อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 7 วันที่ 12 ก.ย. 58

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 7 วันที่ 12 ก.ย. 58

ทั้งนันทา กันเกราและพยาบาลพิเศษซึ่งนั่งดูอยู่หน้าจอทีวีถึงกับอ้าปากค้าง ทุกคนมัวแต่ตะลึงไม่ทันเห็น วัฒนากำลังช็อก ตะวันไม่ล่วงรู้เลยการกระทำครั้งนี้ของตัวเองทำให้ทรงพลซึ่งบังเอิญดูการถ่ายทอดสดอยู่กับเปลวโกรธมากหาว่าเปลวเจอลูกแล้วไม่ยอมบอก จึงลงมือทำร้ายเธออีกครั้ง แล้วตามไปจิกหัวขึ้นมา

“บอกมา บอกมาเดี๋ยวนี้ ฉันอยากเจอลูกฉัน ฉันคิดถึงปรางค์”

“ฉันไม่รู้...ฉันไม่รู้จริงๆค่ะ” เปลวอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร...

นวลซึ่งอยู่ที่ไร่นวลตะวันเห็นตะวันที่ปรากฏตัวทางทีวีแล้วก็อดเป็นกังวลแทนลูกชายตัวเองไม่ได้...



ทางฝ่ายนันทวัฒน์รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ไม่ได้ยินสรรพเสียงใดๆรอบตัวจนทนงศักดิ์ต้องสะกิดเตือนว่าการประมูลชุดสร้อยเพชรไฮไลต์ของงานเคาะราคามาที่สามล้านสามแสนบาท ซึ่งเป็นการเรียกราคาครั้งสุดท้ายแล้ว เขายังคงยืนค้างอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้แขกผู้มีเกียรติรายอื่นประมูลชุดเครื่องเพชรชิ้นนี้ไปครอง มยุริญรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินขอตัวไปเข้าห้องน้ำแล้วลุกออกไปเลย นันทวัฒน์ได้แต่มองตะวันที่ยืนอยู่บนเวที สลับกับมยุริญที่เดินออกจากห้อง ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรดี...

ตะวันกลับเข้าหลังเวทีเมื่อการประมูลสิ้นสุด ทันทีที่เจอหน้าธงไทยซึ่งรอท่าอยู่ เหมือนองค์ออกจากร่าง กลับมาเป็นตะวันคนเดิมก่อนจะเป็นลมล้มพับ โชคดีที่เขารับตัวไว้ทัน...

หลังจากหายตะลึง นันทวัฒน์ตรงรี่มายังหลังเวทีโดยมีทนงศักดิ์และพิชิตตามมาขอร้องอย่ากลับไปหาผู้หญิงคนนั้นอีกเลยมันไม่คุ้มค่า ขอให้สงสารมยุริญด้วย
“ผมแค่อยากรู้ว่าทำไม ทำไมเธอถึงทิ้งผมไป”

นันทวัฒน์มาช้าเกินไป ตะวันถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าโรงพยาบาลไหน ส่วนมยุริญเข้าไปตั้งสติอยู่ในห้องน้ำ เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจของตัวเองสักพักแล้วจึงออกจากห้องน้ำ เจอนันทวัฒน์พร้อมด้วยทนงศักดิ์และพิชิตยืนรอท่าอยู่ เธอทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชวนทุกคนกลับแล้วเดินนำออกไป...

อาการช็อกของวัฒนาหนักเข้าขั้น หมอต้องเตือนนันทาว่าทีหน้าทีหลังอย่าให้ท่านสะเทือนใจแบบนี้อีก เธอบ่นอุบว่าเป็นอุบัติเหตุ ใครจะไปนึกว่านังนั่นจะโผล่มา หมองงไม่เข้าใจว่าเธอพูดเรื่องอะไร กันเกรารีบตัดบท

“เอ่อ...แล้วคืนนี้จะยังไงคะ ดิฉันจะเฝ้าระวังอาการท่านเจ้าสัวอย่างไร”

“หมอให้ยาคลายเครียด คงหลับยาวถึงเช้า ไม่น่ามีอะไรครับ” จากนั้นหมอขอตัวกลับ กันเกราอาสาจะไปส่งหมอให้เอง นันทาพยักหน้ารับรู้ หันมองไปทางคู่ชีวิตที่หลับสนิทด้วยความสงสาร...

ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หมอตรวจอาการของตะวันไม่ได้เป็นอะไรมาก อนุญาตให้กลับบ้านได้ วิวเห็นดึกมากแล้ว ชวนทั้งคู่ไปค้างบ้านตัวเองก่อน ธงไทยจะพาตะวันกลับคืนนี้เลย เธออ้าปากจะทักท้วง แต่เขาชิงพูดตัดหน้า ในเมื่อเธอได้เจอนันทวัฒน์แล้ว เราก็ควรกลับไร่นวลตะวันได้แล้วไม่ใช่หรือ

“แต่ตะวันยังไม่รู้อะไรเลยนะคะพี่ไทย”

“พอเถอะตะวัน มันจะไม่ทำให้อะไรดีขึ้นหรอก เชื่อพี่สักครั้งนะ”

แม้จะคับข้องใจที่ยังไม่ได้อะไรคืบหน้า แต่ตะวันก็ยอมกลับบ้านไปกับธงไทย

ooooooo

จากนั้นไม่นาน นันทวัฒน์เดินมาส่งมยุริญถึงตัวบ้าน ไม่รู้จะคุยอะไรด้วยเพราะรู้สึกผิดต่อเธอมาก มยุริญจึงเป็นฝ่ายชวนเขาคุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“งานสนุกดีนะคะพี่วัฒน์ ยุริญว่าทีมงานนี้จัดงานใช้ได้เลยนะคะ แอบขอเบอร์ไว้ด้วยค่ะ เผื่อวันหน้าวันหลังจะได้ใช้งาน” เธอเห็นเขามีท่าทีอึดอัดรีบตัดบท “เหนื่อยใช่ไหมคะ งั้นพี่วัฒน์กลับไปพักผ่อนเถอะนะคะ”

นันทวัฒน์ได้แต่พยักหน้ารับ แล้วหมุนตัวกลับออกไป เดินได้แค่สองก้าว ก็หันกลับมามองอีกครั้งมยุริญส่งยิ้มหวานมาให้ ไม่มีวี่แววเศร้าเสียใจแต่อย่างใด แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาสบายใจแม้แต่น้อย มยุราซึ่งแอบมองอยู่ตลอด รอจนเขาคล้อยหลังถึงได้ก้าวออกจากมุมมืด มยุริญทักทายแม่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเก็บอาการ

คนเป็นแม่ย่อมรู้จักลูกของตัวเองดี บอกเธอว่าต่อหน้าคนอื่นเธอไม่ต้องแสดงความรู้สึกใดๆก็ได้ แต่กับท่านแล้วไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น มยุริญโผกอดแม่ร้องไห้โฮอย่างสุดกลั้น มยุราได้แต่กอดตอบปลอบใจ...

นันทานอนไม่หลับนั่งรอลูกชายกลับมาอย่างใจจดจ่อ ทันทีที่เจอหน้า ก็ต่อว่าเขาว่าในเมื่อปรางค์ทองทำให้บ้านเราต้องร้อนเป็นไฟ ทำให้พ่อของเขาต้องตกอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้ เขายังคิดจะรับนังมารนั่นกลับมาอีกหรือ นันทวัฒน์แก้ต่างแทนปรางค์ทองว่ามันเป็นอุบัติเหตุ พิชิตก็ยืนยันแล้ว หรือท่านไม่เชื่อใจเขา ท่านก็รู้ว่าเขาเสี่ยงตายเพื่อครอบครัวของเรามากี่ครั้งกี่หนแล้ว นันทานิ่งไปอึดใจก่อนจะขอร้องลูกชายอย่าทำให้ทุกคนผิดหวังอีก

“แล้วผมล่ะครับ ผมต้องผิดหวังอยู่คนเดียวงั้นหรือครับ” ตัดพ้อจบนันทวัฒน์เดินขึ้นห้องไม่ยินดียินร้ายกับเสียงตะโกนไล่หลังของแม่ที่บอกให้เลิกโง่สักที นันทาแค้นใจมากพาลแช่งชักหักกระดูกปรางค์ทองว่าน่าจะตายให้รู้แล้วรู้รอด จะกลับมาทำไมอีก ประกาศลั่นจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ครอบครัวตัวเองต้องพินาศเพราะเธออีก

ooooooo

ขณะเฮียฮุยพ่อของตรีทศนั่งกินข้าวต้มรอบดึกอย่างสบายอารมณ์ มีไลน์จากบุคคลปริศนาที่เขาตั้งชื่อไว้ว่า A ส่งรูปปรางค์ทองในคราบตะวันกำลัง เดินแบบอยู่ในงานโชว์เครื่องเพชรมาให้ดู พร้อมกับข้อความต่อว่า

“นี่มันหมายความว่ายังไง ไหนว่าจัดการไปแล้ว... เฮียรับเงินฉันไปแล้วนะ”

เฮียฮุยไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ตะโกนโหวกเหวกเรียกนายเขียวกับนายแจ๊คมาหา แล้วเอารูปในไลน์ที่เพิ่งได้รับให้ดู ไหนว่าเก็บมันแล้ว ทำไมมันยังมาเดินแบบได้อีก ทั้งคู่ยืนยันว่าเห็นเธอตายกับตาตัวเอง แต่พอเขาถามหาศพอยู่ไหน พวกนั้นกลับอึกอัก ก่อนจะหวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อสามปีก่อน

ตอนนั้นมีงานสังสรรค์ของสมาคมนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจัดอย่างหรูหรา ปรางค์ทองกับนันทวัฒน์ยังไม่มาปรากฏตัวในงาน สร้างความไม่พอใจให้นันทาเป็นอย่างมาก เพราะเพื่อนๆร่วมอาชีพของเธอหมายมั่นปั้นมือจะผลักดันให้นันทวัฒน์เป็นนายกสมาคมคนต่อไป เธอจึงสั่งการให้ทนงศักดิ์โทร.ไปเร่ง เขายังไม่ทันจะกดเบอร์ นันทวัฒน์กับปรางค์ทองเดินเข้ามาในงานเสียก่อน

นันทาเห็นสะใภ้แสนชิงชังมาด้วย ก็เหน็บแนมต่างๆนานาทำนองว่าเธอเป็นงูเห่าเลี้ยงไม่เชื่อง สองแม่ผัวลูกสะใภ้เปิดศึกน้ำลายกันกลางงาน นันทาทนไม่ไหวจะตบสั่งสอนปรางค์ทองสักฉาด แต่ทนงศักดิ์คว้าตัวไว้ทัน นันทวัฒน์ต้องขอร้องให้ท่านใจเย็นๆ คนมองกันใหญ่แล้ว ท่านไม่สนใจ ผู้คนจะได้รู้ว่าท่านต้องเจอกับอะไร

“คนเขาคงจะสนุกปากกันนะคะ ศึกงูเห่ากับหมาบ้า”

“ปรางค์ เกินไปแล้วนะ นี่แม่พี่นะ” นันทวัฒน์เห็นปรางค์ทองยังไม่หยุดก้าวร้าว ตวัดมือจะห้ามแต่มือดันไปเฉี่ยวแก้ม เธอพานคิดว่าเขาเข้าข้างแม่ถึงกับลงไม้ลงมือกับเธอก็ทั้งโกรธทั้งอับอายสะบัดหน้าเดินหนี นันทวัฒน์จะตาม แต่นันทารั้งตัวไว้ไม่ให้ตาม ระหว่างที่ปรางค์ทองเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกจากห้องจัดงาน พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งถือถาดใส่แก้วเหล้าตรงเข้ามาหา

“เครื่องดื่มครับคุณผู้หญิง”

ด้วยความโมโห ปรางค์ทองคว้าแก้วเครื่องดื่มกระดกเข้าปากจนเกลี้ยง แล้วเดินจากไป พนักงานเสิร์ฟมองตามยิ้มสมใจ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาโทร.รายงานปลายสายว่าปลากินเบ็ดแล้ว

ทันทีที่ปรางค์ทองออกมาหน้าโรงแรม รถแท็กซี่ซึ่งสมุนของเฮียฮุยเป็นคนขับปราดเข้ามาจอดเทียบ เธอเห็นนันทวัฒน์วิ่งตามมารีบขึ้นรถแท็กซี่ แล้วสั่งให้ออกรถ ยาในเครื่องดื่มเริ่มออกฤทธิ์ ปรางค์ทองมึนหัวไปหมด กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นกับดักก็เป็นตอนที่แท็กซี่ขับมาจอดแถวถนนสายเปลี่ยวใกล้ตลาดค้าส่งพืชผลทางการเกษตร
สมุนอีกคนหนึ่งของเฮียฮุยออกจากที่ซ่อน เปิดประตูรถจะเข้ามานั่ง แม้จะมึนหัวแต่ปรางค์ทองรวบรวมกำลังถีบสมุนคนนั้นกระเด็นแล้ววิ่งหนี โดยมีสองสมุนไล่ตาม

ooooooo

เฮียฮุยตบบ้องหูสมุนทั้งสองคนที่ส่งไปจัดการปรางค์ทองหน้าคะมำเมื่อรู้ความจริงว่าทั้งคู่ไม่ได้เห็นกับตาว่าเธอตาย แค่สรุปเอาเองว่าโดนซ้อมขนาดนั้นไม่น่าจะรอด ตรีทศเข้ามาเห็นเตี่ยกำลังสั่งสอนสมุน ร้องถามว่าโมโหเรื่องอะไร เขาไม่อยากให้ลูกรู้เรื่องจึงรวบรัดตัดความ

“พวกลื้อไปจัดการให้เรียบร้อย อย่าให้อั๊วต้องทวงเงินกลับ”

สมุนทั้งสองคนรับคำ รีบพากันออกไป ตรีทศอดสงสัยไม่ได้ทำไมเตี่ยต้องโมโหขนาดนี้ด้วย เขากลบเกลื่อนว่าไม่มีอะไร แค่พวกมันทำงานพลาดนิดหน่อย แล้วตัดพ้อลูกชายเมื่อไหร่จะมาช่วยงานตนเต็มตัวสักที ตนเหนื่อยจะแย่แล้ว เขาอ้างว่ากำลังช่วยเตี่ยขายยาอยู่ แล้วควักเงินที่ได้จากค้ายาเสพติดยื่นให้

“ตี๋เอ๊ย ไอ้งานขายยาส่งยาน่ะ จะทำเองทำไมให้โดนจับ หนูช่วยเตี่ยดูแลตลาดไม่ดีกว่าเหรอ”

ตรีทศขอเที่ยวเล่นอีกสักพักหนึ่งก่อนค่อยว่ากัน เฮียฮุยตามใจ ลูกว่าอะไรไม่เคยขัดอยู่แล้ว...

ในเวลาเดียวกัน นวลกับธงไทยพยายามเกลี้ยกล่อมให้ตะวันล้มเลิกความตั้งใจที่จะสืบหาคนที่ทำร้ายเธอปางตาย แต่เธอยืนกรานจะต้องทำให้เขาคนนั้นร้อนเป็นไฟเพื่อตอบแทนให้สาสม นวลเตือน เล่นกับไฟระวังมันจะย้อนกลับมาเผาตัวเอง เธอไม่กลัว เธอเหมือนตายไปแล้ว อะไรก็ไม่น่ากลัวสำหรับเธออีกต่อไป

“แต่พี่กลัว...กลัวจะเสียตะวันไป”

“ตะวันไม่ไปไหนหรอกค่ะ ตะวันจะอยู่กับทุกคนที่นี่” ตะวันเสียงหนักแน่น...

การปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งของปรางค์ทองในคราบตะวันทำให้พิชิตถึงกับนอนไม่หลับ ครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเขาเดินสำรวจรอบบ้านวัฒนาตามหน้าที่ เห็นปรางค์ทองในชุดนอนนั่งร้องไห้อยู่ที่โต๊ะสนาม ก็ร้องทัก ดึกป่านนี้ทำไมถึงยังไม่นอนอีก เธอคร่ำครวญถึงความคับข้องใจให้ฟังว่าเหงามาก วันๆ นันทวัฒน์ทำแต่งาน แล้วชวนให้เขานั่งคุยเป็นเพื่อน พิชิตลังเลเพราะกลัวใครจะมาเห็น

“ไม่กล้าเหรอ เอาเถอะช่างเถอะ ฉันอยู่คนเดียวก็ได้”

พิชิตเห็นใบหน้าเศร้าของเธอแล้ว ตัดสินใจลากเก้าอี้มานั่งแต่ทิ้งระยะไว้พอไม่ให้น่าเกลียด ทีแรกเขาคุยกับเธออย่างระมัดระวังตัว แต่ยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกผ่อนคลาย ความสวยมีเสน่ห์ของเธอทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งคู่คุยกันอย่างออกรสไม่ทันสังเกตเห็นนันทายืนมองมาจากชั้นบนของตึกใหญ่ และนั่นเป็นสาเหตุให้ปรางค์ทองกับพิชิตถูกนันทาเล่นงานในเช้าวันถัดมา หาว่าทำตัวไม่เหมาะสม นั่งคุยกันสองต่อสองในที่ลับตาคนยามวิกาล

นันทวัฒน์รีบตัดบท “เอาแหละครับคุณแม่ ผมว่าเรื่องนี้มันไม่มีอะไรเลย ทั้งปรางค์และพิชิตก็อยู่ในบ้านนี้เหมือนกัน จะพูดจากันบ้างไม่เห็นจะแปลก อีกอย่างนี่พิชิตนะครับ ถ้าเป็นคนอื่นก็ว่าไปอย่าง”

พิชิตก้มหน้านิ่ง รู้สึกผิดต่อเจ้านายเหลือเกินเพราะเมื่อคืนเขาไม่อาจห้ามใจให้หลงเสน่ห์ของปรางค์ทองได้ เธอไม่ได้ทำอะไร เขาต่างหากที่หวั่นไหว

นันทาไม่ต่อว่าอะไรอีก เตือนว่าทีหน้าทีหลังให้ระมัดระวังหน่อยก็แล้วกัน บ้านนี้อยู่กันอย่างผู้ดี แล้วเดินเชิดหน้าจากไป นันทวัฒน์หันไปขอร้องปรางค์ทองอย่าถือสาอะไรแม่ของเขา ท่านเตือนในฐานะผู้ใหญ่เท่านั้น แล้วขอโทษพิชิตด้วยที่แม่ของเขาทำให้ต้องลำบากใจ

“คุณวัฒน์อย่าห่วงเลยครับ แค่คุณวัฒน์เข้าใจก็ดีแล้ว”

“ฉันจะคิดอะไรกับนายได้ล่ะพิชิต นายดีกับฉันขนาดนั้น” คำพูดของนันทวัฒน์ยิ่งทำให้พิชิตรู้สึกผิด เหลือบมองปรางค์ทองที่มองตอบเขาด้วยรอยยิ้มลับลึกบางอย่าง เขาถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำ

พิชิตตื่นจากภวังค์ อยากจะลบทุกสิ่งออกไปจากความทรงจำของตัว แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ

ooooooo

จ๊ะจ๋าสำนึกผิดแล้วจริงๆ เห็นตะวันลงมาเตรียมอาหารตั้งแต่ไก่โห่ เข้ามาช่วยเป็นลูกมือ เจียมจะเข้ามาช่วยอีกแรง แต่สองสาวอ้างว่าทำเองได้ เธอจึงถอยออกไปยืนตรงประตูครัวมองบรรยากาศดีๆระหว่างสองสาวอย่างสบายใจ ตาท้วมที่ตามมาด้านหลังถึงกับออกปากหากเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกก็คงจะดี

“นั่นสินะ ถ้านังจ๊ะจ๋ามันไม่งี่เง่า เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้ สงสารคุณไทยเธอจริงๆ ต่อไปจะเป็นยังไงไม่รู้เพราะนังตัวยุ่งตัวเดียวแท้ๆ”

ตาท้วมไม่โทษจ๊ะจ๋าแต่ฝ่ายเดียว ต่อให้เธอไม่ทำเรื่องขึ้นมา โชคชะตาก็ต้องพัดพาให้เป็นแบบนี้อยู่แล้ว และเขาเชื่อว่าเรื่องไม่จบง่ายๆ มันต้องมีอะไรตามมาอีกมากมาย...

เป็นอย่างที่ตาท้วมคาดไว้ไม่มีผิด สายวันเดียวกัน สมุนของเฮียฮุยสองคนขับรถมาตระเวนแถวถนนหน้าไร่นวลตะวัน ธงไทยขี่มอเตอร์ไซค์กำลังจะไปดูคนงานในไร่ สวนกับรถคันดังกล่าวรู้สึกคุ้นหน้าพวกนั้น แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน ขี่รถต่อไปสักพักก็นึกออกว่าเคยเห็นวันที่เจอตะวันถูกทำร้ายรีบวกรถกลับ...

สมุนของเฮียฮุยขับรถตะลุยเข้ามาถึงเรือนใหญ่ที่จ๊ะจ๋ากับตะวันกำลังตัดแต่งพืชผลเพื่อจะนำไปจำหน่ายจ๊ะจ๋าคิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวหลงทางมารีบเข้าไปชี้แจงกลับถูกหนึ่งในคนร้ายผลักจนล้ม ไผ่วิ่งเข้ามาพอดีรีบพยุงเธอลุกขึ้น ยังไม่ทันจะเข้าไปต่อว่า คนร้ายชักปืนเล็งไปทางที่ตะวันอยู่ แต่ยังไม่ทันลั่นไก ธงไทยขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาเหวี่ยงหมวกกันน็อกโดนกลางหลังเต็มๆ ทำให้เสียจังหวะ เขาตั้งหลักได้จะยิงอีกครั้ง ธงไทยวิ่งเข้าไปกอดตะวันไว้แน่นรับกระสุนแทนจนเลือดอาบ

คนร้ายจะตามเข้าไปซ้ำ แต่ตาท้วมลากปืนมายิงต่อสู้เฉี่ยวหัวเขาจนเซเสียหลักปืนหลุดมือ ก่อนจะพากันวิ่งหนีขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว ตะวันมองตามด้วยสายตากร้าว ส่งธงไทยให้จ๊ะจ๋ากับไผ่ดูแลแทนแล้ววิ่งไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ของธงไทยไล่ตามคนร้าย โดยไม่ลืมคว้าปืนซึ่งตกอยู่ที่พื้นติดมือไปด้วย

ตะวันขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ตามคนร้ายจนทัน สังหารไปได้หนึ่งคน แต่อีกคนหนีรอดไปได้

ooooooo

ธงไทยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล มีเพียงบาดแผลถูกยิงที่แขนเท่านั้นอาการไม่น่าเป็นห่วง ทั้งนวลและตะวันต่างโล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไรมาก ทันทีที่รู้สึกตัว ธงไทยไม่ห่วงตัวเองแม้แต่น้อย กลับถามตะวันว่าเป็นอย่างไรบ้างปลอดภัยใช่ไหม เธอพยักหน้ารับคำ ขอโทษเขาด้วยที่ทำให้ต้องเลือดตกยางออก

“พี่เต็มใจ เพราะพี่คงทนไม่ได้แน่ๆ ถ้าตะวันเป็นอะไรไป”

ตะวันเริ่มรู้แล้วว่าเธอเป็นตัวนำอันตรายมาสู่ทุกคน ในไร่นวลตะวัน ครุ่นคิดหนักกับเรื่องนี้ มีเสียงเคาะประตูห้องพักฟื้นดังขึ้น ทำให้เธอตื่นจากภวังค์ หันมองตามเสียงต้องตกใจเมื่อเห็นนันทวัฒน์เดินเข้ามากับพิชิต ตะวันยืนนิ่งทำตัวไม่ถูก ขณะที่เขาแทบจะวิ่งมากอดเธอด้วยความรักและคิดถึง แต่ต้องหักห้ามใจ ค่อยๆเดินเข้าหา ตะวันถอยหนีจนตัวติดเตียงผู้ป่วย ธงไทยคว้ามือเธอมาจับไว้แสดงความเป็นเจ้าของ ทำให้นันทวัฒน์แทบ อกแตกตาย พิชิตมองปรางค์ทองในคราบตะวันอย่างพิจารณาว่าเธอแกล้งจำไม่ได้หรือว่าอะไรกันแน่

“ปรางค์...ทำไม” นันทวัฒน์ตัดพ้อ

“เธอชื่อตะวัน ไม่ใช่ปรางค์อะไรของคุณ...คุณจำผิดคนแล้ว” ธงไทยออกโรงปกป้องเต็มที่

“ไม่จริง นี่คือปรางค์ทอง ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผม”

“นี่มันอะไรกัน ใครบอกแม่ที” นวลมองคนนั้นทีคนนี้ทีงงไปหมด นันทวัฒน์เล่าเรื่องปรางค์ทองคร่าวๆ ให้ฟัง ขณะที่นวลเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอเป็นการตอบแทนว่าเธอถูกทำร้ายอาการปางตาย ตอนนี้เธอไม่หลงเหลือความทรงจำใดๆอีกแล้ว นันทวัฒน์สะเทือนใจมากที่เกิดเหตุร้ายกับเธอ ชวนให้เธอกลับบ้านไปกับเขา

“ผมว่าพวกคุณกลับไปเถอะครับ เธอจำพวกคุณไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ปล่อยเธอไปเถอะ คิดเสียว่าเธอตายไปแล้ว อย่าจองเวรกับเธออีกเลย”

นันทวัฒน์ไม่ค่อยพอใจนักที่ธงไทยพูดราวกับว่าเขาเป็นคนทำร้ายตะวัน ใช่หรือไม่ธงไทยเองก็ไม่แน่ใจ รู้แต่ว่าวันนี้มีคนร้ายบุกไร่ของเราซึ่งอาจจะเป็นคนของเขาก็ได้ นันทวัฒน์ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องอะไรด้วย พยายามจะพาตะวันกลับไปให้ได้ สองหนุ่มเถียงกันไปมาไม่มีใครยอมใคร ตะวันซึ่งเป็นคนกลางตัดสินใจจะอยู่ที่นี่กับ ธงไทย นันทวัฒน์ถึงกับอึ้ง...

เฮียฮุยแทบจะแหกอกสมุนของตัวเองที่จัดการเหยื่อไม่สำเร็จอีกครั้ง แถมยังต้องมาเสียคนของตัวเองไปอีก บ่นอุบ แล้วจะหาใครที่ไหนไปจัดการนังนั่น สมุนแนะให้ลองใช้บริการของนักฆ่าสาวห้าวที่ชื่อคีริน

“มันเลิกรับงานไปแล้วน่ะสิ ไม่งั้นฉันจะใช้พวกแกเหรอ คิดแล้วโมโหจริงๆ”

ตรีทศเดินลงมาในชุดนอน พลางต่อว่าเตี่ย เสียงดังอะไรกันนักหนาจนตนนอนไม่หลับ เฮียฮุยไม่อยากให้ลูกรู้เรื่องนี้ รีบโบกมือไล่สมุนออกไป แล้วถามลูกชายว่าทำไมนอนข้ามวันข้ามคืนแบบนี้ ตรีทศคุยว่าตอนนี้ลุยงานขายยาหนักไปหน่อยเนื่องจากจะเก็บเงินไปซื้อรถหรู เฮียฮุยร้องห้ามเสียงหลงว่าซื้อไม่ได้ เดี๋ยวโดนตำรวจเพ่งเล็ง ตรีทศเจ็บใจ มีเงินตั้งมากมายกลับใช้ได้แค่รถกระบะ

“เตี่ยรู้ไหมหนูต้องโดนพวกไฮโซมันดูถูกยังไงบ้าง คอยดูเถอะ วันหนึ่งพวกมันจะต้องเสียใจที่ทำเหมือนหนูเป็นไอ้บ้านนอกแบบนี้”

ooooooo

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 7 วันที่ 12 ก.ย. 58

ละครเพลิงตะวัน แนว โรแมนติก-ดราม่า
ละครเพลิงตะวัน บทประพันธ์โดย น้ำผึ้งเดือน 8
ละครเพลิงตะวัน บทโทรทัศน์โดย ดรีมทีม
ละครเพลิงตะวัน กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละครเพลิงตะวัน ผลิตโดย บริษัท ดูมันดี จำกัด
ละครเพลิงตะวันออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเพลิงตะวันได้ทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
ที่มา ไทยรัฐ