อ่านละครข้ามากับพระ ตอนที่ 13 วันที่ 2 ก.ย. 58

อ่านละครข้ามากับพระ ตอนที่ 13 วันที่ 2 ก.ย. 58

ศักดิ์แปลกใจที่คืนนี้หลวงพ่อไม่ปักกลดเหมือนเคย แต่พอซักถามแล้วได้คำตอบว่าเป็นการพรางตัวหลบหลีกศัตรูก็ทำให้ศักดิ์ยิ่งสงสัยในตัวหลวงพ่อเสือ

“หลวงพ่อรู้จักการพรางตัวด้วย ไม่เบาเลยนะ พระอะไรปลดระเบิดก็เป็น รู้ยุทธวิธีรบด้วย ถามจริงๆเถอะหลวงพ่อ ก่อนมาบวชหลวงพ่อทำอะไรมา”

“รับราชการ”

“จริงหรือ เป็นอะไรล่ะหลวงพ่อ”



“ถามมากไปแล้ว ไปนอนได้แล้ว”

“งั้นถามอีกข้อ หลวงพ่อไม่เป็นห่วงลูกหรือไง คนที่หลวงพ่อฝากไว้กับพระที่กรุงเทพฯน่ะ”

“ข้าบอกว่าไม่ใช่ลูกของข้า แค่...” หลวงพ่อยั้งปากเพราะยังไม่ถึงเวลา “เอาเถอะ เอาไว้ว่างๆข้าจะเล่าให้ฟัง ไปนอนได้แล้ว”

ศักดิ์จำใจลุกไปทั้งที่ยังสงสัยใคร่รู้...

กลางดึกคืนเดียวกัน พวกอาจอหลบหนีออกจากกลุ่มของผู้พันเชแต่ไม่รอดพ้นสายตา พวกเขาถูกตามล่าโดนฆ่าตายไปหลายคน อาจอกับลูกบ้านที่เหลือพากันเร่งหนีโดยที่ลูกน้องผู้พันเชก็ยังไล่ล่าไม่ลดละ

อีกด้านที่กลุ่มของเซงตู...มะนาวเฝ้าเวรยามด้วยท่าทีเหงาหงอย ภูเข้ามานั่งเป็นเพื่อนและพร้อมจะเป็นเวรยาม

“ฉันมาเปลี่ยนเวรแล้ว ไปนอนเถอะ”

“ไม่เป็นไร ฉันยังไม่ง่วง”

“ดูเธอไม่ค่อยสบายใจเลย”

“ฉันกำลังคิดว่าฉันทำอะไรอยู่ มันจำเป็นหรือเปล่า”

“ถ้าตาชูอยู่ เธอว่าตาชูจะทำยังไง”

มะนาวคิดว่าตาชูต้องไปช่วยเสือไพรแน่ อดบ่นไม่ได้ว่าตาปิดบังตนตลอดเวลา

“ตาชูคงไม่อยากให้อดีตมากัดกินใจพวกเธอน่ะสิ ตาชูรอเวลากว่า 20 ปี เพื่อให้คดีหมดอายุความ แต่แล้วก็ต้อง...” ภูไม่กล้าพูดต่อเพราะเห็นมะนาวน้ำตาซึม

“ฉันเข้าใจตาฉันดี เขาชอบผู้กองพงษ์และอยากให้ผู้กองพงษ์ดูแลฉัน ตาจึงยอมเอาทองออกมา”

“ฉันว่าทุกอย่างมันใกล้จะจบแล้วล่ะ เราต้องช่วยผู้กองพงษ์ จ่าโชค และเสือไพรมาให้ได้...เธอไปนอนเถอะ”

มะนาวลุกไปอย่างมีกำลังใจ...ทางด้านตาชูที่ยังปักหลักอยู่ในสำนักสงฆ์ของพระอูถั่นทราบข่าวจากเณรว่าเซงตูยกคนตามไปช่วยเสือไพร เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาต้องไปร่วมด้วยช่วยกัน จึงขอให้เณรหาคนนำทาง

ooooooo

ที่หน้าเต็นท์แก้วตามียามเฝ้าแน่นหนาตามคำสั่งของเกริก...หญิงสาวอยู่ข้างในนั่งดูรูปศักดิ์รับปริญญากับจดหมายฉบับสุดท้ายที่พระสมชายเขียนถึงหลวงพ่อเสือ

ยิ่งดูยิ่งคิดถึง เธอรำพึงว่ารอเขาอยู่ รอให้เขาเปิดเผยตัวเองเสียทีเพราะเธอไม่อยากคบเขาอย่างระแวง

อีกมุม จ่าโชค ผู้กองพงษ์ และเสือไพรนั่งดื่มกาแฟ แต่จ่าโชคเปรี้ยวปากว่าอยากกินเหล้ามากกว่า

“นี่จ่า เราเป็นนักโทษนะ เขามีกาแฟให้กินก็ถือว่าเขากรุณาเต็มที่แล้ว”

จ่าโชคพยักหน้าเห็นด้วยกับผู้กองพงษ์ แล้วว่าเป็นเพราะแก้วตา พวกเราถึงได้กิน...เสือไพรรู้สึกชอบและเอ็นดูแก้วตา บอกว่าลูกเสี่ยกิจคนนี้ผิดพ่อจริงๆ

“แล้วเสือไพรไม่มีลูกบ้างเหรอ” ผู้กองพงษ์ปากไว

“เพลิงไง” เสือไพรตอบนิ่งๆ

“ใครก็รู้ว่าเพลิงน่ะเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยง” จ่าโชคข้อมูลแน่น

เสือไพรชะงัก หวนคิดถึงอดีตที่รับเลี้ยงเพลิงตั้งแต่แบเบาะเพราะพ่อแม่ตายในกองเพลิง เสือไพรสงสารนำเพลิงมาให้ชบาเลี้ยง ชบาเต็มใจบอกว่าจะเลี้ยงเขาให้เหมือนลูกตัวเอง แต่เสือส่งกับตาชูที่อยู่ด้วยท่าทางหนักใจ

แล้วพอเพลิงเติบโตได้สี่ห้าขวบความหนักใจของเสือส่งกับตาชูก็เพิ่มพูน เพลิงนิสัยไม่ดี เกเรและก้าวร้าว ตาชูถึงกับทำนายว่าขืนเป็นแบบนี้โตเป็นหนุ่มคงเอาไม่อยู่

ต่อมาอีกไม่นาน ชบาวิงเวียนและอาเจียน เสือไพรแปลกใจถามว่าเป็นอะไร ก่อนจะนึกได้ว่าอาการของเธอเหมือนคนแพ้ท้อง ชบายอมรับว่าตนเองท้องสองเดือนกว่า

เสือไพรสีหน้าหม่นลงทันใด ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจ...

ฟังเรื่องราวในอดีตจากปากเสือไพรแล้ว ผู้กองพงษ์กับจ่าโชคสังเกตเห็นเจ้าตัวหน้าเศร้าก็รู้สึกสงสาร พร้อมใจกันแสดงความเสียใจ

“ที่แท้วันนั้น...” จ่าโชครำพึงเสียงแผ่ว

“ชบาวิ่งมารับลูกปืนแทนฉัน”

ผู้กองพงษ์พยักหน้าและเอ่ยออกมา “เข้าใจแล้ว นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่รองชาติเสือหายตัวไป เขาคงเสียใจที่ฆ่าลูกเมียของเสือไพรสินะ”

“คงอย่างนั้น”

“แล้วยังมีเรื่องซุบซิบที่ว่ารองชาติเสือยักยอกทองของกลางไปด้วย ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า ถ้าจริง ที่เขาหายไปก็น่าจะหนีคดีนี้ หลบไปใช้ชีวิตอย่างสบายๆที่ไหนสักแห่ง”

ฟังจ่าโชคแล้วเสือไพรแววตาเข้ม กล่าวหนักแน่นมั่นใจ “ฉันเชื่อว่าเขาไม่ทำอย่างนั้นแน่ ฉันรู้จักเขาดี”

ผู้กองพงษ์กับจ่าโชคมองหน้ากันด้วยความสงสัย ยิ่งรับรู้ก็ยิ่งรู้สึกพัวพันและซับซ้อน

ooooooo

พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าสว่างจ้าแต่ศักดิ์ยังนอนอุตุกรนเสียงดังจนหลวงพ่อเสือต้องปลุกให้ตื่นเพื่อออกเดินทางต่อ ในขณะเดียวกันกองคาราวานของเกริกก็เตรียมตัวเดินทางเช่นกัน

ฝ่ายอาจอที่พาลูกบ้านหนีออกจากกลุ่มของผู้พันเชตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้เหลือกันอยู่แค่สี่คน แต่แล้วทหารของผู้พันเชก็ตามมาทันและฆ่าคนของอาจอไปอีกหนึ่ง ก่อนที่พวกเซงตูจะเข้ามาเด็ดหัวทหารทั้งหมดแล้วพาพวกอาจอไปยังที่พัก วางแผนเล่นงานผู้พันเชให้หนักโทษฐานที่เขาฆ่าล้างหมู่บ้านของอาจอ

เสือทองอยู่ไม่ไกลจากกองคาราวานของเกริก จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เพชรลูกน้องเสี่ยกิจจะดอดออกจากกลุ่มมาหาเสือทองเพื่อส่งข่าวว่าเรากำลังจะข้ามไปฝั่งโน้นจะให้ทำยังไง

“ถ้าทองอยู่ฝั่งโน้นก็ดีสิ เราจะหลอมที่นั่น แล้วเอาลงเรือไปสิงคโปร์เลย รับรองขายง่ายได้ราคาดี ข้ามีเพื่อนอยู่ที่ฝั่งโน้นหลายคน”

ได้ยินเสือทองพูดอย่างนั้น เพลิงท้วงทันควันว่า “แต่ฉันไม่มี เพราะฉะนั้นฉันจะไว้ใจได้ยังไงว่าพี่ทองกับเพื่อนไม่หักหลังฉัน”

“แหม...มาด้วยกันขนาดนี้ยังไม่ไว้ใจกันอีกหรือ” เด่นลูกน้องเสือทองติงขึ้นมา ส่วนเสือทองก็ทำปากหวานว่า

“นั่นสิ เพลิงน้องรัก”

เพลิงนิ่งคิดประเมินสถานการณ์แล้วตัดสินใจไม่ต่อความยาว ทำทีตามน้ำไปก่อนทั้งที่ระแวง “ฉันก็พูดไปแบบนั้นเอง ยังไงเราก็ล่มหัวจมท้ายกันมาแล้วนี่นะ”

“งั้นฉันไปก่อนนะ ตกลงตามนี้” เพชรสรุป

“ดี ข้าจะส่งคนไปติดต่อเพื่อนข้าไว้ก่อน” เสือทองหมายถึงเพื่อนที่อยู่อีกฝั่ง เพชรพยักหน้าเข้าใจแล้วออกจากกลุ่มกลับไปยังกองคาราวานของเกริก

ooooooo

ออกเดินทางมาใกล้พวกเกริกเข้าไปทุกที หลวงพ่อเสือหยุดพัก ศักดิ์ท่าทางเซ็งๆ เพราะอยากเจอแก้วตา ถามหลวงพ่อว่าเราจะนั่งเฉยๆอยู่แบบนี้งั้นหรือ

“ไม่ได้นั่งเฉยๆ แต่กำลังรอ”

“รอ?” ศักดิ์นิ่วหน้าสงสัย

“ใช่ ตอนนี้เราใกล้พวกมันแล้ว ต้องรักษาระยะห่างไว้ก่อน...เท่าที่ดูมันมีกองคาราวานเป็นสองกอง กองแรกดูจากรอยเท้าที่มีคนมากกว่า เข้าใจว่าน่าจะเป็นกองของเสี่ยกิจกับเกริก ส่วนกองหลังที่ตามไปมีคนน้อยกว่าน่าจะเป็นพวกคุ้มกัน”

ศักดิ์มองหลวงพ่อเสืออย่างประหลาดใจ “นี่ถ้าหลวงพ่อไม่ห่มผ้าเหลือง ผมคงคิดว่าหลวงพ่อเป็นหน่วยซีลนะเนี่ย หลวงพ่อรู้ได้ยังไง”

“ก็...ก็แบบว่าจำในหนังกลางแปลงมาน่ะ เมื่อก่อนตอนอยู่วัดมีหนังมาฉายแก้บนเกือบทุกวันเลย”

ศักดิ์ไม่ค่อยเชื่อ แต่เก็บไว้ในใจ “เราจะตามพวกเขาไปแบบนี้หรือ ผมเป็นห่วงคุณแก้วตานะ”

“เป็นห่วงหรือคิดถึง” หลวงพ่ออมยิ้มรู้ทัน ศักดิ์ชะงักเขินไปเลย

ooooooo

กองคาราวานของเกริกกำลังจะออกเดินทางต่อ เสี่ยกิจท่าทีหงุดหงิดเพราะมองไม่เห็นลูกน้องคนสนิท จนเมื่อเพชรกลับเข้ามา เสี่ยกิจตวาดเสียงขุ่นใส่ทันที

“ไปไหนมา เขารอแกอยู่คนเดียว”

“ผมปวดท้องน่ะครับ”

“ปวดท้องก็กลับไปเลยไป อะไรกัน ทำให้คนอื่นเขารอ”

เสี่ยกิจไม่พอใจ แพรพรรณแก้ตัวแทนให้เพชรโดยมีสายตาของแก้วตาจ้องมองเธออย่างจับผิด

“แหม...เสี่ยคะ เรื่องแบบนี้ใครจะไปทนได้ อย่าไปตำหนิเพชรเลย”

เสี่ยกิจระงับอารมณ์แล้วเดินจากไป แก้วตายังคงมองแพรพรรณกับเพชรด้วยความสงสัย ท่าทางทั้งคู่ ดูแปลกๆพิกล...

ผู้พันเชตั้งกองกำลังอยู่ห่างออกไปจากพื้นที่ของเกริกไม่มากนัก ทันทีที่ลูกน้องมาส่งข่าวว่าพวกนั้นกำลังเคลื่อนพลมาทางนี้ ผู้พันเชสั่งทหารคนสนิทให้แจ้งพวกเราเตรียมตัวจับเป็นเฉพาะคนสำคัญ นอกนั้นไม่ต้องเอามาให้เป็นภาระ

เสือไพรนำทางโดยมีสารวัตรพนาและตำรวจอีกจำนวนหนึ่งประกบตลอดเวลา ผู้กองพงษ์กับจ่าโชคอยู่ไม่ห่างจากเสือไพรนัก ผ่านไปสักพักเสือไพรรู้สึกผิดสังเกตกับหนทางข้างหน้า เตือนทุกคนระวังตัวให้ดี

สิ้นเสียงเตือน ผู้พันเชที่ซ่อนตัวก็ประกาศน้ำเสียงดุดันว่า

“ทุกคนวางอาวุธ”

คณะของเกริกตระหนกตกใจเหลียวหาที่มาของเสียง...ทหารของผู้พันเชค่อยๆออกจากที่ซ่อนพร้อมอาวุธครบมือจ่อไปที่กองคาราวานของเกริกทั้งหมด
ผู้พันเชปรากฏตัวอย่างย่ามใจ ยืนห่างออกไปนอกวิถีกระสุน อองซออยู่ข้างๆ

“ฉันรู้ว่าพวกแกกำลังจะไปไหน และฉันก็อยากไปที่นั่นด้วย แต่ของที่แกจะไปเอาทั้งหมดต้องเป็นของฉัน”

เกริกตั้งสติประเมินสถานการณ์ ถามว่ามันไม่ง่ายไปหน่อยหรือผู้พัน

“จะให้ง่ายกว่านี้ก็ได้” ขาดคำของผู้พันเช กระสุนปืนจากลูกน้องพุ่งเข้าใส่คนของเกริกที่ยืนข้างแก้วตาล้มลงขาดใจตาย ทุกคนตกใจ เสือไพร ผู้กองพงษ์และจ่าโชคคิดหาทางรอด...

ทันทีที่เสียงปืนดังขึ้น เสือทองรับรู้และประเมินสถานการณ์ว่านัดเดียวไม่ใช่การโจมตี จึงให้เด่นออกไปสืบข่าวโดยเร็ว ฝ่ายหลวงพ่อเสือกับศักดิ์ได้ยินเสียงปืนเหมือนกัน หลวงพ่อคะเนน่าจะไม่เกินหนึ่งกิโล ต้องเป็นที่คาราวานของเกริกแน่

“อีกแล้ว...หลวงพ่อรู้อีกแล้ว ฟังเสียงก็รู้ระยะทางเลยเหรอ”

“ข้าก็คะเนไปตามเรื่อง รีบไปดีกว่า”

“หลวงพ่อเอาจริงเหรอ เรามีแค่สองคนนะ”

“แค่ไปดู ไม่ได้ไปรบ ไม่ห่วงแฟนแล้วหรือไง”

ศักดิ์นิ่งไป แน่นอนว่าเขาห่วงแก้วตา รีบจ้ำตามหลวงพ่อเสือไปซุ่มดูสองฝ่ายอยู่ห่างๆ

สถานการณ์ตึงเครียด ต่างฝ่ายต่างระวังตัวแจ เสี่ยกิจหารือเกริกว่าจะแลกเลยดีไหม สารวัตรพนาอยู่ใกล้ๆ เตือนว่าพวกเราเสียเปรียบ แต่เกริกย้ำว่าเรายังมีเสือทอง

“ว่ายังไง จะวางอาวุธมั้ย” ผู้พันเชเร่งเร้าแล้วส่งสัญญาณให้ลูกน้องยิงคนของเกริกล้มตายอีกคน

เพียงเท่านี้เสือไพรก็ตัดสินใจทันที “พอแล้ว ข้ายอม”

เสี่ยกิจไม่พอใจจ้องหน้าเสือไพรเขม็ง “ยอมง่ายๆอย่างนี้หรือวะ”

“ผมว่าเก็บชีวิตไว้ใช้เงินดีกว่าเสี่ย” เกริกเตือน เสี่ยกิจจึงนิ่งไป

“คนอย่างเสือไพรยอมง่ายๆแบบนี้ต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้างล่ะมั้ง” ผู้พันเชหยั่งเชิง

“รู้ก็ดีแล้ว”

“ไหนบอกมาซิ”

“มีข้าคนเดียวที่รู้ว่าทองอยู่ที่ไหน เพราะฉะนั้นข้าจะพาทุกคนไปเอาทอง หลังจากนั้นก็ตกลงกันเอาเอง”

“แล้วถ้าฉันไม่ตกลงล่ะ”

“มันขึ้นอยู่กับว่าผู้พันอยากฆ่าคนหรืออยากได้ทอง”

“แล้วท่าน ส.ส.เกริกล่ะ คิดยังไง”

“ฉันเลือกแบบเสือไพร”

“งั้นก็ดี แต่งานนี้ฉันต้องเป็นคนคุม” ผู้พันเชต่อรองพลางมองหน้าเสือไพร

“ฉันมีหน้าที่พาไป ไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินใจ แนะนำให้เจรจากันเอง” เสือไพรโบ้ยไป เกริกสีหน้าหนักใจ

ooooooo

เด่นกลับมารายงานเสือทองว่าพวกผู้พันเชซุ่มโจมตีกองคาราวานของเกริก สองฝ่ายกำลังเจรจาแบ่งทองกัน เพลิงไม่พอใจ กลัวได้ส่วนแบ่งน้อยลงอีก เสือทองย้ำว่าไม่มีทาง เราต้องได้ทองครบ

“แล้วจะทำยังไง”

“ทำยังไงก็ได้ให้หุ้นส่วนคนใหม่ไม่มีทางได้เห็นทอง” เสือทองยิ้มเหี้ยม ต้องหาโอกาสกำจัดผู้พันเช!

การเจรจาได้ข้อสรุปว่าเกริกกับผู้พันเชจะแบ่งทองกันคนละครึ่ง โดยเกริกจำยอมให้อีกฝ่ายควบคุมสถานการณ์เพราะรู้ว่าฝ่ายของตนเป็นรอง
ผู้กองพงษ์กับจ่าโชคหวั่นเกรงว่าตอนจบจะไม่สวย ถามเสือไพรว่าทำไมตัดสินใจแบบนี้ เสือไพรตอบตามตรงว่าไม่อยากให้มีการสูญเสีย

“แล้วเสือไพรคิดว่าผู้พันเชจะทำแบบที่พูดงั้นหรือ”

“ไม่หรอก และเกริกก็ไม่ทำอย่างนั้นด้วย”

“ก็นั่นไง ผมถึงบอกว่าตอนจบไม่สวย”

“แล้วใครจะรอให้ถึงตอนจบล่ะ” เสือไพรมีแผนแต่ยังไม่เฉลย...แล้วทั้งสามคนก็โดนทหารของผู้พันเชมาควบคุมตัวรับช่วงต่อจากพวกตำรวจ

อ่านละครข้ามากับพระ ตอนที่ 13 วันที่ 2 ก.ย. 58

ละครข้ามากับพระ แนวแอคชั่น - ดราม่า
ละครข้ามากับพระ บทประพันธ์โดย พนา ภานุมาศ
ละครข้ามากับพระ บทโทรทัศน์โดย ภูมิ พญาไฟ
ละครข้ามากับพระ กำกับการแสดงโดย ทองก้อน ศรีทับทิม
ละครข้ามากับพระ ผลิตโดย บริษัท โคลิเซี่ยม อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด
ละครข้ามากับพระ ออกอากาศ: ทุกวันศุกร์ - อาทิตย์ เวลา 20.20 น.
ติดตามชมละครข้ามากับพระได้ทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
ละครข้ามากับพระ นักแสดงนำ ลิขิต บุตรพรม,ฮาน่า ลีวิส,
ที่มา ไทยรัฐ