อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 10 วันที่ 26 ก.ย. 58

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 10 วันที่ 26 ก.ย. 58

“พ่อทำหน้าที่ดีที่สุดของคนเป็นพ่อแล้วนะ...งานอาจจะรวบรัดไปหน่อย แต่ก็ครบทุกพิธีกรรมและเป็นไปตามความเหมาะสมของเธอทั้งสองคน โดยเฉพาะสภาพร่างกายของคิมหันต์”

อรรถอนุญาตว่าหลังจากนี้ทั้งสองจะไปฮันนีมูนกันที่ไหน จัดงานฉลองให้ใหญ่โอ่อ่าอีกกี่ครั้งก็ทำได้ไม่มีปัญหา แล้วให้ทั้งสองจดทะเบียนสมรสกัน

“ผมขอพูดเป็นการส่วนตัวกับท่านก่อนได้ไหมครับ” คิมหันต์เอ่ย อรรถจึงให้พักตราไปนั่งคุยกับเจ้าหน้าที่ก่อน เดี๋ยวจะพาคิมหันต์ไปจดทะเบียนเอง



เมื่ออยู่กันตามลำพัง คิมหันต์ติงอรรถว่า

“ท่านทำอย่างนี้ไม่ได้ สิ่งที่ท่านทำทั้งหมดนี้มันเป็นแค่เปลือก มันเป็นงานแต่งที่ท่านอุปโลกน์ขึ้นมาอย่างชุ่ยๆ วันนึงผมก็ต้องหนีไปจากพักตราจนได้”

“นั่นมันเป็นเรื่องของอนาคต เพราะเมื่อวันนี้ฉันสร้างเปลือกห่อนายไว้แล้ว ฉันก็เชื่อว่าวันนึงข้างหน้า ลูกสาวของฉันจะสร้างเนื้อเยื่อภายในจนแข็งแกร่งขึ้นมาได้”

“ไม่มีทาง”

“อย่าดูถูกความรัก แล้วเธอจะรู้ว่าความรักสร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้เสมอ”

“แต่ผมไม่ได้มีความรักให้พักตรา”

“ฉันหมายถึงความรักที่เธอมีให้วิมลรัตน์ ฉันรู้ว่าเธอรักพี่สาวของเธอมาก มากจนทำให้เธอยังคงฝังใจเจ็บแค้นนายธาดาอย่างไม่มีวันลบเลือนได้...ฉันพูดผิดไหมล่ะ”

คิมหันต์นิ่งอึ้งอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ อรรถพูดต่อไปอย่างพยายามครอบงำความคิดเขาทีละน้อย...ทีละน้อย...

“การแก้แค้นเอาคืนยังเป็นความปรารถนาสูงสุดในใจนาย ยิ่งนายธาดาช้ำใจมากเท่าไหร่ นายก็ยิ่งมีความสุข มากเท่านั้น และใครล่ะที่มีผลต่อจิตใจของนายธาดามากที่สุด...เมื่อไหร่ที่มุกรินผิดหวัง นายธาดาก็แทบจะเจียนอยู่เจียนตายไปในทุกครั้ง เห็นรึยังว่านายกำลังได้โอกาสที่จะชำระสะสางความแค้นเคืองครั้งนี้อย่างสาสม”

ฟังอรรถแล้วสีหน้าคิมหันต์เครียดขึ้นเรื่อยๆ...

อรรถตอกย้ำต่อไปอย่างใจเย็น

“นายไม่จำเป็นต้องอยู่กับพักตราเพราะความรัก แต่นายจะอยู่กับพักตราได้เพราะความแค้น ฉันหยิบยื่นลูกสาวให้นายใช้ขนาดนี้ นายยังไม่ชอบอีกเหรอ”

คิมหันต์นิ่งแล้ว...นิ่งอีก...กับคำหว่านล้อมของอรรถ เขาหายใจลึกๆ เงยหน้ามองอรรถก่อนพูดว่า

“ท่านเอาลูกสาวมาเสี่ยงขนาดนี้...พักตราอาจจะต้องพบกับความผิดหวังที่สุดในชีวิตนะครับ”

“ฉันไม่กลัวการเสี่ยง เพราะทุกครั้งที่ฉันเสี่ยง ฉันไม่เคยแพ้...และอย่าลืมว่า ความรักสร้างปาฏิหาริย์ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความรักของใคร” อรรถไว้ลายทิ้งทวนแล้วเดินออกไป

ooooooo

ชุมสายยังคุยโทรศัพท์กับมุกรินอยู่อย่างร้อนใจ เขาบอกเธอว่า ตนเข้าไปดูในไอจีของพักตรา มีรูปบางอย่างที่น่าจะตอบคำถามได้ว่าตอนนี้คิมหันต์อยู่ที่ไหน

มุกรินนิ่ง เครียด ชุมสายเสนอว่าถ้าเธอพร้อมจะรับรู้ก็เข้าไปดูได้เลย รูปเพิ่งอัพโหลดเมื่อสิบห้านาทีแล้วนี่เอง

เมื่อมุกรินเข้าไปดูในไอจีของพักตรา ปรากฏรูปถ่าย “คิมหันต์-พักตรา” ในชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาว มันถูกแชร์และส่งต่อไปทั่วสังคมออนไลน์แล้ว! มุกรินเปิดดูภาพเหล่านั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่น้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะนั้นเองถวิลถือโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าคิมหันต์โทร.มา เธอรับโทรศัพท์ไปถือไว้ นิ่งอยู่นานจึงเอ่ยถาม

“คิมจะแก้ตัวยังไงกับมุกอีก คราวนี้...มุกเห็นรูปหมดแล้ว”

“ผม...ผม...” คิมหันต์พูดได้แค่นั้น...

“ดีใจด้วยนะคิม สวย หล่อด้วยกันทั้งคู่ ขอให้มีความสุขในชีวิตแต่งงานนะคิม และหวังว่าเราจะไม่ต้องเจอกันอีก ตลอดไป...”

“ผม...ผมขอโทษ...” คิมหันต์เอ่ยได้แค่นั้นแล้วปิดโทรศัพท์ทันที มุกรินน้ำตาไหลพราก เธอค่อยๆถอดแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายวงนั้นออก แล้วทิ้งตัวลงนั่งร้องไห้... ร้องอย่างหนัก ให้สาสมกับความเจ็บปวดสาหัสที่บาดลึกในชีวิต อย่างโดดเดี่ยว และวังเวง

ฝ่ายคิมหันต์ถูกพาตัวไปจดทะเบียนสมรสกับพักตรา พักตราโอบกอดเขาอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิต...

ขณะเดียวกัน... มุกรินขับรถออกจากบ้านคิมหันต์ไปอย่างเหม่อลอย น้ำตายังคงไหลเป็นสายอย่างไม่อาจหยุดได้...

ooooooo

กลับถึงบ้านแล้ว มุกรินนั่งซึมเศร้าน้ำตาไหลไม่หยุด จนดวงดาวเข้ามาถามว่าอยากทำอะไรมากกว่าร้องไห้ไหม หรืออยากเมาแบบคนรุ่นเก่าๆ เขาชอบทำกัน แต่คงไม่ถึงกับอยากฆ่าตัวตายนะ

มุกรินไม่ตอบคำถามใดๆ พูดลอยๆว่า “เขาแต่งงานแล้ว” ดวงดาวบอกว่าก็แค่ภาพโฆษณาชวนเชื่อ “จดทะเบียนสมรสกันด้วย” จดได้ก็หย่าได้ “ฉันรู้ลึกว่าตัวเองไร้ค่า ปัญญาอ่อน” ดวงดาวเตือนว่าพูดจาให้เป็นมงคลกับชีวิตดีกว่า

“ฉันกับเขาควรจะจบกันไปตั้งแต่วันที่เขาประกาศถอนหมั้นฉันแล้ว ฉันไม่ควรเลยเถิดจนต้องมาอยู่ในสภาพเป็นเมียน้อย เมียเก็บ แล้วสุดท้ายก็เป็นเมียที่ถูกทิ้ง” ดวงดาวถามว่ายอมรับอย่างสิ้นเชิงแล้วหรือ “ฉันยอมรับความจริง ควรจะเลิกหลอกตัวเองเสียที”

“เธอรู้ได้ยังไงว่าคู่โน้นเขาไม่ได้หลอกตัวเอง” มุกรินนิ่ง “หัวใจเป็นสิ่งเดียวที่หลอกกันไม่ได้ เราสองคนต่างกันตรงที่ ฉันเคารพหัวใจและไม่แคร์กับคำว่าเมียน้อย” พูดทิ้งไว้ให้คิดแล้วดวงดาวเดินออกไป มุกรินหยิบมือถือขึ้นโทร.หาปรารภเอ่ยเสียงสั่นเครือ ขอให้เขามาหาตนหน่อยได้ไหม

ooooooo

ส่งตัวเข้าห้องหอกันแล้ว พักตราถามคิมหันต์ที่นอนซึมอยู่บนเตียงว่า เขาพูดอะไรกับคุณพ่อก่อนที่เราจะจดทะเบียนสมรสกัน เล่าให้ฟังได้ไหม

“ผมกลัวว่าคุณจะไม่มีความสุขเมื่ออยู่กับผม” คิมหันต์นอนนิ่งพูดด้วยสีหน้าเลื่อนลอย พักตราบอกว่าตนมีความสุขมาก “มันเป็นภาพลวงตา แล้ววันนึงคุณจะรู้ว่าผมคือต้นเหตุแห่งความทุกข์ครั้งใหญ่ในชีวิตของคุณ”

พักตราสวนทันทีว่าไม่มีทาง ตนมีความสุข เขาก็ต้องมีความสุขที่สุดพร้อมๆกับตน ถ้าไม่เชื่อตนจะทำให้ดู แล้วเธอก็เล้าโลมเขาอย่างสุดกระสัน จู่ๆเธอก็กรีดร้องสุดเสียงเมื่อเธอเงยหน้าจากหน้าอกคิมหันต์ ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยเลือด!

พักตรารีบโทรศัพท์บอกอรรถว่าเลือดคิมหันต์ไหลออกมาอีกแล้ว เธอหันมองเขาที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เห็นเลือดไหลชุ่มผ้าพันแผลออกมา

เมื่อพาคิมหันต์กลับไปที่โรงพยาบาล หมอตรวจแล้วเอ่ยกับอรรถอย่างสุภาพว่า

“ด้วยความเคารพนะครับท่าน ผมต้องขออนุญาตตำหนิท่านในเรื่องการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์” อรรถอนุญาตให้ตำหนิตนแต่ถ้าไม่ใช่เพื่อความสุขทางใจอย่างนี้ตนจะไม่ยอมเสี่ยงเด็ดขาด “มันจะเสี่ยงน้อยลงครับถ้าบอกให้หมอทราบก่อน เราจะได้ส่งคนตามไปดูแลใกล้ๆได้”

แต่สองพ่อลูกไม่ได้ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่เกิดขึ้น พักตราพูดอย่างมีความสุขว่าถ้ามีงานตื่นเต้นอย่างนี้อีกตนจะแจกการ์ดเชิญคุณหมอเป็นคนแรกเลย คิมหันต์ถามหมอว่าตนยังต้องนอนโรงพยาบาลอยู่หรือเปล่า

“เพื่อความมั่นใจ หมอจะขอดูอาการที่นี่สักสองคืนแล้วกันครับ ถ้าแผลแห้งสนิทดี ไม่อักเสบก็กลับบ้านได้ แต่สองวันนี้ห้ามแว่บไปไหนอีกนะครับ”

“ขอรับรองด้วยเกียรติของนายพลครับ” อรรถตอบแทนเป็นการกระหนาบคิมหันต์ในที หมอจึงขอล้างแผลให้ก่อน ส่วนพักตราก็ไปดูห้องพักใหม่ให้คิมหันต์แล้วค่ำๆจะกลับไปเอาเสื้อผ้ามาเฝ้า

ooooooo

ดวงดาวจะออกข้างนอก เธอถามมุกรินว่าอยากได้อะไรไหม เห็นในห้องเงียบ ผลักประตูเข้าไป พบแต่ความว่างเปล่า มุกรินหายไปแล้ว!

พักตราออกมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินก็ได้รับโทรศัพท์จากดวงดาว แต่โทรศัพท์ของคิมหันต์อยู่กับเธอ พอกดรับพักตราทักอย่างเย้ยหยันว่า นึกว่าใคร...

ดวงดาวบอกว่าตนมั่นใจว่าไม่ได้โทร.ถึงเธอ พักตราพูดอย่างมีความสุขว่าสามีภรรยากันก็เหมือนคนคนเดียวกันอยู่แล้ว ถูกดวงดาวสวนว่าถ้าแต่งงานกันด้วยความรักตนเชื่อเช่นนั้น แต่ถ้าแต่งกันเพราะถูกอิทธิพลบังคับ มันไม่มีทางเป็นคนคนเดียวกันได้หรอก!

ดวงดาวเดินมาพลางโทร.หาชุมสายเพื่อให้เขาบอกคิมหันต์ด้วยว่ามุกรินหายไป ให้บอกด้วยว่า

“ถ้ายังรักมุกรินอยู่ก็รีบตามหาเธอให้เจอ เพราะยายมุกหายไปครั้งนี้ ท่าจะยาว”

ธาดาออกมายืนข้างหลังดวงดาวเขาได้ยินประโยคนี้ถึงกับหน้าเครียดทันที

ชุมสายถามดวงดาวว่าทำไมไม่บอกพี่ชายเขาล่ะ ดวงดาวบอกว่าตนคงคิดถึงเพื่อนเขามากกว่าพี่ชายมุกรินกระมัง

“มุกหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่” ธาดาถามเสียงดัง “แล้วดาวพูดโทรศัพท์กับใคร? ใครที่ดาวคิดถึงมากกว่าอา!”

ดวงดาวบอกว่าตนก็พูดไปอย่างนั้นเองเพราะกำลังเครียด ธาดาไม่ยอมย้ำถามว่าปลายสายเป็นใครผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วพาลหาว่าตนให้เธอดูแลมุกริน

แต่เธอมัวคิดถึงไอ้คนที่อยู่ในสายนั่นจนมุกรินหนีไปจากบ้านได้ไง

ธาดาเกรี้ยวกราดกับดวงดาวถามว่า ปลายสาย

เมื่อกี๊คือคิมหันต์ใช่ไหม เขาโกรธจนเริ่มยืนโงนเงนเหมือนจะล้ม ดวงดาวตกใจรีบประคองถามว่าอาเป็นอะไร เขาสะบัดออกบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้วเดินออกไป

ดวงดาวถามว่าจะไปไหน เขาบอกว่าจะไปตามหามุกริน ดวงดาวจะไปด้วยก็ถูกตวาดว่าไม่ต้อง ให้อยู่ที่บ้านและถ้ามุกรินกลับมาให้โทร.บอกด้วย

ooooooo

ธาดาไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูผลซีทีสแกนเมื่อสองสามวันก่อน หมอถามเขาว่าช่วงนี้มีอาการผิดปกติอะไรบ้างไหม ธาดาอึกอัก หมอย้ำว่า อาการที่ทำให้ เขากลับมาหาหมอน่ะ?

“อยู่ๆก็ปวดหัว มือสั่น ตาพร่า มองอะไรไม่ชัด ผมอยากรู้ว่าผมเป็นอะไร”

“คุณพร้อมที่จะฟังหมอไหมล่ะครับ คุณธาดา” หมอถามมองหน้าอย่างวัดใจ

จู่ๆบ่ายนี้ชุมสายก็ไปหาคิมหันต์ที่โรงพยาบาล เขาถามว่ารู้ได้ยังไงว่าตนอยู่ที่นี่ ชุมสายมองไปที่พักตราเธอบอกว่าเพราะเพื่อนเขาโทร.ตามหาไปทั่วตนเกรงจะมีเรื่องสำคัญกันจึงบอกไป ชุมสายต่อว่าคิมหันต์ ว่าแต่งงานทั้งทีทำไมไม่บอกเพื่อนเลย คิมหันต์ตอบกวนๆเซ็งๆ ว่าเพราะตนเป็นเจ้าบ่าวที่ไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียว

พักตราออกไปสั่งกาแฟให้ บอกชุมสายว่าให้เวลา ไม่เกินสิบห้านาทีตนจะกลับมา แล้วจะฟังจากคิมหันต์ว่าคุยอะไรกันบ้าง พอพักตราออกไป คิมหันต์เร่งให้ชุมสายรีบว่า มาหาตนเรื่องอะไร

“มุกรินหายตัวไป...ดวงดาวบอกว่าครั้งนี้คงไป จริงๆ... ไปแล้วไม่กลับมาง่ายๆ” คิมหันต์ถามว่าเธอไปไหน “ไม่มีใครรู้ถามจริงๆนะ แกนึกห่วงคุณมุกบ้างไหม” คิมหันต์นิ่งเงียบ “ฉันชักจะเชื่อแล้วว่า คุณมุกโชคดีที่ได้หลุดพ้นจากคนอย่างแกเสียทีไอ้คิม”

เมื่อชุมสายกลับไปแล้ว คิมหันต์โทร.หาดวงดาว ถามว่ามุกรินอยู่ไหน ดวงดาวตอบกวนๆตามประสาว่า

“ฉันควรจะเป็นคนถามคุณมากกว่า เพราะทุกทีที่มุกหายไปก็มีแต่ไปอยู่กับคุณนั่นแหละ พ่อรูปหล่อ” คิมหันต์บอกว่าเธอไม่ได้อยู่กับตน “ฉันถึงเชื่อว่าคราวนี้เรื่องใหญ่ไง แหม...เล่นนัดให้เขาไปรอแล้วหนีไปแต่งงานอย่างนี้ ใครจะทำใจได้”

คิมหันต์ตัดบทว่ารู้ไหมว่าจะตามหามุกรินได้ที่ไหน ดวงดาวย้อนว่าตอบให้ชื่นใจหน่อยได้ไหมว่าจะตามหามุกรินเพื่ออะไร คิมหันต์เร่งให้รีบบอก ดวงดาวเดาได้ถามว่า เมียกำลังมาหรือ พอเขาบอกว่าใช่ เธอบอกว่า

“คำตอบก็คือ ไม่รู้ แต่อะไรบางอย่างบอกให้ฉันรู้ว่า คุณกำลังจะเสียเธอไป เสียดายไหมล่ะ...ช่วยไม่ได้ อยากใจคอโลเลดีนักนี่” คิมหันต์ถามว่าธาดารู้ไหมว่ามุกรินหายไป “รู้...นี่ก็ออกไปตระเวนตามหาน้องสาวอยู่ข้างนอกตามที่ที่เขาคิดว่าคุณอยู่ มั่นใจว่าตอนนี้กำลังพุ่งไปหาคุณ”

ธาดาไปที่บ้านพักตรา ถามว่าคิมหันต์อยู่ไหน พักตราตวาดว่า “ไม่บอก!” แล้วถามเย้ยว่า “ฉันขอเดาว่า แกกำลังตามหาน้องสาวอยู่ใช่ไหม ยัยน้องสาวตัวดีของแกนี่ชอบหนีออกจากบ้านจริงๆเลยนะ”

ธาดาบอกว่าเพราะคู่หมั้นของเธอนั่นแหละ พักตราสวนทันควันว่า สามี เพราะเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว

“ดี!”

“แน่นอน เพราะฉะนั้น ถ้ายายมุกรินหายตัวไปก็กรุณาไปตามหาที่อื่น ไม่ใช่เอะอะก็จะเหมาว่ามาอยู่กับผัวฉันตลอด อย่างนี้มันก็เกินไป...หัดคิดอย่างอื่นเสียบ้างหรือว่าไม่มีสมองจะคิด มะเร็งกินกบาลรึไง”

ธาดานิ่ง เครียด เส้นเลือดที่หัวบวมเป่ง ในขณะที่พักตราตะโกนสั่งคนใช้ให้ปิดประตูรั้ว!

ooooooo

ธาดาเครียดจัด ระหว่างขับรถกลับไป เขาคิดถึงผลการทำซีทีสแกนที่หมอแจ้งเมื่อตอนบ่ายอย่างเครียดจัด

หมอแจ้งว่า ผลการทำซีทีสแกนว่าพบก้อนเนื้อบริเวณสมองส่วนหน้า แต่ยังไม่ชัดเจนพอที่จะบอกได้ว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ ต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเพิ่มเพื่อจะได้วางแผนการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป ถ้าเป็นเนื้อร้ายก็ต้องผ่าตัดออกควบคุมการกระจายด้วยการฉายรังสี และเคมีบำบัด ธาดาถามอย่างกังวลว่าแล้วมันจะหายไหม?

“หมอคงต้องพูดกับคุณตรงๆนะคุณธาดา มะเร็งสมองมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำค่อนข้างสูง หมอบางคนอาจใช้คำว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ”

คิดถึงอาการป่วยของตนแล้ว ธาดายิ่งเครียดโทร. หามุกรินอีกได้รับแต่เสียงปลายสายให้ฝากข้อความ เขา พึมพำเสียงเครือ...

“มุก...กลับบ้านเถอะ พี่มีเวลาเหลือไม่มากนัก... กลับมาหาพี่เถอะนะ มุก...”

ooooooo

ไม่มีใครที่จะตามหามุกรินได้เจอ เพราะปรารภพาเธอไปพักที่บ้านสวนของเขามีน้าแป๋วแม่บ้านที่ปรารภบอกว่าเป็นคนเก่าแก่ที่ตนถือเสมือนแม่คนหนึ่งอยู่คอยดูแล

มุกรินเห็นรูปเด็กชายน่ารักสองคนกอดกันกลมกับผู้เป็นแม่ใส่กรอบวางไว้บนหลังตู้ อีกภาพมีปรารภร่วมกอดอยู่ด้วย พอค่ำๆเขาโทร.มาถามว่าอยู่ได้ไหม นัดพรุ่งนี้จะแวะไปหา และจะพาทโมนสองตัวไปให้ดูด้วย เอ่ยกู๊ดไนท์แล้ววางสาย

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น มุกรินยังไม่ตื่นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูที่หน้าห้อง พอเปิดประตูเธอเห็นเด็กชายวัยน่ารักสองคนยืนอยู่ จำได้ว่าคือเด็กสองคนในรูปถ่ายนั่นเอง

ทั้งสองแนะนำตัวอย่างน่ารัก คนโตบอกว่าตนชื่อโจ๊ก คนเล็กบอกว่าตนชื่อ แจ็ค แล้วโจ๊กก็พูดจ๋อยๆว่าพ่อให้มาตามไปกินข้าว แจ็คพูดต่อว่า “คุณมีเวลาสามสิบนาที เพราะวันนี้พ่อสัญญาว่าจะพาเราไปเขาใหญ่”

โจ๊กอวดว่าพ่อจะพาไปดูช้าง แจ๊คแย้งว่าไปดูกวาง สองพี่น้องโต้กันอย่างน่ารัก แจ็คบอกว่า ช้างขี้อายไม่ยอมให้ใครดู เดี๋ยวมันเหยียบรถเรา ดูกวางดีกว่า โจ๊กหยอกน้องว่าไม่ให้ดูช้างงั้นดูแจ็คก็ได้หุ่นเหมือนช้างเลย แล้ววิ่งไล่กันไปอย่างร่าเริง

มุกรินยิ้มสดใสกับความน่ารักของโจ๊กและแจ็ค...

ooooooo

หมอมาตรวจแผลของคิมหันต์แล้วแจ้งว่า แผลแห้งดีขึ้นมากแล้ว ไม่มีอาการบวม อักเสบแล้วพรุ่งนี้ก็น่าจะกลับบ้านได้ แต่ให้ระวังอย่าทำอะไรที่ กระทบกระเทือนบริเวณรอบๆแผลเท่านั้นเอง

พักตราดีใจ ชวนคิมหันต์ถ่ายรูปบอกให้เขายิ้มเพื่อจะได้ให้ใครๆเห็นว่าถึงจะอยู่โรงพยาบาลก็ยังมีความสุข คิมหันต์จึงขอยืมโทรศัพท์โทร.หาชุมสายบอกว่าจะถามเรื่องฟ้องอุทธรณ์ พักตราจึงยอมให้ใช้

พอคิมหันต์โทร.ไป ชุมสายสาธยายการยื่นฟ้องอุทธรณ์ยาวเหยียดแล้วเดาใจว่า

“ฉันว่าที่แกโทร.มาเนี่ย แกไม่ได้อยากรู้เรื่องนี้หรอก” คิมหันต์ตอบสั้นๆว่าใช่เพราะพักตรานั่งปอกผลไม้อยู่ใกล้ๆ

“เข้าใจ...ถ้าได้ความยังไงรีบส่งข่าวเลยนะเพื่อน”

ชุมสายรับคำบอกว่าตอนนี้คนที่อยากรู้เรื่องเหมือนเขามารอตนอยู่ที่นี่แล้ว เขามองไปทางธาดาที่นั่งรออยู่ในห้องรับรองชั้นล่าง คิมหันต์บอกให้เร่งมือหน่อยแล้ววางสาย พักตราถามว่ามีอะไรน่ากังวลไหม

“ไม่มี...ผมมั่นใจในตัวไอ้ขุม” คิมหันต์ตอบสั้นๆ ตัดปัญหา

ooooooo

วางสายจากคิมหันต์แล้ว ชุมสายลงไปหาธาดา ทำทีคิดว่าเขามาปรึกษาเรื่องคดีความ ธาดาตัดบทว่า

“ฉันมาหาเพื่อนนาย ฉันอยากรู้ว่าน้องสาวฉัน อยู่ไหน ไอ้คิมหันต์มันเป็นตัวการใช่ไหม มันเอาตัวมุกไปแอบไว้ใช่ไหม บอกมาเดี๋ยวนี้” ธาดากระชากคอเสื้อชุมสายไปตะคอก

“อยากโดนฟ้องอีกคดีรึไง” ชุมสายถามพลางแกะมือธาดาออกจากคอเสื้อ “น้องสาวคุณไม่ใช่เด็กๆแล้วนะครับ...ถึงไอ้คิมหันต์มันจะทำอย่างนั้น คุณคิดว่าน้องคุณจะยอมให้ฉุดง่ายๆหรือ นอกจากว่าเธอจะสมยอมด้วยเท่านั่นแหละ” ธาดานิ่งไป “เคยลองมองตัวเองบ้างไหมว่าทำอะไรให้น้องสาวผิดหวังบ้างรึเปล่าก่อนที่จะไปโทษคนอื่น”

ธาดาลุกเดินคอตกออกไปจากสำนักงานกฎหมายบูรพาไปอย่างผิดหวัง...

วันนี้ธาดาไปร้านอาหารที่ดวงดาวร้องเพลงตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด ดวงดาวมองเขาอย่างสังเกต ทักว่า

“วันนี้อามาแปลกแฮะ แปลกที่หนึ่ง นี่เป็นเวลาที่อาไม่เคยมา สอง...อาไม่ได้กินเหล้ามา ไม่มีกลิ่นเลยสักนิด แปลกที่สาม อาหน้าเศร้ากว่าทุกครั้ง” ธาดาบอกว่า ตนไม่รู้จะไปไหน ดวงดาวเพิ่มให้ว่า “เป็นความแปลกข้อที่สี่”

“อานั่งรออยู่ตรงนี้นะ เสร็จงานแล้วกลับบ้านพร้อมอาได้ไหม”

“ได้สิ แต่อาต้องทนฟังหนูร้องเพลงสี่รอบเลยนะ กว่าร้านจะปิด” ธาดาบอกว่าไม่มีปัญหา “หรืออาจะขึ้นมาแจมกับหนูบนเวทีก็ได้นะ” ดวงดาวชวนให้เขาผ่อนคลาย แล้วลุกจะขึ้นเวที

“ดาว...จำที่สัญญากับอาไว้ได้ไหม” ธาดาถามดวงดาวหยุดคิดยิ้มน้อยๆก่อนบอกว่าจำไม่ได้ ธาดา ทบทวนให้ฟังว่า “ถ้าดาวจะไปจากอา...รอให้อาตาย ก่อนนะ” ดวงดาวหัวเราะเบาๆแล้วเดินขึ้นเวที

อึดใจเดียวธาดาก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องเสี่ยอ๋า เขาตอบเนือยๆว่า

“ไม่ว่าง...บอกเสี่ยอ๋าด้วยว่าวันนี้ฉันยังไม่พร้อม” แล้วกดปุ่มตัดสายทันที เขานั่งเครียด ถอนใจออกมาแรงๆกับปัญหาทุกอย่างที่รุมเร้าเข้ามาอย่างรุนแรง...

ooooooo

มุกรินอยู่ที่บ้านสวนของปรารภ ดูโจ๊กกับแจ๊คเล่นอย่างสนุกสนานประสาเด็ก และปรารภก็ดูแลลูกอย่างดี เธอยิ้มด้วยความรู้สึกดี จนปรารภเอ่ยอย่างสบายใจว่าไม่ได้เห็นเธอยิ้มอย่างนี้มานานแล้ว

มุกรินบอกว่าต้องขอบคุณน้องโจ๊กกับน้องแจ๊ค ปรารภเปรยๆว่าเธอพูดอย่างนี้ทำให้ตนเก็บเอาไปคิดได้ไกลเลย มุกรินตอบอย่างรู้ความหมายว่าอย่าคาดหวังหรือเอาแน่กับตนนักเลย

“พี่รู้จ้ะ พี่ถามจริงๆนะ มุกแน่ใจเหรอว่าวิธีนี้ถูกต้องแล้ว” มุกรินถามว่าวิธีไหนหรือ “ปิดโทรศัพท์ ปิดการสื่อสารทุกทาง ไม่ยอมรับรู้เรื่องราวอะไรทั้งสิ้น ทำไมเราต้องเป็นฝ่ายหนีล่ะ มุก...หนีทั้งๆเราไม่ได้ทำผิด ยายนั่นตั้งใจเย้ยมุก เขาจงใจโพสต์รูปลงไอจีทุกวัน ทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็โพสต์ ยิ่งเราหนีเขาก็ยิ่งได้ใจ แล้วอย่างนี้เราไม่ต้องปิดหูปิดตาตัวเองไปทั้งชีวิตหรือ”

“ไม่มีวิธีอื่นดีกว่านี้แล้วค่ะ ถ้ายังรับรู้เรื่องของเขา มุกก็คงตัดใจไม่ได้” ปรารภถามว่าแน่ใจหรือว่าต้องการตัดใจจากเขาจริงๆ? “ค่ะ...และมันต้องเริ่มต้นที่ตัวมุกเอง”

“โอเค...งั้นพี่เอาใจช่วยนะ เดี๋ยวพี่จะไปส่งเจ้าโจ๊กแจ๊คที่บ้านแม่เขา แล้วก็กลับคอนโด ขอถามอีกครั้ง มุกอยู่ได้นะ”

“ค่ะ...ถ้าพี่รภยังยอมให้อยู่”

“พี่อยากให้มุกอยู่ที่นี่ตลอดไปด้วยซ้ำ” ปรารภพูดเรียบๆ แต่แฝงความหมายให้คิด

ooooooo

ร้องเพลงเสร็จ ดวงดาวกับธาดากลับถึงบ้านพัก เธอสังเกตเห็นเขาเซื่องซึมผิดปกติ ถามว่าปวดหัวรึเปล่า เขาบอกว่าไม่ต้องห่วงตนมียาแก้ปวด

“ทำไมอาไม่ยอมไปหาหมอ...ที่ทำสแกนสมองคราวก่อน อาก็ยังไม่ยอมไปฟังผล...งอแงเหมือนเด็กๆ เลยนะอา”

ธาดาไม่ตอบ เขาลุกเดินเข้าห้องนอนไปหงอยๆ ดวงดาวได้แต่มองตามไปด้วยความเป็นห่วง

เมื่ออยู่ลำพังคนเดียว ธาดาก็คิดถึงข้อวินิจฉัยอาการป่วยของตนที่หมอแจ้งเมื่อตอนบ่าย ที่ดูเหมือนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการผ่าตัด คิดแล้วก็มีแต่ความกังวลใจ

ดวงดาวเข้ามานอนข้างๆ บ่นว่าน้ำก็ไม่อาบ ธาดาถามว่าตนตัวเหม็นหรือ ดวงดาวไม่ตอบ ต่างนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ธาดาจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ

“ร้องเพลงให้อาฟังหน่อยสิ”

“อยู่ที่ร้านทั้งคืน อาไม่ได้ฟังดาวเลยเหรอ”

“อาอยากฟังคนเดียว...” ดวงดาวจึงร้องเพลงรักเศร้าๆให้ฟัง

คืนนี้ทั้งคู่นอนด้วยกันอย่างมีความสุข...แม้ธาดาจะมีความเศร้าฝังอยู่ในใจ...

คิมหันต์ยังหาวิธีที่จะติดต่อดวงดาวเพื่อรู้ข่าวมุกริน คืนนี้เขาเอามือถือซ่อนไว้ใต้ผ้าห่มแอบส่งข้อความถึงดวงดาวถามข่าวคราวของมุกริน

ระหว่างนั้นพักตราเข้ามาฉอเลาะว่าถ้าเตียงใหญ่กว่านี้ตนจะขึ้นไปนอนกอดเขาทั้งคืนเลย แล้วถามว่า

“คิมรู้ไหมว่ายัยมุกหายตัวไป...อีกแล้ว” เขาทำเป็นไม่รู้ “เขาคงทำใจไม่ได้ที่เราแต่งงานกัน พ่อบอกว่า คิมจะยิ่งดีใจที่ยายมุกเป็นอย่างนั้น จริงรึเปล่าคะคิม” เขาตอบอย่างเสียไม่ได้ว่าครับ “งั้นคิมพูดให้พักตร์ชื่นใจหน่อยได้ไหมคะว่าคิมไม่เหลือที่ว่างในหัวใจให้ยายมุกอีกต่อไปแล้ว”

คิมหันต์นิ่งเงียบ เธอคาดคั้นว่าพูดไม่ได้หมายความว่า???

“เรื่องระหว่างผมกับเขากับเรื่องระหว่างผมกับคุณ มันไม่เกี่ยวกัน”

“ไม่เกี่ยวไม่ได้หรอกค่ะ เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว เรื่องระหว่างคิมกับเขาต้องจบไม่ว่าจะแง่มุมไหนก็ตาม”

“คุณบังคับผมไม่ได้หรอกพักตรา...ต่อให้พ่อคุณด้วย”

“พักตร์จะไม่บังคับคิม แต่พักตร์จะทำให้คิมได้เห็นสักวันว่า ยายนั่นรักคิมไม่ถึงครึ่งที่พักตร์รักหรอกค่ะ”

พูดแล้วพักตราขอไปนอน คิมหันต์ค่อยๆแอบดูมือถือที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม ปรากฏว่าไม่มีคำตอบจากดวงดาว...เขาเก็บมือถือไว้ใต้ผ่าห่มอย่างผิดหวัง...

ooooooo

วันนี้ปรารภเข้าไปที่บริษัท เขาประกาศลาออกจากบริษัทด้วยถ้อยคำที่จับใจ

“ห้าปีกว่าแล้วนะ ที่ผมอยู่นี่ นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มตอกเสาเข็มสร้างอาคารจนมาถึงวันนี้...”

เขามองพนักงานกว่ายี่สิบคนที่นั่งฟังเขาพูดอยู่อย่างตั้งใจ...

“ผมได้พบลูกน้องมากหน้าหลายตา บางคนอยู่กับผมมาตั้งแต่ปีแรก...บางคนเพิ่งเข้ามาเจอกันไม่กี่ปีหลัง แต่ผมบอกได้เลยว่า ผมผูกพันกับลูกน้องทุกคน ไม่ว่าจะทำงานกับผมมานานแค่ไหน ผมผูกพันกับบริษัท ผูกพันกับทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ แต่ไม่มีใครปฏิเสธความเปลี่ยนแปลงได้... และวันนี้ ผมได้เดินมาถึงทางแยกแล้ว...ต้องขอบคุณน้องๆทุกคนที่เคยช่วยเหลือร่วมงานกันมาตลอด ขอให้ทุกคนก้าวหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็งและถ้าวันใด ที่นี่ไม่เป็นที่สบายใจของน้องๆในวงเล็บนะ โทร.หาพี่ได้ทุกเวลา... ขอบคุณครับ”

ปรารภเดินออกจากห้องประชุม มีพนักงานเดินตามออกมาห่าง ธาดาที่มายืนรออยู่แถวหน้าห้องประชุม รี่เข้าไปหาทันทีถามว่า รู้ใช่ไหมว่ามุกรินหายไป พอจะรู้ไหมว่าตนจะไปตามหาเธอได้ที่ไหน เผื่อเขาจะรู้ว่าส่งเธอไปทำงานที่ไหน ปรารภบอกว่ามุกรินลาออกจาก
บริษัทไปแล้ว

“ผมนึกว่าคุณยังจ้างเป็นฟรีแลนซ์อยู่”

“เสียใจจริงๆครับ ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก เพราะผมก็เพิ่งลาออกจากบริษัทนี้เหมือนกัน”

ooooooo

พักตราได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าปรารภลาออกจากบริษัทแล้ว เธอเข้าไปบอกคิมหันต์ในห้อง ตั้งข้อสังเกตว่า

“น่าแปลกนะ ยายมุกลาออกไปได้ไม่กี่วัน นายปรารภก็ลาออกตาม เอ...สงสัยว่าจะเป็นอย่างที่พักตร์คิดแล้วล่ะคิม” ท้าเขาว่า “เราลองมาเสี่ยงกันเล่นๆ เอาไหมคะคิม...เดิมพันกันด้วยที่ว่างในหัวใจ”

เวลาเดียวกันที่บ้านสวนของปรารภ ปรารภส่งเสียงแจ่มใสร่าเริงเข้ามา...

“ผมกลับมาแล้วคร้าบ...ใครๆอยู่ไหนกันหมด... มุก...น้าแป๋ว...” มุกรินเดินออกมาด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้น ถามทึ่งๆว่าหิ้วอะไรมาเยอะแยะ ปรารภตอบอย่างร่าเริงว่า “อาหารค่ำ สำหรับเราครับ”

มุกรินทำหน้างงว่าทั้งหมดเนี่ยนะ? ปรารภชูถุงของสดขึ้นบอกอาหารชื่อต่างประเทศมา 5-6 อย่าง มุกรินทำหน้าสยอง เขาบอกว่ารู้ว่าเธอไม่กินอาหารเย็นและตนก็ไม่คิดจะกิน พูดอย่างมีความสุขว่า

“คุณค่าของอาหารเย็นสำหรับพี่ อยู่ที่การทำไม่ใช่การกิน พี่มีความสุขที่ได้ทำอาหารเย็นกับคนพิเศษอย่างมุก แค่นั้นแหละ เสร็จแล้วก็เอาไปแจกเพื่อนบ้านแถวนี้ หรือไม่ก็เอาไปฝากเจ้าโจ๊กเจ้าแจ๊คดีไหม...เราจะได้ไม่อ้วน”

พอดีน้าแป๋วเดินมา ปรารภฝากน้าแป๋วเอาของไป เก็บ บอกว่าค่ำๆจะมาลงมือเองไม่ต้องห่วง พอน้าแป๋วหิ้วถุงอาหารออกไป ปรารภก็นั่งลงข้างๆมุกรินท่าทางสบายๆ ถามว่าวันนี้เธอทำอะไรบ้าง? เธอบอกว่าอยู่นิ่งๆ อ่านหนังสือ ตนไม่ได้อยู่อย่างนี้มานานแล้ว

“วันหลังพี่จ้างมุกมาอยู่นิ่งๆ ท่าจะดี” มุกรินถามว่าดียังไง? “มันทำให้มุกดูสดชื่นขึ้น พี่ก็พลอยสดชื่นไปด้วย”

“พี่จะเสียตังค์เปล่าๆ ไม่ได้อะไรน่ะสิคะ เอ้อ...

วันนี้มีคนมาขอซื้อบ้านพี่รภนะคะ เขาว่าอยากได้มาก ราคาเท่าไหร่ก็สู้ มุกก็เลยบอกให้เขามาใหม่ตอนเย็น”

ปรารภถามว่าแล้วเขาเข้ามาในบ้านได้ยังไง พอมุกรินบอกว่าน้าแป๋วเปิดประตูให้ เขาเลยบ่น

“อย่างนี้ทุกทีเลยน้าแป๋ว จะขายบ้านได้ยังไง พี่จะใช้ที่นี่เป็นออฟฟิศใหม่ของเรา พี่ยื่นจดหมายลาออกจาก Fast Track แล้วนะ อาทิตย์หน้าบริษัท MVP ของเราก็น่าจะจดทะเบียนเสร็จเรียบร้อย ตื่นเต้นไหม”

ทันใดนั้นเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น มุกรินสงสัยว่าคนซื้อบ้านจะมาแล้ว ปรารภจะรีบไปห้ามน้าแป๋วเพราะตอนนี้ตนยังไม่มีอารมณ์จะคุยกับคนแปลกหน้า เขารีบลุกไปทางหน้าบ้าน


อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 10 วันที่ 26 ก.ย. 58

ละครรอยรักแรงแค้น บทประพันธ์โดย ชลาลัย
ละครรอยรักแรงแค้น บทโทรทัศน์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น กำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น ผลิตโดย บริษัท สามัญการละคร จำกัด
ละครรอยรักแรงแค้น ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น.
ติดตามชม ละครรอยรักแรงแค้น ได้ทางทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ