อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 6 วันที่ 10 ก.ย. 58

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 6 วันที่ 10 ก.ย. 58

พิมกำลังจะหยอดเหรียญเพื่อซื้อกระดาษชำระอยู่หน้าห้องน้ำ เห็นใบประกาศคนหายของปรางค์ทองในคราบตะวันเต็มสองตา รีบควานหามือถือในกระเป๋า นึกขึ้นได้ว่าทิ้งไว้ในรถจะกลับไปเอาก็ปวดปัสสาวะเกินจะทนไหว ตัดสินใจวิ่งเข้าห้องน้ำไปปลดทุกข์ ไผ่กับหนูพุทธเก็บใบประกาศมาถึงตรงนั้นพอดี ก็รีบดึงมันออก

“ตรงไหนอีกหนูพุทธ รีบพาไปเร็วๆ”

หนูพุทธเดินนำไผ่ออกไปโดยร้องไห้สะอึกสะอื้นไปตลอดทาง พิมออกจากห้องน้ำจะมาดึงใบประกาศแต่มันหายไปแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไรดี รีบวิ่งกลับไปที่รถ คว้ามือถือโทร.แจ้งเรื่องนี้ให้เปลวรับรู้



“พิม พาฉันไปหาลูกหน่อย ฉันอยากเจอลูก” เปลวพูดไปก็ร้องไห้ไปด้วย จังหวะนั้นมีเสียงรถเข็นของทรงพลดังเอี๊ยดอ๊าดมาแต่ไกล เธอรีบปาดน้ำตาทิ้ง กระซิบบอกพิมว่าแค่นี้ก่อนแล้ววางสายทันที เขาเห็นท่าทางมีพิรุธของเปลว ถามว่ามีเรื่องอะไรทำไมหูตาแดงแบบนั้น

เธอแต่งเรื่องว่าเป็นหวัด เขากุลีกุจอจะไปหยิบยามาให้ แต่ด้วยสังขารทำให้เขาเข็นรถอย่างทุลักทุเล จนเปลวต้องขอให้เขาหยุดได้แล้ว เธอจะหยิบยาเอง

“เอางั้นเหรอ ตามใจนะ แต่สัญญาก่อนว่าเปลวต้องกินยานะ ดูแลตัวเองให้ดี อย่าปล่อยให้ตัวเองเจ็บป่วยนะ ฉันเป็นห่วง” คำพูดของทรงพลทำให้เปลวแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ พยักหน้ารับคำ แล้วรีบออกไป...

แม้ไผ่ หนูพุทธกับพวกคนงานจะไล่ตามเก็บใบประกาศคนหายกันมือเป็นระวิง แต่ธงไทยก็เห็นจนได้ เขาโกรธจ๊ะจ๋ามากที่ระรานตะวันไม่เลิกไม่แล้ว ตัดสินใจส่งเธอกลับบ้านเกิดที่จังหวัดน่านและให้เดินทางวันพรุ่งนี้เลย จ๊ะจ๋าถึงกับร้องไห้โฮ รีบคลานเข้าไปกอดเท้านวล

“ไม่นะจ๊ะ จ๊ะจ๋าไม่ไปนะจ๊ะนายแม่นวล ช่วยจ๊ะจ๋าด้วย อย่าให้จ๊ะจ๋าไปเลยนะจ๊ะ จ๊ะจ๋าสำนึกผิดแล้ว”

นวลหนักใจมากเพราะคราวนี้จ๊ะจ๋าทำเกินไปจริงๆ ได้แต่เหลือบมองธงไทยที่ยืนหน้าตึง ไม่แม้แต่จะหันมาสบตาด้วย ตะวันเห็นใจจ๊ะจ๋ามาก แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร...

ระหว่างที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นที่ไร่นวลตะวัน เจ๊แน๊ตกับชีสเค้กเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน เดินผ่านโต๊ะทำงานของวิว เห็นเจ้าของโต๊ะนั่งหน้าเศร้าไม่ยอมกลับ อ้างว่าตอนนี้รถติด ขอนั่งทำงานที่นี่ก่อนดีกว่า ชีสเค้กจะอยู่เป็นเพื่อน เธอก็ไม่ยอมให้อยู่ ไล่ให้กลับกันก่อนไม่ต้องเป็นห่วง อีกสักพักเธอก็กลับเหมือนกัน

ทันทีที่ทั้งคู่คล้อยหลัง วิวซบแก้มข้างหนึ่งลงกับโต๊ะสีหน้าครุ่นคิดไปถึงอดีตเมื่อครั้งยังเรียนมหาวิทยาลัยกับธงไทย ตอนนั้นเธอกับเขาสนิทกันมากเหมือนเงาตามตัว วิวเสียดายที่ไม่ได้บอกความในใจให้เขารู้ ถึงตอนนี้บอกไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารัก

เสียงเปิดประตูร้านทำให้วิวตื่นจากภวังค์ หันมองตามเสียง เห็นชีสเค้กกับเจ๊แน๊ตหอบของกินพะรุงพะรังเข้ามา วิวรีบเช็ดน้ำตา กลัวถูกจับได้ว่าแอบร้องไห้อีก ร้องถามทั้งคู่ว่ากลับมาทำไม หรือว่าลืมของ

“ลืมอะไรยะ รถติดมากไม่กลับมันแล้ว ซื้อของกินมานั่งกินฆ่าเวลาดีกว่า”

วิวรู้ว่านี่เป็นแค่ข้ออ้างของคนสองคนที่รักและหวังดีกับตัวเธอเอง อดซาบซึ้งใจไม่ได้...

ทั้งตะวันและธงไทยต่างนอนไม่หลับออกมานั่งรับลมที่ระเบียงบ้าน เรื่องที่ทั้งคู่รับรู้ในวันนี้ มันเกินจะรับไหวจริงๆ ต่างฝ่ายต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

ooooooo

นันทาและกันเกรากำลังคุยกับนันทวัฒน์เรื่องงานแต่งงานระหว่างเขากับมยุริญอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้านตอนที่นันทนาเดินลุกลี้ลุกลนลงมาจากชั้นสองในสภาพโทรมสุดๆเนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ นันทาเห็นสภาพลูกสาวก็ทนไม่ไหว ไล่ให้ไปอาบน้ำอาบท่า แล้วเตือนว่าทีหน้าทีหลังอย่าใส่ชุดนอนลงมาแบบนี้อีก

“ทศมาหรือยังคะคุณน้ากันเกรา”

“ยังไม่เห็นนี่จ๊ะ”

นันทวัฒน์เห็นอาการมือไม้สั่นของน้องสาวก็จ้องเขม็ง เธอรีบหลบสายตาไม่กล้าสบตาด้วย ทำให้เขายิ่งสงสัย ซักเป็นการใหญ่ว่าเป็นอะไร ทำไมปล่อยให้ตัวเองโทรมแบบนี้ นันทาเห็นท่าไม่ดี ไล่เธอไปอาบน้ำซ้ำอีกครั้ง จังหวะนั้นตรีทศเดินเข้ามาพอดี นันทนาถลาเข้าไปหาพร้อมกับต่อว่าทำไมมาช้านัก แล้วลากเขาออกไป นันทวัฒน์มองตามด้วยความเคลือบแคลงใจ นันทาเกรงเขาจะตามไปวุ่นวายกับน้อง รีบเบนความสนใจ

“นี่ตาวัฒน์ แล้วเรื่องจัดงานจะว่ายังไง”

“ผมคงใช้บริการพวกมืออาชีพ ให้เขาทำให้เสร็จสรรพ”

“ก็ดีนะ ไม่ต้องมานั่งจัดการเอง ว่าแต่เจ้าไหนล่ะ”...

นันทวัฒน์กลับมาใช้บริการจัดงานแต่งงานของวิวอีกครั้ง แม้ว่าครั้งที่แล้วจะขลุกขลักอยู่บ้าง แต่นั่นก็เป็นเพราะนิสัยตรงเกินไปของปรางค์ทอง เขาขอให้ทุกคนลืมเรื่องเธอให้หมด แล้วมาว่าธุระของเราดีกว่า

“ผมกำลังจะขอว่าที่เจ้าสาวแต่งงานในงานประมูลเครื่องเพชรอาทิตย์หน้าครับ”

เจ๊แน๊ตถามว่าใช่งาน The Diamond art หรือเปล่าเพราะที่นี่ส่งชุดเจ้าสาวไปร่วมแสดงแบบด้วย ปรากฏว่าเป็นงานเดียวกัน...

ได้เวลาที่จ๊ะจ๋าจะต้องไปจากไร่นวลตะวัน นวลไม่อยากให้เธอไปไหน แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งของธงไทยได้ ได้แต่ปลอบจ๊ะจ๋าให้รอสักพัก พอเขาหายโกรธแล้ว ท่านจะให้คนไปตามกลับมา ไผ่เป็นห่วงไม่อยากให้จ๊ะจ๋าเดินทางด้วยรถโดยสารตามลำพัง อาสาจะขับรถไปส่งให้เองแล้วจะตีรถกลับคืนนี้เลย รับรองไม่เสียงานเด็ดขาด จังหวะนั้นธงไทยเดินหน้าเครียดเข้ามากับตะวัน

“ไม่ไปไหนทั้งนั้น ไผ่เอาของไปเก็บแล้วไปทำงานไป” ธงไทยเห็นไผ่รีๆรอๆ “ฉันสั่ง ไม่ได้ยินหรือไง”

“ไม่เป็นไรจ้ะพี่ไผ่ ฉันขอบใจพี่ไผ่มากนะจ๊ะ ฉันลานะจ๊ะพี่ไทย ตะวัน” ว่าแล้วจ๊ะจ๋าขยับจะไป ธงไทยสั่งห้ามเธอไปไหนเช่นกัน แล้วไล่ให้เอาข้าวของไปเก็บ ทุกคนยิ้มให้กันอย่างมีความสุขที่ไม่มีใครต้องจากที่นี่ไป แต่แล้วความสุขก็มลายไปสิ้นเมื่อตาท้วมเข้ามาแจ้งว่ามีแขกมาขอพบนายแม่

“บอกว่ามาหาผู้หญิงที่ตามหาญาติ ตามป้ายประกาศคนหาย”...

ครู่ต่อมา นวล ธงไทยและตะวันมานั่งเผชิญหน้ากับเปลวและพิมซึ่งรอท่าอยู่ในห้องรับแขกก่อนแล้ว เปลวจ้องหน้าลูกสาวซึ่งตอนนี้ไม่เหลือเค้าปรางค์ทองแล้วเศร้าใจมาก ตะวันเห็นท่านมอง รีบหลบไปอยู่หลังธงไทย

“เอ็งบ้าหรือดีเนี่ยปรางค์ ทิ้งผัวพันล้านมาเอาผัวชาวไร่ แล้วดูทำเข้าสิ แอ๊บเนาะ” พิมไม่วายปากเสีย

เปลวพยายามส่งสัญญาณไม่ให้เธอพูดมาก แต่เธอกลับพูดไม่หยุดปาก นวลค่อนข้างตกใจกับข้อมูลใหม่ชิ้นนี้ หันมองธงไทยกับตะวันก็ถึงบางอ้อเพราะดูท่าแล้วเหมือนทั้งคู่จะรู้มาก่อนหน้าแล้วว่าตะวันเป็นใครมาจากไหน

“เอ่อ ตะวัน ไปหาคุณแม่ของหนูสิจ๊ะ”

ตะวันเข้าไปกราบสวัสดีเปลวแบบกลัวๆกล้าๆแต่เธอรีบดึงลูกมากอดด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ ตะวันอึดอัดเนื่องจากความทรงจำเกี่ยวกับแม่ไม่มีในหัวของเธอแม้แต่น้อย ธงไทยมองหญิงคนรักสีหน้าเคร่งเครียด เขากับเธอกำลังจะลงเอยกันอยู่แล้ว แต่ดันมาเกิดเรื่องนี้ขึ้นเสียก่อน

ooooooo

อีกมุมหนึ่งนอกเรือนใหญ่ แทนที่จ๊ะจ๋าจะสมใจที่มีญาติมารับตัวตะวัน กลับรู้สึกไม่สบายใจ บ่นให้ไผ่ฟังว่าเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตัวแท้ๆ ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเลยเถิดขนาดนี้ ความจริงไร่ของเราไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวดังสักหน่อย ใครจะไปนึกว่าจะมีคนรู้จักตะวันมาเห็น

“มันคงเป็นโชคชะตาของตะวัน แต่คนที่น่าสงสารที่สุดคือพี่ไทย” คำพูดของไผ่ยิ่งทำให้จ๊ะจ๋ารู้สึกแย่ที่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ธงไทยผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ...

ตะวันถูกปล่อยให้คุยกับเปลวตามลำพัง โดยที่ธงไทย นวลและพิมคอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ขณะกำลังคุยถึงเรื่องที่ตัวเองถูกทำร้าย ตะวันรู้สึกสะดุดใจอะไรบางอย่าง แสงวูบวาบผุดขึ้นมาในหัวของเธออีกครั้ง ท่าทีประหม่าเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว ตวาดเสียงเขียวว่าผู้ชายที่เธอแต่งงานด้วยใช่ไหมที่เป็นคนทำร้ายเธอ เปลวตกใจที่แววตาแห่งความเคียดแค้นที่ตัวเองคุ้นเคยปรากฏบนใบหน้าลูกสาว รีบเขย่าตัวเธอเพื่อเรียกสติ

“ปรางค์...ใจเย็นนะลูก มันอาจไม่ใช่อย่างนั้น”

หญิงสาวได้สติ มองเปลวสีหน้างุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น...

ไม่ได้มีแต่ตะวันเท่านั้นที่คิดว่านันทวัฒน์อยู่เบื้องหลังการที่เธอถูกทำร้าย เจ๊แน๊ตเองก็คิดเช่นกันว่าน่าจะเป็นฝีมือของเขาซึ่งกำลังจะแต่งงานใหม่ ก็เลยจ้างคนไปตีหัวเมียเก่า วิวฟังแล้วชักจะคิดคล้อยตาม...

ทางฝ่ายนันทนาติดยาเสพติดงอมแงมอย่างที่ตรีทศวางแผนเอาไว้ วันนี้เขาไม่ให้ยาเธอเสพฟรีอีกต่อไป หากอยากได้ยาเธอต้องหาเงินมาให้เขาสามแสนบาท เธอส่ายหน้าดิกจะเอาเงินจากไหนมาให้ งานก็ไม่มีทำ แม่ให้เงินเธอใช้แค่เดือนละหนึ่งแสนบาทเท่านั้น

“ว้า ถ้างั้นทศก็สั่งของให้ไม่ได้น่ะสิเพราะเขารับแต่เงินสด ไม่มีเงินก็ไม่มีของก็แค่นั้น”

หญิงสาวครุ่นคิดหนักจะหาเงินที่ไหนไปซื้อยาแล้วนึกขึ้นได้ว่าในห้องของพ่ออาจมีของมีค่าพอจะเอาไปขายได้ชวนตรีทศไปที่นั่น รอจนพยาบาลพิเศษออกจากห้อง ค่อยๆย่องเข้าไปข้างใน อึ่งเดินผ่านมาเห็นหลังทั้งคู่ไวๆ ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่านันทนาพาตรีทศไปสวัสดีว่าที่พ่อตา ลูกสาวตัวแสบเห็นพ่อหลับอยู่ก็โล่งใจ เร่งให้ตรีทศรีบค้นหาของมีค่า กระทั่งเจอกล่องใส่นาฬิกาหรูแพงระยับ 2 เรือน แหวนทอง 1 วง และสร้อยพระ

นันทนาหยิบนาฬิกากับแหวนออกมาดู ขณะพิจารณาแหวนวงเก่าวงนั้นอยู่ เห็นวัฒนานอนมองตาแป๋วก็ตกใจ เขามองแหวนแล้วมองหน้าเธอเป็นทำนองไม่ให้เอาไป เธอไม่ได้ใส่ใจสายตาคู่นั้นของพ่อรีบชวนตรีทศออกจากห้องโดยที่ไม่ได้ขยับกล่องใบนั้นกลับเข้าที่ วัฒนาเครียดจัดที่ไม่สามารถห้ามปรามอะไรลูกได้...

ครู่ต่อมา ระหว่างนันทนากับตรีทศเดินสวนกับพิชิตเพื่อไปยังรถที่จอดอยู่ ตรีทศเร่งรีบร้อนมากไป เผลอทำกล่องใส่ยาเสพติดหล่น เม็ดยาตกพื้น พิชิตจะช่วยเก็บ แต่เขาชิงเก็บเสียก่อน แล้วพากันผลุนผลันออกไป บอดี้การ์ดหนุ่มได้แต่มองตามด้วยความสงสัย

ooooooo

เปลวยังไม่พร้อมจะเอาตัวลูกสาวกลับกรุงเทพฯตอนนี้ จึงฝากนวลกับธงไทยไว้ก่อน ทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ให้แล้วจะกลับมารับวันหลัง ธงไทยขอร้องในเมื่อตะวันไม่เหลือความทรงจำเก่าๆอีกแล้ว เปลวก็น่าจะปล่อยเธอไว้ที่นี่ เปลวทำอย่างนั้นไม่ได้นี่ลูกของตนทั้งคน ตะวันยืนกรานว่าไม่รู้จักท่านมาก่อน เปลวถึงกับน้ำตาซึม

นวลเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่ด้วยกัน บอกเปลวว่าไม่ต้องเป็นห่วง ตนกับธงไทยจะดูแลตะวันให้ดีที่สุด แต่เธอต้องมาเยี่ยมลูกบ่อยๆเผื่อความทรงจำของลูกจะกลับมา เปลวพยักหน้ารับคำ พิมปากเสียไม่เลิก

“อะไรของแกนะเปลว ได้เจอลูกแล้วแท้ๆน่าจะลากกลับไปด้วย ไปบุกบ้านไอ้ผัวพันล้านเลย ดูซิมันจะว่าไง คราวนี้จะได้รู้กันสักทีว่าใครมันจ้างคนมาทำยัยปรางค์ หรือแกไม่อยากรู้” คำพูดของพิมทำให้นัยน์ตาของตะวันฉายแววกร้าวขึ้นมาทันที ประกาศลั่นว่าอยากรู้ ความจริงและตั้งใจมั่นจะรู้ให้ได้...

ฝ่ายพิชิตยังแคลงใจเรื่องนันทนาไม่หาย มาดักรอนันทวัฒน์อยู่หน้าตึกใหญ่ ทันทีที่เขาลงจากรถ บอดี้การ์ดหนุ่มรายงานเจ้านายว่าพักนี้ดูนันทนาแปลกๆไป เขากลับเห็นว่าน้องสาวของเขาก็แปลกเป็นอาจิณอยู่แล้ว อย่าไปสนใจจะดีกว่า แล้วเล่าให้พิชิตฟังว่าวันนี้ไปวางแผนงานแต่งงานมา พิชิตตื่นเต้นดีใจที่เขาตัดใจจากปรางค์ทองได้แล้ว นันทวัฒน์ยังไม่แน่ใจเท่าใดนัก รู้แค่ว่าทำแบบนี้แล้วทุกคนคงมีความสุข

“ส่วนปรางค์ ฉันภาวนาทุกวันให้เธอกลับมา ฉันให้เวลาเธอถึงก่อนฉันแต่งงานกับยุริญนะ หลังจากนั้น อย่าหวังว่าฉันจะกลับไปหาเขาอีก”...

คืนนี้ทรงพลอารมณ์แปรปรวนหนักข้อขึ้น พอจับโกหกได้ว่าที่เปลวหายหน้าไปทั้งวันไม่ได้ไปไหว้พระอย่างที่กล่าวอ้างก็ลงมือตบตีล้มกลิ้งล้มหงายทั้งที่ตัวเองนั่งอยู่ในรถเข็น หาว่าเธอมีคนอื่น เธอพยายามอธิบาย แต่เขาไม่ฟัง โถมตัวตามไปบีบคอจนเธอแน่นิ่ง เขาถึงได้สติ ตกใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ ร้องเอะอะลั่นบ้าน

“เฮ้ย! มาช่วยกันหน่อยเร็ว ช่วยกันหน่อย”...

ตะวันเครียดหนักกับเรื่องที่เกิดขึ้นจนเก็บเอาไปฝันว่านันทวัฒน์จะฆ่าเธอระหว่างเข้าพิธีแต่งงานกัน ทีแรกเธอกลัวลนลานถอยกรูด แต่แล้วแววตาที่ตื่นตระหนักแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมคว้าข้อมือเขาบิดจนมีดหลุดมือ แล้วพลิกตัวกลับเป็นฝ่ายได้เปรียบ กดเขานอนลงกับพื้นแล้วบีบคอไว้แน่น

แต่ในความเป็นจริง ตะวันกำลังบีบคอนวลกดไว้กับเตียงนอน เธอพยายามเรียกชื่อตะวันเพื่อให้รู้สึกตัว แต่แววตาน่ากลัวที่จ้องมองมา ไม่เหมือนตะวันที่เธอเคยรู้จัก โชคดีที่ธงไทยเข้ามาห้ามไว้ทัน ตะวันได้สติเห็นตัวเองบีบคอนวลอยู่ รีบปล่อยมือแทบไม่ทัน จากนั้นก็ร้องไห้โฮ นวลต้องปลอบว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไร

“แต่ถ้าพี่ไทยไม่เข้ามา ตะวันคงจะ...” พูดได้แค่นั้น ตะวันก็ร้องไห้เป็นเผาเต่า ทั้งธงไทยและนวลช่วยกันปลอบไม่ให้เธอคิดมาก ที่เธอทำไปทั้งหมดเป็นเพราะไม่รู้ตัว ตะวันตระหนักแล้วว่าตราบใดที่เธอยังไม่รู้ความจริงว่าใครทำอะไรเธอไว้ สิ่งนั้นจะติดอยู่ในใจเหมือนสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอ รอวันที่จะทำร้ายคนรอบตัว

“ตะวันขอคืนแหวนหมั้นของเราไปก่อนนะคะ พี่ไทย” ว่าแล้วเธอถอดแหวนหมั้นคืนให้นวล

ธงไทยน้อยใจคิดว่าตะวันหวั่นไหวเพราะนันทวัฒน์ เศรษฐีพันล้านคนนั้น เธอพยายามอธิบายว่าเขาเข้าใจผิด แต่ธงไทยเสียใจเกินกว่าจะทนฟังไหว วิ่งหนีขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว...

ทางด้านเปลวค่อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้นบนเตียงนอนของตัวเองในสภาพใบหน้ายับเยิน ทรงพลเห็นเธอได้สติ ก็ร้องไห้ฟูมฟายขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ที่ลงมือซ้อมเธอ เปลวหลับตาเบือนหน้าหนี เพราะทุกครั้งที่เขาลงมือกับเธอก็มักจะลงเอยแบบนี้ ทรงพลเห็นท่าทางของเธอแล้วก็ยิ่งฟูมฟายหนัก

“เปลวก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนเลว แต่ที่ฉันต้องเป็นแบบนี้เพราะมัน เพราะมันคนเดียว มันปล้นทุกอย่างไปจากฉัน” ไม่พูดเปล่าทรงพลตีอกชกตัวจนหมดแรง ก่อนจะฟุบหน้ากับที่นอนข้างๆเธอ ในที่สุดเปลวก็ใจอ่อน ยอมให้อภัยเขาเช่นเคย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงต้องใจอ่อนแบบนี้ทุกที

ooooooo

นวลรู้จักลูกชายตัวเองดี เวลาที่เขาทุกข์ใจมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เขาจะไปหา จึงสั่งให้ไผ่ขับรถพาตะวันมาส่งที่ร้านของวิว ปรากฏว่าเขาอยู่ที่นั่นกับวิวจริงๆกำลังปรึกษากันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น

วิวเห็นด้วยที่ตะวันต้องการเคลียร์เรื่องราวในอดีตให้จบเสียก่อน แล้วถึงจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ จึงเล่าเรื่องที่นันทวัฒน์กำลังจะแต่งงานใหม่ให้ฟัง ตะวันฟันธง แสดงว่าเขาลืมภรรยาเก่าแล้วทั้งที่เพิ่งผ่านไปสามปี

อง และตลอดเวลาเหล่านั้น เขาไม่เคยคิดจะตามหาเธอ ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเธอจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

“ตะวันเลวร้ายขนาดไหนกันเชียว ทำไมต้องทำกับตะวันถึงขนาดนี้ด้วย”

“ก็อย่าพยายามไปรู้ไปเห็นมันสิครับตะวัน ลืมมันไปอยู่ในที่ที่ตะวันมีความสุข มีพี่มีแม่นวลมีทุกๆคนที่ไร่ คิดบ้างหรือเปล่า ถ้าตะวันรู้ ตะวันอาจยิ่งเป็นทุกข์ก็ได้นะ”

ตะวันยืนกรานต้องการรู้ความจริงให้ได้ ขอร้องให้วิวช่วยเธอด้วย เธอสัญญาหากรู้ความจริงเมื่อไหร่ เธอจะกลับไร่นวลตะวันและแต่งงานกับธงไทยทันที ในเมื่อเธอรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ วิวจึงตกลงใจจะช่วย

โดยจะใช้วันงาน The Diamond art ซึ่งนันทวัฒน์จะเปิดตัวเจ้าสาวคนใหม่ในงานนั้นเป็นการเปิดฉากการกลับมาของปรางค์ทองในคราบตะวัน

งานนี้ วิวจะให้ตะวันเป็นนางแบบเดินชุดฟินาเล่ปิดท้าย โดยสวมเครื่องเพชรที่เป็นไฮไลต์ของงานซึ่งจะเปิดให้มีการประมูลกัน และตามแผนการที่นันทวัฒน์วางเอาไว้ เขาจะประมูลเครื่องเพชรชุดนี้เป็นของหมั้นให้แก่มยุริญเจ้าสาวคนใหม่ของเขา ทั้งนันทา กันเกรา ทนงศักดิ์ พิชิตและมยุราล่วงรู้ถึงแผนการนี้ แต่ว่าที่เจ้าสาวไม่รู้ ทุกคนหวังจะเซอร์ไพรส์เธอ

ooooooo

ในที่สุดก็ถึงวันงานโชว์เครื่องเพชร คนที่เซอร์ไพรส์ไม่ได้มีแค่มยุริญเท่านั้น ทั้งนันทวัฒน์ พิชิตกับทนงศักดิ์ซึ่งอยู่ในงาน อีกทั้งนันทา กันเกราและวัฒนาที่ดูการถ่ายทอดสดทางทีวีอยู่ที่บ้าน ไม่เว้นแม้แต่มยุราแม่ของมยุริญต่างก็เซอร์ไพรส์กันถ้วนหน้าเมื่อพิธีกรบนเวทีประกาศว่าถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยแล้ว

“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านคะ เดอะ ไดมอนด์ ควีนค่ะ”

แสงไฟสาดส่องไปบนเวที ตะวันเดินออกมาด้วยท่าทางมาดมั่นดุจดั่งนางพญาราวกับไม่ใช่ตะวันคนเดิม นันทวัฒน์ตะลึงลุกพรวดขึ้นอย่างลืมตัวจนมยุริญใจเสีย พิชิตถึงกับพึมพำว่าไม่จริงเป็นไปไม่ได้ ทนงศักดิ์เองก็รู้สึกไม่ต่างกันกับเขา ตะวันเดินมาหยุดตรงหน้านันทวัฒน์ก่อนจะยิ้มให้อย่างเย้ายวน เขายืนนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด ขณะที่มยุริญได้แต่เบือนหน้าหนีด้วยความสะเทือนใจ...

ทั้งนันทา กันเกราและพยาบาลพิเศษซึ่งนั่งดูอยู่หน้าจอทีวีถึงกับอ้าปากค้าง ทุกคนมัวแต่ตะลึงไม่ทันเห็น วัฒนากำลังช็อก ตะวันไม่ล่วงรู้เลยการกระทำครั้งนี้ของตัวเองทำให้ทรงพลซึ่งบังเอิญดูการถ่ายทอดสดอยู่กับเปลวโกรธมากหาว่าเปลวเจอลูกแล้วไม่ยอมบอก จึงลงมือทำร้ายเธออีกครั้ง แล้วตามไปจิกหัวขึ้นมา

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 6 วันที่ 10 ก.ย. 58

ละครเพลิงตะวัน แนว โรแมนติก-ดราม่า
ละครเพลิงตะวัน บทประพันธ์โดย น้ำผึ้งเดือน 8
ละครเพลิงตะวัน บทโทรทัศน์โดย ดรีมทีม
ละครเพลิงตะวัน กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละครเพลิงตะวัน ผลิตโดย บริษัท ดูมันดี จำกัด
ละครเพลิงตะวันออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเพลิงตะวันได้ทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
ที่มา ไทยรัฐ