อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 9 วันที่ 20 ก.ย. 58

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 9 วันที่ 20 ก.ย. 58

ไร่นวลตะวันมีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยี่ยมเยียนแต่เช้า แม้นวลกับธงไทยจะไม่สบายใจนักกับการมาครั้งนี้ของนันทวัฒน์กับมยุริญ แต่ก็จำเป็นต้องให้ตะวันไปพบและพูดจากับนันทวัฒน์ตามลำพังที่ระเบียงบ้าน

“พี่เข้าใจและคงจะไม่เซ้าซี้ ถ้าปรางค์จะไม่กลับไปกับพี่ พี่เพียงแต่อยากจะขอโทษในสิ่งที่พี่ทำลงไป พี่รู้ว่ามันแย่มาก แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะพี่รักปรางค์มาก พี่ไม่เหลือโอกาสแล้วหรือปรางค์ ให้โอกาสพี่อีกครั้งไม่ได้เหรอ” นันทวัฒน์เห็นเธอนิ่งไม่ตอบ พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเดินคอตกลงไปหามยุริญที่นั่งรออยู่ด้านล่าง

พอมยุริญเห็นเขาเดินหน้าเศร้าเข้ามาก็รู้ทันทีว่ากล่อมตะวันไม่สำเร็จ เข้าไปจับแขนเขาเบาๆอย่างปลอบใจ ตะวันแอบมองลงมาจากระเบียงบ้าน ไม่ค่อยชอบใจนัก



ที่เห็นอีกฝ่ายแสดงความห่วงใยนันทวัฒน์ และที่สำคัญเมื่อคืนนี้เธอเพิ่งถูกธงไทยปฏิเสธ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง

มยุริญปล่อยมือจากนันทวัฒน์แล้วถอยออกห่าง แต่ไม่ทันระวังสะดุดรากไม้จะล้ม เขาคว้าเธอไว้ในอ้อมกอดได้ทัน ตะวันมองภาพตรงหน้าเขม็ง พลันแววตาของเธอเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวรีบลงไปบอกนันทวัฒน์ว่าจะให้โอกาสเขาแก้ตัวอีกครั้ง ชายหนุ่มถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหูว่าเมื่อครู่นี้เธอพูดอะไร

“ฉันจะกลับไปกับคุณ”

ธงไทยมาทันได้ยินพอดีตัดพ้อว่าจะกลับไปทำไม ตะวันหันมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าจนเขาใจแป้ว

ooooooo

คืนแรกที่กลับมานอนบ้านวัฒนา ตะวันฝันถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งยังเป็นปรางค์ทอง แม้ภาพในฝันจะเป็นภาพสั้นๆไม่ต่อเนื่องกัน แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงวัยเด็กอันขมขื่นของตัวเองที่มีพ่อชาวต่างชาติซึ่งเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจเอาแม่กับเธอมาขายซ่อง ทรงพลพ่อคนใหม่ช่วยซื้อตัวสองแม่ลูกออกมาและเลี้ยงดูอย่างดี

เธอกับเปลวอาศัยอยู่กับทรงพลอย่างมีความสุขจนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้รับหมายศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย ทรงพลตะโกนอย่างบ้าคลั่ง จนเปลวตกใจรีบเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“หมดแล้วเปลว ชีวิตฉันไม่เหลืออะไรแล้ว” ทรงพลกอดเปลวไว้อย่างต้องการที่พึ่ง ด.ญ.ปรางค์ทองแอบมองอยู่ห่างๆด้วยความสงสาร จากนั้นเป็นต้นมา ด้วยความแค้นที่อัดแน่น ทรงพลฝึกศิลปะการต่อสู้ทุกแขนงให้ปรางค์ทองตั้งแต่เล็กจนโต หวังจะให้เธอแก้แค้นพวกที่ทำกับเขาให้สาสม ปรางค์ทองในคราบตะวันนอนกระสับกระส่าย ก่อนจะรู้สึกตัวลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ เห็นทรงพลยืนอยู่ปลายเตียงท่ามกลางความมืดสลัว

“แก้แค้นให้พ่อนะลูก แก้แค้นให้พ่อ”

ภาพเบลอๆของทรงพล ทำให้ตะวันไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นเป็นแค่ความฝันหรือเป็นเรื่องจริง

ooooooo

ตะวันลงมาเตรียมอาหารเช้าตั้งแต่ไก่โห่เช่นเคย อึ่งทักท้วง ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ปกติเธอทำเองได้อยู่แล้ว

“ให้ตะวันทำเถอะค่ะ แบบนี้สบายใจกว่าค่ะ”

กันเกราแอบมองอยู่หน้าห้องครัว พลางถอนใจ ผู้หญิงที่เธอเห็นขณะนี้ต่างจากนังงูเห่าที่เธอเคยรู้จักราวกับเป็นคนละคน แล้วเดินกลับไปที่ห้องรับแขกด้วยสีหน้าครุ่นคิด นันทาหันมาเห็นเธอเข้า ก็โวยวายว่านังงูเห่านั่นกล้ากลับมาได้อย่างไร ท่านเจ้าสัวยังนอนอยู่โรงพยาบาลแท้ๆ ไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไรบ้างเลยหรือ

เธอแนะนันทาลองให้โอกาสตะวันดูบ้าง นันทาถึงกับปรี๊ดแตกเล่นงานกันเกรายกใหญ่ที่ใจอ่อน รู้ไม่เท่าทันคน ชีวิตถึงต้องมาจมปลักอยู่ที่นี่ไม่มีทางไป กันเกราน้อยใจแต่เดินน้ำตาซึมออกมา นันทารู้สึกตัวว่าพูดรุนแรงเกินไป ตามมาขอโทษเธอที่เวลาตัวเองโมโหก็มักจะพูดอะไรไม่ยั้งคิด

“พี่เสียใจที่พูดจาทำร้ายน้ำใจเธอ พี่แค่รู้สึกน้อยใจว่านังนี่มันกำลังจะเอาคนรอบตัวพี่ไปหมด แม้แต่หนูยุริญยังหลงกลมัน แล้วนี่เธอยังจะเอนเอียงไปอีกคน”

“เวลาคนเราโมโหมักจะพูดจาขาดสติแบบนี้ น้องเข้าใจ แต่น้องแค่อยากเตือนสติคุณพี่เท่านั้น อย่าให้อารมณ์ความโกรธ ความโมโหมันมาทำลายความดีงามทุกอย่างของเรา...เราลองอโหสิและให้โอกาสเธอสักครั้งไหมคะคุณพี่ มันอาจทำให้บ้านเราสงบขึ้นก็ได้นะคะ”

นันทาพยักหน้าเหมือนจะยอมทำตาม แต่พอกันเกราไปพ้นสายตาเท่านั้น สีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว “แกทำฉันเอาไว้มาก จะให้อภัยกันง่ายๆเหรอ ไม่มีทาง”...

อีกมุมหนึ่งของบ้าน ตะวันพยายามหาอะไรทำเพื่อไม่ให้อยู่ว่าง จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน เนื่องจากกลับมาคราวนี้ ธงไทยไม่ได้มาด้วย เธอทำงานเพลินไม่ทันดูข้างหลัง ถอยชนพิชิตที่ยืนอยู่ เธอขอโทษเขา แล้วขยับจะไป เขากลับคว้าตัวไว้แล้วดันติดกำแพง ตะวันตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ขอร้องให้ปล่อย

“เธอเป็นบ้าอะไร กลับมาทำไมอีก หรือว่าลืมบรรดาผัวเก่าไม่ลง ขอบอกนะว่าที่นี่ไม่มีใครเขาสนใจผู้หญิงเลวๆอย่างเธอแล้ว... คุณวัฒน์ไม่ได้โง่ เขามีคุณยุริญแล้ว ที่นี่ไม่มีใครต้องการเธอ” คำพูดของเขาปลุกปีศาจในตัวเธอขึ้นมา ซึ่งมันมีอำนาจเหนือการควบคุม เธอจ้องตาพิชิตด้วยสายตาท้าทายพร้อมกับขยับเข้าหา

“แน่ใจเหรอว่าไม่มีใครต้องการฉัน...แน่ใจนะว่านายไม่ต้องการฉัน” ตะวันเห็นเขาเริ่มเหงื่อตกและปล่อยมือที่เกาะกุมเธอไว้ แถมขยับตัวออกห่าง ก็ยิ่งสนุก

รุกไล่เขาหนักข้อขึ้น “เห็นไหมว่านายมันไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก เพราะนายรักฉัน พิชิตคนดีของฉัน นายเคยทำทุกอย่างเพื่อฉันไม่ใช่หรือ”

พิชิตผลักเธอออกห่าง “ไม่จริง ฉันไม่เคยรักเธอเลย แล้วก็ไม่เคยทำอะไรเพื่อเธอด้วย”

“จริงเหรอ แล้วที่มันเกิดขึ้นล่ะ คืออะไร” ไม่พูดเปล่า ตะวันลูบไล้ใบหน้าพิชิตไปด้วย เขาโมโหจนขาดสติ คว้าคอเธอบีบ เธอกลับไม่ยี่หระ ยังคงยิ้มยั่วยวนให้ เขายิ่งโกรธ ออกแรงบีบหนักมือขึ้นจนเธอหายใจไม่ออก แววตาของเธอเปลี่ยนจากท้าทายเป็นหวาดกลัว พยายามร้องขอชีวิต แต่เขาไม่สนใจ

จังหวะนั้นนันทวัฒน์ผ่านมาเห็นพอดี สั่งให้พิชิตปล่อยมือ แต่เขาหน้ามืดไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น นันทวัฒน์ต้องต่อยหน้าหนึ่งหมัด เขาถึงยอมปล่อยมือ

ตะวันทรุดฮวบลงกับพื้นสลบเหมือด ครู่ต่อมาเธอถูกนำตัวมาวางบนโซฟาในห้องรับแขก กันเกรารู้เรื่องที่เกิดขึ้นก็ต่อว่าพิชิตว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย เขาได้แต่ยืนก้มหน้าไม่ตอบ นันทวัฒน์ฉุนขาดจะเข้าไปเอาเรื่อง แต่นันทาขวางไว้ อ้างพิชิตไม่ได้ทำอะไรผิด

“มันเป็นคนอื่นแท้ๆ ยังรู้จักดูแลครอบครัวของเรา อย่างน้อยมันก็แยกดีแยกชั่วได้”

“คุณพี่คะ คุณพี่จะปล่อยให้มีการเอาชีวิตกันในบ้านนี้หรือคะ น้องรับไม่ได้นะคะ...พิชิต ทีหลังอย่าให้มีเรื่องแบบนี้อีก”

พิชิตพยักหน้ารับคำ นันทวัฒน์โกรธจัดที่ไม่สามารถจัดการอะไรๆได้ดั่งใจตัวเอง...

หลังจากนั่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง นันทวัฒน์ตัดสินใจไปดักรอพิชิตที่หน้าห้องพัก เขาเห็นเจ้านายยืนหน้าเครียดรอท่าอยู่ เตรียมตัวรับอารมณ์เต็มที่ แต่เขาคาดผิด

“ฉัน...ขอบใจนะ ฉันรู้ว่านายรักและเป็นห่วงฉันกับครอบครัว แต่ฉันอยากให้นายรู้ว่าปรางค์คือดวงใจของฉัน ในสายตาคนอื่นเธอจะเป็นยังไงฉันไม่สนใจ แต่สำหรับฉัน เธอคือที่สุดในชีวิต ถ้านายเอาชีวิตเธอ นั่นหมายถึงนายลงมือฆ่าฉันทั้งเป็น” พูดจบนันทวัฒน์

หันหลังจากไป พิชิตอึดอัดใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงระบายอารมณ์ด้วยการต่อยผนังห้องไม่ยั้ง

ooooooo

ณ ไร่นวลตะวัน ธงไทยเอาแต่เหม่อใจลอย ตั้งแต่ตะวันจากมา นวลเห็นแล้วอดสงสารลูกชายไม่ได้ แนะให้เขาตามเธอไป ท่านยินดีทุกอย่างหากเขาทำแล้วมีความสุข

“ผมพอแล้วครับแม่นวล ผมพยายามทุกอย่างแล้ว ตะวันเธอเลือกแล้วครับ” ใจจริงแล้ว ธงไทยอยากตามตะวันไปทุกที่ แต่ด้วยความรับผิดชอบต่อไร่นวลตะวันและผู้คนที่นี่ทำให้เขาไม่อาจทิ้งไปไหนได้อีก...

มยุริญใจกว้างเป็นแม่น้ำอย่างเหลือเชื่อมาช่วยดูแลเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตะวันจนรู้สึกตัวได้สติ ทันทีที่เห็นหน้ามยุริญ เธอโผกอดร้องไห้โฮ คร่ำครวญให้ช่วยเธอด้วย มยุริญไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่กอดตอบปลอบใจ ส่วนนันทวัฒน์ยืนมองตะวันด้วยความสงสาร เจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องเธอได้

มยุริญอยู่ปลอบใจตะวันจนเห็นควรแก่เวลาจึงขอตัวกลับ นันทวัฒน์เดินมาส่งที่รถซึ่งจอดรออยู่หน้าบ้าน

“เธอคงกลัวและไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว นอกจากน้องยุริญ”

“ยุริญเข้าใจนะคะ แล้วจะแวะมาบ่อยๆค่ะ”

“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณที่สุด” นันทวัฒน์เผลอตัวคว้ามือเธอมากุมไว้ มยุริญเหลือบมองมือเขาที่จับมือตัวเอง เขารู้สึกตัวรีบชักมือออก แต่เธอใช้อีกมือหนึ่งคว้ามือเขาไว้

“ไม่เป็นไรค่ะ ยุริญยินดีช่วยเสมอค่ะ พี่ชาย”

นันทวัฒน์ยิ้มให้มยุริญด้วยความโล่งใจ ทั้งคู่ไม่เห็นตะวันมองลงมาจากหน้าต่างห้องด้วยสายตากร้าวและเต็มไปด้วยความริษยา...

ค่ำวันเดียวกัน คีรินจับได้ว่ารันขโมยเงินที่ตนเองเก็บหอมรอมริบไว้สำหรับรักษาดวงตาให้แม่ไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ก็บันดาลโทสะ จับกระเป๋าใบนั้นขว้างใส่หน้าแล้วตามเข้าไปตบซ้ำ แม่ได้ยินเสียงเอะอะคลำทางเข้ามาในห้อง ถามว่าเกิดอะไรขึ้น รันร้องไห้โฮวิ่งไปหลบหลังแม่พร้อมกับฟ้องว่าโดนพี่รินตบ

“แม่หลบไป วันนี้ฉันจะสั่งสอนให้มันหายปัญญาอ่อนสักที แม่รู้ไหมมันเอาเงินที่ฉันเก็บไว้รักษาตาแม่ไปซื้อกระเป๋า” คีรินฟ้องคืนให้บ้าง แม่กลับต่อว่าเธอว่ากระเป๋าราคาไม่กี่ร้อยบาทถึงกับต้องลงไม้ลงมือกันเลยหรือ

คีรินน้อยใจมากที่แม่คอยปกป้องน้องตลอด เดินเลี่ยงออกไปทั้งน้ำตา ขณะที่รันถึงกับสะอึก หากแม่รู้ว่ากระเป๋าแบรนด์เนมของเธอใบละเท่าไหร่ คงเป็นลมไปหลายตลบ

ทางด้านคีรินมองเงินเก็บในกระป๋องที่เหลือไม่ถึงครึ่งแล้วท้อใจ ยกมือถือขึ้นมาเปิดดูอีเมลที่เฮียฮุยส่งข้อมูลของเป้าหมายมาให้ แต่พอหวนคิดถึงเหยื่อรายล่าสุดที่เธอลงมือสังหารต่อหน้าลูกของเหยื่อ คีรินทำใจไม่ได้ ขว้างมือถือทิ้งเฉี่ยวแม่ที่กำลังเดินเข้ามาหวุดหวิด เธอตกใจถามว่าโดนหรือเปล่า

แม่ส่ายหน้า แล้วคลำหามือถือจนเจอ เห็นเพียงแสงจากหน้าจอลางๆไม่เห็นว่าเป็นรูปของตะวันปรากฏอยู่ พริบตาเดียวภาพก็ดับวูบ

“อ้าว ดับไปซะแล้ว เสียหรือเปล่าเนี่ย รินดูสิ” แม่ว่าแล้วยื่นมือถือให้ คีรินลองเปิดเครื่องก็ไม่ติด

“โมโหอะไรขนาดนั้นล่ะริน มีกันอยู่แค่นี้ หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้น้องมันเถอะนะ เงินทองมันของนอกกาย ไม่ตายเดี๋ยวก็หาใหม่ได้” คำพูดปกป้องน้องของแม่ทำเอาคีรินถึงกับพูดอะไรไม่ออก

ooooooo

ทรงพลคิดจะเอาใจเปลว ลงมือเข้าครัวทำอาหารให้กิน เธอเห็นท่าทางทุลักทุเลของเขาแล้วเข้ามาแย่งหม้อซุปจะไปทำเอง แต่เขายื้อไว้ไม่ยอมปล่อย เธอไม่อยากเสียอารมณ์ก็เลยปล่อยมือ ทรงพลไม่ทันระวังทำซุปร้อนๆในหม้อหกรดมือตัวเองร้องโอ๊ยลั่น เปลวคิดว่าเขาแกล้งเพื่อเรียกร้องความสนใจ

“หยุดทำแบบนี้สักทีเถอะ ท่านต้องการอะไรอีก ทำให้ฉันรู้สึกบาปงั้นเหรอ เอาสิ ตายไปซะเลยไหม ฉันจะได้มีบาปติดตัวไปจนตาย”

“เปลวทำไมพูดกับฉันแบบนี้ เปลวไม่สงสารฉันแล้วหรือเปลว” ทรงพลพยายามเข้าไปกอด เปลวโกรธมากไล่ให้เขาตายๆไปสักที ทันใดนั้นมีเสียงตะวันดังขึ้นด้านหลัง

“ทำไมพูดกับคุณพ่อแบบนั้นล่ะคะ ท่านเป็นผู้มีพระคุณสูงสุดของเราไม่ใช่เหรอคะ คุณแม่”

“ปรางค์! หนูจำได้แล้ว” เปลวตกใจกับสายตากร้าวของลูกสาว...

เปลวทิ้งให้สองพ่อลูกได้อยู่กันตามลำพัง แล้วออกมานั่งคุยกับนันทวัฒน์ที่โต๊ะสนาม ต่อว่าเขาว่าพาลูกของเธอกลับมาที่นี่ทำไม เขาอ้างว่าตะวันไม่ค่อยสบายใจ เขาก็แค่อยากพามาหาเปลวเผื่อเธอจะดีขึ้น

“คุณคิดผิดแล้วคุณนันทวัฒน์ การที่คุณพาเธอมาที่นี่ เท่ากับเป็นการปลุกผี เปิดขุมนรกเลยทีเดียว” คำพูดจริงจังของเปลวทำเอานันทวัฒน์เริ่มเป็นกังวล...

อีกมุมหนึ่งของบ้าน ตะวันนั่งทำแผลโดนน้ำร้อนลวกให้ทรงพลที่ยิ้มเศร้าๆมาให้ พลางตัดพ้อถ้ารู้ว่าเจ็บตัวแล้วเธอจะมาหาแบบนี้ เขายอมเจ็บมากกว่านี้อีก ตะวันขอร้องอย่าพูดแบบนั้น ท่านก็รู้ว่าเธอยังจำอะไรไม่ได้ จำได้แค่ว่าท่านคือผู้มีพระคุณสูงสุดและจำได้ว่าพวกบ้านวัฒนาทำอะไรกับท่านไว้บ้าง

“แก้แค้นให้พ่อนะปรางค์”

“หนูไม่รู้ว่าหนูทำอะไรไว้กับคนบ้านนั้นบ้าง แต่เจ้าสัวก็ได้รับผลกรรมที่ทำไว้แล้ว เรา...”

“ไม่ได้ มันต้องฉิบหายกันทั้งครอบครัว”

“แต่ถึงยังไงหนูกับคุณนันทวัฒน์ มันเป็นพรหมลิขิต...”

ทรงพลคำรามรอดไรฟัน ไม่มีพรหมลิขิตบ้าบออะไรทั้งนั้น การที่เธอกับนันทวัฒน์ได้มาพบเจอกันที่ญี่ปุ่นล้วนเป็นแผนการของเขาทั้งสิ้น เขาให้เธอวางเหยื่อล่อนันทวัฒน์มาติดกับและให้เธอใช้เสน่ห์ล่อหลอกทำให้มันหลงรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น

“พ่อเหลือแต่ปรางค์คนเดียวนะลูก ที่จะทวงถามความยุติธรรมให้พ่อได้ อย่าทำให้พ่อผิดหวังนะลูก”

“ค่ะ...คุณพ่อ” ตะวันมองนันทวัฒน์ที่นั่งคุยอยู่กับเปลวที่อีกมุมหนึ่งของบ้านด้วยสายตากร้าว ไม่เหมือนตะวันคนเดิมอีกต่อไป คล้ายกับคนถูกสะกดจิต...

เมื่อได้อยู่ตามลำพังกับพี่สาว รันสัญญาจะหาเงินมาคืนให้ แต่อย่าถามว่าเมื่อไหร่ เพราะเธอเองก็ไม่รู้ มีเมื่อไหร่ก็จะคืนรอหน่อยก็แล้วกัน คีรินถามประชดว่าดวงตาของแม่รอได้ไหม รันขอร้องอย่าทำเหมือนเธอเป็นผู้ร้าย แม่เองไม่ได้เดือดร้อนเรื่องนี้สักหน่อย มีแต่พี่รินเท่านั้นที่วุ่นวายไปเอง คีรินฉุนขาด

“จะบอกอะไรให้นะ สิ่งเดียวที่แม่อยากเห็นที่สุดในชีวิตก็คือ เห็นแกใส่ชุดรับปริญญา จำใส่สมองนิ่มๆของแกไว้” พูดจบคีรินเดินกระแทกเท้าจากไป

ooooooo

มยุริญหยิบเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ออกจากในถุงที่วางเรียงรายอยู่บนเตียงมาให้ตะวันดู

“พี่วัฒน์เห็นว่าคุณปรางค์...”

“เรียกตะวันดีกว่านะคะ ตะวันยังไม่ชินเลยค่ะ”

“ค่ะ คุณตะวัน พี่วัฒน์เห็นว่าคุณเอาข้าวของมาน้อย เลยให้ยุริญไปหามาให้น่ะค่ะ ยุริญคิดว่าคงกะไซส์ของคุณตะวันไม่พลาดนะคะ คงใส่ได้พอดี”

ขาดคำ อึ่งหอบถุงช็อปปิ้งเต็มสองมือเข้ามาวางให้อีก ตะวันหยิบชุดขึ้นมาดูด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะบอกว่าสวยทุกชุด แต่คงไม่เหมาะกับเธอ ถ้าให้ใส่คงเดินขาขวิดแน่นอน เพราะเธอขี้อาย แล้วขอโทษยุริญที่ทำให้เสียทั้งเวลาและเงินทองไปซื้อหามา

“ไม่ต้องห่วงค่ะของส่วนใหญ่จะมาจากร้านประจำของยุริญ เดี๋ยวยุริญจัดการได้ค่ะ” มยุริญพูดจบหันไปเก็บเสื้อผ้าข้าวของใส่ถุงอย่างเดิม ตะวันปรายตามองเสื้อผ้าเหล่านั้นสายตาเหยียดหยาม อึ่งหันมาเห็นพอดีแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเธอ...

ค่ำวันเดียวกัน คีรินบังเอิญขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านหน้าร้านอาหารที่ตัวเองเคยร้องเพลง เห็นเปิดให้บริการตามปกติก็ดีใจที่จะได้กลับมาทำงาน รีบจอดรถลงไปถามไถ่ ปรากฏว่าร้านเปิดได้สักพักหนึ่งแล้ว และเจ้าของร้านจ้างนักร้องหญิงหน้าตาสะสวยมาทำงานแทนเธอ

คีรินเดินคอตกออกมาด้วยความผิดหวัง

ในเมื่องานประจำก็ไม่มีทำ คีรินนึกถึงงานที่เฮียฮุยเฝ้าอ้อนวอนให้เธอกลับไปทำ จัดแจงหยิบมือถือที่ตัวเองขว้างพังเสียหายขึ้นมางัดเอาซิมการ์ดออกจากเครื่อง จะไปซื้อมือถือเครื่องใหม่เอามาเปิดดูข้อมูลของเป้าหมาย แต่แล้วความดีในตัวทำให้เธอเปลี่ยนใจ ยัดซิมการ์ดกลับไปในมือถือเหมือนเดิม

ooooooo

วันรุ่งขึ้นนันทวัฒน์พาตะวันไปที่ห้างสรรพสินค้าให้เลือกซื้อเสื้อผ้าที่ตัวเองชอบโดยหนีบมยุริญไปช่วยเธอด้วย เธอหยิบชุดโน้นชุดนี้ที่ขายกันดาษดื่นมาทาบกับตัวแต่ไม่ถูกใจสักชุด อ้างว่าแบบเหมือน ตัวเดิมๆที่เคยมี อยากได้แบบอื่นที่แตกต่างไม่อยากให้เขาต้องมาเสียเงินเปล่าประโยชน์ ทั้งคู่ยิ้มให้กับความใสซื่อของเธอ

“คุณตะวันใช้เวลาเต็มที่เลยนะคะ เลือกแบบที่ชอบเลยค่ะ”

“ตะวันเกรงใจน่ะค่ะ เอาอย่างนี้นะคะคุณวัฒน์กับคุณมยุริญนั่งพักดื่มน้ำที่ร้านแถวนี้รอตะวันก็ได้นะคะ”

มยุริญเห็นดีด้วย ตะวันจะได้เลือกแบบเสื้อที่ตัวเองต้องการได้อย่างสบายใจ นันทวัฒน์ไม่อยากขัดใจเธอเช่นกัน จัดแจงหยิบบัตรเครดิตยื่นให้ตะวันซึ่งตีหน้าซื่อถามว่าให้ทำไม

“บัตรเครดิตของปรางค์ ใบใหม่เพิ่งส่งมาครับ ปรางค์เซ็นชื่อตรงแถบขาวข้างหลังแล้วก็ใช้ได้เลยครับ”

“ขอบคุณคุณวัฒน์มากนะคะ ตะวันเกรงใจจังค่ะ” ปากบอกว่าเกรงใจ แต่พอคล้อยหลังเท่านั้น ตะวันคนที่ใสซื่อเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นเฉิดฉายและมาดมั่น เดินเข้าแต่ร้านแบรนด์เนมราคาแพงระยับ รูดบัตรเครดิตซื้อ

ทุกอย่างไม่มียั้งจนแทบจะถือข้าวของเหล่านั้นไม่ไหว มัวแต่ช็อปปิ้งเพลินไม่ทันเห็นวิวที่แอบเดินตามเพราะสะดุดกับบุคลิกไม่เหมือนตะวันที่ตนเองเคยรู้จักแถมใช้เงินมือเติบ โดยไม่ลืมถ่ายคลิปเก็บไว้

ช็อปปิ้งจนหิ้วไม่ไหว ตะวันจึงเดินกลับไปหานันทวัฒน์กับมยุริญที่ร้านกาแฟ มยุริญเห็นแต่ละถุงในมือเธอล้วนยี่ห้อแพงๆทั้งนั้นถึงกับชมเปาะว่า
เลือกของเก่งถึงได้มาแต่ของแบรนด์เนม

“ตะวันไม่รู้จักเลยสักร้านค่ะ เห็นว่าเป็นเสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อย ใส่ได้นานก็เลือกมาค่ะจะได้ไม่ต้องซื้อบ่อยเสียดายเงินน่ะค่ะ แค่ของวันนี้ตะวันก็เกรงใจจะแย่แล้วค่ะ ไม่รู้ว่าใช้เงินไปกี่พันบาท ตะวันดูราคาไม่เป็นค่ะ ไม่รู้ว่าเขาดูตรงไหน เลยส่งการ์ดให้ทางร้านจัดการให้ค่ะ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ ถ้าตัวไหนที่ปรางค์ชอบก็ซื้อไปเถอะนะครับ”

“ตะวันขอฝากของไว้ก่อนนะคะ พอดีตะวันยังขาดของใช้จำเป็นอีกสองสามอย่างน่ะค่ะ” ตะวันพูดจบเดินจากไป มยุริญกับนันทวัฒน์มองตามก่อนจะหันมายิ้มให้กัน

“ท่างทางปรางค์ตัวจริงจะกลับมาแล้วนะครับเนี่ย พวกนี้นี่แบรนด์โปรดของปรางค์ล้วนๆ”

มยุริญกลับไม่คิดเช่นนั้น ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นแค่จิตใต้สำนึกที่ตะวันทำไปโดยไม่รู้ตัว แต่เธอคาดผิด ตะวันรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร ทันทีที่คล้อยหลัง เธอมองบัตรเครดิตในมือพร้อมกับเบ้ปาก

“วงเงิน 1 ล้านบาท...อยากลองใช้เต็มวงเงินจังเลย”

วิวซึ่งแอบสะกดรอยตามได้ยินเต็มสองหูถึงกับอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือตะวันที่ตัวเองรู้จัก...

ขณะที่ตะวันเริ่มแผนแก้แค้นคนบ้านวัฒนาอีกครั้ง การมองเห็นของแม่ของคีรินแย่ลงเรื่อยๆจะหั่นหมู

ดันพลาดมีดถูกนิ้วตัวเองถึงกับเลือดสาด คีรินจะพาไปหาหมอท่านก็ไม่ยอมไป ขอร้องให้หยุดพักขายของ

ให้แผลหายอักเสบก่อนท่านก็ไม่ยอมหยุดอ้างเสียดายเงินที่จะได้จากการขายของ คีรินเครียดหนักที่ตัวเองตกงาน ขี่มอเตอร์ไซค์ไปสมัครร้องเพลงตามร้านอาหารต่างๆ หลายแห่ง แต่ไม่มีใครรับ ทำให้เธอท้อใจมาก...

ฝ่ายรันอุตส่าห์ถือกระเป๋าใบใหม่ไปอวดเพื่อนที่มหาวิทยาลัยกลับพบว่ากระเป๋าที่ตัวเองซื้อมาราคาแพงระยับเป็นของก๊อปเกรดเอ เธอทั้งโกรธทั้งอาย แทบจะแทรกแผ่นดินหนี

ooooooo

นันทาเห็นนันทวัฒน์เดินนำมยุริญและตะวันพร้อมด้วยถุงใส่ข้าวของมากมายเข้ามาในบ้าน ปรี่เข้ามาต่อว่าว่าทำไมวันนี้เขาไม่ไปดูแลพ่อ มยุริญรีบออกรับ แทนว่าตนเองเห็นตะวันเอาของใช้มาไม่ครบก็เลยชวนกันไปหาซื้อข้าวของ แต่บังเอิญรถติดมากถึงได้กลับมาช้า นันทาตวัดตามองตะวันก่อนจะถามว่าได้ของครบไหม

“ยังไม่ทราบเลยค่ะ แต่ตะวันก็ซื้อเท่าที่จำเป็นต้องใช้มาก่อนน่ะค่ะ”

“ของใช้จำเป็นหรือ” ไม่พูดเปล่านันทาปรายตามองถุงใส่ของแบรนด์เนมอย่างไม่สบอารมณ์ ตะวันทำเป็นก้มหน้างุด นันทวัฒน์สงสารเธอมาก สั่งให้อึ่งช่วยเอาถุงพวกนี้ขึ้นไปไว้ที่ห้องของเธอด้วย แล้วบอกให้ตะวันไปพักผ่อนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เธอพยักหน้ารับคำ หยิบบัตรเครดิตคืนให้ เขาบอกให้เธอเก็บไว้ใช้ก่อน

“ขอบคุณคุณวัฒน์มากนะคะ แต่ว่าตอนที่จะซื้อของร้านสุดท้ายพนักงานพูดว่า...อะไรสักอย่างน่ะค่ะ เต็มวงเงินอะไรประมาณนี้ ตะวันก็ไม่ค่อยเข้าใจ”
นันทาแทบจะลมจับเพราะนั่นเท่ากับนังงูเห่าซื้อของไปเป็นล้านบาท มยุริญต้องช่วยพยุงไว้ นันทวัฒน์ กลับบอกตะวันว่าไม่ต้องเป็นกังวลไป พรุ่งนี้เขาจะจัดการให้ เธอขอบคุณเขาอีกครั้งแล้วเดินขึ้นห้อง นันทวัฒน์มองตามยิ้มมีความสุข นันทาอดหมั่นไส้ไม่ได้

“จะยิ้มอีกนานไหม รีบไปเปลี่ยนน้ากันเกราที่โรงพยาบาลสิ เธอเฝ้ามาทั้งวันแล้วนะ” นันทาว่าแล้วถอนใจเซ็งจัดที่ลูกชายไม่ได้ดั่งใจ...

อึ่งเอาถุงมากมายมาวางไว้บนเตียงในห้องพักของตะวัน แล้วนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เช็กว่ากระดาษชำระในห้องน้ำหมดหรือเปล่าจึงเข้าไปดู เป็นจังหวะเดียวกับเจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามา นึกว่าไม่มีใครอยู่โยนถุงใส่ของอีกหอบใหญ่ลงบนเตียงรวมกับของที่อึ่งถือขึ้นมาด้วยสีหน้าสะใจ

“นี่มันแค่เริ่มต้นนะอีแก่ ยังต้องเจอกันอีกเยอะ” พูดจบตะวันหันไปจะเข้าห้องน้ำ เห็นอึ่งยืนตะลึงอยู่ที่ประตู แสร้งตีหน้าตายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“อ้าว...พี่อึ่งอยู่นี่เอง ตะวันยังห่วงอยู่ว่าถือไหวหรือเปล่า”

“เช็กทิชชูค่ะ...ว่า...หมดหรือยัง...เอ่อ ไม่ได้ยินอะไรค่ะ” อึ่งว่าแล้วรีบออกจากห้อง...

ทันทีที่ต๋องขับมอเตอร์ไซค์มาส่งหน้าบ้าน รันเอากระเป๋าใบใหม่ของตัวเองฟาดเขาไม่ยั้ง พลางด่าว่า

ที่เขาเอากระเป๋าปลอมมาหลอกขายให้ แล้วสั่งให้เอาเงินมาคืน เขาอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นกระเป๋าปลอม เขาเองก็โดนหลอกเหมือนกัน ใบแรกที่เขาซื้อให้เธอจำได้หรือเปล่า รันพยักหน้ารับ

“เจ็บใจนัก ยัยผู้หญิงคนนั้นมันต้องเป็นพวกหลอกลวง เสียรู้มันได้ อย่าให้เจอนะแม่จะจัดหนักเลย”

ต๋องโล่งใจที่รันหลงเชื่อ จังหวะนั้นคีรินขี่มอเตอร์ไซค์กลับจากหางานพอดี ต๋องไม่อยากถูกด่าว่ารีบชิ่งหนี

รันเห็นพี่สาวตัวเองก็ยิ่งอารมณ์เสีย เดินสะบัดหน้าเข้าบ้าน คีรินได้แต่มองตามหนักใจ...

ตะวันนอนกระสับกระส่ายไปมา ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นลักษณะเหมือนเมายาค้าง ภาพในห้องพักเบลอไปหมด เห็นทรงพลยืนอยู่ปลายเตียง ชมไม่หยุดปากว่าเก่งมาก เธอนอนอมยิ้มมีความสุข

“หนูทำดีใช่ไหมคะ หนูทำดีใช่ไหม”

ooooooo

วิวขับรถจากกรุงเทพฯมาหาธงไทยถึงไร่นวลตะวัน เล่าเรื่องที่ไปเจอตะวันกลางห้างหรู กำลังช็อปปิ้งแต่ของแบรนด์เนม แถมเปิดคลิปแอบถ่ายให้ดูเป็นการยืนยันคำพูดตัวเอง ธงไทยชักหงุดหงิด

“อุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกลเพื่อมาเล่าเรื่องไร้สาระแบบนี้หรือวิว”

“อะไรทำให้ไทยเป็นไปได้ขนาดนี้นะ เธอทิ้งไทยไว้ที่นี่ ไทยยังไม่เข้าใจอะไรอีกเหรอ”

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 9 วันที่ 20 ก.ย. 58

ละครเพลิงตะวัน แนว โรแมนติก-ดราม่า
ละครเพลิงตะวัน บทประพันธ์โดย น้ำผึ้งเดือน 8
ละครเพลิงตะวัน บทโทรทัศน์โดย ดรีมทีม
ละครเพลิงตะวัน กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละครเพลิงตะวัน ผลิตโดย บริษัท ดูมันดี จำกัด






ละครเพลิงตะวันออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเพลิงตะวันได้ทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
ที่มา ไทยรัฐ