อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 11 วันที่ 28 ก.ย. 58

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 11 วันที่ 28 ก.ย. 58

ทันใดนั้นเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น มุกรินสงสัยว่าคนซื้อบ้านจะมาแล้ว ปรารภจะรีบไปห้ามน้าแป๋วเพราะตอนนี้ตนยังไม่มีอารมณ์จะคุยกับคนแปลกหน้า เขารีบลุกไปทางหน้าบ้าน

แต่เดินไม่ทันถึงหน้าบ้าน น้าแป๋วก็เปิดประตูให้รถเก๋งคันคุ้นตาขับเข้ามาในบ้านแล้ว มุกรินเดินตามมาถามว่าห้ามไม่ทันแล้วใช่ไหม ปรารภตอบอึ้งๆว่าคงไม่ใช่คนที่จะมาขอซื้อบ้านหรอก มุกรินมองไปที่รถแล้วก็ชะงัก เห็นพักตราก้าวลงจากรถ เธอมองมุกรินกับปรารภที่กำลังเดินออกมาพูดอย่างสะใจว่า

“อยู่นี่เอง...นี่คงจะเป็นรังรักของอดีตเจ้านายกับลูกน้องเก่าสินะ”



พักตรายังพูดเหยียดเย้ยอย่างหยาบคายจนปรารภทนไม่ได้ปรามว่าที่นี่เป็นบ้านของตน เธอไม่มีสิทธิ์เข้ามาเพ่นพ่าน พักตราโต้ว่าตนไม่ได้มาเพ่นพ่านแต่มาดูหน้าคนทิ้งงาน ปรารภโต้ว่าตนไม่ได้ทิ้งงานแต่ตนลาออกจากบริษัทเรียบร้อยแล้ว

“เหตุผลในการลาออกคือยายนั่นใช่ไหม ฉันรู้นะว่าแกแอบเปิดบริษัทกันเอง จะรอดูว่าแกจะดึงคนจากบริษัทฉันไปอีกกี่คน” ปรารภตะโกนว่าอยากดูก็ไปรอดูที่อื่นไม่ใช่ที่นี่ ไล่ให้กลับไปได้แล้ว “กลับแน่...แต่ยังมีอีกคนนึงที่เขาอยากจะดูน้ำหน้าแกสองคนอย่างเต็มตา” แล้วพักตราก็เดินไปเปิดประตูรถอีกด้าน เผยให้เห็นคิมหันต์นั่งอยู่ในนั้น!

คิมหันต์นั่งนิ่ง ในขณะที่พักตรายังสามหาวไม่เลิก ก่อนเดินไปขึ้นรถยังบอกว่าจะขายบ้านหลังนี้เมื่อไหร่ติดต่อนายหน้าตนได้ คนที่เอานามบัตรให้เมื่อตอนกลางวันนั่นแหละ แล้วขึ้นรถนั่งเชิดสั่งคนขับรถกลับ เธอเอ่ยกับคิมหันต์ว่า

“จากนี้ไปต้องไม่มียายมุกซุกอยู่ในหลืบของหัวใจคิมอีกแล้ว ตามสัญญานะคะ” คิมหันต์นั่งนิ่งอย่างไร้อารมณ์

ooooooo

ขณะรถกำลังจะเลี้ยวออกจากประตูรั้วนั่นเองคิมหันต์สั่งคนขับรถให้จอดก่อน แล้วเขาก็เปิดประตูรถพรวดออกไป ตรงดิ่งไปหาปรารภกับมุกรินที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน พูดโพล่งจนทั้งสองชะงักหันมอง

“ผมนึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะทำอย่างนี้” มุกรินโต้ว่าเขาทำเรื่องที่ตนนึกไม่ถึงมากกว่าเยอะ คิมหันต์ชี้หน้าปรารภ “ไอ้นั่นมันเสือผู้หญิงนะมุก” เลยถูกปรารภปรามว่ามาพูดจาดูถูกกันในบ้านตนอย่างนี้ไม่ได้ ทั้งคู่ดุเดือดใส่กัน พักตรารีบหยิบมือถือขึ้นถ่ายคลิปทันที

คิมหันต์ถามมุกรินว่าปรารภมีเมียมีลูกมาแล้วกี่คนรู้หรือเปล่า มุกรินตอบเสียงดังฟังชัดว่าเขามีเมียสามคนและหย่ากันหมดแล้ว และมีลูกชายน่ารักอีกสองคน คิมหันต์ถามว่า “รู้อย่างนี้แล้วยังมากินมานอนบ้านมันอีกหรือ”

“ใช่ เพราะมุกไม่มีบ้านจะอยู่ บ้านพ่อบ้านแม่ก็ถูกยึด ต้องขออาศัยคนโน้นคนนี้อยู่ไปวันๆ”

“เลือกคนที่จะขออาศัยให้ดีกว่านี้หน่อยได้ไหม”

ปรารภขอใช้สิทธิ์เจ้าของบ้านไล่คิมหันต์ออกไป แต่คิมหันต์ไม่สนใจยังคงตัดพ้อต่อว่ามุกรินว่า เธอทำประชดตนใช่ไหม เห็นตนแต่งงานเธอเลยเลือกมาเป็นเมียเก็บของปรารภใช่ไหม มุกรินของขึ้น สวนไปอย่างไม่แยแสว่า

“เป็นเมียเก็บพี่รภ ยังดีกว่าเป็นเมียน้อยผู้ชายอย่างคุณ!” พูดแล้วหมุนตัวจะเดินเข้าบ้าน ถูกคิมหันต์พุ่งเข้ากระชากแขนไว้ ปรารภทนไม่ได้เข้าขวางกลาง ถูกคิมหันต์ตวาดไล่ว่าอย่ามายุ่งเรื่องของผัวเมีย ปรารภชี้พักตราที่ยืนอยู่ข้างรถบอกว่าเมียเขาอยู่โน่น!

“ที่ยืนอยู่นี่ก็เมียผมเหมือนกัน มันก็เมียผมทุกคนแหละ มีอะไรไหม!”

“มี!” ปรารภตะโกนซัดหมัดใส่หน้าคิมหันต์จังๆ จนล้มกระแทกพื้น “ถ้ายังไม่ออกไปจากบ้านผม ผมจะใช้วิธีรุนแรงกว่านี้ ซึ่งผมมีสิทธิ์เต็มที่ในฐานะเจ้าของบ้าน จะลองดูก็ได้”

คิมหันต์ยันตัวลุกขึ้น จ้องหน้ามุกรินบอกว่า “ผมผิดหวังในตัวคุณมาก”

“คุณไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้กับฉัน หลังจากที่คุณโกหกฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันต่างหากที่จะต้องพูดประโยคนี้กับคุณ...ฉันผิดหวังในตัวคุณจริงๆ”

คิมหันต์อ้างว่าตนมีเหตุผลที่เธอไม่มีวันเข้าใจ มุกรินสวนทันควันว่าเป็นเหตุที่เห็นแก่ตัว ไล่ให้ไปเสียอย่ามาให้เห็นหน้าอีก คิมหันต์ขู่ว่าเธอไม่มีวันหนีตนพ้นเด็ดขาด ปรารภทนไม่ได้ตะโกนว่าอย่าต้องให้ตนต้องใช้กำลังอีก คิมหันต์จึงเดินกลับไปที่รถ สวนกับพักตราที่เดินเข้าไปพูดใส่หน้ามุกรินว่า

“ฉันแฟร์มากเลยนะ ที่ยอมให้เธอคุยกับผัวฉันอย่างนี้ แต่ก็ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะมันคือการจบ แบบอวสาน ขอให้มีลูกหัวปีท้ายปีนะคะคุณปรารภ” ด่าจนสะใจแล้วพักตราเดินกลับไปขึ้นรถออกไปทันที

มุกรินขอโทษปรารภที่ทำให้เขาเดือดร้อน ปรารภบอกว่าตนไม่เป็นไร แต่มุกรินเตือนว่าคนอย่างคิมหันต์ไม่หยุดแค่นี้แน่ เขาคงจองเวรจองกรรมตนจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง

“มุกอยากหนีไปให้ไกลกว่านี้ไหม?” ปรารภถามอย่างเป็นห่วงความรู้สึกของเธอ

ส่วนในรถของพักตรา พอรถเคลื่อนออกไป เธอถามคิมหันต์ว่า

“รู้แล้วใช่ไหมคะว่าระหว่างนังมุกกับพักตร์ ใครรักคิมมากกว่ากัน”

“ผมรู้แต่ว่า ผมรักใครมากกว่ากัน” คิมหันต์ตอบหน้านิ่งๆ ถูกพักตราจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

ooooooo

กลับมาถึงบ้านแล้ว พักตราอาละวาดบ้าดีเดือด ด่าคิมหันต์ว่าบ้าไปแล้วหรือ มุกรินแอบไปกินอยู่กับปรารภแล้วยังจะไยดีอีกทำไม ทำไมหน้ามืดตามัวอย่างนี้ ทำเหมือนไม่เห็นหัวตน ตนเป็นเมีย เราแต่งงานกันแล้ว ตาสว่างเสียที!

“คุณอยากรู้ไหมว่าพ่อคุณพูดอะไรกับผมก่อนเราจดทะเบียนสมรสกัน พ่อคุณยินยอมให้ผมจดทะเบียนกับคุณโดยไม่ต้องรักคุณ! ผมแต่งงานกับคุณเพราะความแค้น คุณคือเครื่องมือชำระแค้นของผม!”

พักตราถามว่าถ้าเขาหายแค้นเมื่อไหร่ก็จะเลิกกับตนใช่ไหม เหตุผลบ้าๆ แล้วตนต้องทนอยู่กินกับสามีที่เย็นชาตายด้านอย่างนี้อีกนานเท่าไหร่ ต้องอดกลั้นอดทนอีกนานเท่าไหร่เขาถึงจะรักตน

“คุณไม่จำเป็นต้องทนอีกแล้ว” คิมหันต์ลุกพรวดจะออกไป พักตราเปลี่ยนเป็นอ้อนวอนอย่าทิ้งตนไป พอ อ้อนวอนไม่สำเร็จก็คร่ำครวญว่าตนรักเขา...เป็นเมียเขา...

“อย่าทำให้ตัวเองน่ารังเกียจไปกว่านี้เลย แค่อยู่นิ่งๆ กอดทะเบียนสมรสไว้ คุณก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียผมอยู่ดี”

คิมหันต์ออกจากบ้านไปอย่างไม่แยแส ทิ้งพักตรากรีดร้องคร่ำครวญราวกับคนเสียสติ เธอโทรศัพท์หาอรรถ บอกว่าคิมหันต์ไปแล้ว คราวนี้คงไปจริงๆ ตนควรจะทำอย่างไรดี ขอให้พ่อมาหาตนหน่อย ช่วยตนด้วย

คุยกับอรรถเสร็จเธอวางโทรศัพท์รีบวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำอย่างหนัก ปริมเดินผ่านมาเห็นถามว่าไม่สบายหรือเปล่า

ooooooo

คิมหันต์ออกจากบ้านพักตราแล้ว เขาไปนั่งร้านอาหารที่ดวงดาวร้องเพลง ดวงดาวบอกว่าตนร้องดึก เขาบอกว่าตนอยู่ถึงเช้าเลยก็ได้

ดวงดาวถามว่าสั่งเหล้ากินขนาดนี้คงอยู่ไม่ถึงวงตนแน่ ดื่มขนาดนี้จะฟังเพลงรู้เรื่องได้ยังไง คิมหันต์รำพึงรำพันอย่างเจ็บปวดว่ามุกรินไปอยู่กับปรารภแล้ว ดวงดาวบอกว่าตนรู้แล้วเพราะเมียเขาโพสต์กระจายไปแล้ว

“เมียนอกหัวใจ ไม่มีความหมายหรอกผู้หญิง คนนั้น” คิมหันต์ยิ้มเยาะ ดวงดาวมองหน้าถามว่า

“ผู้หญิงที่มีความหมายสำหรับคุณ คุณก็ทำลายเขาจนยับเยิน หัวใจเขาแหลกสลายไม่มีชิ้นดี...รู้บ้างหรือเปล่า?”

คิมหันต์ถามว่ามุกรินหรือ ดวงดาวถามว่า “นอกจากมุกรินแล้วยังมีผู้หญิงอื่นที่มีความหมายสำหรับคุณอีกหรือ” คิมหันต์ทำเสียงอืม...ในลำคอมองหน้าดวงดาวบอก ว่าตนยังมีอีกคน อยากรู้ไหมว่าใคร “ไม่...ฉันไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง”

“เราน่าจะเจอกันก่อนหน้านี้นะ ผมคงจะมีความสุข ถ้ามีคนรักอย่างคุณ”

แม้ต่างจะยังมีกำแพงของสังคมกั้น แต่หัวใจไร้กำแพง ต่างจึงมองกันนิ่งเหมือนถูกมนต์สะกด

เมื่อดวงดาวร้องเพลงเสร็จ เธอถามว่าเขาจะนอนที่ไหน คิมหันต์บอกว่าตนไม่มีที่นอน ไม่มีที่ไหนน่าอยู่สำหรับตนอีกแล้ว ตนอยากหาที่อยู่ใหม่

“ฉันเป็นหนึ่งในตัวเลือกเพื่อแก้แค้นนายธาดาด้วยรึเปล่า” คิมหันต์บอกว่านั่นเป็นผลพลอยได้ “ผู้ชายมักจะมีสัญชาตญาณเอาเปรียบผู้หญิงอยู่ลึกๆทุกคน”

คิมหันต์บอกว่าเธอจะทิ้งตนไว้ที่นี่ก็ได้ ดวงดาวถามว่าเขามีเงินไหม พอเขาบอกว่าเรื่องเงินไม่มีปัญหาสำหรับตน ดวงดาวจึงพาเขาไปนอนในโรงแรมหรู ระหว่างนั้นคิมหันต์แตะเนื้อต้องตัวเธอ ถูกดวงดาวปรามว่าตนเป็นผู้หญิงไทยไม่ใช่ฝรั่ง ตนไม่ชอบแบบที่ฝรั่งเขาทำกันแบบในหนัง และตนจะไม่มีอะไรกับผู้ชายอื่นจนกว่าจะเลิกคบกับคนเก่า

“งั้นผมขอนอนกอดคุณเฉยๆสักคืนนะ” คิมหันต์อ้อนขออย่างสุภาพ...

ooooooo

เช้าวันนี้ อรรถมาที่บ้านพักตรา เธอยังหลับสนิทอยู่อย่างอ่อนเพลีย ปริมบอกว่าเมื่อวานร้องไห้หนักคงเหนื่อยมากและยังเห็นเธออาเจียนหนักด้วย อรรถทำหน้างงถามว่าเพิ่งแต่งงานก็อาเจียนแล้วหรือ

“เขาคบกันก่อนหมั้นหลายเดือนอยู่นะคะ” อรรถฟังแล้วยิ้มบอกว่าน่าจะเป็นสัญญาณที่ดี แล้วฝากปริมให้ช่วยดูแลเพราะช่วงนี้ตนมีงานเดินสายโรดโชว์ต่างประเทศเยอะเหลือเกิน ปริมเต็มใจแต่ปรามว่า ถ้ามีอะไรมากกว่างานเดินสาย ต้องบอกตนด้วยตัวเองอย่าให้ตนรู้จากคนอื่น เพราะตนคงทำใจไม่ได้ถ้ารู้จากคนอื่น อรรถประคองหน้าเธอขึ้นมองเต็มตาพูดอย่างซึ้งๆว่า

“ปริมดีกับผมขนาดนี้ ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไง” พูดแล้วหอมแก้มเธออย่างอบอุ่นก่อนพากันเดินออกจากห้องไป

เวลาเดียวกัน คิมหันต์นอนกอดดวงดาวอยู่บนเตียงใหญ่ ดวงดาวแอบถ่ายรูปเขาไว้ คิมหันต์รู้สึกตัวถามว่าจะเอารูปตนไปทำอะไร เอาไปแบล็กเมล์ใคร ตนไม่มีใครให้เธอขู่หรอก

เมื่อดวงดาวบอกว่าเปล่า คิมหันต์ถามว่าตนหล่อหรือ เธอบอกว่าไม่ แต่ตนชอบดวงตาเขา ขอถ่ายดวงตาเขาเก็บไว้ดูในโทรศัพท์ คิมหันต์แย่งมือถือไปดูเห็นเป็นภาพหน้าโรงแรมม่านรูด ดวงดาวแย่งมือถือกลับไป บอกว่าตนอยากเก็บดวงตาที่หลับสนิทของเขาด้วย เอาไว้ดูคู่กัน

“เลิกกับไอ้ธาดาเถอะ ผู้หญิงน่ารักอย่างคุณไม่ควรเป็นเมียคนเลวๆอย่างมัน” พูดแล้วคิมหันต์หลับตาลงอีกครั้ง พลันดวงดาวก็คลื่นไส้ขึ้นมา เธอวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำ แต่คิมหันต์หลับสนิทไปแล้วเลยไม่ได้ยิน

ooooooo

เช้าตรู่วันนี้ จู่ๆก็มีนักข่าววัยรุ่นคู่หนึ่งมากดออดเรียกที่หน้าบ้านสวน ถามน้าแป๋วว่าบ้านนี้ใช่ไหมที่มีการตบตีกัน น้าแป๋วปฏิเสธว่าไม่รู้

นักข่าวทั้งสองถามถึงเจ้าของบ้าน แล้วในที่สุดก็ถามว่าคนที่ตบตีกันชื่อมุกรินใช่ไหม น้าแป๋วบอกว่านั่นแฟนเจ้าของบ้าน เมื่อเจ้าของบ้านก็ไม่อยู่ คู่กรณีก็ไม่อยู่ นักข่าววัยรุ่นทั้งสองจึงขอถ่ายรูปน้าแป๋วแทน

ที่โรงแรมหรู คิมหันต์ตื่นขึ้นมาพบตัวเองนอนอยู่คนเดียว เขาลุกนั่งแล้วหยิบมือถือขึ้นดู มีคลิปที่ดวงดาวส่งมาทางไลน์ เขาเปิดดู ปรากฏรูปดวงดาวถ่ายคลิปวีดิโอตัวเองไว้ เธอเดินไปพูดไป...

“ตื่นเมื่อไหร่ ช่วยลงไปจ่ายค่าห้องด้วยนะ นี่คือข้าวผัดหนึ่งห่อบนโต๊ะ ผัดใหม่ เผื่อคุณจะหิว และก็...ถ้าคุณเมาจนจำอะไรไม่ได้ ฉันขอบอกว่าเราแค่นอนเบียดกันบนเตียงเดียวกันแต่ไม่มีอะไรกันแม้แต่น้อย...อย่ากังวล พ่อรูปหล่อ...อ้อ...ถ้าไม่มีที่นอนเมื่อไหร่ก็มาหาฉันได้อีกนะ ชิลล์อยู่แล้ว...บาย”

พอดวงดาวกลับถึงบ้านก็ถูกธาดาจับผิดถามว่าไปไหนมา เธอปดว่าร้องเพลงเสร็จก็ซ้อมเพลงจนเช้า ธาดาถามว่าทำไมไม่บอกตน ถูกดวงดาวย้อนถามว่า “แล้วเวลาอาไม่กลับบ้าน อาเคยบอกหนูบ้างไหม” ธาดาถามว่าย้อนตนหรือ?

“ไม่ได้ย้อน พูดความจริง ทุกวันนี้ อากับหนูอยู่เหมือนคนเบื่อหน้ากัน ถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตายอะไรเราแทบจะไม่ได้คุยกันอยู่แล้ว อารู้ตัวบ้างไหม”

ธาดาอึ้งไปแล้วเปลี่ยนเป็นถามว่ามุกรินโทร.มาบ้างไหม ดวงดาวบอกว่าไม่ มุกรินอยู่กับปรารภ ธาดา ถามว่ารู้ได้ไง

“โซเชียลเน็ตเวิร์กเร็วมาก อาต้องหัดเปิดดูบ้างจะได้หูไวตาไวกว่านี้”

เป็นเรื่องทันที! เมื่อธาดาหยิบมือถือของดวงดาวไปเปิดดู เจอรูปคิมหันต์นอนกับเธอบนเตียง ทั้งธาดาและดวงดาวที่หันมาเห็นต่างช็อก! ดวงดาวถามว่าเราเคยตกลงกันแล้วว่าจะไม่แอบดูโทรศัพท์ของกันและกัน แต่นาทีนี้ธาดาไม่สนใจแล้วคาดคั้นถามว่าเธอไปนอนกับคิมหันต์มาหรือ ทำไมไปนอนกับคนเลวอย่างนี้ รักมันหรือ จะหนีไปอยู่กับมันใช่ไหม ธาดาคาดคั้นถามอย่างไม่ยอมฟังดวงดาวชี้แจง พอธาดาถามว่าจะทิ้งตนไปอยู่กับมันใช่ไหม ดวงดาวเลยประชดไปว่า

“ใช่!” ผลคือถูกธาดาตบอย่างแรง ดวงดาวตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้าน บอกว่า “หนูจะไม่อยู่กับอาอีกแล้ว”

ดวงดาวหิ้วกระเป๋าออกไป แต่ไปไม่ทันพ้นบ้าน ธาดาก็หน้ามืดหมดสติล้มฟาดกับพื้นโครม!

ooooooo

ปรารภพามุกรินหลบไปพักผ่อนที่ชายทะเลสวย ปรารภรับรู้ความทุกข์ใจของเธอ เขาอยู่ใกล้ๆคอยดูแล ให้กำลังใจและสร้างบรรยากาศที่ดีให้เธอผ่อนคลาย

แม้ว่าปรารภจะพยายามพูดให้เธอรับรู้ถึงความรักของตนแต่ก็ไม่กดดันและไม่แม้แต่จะฉวยโอกาสกับเธอ ทำให้มุกรินอยู่กับเขาอย่างไว้ใจและสบายใจ...

เมื่อปรารภเล่าถึงคลิปเหตุการณ์ที่บ้านสวนวันนั้นพร้อมข้อความที่ใส่ร้ายเธอว่าชอบแย่งสามีคนอื่นเป็นอาชีพ บอกเธอว่ากลัวธาดาจะเห็นคลิปนี้และคิดเป็นอย่างอื่น บอกให้มุกรินโทร.คุยกับธาดาหน่อยดีไหมแค่บอกให้เขารู้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างในคลิป ดีกว่าปล่อยให้เขาเข้าใจเราผิด

ปรารภส่งโทรศัพท์มือถือให้ แต่พอมุกรินโทร.ไป กลายเป็นดวงดาวรับสาย ดวงดาวบอกว่าตนเล่าคลิปนั้นให้ธาดาฟังแล้วและเขาก็ออกตามหาเธอให้ควั่กอยู่ขณะนี้

“ฉันไม่อยากให้พี่ใหญ่เข้าใจฉันกับพี่รภผิด”

“อย่าเพิ่งห่วงเรื่องนั้นเลย คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดตอนนี้ก็คือพี่ชายเธอ ฉันเพิ่งพาเขาไปส่งโรงพยาบาล ตอนนี้อยู่ในความดูแลของหมอแล้ว แต่หลังจากวันนี้เขาจะไม่มีใครคอยดูแลอีกแล้วนะมุก”

“หมายความว่ายังไงดาว!”

“ถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้วล่ะ ถ้าไม่ลำบากจนเกินไป เธอหาเวลาไปดูแลเขาหน่อยนะ ฉันรู้ว่าเขาป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่างนึง ซึ่งน่าจะรุนแรงไม่น้อย ก็มีแต่เธอนั่นแหละมุก ที่เป็นกำลังใจให้เขาได้...ลาก่อนนะ เสียใจที่ไม่สามารถช่วยให้ความรักของเธอสมหวังได้ แต่ก็ดีใจที่ได้มีโอกาสรู้จักเธอ มุกริน...”

ดวงดาวตัดการสนทนากับมุกรินแล้วเหลือบมองอุปกรณ์การตรวจครรภ์ที่วางอยู่เบาะข้างๆ ที่เธอเพิ่งใช้ไปเมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง ผลออกมาว่าเธอตั้งครรภ์! เธอเอามือลูบท้องร้องไห้ด้วยความรู้สึกที่สับสน...

ooooooo

ธาดารู้สึกตัวแล้ว เขาลุกนั่งบนเตียงคนไข้งงๆ ถามหมอว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

หมอบอกว่าหลานสาวเขาพามา ธาดารู้ว่าหมายถึงดวงดาว ถามว่าตอนนี้เขาไปไหนแล้ว พอหมอบอกว่าไม่ทราบ ธาดาก็จะกลับทันที หมอมองหน้าเขาพูดจริงจังว่า

“ผมขออนุญาตถามคุณตรงๆนะครับคุณธาดา คุณพอใจที่ร่างกายคุณตกอยู่ในสภาพอย่างนี้หรือเปล่า” ธาดาบอกว่าหมอพูดอะไรตนไม่เข้าใจ “คุณไม่อยากรู้เหรอว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นในสมองของคุณมันคืออะไรกันแน่ จะได้เยียวยาแก้ไขได้ถูก หรือถ้าคิดจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปเลยเป็นอะไรก็เป็นไป เลิกสนใจไยดีต่อสุขภาพของตัวเองก็บอกหมอมา หมอจะได้ไม่ต้องตามตื๊อคุณอย่างนี้”

ธาดายังคงนิ่ง ครู่หนึ่งจึงถามว่าหมออยากให้ตนทำอะไรก็ว่ามาเลย หมอบอกว่าจะขอเจาะชิ้นเนื้อบริเวณสมองของเขาไปตรวจ หลังจากนั้นก็แล้วแต่การตัดสินใจของเขาเอง ถามว่า “ต้องการให้หมอทำยังไงก็บอกมา”
แต่ธาดาก็ยังนิ่งเครียดอยู่อย่างนั้น...

ooooooo

คิมหันต์ไปที่สำนักงานกฎหมายบูรพา เขาโทรศัพท์ถึงเสียอ๋า เสี่ยอ๋าถามแซวๆว่าเห็นข่าวสังคมว่าเขาแต่งงานกับลูกสาวนายพลแล้ว นึกว่าจะเปลี่ยนใจแล้วเสียอีก

“อย่าสนใจเรื่องนั้นเลย เอาเรื่องของเราดีกว่า” คิมหันต์ตัดบท เสี่ยอ๋าบอกว่าเขาสั่งเมื่อไหร่ตนก็พร้อมลงมือได้ทันที

“เดี๋ยวนี้เลย...ผมต้องการได้ตัวน้องสาวมันมาให้เร็วที่สุด” เสี่ยอ๋าหัวเราะร่าหยอกว่าเจ้าชู้ไม่เบาเหมือนกันนะคุณคิมหันต์...

พอคิมหันต์วางสายจากเสี่ยอ๋า ชุมสายเข้ามาเอ่ยอย่างเป็นห่วงว่า

“แกถลำลึกจนเข้าข่ายเป็นเจ้าพ่อเข้าไปทุกทีแล้วนะไอ้คิม...ฉันจะไม่ถามว่าแกสั่งให้เสี่ยอ๋าทำอะไรบ้าง แต่ขอเตือนให้แกรู้นะ วันนึงที่สังคมขุดคุ้ยเรื่องราวของแก แกจะต้องมีคำตอบที่ชัดเจนให้กับสังคม”

คิมหันต์บอกว่าตนรู้ ถึงวันนั้นค่อยว่ากันอีกที ชุมสายถามว่าเขาไม่สงสารผู้หญิงบ้างหรือ

“พี่มลก็เป็นผู้หญิงแกลืมแล้วเหรอ? ที่ฉันทำทุกวันนี้ก็เพื่อพี่มล ฉันไม่ต้องการให้พี่สาวของฉันตายฟรี”

“นอกจากพี่มลแล้ว แกเคยมีความรักให้ใคร บ้างไหม...รักแท้น่ะ” ชุมสายจ้องหน้ารอคำตอบ แต่ก็ไม่มีคำตอบ จนโทรศัพท์สำนักงานดังขึ้น ชุมสายไปรับสาย แล้วบอกเขาว่า “ฉันว่าแกควรจะเป็นคนรับสายนี้ว่ะ”

พอคิมหันต์รับสาย เขาหน้าเสียเมื่อปลายสายคืออรรถ!

“เห็นแล้วใช่ไหมว่าการตามหาตัวนายไม่ใช่เรื่อง ยากสำหรับฉัน ซึ่งรวมถึงการใช้กำลังกับนายด้วย ฉันก็สามารถทำได้โดยง่าย แต่เพื่อเห็นแก่สถานะลูกเขยของฉัน ร่างกายของนายจึงไม่ควรบอบช้ำมากไปกว่านี้ เพราะฉะนั้นนายจงมาหาฉันแต่โดยดี เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายหรือทุพพลภาพ ฉันพูดแค่นี้เธอคงเข้าใจนะ...ไอ้ลูกชาย”

ooooooo

คืนนี้คิมหันต์จึงไปพบอรรถที่ร้านอาหารคลับหรู คิมหันต์เดินเข้าไปอย่างระแวดระวัง เมื่อพนักงานสาวพาไปที่โซฟา เสียงอรรถก็ทักจากข้างหลัง

“แผลหายดีรึยัง” คิมหันต์บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร แล้ว “แล้วความแค้นล่ะได้รับการเยียวยาขึ้นบ้างไหม สะใจพอรึยังกับความช้ำใจของมุกรินและนายธาดา หรือถ้านายต้องการให้มันมากกว่านี้รุนแรงกว่านี้ ฉันส่งคนของฉันไปจัดการให้ได้ สนใจจะใช้บริการไหมล่ะ”

“เพื่ออะไรครับท่าน”

“เพื่อลูกสาวฉันไงล่ะ...พูดตรงๆอย่างลูกผู้ชายนะ ถ้าฉันเป็นนาย ฉันก็อาจจะทำเหมือนนาย คือไม่เอาลูกสาวฉัน เพราะอะไร ก็เพราะพักตรามีทุกอย่างมากเกินไป เธอพรั่งพร้อมไปเสียทุกอย่าง รูปร่างหน้าตาการศึกษาฐานะ เครดิตในทางสังคม ผู้ชายหลายคนอยากได้ผู้หญิงที่ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องเพอร์เฟกต์ และต้องไม่เหนือกว่าเขา นั่นคืออุดมคติ แต่เพราะฉันเป็นพ่อของพักตรา ฉันจึงรู้ว่าใครก็ตามที่มีโอกาสอย่างนายควรจะเลือกพักตรา เพราะนายสามารถแสวงหาอุดมคติของนายได้ตลอดเวลาในชีวิตที่เหลือ แต่โอกาสที่นายได้รับจากฉันอย่างนี้

มันจะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในชีวิต”

“ท่านได้อย่างที่ท่านต้องการแล้วนี่ครับ หลังจากที่ผมยอมจดทะเบียนสมรส”

“ไม่พอ! วันนี้หัวใจพักตรากำลังจะแหลกสลายลงทีละนิดเพราะนาย” คิมหันต์บอกว่าตนเตือนท่านแล้ว “นายไม่ได้เตือนฉัน นายขู่ฉัน ซึ่งฉันไม่กลัว และฉันขอขู่นายกลับว่า ถ้านายยังเลือกเดินแบบนี้ นายจะไม่เหลืออะไรเลยในบั้นปลายชีวิต จำไว้”

อรรถลุกขึ้นพูดทิ้งท้ายว่า “ฉันจะไปยุโรปสามอาทิตย์ ไปคนเดียว ไม่ต้องถามนะว่าธุระอะไร แต่เมื่อฉันกลับมา ฉันหวังว่าจะเห็นพักตรามีความสุขมากกว่าวันนี้ ทำให้ฉันได้ไหม” คิมหันต์นิ่ง “ฉันไม่มีเวลาผิดหวังกับนายอีกแล้วนะ ไอ้ลูกชาย”

อรรถตบไหล่คิมหันต์แรงๆ แล้วเดินออกจากร้านไป

ooooooo

ปรารภบอกมุกรินว่าตนโทร.ไปหาหมอที่ดูแลธาดาแล้ว แต่หมอไม่ยอมพูดอะไรทางโทรศัพท์และกับคนที่ไม่ใช่เจ้าของไข้ ปลอบใจมุกรินว่า แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าพี่ชายเธออยู่ในมือหมอแล้วจริงๆ

ปรารภถามว่าอยากกลับไปดูอาการพี่ชายไหม มุกรินกลัวว่าถ้าคิมหันต์รู้เขาจะต้องตามไปซ้ำเติมพี่ชาย ตนถึงปลายเตียงแน่ๆ ปรารภจึงจะเช่าบังกะโลต่อไปอีกสองเดือน บอกว่าเธอต้องการอะไรเพิ่มเติมให้บอก

มุกรินเรียกเขา ปรารภรีบบอกว่าไม่ต้องขอบคุณอีกแล้ว “พี่บอกมุกแล้วว่าพี่ทำด้วยความเต็มใจ” เธอถามว่าจะตอบแทนเขาได้อย่างไรบ้าง “เอาไว้ถึงเวลาแล้วพี่จะบอก วันนี้นอนก่อนนะ...อ้อ ถ้านอนไม่หลับเคาะห้องพี่ได้ พี่จะได้ออกมานั่งคุยเป็นเพื่อนแถวล็อบบี้นี้ไง”

พอมุกรินขอบคุณ ปรารภเดินออกไปอย่างสดชื่นแจ่มใส...

ooooooo

คิมหันต์กลับไปที่บ้านวิมลรัตน์ เขาไปนั่ง เบื้องหน้ารูปพี่สาว พูดกับรูปอย่างสับสน...

“พี่มลครับ...ผมเริ่มไม่รู้ตัวแล้วว่าผมทำอะไรลงไป...และไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำนั้นส่งผลอย่างไรกับใครบ้าง...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันผิดหรือถูก...รู้แต่เพียงว่า ผมต้องทำ... มันเป็นการตัดสินใจทำตามสัญชาตญาณ เพื่อชำระสะสางทุกคนที่กระทำกับพี่มลอย่างโหดเหี้ยม...”

คิมหันต์นั่งจ้องรูปวิมลรัตน์อยู่อย่างนั้น บอกพี่สาวว่า...

“ถ้าดวงวิญญาณของพี่มลยังวนเวียนอยู่แถวนี้ และสามารถรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของผมได้ พี่มลช่วยส่งสัญญาณบอกผมทีได้ไหมครับ ว่าสิ่งที่ผมทำนั้น ไม่ผิด มันเหมาะสมแล้ว ถูกต้องแล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ไปมากกว่านี้...”

เช้าวันนี้เอง ขณะธาดาเดินออกจากโรงพยาบาลจะไปที่รถ ก็ถูกชายฉกรรจ์ที่คุ้นหน้ามาอุ้มขึ้นรถไป

พบเสี่ยอ๋าที่เซฟเฮาส์ ไปถึงมันจัดอาหารอย่างดีมาให้สองสามอย่างบอกว่าชอบอะไรก็กินอย่างนั้น กินเยอะๆ เพราะหลังจากมื้อนี้อาจจะไม่ได้กินอะไรอีกเลย ธาดาถามว่าตนต้องอยู่ที่นี่อีกหลายมื้อหรือ

ชายฉกรรจ์คนหนึ่งบอกว่าเขาต้องถามเสี่ยอ๋าเอาเอง แต่อึดใจเดียวเสี่ยอ๋าก็เข้ามา ธาดาหาว่าเสี่ยโกง หลอกให้ตนยืมเงินเล่น แล้วโกงตนจนหมดตัว ถามว่า “คุณต้องการอะไรจากผม?”

เสี่ยอ๋าพูดไม่อ้อมค้อมว่าตนรู้ว่าเขาไม่มีเงินตนจึงต้องการน้องสาวเขาแทน แล้วบอกให้เขากินอาหารให้อิ่ม เดี๋ยวตนจะกลับมาอีกครั้ง แล้วเราจะไปรับตัวคนสวยด้วยกัน

ooooooo

ขณะคิมหันต์ขับรถไปตามถนนเขาคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่พักตราโทร.มาบอกว่า เธอจะตามพ่อไปยุโรป เขาจะทำอะไรก็ทำได้เต็มที่เลยตนจะไม่หงุดหงิดเขาอีกแล้ว อีกเดือนหนึ่งเราค่อยเจอกัน เสียงโทรศัพท์มือถือเขาดังขึ้น เป็นสายจากเสี่ยอ๋าโทร.จากเซฟเฮาส์ที่เอาตัวธาดาไปเก็บไว้ เสี่ยแจ้งว่าได้ตัวธาดามาแล้ว และธาดาคงไม่รู้จริงๆว่ามุกรินอยู่ไหน วิเคราะห์ให้ฟังว่า

“สิ่งที่มันกำลังเป็นกังวลอยู่ตอนนี้มีสองเรื่อง คืออาการป่วยของมันซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง ดูเหมือนว่ามันกำลังอกหัก... แล้วจะให้ทำยังไงต่อครับ”

คิมหันต์บอกให้เก็บตัวธาดาไว้สักพัก ตนจะไปหาคนที่รู้ว่าเขาเป็นอะไร คนที่คิมหันต์ไปหาคือดวงดาวนั่นเอง เธอไปอยู่หอพัก แต่คิมหันต์ก็ถามจากเพื่อนในวงดนตรีจนรู้และไปหา ถามว่าทำไมเธอไม่ไปเล่นดนตรี เธอบอกว่าไม่มีอารมณ์เขาถามอีกว่าไม่กลับไปหาธาดาแล้วหรือ เธอบอกว่าเลิกกับเขาแล้ว แต่พอเห็นคิมหันต์เอื้อมมือมาสัมผัสแก้มตน ดวงดาวดักคอว่า “ฉันรู้นะว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่ฉันจะไม่มีอะไรกับผู้ชายอื่นจนกว่าจะเลิกกับคนเก่า และฉันก็เลือกคนที่จะมีอะไรด้วย”

คิมหันต์เคลื่อนหน้าเข้ามาเหมือนจะจูบ เธอขัดขึ้นว่า “และฉันจะไม่มีวันหลับนอนกับคนรักของเพื่อนเป็นอันขาด”

“เราคงเจอกันช้าไปจริงๆ” คิมหันต์พึมพำเสียงแผ่วเบา ดวงดาวร้องไห้ เขาถามว่าร้องทำไม เธอบอกว่าแค่อยากร้องถามเขาว่าเคยเป็นบ้างไหมเวลาที่หาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้น้ำตามันก็ไหลออกมาเฉยๆ คิมหันต์กอดเธอไว้แน่นถามว่ารู้สึกดีขึ้นไหม เธอพยักหน้า “ขอผมนอนที่นี่คืนนี้ได้ไหม สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรที่ไปไกลเกินกว่านี้เด็ดขาด”

ดวงดาวอนุญาตอย่างเชื่อในคำสัญญาของเขา ทั้งสองยืนกอดกันนิ่งกลางห้องพัก อย่างไม่มีทีท่าว่าจะมีอะไรเกินเลยกว่าที่สัญญากันไว้...

ooooooo

มุกรินตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นที่ได้นอนหลับสนิท มาทั้งคืน เธอเดินลงมาที่ห้องโถง เห็นที่โต๊ะมีผลไม้สวยสดจัดไว้บนโต๊ะ มีกระดาษโน้ตน่ารักแผ่นหนึ่งปักอยู่ข้างจานเป็นกระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมืออย่างสวยงามว่า...

“อาหารเช้าเพื่อสุขภาพ ออร์แกนิกล้วนๆ ไม่มีนม เนย น้ำตาลเจือปน พี่ต้องเข้ากรุงเทพฯด่วน...เสร็จธุระแล้วจะโทร.หานะครับ...พี่รภ”

มุกรินยิ้มเมื่ออ่านจบ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นกดหมายเลขของปรารภ อึดใจเดียวเขาก็ทักเสียงแจ่มใสมาว่า

“มอร์นิ่งจ้ะ...พี่ว่าจะลองโทร.ไปหามุกอยู่พอดี พอนึกถึงปุ๊บ มุกก็โทร.มาหาปั๊บ แหม...ใจตรงกันจริงๆ อาหารเช้าพอทานได้ไหมเอ่ย”

“พี่รภดูแลมุกอย่างกับลูกเลยนะคะ”

ปรารภบอกว่าถ้าเป็นลูก ตนไม่ค่อยดูแลหรอก จะปล่อยให้ล้มลุกคลุกคลานจะได้แกร่ง ถามว่าอยากรู้ไหมว่าตนดูแลเธอเหมือนใคร มุกรินเงียบ เขาเลยบอกเองว่า

“ไม่เหมือนใครเลย พิเศษเฉพาะมุกรินคนเดียวเท่านั้น ฟังดูน่าหมั่นไส้นะ”

มุกรินบอกว่าตนโทร.มาเพื่อจะบอกว่าไม่ต้องห่วง ตนอยู่ได้ ปรารภเล่าว่าตนมาทำวีซ่าให้ตัวแสบสองคน มีอะไรให้โทร.ฝากข้อความไว้เพราะเข้าสถานทูตแล้วต้องปิดมือถือ ย้ำว่าเสร็จธุระปั๊บจะบึ่งไปหาปุ๊บเลย มุกรินบอกว่าไม่ต้องด่วนขนาดนั้นก็ได้

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 11 วันที่ 28 ก.ย. 58

ละครรอยรักแรงแค้น บทประพันธ์โดย ชลาลัย
ละครรอยรักแรงแค้น บทโทรทัศน์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น กำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น ผลิตโดย บริษัท สามัญการละคร จำกัด
ละครรอยรักแรงแค้น ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น.
ติดตามชม ละครรอยรักแรงแค้น ได้ทางทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ