อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 9 วันที่ 4 มี.ค. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 9 วันที่ 4 มี.ค. 56

“กอหญ้า” กอหญ้าชะงัก “อาขออะไรหนูอย่างนึงได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
“อย่าบอกใครนะ ว่าฉันแอบเข้าไปค้นห้องลูกพเยีย ฉันแค่สงสัยอะไรบางอย่าง แต่ฉันไม่อยากให้ใครมองลูกฉันในแง่ร้าย”
“ค่ะ หนูเข้าใจ หนูรับปากว่าจะไม่บอกใครเลยค่ะ”
นภดารายิ้ม มองกอหญ้าอย่างรักใคร่ สนิทใจ

ด้านพเยียใส่ชุดนอนเรียบร้อย ยืนหน้านิ่งอยู่หน้าตะกร้าผ้ารอซัก มองไปที่เสื้อผ้าชุดเก่าของตัวเอง ที่ถูกพับวางในตะกร้าอย่างเรียบร้อย
“คุณแม่...คุณแม่เข้ามาในห้อง ไม่ใช่นังกอหญ้า”



พเยียคิดระแวงใหญ่ประสาวัวสันหลังหวะ
“คุณแม่เข้ามาทำอะไร ทำไมต้องหลบ ทำไมต้องไม่ให้เรารู้ หรือคุณแม่กับนังกอหญ้าจะรวมหัวกันทำอะไร”
พเยียยิ่งคิดยิ่งหวั่นใจ

วันต่อมา ภายในห้องไอซียู ห้องถูกกั้นด้วยกระจกใสเป็นสัดส่วน นภาจรีนอนอยู่บนเตียง ทั้งเนื้อทั้งตัวมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตเต็มไปหมด ทั้งเครื่องช่วยหายใจ ทั้งยากระตุ้นหัวใจ ที่ให้ทางสายน้ำเกลือ ข้างๆ เตียง กอหญ้าในชุดเสื้อคลุมของทางโรงพยาบาลนั่งจับมือนภาจรี สวดภาวนาให้นภาจรีปลอดภัย
“ขอพระองค์ได้โปรดนำความเจ็บปวดของคุญหญิงนภาจรีไปไว้ที่พระองค์ ขอให้โปรดเมตตา ให้คุณหญิงพ้นจากความทุกข์ทรมานนี้ด้วยเถิด”
กอหญ้าสวดเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นมามองร่างของนภาจรี กอหญ้ารู้สึกผิดและเศร้าใจ
“คุณหญิงต้องมาเจ็บตัวเพราะหนูแท้ๆ” กอหญ้าถอนใจ “ความลับอะไรเหรอคะที่คุณหญิงรู้ บอกหนูได้ไหม”
กอหญ้าถอนใจ แล้วก้มหน้าลงโดยไม่ได้ตั้งใจ กอหญ้าเห็นมือของตนที่ประสานอยู่ และเห็นรอยใส่แหวนที่นิ้วของตนเอง ชะงัก นึกอะไรขึ้นมาได้
วันนั้นที่นภาจรีเขย่าตัวตนเพื่อซักถามเรื่องแหวน แล้วพเยียมาห้ามไว้
กอหญ้าเอะใจ สงสัย
“แหวน ..?”
กอหญ้าลุกขึ้น รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที

ที่ทางเข้า ไม่นานนัก เห็นกอหญ้าวิ่งเข้าไปด้านในอาคารสำนักงานของอิศรอย่างรีบร้อน
และตรงไปที่ห้องทำงานของอิศร อิศรเดินออกมาหน้าห้อง ถามเลขา
“รายละเอียดก่อสร้างโครงการคอนโดที่เขาใหญ่ ฝ่ายสถาปนิกเขาทำส่งเข้ามาหรือยัง”
“ส่งมาแล้วค่ะ รู้สึกจะอยู่ที่คุณสุบรรณ”
กอหญ้าเดินแกมวิ่งเข้ามา เห็นอิศรเข้าพอดี
“คุณอิศรคะ”
อิศรเห็นกอหญ้า แวบแรกก็ยิ้ม ดีใจ
“กอหญ้า มายังไงนี่” เดินเข้าไปหา แล้วนึกได้เรื่องวันก่อน เลยทำมึนตึง “ได้ข่าวว่าที่วังมีเรื่องวุ่นวาย ฉันเองก็ยุ่งๆ ขอโทษทีนะ ที่ไม่มีเวลาไปหา”
“ไม่เป็นไรค่ะ ที่ฉันมาเนี่ย เพราะจะขออะไรคุณหน่อย”
อิศรมองหน้า สงสัยว่าอะไร
ครู่ต่อมาอิศรมีหน้าตาเหวี่ยง วีน สุดๆ เดินลิ่วไม่อย่างสนใจ มีกอหญ้าวิ่งตาม
“คุณอิศร เดี๋ยวก่อนสิคะ รอฉันก่อน”
อิศรเปิดประตูเข้าไปในห้องประชุมใหญ่ โมเดลคอนโดและพิมพ์เขียวกางหราบนโต๊ะ สุบรรณกำลังดูอยู่ เงยหน้ามา ยิ้ม ทักเสียงดัง
“คุณอิศร ผมกำลังจะให้คนไปตามมาดูแบบอยู่พอดี” สุบรรณชะงัก เมื่อเห็นกอหญ้าวิ่งตามเข้ามา “อ้าว คุณกอหญ้า”
กอหญ้ายิ้มทักสุบรรณนิดหนึ่ง แล้วตามเข้าไปเซ้าซี้อิศร
“คุณอิศร ได้ยินที่ฉันพูดไหมคะ ฉันมีแหวนวงนึง ใส่ติดนิ้วมาด้วย แล้วแหวนวงนั้นก็อยู่ที่คุณ”
“ก็บอกแล้วไง ว่าเอาไว้ว่างๆ ฉันจะหาให้” อิศรทำทีเป็นเข้ามายกพลิกพิมพ์เขียวดูทำท่าวุ่นเรื่องงาน “งานฉันยุ่งจะตาย เธอเห็นไหมนี่”
สุบรรณแหลมขึ้นมา “เอ่อ โทษทีครับ คุณกอหญ้ามาหาแหวนเหรอครับ”
กอหญ้า ร้อนใจ “ค่ะ คุณสุบรรณ คุณพอทราบไหมคะ ว่าแหวนของฉันอยู่ไหน ฉันอยากได้มันคืนเดี๋ยวนี้”
สุบรรณยิ้มกว้าง “อ๋อ แหวนน่ะ...” กำลังจะอ้าปากบอกว่าแหวนอยู่ไหน
อิศรสวนออกมาทันที “สุบรรณจะไปรู้ได้ยังไง” สุบรรณอ้าปากค้าง อิศรหันไปจ้องตาดุ ส่งสัญญาณให้รู้ว่าห้ามพูด “กะอีแค่แหวนกระจอกๆ วงเดียว เอางี้ เธออยากได้แหวนใช่ไหม เราออกไปร้านเพชรกันเดี๋ยวนี้เลย ฉันจะซื้อ ให้เธอใหม่” คว้ามือกอหญ้า “เอาเพชรเม็ดเท่ากำปั้นเลยก็ยังได้ จะเอากี่วงว่ามา”
กอหญ้าสะบัดมือ ต่อว่า
“ฉันไม่ได้อยากได้แหวน ของคุณ! ฉันอยากได้แหวน ของฉัน!” อิศรชักสีหน้า “แหวนวงนั้นมันสำคัญกับฉันมากนะคะ”
อิศรเข้าใจว่าแหวนนั้นเป็นของชิษณุพงษ์ เลยยิ่งโกรธ พาลน้อยใจ
“ฉันจำไม่ได้ว่าเอาเก็บไว้ที่ไหน” อิศรเชิดใส่ “หาเจอเมื่อไหร่ จะรีบเอาไปให้ก็แล้วกัน”
อิศรพูดจบก็ก้มหน้าก้มตาดูพิมพ์เขียว พลิกโน่นนี่วุ่นวาย สุบรรณมองอิศรเหมือนตัวประหลาด กอหญ้ามองอิศรอย่างอ่อนใจ
“งั้น...ฉันก็รบกวนเท่านี้ล่ะค่ะ”
“ฮื่อ” อิศรไม่เงยหน้ามอง “ไม่ส่งนะ ยุ่ง”
“เจ้าค่ะ” กอหญ้าประชด แล้วยิ้มให้สุบรรณ “ไปก่อนนะคะ คุณสุบรรณ”
สุบรรณยิ้มให้ โบกมือบ๊ายบาย พอกอหญ้าออกจากห้องไปแล้ว สุบรรณดึงพิมพ์เขียวออกจากมืออิศร กลับข้างให้ใหม่ พูดประชด
“ผิดข้างขอรับ เจ้านาย”
อิศรชะงัก เพิ่งรู้ตัวว่าดูพิมพ์เขียวกลับหัว รู้สึกเสียหน้าเลยเลิกดู
“แกดูเองเหอะ ฉันไปละ”
อิศรเดินหนี สุบรรณเดินตามไปขวาง
“เดี๋ยวครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน คุณอิศร คุณไปหลอกคุณกอหญ้าเค้าทำไม”
อิศรทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ สุบรรณมองอย่างหมั่นไส้

สุบรรณเดินฉับๆ เข้าไปที่โต๊ะทำงานอิศร เปิดลิ้นชัก ตะกุยหาอยู่อึดใจ ก็ได้แหวนของกอหญ้า สุบรรณชูแหวนขึ้นมา ประกาศใส่หน้าอิศรอย่างผู้มีชัย
“นี่ไง” จงใจพูดแดกดัน “นี่ไงครับ แหวน”
อิศรยักไหล่พรืด ยังไม่ยอมรับว่าโกหก “อ้อ เหรอ จำไม่ได้นี่”
สุบรรณ แกล้ง “ผมตามไปให้คุณกอหญ้าตอนนี้ยังทัน”
อิศรกระโดดคว้าคอสุบรรณเอาไว้ ปล้ำพร้อมกับบิดมือสุบรรณ แย่งแหวนคืน
“ไม่ใช่เรื่องของแกเลย สุบรรณ อย่ายุ่ง”
สุบรรณไม่ยอมปล่อยแหวน กำไว้ในมือแน่น สู้ไปปากก็เถียงไป
“หน้าตาดีๆ ริอ่านเป็นขโมยเหรอคุณอิศร…ปล่อยผม อ๊ากกส์”
อิศรกัดมือสุบรรณ จนสุบรรณร้องลั่น อิศรแย่งเอาแหวนไปจนได้ สุบรรณโวยวาย
“ของ-ของเค้าแท้ๆ คุณมีสิทธิ์อะไรมาอมเอาไว้ ทำไมไม่คืนให้เค้าไป”
อิศรมองแหวนในมือ เจ็บใจ ตอบพาลๆ
“ฉันไม่ให้ใครจะทำไม เมื่อวานจับไม้จับมือปลอบขวัญกัน วันนี้ถึงกับวิ่งมาทวงแหวนแทนใจ ฝันไปเถอะ ฉันไม่ให้หรอก”
อิศรทิ้งตัวลงนั่ง ปายัดแหวนกอหญ้ากลับไปในลิ้นชักที่เดิม
“แกจำไว้เลย สุบรรณ แหวนที่จะอยู่ที่นิ้วของกอหญ้า ต้องเป็นแหวนของฉันเท่านั้น ไม่มีแหวนวงอื่น”

อิศรพูดจริงจัง สุบรรณส่ายหัวเอือมระอากับนิสัยเกเรแกมโกงของอิศร ไม่เห็นด้วยเอาเสียเลย
ตกเย็นกอหญ้าเดินกลับมาในบ้าน แม่ชื่นรีบร้อนเดินออกมาจากด้านใน ร้องเรียก

“รถมาหรือยัง ทำไมชักช้าอย่างนี้” แม่ชื่นร้อนใจทำท่าจะร้องไห้
กอหญ้ารีบปราดเข้าไปหาแม่ชื่นอย่างตกใจ
“แม่ชื่น เป็นอะไรคะ เกิดอะไรขึ้น”
“หนูกอหญ้า...คุณหญิง...” หญิงชราพยายามจะพูด “...คุณหญิงอาการทรุดหนักค่ะ นี่คุณชายกับคุณดาราก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว”
รถตู้ของวังแล่นมาจอดเทียบด้านหน้า แม่ชื่นวิ่งออกไป กอหญ้ารีบตาม
“หนูไปด้วยคนค่ะ”
ทั้งสองขึ้นรถ รถออกไปอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องไอซียู ที่หน้าจอมอนิเตอร์สัญญาณชีพจร เห็นสัญญาณชีพจรของนภาจรีเต้นเร็วขึ้น ประมาณ 100 ถึง120 ครั้ง/นาที นภาจรีลืมตาโพลง ตัวเกร็ง หายใจกระตุก ดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง พยาบาลคนหนึ่งเข้ามาวัดความดัน
หมอรีบเดินเข้ามา ใช้หูฟังตรวจจับฟังชีพจร ฟังปอด ใช้ไฟฉายส่องดูม่านตา
“มอร์ฟีน 3 มิลลิกรัม สแตท” Stat-เป็นศัพท์ทางการแพทย์หมายถึง ให้ยาทันทีนั่นเอง
พยาบาลเอาหลอดยามาให้ หมอรับมาฉีดใส่สายน้ำเกลือ

ครู่ต่อมานภาจรีดูสงบลง หมอเข้ามาวัดชีพจร ฟังปอดอีกครั้งจนเสร็จ หมอกำลังจะหันหลังกลับ นภาจรีฝืนลืมตาขึ้น มือคว้าหมับเข้าที่ข้อมือหมอ แววตาจ้องมองอย่างคาดคั้น วิงวอน

นภัสรพียืนหน้าเครียดอยู่หน้าห้อง มองไปที่หน้าห้องไอซียู พเยียนิ่ง มือบีบกันแน่น ลุ้นอยู่ในใจ
“ตายๆ ไปซะทีเถอะนะ จะได้หมดเรื่องหมดราวกันไป”
นภดารากระสับกระส่าย กระวนกระวาย
“ทำไมเค้ายังไม่ให้เราเข้าไปอีกล่ะคะ คุณพ่อ”
พยาบาลเปิดประตูห้องไอซียูออกมา นภดาราปราดเข้าไปหาพยาบาล
“คนไข้เป็นยังไงบ้างคะ ดิฉันจะเข้าไปข้างในได้หรือยัง”
“เชิญญาติคนไข้ด้านในเลยค่ะ” พยาบาลบอก
พยาบาลยังพูดไม่ทันจบ นภัสรพีเดินตรงเข้าไปในห้องไอซียูทันที ทุกคนรีบเดินตามไป

นภัสรพีเดินนำเข้ามาที่ห้องไอซียูที่นภาจรีนอนอยู่ ปราดเข้าไปที่เตียง
“หญิงนภา”
นภัสรพีเห็นสภาพนภาจรีนอนนิ่ง หายใจอ่อน แววตาแตกซ่านแต่พยายามจะฝืนคงสติเอาไว้นภัสรพีจับมือนภาจรีไว้เหมือนจะถ่ายทอดกำลังใจและความอบอุ่น
“หญิงนภา พี่อยู่นี่แล้ว เธอได้ยินพี่ไหม”
นภดาราเดินอย่างเร็วมาจับมืออีกข้างของนภาจรีไว้
“คุณอาหญิงคะ คุณอาหญิง”
ไม่มีอาการตอบสนองใดๆ จากนภาจรี นอกจากอาการเพ่งมองนภัสรพีอย่างวิงวอน เหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่าง พเยียหลบอยู่สุดมุมห้อง ไม่ให้นภาจรีเห็น แอบมองอย่างลุ้นสุดๆ นภดาราร้อนใจ
“คุณหมอคะ ทางโรงพยาบาลโทรไปแจ้งว่าคุณอาหญิงอาการทรุดลง แต่นี่ท่านได้สติแล้วนี่คะ ทำไมไม่ทำอะไรซักอย่างล่ะคะ”
“ทั้งสมอง ทั้งอวัยวะภายในของคุณหญิงแทบจะไม่ทำงานแล้วครับ...แต่ที่เห็นนี่ เป็นเพราะท่านพยายามจะยื้อไว้” หมอบอก
นภดารางง “หมายความว่ายังไงคะคุณหมอ”
นภดาราไม่เข้าใจ นภัสรพีหน้าสลด เข้าใจทันทีว่านี่คือช่วงเวลาสุดท้ายของนภาจรี
“ดารา... หญิงนภากำลังจะจากเราไปแล้ว”
นภดาราอึ้งไป พเยียแอบระบายลมหายใจเบาๆ โล่ง
“คนไข้คงอยากจะใช้เวลากับญาติสนิท ผมขอตัวนะครับ”
หมอเลี่ยงออกไป ปล่อยให้ญาติได้ใช้เวลากับผู้ป่วย
“โธ่ คุณอา” นภดาราทรุดตัวลงกอดนภาจรี ร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิดในใจ “ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้”
นภัสรพีเข้าไปประคองนภดารา “อย่าร้องไห้ ปล่อยให้อาหญิงของลูกไปสบายๆ เถอะ ดารา อย่าทำให้เขาทุกข์ทรมานใจเลย”
นภัสรพีหันไปมองนภาจรี ที่พยายามเพ่งมองมา ด้วยสายตาวิงวอน นภัสรพีพูดอย่างอ่อนโยน
“หลับให้สบายนะ หญิงนภา ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นพี่สัญญา ว่าพี่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ...พี่สัญญา”
พเยียมองนภัสรพี พร้อมกับนภัสรพีที่เหลือบมองมาทางพเยียเหมือนไม่ตั้งใจ พเยียเสียววาบ รู้สึกสังหรณ์ในคำพูดนั้นอย่างประหลาด
นภาจรีระบายลมหายใจอย่างอ่อนแรง เหมือนวางใจ มืออ่อนแรงตกลง
ประตูเปิดออก แม่ชื่นกับกอหญ้าตามเข้ามา แม่ชื่นถลาเข้ามาที่ปลายเท้านภาจรี
“คุณหญิงขา”
นภาจรีสะดุ้งเมื่อเห็นหน้ากอหญ้า มือที่หมดแรง พยายามเกร็งยกขึ้นตะกายไขว่คว้า
นภดาราเห็น “อะไรคะคุณอาหญิง” มองอาการแล้วเข้าใจ “กอหญ้า กอหญ้า ใช่ไหมคะ”
กอหญ้ารีบเข้าไปข้างเตียง
“คุณหญิงต้องการอะไรคะ”
นภาจรีหายใจแรงขึ้น เหมือนลมหายใจเฮือกสุดท้ายกำลังจะขาดลง มือที่ไขว่คว้าอยู่ คว้ามือกอหญ้ามาบีบที่นิ้วข้างที่เห็นเป็นรอยแหวน สายตาเพ่งมองไปที่นิ้วนั้น แล้วหันมามองกอหญ้า ด้วยแววตาวิงวอน เป็นเชิงบอกย้ำว่าสำคัญอย่างมาก กอหญ้าใช้สองมือกุมมือนภาจรีไว้อย่างนุ่มนวล พูดให้นภาจรีคลายใจ
“ค่ะ คุณหญิง หนูเข้าใจค่ะ หนูเข้าใจแล้ว ...หนูจะหามันให้เจอให้ได้ค่ะ”
นภาจรีพยายามจะยิ้มให้กอหญ้า แล้วหันขวับไปมองพเยียอย่างเกลียดชัง พเยียผงะด้วยความตกใจกลัว นภาจรีหายใจกระตุกแรงขึ้น ดวงตาเหลือกลานเหมือนหายใจไม่ออก
นภัสรพี ตกใจ “หญิงนภา”
“คุณอาหญิงคะ” นภดาราจะวิ่งออกไปตะโกนเรียก “หมอคะ หมอ คนไข้ช็อกค่ะ”
นภาจรีกระตุก หน้าตาบิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด สายตายังค้างอยู่ที่พเยียแล้วช็อก เงียบไป
เส้นหัวใจที่มอนิเตอร์ไม่ขยับ
แม่ชื่นร้องไห้โฮ “คุณหญิง...คุณหญิงคะ” พลางเข้าไปกอดที่ปลายเท้า
หมอกับพยาบาลวิ่งเข้ามาที่ข้างเตียง ญาติๆถอยห่างออกไปนิดหน่อย
หมอบอกกับพยาบาล “วัดความดันด้วย”
หมอวัดชีพจร ฟังปอด ตรวจม่านตา
พยาบาลรายงาน “วัดความดันไม่ได้ค่ะหมอ”
หมอพยักหน้ารับขรึมๆ หันไปหานภัสรพีกับนภดารา
“ผมเสียใจด้วยครับคุณชาย คุณดารา คุณหญิงท่านจากเราไปแล้ว”
นภัสรพีนิ่งงันด้วยความสะเทือนใจสุดๆ แม่ชื่นปล่อยโฮ เข้าไปกอดขานภาจรี
กอหญ้าน้ำตาไหลเงียบๆ เข้าไปกราบที่เท้านภาจรี ก่อนจะกอดปลอบแม่ชื่น นภดาราน้ำตาไหล เข้าไปกอดนภาจรีแล้วกราบนิ่งอยู่ที่อกนภาจรีเหมือนจะขอขมา ก่อนจะถอยออกมา บอกพเยีย
“ไปกราบขอขมาคุณยายหญิงเสียลูก”
พเยียเข้าไปกราบนภาจรีอย่างกลัวๆ แต่ก็เหมือนโล่งใจ ไม่มีน้ำตาแม้สักหยด

นภัสรพีเข้าไปกอดปลอบนภดารา สายตาจับจ้องไปที่พเยียและกอหญ้าที่ยืนอยู่คนละมุมอย่างพินิจวิเคราะห์
บรรยากาศตอนเช้าที่เรือนไทยบ้านชิษณุพงษ์ เจ้ามลุลีนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องโถง มีผ้าไหมตัวอย่างสีสวยหลายพับกองตรงหน้า เจ้ามลุลีคลี่ผ้าไหมสีสวยออกดูอย่างตั้งใจ เพื่อตรวจตัวอย่างสีผ้า และลวดลายทอ ชิษณุพงษ์เดินเข้ามาอย่างร่าเริง

“แม่เรียกหาผมเหรอครับ”
“จ้ะ” เจ้ามลุลีวางผ้าลง “สวยไหมลูก นี่ลายใหม่ แม่ให้เขาลองทอขึ้นมาพิเศษจะเอาไปโชว์ที่อเมริกาเดือนหน้า”
ชิษณุพงษ์รับมาดูและวิจารณ์อย่างจริงจัง เพราะตัวเองตั้งใจจะทำธุรกิจนี้ด้วย
“สีสวยดีครับ ลายทอผมว่ามันดูโบราณ ดู traditional ไปหน่อย ...แต่ไม่แน่ พวกฝรั่งอาจจะชอบก็ได้” ชายหนุ่มวางผ้าลง เข้ามากอดอ้อน “ตกลงแม่จะไปเดือนหน้านี้แล้วเหรอครับ จะไปนานไหม”
“สองสามอาทิตย์เองจ้ะ แม่ไปดูบูธงานแสดงสินค้า ไปส่งลูกกลับเข้าเรียน แล้วก็กลับ”
“ใครบอกแม่ ว่าผมจะกลับไปเรียน ผมทำเรื่องขอหยุดไปแล้ว” ชิษณุพงษ์บอก
เจ้ามลุลี ไม่พอใจ “ลูกหยุดรักษาตัวมาจะปีนึงแล้วนะ ชิษณุ”
ชิษณุพงษ์โยเย “ผมยังไม่หายดีเท่าไหร่”
เจ้ามลุลี พูดอย่างรู้ทัน “ลูกอยู่เพราะเด็กที่ชื่อกอหญ้ามากกว่า”
“แม่ก็รู้ กอหญ้าเค้ากำลังตกอยู่ในอันตราย ผมต้องช่วยเค้า”
“กอหญ้าไม่ได้ตัวคนเดียว ทุกคนในวังศิวาลัยคอยดูแลเค้าอยู่” เจ้าย้ำ “แล้วยังมีคุณอิศร”
ชิษณุพงษ์หมั่นไส้ขึ้นมาทันที “นั่นล่ะตัวดีเลย ไว้ใจได้ที่ไหน สรุปสั้นๆ ยังไงผมก็ไม่ไปครับ”
ชิษณุพงษ์ลุกหนี เจ้ามลุลีลุกตามมาขวาง เสียงดัง
“ไม่ไปไม่ได้ แม่ขอยื่นคำขาด เดือนหน้าลูกต้องไปอเมริกากับแม่”
เจ้าแสงโชติเดินเข้ามา สีหน้าไม่สู้ดี
“แม่ลูกส่งเสียงดังเอะอะ มีเรื่องอะไรกัน”
ทั้งสองหันไปดู เจ้ามลุลีรีบฟ้อง

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 9 วันที่ 4 มี.ค. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager