อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 6 วันที่ 12 ก.ย. 58

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 6 วันที่ 12 ก.ย. 58

เช้านี้คิมหันต์ไปยืนที่ชายหาด เขากำลังส่งรูปมุกรินในโฟลเดอร์นั้นไปยังโทรศัพท์อีกหมายเลขหนึ่ง

ดวงดาวเดินมาทักทายเขาอย่างอารมณ์ดี บอกเขาว่ามีอะไรก็รีบเคลียร์ให้จบๆเสีย ชีวิตจะได้ง่ายขึ้น ตอนนี้พักตราไม่อยู่ฉวยโอกาสเสียเลย

คิมหันต์มองไกลไปในท้องทะเล บอกดวงดาวว่า

“มีเรือเล็กของโรงแรมว่างอยู่ ผมจะขับไปเที่ยวเกาะ ช่วยบอกให้มุกไปกับผมได้ไหม”

ดวงดาวจัดให้ ถูกมุกรินถามว่าทำไมตนต้องไปกับเขา ดวงดาวบอกว่าตนก็แค่ทำหน้าที่สื่อรักให้คนรักกันเท่านั้น



มุกรินเสียใจด้วยถ้าเธอทำหน้าที่นี้ไม่สำเร็จ ดวงดาว บอกว่าจะให้เวลาตัดสินใจอีกสิบนาที ถ้าคิมหันต์มาเองก็อาจจะมันกว่าที่ตนมาตามเธอก็ได้ มุกรินนิ่งคิด

ที่บ้านเช่าธาดา เขางัวเงียขึ้นมาหยิบมือถือกดดูข้อความในเครื่อง ที่หน้าจอมีข้อความใหม่ เขากดดู ปรากฏรูปที่คิมหันต์ส่งมาพร้อมข้อความว่า

“ไหนมึงว่ากูไม่มีทางได้แอ้มน้องมึงไง”

ธาดากดดูภาพ เป็นรูปมุกรินนอนเปลือยหนุนแขนคิมหันต์อยู่ที่ชายหาด ธาดาสบถอย่างโกรธแค้นแทบคลั่ง

“ไอ้คิม! ไอ้ชาติชั่ว!!!”

ooooooo

ที่ริมหาดนี่เอง คิมหันต์ชวนมุกรินไปเที่ยวเกาะกัน เธอถามว่าพักตราเพิ่งหนีกลับกรุงเทพฯ ยังไม่รู้เรื่องจะบานปลายไปถึงไหน เขายังจะมีใจชวนตนไปเที่ยวเกาะอีกหรือ

ดวงดาวที่ยืนอยู่ห่างออกไป เห็นบรรยากาศของทั้งสองที่เริ่มดีขึ้น เธอจึงขอตัวกลับ มุกรินเรียกไว้ เธอหันบอกว่า

“เหอะน่า ทำตามหัวใจตัวเองเถอะ อย่างอื่นว่ากันทีหลัง เชื่อฉัน” แล้วดวงดาวก็ผละไปอย่างจงใจให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพัง

คิมหันต์ชวนมุกรินไปกันเถอะ เธอไม่กล้า เลยถูกเขาอุ้มไปลงเรือสปีดโบ๊ตที่จอดรออยู่ที่ชายหาด

พอดวงดาวแยกไปครู่เดียว เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากธาดา ถามว่าอยู่ไหน พอบอกว่าออกมาเดินสายร้องเพลง ก็ถูกตัดพ้อต่อว่าบอกให้กลับเร็วๆ

ธาดาถามว่าเจอมุกรินบ้างไหม ดวงดาวปดว่าไม่เจอ

“รู้ไหมว่ามุกอยู่กับไอ้คิม...มันส่งรูปมุกรินนอนเปลือยมาให้อาดู” ธาดาด่าคิมหันต์แล้วกำชับดวงดาวว่าถ้าเจอมุกรินให้บอกด้วยว่าอย่าไปยุ่งกับคนชั่วๆอย่างนั้น
ฟังธาดาเล่าแล้ว ดวงดาววิตกกับพฤติกรรมของคิมหันต์ไม่น้อย

ooooooo

คิมหันต์พามุกรินนั่งสปีดโบ๊ตมุ่งสู่ทะเลกว้าง เขาถามเธอว่า จำได้ไหมว่าเราเคยฝันด้วยกันว่าจะนั่งเรือฮันนีมูนกัน เราเคยฝันกันว่า

“ปล่อยให้เรือลอยไปเรื่อยๆ ไปถึงไหนก็ช่าง” มุกรินพูดถึงความฝันเวลานั้น

“ใช่...และนี่ก็คือทริปฮันนีมูนของเราสองคน...” ทั้งสองนั่งเรือไปด้วยกัน เพื่อให้ได้อยู่กันตามลำพังโดยไม่ถูกรบกวน คิมหันต์เอามือถือทั้งของตัวเองและมุกรินมาปิดเครื่อง โยนลงข้างๆ หันกอดมุกรินไว้อย่างรักใคร่...

ดวงดาวกลับถึงโรงแรม ทีมงานมาถามว่ามุกรินกลับหรือยัง เธอคลึงแก้วเครื่องดื่มในมือ บอกว่า ไม่ทราบค่ะ ไม่เห็น ทีมงานถามอีกว่ามุกรินออกไปกับคิมหันต์หรือเปล่า? เธอโทร.ติดต่อมุกรินได้ไหม

ดวงดาวปดว่าไม่ทราบ ยังไม่ได้ลอง ตอบตัดทุกปัญหาที่เกี่ยวกับมุกรินและคิมหันต์เพื่อไม่ให้ใครตามไปรบกวน

ooooooo

คิมหันต์พามุกรินไปถึงเกาะสวยที่ห่างไกลผู้คน และบนเกาะก็ไม่มีคนอยู่อาศัย มุกรินถามว่าพาตนมาที่นี่ทำไม

“ผมต้องการอยู่กับมุกตามลำพัง เพราะกำลังจะจีบมุกอีกครั้ง”

“หลังจากประกาศถอนหมั้นมุกและเพิ่งจะหมั้นกับสาวคนใหม่มาหมาดๆหรือ?”

“ถ้ามุกยังไม่ก้าวพ้นเรื่องนี้ ผมคงต้องใช้เวลานานกว่าจะจีบติด...เราอาจจะต้องค้างคืนที่นี่สักสองสามคืน” พูดแล้วคว้าถุงทะเลกันน้ำของตัวเองกระโดดลงน้ำ หันมาอุ้มมุกรินลงจากเรือ พาเดินลุยน้ำขึ้นไปบนเกาะ...

ระหว่างเดินขึ้นเกาะ เขาเล่าว่า เมื่อวานตอนเย็น ตนยืนดูบนหาดหน้าโรงแรม มองมาที่ขอบฟ้าฝั่งนู้นก่อนพระอาทิตย์ตก มันสวยมาก อย่างกับภาพวาดเลย มุกรินบอกว่าตนก็ดูอยู่เหมือนกัน

“มันเหมาะจะเป็นเกาะสำหรับการฮันนีมูนจริงๆ” มุกรินเหน็บว่าให้เขาไปบอกพักตราสิ คิมหันต์หันจ้องหน้าเธอพูดช้าๆ ชัดๆ “ผมกำลังยืนอยู่ต่อหน้าคุณ บนเกาะที่ไม่มีใครอื่น ทุกคำพูดของผมที่นี่ ผมตั้งใจพูดกับคุณ ด้วยความรู้สึกที่มีต่อคุณคนเดียว”

“แต่ก็เป็นการพูดลอยๆที่ไม่มีพยานยืนยัน”

“พยานของผมคือผืนฟ้าและท้องทะเล รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์และผีปู่ผีย่าที่ปกปักรักษาเกาะนี้”

มุกรินถามตื่นๆว่าที่นี่มีผีด้วยหรือ คิมหันต์พยักหน้า เล่าช้าๆว่า

“มันเป็นตำนานที่เล่าขานกันมาหลายชั่วอายุคน ...เล่ากันว่า สาเหตุที่ไม่มีใครกล้าเหยียบขึ้นมาบนเกาะนี้ เพราะทุกคนกลัวคำสาป คำสาปที่คนเฒ่าคนแก่ฝั่งโน้นเขาเชื่อกันทุกคน”

คิมหันต์หยุดมองไปรอบๆราวกับลำดับเรื่องราวจากคำบอกเล่าที่ฟังมา...

“พวกเขาเชื่อว่า ร้อยกว่าปีที่แล้ว มีคู่รักคู่หนึ่ง ล่องเรือหนีมาด้วยกัน จนมาพบเกาะนี้ พวกเขาตัดสินใจปักหลักใช้ชีวิตตามลำพังด้วยกันที่นี่ แต่แล้ว...วันหนึ่ง...พ่อแม่ญาติพี่น้องและคนรักเก่าของพวกเขาก็ตามมาจนถึงหน้าหาด ทั้งสองจึงตัดสินใจมัดตัวเองเข้าด้วยกันและถ่วงด้วยหิน ก่อนกระโดดลงไปจบชีวิตที่ใต้ท้องทะเล เพื่อพิสูจน์รักแท้...”

คิมหันต์หยุดเล่า หันมองหน้ามุกรินอย่างอ่านความรู้สึกก่อนเล่าต่อว่า

“ทุกคนในที่นั้น ทั้งโกรธทั้งเสียใจ จึงทำพิธีสาปแช่งต่อเทพยดาฟ้าดินว่า หากมีหนุ่มสาวคู่ใดพากันมาเหยียบบนเกาะนี้โดยไม่มีรักแท้ให้กัน ขอให้มันผู้นั้นจงพบกับความวิบัติ อัปมงคลจนถึงกับชีวิต บนเกาะนี้ทุกราย”

“แน่ใจนะว่าคิมไม่ได้แต่งเรื่องนี้ขึ้นมาเอง” คิมหันต์บอกให้เธอถามชาวบ้านแถวนี้ได้ถ้ามีโอกาสกลับขึ้นฝั่ง มุกรินมองหน้าถามอย่างระแวง “หมายความว่าไง ถ้ามีโอกาสกลับขึ้นฝั่ง?”

“ก็อาจจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเรา ถ้าคุณไม่มีรักแท้ ให้ผม...ผมพูดจริงๆ” มุกรินบอกให้เขาถามใจตัวเองดีกว่าว่ามีรักแท้ให้ตนแน่หรือ “ผมถึงได้พามุกมาเพื่อพิสูจน์ให้เห็นไง”

“จะชวนมุกโดดน้ำตายที่นี่เหรอ?”

“ผมจะชวนมุกแต่งงานที่นี่ต่างหาก”

สิ้นเสียงคิมหันต์ เสียงฟ้าคำรามก้องราวกับรับรู้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นบนเกาะนี้...

ooooooo

แต่ที่บริษัท Fast Tract ปรารภได้รับโทรศัพท์จากทีมอาร์ตแจ้งว่า

“พวกเราไม่มีอะไรทำนะพี่...พี่มุกก็ไม่อยู่ คุณคิมหันต์ก็หายไป...ก็เลยไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี จะกลับเลยหรือต้องอยู่รอพี่มุกก่อน หรือยังไงดีครับ สตางค์ก็ไม่ค่อยจะมี พี่ช่วยแก้ปัญหาหน่อยสิครับ”

ปรารภถามว่าแล้วพักตราซีอีโอของเราล่ะ? ทีมงานบอกว่าหายไปเป็นคนแรกเลย จะเอาอย่างไรดี

“เดี๋ยวพี่เช็กให้นะ แล้วจะโทร.กลับไปบอกอีกที” ปรารภวางสายสบถอย่างหัวเสีย “เวรเอ๊ย!” แล้วกดอินเตอร์คอมตะโกนเรียกเลขา “มะปราง โทร.หาคุณพักตราให้ผมหน่อย”

เลขาถามว่าให้โทร.ไปที่ไหน เขาบอกไม่รู้ แต่โทร.ให้เจอ ให้พูดกับเธอให้ได้ เดี๋ยวนี้”

มะปรางโทร.จนเจอ แต่พอคนใช้บอกพักตราว่าเป็นสายจากบริษัท ปรารภจะเรียนสายด้วยเท่านั้น พักตราบอกว่าตนไม่คุยด้วย แล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาคิมหันต์ แล้วก็ยิ่งหัวเสียเมื่อปลายสายบอกว่าไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้

ooooooo

ที่เกาะ...คิมหันต์เดินจูงมือคุยกับมุกรินอย่างสบายๆที่ชายหาด มุกรินถามว่าเรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า?

คิมหันต์บอกว่าแล้วแต่เราจะมองจากมุมไหน ตนมองจากมุมของเราสองคน มุกรินถามว่าเขาไม่สงสารพักตราหรือ?

“ถ้าเขารู้ว่าคิมอยู่กับมุกอย่างนี้...ถ้าเขารู้ว่าเรามีอะไรกันจริง เขาจะไม่ยิ่งแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่นี้อีกเหรอ”

“เพราะผมสงสารเขาไง ผมถึงต้องใช้เวลา”

มุกรินพูดอย่างผิดหวังว่าในที่สุดเขาก็คือผู้ชายที่เอาเปรียบผู้หญิง เขามีแต่ได้ แต่ตนกับพักตรามีแต่เสีย ถามว่าจะไม่ง่ายกว่าหรือถ้าเขาจะถอนหมั้นจากพักตรา?

“คุณคิดว่าง่ายเหรอ?” คิมหันต์ชี้แจงด้วยเหตุผลที่หนักใจว่า พักตรามีพ่อเป็นนายพล เป็นเหตุผลที่ตนต้องกลัว มุกรินถามว่าเขากับพักตรามีอะไรกันแล้วใช่ไหม เขาบอกว่าตนเมา แต่อย่างน้อยตนก็เป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ มุกรินถามว่าเขาทำเพื่อแก้แค้นตนหรือเปล่า “ใช่! นั่นคืออารมณ์ของผม ก่อนที่ผมจะเมา...”

คิมหันต์กุมมือมุกรินมองหน้าเธอเต็มตา บอกว่าตอนนี้ตนขาดเธอไม่ได้ ขอร้องให้เลิกพูดถึงคนอื่น เราพูดถึงอนาคตของเราดีกว่า

“ถ้าคิมยังรักพักตราอยู่ มันจะมีอนาคตระหว่างเราด้วยเหรอคะ...” คิมหันต์เอาแต่มองหน้าเธอเพราะตอบคำถามนี้ไม่ได้ “การไม่พูดถึงคนอื่นเลย แล้วคิดว่าโลกนี้มีเราเพียงสองคน มันหลอกตัวเองเกินไปค่ะ มันไม่เป็นจริงนะคะคิม นอกจากเราจะอยู่บนเกาะร้างอย่างนี้ไปจนตาย”

คิมหันต์บอกว่าตนอยากให้เป็นอย่างนั้น มุกรินติงว่ามันเป็นไปไม่ได้ เราอยู่บนเกาะนี้ตลอดไปไม่ได้หรอก

“แต่เรามีบ้านของเราได้นะ...กลับไปกรุงเทพฯคราวนี้ ผมจะหาบ้านสักหลังที่ไม่มีใครหาเจอ เราจะอยู่ด้วยกันที่นั่น มีชีวิตของเราที่นั่น โดยไม่มีเรื่องราวของคนอื่นเข้ามากวนใจเราเลย” แต่พอมุกรินถามว่านานแค่ไหน เขาตอบเหมือนไม่มีคำตอบว่า “จนกว่าผมจะเคลียร์เรื่องราวทุกอย่างได้” แต่สัญญาว่ามันไม่นานเกินรอหรอก อ้อนให้เธอสัญญาได้ไหมว่าจะไม่มีใครอื่น?

พอมุกรินพยักหน้า เขาขอร้องเธอว่า “รอผมก่อนนะ มุกริน” เธอตอบรับเบาๆ เขาดึงร่างเธอเข้าไปกอดแน่น ฝนตกลงมาอย่างแรง คิมหันต์จูงมือเธอเดินไปท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาทั้งเกาะ...

ooooooo

คิมหันจูงมือมุกรินวิ่งไปหลบฝนใต้หน้าผา ทั้งคู่เปียกฝนจนฉ่ำไปทั้งตัว บรรยากาศที่เป็นใจนี้ ทั้งสองต่างปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอารมณ์ปรารถนาของกัน และกัน...
คนที่แทบจะคลั่งคือพักตรา เธอระดมโทร.หาคิมหันต์ เมื่อติดต่อไม่ได้ก็ฝากข้อความทั้งด่าทั้งขู่ว่าถ้าไม่กลับมาหาตนภายในห้านาทีเกิดเรื่องแน่ ด่า “ไอ้ผู้ชายเฮงซวย” แล้วกดตัดสาย

แต่เพียงครู่เดียวเธอก็โทร.ไปใหม่ คราวนี้ฝากข้อความเสียงอ่อนโยน ขอโทษ บอกอย่าฟังข้อความนั้นและให้ลบทิ้งเสีย พูดใหม่ว่า “ทุกอย่างที่เกิดขึ้น พักตร์ให้อภัยได้ คิมไม่ใช่ผู้ชายเฮงซวยหรอก พักตร์ไม่โกรธคิมค่ะ...กลับมาหาพักตร์เถอะนะคะ” พูดจบก็นั่งร้องไห้ เธอสับสน อารมณ์แปรปรวนอย่างคนควบคุมตัวเองไม่ได้...
ฝ่ายคิมหันต์กับมุกรินมีความสุขหวานชื่นกันอยู่ใต้ชะง่อนผา มุกรินถามเขาว่า...

“คิมรู้อะไรไหม กว่าห้าปีที่เรารู้จักกันมา มุกเพิ่งจะรู้เมื่อไม่กี่เดือนมานี่เองว่าคิมน่ากลัวแค่ไหนเวลาโกรธ”

คิมหันต์ยอมรับว่าตนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ถามว่าตอนนี้เธอยังกลัวตนอยู่ไหม

“บางทีคิมทำเหมือนอยากจะฆ่ามุกให้ตาย”

“ผมยอมรับว่าเคยคิดอย่างนั้น ผมเคยฝันว่าผมบีบคอมุกตายคามือเลยนะ แต่ผมทำไม่ได้หรอก ผมทำแบบนั้นกับคนที่ผมรักไม่ได้หรอก” แล้วเปลี่ยนเรื่องถามว่า “ตกลงเราจะหาบ้านอยู่ด้วยกันนะมุก...รับปากกับผมสิ”

มุกรินตอบอย่างไม่มีทางเลือก เธอขอโทษเขาเรื่องธาดา พอเอ่ยถึงธาดา คิมหันต์แววตากร้าวขึ้นทันที

“นั่นแหละกรรม...เป็นกรรมที่พวกเราทุกคนต้องชดใช้...เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับนายธาดา มุกอย่าขวางผมอีกนะ”

มุกรินถามว่าเราจะกลับกันเมื่อไร เขาขอร้องเธอทำอะไรดีๆสักอย่างกับตนได้ไหม มุกรินมองหน้าเขางงๆ

สิ่งที่คิมหันต์ขอคือให้แต่งงานกับตน แล้วเขาก็จัดทำพิธีง่ายๆจากธรรมชาติที่มี แต่เปี่ยมด้วยความหมายของทั้งสอง คิมหันต์ขอให้เธอพูดตาม แล้วเขาจึงพูดเองด้วยประโยคเดียวกันว่า...

“ข้าพเจ้า...นายคิมหันต์ สุริยะศักดิ์ ขอประกาศว่า จะรับนางสาวมุกริน คุรุรัตน์ เป็นภรรยาสุดที่รัก จะรักเธอ และจะใช้ชีวิตกับเธออย่างมีความสุข ตราบจนสิ้นลมหายใจ”

แหวนแต่งงานที่คิมหันต์มอบให้มุกรินคือเอ็นเบ็ดตกปลา เขาร้อยรอบนิ้วนางเธออย่างนุ่มนวล อ่อนโยน บอกเธอว่า

“นี่คืองานแต่งงานที่มีความหมายสำหรับผมมาก”

“อย่างน้อยมุกก็ได้แต่งงานกับคิมก่อนพักตรา”

“มุกคือเจ้าสาวคนแรกและคนเดียวของผม”

มุกรินเอ่ยขอบคุณอย่างตื้นตันใจ แล้วก็เหมือนฟ้าเป็นใจ โปรยสายฝนลงมาเหมือนอวยพรแก่คู่บ่าวสาวที่มีความสุขอย่างที่สุดในชีวิตของกันและกัน...

ooooooo

ปรารภร้อนใจเรื่องที่ทั้งมุกรินและคิมหันต์หายตัวไป เขานั่งรถตู้ของบริษัทบ่ายหน้าไปประจวบทันที ระหว่างทางโทร.คุยกับชุมสายอย่างตึงเครียด ถามว่าเขาติดต่อคิมหันต์ได้หรือเปล่า

“เขาไปถ่ายรูปให้บริษัทของคุณที่ประจวบนี่ ทำไมครับ มีเรื่องอะไรรึเปล่า”

“เขาหายตัวไป ไม่มีใครติดต่อได้ ผมก็เลยลองโทร.มาถามคุณ”

“เป็นปกติของไอ้หมอนี่ครับ เวลาทำงานมันจะไม่สนใจใครทั้งนั้น ผมว่าเขาคงกำลังเพลินกับงานของเขาอยู่ เดี๋ยวก็กลับมาเอง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกครับ”

“ห่วงสิครับ เพราะเขาหายไปพร้อมกับคุณมุกริน!” ชุมสายถามว่าเขากำลังกลัวว่าคิมหันต์ลักพาตัวมุกรินหรือ? “ไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าผมเป็นห่วงคนของผม และในฐานะที่คุณเป็นเพื่อนคิมหันต์ คุณก็ควรห่วงคนของคุณด้วยเหมือนกัน”

ชุมสายดักคอว่ามุกรินเป็นคนของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ปรารภเสียงแข็งว่าใครเป็นลูกน้องตน ตนก็ถือว่าเป็นคนของตนทุกคน พูดแล้วตัดสายเลย ถามน้ายมคนขับรถว่าถึงไหนแล้ว พอน้ายมบอกว่าเพิ่งเลยมหาชัยมาหน่อยเดียว ปรารภก็ถอนหายใจพรวดอย่างหงุดหงิด

เวลาเดียวกัน ธาดาก็ไปหาพักตราที่บ้าน เธอบอกคนใช้ให้ไปบอกว่าตนไม่ให้พบ

พอคนใช้ไปบอก ธาดาตวาดว่าทำไมให้พบไม่ได้ ทำไมให้เข้าไปคุยไม่ได้ สั่งคนใช้ว่า

“ไปบอกเขาใหม่นะ บอกเขาว่าเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับคู่หมั้นของเขา ดูซิว่าเขาจะยอมให้พบไหม!”

“มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับคิมหันต์เหรอ” พักตราก้าวออกทันที พอธาดาบอกว่าใช่ เธอสั่งอย่างวางมาด “ว่ามา...พูดตรงนี้เลยไม่ต้องเข้าไปในบ้านฉัน”

“ผมอยากรู้ว่าตอนนี้นายคิมหันต์อยู่ไหนและคุณติดต่อเขาได้ไหม” พักตราย้อนถามว่าทำไมต้องบอก เพราะเขาอาจคิดไม่ดีกับคิมหันต์ก็ได้ “ผมคิดไม่ดีแน่ๆ เพราะคู่หมั้นคุณหายไปกับน้องสาวผม คุณคิดว่าผมควรจะไปตามตัวเขาที่ไหน?”

พักตราฟังแล้วชะงักอึ้งไปทันที

ooooooo

คิมหันต์กับมุกรินยังซุกตัวกันอยู่ที่ใต้ชะง่อนหิน ฝนยังกระหน่ำอย่างหนัก คลื่นลมถาโถมซัดฝั่งอย่างรุนแรง

มุกรินถามว่าจะเอาอย่างไรดี คิมหันต์บอกว่า

ถ้าให้ตนเลือก ตนเลือกนอนที่นี่ เธอติงว่าพวกที่ฝั่งจะยิ่งโกลาหลมากขึ้น เขาถามว่าจะลองเสี่ยงไหม มุกรินถามว่าเสี่ยงยังไง?

“คุณไว้ใจผมไหมล่ะ...ผมจะพาคุณกลับไปโรงแรมให้ได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”

เมื่อมุกรินพยักหน้า เขาจูงมือเธอวิ่งฝ่าสายฝนตรงไปยังเรือที่จอดอยู่ริมหาดทันที

ทั้งสองนั่งเรือสปีดโบ๊ตแล่นฝ่ามรสุม ท่ามกลางคลื่นใหญ่ลมแรงและสายฝนที่กระหน่ำ เรือถูกซัดโคลงเคลงไปมาน่ากลัว คิมหันต์จับมุกรินไว้ เธอถามว่าเราจะไปถึงฝั่งแน่นะ...

ไม่ทันไรเรือก็ถูกคลื่นซัดพลิกคว่ำ เรือแตก ทั้งสองเกาะอยู่บนชิ้นส่วนเรือที่แตก มุกรินเหมือนหมดสติไปมีเลือดออกที่ศีรษะและแขน คิมหันต์กอดเธอไว้แน่นพร่ำบอก

“มุก...คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ...อดทนอีกนิดเดียว ...เราจะขึ้นไปพักบนโขดหินข้างหน้า อยู่กับผมนะมุก...อยู่กับผม...”

เวลาเดียวกัน พักตราอาละวาดอยู่ที่บ้าน เธอขว้างปาข้าวของอย่างคลุ้มคลั่ง จนอรรถผู้เป็นพ่อสั่งให้หยุด ถามว่ากรีดร้องทำลายข้าวของอย่างนี้แล้วได้อะไรขึ้นมา เธอตะโกนว่าจะไปลากตัวพวกเขามาตบให้ตายไปเลย

“พ่อไม่ให้ไป! พ่อบอกแล้วไงว่าพ่อจะจัดการเรื่องนี้เอง พ่อส่งคนของพ่อไปที่นั่นแล้ว พ่อจะตามไปดูพรุ่งนี้เช้า” พักตราถามว่าทำไมไม่ไปคืนนี้เลยล่ะ

“คืนนี้พายุเข้า ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอกลูก เชื่อพ่อนะ ปัญหาของหนูทั้งหมดจะต้องจบลงภายในวันพรุ่งนี้...พ่อสัญญา”

ปรารภไปถึงโรงแรมแล้ว ทีมงานบอกว่าทั้งมุกรินและคิมหันต์ออกไปจากโรงแรมตอนสายๆ อาจไปที่เกาะร้างห่างจากฝั่งไปราวสองชั่วโมงกว่า

“บ้าแน่ๆ ออกไปทำไมไกลขนาดนั้น” ปรารภหงุดหงิด ทีมงานบอกว่าผีดุอีกต่างหาก คนแถวนี้ไม่มีใครกล้าขึ้นไปเหยียบเกาะสักคน ปรารภถามว่าเราหาเรือแถวนี้ตามไปดูได้ไหม ทีมงานบอกว่าพายุอย่างนี้ไม่มีใครกล้าออกจากฝั่งหรอก ปรารภหงุดหงิดบ่นว่า มุกเขาน่าจะสั่งอะไรใครไว้บ้างนะ

“มีญาติพี่มุกคนนึงตามมาทีหลัง พี่จะลองถามเขาดูไหมล่ะ เขาชื่อดวงดาว ตอนนี้น่าจะอยู่ที่บังกะโล” ทีมงานบอก

ปรารภไปหาดวงดาว คาดคั้นถามเรื่องมุกริน ดวงดาวไม่ยอมบอก ถามว่าทำไมเขาต้องตามหามุกรินด้วย เธอไม่ใช่เด็กแล้ว ไปได้ก็กลับมาได้เอง เห็นปรารภหงุดหงิดงุ่นง่านมาก ดวงดาวพูดตามแบบของเธอว่า

“เท่าที่ฉันรู้ก็คือ สองคนนั้นรักกัน คนรักกันอยู่ด้วยกันมันน่าเป็นห่วงตรงไหน”

“ห่วงว่าจะไม่ได้รักกันจริงน่ะสิครับ...พวกที่ทำเหมือนรัก เพื่อแลกกับผลประโยชน์อันนี้ยิ่งน่ากลัว ไม่รู้ว่าคุณธาดาจะรู้ทันคนพวกนี้ไหม” บ่นแล้วปรารภเดินหัวเสียออกไปโทร.หาธาดา ไม่นานธาดาก็มาหา

ดวงดาวที่บังกะโล หาว่าเธอหนีตนมา ดวงดาวบอกว่าไม่ได้หนี ตนมาเล่นดนตรีกับเพื่อนๆพี่ๆ

ธาดาจับผิดว่าเธอไม่ได้บอกว่ามาอยู่กับมุกรินที่นี่ ซ้ำเป็นตัวการจัดแจงให้มุกรินกับคิมหันต์ลงเรือไปเกาะกันอีก ดวงดาวอ้างว่าเขาเป็นคนรักกัน ธาดาโต้ว่ามุกรินถูกคิมหันต์หลอก ป่านนี้คงถ่ายคลิปแชร์ไปทั่วเมืองเหมือนตอนประกาศถอนหมั้นแน่

ดวงดาวเชื่อว่าคิมหันต์ทำเพื่อเย้ยหยันเขาคนเดียว และก็คุ้มด้วย ถ้าเทียบกับสิ่งที่เขาทำกับคิมหันต์ ธาดาสะอึกถามว่ารู้หรือว่าตนทำอะไร คาดคั้นดวงดาวให้บอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่ารู้อะไรบ้าง

“ปล่อยนะอา...อย่าทำอย่างนี้กับหนู...ความลับของอา อาก็รู้อยู่แก่ใจ จะต้องให้บอกอีกเหรอ” เมื่อธาดาคาดคั้นให้บอกแต่ดวงดาวไม่บอก เขาตบหน้าเธอจนเซ ดวงดาวจ้องหน้าธาดาประกาศกร้าว “อาทำกับหนูอย่างนี้ แปลว่า เราอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว”

ดวงดาวคว้ากระเป๋าเดินทางออกไปทันที ธาดาตะโกนเรียกไม่ได้ผล เขาทรุดนั่งซึมอย่างหมดแรง...

ooooooo

คิมหันต์พาร่างมุกรินที่ไม่ได้สติขึ้นไปผายปอด เขาพร่ำเรียก อ้อนวอนอย่าเป็นอะไร เราต้องอยู่ด้วยกัน จนมุกรินรู้สึกตัวถามว่าเราอยู่ที่ไหน? เขาบอกว่าโขดหินด้านใดด้านหนึ่งของเกาะ

“เป็นเพราะเราไม่ได้รักแท้ให้กันหรือเปล่า เราถึงได้ถูกคำสาป”

คิมหันต์บอกว่าไม่จริง เพราะเรามีรักแท้ต่างหากเราถึงรอดตายและเราจะอยู่คู่กันตลอดไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจไปพร้อมกัน ในยามวิกฤตินี้ ต่างบอกรักกัน เสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจให้กัน...

คืนนี้มุกรินไอและมีไข้ คิมหันต์เฝ้าปลอบให้อดทนอีกนิดเดี๋ยวก็เช้าแล้ว น่าจะมีชาวประมงผ่านมาบ้าง เขาขอโทษที่พาเธอมาที่นี่ มุกรินพูดอย่างอ่อนเพลียแต่มีความสุขว่า

“มุกมีความสุขที่ได้อยู่กับคิมที่นี่”

“กลับขึ้นฝั่ง ผมจะขอถอนหมั้นพักตรา...ผมจะดูแลมุกตลอดไป ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีกแล้วมุก...ผมสัญญา...”

รุ่งเช้าก็มีเสียงเรือแว่วมา คิมหันต์รีบลุกไปโบกมือตะโกนขอความช่วยเหลือสุดเสียง เรือลำนั้นบ่ายหน้ามาหา มีชายสองคนลักษณะเป็นชาวประมง พอมาถึง คิมหันต์บอกว่า “เมื่อคืนเราโดนพายุพัด เรือล่มอยู่กลางทะเล”

“รู้แล้ว พวกทหารเขาวิทยุบอกกันให้แซ่ด มาฉันจะพาไปส่งเอง... แล้วผู้หญิงบาดเจ็บหรือเปล่า” พอรู้ว่ามีแผลนิดหน่อยและมีไข้ด้วย “ฉันมียา...ขึ้นมาเลย”

“เรารอดแล้วนะมุก...เราปลอดภัยแล้ว” คิมหันต์กอดมุกรินไว้อย่างอบอุ่นบนเรือชาวประมงลำนั้น...

ที่โรงแรม...ธาดาเอะอะโวยวายกับพนักงานโรงแรมที่ขอเรือตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้ ขณะนั้นปรารภก็เข้ามาบอกว่า

“ทหารแจ้งว่ามีชาวประมงช่วยพวกเขาขึ้นเรือแล้ว ตอนนี้กำลังพากลับมาส่งที่ฝั่ง อยากรู้ไหมว่าเขาเจอตัวที่ไหน”

ฝ่ายพักตราพอรู้ว่าเจอตัวคิมหันต์กับมุกรินที่เกาะร้างก็หันไปฟ้องพ่อ โวยวายว่าตนไม่ยอม ให้พาคิมหันต์กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย

อรรถอยู่ในรถที่กำลังบ่ายหน้าไปประจวบ บอกพักตราที่โทร.มาโวยวายว่า

“ก่อนพากลับบ้าน พ่อขอทำหน้าที่พ่อที่ดีของลูกก่อน พ่อจะทำเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ลูกไม่ต้องห่วง” พอกดวางสายจากพักตรา อรรคจิกตาร้าย!

ooooooo

ที่ชายหาดหน้าโรงแรม ทั้งธาดา ปรารภ และทีมงาน ตลอดจนพนักงานโรงแรม พากันมารอรับคิมหันต์กับมุกรินที่มากับเรือชาวประมง ทหารมารับทั้งสอง และโทร.ขอหมอเมื่อรู้ว่ามุกรินบาดเจ็บและมีไข้

พอคิมหันต์ขึ้นฝั่งก็ถูกธาดาตรงเข้าชกหน้าตวาด “อย่ายุ่งกับน้องสาวฉันอีก”

มุกรินบอกธาดาว่าตนเต็มใจไปกับคิมหันต์เอง ธาดาบอกให้เธอเลิกคบกับเขาได้แล้วเพราะ

“ไอ้นี่มันหลอกมุก มันไม่ได้จริงใจกับมุก”

มุกรินปกป้องคิมหันต์ บอกธาดาว่าตนตัดสินใจเองได้ แต่พอธาดาเอาคลิปที่คิมหันต์ส่งให้ดู เป็นภาพที่มุกรินนอนเปลือยกอดคิมหันต์อยู่ที่ชายหาด เธอชาไปหมดทั้งตัว ตรงไปตบหน้าคิมหันต์ พูดใส่หน้าเขาว่า

“ถ้าคำสาปบนเกาะเป็นจริง คุณเตรียมตัวตายได้แล้ว! และช่วยไปตายไกลๆฉันด้วย!”

คิมหันต์พยายามจะอธิบาย แต่มุกรินเดินไปแล้ว ทันใดนั้นมีชายฉกรรจ์สามคนเดินมาถามว่าคิมหันต์ สุริยะศักดิ์ ใช่ไหม พอเขารับว่าใช่ หนึ่งในนั้นบอกว่า “กรุณาตามเรามาทางนี้”

คิมหันต์มองชายทั้งสามอย่างไม่วางใจ

ooooooo

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 6 วันที่ 12 ก.ย. 58

ละครรอยรักแรงแค้น บทประพันธ์โดย ชลาลัย
ละครรอยรักแรงแค้น บทโทรทัศน์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น กำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น ผลิตโดย บริษัท สามัญการละคร จำกัด
ละครรอยรักแรงแค้น ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น.
ติดตามชม ละครรอยรักแรงแค้น ได้ทางทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ