อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 11 วันที่ 30 ก.ย. 58

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 11 วันที่ 30 ก.ย. 58

มุกรินบอกว่าตนโทร.มาเพื่อจะบอกว่าไม่ต้องห่วง ตนอยู่ได้ ปรารภเล่าว่าตนมาทำวีซ่าให้ตัวแสบสองคน มีอะไรให้โทร.ฝากข้อความไว้เพราะเข้าสถานทูตแล้วต้องปิดมือถือ ย้ำว่าเสร็จธุระปั๊บจะบึ่งไปหาปุ๊บเลย มุกรินบอกว่าไม่ต้องด่วนขนาดนั้นก็ได้

“ไม่ได้สิ เรื่องของมุก ด่วนและรวดเร็วกว่าทุกเรื่องอยู่แล้ว...บ๊ายบายจ้ะ”

ฝ่ายคิมหันต์ นอนกอดดวงดาวทั้งคืนตื่นแต่เช้าก่อนไปเขาเขียนข้อความสั้นๆทิ้งไว้ข้างมือถือของเธอว่า



“เปิดดูทันทีที่ตื่น”

ดวงดาวหยิบมือถือเครื่องนั้นเปิดดู เป็นคลิปที่ถ่ายก่อนหน้านี้สี่ชั่วโมง พอเปิดก็เห็นหน้าคิมหันต์ทักอย่างอารมณ์ดี

“อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าคุณนะ...”

ปรากฏภาพเขาถ่ายดวงดาวนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ในขณะที่เขายังคงพูดไปเรื่อยๆ...

“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง...ทั้งเรื่องราวที่เล่าให้ฟัง และที่นอนหนานุ่ม รวมทั้งที่อนุญาตให้ผมนอนกอดคุณจนอุ่นอกอุ่นใจ...ผมไปก่อนนะ มีธุระหลายอย่างที่ผมต้องทำให้เสร็จ...ถ้ามีความคืบหน้าเรื่องอาการนายธาดาเมื่อไหร่ ผมจะส่งข่าวบอกให้...ถ้าคุณยังต้องการรู้...

เช่นเดียวกับเรื่องราวของมุกริน ผมรู้ว่าคุณก็เป็นห่วงเธอพอกับผม...เอ้อ...ดูเหมือนคุณจะป่วยนะ ผมพาไปหาหมอเอาไหม...”

คิมหันต์หยุดหัวเราะแล้วพูดอย่างรู้ทันว่า...

“รับรอง คุณต้องตอบผมว่า ไม่เป็นไร ฉันช่วยตัวเองได้ โอเค งั้นก็ไปอาบน้ำ เอาน้ำราดหัวให้เย็นสบาย ไม่เลวนะ ผมก็เพิ่งทำแบบนั้นเมื่อกี๊นี้เองแหละ...บ๊ายบายนะ...คนสวย...”

คิมหันต์ยิ้มหวานให้ก่อนปิดกล้อง ดวงดาวเองก็ยิ้มหลังจากดูคลิปจบ...

ooooooo

ขณะมุกรินกำลังอาบน้ำ เสียงมือถือดังขึ้น ก่อนกดรับ เธอดูเบอร์พร้อมคำว่า unknown

“ฮัลโหล...ค่ะ...ดิฉันมุกรินกำลังพูดค่ะ...พี่ใหญ่?! ...ดิฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” มุกรินวางสายสีหน้ากังวลมากจนทำอะไรแทบไม่ถูก แล้วไม่นานเธอก็โทร.หาปรารภขณะขับรถอยู่บนถนนไฮเวย์มุ่งสู่กรุงเทพฯ ฝากข้อความว่า

“พี่รภคะ มุกต้องกลับกรุงเทพฯด่วนค่ะ...พี่ใหญ่เป็นลมหมดสติอยู่ข้างทาง หมอโทร.มาตามมุกให้ไปดูอาการพี่ใหญ่ พี่รภไม่ต้องเป็นห่วงมุกนะคะ”

มุกรินไปถึงอาคารที่เป็นคลินิกเอกชนหรูหราตั้งอยู่ชานเมือง มีเจ้าหน้าที่มาถามชื่อ แล้วพาเข้าไปในอาคาร ใจเธอจดจ่ออยู่แต่กับอาการป่วยของธาดา แต่พอถาม เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า

“ผมไม่ได้รับอนุญาตให้พูดอะไร เดี๋ยวให้เจ้าของเรื่องเป็นผู้ตอบคุณมุกรินดีกว่านะครับ”

มุกรินถูกพาไปนั่งรอในห้องรับรองพิเศษ เจ้าหน้าที่คนนั้นบอกให้เธอใจเย็นๆ รอสักครู่ ขณะนั่งรออย่างกระวนกระวายใจ แล้วเธอก็ผงะเมื่อคนที่เข้ามาคือคิมหันต์!

“คุณหนีผมไม่พ้นหรอกมุก” มุกรินถามว่านี่มันอะไรกัน! “ผมต้องการคุยกับคุณ ไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่มีโอกาสคุยกับคุณ” มุกรินบอกว่าต้องการพบพี่ชายไม่ต้องการคุยกับเขา “พี่ชายคุณปลอดภัยดี อยู่ในมือของหมอแล้ว เป็นหมอที่โรงพยาบาลไม่ใช่หมอที่นี่”

“ถึงว่าสิ...ที่นี่มันเหมือนบ่อนการพนันมากกว่าจะเป็นโรงพยาบาล คุณจ้างใครให้วางแผนหลอกฉันอย่างนี้”

“ก็แค่คนรู้จักกันไม่กี่คนที่เขาเห็นใจผม เอาอาสาโทร.ไปหาคุณ”

ที่แท้เป็นฝีมือเสี่ยอ๋านั่นเอง เขาโทร.ไปบอกมุกรินว่าพี่ชายเธอหนีออกจากโรงพยาบาลไปนอนหมดสติอยู่ข้างทาง ให้ญาติรีบมาดูอาการและผลการตรวจของคนไข้โดยด่วน ไม่ใช่ที่โรงพยาบาลแต่เป็นคลินิกที่ส่งแผนที่มาให้ด้วยแล้ว

มุกรินว่านี่เป็นการลักพาตัวชัดๆ คิมหันต์บอกว่าไม่ใช่ ตนต้องการทำความเข้าใจกับเธอเท่านั้น มุกรินบอกว่าตนไม่มีอะไรจะต้องทำความเข้าใจ พี่ชายตนอยู่ไหน ตนต้องการพบพี่ชาย

“งั้นคุณตอบคำถามผมก่อน ข้อเดียวเท่านั้น...

ผมขอร้องให้คุณเลือก ระหว่างผมกับนายปรารภ คุณเลือกใคร”

มุกรินนิ่งเงียบ เธอไม่ตอบแต่ถามว่าพี่ชายตนอยู่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่ คิมหันต์บอกว่า

“ผมรู้ว่าดวงดาวพาพี่ชายคุณไปหาหมอที่โรงพยาบาล” มุกรินบอกว่าดวงดาวเล่าให้ตนฟังแล้ว “งั้น ผมอาจจะรู้มากกว่าคุณนิดหน่อย เพราะผมรู้ด้วยว่า ตอนนี้เขาปลอดภัย กลับไปอยู่ที่บ้านแล้ว แค่รอผลการตรวจจากหมอ คุณก็จะรู้ได้ว่าพี่ชายคุณป่วยเป็นโรคอะไรแน่ คุณอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก แค่ตอบผมว่าระหว่างผมกับนายปรารภ คุณแคร์ใครมากกว่ากัน คุณก็จะได้กลับไปเยี่ยมพี่ชายคุณทันที”

เวลาเดียวกันนั้น คิมหันต์บอกเสี่ยอ๋าให้พาธาดาไปที่บ้านเขา ลูกน้องเสี่ยอ๋าพาธาดาไปทิ้งไว้ที่บ้านคุกคามก่อนไปว่า

“เสี่ยให้เวลาคุณอีกนิดหน่อย ตัดสินใจให้ดีว่าจะเคลียร์หนี้กับเสี่ยยังไง เงินสดๆ หรือน้องสาวสดๆ เสี่ยแกรับได้ทั้งนั้น แต่ย้ำว่า อย่าคิดหนี รอดยาก มือคนละชั้น!”

ooooooo

มุกรินถูกคิมหันต์เอาธาดามาเป็นข้อแลกเปลี่ยนถ้าเธอไม่ตอบก็ไม่รู้ข่าวพี่ชาย

ทั้งสองโต้เถียงกันรุนแรง มุกรินถามว่าเขาเกลียดพี่ชายตนที่ทำร้ายพี่สาวเขาเลยทำใจไม่ได้ที่จะรักน้องสาวเขาทั้งที่ตนไม่ได้ทำอะไรผิดเลย คิมหันต์กล่าวโทษว่าเธอให้การเท็จ มันก็คือความผิดอย่างหนึ่ง

“แล้วทำไมคุณไม่ตัดขาดจากฉันไปเสียทีล่ะ คุณมาสร้างความหวังกับฉันอีกทำไม เหตุผลก็คือคุณต้องการใช้ฉันเป็นเครื่องมือทำร้ายจิตใจพี่ชายของฉันใช่ไหม คุณมีเหตุผลครบถ้วนรองรับอารมณ์ของคุณ แต่สิ่งที่คุณไม่เคยมีก็คือคุณไม่เคยนึกถึงจิตใจของคนที่คุณเคยรักเลยสักนิด”

มุกรินน้ำตาไหลพราก...คิมหันต์ฟังแล้วกลับเป็นฝ่ายนิ่งไป

“คุณแสดงอาการหึงหวงฉัน ทั้งๆที่คุณไม่มีสิทธิ์แม้แต่น้อย ฉันจะรัก จะแคร์พี่ปรารภมากแค่ไหน คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมารู้ใจฉัน เพราะฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณมานานแล้ว” มุกรินยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหล

คิมหันต์คาดคั้นให้เธอบอกมาว่ารักพ่อม่ายจอม กะล่อนคนนั้นแล้วตนจะไปจากเธอจนชั่วชีวิต มุกรินโต้ว่าถึงไม่บอกเขาก็จากตนไปชั่วชีวิตอยู่แล้ว พักตราเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาไม่ใช่ตน

“มันเป็นเหตุผลเกี่ยวกับความปลอดภัย เป็นเรื่องของการใช้อิทธิพลขู่บังคับ ผมอธิบายยังไงคุณก็คงไม่เชื่อ” มุกรินบอกว่า ใช่...ตนไม่เชื่อ “ผมถึงต้องการฟังคำตอบจากปากของคุณไง มันสำคัญต่อการตัดสินใจของผมหลังจากวันนี้ ถ้าคุณรังเกียจผมจริง คุณก็แค่พูดออกมา คำเดียวเท่านั้น พูดเลย ว่าคุณรักนายปรารภ รักอย่างสุดชีวิตจิตใจ”

“ค่ะ...ฉันรักพี่ปรารภ” มุกรินโพล่งออกไป คิมหันต์ชะงักอึ้ง แล้วก็ยิ่งอึ้งเมื่อเธอยืนยันว่า “ฉันจะแต่งงานทันทีที่เขาขอฉันแต่งงาน! ได้ยินเต็มสองหูแล้วใช่ไหมคะ คุณคิมหันต์!”

ooooooo

มุกรินขับรถไปหาธาดาที่บ้าน พบในบ้านรกไปด้วยเสื้อผ้าของธาดาที่กองเกลื่อนพื้น มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เปิดวางอยู่กลางห้อง เธอเดินตามหาไปเจอเขานอนหมดสติอยู่ในห้องน้ำ

เมื่อพาไปโรงพยาบาล พบหมอเจ้าของไข้ หมอบอกเธอให้เตือนพี่ชายด้วยเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพเพราะถ้าเขาปวดหัวก็จะมาหาหมอ นึกไม่อยากเจอหน้าหมอก็หนีไปเฉยๆ มุกรินรับปากจะพยายาม

หมอพามุกรินเดินเข้าไปในห้องตรวจพบธาดานั่งอยู่ก่อนแล้ว หมอจะแจ้งอาการป่วยของเขา ธาดาขอให้มุกรินออกไปก่อนตนอยากฟังคนเดียว มุกรินบอกก่อนออกไปว่า จะไปรอพี่ใหญ่เล่าให้ฟังข้างนอก

ระหว่างนั่งรออยู่ข้างนอก มุกรินคิดถึงคำพูดของคิมหันต์ก่อนตนจะแยกมาว่า...

“ดูแลพี่ชายของคุณให้ดีนะ ผมเชื่อว่ากรรมที่เขาทำไว้กับพี่มลกำลังย้อนกลับมาเล่นงานเขาอย่างรุนแรง มันอาจจะรุนแรงจนคุณคาดไม่ถึงก็ได้” มุกรินถามว่าเขาเตือนหรือขู่ตน “ผมไม่ได้ขู่ ผมพูดถึงเรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องเวรกรรมที่ทุกวันนี้เราไม่ต้องรอจนถึงชาติหน้าอีกแล้ว ...ผมเองก็มีกรรมไม่น้อยกว่าพี่ชายคุณ ผมทำบาปกับคนอื่นๆรอบตัวผม ทั้งกับคุณและกับพักตรา ผมกำลังรอเวลาชดใช้กรรมเหล่านั้น”

มุกรินจ้องหน้าเขานิ่ง คิมหันต์ดึงมือเธอไปกุมไว้แน่น...

“เพื่อเห็นแก่ช่วงเวลาดีๆที่เราเคยมีร่วมกันมา คุณจะกรุณายกโทษให้กับความผิดบาปของผมได้ไหม อโหสิกรรมให้ผม ก่อนที่เราจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีก... ความเมตตาและการให้อภัยคนที่เรารักหรือเราเคยรัก นั่นแหละจะเป็นเรื่องที่มีค่าที่สุดในวาระสุดท้ายของเรา”

ooooooo

ปรารภตามไปที่โรงพยาบาลถามมุกรินว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่าดูหน้าซีดๆ เธอบอกว่ารู้สึกเพลียๆ เลยเคลิ้มๆเผลอหลับไปกระมัง

ปรารภบอกว่าได้รับข้อความจากเธอก็รีบมาทันที มุกรินเรียกเขาเสียงเครือ ปรารภรีบขัดขึ้นว่าไม่ต้องเกรงใจไม่ต้องขอบคุณ ไม่ต้องพูดอะไร ตนรีบมาเพราะเป็นห่วงเธอเท่านั้น มุกรินน้ำตาไหลเอ่ยเสียงเครือสะท้าน...

“มุก...มุกไม่มีใครจริงๆค่ะ”

“มุกยังมีพี่ มุกมีพี่อยู่เสมอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่ก็จะยืนอยู่ข้างมุกเสมอไป จำได้ใช่ไหม” ปรารภกุมมือเธอแน่น

“ขอบคุณค่ะ...”

“พี่ชายมุกเป็นยังไงบ้าง” มุกรินส่ายหน้า “มุกคงต้องดูแลพี่ใหญ่อยู่ที่นี่ คงไม่ได้กลับไปบ้านริมทะเลอีกแล้วมั้ง” มุกรินบอกว่าคงเป็นอย่างนั้น ปรารภถามว่าแล้วคิมหันต์ยังกวนใจเธออยู่อีกหรือเปล่า เมื่อเธอนิ่ง เขาเอ่ย “ถึงเวลาที่มุกจะต้องเข้มแข็งมากขึ้นแล้วนะ เราไม่มีทางวิ่งหนีอะไรไปได้ทั้งชีวิตหรอกมุก”

“ค่ะ มุกจะไม่หนีอีกแล้ว มุกจะเผชิญหน้ากับมัน และจะต้องผ่านมันไปได้ ไม่นานนี่แหละค่ะ”

ปรารภยิ้มให้กำลังใจ ถามว่าคิมหันต์ยังไม่รู้ใช่ไหมว่าเธออยู่กับพี่ชายที่นี่ มุกรินได้แต่นิ่งไม่ตอบ

เมื่อธาดาออกมา มุกรินถามว่าหมอว่าอย่างไรเขาบอกเลี่ยงไปเลี่ยงมาว่ายังต้องตรวจอีกเยอะ แต่หมอบอกว่าไม่ต้องกังวลจนเกินไปและเธอก็ต้องเชื่อ อย่ากังวลเกินไป ธาดาหันไปเห็นปรารภเขาถามเสียงห้วนว่า มาทำไมไม่ทราบ ทำท่าเหมือนจะมีเรื่องกันแต่พอปรารภถามว่าเขาจะหาเรื่องอะไรตนอีก ธาดากลับบอกว่า

“เปล่า ผมแค่อยากรู้ว่าคุณพร้อมจะดูแลมุกรินแทนผมได้ไหม” ปรารภกับมุกรินอึ้ง มุกรินถามว่าพี่ใหญ่พูดอะไร? “เราไปคุยกันในรถเถอะนะมุก” ธาดาชวน แล้วเดินออกไปทันที

ooooooo

ระหว่างนั่งมาในรถด้วยกัน ธาดาเอาแต่นั่งเงียบ จนมุกรินถามว่าจะบอกอะไรตนหรือ เขาบอกว่าจอดรถลงไปคุยกันดีกว่า แล้วเขาก็แฉลบลงจอดที่ไหล่ทาง ธาดานิ่งไปนานเหมือนเตรียมใจกับความจริงที่จะบอกน้องสาว

พอเอ่ยปาก เขาบอกมุกรินว่า “พี่ติดการพนัน” ยอมรับว่านี่เป็นสาเหตุที่ตนกับวิมลรัตน์ทะเลาะกัน แต่พอมุกรินจะพูดถึงเหตุการณ์คืนนั้น ธาดาก็ชิงขัดขึ้นก่อนว่า ศาลตัดสินแล้วว่าตนไม่ผิด

“เพราะมุกโกหกศาลเรื่องโทรศัพท์”

“เพราะมุกเชื่อพี่ต่างหาก ศาลก็เชื่อเหมือนมุก อย่าให้อะไรมาทำลายความเชื่อของมุกสิ”

มุกรินติงว่าพวกเขากำลังฟ้องอุทธรณ์ ธาดาบอกว่าตนไม่กลัว ยังไงตนก็ไม่แพ้ เมื่อมุกรินถามว่าเขาเครียดเรื่องอะไร ธาดายอมรับว่าตนมีหนี้ เป็นหนี้เยอะมาก ทรัพย์สินทั้งหมดที่ได้แบ่งจากวิมลรัตน์หมดไปกับการพนันหมดแล้ว แต่ตนก็ยังไม่ยอมหยุด ยืมเงินในบ่อนก่อหนี้เพิ่มอีกนับสิบ นับร้อย นับพัน...

ธาดาบอกมุกรินว่าเราต้องหนี ถ้าตนหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้มันจะฉุดตัวเธอไปเพราะตนรับปากกับพวกมันว่าจะยกเธอให้เสี่ยถ้าหาเงินมาให้เสี่ยไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เราถึงต้องหนี เพราะพวกมันเป็นนักเลงเป็นเจ้าพ่อ มุกรินช็อกถามว่าเขาไปยุ่งกับพวกมันทำไม แล้วตนจะทำอย่างไร

“มุกต้องแยกห่างจากพี่ก่อน พวกมันจะได้ตามหาตัวมุกได้ยากขึ้น แล้วพี่จะค่อยๆหาทางแก้ปัญหาต่อไป นะมุก...อยู่คนเดียวสักพักเพื่อความปลอดภัยของมุก...ได้ไหม...”

มุกรินบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ตนอยู่คนเดียวได้อยู่แล้วให้ห่วงตัวเองเถิด ธาดาถามว่าปรารภเป็นคนดีใช่ไหม เขารักมุกหรือเปล่า มุกรินยอมรับว่าปรารภเป็นคนดีแต่เขายังไม่เคยพูดเรื่องความรัก ครั้นธาดาถามว่าแล้วมุกรักเขาบ้างไหม มุกรินกลับนิ่งเงียบไปเมื่อหัวใจเธอคิดถึงอีกคนขึ้นมาจนได้...

มุกรินคิดถึงเหตุการณ์ที่ห้องรับรองพิเศษเมื่อบ่ายนี้ที่คิมหันต์บอกเธอว่า

“ผมขออวยพรให้คุณตรงนี้เลยก็แล้วกัน ก่อนที่เราจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีก ขอให้คุณมีความสุขกับนายปรารภสมหวังดังที่คุณต้องการ...ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้พบกันอีกครั้งเพื่อผมจะทำให้คุณมีความสุขมากกว่าที่ทำในชาตินี้”

มุกรินเริ่มหวั่นไหวกับคำอำลาของเขา คิมหันต์พูดนิ่งๆว่า

“มีความจริงที่ผมอยากจะพูดเป็นคำสุดท้าย...แม้มันจะไม่มีความหมายอะไรสำหรับคุณ แต่มันมีความหมายกับผมมาก...รู้ไหม...ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมไม่เคยรักใครเท่าคุณ...และชีวิตที่เหลือจากนี้ก็ไม่มีวันรักใครได้เหมือนรักคุณ...แม้จะไม่สมหวัง แต่ผมก็ดีใจที่ได้รักคุณ...โชคดีนะมุก...”

มุกรินน้ำตาไหลไม่รู้ตัว เธอโผเข้ากอดคิมหันต์ จนแน่น พูดเสียงเครือด้วยความรู้สึกที่อัดอั้น...

“มุกไม่เคยตัดใจจากคิมได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว...”

ooooooo

ที่บ้านเช่าของธาดา...เขาคุยกับมุกรินแล้วก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าลวกๆ มุกรินถามว่าเขาจะไปอยู่ไหน เขาบอกว่ายังไม่รู้ แต่แค่ห้องเช่าเล็กๆก็พอ ได้ห้องแล้วจะโทร.บอก

มุกรินปรารภว่าถ้าดวงดาวอยู่คงจะได้ช่วยดูแลเขาได้ ธาดาบอกว่าอย่าพูดถึงเขาอีกเลย เขาไม่ได้รักตนเหมือนอย่างที่ตนรักเขา ลืมเสียเถอะ แล้วถามมุกรินว่า ห้องพักที่เคยอยู่เช่าแพงไหม เธอบอกว่าตนอาจหาที่อยู่ใหม่ไม่ต้องห่วง

“ได้ห้องแล้วบอกพี่ด้วยนะ พี่จะรับโทรศัพท์เฉพาะจากมุกเท่านั้น...มุกก็เหมือนกัน อย่ารับโทรศัพท์ใคร อย่าบอกใครว่ามุกอยู่ที่ไหน อย่าเชื่อใครนอกจากพี่”

“มีอะไรที่พี่ใหญ่ยังไม่ได้บอกมุกอีกไหมคะ”

“เหลืออีกเรื่องเดียว เรื่องสำคัญ อย่ายอมให้ไอ้คิมหันต์เข้าใกล้มุกอีกเป็นอันขาด ผู้ชายคนนี้ทำได้ทุกอย่างเพื่อทำลายพี่ ทำลายมุก ไม่มีใครเลวเท่ามันอีกแล้ว มุกอย่าแม้แต่คิดว่าจะกลับไปหามัน ถึงวันนึงมันจะเลิกกับยายพักตราก็เถอะ...เชื่อพี่นะมุก”

มุกรินได้แต่นิ่งเงียบ อยู่ในความครุ่นคิดคำนึง... เพราะแม้การคุยกับคิมหันต์เมื่อกลางวันเธอจะบอกเขาว่าเราไม่มีวันที่จะกลับมาเหมือนเดิมกันอีก แต่คิมหันต์ขอเวลาให้ตนอีกหน่อยได้ไหม

“อย่าเสียเวลาเลยค่ะ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”

“ไม่เป็นไร...แค่คุณยังไม่มีใคร ผมก็ถือว่าผมยังมีความหวัง เพราะผมก็ไม่มีใครเหมือนกัน” มุกรินบอกว่าพักตราไง “พักตราคือวิบากกรรมของผม เป็นกรรมที่ผมต้องชดใช้ด้วยตัวเอง...” เขากุมมือมุกรินไว้แน่น...นิ่ง...บอก เธอว่า “โทร.หาผมบ้างนะ...นึกถึงผมก่อนนายปรารภทุกครั้งได้ไหม”

แล้วคืนนี้เองขณะคิมหันต์อยู่ที่สำนักงานของชุมสาย มุกรินก็โทร.มาหาเขา คิมหันต์บอกว่า

“พรุ่งนี้ผมจะไปหาคุณแต่เช้า ผมมีที่อยู่ให้คุณแน่ มุก” ชุมสายถามว่ามุกรินโทร.มาหรือ “อืม...เขาเลือกฉัน ไม่ใช่นายปรารภ” ครั้นชุมสายถามว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า คิมหันต์ตัดบทว่า “แกอย่ารู้เลย มันซับซ้อนเกินไปสำหรับทนายอย่างแก”

ooooooo

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น คิมหันต์ไปรับมุกรินที่บ้านธาดาบอกให้เธอขับรถตามตนไป มุกรินถามว่าจะไม่บอกหรือว่าเช่าบ้านให้ตนที่ไหน

“มันเป็นบ้านที่คุณรัก บ้านที่คุณพักอาศัยตั้งแต่เด็กๆ บ้านที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อแม่คุณ” มุกรินขนลุกซู่มองเขาตาโต ตื่นเต้น คิมหันต์บอกว่า “บ้านที่คุณเคยบอกว่าเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่คุณมี”

คิมหันต์พามุกรินกลับไปที่บ้านเก่าของเธอ พาเธอเข้าไปในบ้านพร้อมกับมอบกุญแจบ้านให้ มุกรินโผกอดเขาแน่นด้วยความดีใจสุดชีวิต เอ่ยเสียงสั่นเครือ...

“ขอบคุณค่ะ...”

ooooooo

คิมหันต์พามุกรินเข้าไปในบ้าน เธอมองอย่างตื่นตาตื่นใจ ทั้งบ้านว่างเปล่าไม่มีข้าวของอะไรเลย คิมหันต์บอกว่า

“ผมล็อกบ้านปิดตายตั้งแต่วันที่คุณย้ายออกไป ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ไม่ได้ทุบ ไม่ได้ประกาศขาย...ผมตั้งใจจะปรับปรุงซ่อมแซมให้สวยขึ้นด้วยซ้ำ เพื่อวันนึง ผมจะคืนบ้านหลังนี้ให้คุณ...ในวันที่เหมาะสม...”

“วันที่เหมาะสม?” เขาพยักหน้า “วันที่พี่ใหญ่ถูกตัดสินว่าผิด?”

คิมหันต์ส่ายหน้า บอกว่า “วันที่เราจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขต่างหาก” มุกรินพึมพำว่าคงไม่มีวันนั้นหรอก “ถ้าเราเริ่มตั้งแต่วันนี้...เราก็อาจจะมีวันนั้นได้ ใครจะรู้”

ส่วนธาดาไปเช่าอพาร์ตเมนต์เก่าๆอยู่ แต่พอเขาขับรถมาจอดหน้าอพาร์ตเมนต์ รถติดฟิล์มดำคันหนึ่งก็ขับเข้ามาจอด ลูกน้องเสี่ยอ๋านั่งดูการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ในรถพลางโทรศัพท์รายงานเสี่ยว่าข้าวของมีไม่มาก ท่าทางมันไม่ค่อยจะมีตังค์

“ก็แหง...ไม่งั้นไม่ย้ายบ้านหนีหรอก เฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้คลาดสายตาเชียว” เสี่ยอ๋ากำชับลูกน้อง

ธาดาเข้าไปพบผู้จัดการอพาร์ตเมนต์ เขายอมรับระเบียบและเงื่อนไขการเข้าอยู่ทุกอย่างรวมทั้งเงินล่วงหน้าสามเดือนกับสัญญาเช่าหนึ่งปีด้วย

การเคลื่อนไหวทุกอย่างของธาดา เสี่ยอ๋าเล่าให้คิมหันต์ฟังอย่างละเอียด เขาพอใจมากที่รู้ว่าธาดาอยู่ในสภาพย่ำแย่ เสี่ยบอกว่าไม่รู้ว่าเขาจะฆ่าตัวตายหรือเปล่า คิมหันต์ถามว่าถึงขนาดนั้นเลยหรือ

“ไม่รู้สิครับ...แต่ผมสั่งเด็กให้เฝ้าดูอย่างใกล้ชิดแล้ว แบบไม่ให้คลาดสายตาเลย จนกว่าคุณคิมหันต์จะมีคำสั่งให้ทำอะไรนะครับ”

“โอเค ตามนั้น ขอบคุณมาก”

มุกรินเข้ามาจากข้างหลัง คิมหันต์ปดว่าชุมสายโทร.มา มีธุระคุยกันนิดหน่อย มุกรินเดาว่าเรื่องอุทธรณ์หรือ?

คิมหันต์บอกว่าใช่ ถามว่าเธอทำใจได้หรือยังถ้าศาลอุทธรณ์ตัดสินต่างไปจากครั้งก่อน มุกรินย้อนถามว่าแล้วถ้ามันไม่เป็นอย่างที่เขาคิดล่ะ? คิมหันต์ตัดบทว่าเราไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า บอกว่าตนจะกลับแล้ว แล้วจะแวะมาหาใหม่ถ้าเธออนุญาต เพราะตนไม่มีกุญแจบ้าน

มุกรินถามว่าพักตราจะกลับเมื่อไหร่ เขาบอกว่าอีกเดือนนึงมั้ง เธอเตือนเขาว่า “คุณควรจะดูแลเขาบ้างนะคะ”

คิมหันต์พยักหน้า ยักไหล่นิดๆก่อนเดินออกไป

ooooooo

ธาดาไปพบบรรเจิดทนายความของตนที่ร้านอาหารเงียบๆแห่งหนึ่ง พอพบกันบรรเจิดบอกว่า

ที่จริงตนไม่คิดว่าจะต้องเจอเขาอีก ธาดาบอกว่าถ้าพวกนั้นไม่อุทธรณ์ตนก็ไม่ต้องรบกวนเขาหรอก

“คุณมาช้าไป ผมอ่านสำนวนหมดแล้ว และก็เขียนคำค้านอุทธรณ์ส่งกลับไปที่ศาลแล้วด้วย ต่อไปก็คงต้องรอ รอจนกว่าศาลจะนัดฟังคำพิพากษา”

ธาดาถามว่าอีกนานไหม บรรเจิดบอกว่าตนตอบไม่ได้ ตนไม่ใช่ผู้พิพากษา เพราะฉะนั้นหมดหน้าที่ตนแล้ว ธาดาถามว่าตนไม่แพ้ใช่ไหม

“ประวัติของผม ว่าความให้ใครไม่เคยแพ้ทั้งสาม ศาลแต่จำไว้อย่างนึงนะ ชัยชนะของคุณเป็นชัยชนะในแง่ของกฎหมายแต่ตลอดชีวิตคุณ คุณจะไม่สามารถเอาชนะกฎแห่งกรรมได้ คุณต้องรู้แก่ใจเองว่า คุณทำกรรมไว้ที่ไหนบ้าง ผมว่าหลังๆมานี่ราศีคุณหายไปเยอะนะ ไม่เหมือนคนชนะคดีเลย ไม่ทราบว่าคนรอบๆตัวคุณยังอยู่ครบรึเปล่า”

ธาดาถามว่าหมายถึงใคร บรรเจิดบอกว่า แฟนเขา น้องสาวเขา มุกรินเธอเป็นอย่างไรบ้าง ธาดาเงียบ

“ฝากบอกเธอด้วยว่าอย่าคิดมาก ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละ ผมไปนะ” ธาดาถามว่าไม่กินอะไรก่อนหรือตนจะเลี้ยง

“อย่าเลย คุณเก็บเงินไว้ใช้เถอะ ผมหากินเองได้” บรรเจิดเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ทิ้งธาดาให้นั่งคิดเครียดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงโทร.หาดวงดาวแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ

เมื่อติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ ธาดาจึงไปร้านอาหาร ที่เธอร้องเพลง จึงรู้ว่าเธอไม่ได้มาร้องเพลงที่นี่นานแล้ว

แต่กีตาร์ยังอยู่ พนักงานคนนั้นบอกอีกว่า คนที่เป็นแขกประจำของดวงดาวนั่งอยู่โน่น ลองไปถามเขาดู

ธาดาเดินไปที่โต๊ะจึงรู้ว่าเขาคือคิมหันต์นั่นเอง! ธาดากระชากคอเสื้อคิมหันต์ถามว่าดวงดาวอยู่ไหน คิมหันต์หัวเราะใจเย็นถามว่าเธอทิ้งเขาไปแล้วใช่ไหม ไม่มีปัญญาตามหาเองหรือ ธาดาชกคิมหันต์ทันที แต่สภาพเขาอ่อนแรงจนแม้แต่จะทรงตัวก็ลำบาก ถูกคิมหันต์เย้ยว่า กลับบ้านไปนอนเอาแรงก่อนดีไหม รักษาตัวเองให้ดีจะได้อยู่จนถึงวันขึ้นศาล

“ขึ้นอีกกูก็ไม่แพ้เว้ย”

คิมหันต์แสยะยิ้มควักเงินวางไว้บนโต๊ะแล้วเดินออกไป ธาดาหันไปถามพนักงานว่าดวงดาวจะมาเอาของไปวันไหนช่วยโทร.บอกตนด้วย

ooooooo

คิมหันต์ไปหาดวงดาวที่หอพัก ถามว่าเธอจะ ไปไหน ดวงดาวบอกว่าภาคใต้ คิมหันต์ถามว่าไปเล่นดนตรีหรือ

“คงเล่นสักพักแล้วค่อยหาที่ปักหลัก อยากเริ่มต้นชีวิตไหม่ คิมหันต์ถามว่ากับใคร? เธอไม่บอก

คิมหันต์ถามว่าธาดาตามหาเธอให้ควั่ก ไม่สงสารเขาหรือ ดวงดาวนิ่งไปนิดหนึ่งถามว่าธาดาเป็นอย่างไรบ้าง พอคิมหันต์บอกว่าเป็นหนี้เยอะ ดวงดาวเสนอว่าเขาน่าจะบอกให้มุกรินไปดูแล

คิมหันต์ถามว่าพรุ่งนี้เธอจะไปอย่างไร ตนจะไปส่งเอาไหม ดวงดาวมองหน้าเขาอย่างชั่งใจ แต่ไม่ตอบ

ฝ่ายมุกรินย้ายออกจากบ้านที่คิมหันต์คืนให้ไปอยู่ที่อื่น ปิดป้ายไว้หน้าบ้านว่าให้เช่า ปรารภไปหาจึงไม่เจอ เขาโทร.เข้ามือถือ จึงรู้ว่าเธอย้ายออกไปแล้วแต่ไม่ยอมบอกว่าไปอยู่ที่ไหนบอกแต่ว่าตนปลอดภัยดีไม่ต้องเป็นห่วง

ปรารภถามว่าทำไมต้องย้ายบ้านด้วย เธอบอกว่ามีเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง ปรารภจึงบอกว่าตอนนี้

บริษัทมีงานแล้ว นัดพรุ่งนี้ให้เธอไปพบตนที่บ้านสวนหลังนั้น คิมหันต์นั่งฟังอยู่ พอมุกรินวางสายเขาถามว่าคุยกับเจ้านายเก่าหรือ

“เขาชวนมุกไปทำงานบริษัทใหม่ของพี่รภ” คิมหันต์ถามว่าเธอตกลงไหม “ฉันต้องทำงานนะคะ จะให้อยู่เฉยๆไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่ได้มีสมบัติติดตัวมากมายอย่างคุณ” คิมหันต์ชวนแต่งงานกันแล้วเธอจะไม่ต้องทำงานมากอย่างนี้เลย

เมื่อหว่านล้อมไม่สำเร็จ คิมหันต์ขออนุญาตมาหาเธอบ้างแต่ไม่คิดจะรุกล้ำล่วงเกินเธอมากไปกว่านี้ ขอนอนเล่นตรงนี้ ส่วนเธอก็ให้ไปนอนพักที่ห้องตามสบาย อ้อนว่า “โปรดเห็นใจคนไม่มีที่นอนสักนิดได้ไหมครับ”

มุกรินบอกว่าเดี๋ยวตนจะไปเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้ คิมหันต์ถามว่ารู้หรือยังว่าพี่ชายเธออยู่ที่ไหน พูดเปรยๆว่าถ้าเขาหาเงินใช้หนี้ไม่ได้ก็ต้องหลบหนีอย่างนี้ตลอดไปหรือ เสนอว่าจะให้เขายืมเงินใช้หนี้เอาไหม แต่ต้องใช้หนี้ให้หมดก่อนติดคุก ส่วนบ้านนี้ตนให้เธออยู่ฟรี ขอแต่ให้มีโอกาสมานอนที่นี่บ้างเท่านั้น นอนตรงนี้ ไม่รบกวนเธอแน่

คืนนี้เอง มุกรินโทร.ถามธาดาว่าอยู่ที่ไหน ถามว่าจะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ตนจะช่วยเอาไหมเผื่อพอจะหยิบยืมใครได้

“อย่ามุก มันเป็นหนี้ของพี่ พี่ต้องเป็นคนชดใช้เอง นอนพักเถอะนะ แล้วพี่จะไปหาใหม่”

วางสายจากมุกรินแล้ว ธาดาปวดหัวจนต้องหยิบยากินด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

ooooooo

ที่บ้านสวนปรารภ... ปรารภรีบออกมารับเมื่อมุกรินมาถึง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสดชื่นแจ่มใสว่า

“บริษัท MVP ยินดีต้อนรับ คุณมุกริน คุรุรัตน์ ครีเอทีฟและหุ้นส่วนคนเดียวของบริษัทครับ” มุกรินถามว่าบริษัทเรามีพนักงานกี่คน? “คุณกับผมเท่านั้นแหละ เชิญข้างในดีกว่าจ้ะ” ปรารภเดินเข้าไปอย่างตื่นเต้น

ภายในบ้านที่ดัดแปลงเป็นออฟฟิศ เครื่องใช้ในสำนักงานล้วนแต่ดัดแปลงมาจากของใช้ในบ้าน แต่ก็ดูดีทุกส่วนลงตัวอย่างเหมาะสม ปรารภเล่าอย่างกระตือรือร้นว่า

“ลูกค้าเก่าหลายรายถามถึงพี่ จะส่งงานให้เราทำก็เยอะ...พี่ต้องบอกว่าทำไม่ทัน ขอเป็นทีละงานแล้วกัน รอให้บริษัทโตอีกหน่อย พี่ก็เลยเลือกงานแรกที่เราน่าจะพร้อมทำได้ เป็นงานคอนเซปต์ เราต้องวางคอนเซปต์ให้น้ำดื่มตัวใหม่ที่จะออกมาสู่ตลาดปลายปี”

“อย่าบอกว่าชาเขียวนะคะ” มุกรินดักคอ

“ไม่ ของเราเป็นน้ำดื่มบริสุทธิ์เพื่อสุขภาพ” ปรารภอธิบายคุณภาพของน้ำดื่มที่เป็นผลดีต่อสุขภาพที่แจ๋วกว่าชา

“เราจะเริ่มต้นด้วยการอ่านข้อมูลโปรดักส์ของเขาให้ละเอียด แล้วลองวางแนวทางเบื้องต้นเสนอเขาสักสองสามแบบ โอเคนะ”

มุกรินไม่ตอบแต่ถามเขาว่า “พี่ไม่โกรธใช่ไหม ที่มุกไม่บอกพี่ว่ามุกอยู่ที่ใหม่”

ปรารภมองเธอเต็มตา ส่ายหน้า บอกว่าทำงานอย่าคิดมาก

ooooooo

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 11 วันที่ 30 ก.ย. 58

ละครรอยรักแรงแค้น บทประพันธ์โดย ชลาลัย
ละครรอยรักแรงแค้น บทโทรทัศน์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น กำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น ผลิตโดย บริษัท สามัญการละคร จำกัด
ละครรอยรักแรงแค้น ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น.
ติดตามชม ละครรอยรักแรงแค้น ได้ทางทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ