อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 12 วันที่ 30 ก.ย. 58

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 12 วันที่ 30 ก.ย. 58

ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ธงไทยตัดพ้อต่อว่าไผ่ เจียมและจ๊ะจ๋าทำไมถึงใจร้ายกับตนนัก ไม่ยอมบอกเรื่องที่นวลป่วยหนัก ไผ่ไม่ได้คิดจะปิดบัง แต่เป็นเพราะนวลห้ามไม่ให้พวกเราบอกเรื่องนี้กับเขาเด็ดขาด

“ทำไม...ทำไมแม่นวลไม่บอกฉัน มันเรื่องใหญ่ขนาดนี้” ธงไทยตัดพ้อน้ำตาคลอ

“นายแม่นวลกลัวคุณไทยเป็นทุกข์ ท่านรักคุณไทยมากนะคะ” เจียมปลอบ จ๊ะจ๋าหันไปเห็นตะวันตามมาก็โกรธ วิ่งไปผลักจนล้ม ด่าซ้ำว่ายังหน้าด้านมาที่นี่อีก ที่นายแม่เป็นแบบนี้ก็เพราะเธอเป็นต้นเหตุ แล้วจะเข้าไปเอาเรื่อง ไผ่คว้าตัวไว้ทัน ขอร้องให้ใจเย็นๆ หากทำอะไรตะวันมือจะเปื้อนบาปเปล่าๆ



“คนเนรคุณ ไม่รู้จักบุญคุณคนชุบเลี้ยง สารเลว นังงูเห่า” เจียมด่าไม่ไว้หน้าธงไทยทนเห็นตะวันต่อไปไม่ไหว ไล่ตะเพิดไปพ้นหน้า ระหว่างนั้น หมอเจ้าของไข้ออกมาแจ้งข่าวร้าย ธงไทยรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงตรงหน้า วิ่งพรวดเข้าไปในห้องฉุกเฉิน โดยมีไผ่ เจียมและจ๊ะจ๋าวิ่งตาม ธงไทยโผกอดศพแม่ ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด

“แม่นวล ตื่นสิครับ ไม่จริงใช่ไหม แม่นวลครับอย่าทิ้งผมไป แม่นวล”

เจียม ไผ่และจ๊ะจ๋าพากันร้องไห้ตามไปด้วย ตะวันแอบมองอยู่นอกประตูห้องฉุกเฉิน อยากจะเข้าไปกอดแม่นวลเป็นครั้งสุดท้าย แต่รู้ดีว่าทุกคนกำลังโกรธ คงไม่พอใจถ้าเห็นหน้าเธอ ตัดสินใจงับประตูไว้อย่างเดิมแล้วออกมาร้องไห้หน้าห้องฉุกเฉินเพียงลำพัง

ooooooo

ธงไทยโทร.บอกให้กันเกราส่งคนมารับตัวนันทนากลับไปด้วย ตอนนี้ทางเขากำลังวุ่นๆกับการจัดงานศพแม่ของเขาเกรงจะไม่มีใครดูแล กันเกราแสดงความเสียใจกับเขาด้วย แล้วจะจัดการส่งคนไปรับทันทีที่กันเกราวางสาย นันทาซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆถามว่ามีเรื่องอะไรกัน พอรู้ว่าแม่ของธงไทยตาย สั่งการให้กันเกราส่งพวงหรีดไปเคารพศพคนตายให้ด้วย เธออึกอัก ก่อนจะตัดสินใจบอกว่านันทนาอยู่ที่ไร่นวลตะวัน

“หา! ยัยนาไปทำอะไรที่นั่น จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว ตาวัฒน์แกรีบไปรับน้องกลับมาด่วนเลยนะ”

นันทวัฒน์มัวแต่คิดเรื่องตะวันหายตัวไป ไม่สนใจไยดีเรื่องน้องสาวตัวเอง กระทั่งกันเกราบอกว่าตะวันก็อยู่ที่นั่นด้วย เขาถึงกับหูผึ่ง...

งานสวดอภิธรรมศพนวลจัดขึ้นในเย็นวันเดียวกัน ธงไทยยังเสียใจกับการจากไปไม่มีวันกลับของแม่ นั่งซึมไม่พูดไม่จากับใคร เช่นเดียวกับทุกคนในไร่นวลตะวัน มีเพียงตาท้วมกับไผ่เท่านั้นที่พอจะทำใจได้ จึงช่วยกันต้อนรับแขกที่มาในงาน ตะวันมาร่วมงานศพด้วย ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งข้างๆธงไทย

“พี่ไทยคะ ตะวันเสียใจนะคะ ตะวันไม่รู้ว่า...” เธอเห็นน้ำตาของเขาหยดลงบนหลังมือที่วางอยู่บนตัก เอื้อมมือจะไปแตะไหล่เพื่อปลอบใจแต่เขาขยับหนี เธอรีบหดมือกลับ “...ตะวัน ไปจุดธูปไหว้แม่นวลนะคะ”

“ไม่จำเป็น ปล่อยให้แม่นวลไปอย่างสงบเถอะ”

ตะวันน้อยใจมาก กลั้นน้ำตาแทบไม่ไหว รีบลุกออกมาก่อนที่ใครจะเห็นน้ำตา ทุกคนในไร่นวลตะวันต่างสมน้ำหน้าเธอ แม้แต่หนูพุทธผู้อ่อนโยนยังมองเธอด้วยสายตากร้าว ตะวันรู้สึกเหมือนตัวคนเดียวในโลก เดินหลบไปอยู่ที่มุมมืดไม่ห่างกันนัก ก่อนจะ ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น แล้วมองกลับไปที่ศาลาสวดศพ

“แม่นวลขา ตะวันขอโทษนะคะ ตะวันไม่ได้ตั้งใจ” เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน แต่ต้องตกใจสุดขีดเมื่อมีเสียงพิชิตดังขึ้นจากด้านหลัง

“กลายเป็นหมาหัวเน่าละสิ สะใจจริงๆ เป็นไงล่ะ ถูกถีบกระเด็นออกมานอกศาลาขนาดนี้” ไม่พูดเปล่า พิชิตรวบตัวเธอไว้ ตะวันดิ้นรนจนเป็นอิสระแล้วตบเขาฉาดใหญ่ พิชิตไม่วายปากเสีย

“เป็นไง จี้ใจดำหรือไงตอนนี้ก็ไม่เหลือใครแล้วสินะ” ขาดคำตะวันจะตบเขาซ้ำ แต่เขาคว้ามือไว้ทัน

“ถึงไม่เหลือใคร แต่ฉันก็ยังเหลือนายสินะพิชิต”

“ขอโทษนะ ฉันไม่ชอบของเหลือเดนใคร” พูดจบพิชิตเดินจากไป ตะวันรู้ทันทีว่าเห็นพิชิตที่ไหน ก็ต้องมีนันทวัฒน์ที่นั่น จึงเดินกลับมาที่ศาลาสวดศพ เห็นสามีตัวเองนั่งคุยอยู่กับธงไทยโดยมีมยุริญกำลัง

กอดปลอบใจนันทนาอยู่ใกล้ๆ นันทวัฒน์หันมาเห็นตะวันก็ดีใจมาก ขณะที่ธงไทยเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาด้วย

ถึงเวลาที่นันทนาจะต้องจากลาทุกคนกลับกรุงเทพฯ เธออ้อยอิ่งไม่อยากไป เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าหลงรักธงไทยผู้ชายอบอุ่นคนนี้เข้าให้แล้ว มยุริญต้องเตือนให้รีบไป ไม่อย่างนั้นจะถึงกรุงเทพฯดึก ระหว่างเดินผ่านคนในไร่นวลตะวันเพื่อไปที่รถ ทุกคนมองตะวันด้วยสายตาเกลียดชัง แต่พอนันทนาเดินผ่าน คนเหล่านั้นกลับอาลัยอาวรณ์ ตะวันเศร้าใจมากที่บรรดาคนที่เธอรักเหมือนครอบครัว ทำราวกับเธอเป็นศัตรู

ooooooo

นันทวัฒน์ ตะวันกับมยุริญและนันทนาเดินมาขึ้นรถตู้ที่พิชิตเปิดประตูรออยู่ มยุริญพยุงนันทนาขึ้นไปเป็นพวกแรก นันทวัฒน์ยืนรั้งท้ายรอให้ตะวันขึ้นไปก่อน คีรินใส่หมวกกันน็อกจอดมอเตอร์ไซค์รออยู่ไม่ห่าง เห็นตะวันกำลังจะก้าวขึ้นรถ รีบเร่งเครื่องเข้าหา พร้อมกับเล็งปืนใส่พิชิตหันมาเห็นเสียก่อน รีบผลักตะวันล้มลงกับพื้นแล้วเอาตัวบังเธอไว้ กระสุนเฉียดหวุดหวิด คีรินจะยิงซ้ำ แต่ตะวันไวกว่า คว้าปืนที่เหน็บเอวพิชิตยิงใส่มือปืนไปหลายนัด กระสุนเจาะแขนคีรินทำให้มอเตอร์ไซค์เสียหลักล้มคว่ำ ตะวันมองพิชิตอย่างผู้ชนะ รู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้รักเธอมากขนาดยอมตายแทนได้ ก็ยิ้มพอใจ พิชิตรู้ตัวว่าพลาด รีบผละออกมา ตะวันไม่รอช้าวิ่งไปทางที่รถของมือปืนที่ล้มคว่ำ

เสียงปืนทำให้ทุกคนในศาลาสวดศพต่างตกใจ วิ่งออกมาดู ธงไทยเห็นตะวันวิ่งตามคนร้าย จะเข้าไปช่วยแต่ตาท้วมคว้าตัวไว้ ส่ายหน้าเป็นเชิงไม่ให้ตาม เนื่องจากไม่ต้องการให้เขาเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงอีก ธงไทยพยักหน้ารับรู้ เดินกลับไปนั่งที่เดิม...

คีรินดึงขาที่ถูกมอเตอร์ไซค์ล้มทับออกได้ทันพอดีกับจังหวะที่ตะวันวิ่งมาถึง สองสาวต่อสู้กันด้วยมือเปล่า คีรินพลาดท่าถูกตะวันกระชากหมวกกันน็อกหลุด เธอตกใจมากที่เห็นว่ามือปืนคือคีริน ถามเสียงเครียดว่าทำแบบนี้ทำไม

“ถ้าเธอไม่ตาย ฉันก็ตาย หน้าที่ฉันคือฆ่าเธอ”

“เพราะอะไร” ตะวันยังไม่ทันได้คำตอบ คีรินเหลือบไปเห็นนันทวัฒน์กับพิชิตตามมา รีบวิ่งไปขึ้นมอเตอร์ไซค์หนีไปอย่างรวดเร็ว พิชิตจะไล่ตาม แต่ตะวันร้องห้ามไว้ แล้วมองตามมอเตอร์ไซค์ของคีรินที่แล่นหายไปในความมืดด้วยความเสียใจ ที่ชีวิตนี้ไม่เหลือใครที่เคยดีกับตัวเองอีกแล้ว...

ฝ่ายจ๊ะจ๋ายังแค้นใจตะวันไม่หาย โทษว่าเป็นเพราะมันคนเดียวนายแม่ถึงต้องตาย เจียมขอร้องให้พอได้แล้ว พวกเราต่างรู้ดีว่าท่านไม่ค่อยสบายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

“แต่ถ้าไม่ใช่เพราะนังนั่น ป่านนี้นายแม่ก็คงไม่ตาย คอยดูนะป้า ฉันจะแก้แค้นอย่างสาสมเลยทีเดียว นังตะวันมันไม่ตายดีแน่” จ๊ะจ๋าขบกรามแน่นด้วยความแค้น...

ทรงพลไม่ยอมหลับยอมนอน รอตะวันกลับมาอย่างใจจดจ่อ ทันทีที่นันทวัฒน์พาเธอมาส่ง ทรงพลจัดแจงไล่เปลวไปนอน จะขอคุยกับลูกเป็นการส่วนตัว เธอไม่สบายใจที่ต้องทิ้งลูกที่อยู่ในภาวะจิตใจอ่อนแอไว้กับเขา แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ จำต้องกลับห้องตัวเอง ทันทีที่เธอคล้อยหลัง ทรงพลยุยงให้ตะวันจบเรื่องนี้ได้แล้ว

“มันอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น แล้วชีวิตหนูจะอยู่อย่างสงบสุขไปตลอด ไม่ต้องมาคอยระแวงว่าจะมีคนมาตามเอาชีวิต ในโลกนี้ไม่มีใครรักหนูจริงหรอก นอกจากพ่อกับแม่ของหนู ดูที่พวกมันทำกับหนูสิ”

ตะวันนึกถึงภาพในอดีตที่ตัวเองถูกทำร้ายต่างๆนานา รวมทั้งภาพสายตาของทุกคนในไร่นวลตะวันที่มองเธอราวกับเป็นศัตรูในงานศพ แถมธงไทยยังไม่ยอมให้เธอเข้าไปไหว้ศพแม่นวล ทำให้เธอแค้นใจและ เสียใจมาก

“ค่ะ...หนูจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”

ooooooo

ต๋องจอดมอเตอร์ไซค์อยู่ที่มุมสลัวในซอยบ้านคีริน หยิบยาเม็ดที่มีประกายคล้ายกากเพชรยื่นให้รัน

“เห็นรันเครียดๆเลยหาอะไรคลายเครียดมาให้ รับรอง โล่งโปร่ง...สบาย”

“ก็ดีนะ จะได้ลืมเรื่องหนักสมองให้หมด” รันกำลังจะเอายาเข้าปาก คีรินเห็นเข้ารีบลากสังขารมาคว้ามือไว้ทันทำให้ยากระเด็นตกหาย แล้วเอ็ดลั่นคิดจะทำอะไรช่วยใช้สมองตรองก่อนได้ไหม ไม่พูดเปล่าเธอเอานิ้วจิ้มหน้าผากน้องอีกด้วย รันฉุนขาดชวนต๋องไปที่อื่นกัน
ดีกว่า แล้วขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของเขา

คีรินไม่ยอมให้รันไปลากตัวลงจากรถ ต๋องเห็นท่าไม่ดีขี่รถหนี ครู่ต่อมาคีรินลากรันเข้ามาในบ้าน ต่อว่าว่าเกิดติดยาขึ้นมาจะทำอย่างไร จังหวะนั้นแผลถูกตะวันยิงซึ่งคีรินห้ามเลือดไว้ชั่วคราวเกิดปริ เลือดไหลเป็นทางหยดลงพื้น รันเห็นก็ตกใจ คีรินไม่อยากให้น้องถามมากความ เอามือกดแผลไว้แล้ววิ่งหนีขึ้นข้างบน...

ในขณะที่ตะวันครุ่นคิดแผนการจะเอาคืนวัฒนาให้สาสมกับที่ทำให้ชีวิตของเธอต้องเป็นแบบนี้ เปลวเข้ามาชักชวนให้หนีไปจากที่นี่ด้วยกัน เธอว่าแม่ว่าใจร้ายทำอย่างนี้กับคุณพ่อผู้มีพระคุณของเราได้อย่างไร

“เราตอบแทนบุญคุณท่านไปแล้ว 20 ปีที่ผ่านมา หนูเอาชีวิตของหนูทดแทนบุญคุณท่านไปแล้ว...ปรางค์ ลูกต้องไปจากที่นี่ ไปให้ไกลจากเปลวเพลิงความแค้นของท่าน ไม่อย่างนั้นลูกจะมอดไหม้ไปกับมันด้วย”

“ไม่ค่ะ ชีวิตหนูไม่เหลือใครแล้ว มีแต่คุณพ่อที่ดีกับหนู แล้วหนูจะไม่ทำให้ท่านเสียใจเด็ดขาด”

“แล้วแม่ล่ะลูก แม่...ไม่ดีกับลูกเลยเหรอ” เปลวตัดพ้อน้ำตาคลอเบ้า

“แม่เป็นคนดีค่ะ แต่...แม่ไม่เคยลุกขึ้นมาทำอะไรสักครั้งหนึ่งเลย เท่านั้นเอง”...

ทันทีที่เข้าห้องนอนตัวเอง คีรินรีบถอดเสื้อตัวนอกออก แผลถูกตะวันยิงแม้จะไม่สาหัสแต่เลือดออกมาก เธอพยายามทำแผลให้ตัวเองอย่างทุลักทุเลเนื่องจากไม่ถนัด รันเปิดประตูผลัวะเข้ามาพร้อมด้วยอ่างใส่น้ำกับผ้าขนหนูผืนเล็กและร่วมยาแล้วนั่งลงข้างๆพี่สาว จับแขนข้างที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาดู คีรินดึงกลับ แต่รันยื้อไว้

“อยู่เฉยๆเหอะน่า”

คีรินมองน้องสาวที่ทำแผลให้ตัวเองอย่างตั้งใจก็รู้สึกดี

ooooooo

นันทาทั้งด่าว่าทั้งตบตีนันทนาอุตลุดเมื่อรู้ว่าลูกติดยาเสพติด นันทวัฒน์กับกันเกราต้องช่วยกันห้าม ปราม ขณะที่มยุริญได้แต่มองตาปริบๆ นันทวัฒน์ขอร้องแม่ให้เลิกด่าว่าน้องได้แล้ว ตอนนี้เราควรช่วยกันพาเธอไปรักษาตัวจะดีกว่า นันทาไม่ยอมพาไป กลัวคนอื่นจะรู้เรื่อง เอาไปนินทากันสนุกปาก

“เอ๊ะ คุณพี่นี่ก็คิดอะไรนักหนา ใครมันจะไปรู้ไปเห็นอะไร เราไปรักษากันแบบเงียบๆก็ได้ สถานพยาบาลเขาเก็บความลับคนไข้ได้นะคะ”

“มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นหรอก แม่โลกสวย” นันทาไม่วายแขวะกันเกรา นันทนาไม่อยากให้แม่ลำบากใจ อ้างว่าไม่ได้อยากไปสถานที่แบบนั้นอยู่แล้ว กินยาสมุนไพรที่ได้จากไร่นวลตะวัน อีกไม่นานก็หาย

“ฉันจะคอยดูน้ำหน้าแก” นันทาว่าแล้วเดินอารมณ์บูดจากไป มยุริญสงสารนันทนาจับใจ ดึงตัวมากอด ขณะที่กันเกราต่อว่าพี่สาวไล่หลังว่าแทนที่จะให้กำลังใจลูกกลับพูดซ้ำเติมให้ลูกหมดกำลังใจ...

เมื่อได้อยู่ตามลำพังกับมยุริญ นันทวัฒน์ขอโทษเธอด้วยที่บ้านของเขามีแต่เรื่องชวนให้น่าอับอาย เธอเข้าใจดีว่านันทาเจอแต่เรื่องแย่ๆมามากก็เลยทำใจรับเรื่องนี้ไม่ไหว แต่เธอยังเชื่อว่าเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น แล้วเสนอให้นันทนาไปพักกับตนเองที่บ้าน จะได้ช่วยดูแลให้

“อย่าเลยครับ แค่นี้ก็เกรงใจน้องยุริญแย่แล้ว ให้อยู่ที่นี่แหละครับ ทุกคนจะได้ช่วยกันดูแล...เอ่อ น้องยุริญโชคดีแล้วนะครับที่ไม่ต้องแต่งงานกับพี่” นันทวัฒน์เห็นเธออึ้งไป อยากเขกหัวตัวเองนักที่พูดแบบนั้น

“ถ้าตั้งใจจะร่วมชีวิตกันก็ต้องร่วมกันฝ่าฟันไปให้ได้ทุกเรื่องค่ะ” คำพูดของมยุริญทำให้นันทวัฒน์ซาบซึ้งใจมากมองสบตาเธอนิ่งงัน ตะวันซึ่งแอบดูอยู่ขัดใจมาก แม้จะไม่ได้รักนันทวัฒน์แต่ก็ไม่อยากให้ใครมายุ่ง มยุริญเขินอายที่ถูกเขามอง ขอตัวไปดูนันทนาแก้เขินแล้วถอยหลังจะไป ไม่ทันระวังสะดุดขาตัวเองเสียหลัก นันทวัฒน์คว้าตัวไว้ทัน ตะวันเห็นไม่เข้าที รีบออกจากที่ซ่อน เขาเห็นเธอมาปล่อยมือจากมยุริญแทบไม่ทัน...

ในเวลาเดียวกัน ตำรวจยังตามมาสอบถามธงไทยเกี่ยวกับการตายของนายชด เขายืนยันว่าตอนเกิดเหตุ ตะวันอยู่กับเขา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องนี้ ตาท้วมที่นั่งฟังอยู่ด้วยถึงกับอึ้ง

“คุณธงไทยแน่ใจหรือครับ แต่หลักฐาน...”

“ผมแน่ใจครับคุณตำรวจ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” ธงไทยพูดจบลุกออกมา ตาท้วมยังคาใจไม่หาย หลังจากส่งตำรวจกลับไปแล้ว ตามไปถามธงไทยว่าทำไมถึงบอกตำรวจไปแบบนั้น เพราะนั่นเท่ากับเขาปกป้องคนผิด ธงไทยไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรกับตะวันอีก

“ตาท้วมจะทำอะไรก็สุดแท้เถอะครับ แต่ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น” ธงไทยเห็นเขาอ้าปากจะทักท้วง ชิงตัดบทเสียก่อน “เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก”

ooooooo

เพื่อให้แผนแก้แค้นครอบครัวของวัฒนาเดินหน้าต่อได้ ระหว่างที่นันทวัฒน์เดินมาที่รถเพื่อจะไปส่งตะวันที่บ้าน เธอใช้มารยาออดอ้อนขอย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ เขาอึกอักเนื่องจากไม่อยากมีปัญหากับแม่ เธอเหมือนจะรู้เท่าทันความคิดของเขา รีบตีหน้าใสซื่อ

“ตะวันอยากจะลงหลักปักฐานกับชีวิตสักที เรากลับมาดูแลกันได้ไหมคะ ตะวันอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ พ่อ แม่ ลูก” คำพูดของตะวันทำเอานันทวัฒน์อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ เธอรู้จุดอ่อนของเขาดี เอนหัวซบไหล่กอดแขนเขาไว้ พิชิตยืนมองอยู่ด้วยความสับสน ใจหนึ่งก็เป็นห่วงนันทวัฒน์ อีกใจหนึ่งก็หวงตะวัน...

มยุริญไม่ค่อยชอบใจนักที่อึ่งพูดจาให้ร้ายตะวัน เตือนว่าแม้เธอจะร้ายกาจอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเรา อึ่งไม่เห็นด้วย ในเมื่อตนทำงานรับใช้คนบ้านนี้ ถ้ามีใครจะทำผิดคิดร้ายกับคนที่นี่ ตนก็ต้องปกป้อง และจะเปิดโปงให้หมดเปลือก ที่สำคัญถ้าตะวันกระเด็นไปจากที่นี่ มยุริญซึ่งเป็นเจ้านายสุดที่รักของตนจะได้สมหวัง

“ยุริญไม่อยากให้พี่อึ่งพูดแบบนั้น ยุริญเข้ามาช่วยพี่วัฒน์จัดการเรื่องต่างๆด้วยความบริสุทธิ์ใจนะคะ ยุริญกลับบ้านดีกว่าค่ะ” มยุริญว่าแล้วคว้ากระเป๋าถือเดินออกไปเลย...

นันทาค้านหัวชนฝาเมื่อรู้ว่าตะวันจะกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ตะวันโต้ไม่ยอมแพ้ ในเมื่อเธอเป็นเมียของนันทวัฒน์ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ทำไมจะอยู่ไม่ได้ แล้วหันไปถามนันทวัฒน์ตกลงจะให้เธออยู่หรือเปล่า กันเกราขอร้องเขาอย่าเพิ่งให้ตะวันกลับมาอยู่ที่นี่ตอนนี้เลย นันทวัฒน์ไม่สามารถทำอย่างนั้นกับเธอได้

“ทำไมจะทำไม่ได้ ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นแม่อยู่ล่ะก็ เอามันออกไปจากบ้านนี้”

นันทวัฒน์หลงตะวันโงหัวไม่ขึ้นไม่สนใจความรู้สึกของแม่ สั่งให้อึ่งขนกระเป๋าของตะวันไปเก็บ แล้วบอกให้เธอไปพักผ่อนก่อน เธอไม่วายหันมายิ้มยั่วนันทาซึ่งยืนกรานไม่ยอมอยู่ร่วมชายคากับนังงูเห่า

“ก็แล้วแต่คุณแม่แล้วกันนะครับ แต่ปรางค์ต้องอยู่ที่นี่ ผมจะไม่มีวันปล่อยเธอไปไหนอีกเด็ดขาด”

นันทาโมโหลูกมากเป็นลมล้มพับลงตรงนั้น โชคดีที่กันเกรารับตัวไว้ทัน...

ทางฝ่ายอึ่งขนกระเป๋าของตะวันขึ้นมาไว้ที่ห้องอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก ตะวันเห็นสีหน้าของเธอแล้วหมั่นไส้ เตือนว่าจะพอใจตนหรือไม่ อึ่งก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป หรือไม่ก็ลาออกให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

“อึ่งมีพ่อมีแม่แล้วก็ลูกๆต้องหาเลี้ยง อึ่งไม่ลาออกหรอกค่ะ แต่ถ้ามีใครพยายามบีบคั้นให้อึ่งต้องลาออก อึ่งก็อาจจะคายความลับบางอย่างออกมาก็ได้นะคะ”

ตะวันถามเสียงเขียวว่าความลับอะไร อึ่งไม่ยอมบอกเดินลอยหน้าออกจากห้อง เธอมองตามไม่ไว้ใจ...

หลังจากประคองนันทามานอนที่โซฟา กันเกราเล่นงานนันทวัฒน์ที่พูดจากับแม่ไม่ระวังปาก น่าจะตาสว่างได้แล้ว รู้ทั้งรู้ว่าตะวันทำอะไรไว้กับพวกเราบ้าง เขาต่อว่ากลับว่าเราเองก็ทำเธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด กันเกราไม่เข้าใจทำไมเขาถึงพูดราวกับว่าที่ตะวันถูกทำร้ายเป็นเพราะพวกเรา นันทาฟื้นขึ้นมาทันได้ยินพอดี

“ปล่อยให้เขาคิดไปเถอะกันเกรา นังนั่นมันสมควรจะโดนแบบนี้แหละ เสียดายที่มันไม่ตาย”

นันทวัฒน์ทนฟังแม่พูดไม่ได้ เดินหนีขึ้นห้อง นันทาเจ็บใจมาก ตะโกนไล่หลัง

“บอกมันนะ คราวหน้ามันไม่รอดแน่”

ooooooo

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 12 วันที่ 30 ก.ย. 58

ละครเพลิงตะวัน แนว โรแมนติก-ดราม่า
ละครเพลิงตะวัน บทประพันธ์โดย น้ำผึ้งเดือน 8
ละครเพลิงตะวัน บทโทรทัศน์โดย ดรีมทีม
ละครเพลิงตะวัน กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละครเพลิงตะวัน ผลิตโดย บริษัท ดูมันดี จำกัด
ละครเพลิงตะวันออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเพลิงตะวันได้ทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
ที่มา ไทยรัฐ