก็เลยทะเลาะกัน”
นภัสรพีมองนภดาราอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทั้งไม่เข้าใจ ทั้งผิดหวัง

ทั้งสองยืนอยู่แถวหน้าประตูห้องสมุด พเยียกระวนกระวาย เหมือนอยากจะเข้าไปใกล้ๆ ประตูเพื่อแอบฟัง กอหญ้ายืนมอง คุมเชิงไว้
พเยียขยับตัวไปจะแนบหูข้างประตู กอหญ้าเข้าไปขวาง
“จะทำอะไรคะ”
“ฉันอยากรู้ว่าคุณแม่คุยอะไรกับคุณตา”
“เดี๋ยวท่านออกมาก็ทราบเองแหละค่ะ”
พเยียขัดใจ “แล้วตัวเองล่ะ ถ้าไม่อยากรู้ แล้วมายืนเฝ้าอยู่ทำไม”
“ฉันอยากคุยกับคุณพเยียต่างหาก” กอหญ้าถามตรงๆ “คุณพเยียเอาของ-ของฉันไปหรือเปล่าคะ”
พเยียแหวเสียงเขียว “ของอะไร”
“ของที่คุณอิศรฝากไว้ให้ฉัน นอกจากคุณอาดารา คุณเป็นคนเดียวที่เห็นมัน”
พเยียมองกอหญ้าแบบหยั่งเชิง แล้วลองเช็คว่ากอหญ้ารู้ไหม ว่าแหวนที่หายไปคือแหวนอะไร
“ทำไมฉันต้องเอาไป แหวนวงนั้นมันสำคัญยังไงเหรอ กอหญ้า”
“ฉันไม่รู้ค่ะ รู้แต่ว่ามันสำคัญมาก... มากพอที่จะทำให้คนคนนึงต้องตาย และ คนคนนึงต้องหายไป” กอหญ้าเดินเข้าประชิดตัวพเยีย จ้องตา คาดคั้น “คุณเอามันไปใช่ไหมคะ”
พเยียปฏิเสธ “ฉันไม่ได้เอาไป”
กอหญ้าไม่เชื่อ “คุณโกหก”
“อย่ามาปรักปรำฉัน”
“ถ้าไม่ได้เอาไป คุณจะรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นแหวน” พเยียอึ้ง “ฉันยังไม่ได้บอกคุณซักคำเดียว ว่าของนั่นมันคืออะไร”
พเยียอึ้ง แล้วขยับจะหนี กอหญ้าคว้ามือไว้ คาดคั้น
“คุณเอาของฉันไปใช่ไหมคะ เอาคืนมานะ เอาคืนมา”
พเยียสะบัด “ปล่อยฉันนะ นังกอหญ้า แกไม่มีหลักฐาน”
กอหญ้าขู่ “ฉันจะฟ้องคุณอาดารา”
พเยียมองอย่างท้าทาย “ฟ้องว่าฉันเอาไปงั้นเหรอ แกไม่มีหลักฐานอะไร แหวนก็ไม่ได้อยู่ที่ฉัน แล้วแกก็ไม่มีทางหามันเจอแน่ๆ”
กอหญ้าโกรธจัด “คุณพเยีย คุณเอาแหวนของฉันไปไว้ไหน บอกมานะ บอกมา”
กอหญ้าจับไหล่สองข้างของพเยียไว้ บีบอย่างแรง คาดคั้น พเยียดิ้นสู้ สองสาวทำท่าเหมือนจะซัดกัน
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องของนภดาราดังออกมาจากห้องสมุด
“คุณพ่อ อย่าค่ะ ไม่นะคะคุณพ่อ ไม่...”
พเยียกับกอหญ้าหยุดทะเลาะกัน ลืมเรื่องของตัวเอง พุ่งเข้าไปที่ประตูทันที
พเยียทุบประตู “คุณแม่ขา คุณตาขา เกิดอะไรขึ้นคะ”

แต่ไม่มีใครตอบออกมา
ภายในห้องหนังสือเวลานั้น นภัสรพีโกรธมาเป็นริ้วๆ กำลังจะออกมาข้างนอกห้อง นภดารากอดรั้งเอาไว้ทั้งตัว ร้องวิงวอนสุดชีวิต

“ไม่นะคะ คุณพ่อ อย่า คุณพ่ออย่าโกรธพเยียเลยนะคะ พเยียแกไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
นภัสรพีคำรามด้วยความโกรธ “พเยียเป็นตัวการพาคนร้ายเข้ามา รู้เห็นเป็นใจให้มันมาทำร้ายคนในบ้าน พเยียรู้ดีทุกอย่าง ว่าไอ้คนนั้นมันเป็นใคร แต่กลับปกปิดเอาไว้”
“ก็ลูกบอกแล้วไงคะ ว่าแกโดนข่มขู่ แกกลัวนายนพดลนั่นจะเอาคลิปมาแฉ แกกลัว แกอาย .. พเยียเป็นเหยื่อนะคะ คุณพ่อ ไม่ได้เป็นคนร้าย” นภดาราร้องไห้ “ตำรวจก็รู้เบาะแสของคนที่ชื่อนพดลแล้ว อีกไม่นานเราก็จะจับตัวมันได้ แล้วคุณพ่อจะขุดคุ้ยเรื่องของพเยียมาประจาน ทำให้หลานของตัวเองอับอายเพื่ออะไรคะ”
นภัสรพีระงับอารมณ์ได้บ้าง แต่ยังโกรธจัด
“ใครจะยืนยันได้ ว่าที่ลูกเล่ามามันเป็นเรื่องจริง หรือเป็นแค่นิทานอีกเรื่องที่พเยีย กุขึ้นมาหลอกพวกเรา”
“ถ้าคุณพ่อไม่อคติกับพเยียเหมือนอย่างแม่ชื่น คุณพ่อก็ต้องเชื่อ เพราะมันไม่มีเหตุผลอะไรเลย ที่พเยียจะอยากให้คุณอาหญิงตาย”
“เหตุผลอาจจะมี และชื่นก็อาจจะบอกพ่อได้ ถ้าชื่นไม่หายไปเสียก่อน ไม่แน่นะดารา” นภัสรพีมองนภดาราอย่างโกรธๆ “การที่ชื่นจู่ๆ ก็หายไป อาจจะเกี่ยวข้องกับพเยียด้วยก็ได้”
นภดาราตัดพ้ออย่างน้อยใจ
“แจ้งตำรวจเลยดีกว่าค่ะ คุณพ่อ ให้เค้าตามหาแม่ชื่นให้เจอ ลูกก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าแม่ชื่นไปไหน พเยียทำให้แกต้องไป เหมือนที่คุณพ่อว่าหรือเปล่า”
ที่นอกห้อง พเยียกับกอหญ้ายืนอยู่ชิดประตู ได้ยินชัดเจนกอหญ้าหันไปมองพเยีย สายตาตำหนิ ไม่พอใจ
“คุณเป็นตัวการ ให้คนที่ชื่อนพดลเข้ามาฆ่าคุณหญิง”
พเยียสบตาตรงๆ ไม่กลัวเลย “เธอก็ได้ยินนี่ มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันเป็นเหยื่อที่น่าสงสาร”
“แล้วแม่ชื่นล่ะ แม่ชื่นไปไหน คุณทำอะไรอีกหรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ไม่เคยทำ”
พเยียเดินเชิดออกไป กอหญ้ามองตามอย่างหวั่นใจ

อิศรนั่งอยู่ในมู้ดกวนๆ รอกอหญ้าอยู่ที่เก้าอี้สนาม กอหญ้าเดินมาอย่างร้อนใจ
“คุณอิศรคะ”
อิศรหันมาเห็นกอหญ้า รีบทัก
“ว่าไงยัยตัวดี เมื่อคืนฉันนอนรอโทรศัพท์จนหลับไป” เหลือบไปเห็นผ้าพันแผลที่แขนกอหญ้า ก็ถึงกับชะงัก “อ้าว นั่นแขนไปโดนอะไรมาน่ะ”
“ถ้าฉันบอก คุณต้องสัญญาก่อนนะคะ ว่าจะไม่ระเบิด ไม่วี้ด ไม่ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่”
อิศรกอดอก ทำหน้าว่าไม่มีทาง
กอหญ้าประจบด้วยท่าทีน่ารัก “สัญญาก่อนค่ะ นะคะ ฉันมีเรื่องกลุ้มใจเยอะแล้ว ถ้าคุณระเบิดใส่ฉันอีก ประสาทฉันต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ แน่”
“อ่ะ สัญญาก็สัญญา ว่ามา”
กอหญ้าทำเสียงเหมือนเรื่องเล็กมาก “ฉันถูกยิงน่ะค่ะ”
อิศรตกใจ “หา! อะไรนะ” โวยเสียงดังลั่น “ถูกยิง! นี่เธอ”
อิศรตั้งท่าจะใส่ยาว กอหญ้ารีบตะปบปากไว้ อิศรดิ้นขลุกขลัก แล้วสะบัดหลุด จับไหล่กอหญ้าทั้งสองข้างเขย่าอย่างโกรธๆ
“บอกมาเดี๋ยวนี้ กอหญ้า เธอไปโดนยิงได้ยังไง ที่ไหน เมื่อไหร่ ใครยิง”
กอหญ้าอมยิ้ม ถอนใจ สุดท้ายอิศรก็อดไม่ได้ โวยวายอยู่ดี
ครู่ต่อมาอิศรนั่งคุยกับกอหญ้าที่เก้าอี้สนาม อิศรพูดจริงจัง ไม่ได้ประชดหรือโวยวาย
“ฉันจะพูดจริงๆ นะ กอหญ้า เธอควรจะออกไปจากวังศิวาลัยได้แล้ว เธอมีอันตรายรอบตัว แล้วสิ่งที่เกิดขึ้น ก็พิสูจน์แล้ว ว่าคนที่นี่ ไม่มีใครปกป้องดูแลเธอได้”
“ฉันก็แค่โดนยิงเฉี่ยวๆ”
“แล้วคราวหน้าล่ะ ถ้ามันไม่โชคดีอย่างนี้ เธอจะทำยังไง กอหญ้า ฉันคืนแหวนให้เธอแล้ว เธอก็ควรจะทำตามที่สัญญาเอาไว้ ...ออกไปอยู่กับฉันที่คอนโด”
“ฉันยังไปไม่ได้จริงๆ ค่ะ จนกว่า...”
อิศรพูดขัดคอ พูดด้วยท่าทีจริงจัง “กอหญ้า ฟังฉันนะ” กอหญ้าชะงัก “ไม่ต้องสืบอะไรอีกแล้วช่างหัวอดีตมันไปเถอะ เธอจะเป็นใคร มาจากไหน เคยทำอะไรมา ฉันไม่เห็นจะแคร์ เราลืมอดีตไปซะ แล้วทำวันนี้ให้มีความสุขไม่ดีกว่าเหรอ”
“ฉันน่ะลืมอดีตได้ค่ะ แค่คนอื่นซีคะ ลืมไม่ได้ เค้าถึงได้ตามฆ่าฉัน ทำร้ายคนรอบๆ ตัวฉัน อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ฉันก็อยากจะทำวันนี้ให้มีความสุขอย่างที่คุณว่าอยู่หรอก แต่ฉันจะหลับตานอนสนิทได้ยังไง ในเมื่อมีคนอยากฆ่าฉันอยู่” กอหญ้าอ้างเหตุผล
“แล้วเธอจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าอดีตเธอเป็นใคร ในเมื่อเธอจำอะไรไม่ได้”
“นั่นสิคะ...ตอนแรก ฉันคิดว่าแหวนของฉันจะเป็นกุญแจไขปริศนาอันนี้ได้ แต่มันก็หายไปซะแล้ว”
“อ้าว ก็ฉันฝากคุณอาดาราไว้ให้เธอเมื่อวาน”
“มันหายไปแล้วค่ะ...ฉันสงสัยว่าคุณพเยียเป็นคนขโมยไป แต่เค้าไม่รับ”
“ต่อให้จริง ใครมันจะรับ...ทำไมเธอไม่ขอค้นกันไปเลย”
“ดูจากท่าทางคุณพเยีย เธอมั่นใจมาก ว่าแหวนไม่ได้อยู่ที่เธอแน่ๆ” กอหญ้าถอนใจ “ที่ร้ายกว่านั้น แม่ชื่นก็หายตัวไปด้วย จนป่านนี้ก็ยังไม่ติดต่อกลับมาเลย”
“หรือว่าแม่ชื่นจะเอาไป”
กอหญ้า ส่ายหัวเพลียๆ มึนตึ๊บ คิดไม่ตก “แม่ชื่นบอกว่าแหวนนั่นสำคัญมาก ให้ฉันหาให้เจอให้ได้ แล้วนอกจากคุณอาดารา กับคุณพเยีย ก็มีแม่ชื่นคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าคุณจะเอาแหวนมาฝากให้ฉัน...ตอนนี้ฉันเลยมืดแปดด้านไปหมด ไม่รู้จริงๆ ค่ะ ว่า “ใคร” มาขโมยแหวนของฉันไป...ทำไม”

นพดลซ่อนตัวอยู่ในบ้านเช่าโทรมๆ ห่างจากผู้คน ปิดหน้าต่างประตูมิดชิด เพิ่งตื่นนอน บิดขี้เกียจ
“โห เที่ยงกว่า มิน่าหิวชิบ”
นพดลคว้าของใกล้มือมากินกันตาย บ่น
“เมื่อคืนกว่าจะได้นอน ซัดเข้าไปเกือบตีสอง...อีนังตัวดีนอนอยู่บ้านสบายใจทิ้งให้กูเหนื่อยอยู่คนเดียว”
นพดลคิดถึงเรื่องเมื่อคืน แววตาเจ้าเล่ห์

ตอนนั้นนพดลกับพเยียกำลังยัดร่างของแม่ชื่นลงไปในถุงดำ
“เดี๋ยวก่อน”
พเยียเอาแหวนเพชรพยายามยัดไว้ในกระเป๋าเสื้อ ของแม่ชื่น
“อะไรน่ะ พเยีย”
นพดลแย่งคว้ามาดู เห็นเป็นแหวนรูปดาว
“แหวน แหวนเพชรด้วย”
“อย่านะ พี่นพ คราวนี้ฉันไม่ยอมให้พี่ทำอะไรงี่เง่าอีกแล้ว เอาคืนมา”
พเยียจะคว้า นพดลหลบ
“เฮ่ย คราวที่แล้วมันพลาดเพราะของมันใหญ่ แต่แหวนเพชรธรรมดาๆ แบบนี้ รับรองไม่มีปัญหา จะเอาไปทิ้งน้ำทำไม”
พเยียกระชากแหวนคืนมาจนได้ มองนพดลด้วยสายตาแข็งกร้าว พูดกำชับเสียงแข็ง
“มันไม่ใช่แหวนธรรมดา” บอกเสียงเข้มมาก “ฉันพูดจริงนะพี่นพ แหวนวงนี้สำคัญมากที่นังชื่นมันเป็นแบบนี้ก็เพราะมันรู้ว่าฉันมีแหวนวงนี้ พี่ต้องเอาแหวนนี่ทิ้งไป”
นภดลรู้ว่าพเยียพูดจริง “ขนาดนั้นเชียว”
“ใช่ ถ้ายังอยากเกาะกินรีดไถชั้นอยู่ อย่าได้คิดเอาแหวนวงนี้ไปเป็นอันขาดจะต้องไม่มีใครได้เห็นแหวนวงนี้อีกเลย มันจะต้องหายสาปสูญไปจากโลกนี้ พี่เข้าใจไหม”
“เออ เออ”
“สาบานนะพี่ ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ ถ้ามีใครเห็นแหวนวงนี้ ฉันซวยแน่”

นภดลดึงตัวเองกลับมา พลางหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋ากางเกง พิศดู
“ถ้ามันสำคัญขนาดนั้นจริง จะทิ้งซะทำไม เก็บไว้ มันอาจจะมีประโยชน์เข้าซักวันก็ได้”

นพดลยิ้มย่องสะใจ มองแหวนในมือนิ่งนาน
ด้านชิษณุพงษ์จอดรถที่หน้าตึกวังศิวาลัย ก้าวลงมาพร้อมกับแตง โดยมีศรีออกมาต้อนรับ

“มาพบใครคะ คุณชิษณุพงษ์”
“กอหญ้าอยู่ไหม ศรี” ชิษณุพงษ์ถามทัก
“คุณกอหญ้ามีแขกค่ะ คุยกับคุณอิศรอยู่ในสวน”
แตงได้ที “เค้าไม่ว่าง กลับก่อนไหม คุณณุ”
แตงขยับจะกลับขึ้นรถ ชิษณุพงษ์เอามือคว้าผมหางม้าของแตงเอาไว้ จนแตงหน้าหงาย
“ไม่” ชิษณุพงษ์บอกกับศรี “พาผมไปพบหน่อยซี ศรี ผมมีเรื่องสำคัญ”

ทั้งสี่คนนั่งอยู่ด้วยกันในสวนด้านหลังวัง ชิษณุพงศ์เอารูปถ่ายของกอหญ้าที่ได้จากแม่วันเพ็ญวางลงบนโต๊ะ เป็นรูปถ่ายคู่ระหว่างกอหญ้ากับแม่วันเพ็ญ เป็นรูปเก่าๆ จากหลายๆ วาระ กอหญ้าหยิบมาดูอย่างสนใจ
แตงอธิบายให้กอหญ้าฟัง “ผู้หญิงในรูปนี้คือคุณแม่วันเพ็ญค่ะ คุณแม่อยู่ที่โบสถ์มาหลายปี ก่อนที่โบสถ์จะโดนไล่ที่ สนิทกับคุณแม่ยุพามาก ท่านบอกว่าตอนท่านเจอคุณกอหญ้าครั้งแรก คุณกอหญ้าอายุได้ 4 ขวบแล้ว”
ชิษณุพงษ์ถาม “คุ้นตาบ้างไหม กอหญ้า”
“คุ้น แต่ก็จำอะไรไม่ได้เลย” กอหญ้าถามแตง “แล้วท่านรู้ไหมคะ ว่าฉันเป็นใคร มาจากไหน พ่อแม่เป็นใคร”
“คุณแม่ยุพาเจอเด็กแรกเกิดถูกวางทิ้งไว้ที่กอหญ้าหน้าโบสถ์ค่ะ คุณถึงได้ชื่อกอหญ้า” แตงเล่า
“แล้วฉันลงมากรุงเทพฯ ทำไมคะ” กอหญ้าซัก
“ท่านว่า คุณกับคุณแม่ยุพา จะลงมาหาเงินไปช่วยซื้อที่ให้กับทางโบสถ์ แต่ไม่ได้บอกว่าจะลงมาหาใคร”
ชิษณุพงษ์ช่วยสรุป
“ถ้าจะให้เดา ฉันว่าเธอก็คงจะลงมาหาคุณอาดารานี่แหละ คุณแม่ยุพาอาสา พาพเยียลงมาพบแม่ที่แท้จริงที่วังศิวาลัย แล้วคงจะขอให้คุณอาดาราช่วยเหลือทางโบสถ์เป็นการตอบแทน”
กอหญ้าทำหน้าหมดหวัง
“ไปๆ มาๆ ก็วนอยู่ที่เดิม ไม่มีใครบอกได้เลยเหรอ ว่าฉันเป็นใคร”
ทันใดนั้น อิศรที่นั่งดูรูปภาพของกอหญ้าอยู่เงียบๆ ก็ร้องขึ้น
“นี่ไง”
ทุกคนหันไปสนใจอิศร
กอหญ้าสงสัย “อะไรคะ”
อิศรส่งรูปให้ “ในรูปนี้ เธอใส่แหวนด้วย นี่ไงแหวนของเธอ”
กอหญ้ารับมาดูอย่างตื่นเต้น ในรูปภาพใบหนึ่ง กอหญ้าโอบกอดแม่วันเพ็ญ เห็นมือข้างที่กอดอยู่มีแหวนลงเล็กๆ
กอหญ้าเพ่งมอง “นี่เอง แหวนที่ใครๆ ถามถึง หน้าตาเป็นอย่างนี้เองหรือ”
ชิษณุพงษ์บอกทันที “แหวนรูปดาว...เป็นแหวนที่เธอใส่ติดนิ้วตลอดเวลา ฉันจำได้”
“แหวนของเธอที่หายไปก็ไอ้วงนี้แหละ ฉันดูอยู่ตั้งหลายครั้ง มันก็เป็นแหวนเพชรธรรมดาๆ วงนึง ไม่ได้มีค่ามากมายอะไร แล้วทำไม มันถึงสำคัญขนาดนั้น” อิศรออกความเห็น
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” กอหญ้าเสียใจ “ตอนนี้ แหวนก็หายไป คนที่รู้ว่ามันสำคัญยังไงก็หายไปด้วยเหมือนกัน แย่จริงๆ”
กอหญ้าถอนใจเศร้า อิศรมองอย่างเห็นใจ เอื้อมมือไปบีบมือกอหญ้าอย่างปลอบโยน กอหญ้าน้ำตารื้น ชิษณุพงษ์มองอย่างเศร้าใจก่อนจะเมินหนี แตงมองอาการของชิษณุพงษ์แล้วถอนใจเบาๆ
ในบรรดารูปเก่าเหล่านี้ กอหญ้าใส่สร้อยที่มีล้อกเก็ตด้วยทุกรูป แต่ไม่เห็นตัวล็อกเก็ต เห็นแต่เพียงสร้อยทุกคนจึงไม่สังเกต หรือติดใจ

ไม่นานนักชิษณุพงษ์กับแตงขับรถกลับออกมาจากวังศิวาลัยมาตามถนนสวยๆ ชิษณุพงษ์นิ่งขรึมไป แตงหันมามองชั่งใจ แล้วตัดสินใจถาม
“คุณณุ”
“ฮึ” ชิษณุพงษ์ว่า
“แตงพูดอะไรอย่างได้ไหม
“พูดมา”
“คุณณุเห็นไหม ว่าคุณกอหญ้าเค้าชอบคุณอิศร”
ชิษณุพงษ์ปรายตาเหลือบมองแตง ตอบเสียงน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
“ฉันว่านายอิศร ชอบทำท่าเป็นเจ้าเข้าเจ้าของกอหญ้าไปเองมากกว่า”
แตงท้วง “แต่คุณอิศรเป็นคนช่วยชีวิตคุณกอหญ้า”
ชิษณุพงษ์พยายามเถียงเข้าข้างตัวเอง “บุญคุณก็ส่วนบุญคุณ แต่ฉันกับกอหญ้าเป็นเพื่อนกัน กอหญ้าเค้ารักฉัน ห่วงฉัน เหมือนที่ฉันรักแล้วก็เป็นห่วงเค้า เราสองคน เป็นเพื่อนที่รักกันที่สุดในโลก”
แตงแย้งอีก “นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้เค้าก็ลืมมันไปหมดแล้ว”
ชิษณุพงษ์โมโห จอดรถเข้าข้างทางทันที
“คุณณุ ที่แตงเตือน เพราะไม่อยากให้คุณณุเสียใจ”
ชิษณุพงษ์เสียงดุ ไม่มองหน้าแตง “ลงไป”
แตงเสียใจ น้อยใจ “คุณณุ”
ชิษณุพงษ์ไม่มองหน้า “กอหญ้าไม่มีวันลืมฉัน ซักวันเค้าจะจำทุกอย่างได้ แล้วเค้าจะรู้ว่าเราเคยรักกันแค่ไหน”
แตงน้ำตาคลอๆ แล้วเปิดประตู ลงจากรถไปเศร้าๆ
ชิษณุพงษ์มองเห็นน้ำตาของแตง รู้สึกหวั่นไหวด้วยความสงสารนิดหนึ่ง แต่ทำเป็นไม่สนใจ

ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง มีผู้คนเดินขวักไขว่ เห็นพเยียแต่งตัวด้วยชุดสีขาวดำ แต่มีหมวกและแว่นพรางตัว ในมือถือถุงกระดาษอยู่หนึ่งใบ

พเยียเดินไปที่แผนกชุดกีฬา ที่ไม่ค่อยมีคน ยืนเลือกๆ ของ แต่แอบมองดูนาฬิกาข้อมือ ท่าทางเหมือนรอใคร
ด้านหลังของพเยีย นพดลสวมแจ๊กเก็ตมีฮู้ด สวมแว่น เดินมาดูเสื้อผ้าในมือมีถุงอยู่หนึ่งใบเหมือนกัน นพดลเดินเลือกเสื้อผ้าไปมา จนมายืนอยู่ตรงข้ามพเยีย ทั้งสองคนก้มหน้าก้มตาเลือกเสื้อผ้า ไม่มองกัน พเยียเอ่ยขึ้นก่อนเบาๆ

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 10/3 วันที่ 9 มี.ค. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager