อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 9 วันที่ 20 ก.ย. 58

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 9 วันที่ 20 ก.ย. 58

“มุก...มุก...ถึงแล้ว” เธอถามทั้งที่ยังหลับตาอยู่ว่าถึงไหนหรือ คิมหันต์ยิ้ม... “มุกอย่าเพิ่งลืมตานะ” แล้วเขาก็ลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูด้านที่เธอนั่ง ค่อยๆ อุ้มเธอลงจากรถ พาเดินเข้าไปในบ้าน...

มันคือเรือนหอหลังนั้นที่เขาและเธอเคยร่วมกันสร้างขึ้นมานั่นเอง!

พอเข้าไปในบ้านแล้ว คิมหันต์หยุดยืนกลางโถงบ้านทั้งที่ยังอุ้มเธออยู่ มุกรินถามว่า “ลืมตาได้หรือยัง...คิม”

“ได้แล้วครับ มองให้เห็นเต็มๆตาเลยนะมุก”

มุกรินลืมตาดู พลันก็เบิกตาอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นเป็นเรือนหอหลังนั้น...ทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม เหมือนที่เขาและเธอช่วยกันตบแต่งค้างไว้ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดไปอย่างกะทันหัน คิมหันต์ค่อยๆวางร่างเธอลง



“ทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม” มุกรินพึมพำ

“ผมไม่ได้เอาอะไรไปทิ้งเลย...ตัดใจจะขายก็ขายไม่ลง...ผมรักของพวกนี้ทุกชิ้น”

ทั้งสองพากันเดินดูรูปถ่าย โดยเฉพาะรูปถ่ายตอนอยู่ด้วยกันที่เกาะร้าง... คิมหันต์เอ่ยอย่างระลึกถึงวันคืนที่ผ่านไปว่า “ความทรงจำที่จะไม่มีวันลืม...ที่นี่พอจะเป็นเรือนหอของเราได้ไหมครับมุก”

มุกรินโผกอดเขาไว้ด้วยความรักหมดหัวใจ...

ooooooo

เช้านี้คิมหันต์เข้าไปปลุกมุกรินให้มาทานอาหารเช้าก่อนที่มันจะเย็นชืด เขาวางถาดอาหารเช้าที่จัดทำอย่างน่ารักไว้ตรงหน้าเธอ มุกรินถามว่าเขาทำเองหมดเลยหรือ หยอกว่ากินได้ไหมเนี่ย?

“ถ้าไม่กินจะเสียใจ เพราะเชฟคนนี้ไม่ทำอาหารให้ใครกินง่ายๆ ถ้าไม่ใช่คนที่รักสุดหัวใจ อย่าหวัง”

มุกรินหอมแก้มเขาฟอดหนึ่ง ถามอ้อนๆว่า “คิมทำอะไรให้มุกอย่างนึงได้ไหม” พอเขาถามว่าอะไร เธอหยิบแหวนเอ็นตกปลาออกมา ขอให้เขาสวมให้อีกทีได้ไหม เขารวบอุ้งมือที่ถือแหวนนั้นไว้บอกว่า

“เก็บมันไว้ในความทรงจำเถอะ สวมวงนี้ดีกว่า” เขาหยิบแหวนเงินเกลี้ยงๆ ขึ้นมาค่อยๆสวมที่นิ้วนางซ้ายเธอ เอ่ยจากหัวใจว่า “มุกคือเจ้าสาวคนเดียวของผมครับ”

หลังทานอาหารเช้าฝีมือคิมหันต์แล้ว ทั้งสองช่วยกันทำความสะอาด เก็บกวาดบ้าน...เรือนหอที่ช่วยกันตบแต่งแต่เพิ่งได้ใช้ เป็นความสุขที่เหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวที่มีกันเพียงสองคน...

เพียงสายๆ ก็มีแขกคนแรกมาเยี่ยม เธอคือดวงดาวนั่นเอง พอเข้ามาเห็นมุกรินกับคิมหันต์ เธอทักว่าหน้าตามีความสุขจริงนะ มุกรินถามว่าแปลกใจหรือ

“ไม่เลย...เหมือนที่ฉันคิดไว้ไม่ผิด เป็นการยืนยันว่าเธอตัดสินใจถูกต้องแล้ว” มุกรินถามว่าพี่ใหญ่เป็นไงบ้าง? “ตื่นขึ้นมาก็ออกไปข้างนอกเลย...เขาไม่รู้หรอกว่าเธอไม่อยู่แล้ว”

ขณะนั้นเองมือถือของคิมหันต์ดังขึ้น ดวงดาวถามว่าเปิดโทรศัพท์ด้วยหรือ เขาบอกว่าเปิดตามเวลาแล้วขอตัวไปรับสาย มุกรินพาดวงดาวเข้าไปในบ้าน ถามว่า “ถ้าพี่ใหญ่รู้เรื่องจะเป็นไงบ้าง?”

“ไม่ต้องห่วงน่า...ฉันเอาอยู่” แน่ใจ? “ถ้าเอาไม่อยู่ ฉันก็หนีมาอยู่กับเธอไง” ดวงดาวพูดขำๆ

ฝ่ายคิมหันต์คุยโทรศัพท์กับพักตราอยู่กลางบ้าน เธอตัดพ้อว่า ถ่ายรูปเพลินจนลืมตนเลยนะ คิมหันต์ขอโทษบอกว่าตนต้องใช้สมาธิ แล้วเปลี่ยนเรื่องถามว่าแขกของพ่อเธอล่ะ ต้อนรับเขาดีหรือเปล่า

“เขาเลื่อนค่ะ ไม่มาแล้ว พักตร์ยังโกรธพ่ออยู่เลย ไม่งั้นพักตร์ก็ได้ไปเป็นผู้ช่วยคิมที่โน่นแล้วล่ะ”

คิมหันต์ทำเป็นพูดอย่างห่วงใยว่าไม่มาน่ะดีแล้ว เพราะที่นี่ลำบากมาก ฝนตกทั้งวันทั้งคืนมาสามวันแล้ว

“ฝนตก?” พักตราทำเสียงฉงน

“ใช่ ผมยังถ่ายอะไรไม่ได้เลย ได้แต่นั่งรอฝน...เราก็เลยต้องปรับแผน ยุ่งกันใหญ่” เธอถามว่าบอกพ่อหรือยัง “บอกท่านตั้งแต่เมื่อวานแล้วยังไม่ได้คุยกันอีก พ่อคุณก็คงกำลังยุ่งอยู่เหมือนกันแหละ”

“คงงั้นมั้ง...เทกแคร์นะคะ คิม” พักตรากดเลิกการสนทนาแล้วโทร.ถึงปริม ด้วยสีหน้าที่เครียดขึ้นทุกที “คุณปริมคะ พ่อโทร.หาคุณปริมบ้างหรือเปล่าคะ...”

ooooooo

มุกรินจัดอาหารมาให้ดวงดาวคนเดียวบอกว่าตนกับคิมหันต์กินกันก่อนเธอมาแล้ว พอดวงดาวตักอาหารเข้าปาก คิมหันต์เดินเข้ามาพอดีถามว่าอาหารฝีมือพวกตนพอไหวไหม

“อร่อย...กว่าฝีมืออาธาดา” เธอตอบพลางกินต่อ มุกรินขอตัวไปอาบน้ำ ให้คิมหันต์นั่งเป็นเพื่อนดวงดาวไปก่อน ดวงดาวนั่งมองหน้าคิมหันต์บอกว่าตนชอบเวลาเขามองมุกรินเพราะว่า “น่ารักดี ดูคุณมีความสุขมาก ฉันชอบสายตาแบบนี้”

“งั้นก็มาบ่อยๆสิ จะได้เห็นสายตาของผมบ่อยๆ” คิมหันต์หยอก แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ผมยังอยากได้ความคืบหน้าของนายธาดาจากคุณอยู่ เล่าเรื่องไอ้ขุมให้ฟังได้รึยัง”

ดวงดาวยกน้ำดื่ม แล้วจึงเล่า...

“คืนนั้น ฉันกำลังเล่นดนตรีกับเพื่อนๆอยู่ ก็มีโทรศัพท์อาธาดาโทร.เข้ามา...ตอนนั้น ฉันพูดไม่ได้ ฉันก็เลยกดอัดเสียงไว้ เผื่ออาเขาได้ยินเสียงดนตรีจะได้รู้ว่าเราเล่นดนตรีอยู่ พอฉันมากดฟังทีหลังกลายเป็นเสียงนี้...”

ดวงดาวกดเปิดเสียงที่อัดไว้ในโทรศัพท์ยื่นให้คิมหันต์ฟัง...เป็นเสียงการเคลื่อนย้ายข้าวของ มีเสียงธาดาแทรกขึ้นว่า

“โอเค...วางไว้ตรงนี้ เดี๋ยวแกเอาผ้านี่เช็ดลายนิ้วมือแกออกให้หมด...แล้วก็รออยู่ที่นี่เฉยๆ จนกว่าฉันจะโทรศัพท์เข้ามา”

“โทรศัพท์มาแล้วทำยังไงต่อ”

“กดปุ่มเปิดเพลงตรงนี้ แล้วแกก็กดรับโทรศัพท์เฉยๆ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รอจนฉันวางสายแล้วก็เช็ดลายนิ้วมือแกให้หมด จากนั้นแกก็หายหัวไปเลย ไปให้ไกลสุดขอบโลกเลย เข้าใจไหมไอ้ขุม”

เสียงที่อัดไว้หยุดลงตรงนี้ ดวงดาวบอกคิมหันต์ว่า “ฉันว่า มืออาธาดาคงไปกดปุ่มโดยบังเอิญ แบบไม่รู้ตัวน่ะ”

“มีใครได้ยินเสียงนี้แล้วบ้างไหม” คิมหันต์ถามเครียด

“ไม่มี ตอนแรกฉันตั้งใจจะเก็บเอาไว้อำอา จนลืมไปเลย แต่พอคนชื่อไอ้ขุมมาหาอาที่บ้าน ฉันเลยเอามาฟังอีกทีแล้วก็เริ่มเข้าใจ”

“เซฟเอาไว้ให้ดีนะ อย่าเพิ่งเปิดให้ใครฟัง วันนึง ผมอาจจะต้องพึ่งมัน” ดวงดาวถามว่าเพื่อทำลายนายธาดาหรือ? คิมหันต์ย้อนถามว่าเธอจะมีปัญหาไหม? “ถ้ามันคือความถูกต้อง ฉันก็ไม่รู้จะมีปัญหาทำไม”

คิมหันต์เอื้อมมือแตะไหล่ดวงดาวชมว่าเธอน่ารักมาก เธอน่าจะได้ผู้ชายดีๆเป็นแฟน ดวงดาวถามว่าผู้ชายดีๆที่ไหนจะเอาตน คิมหันต์มองหน้าท้า

“พนันกันไหมล่ะ?”

“ฉันไม่เล่นการพนัน...โดยเฉพาะกับเรื่องของหัวใจ” ดวงดาวตอบห้าวๆ ห้วนๆ ตามแบบของเธอ

วันนี้...ไอ้ขุมเข้าไปเล่นในบ่อนเสี่ยอ๋าเล่นได้ไปมากมายแล้วก็เลิก เสี่ยอ๋ายืนมองทุกอิริยาบถของไอ้ขุมอย่างสังเกต

ธาดามาแล้ว เขาเดินเข้ามาหาเสี่ยอ๋าขอคุยเรื่องยืมเงิน เสี่ยถามว่า “คุยกับน้องสาวมาแล้วหรือ?”

“ไม่จำเป็น ผมจะไม่ถลำจนไปถึงจุดนั้น เล่นแค่ได้สักสิบยี่สิบก็เลิกแล้ว แล้วผมจะไม่เข้ามาที่นี่อีกเลย”

“งั้นเหรอ...โอเค ผมเอาใจช่วยคุณ เฮ้ย...ไปเปิดเซฟเอาเงินให้เฮียแกหน่อย” เสี่ยสั่งลูกน้องคนสนิท

ธาดามองตามลูกน้องเสี่ยอ๋าไป ในแววตามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

ooooooo

คิมหันต์โทรศัพท์คุยกับชุมสายเล่าเรื่องที่ได้ฟังเสียงในโทรศัพท์ที่ดวงดาวอัดไว้ให้ฟัง ชุมสายพูดอย่างเสียดายว่า

“นี่มันหลักฐานสำคัญเลยนะเว้ยไอ้คิม...ถ้าแกได้เทปเสียงนี้ตั้งแต่แรก ไอ้ธาดามันก็จบเห่ไปแล้ว” คิมหันต์ถามว่า แล้วตอนนี้จะให้ทำยังไง? “แกก็เก็บหลักฐานนี้ไว้ให้ดี ให้ฉันปรึกษาทางอัยการก่อน”

“ถ้าเป็นวิธีของฉัน เราจะไม่ต้องรอปรึกษาใครเลย” เสียงคิมหันต์กระด้างขึ้น

“ฉันเป็นทนายความนะเพื่อน ฉันทำทุกอย่างตามกฎหมาย ฉันไม่ทำอะไรผิดกฎหมายแบบที่พวกนักเลงเขาทำกัน”

“งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่เอาแกเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากขอความช่วยเหลือนิดหน่อย...ไม่มีใครรู้หรอก” แต่พอชุมสายถามว่าจะให้ทำอะไร คิมหันต์ตัดบท “แกอย่าเพิ่งรู้เลยเพื่อน” แล้วตัดการสนทนาเลย เขามองไปอย่างไร้เป้าหมายแต่แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตและ เลือดเย็น...

พักตราเริ่มระแวง เธอโทร.เช็กทั้งคิมหันต์และอรรถ โทร.เองไม่ติดก็ให้ปริมโทร.ให้ ปรากฏว่าโทร.ไม่ติดเหมือนกัน ปริมบอกว่าพวกเขาอาจจะกำลังคุยกันอยู่ก็ได้ พักตราบ่นอย่างหงุดหงิดว่าคุยอะไรกันทั้งวัน ผู้ชายสองคนนี้เข้ากันดีเกินไปแล้ว ปริมบอกว่าดีกว่าพวกเขามีปัญหากัน

“คุณปริมไม่เดือดร้อนอะไรบ้างเลยเหรอ?” ปริมนิ่ง “ถ้าคุณพ่อแอบไปมีเด็กคนอื่น คุณปริมจะว่ายังไง”

“ดิฉันไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้นค่ะ...ถ้าท่านมีคนอื่นที่ดีกว่า ดิฉันก็จะไป”

“แค่เนี้ย! ไม่ต่อสู้เรียกร้องอะไรบ้างเลยเหรอ?” ปริมพูดปลงๆว่าอะไรที่เป็นของเราก็จะอยู่กับเรา ถ้า
ไม่ใช่ ต่อสู้ยังไงมันก็ไม่อยู่กับเรา “ตามใจคุณปริม พักตร์ไม่พูดด้วยแล้ว ยิ่งพูดยิ่งแก่...ช่วยหาเบอร์ผู้ช่วยช่างภาพของคิมให้พักตร์ดีกว่า”

ooooooo

มุกรินติงคิมหันต์ว่าไม่ควรปิดมือถือเผื่อมีเรื่องสำคัญเราจะไม่รู้เรื่อง มุกรินพูดไม่ทันขาดคำมือถือคิมหันต์ก็เรียกขึ้น เขาดูเบอร์แล้วบอกว่า เจมส์ ผู้ช่วยตนโทร.มา

คิมหันต์ถามว่าได้รูปครบไหม เจมส์บอกว่าไม่มีปัญหาแต่ปัญหาคือเมื่อหัวค่ำพักตราโทร.มาถามหา

เขา ตนไม่รู้จะตอบอย่างไรเลยบอกว่าเขาท้องเสีย นอกจากนั้นก็ถามเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป คิมหันต์ถามว่าแล้วตอบไปว่าไง?!

“ผมก็บอกไปตามความจริงครับ อากาศดี แสงสวย แต่ร้อนมากๆ” คิมหันต์อึ้ง เจมส์ถามว่าตนพูดอะไรผิดหรือเปล่า

“เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก ขอบใจมากเว้ยเจมส์”

วางสายจากเจมส์แล้วคิมหันต์เครียดเล็กน้อยมุกรินถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

“พายุลูกใหม่กำลังก่อตัว...แต่มันจะเป็นพายุลูกสุดท้าย หลังจากนี้ฟ้าจะเปิด ความแจ่มใสจะกลับคืนมา เชื่อผมสิ”

ฝ่ายไอ้ขุมเล่นได้เงินมากมายเดินนับเงินออกมาอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง หารู้ไม่ว่าเสี่ยอ๋าส่งลูกน้องตามมา พอมันรู้ตัวก็วิ่งหนีแต่หนีไม่พ้น ถูกจับตัวไปให้เสี่ยอ๋า เสี่ยโทรศัพท์บอกคิมหันต์ว่า “ผมได้ตัวมันมาแล้ว”

“เยี่ยมเลย เดี๋ยวบ่ายๆผมจะแวะไปหานะ อย่าให้มันตายเสียก่อนล่ะครับเสี่ย”

ooooooo

พักตราโทร.เช็กกับเจมส์แล้ว เธอโทร.หาคิมหันต์ตัดพ้อต่อว่าที่เขาไม่โทร.มาหา ซ้ำตนโทร.ไปก็ยังติดต่อไม่ได้ด้วย คิมหันต์บอกว่าตนลืมโทรศัพท์ไว้ในเป้ เธอประชดหวานๆว่า “ขี้ลืมจัง”

“งานมันยุ่งครับ นี่ผมก็แยกไปถ่ายรูปคนละโลเกชั่นกับผู้ช่วยนะ อากาศเป็นยังไงก็ไม่รู้ เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก”

พักตราหาทางจับโกหกขอให้เขาส่งรูปมาให้ดูบ้าง อยากเห็นจังว่าจะสวยแค่ไหน บอกรักคิดถึงแล้วตัดสายหน้าเครียด

มุกรินถามคิมหันต์ว่าวันนี้จะไปไหนหรือเปล่า เขาบอกว่ามีธุระเกี่ยวกับคดี ส่วนมุกรินบอกว่าตนจะออกไปหาซื้อของเข้าบ้านหน่อย ขณะนั้นเอง มือถือของมุกรินมีสายเข้า เธอดูหน้าจอบอกคิมหันต์ว่าพักตราโทร.มา

“ไม่ต้องรับ เขากำลังสงสัยเรา” คิมหันต์รีบบอก มุกรินถามว่าแล้วตนควรทำยังไง? “ทำใจสบายๆ รอพบกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น และเป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่เรื่องราวดีๆของเราสองคน”

พักตรารอสายอยู่นาน เมื่อไม่มีใครรับ เธอกดยกเลิก จิกตาไปข้างหน้าอย่างดุดัน แล้วรีบไปที่บริษัท เจอปรารภกำลังประชุมอยู่ เธอเข้าไปสั่งให้ออกมาโทร.หามุกรินให้ตน เรื่องประชุมเสร็จงานนี้แล้วค่อยว่ากัน

ปรารภโทร.หามุกริน เธอรับสายถามว่ามีอะไรหรือเปล่า เพราะเขาโทร.มา พอตนรับสายเขาก็เงียบ

“นั่นแหละ พี่อยากให้มุกได้ยิน มุกได้ยินชัดไหม” มุกรินบอกว่าได้ยินเขาด่าตน “เขาพาลกับทุกคน เขาต้องการรู้ให้ได้ว่ามุกอยู่ที่ไหน”

มุกรินบ่นว่านี่ขนาดตนลาออกแล้วยังหาเรื่องถึงขนาดนี้ ปรารภถามว่าแล้วเธออยู่ไหนล่ะ มุกรินบอกว่าตนปลอดภัยไม่ต้องห่วง ปรารภพยายามจะรู้ที่อยู่หรือไม่ก็นัดพบกัน ไม่อย่างนั้นพักตราจะต้องไล่บี้ไม่เลิกแน่

“อย่าเลยค่ะพี่รภ เราไม่เจอกันจะปลอดภัยกว่า ทั้งตัวมุกและพี่รภด้วย ขอบคุณพี่รภนะคะที่ห่วงใยมุกเสมอมา”

“มุก...ฟังพี่ก่อน....”

“สวัสดีค่ะ” มุกรินเอ่ยลาแล้วตัดสายเลย เธอถามดวงดาวว่า “ฉันควรจะทำยังไงดี?”

“ก็ทำตัวเป็นนางเอกสิ อยู่เฉยๆให้พระเอกเขาเป็นคนจัดการ”

ooooooo

ไอ้ขุมถูกทรมานเพื่อให้สารภาพเรื่องฆ่าวิมลรัตน์คืนนั้น มันปากแข็งไม่ยอมปริปาก ต่อรองให้เลิกทรมานตนก่อน

เสี่ยอ๋ากับคิมหันต์ที่ดูการ “รีด” ไอ้ขุมอยู่ คิมหันต์ถามว่ามันบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับธาดาอย่างไร เสี่ยอ๋าบอกว่า มันว่าเป็นแค่คนรู้จัก เสี่ยอ๋าเล่าเพิ่มเติมว่า

“แต่ข้อมูลที่เราหาได้ก็คือมันเป็นเด็กเก่าของเสธ.พุฒิ ผู้ทรงอิทธิพลที่วงการนักเลงก้มหัวให้ มันเคยเป็นมือปืน คุ้มกันคนตามคำสั่งของเสธ.พุฒิ ส่วน
นายธาดาเคยไปยืมเงินเสธ.พุฒิไว้เยอะ”

คิมหันต์บอกว่าตนไม่อยากรู้เรื่องเหล่านั้น อยากรู้เฉพาะเรื่องฆาตกรรมคืนนั้น เมื่อมันยังไม่ยอมเปิดปากก็ซ้อมหนักขึ้นได้ไหม เสี่ยอ๋ากลัวมันจะตายไปเสียก่อน แต่รับรองว่าไม่เกินสองวันมันต้องยอมพูดแน่ๆ

พอดีมือถือของคิมหันต์ดังขึ้น เขาจึงเดินออกไปคุยโทรศัพท์ ปรากฏว่าเป็นสายจากอรรถ โทร.จากโรงแรมที่พัก

“นายทำอะไรอยู่ที่ไหนไอ้ลูกชาย อย่าบอกนะว่าถ่ายรูปอยู่ ฉันไม่เชื่อ ถ้าตอบไม่ได้ไม่เป็นไร ฉันจะไม่ซักไซ้เรื่องนี้ เพราะถือว่าเป็นข้อตกลงกันอยู่ แต่ฉันต้องขอเตือนหน่อยนะว่านายกำลังมีพิรุธ”

อรรถบอกว่าพักตรากำลังสงสัยเขาและลามมาถึงตนด้วย โทร.เข้าไปเช็กที่ออฟฟิศ ปรามคิมหันต์ว่าถ้าเขากำลังทำอะไรอยู่ก็อย่าให้เรื่องเลวร้ายจนตนรับไม่ได้ ย้ำเหี้ยมๆว่า “เพราะถ้าถึงขั้นนั้นเมื่อไหร่ ข้อตกลงใดๆระหว่างเราจะไม่มีความหมายทั้งสิ้น ชีวิตจิตใจของลูกสาวฉันสำคัญที่สุด เข้าใจนะ”

คิมหันต์เครียด โทร.ถามเจมส์ว่าเก็บภาพได้ครบหรือยัง ให้ส่งรูปเข้ามือถือตนหน่อยเดี๋ยวนี้เลย ย้ำกับเจมส์ว่า

“ถ้ามีโทรศัพท์ถึงแก ดูเบอร์ให้ดีก่อน ถ้าไม่ใช่เบอร์พี่ไม่ต้องรับเด็ดขาด เข้าใจนะ”

ooooooo

พักตราได้รับรูปที่คิมหันต์ส่งมา เธอเปิดดูทีละภาพ...ทีละภาพ...พร้อมคำบรรยาย เธอวางโทรศัพท์ลงข้างตัว แสยะยิ้ม ขณะหางตามองปืนกระบอกเล็กสีบรอนซ์วาววับที่วางอยู่ข้างตัว

ครู่ต่อมา คิมหันต์ก็ได้รับข้อความจากพักตราว่า

“พรุ่งนี้พักตร์จะไปรับที่สนามบินนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้ พักตร์จะได้ไม่ต้องลำบาก” คิมหันต์ตอบทันทีทั้งยังบอกว่ามีของฝากเธอด้วย

งานนี้ พักตราไม่ตื๊อ เธอบอกรัก บอกคิดถึงเหมือนปกติ คิมหันต์หวานไปเช่นกันแล้วต่างกดตัดการสนทนา

มุกรินเดินมาถามว่าพักตราโทร.มาหรือ เวลาของตนหมดแล้วใช่ไหม คิมหันต์ยืนยันว่านี่เป็นการเริ่มต้นต่างหาก

“ผมขออีกอาทิตย์เดียวนะมุก เจ็ดวันเท่านั้นได้ไหม” เธอบอกว่ามากกว่านั้นก็รอได้ “มุกอยู่ที่นี่เลยนะ รอผมที่นี่แหละเพราะที่นี่คือบ้านของเรา”

รุ่งขึ้นคิมหันต์หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้า กระเป๋ากล้องและถุงของฝากไปที่คอนโดพักตรา ร้องบอกเธออย่างร่าเริงว่า

“ผมกลับมาแล้วครับ แล้วนี่ของฝากของคุณ ผ้ามัดหมี่ฝีมือแม่เฒ่าที่อำเภอ...”

“ไม่ต้องมาโกหก!” พักตราบ้าดีเดือดใส่ทันที

จากนั้นทั้งคำถาม คำด่า ก็ระเบิดออกมาจากปากราวห่ากระสุน สั่งให้เอากระเป๋าเสื้อผ้ามา แล้วเปิดค้นไปจับผิดไป “ไหน...มีเสื้อผ้าเลอะโคลนไหม ที่ว่าฝนตกทำงานยาก ไหนเสื้อผ้าสะอาดเอี่ยมเรียบร้อยอย่างนี้เหรอสองวันสองคืน แล้วบอร์ดดิ้งพาสล่ะ อยู่ไหน มีไหม!”

คิมหันต์อึ้งไปอย่างรับสถานการณ์ไม่ทัน พักตรารุกต่ออย่างดุเดือดเลือดพล่าน

“จะแก้ตัวว่าไงอีกหา! ฉันเช็กสายการบินแล้วไม่มีชื่อนายคิมหันต์บินกลับมาไฟลท์นี้เลย แล้วนายคิมหันต์กลับมาวันไหนรู้ไหม วันเดียวกับที่บินไปนั่นแหละ นายคิมหันต์ไปถึงสนามบินเลย แล้วนายคิมหันต์ก็ซื้อตั๋วบินกลับมากรุงเทพฯเดี๋ยวนั้นเลย...คำถามคือ นายคิมหันต์ไปอยู่ที่ไหนมา!!”

คิมหันต์ยังยืนอึ้ง ถูกพักตราเข้าทุบตีรัวถามอย่างไม่รอคำตอบ...

“แกไปอยู่กับใครมาตั้งสี่วันสี่คืน...แกทำกับฉันอย่างนี้ได้ไง ทำไมทำอย่างนี้”

พอตั้งหลักได้คิมหันต์ขอให้ฟังตนก่อน พักตราตะโกนใส่หน้าว่าไม่ฟังเพราะตนรู้เรื่องหมดแล้ว จากที่เคยเรียกคิมที่รัก ก็กลายเป็นเรียก แก ไอ้ กระทั่งด่าเป็นสัตว์ คิมหันต์สุดทนเลยเข้าห้องปิดประตู ปล่อยให้เธอบ้าอยู่หน้าห้อง

พักตราด่าและทุบประตูปึงปังไม่เลิก คิมหันต์เปิดประตูออกมาถามว่าเธอต้องการให้ตนยอมรับใช่ไหม พอเขายอมรับเธอกรี๊ดลั่นทั้งด่าทั้งตะโกนอยากฆ่าทั้งคู่เลย

คิมหันต์บอกว่าพูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้ตนไม่อยู่แล้ว เขาเดินหนีไปท่ามกลางเสียงด่าอย่างบ้าคลั่งของพักตรา กระทั่งตามไปด่าถึงอาคารจอดรถ แต่คิมหันต์ก็ไปแล้ว

ooooooo

ปริมโทร.ถามอรรถว่าตอนนี้อยู่ไหน อรรถบอกว่าตนออกจากสนามบินแล้วกำลังจะเข้าออฟฟิศ ถามว่ามีเรื่องอะไรหรือ

“คุณพักตร์กำลังอาละวาดหนักเลยค่ะ หนักกว่าทุกครั้งที่เราเคยเห็นนะคะ”

อรรถไปหาพักตราที่คอนโดทันที เห็นเธอไปยืนหมิ่นเหม่อยู่ที่ระเบียง เขาตกใจถามว่าลูกคิดจะทำอะไร พักตราบอกว่าตนอยากตาย

“ไม่เอาน่าลูก เรื่องแค่นี้เอง” พักตราถามว่าแค่นี้เองหรือคู่หมั้นตนทั้งคนนะ “ถ้าเทียบกับชีวิตเราทั้งชีวิตมันก็แค่เรื่องขี้หมาๆเท่านั้น เราจะเอาชีวิตเราไปผูกกับผู้ชายหมาๆคนเดียวทำไม”

พักตราคร่ำครวญว่าตนรักเขาไม่อยากเสียเขาไป อรรถบอกว่า “งั้นเราก็ต้องไม่ทำตัวอย่างนี้ เรายิ่งทุรนทุราย เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเหนือกว่าเรา จะทำอะไรกับเราก็ได้ เพราะฉะนั้นลูกต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี นิ่ง มีสติไว้”

พักตราถามว่าแล้วเขาจะกลับมาไหม อรรถยืนยันว่า เขาต้องกลับมา บอกเธอว่า

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อเอง...ตอนนี้ลูกทำตัวให้สดใสเข้าไว้ รอให้เขาเป็นฝ่ายเดินกลับมาหาเรา มาซบลงตรงปลายเท้าเรา...ส่วนเราก็จะ
ยืนเชิดหน้าอย่างเท่ห์ๆดีกว่ากันเยอะนะลูก”
“พ่อต้องทำให้เขากลับมาจริงๆนะ ให้เขารักพักตร์คนเดียวนะพ่อ”

“พ่อสัญญา”

ooooooo

คิมหันต์ขับรถไปจอดสงบสติอารมณ์ที่ริมถนนเปลี่ยว โทร.เรียกชุมสายมาพบ ชุมสายหยอกว่าค่าปรึกษาตนชั่วโมงละสี่พัน ไล่ให้เขาไปหามุกรินจะได้ไม่เสียสตางค์ คิมหันต์บอกว่าไม่อยากให้เธอลำบากใจมากกว่านี้

“ตกลงเรื่องไอ้ขุมอัยการว่าไง” คิมหันต์เปลี่ยนเรื่อง

“ก็อย่างที่ฉันเคยบอกนั่นแหละ เราทำได้แค่แนบพยานหลักฐานไปในคำร้อง ศาลจะพิจารณาหรือไม่อยู่ที่ดุลพินิจของท่าน” คิมหันต์ทำเสียงอืม...ไปอย่างนั้นเอง ชุมสายถามว่า “ดูเหมือนแกจะไม่หวังพึ่งศาลแล้วใช่ไหม”

“ฉันพึ่งคนที่มีดุลพินิจเหมือนฉัน...น่าจะดีกว่า”

คนที่มีดุลพินิจเหมือนกันคือเสี่ยอ๋านั่นเอง

เสี่ยอ๋ากำลัง “รีด” ไอ้ขุมอย่างหนัก แต่มันก็ไม่ยอมเปิดปากจนเสี่ยบอกว่าชักจะเบื่อแล้ว ถ้าไม่ยอมเปิดปากก็ตายๆ ไปเสียตนจะได้ไปทำอย่างอื่น

แล้วไอ้ขุมก็ถูกทรมานจนยอม เสี่ยอ๋าโทร.บอกคิมหันต์ว่ามันพร้อมสารภาพและให้เราบันทึกภาพเป็นหลักฐานทั้งหมด คิมหันต์ตอบอย่างกระตือรือร้นว่า แจ๋วมากเดี๋ยวจะไปเลย แล้วหันชวนชุมสาย

“อยากไปดูคำสารภาพพร้อมกับผมไหมครับ คุณทนาย”

ooooooo

ปรารภผิดสังเกตกับพฤติการณ์ของมุกริน เขาไปหาที่บ้านธาดา แต่ประตูใส่กุญแจแบบไม่มีคนอยู่ เขาโทร.ถามธาดาก็ถูกธาดาด่าว่า

“คุณชักจะยุ่งกับเรื่องในครอบครัวผมมากเกินไปแล้วนะ และทุกครั้งที่คุณเสนอหน้าเข้ามา ก็จะมีเรื่องวุ่นวายกับน้องสาวผมเสมอ” แล้วไล่ตะเพิด “ช่วยไปให้พ้นๆจากบ้านผมเสียที น้องสาวผม ผมตามหาเอง”

“ได้...ถ้ามั่นใจว่าจะตามหาเจอก็เชิญ”

ธาดาไปตามหามุกรินที่ร้านอาหารที่ดวงดาวร้องเพลงอยู่ ถามอย่างตึงเครียดทันทีว่ามุกอยู่ไหน ตนติดต่อไม่ได้

“แล้วคิดว่าหนูติดต่อได้เหรอ?”

ธาดาอารมณ์เสียปรามว่าอย่าเสียเวลา ดวงดาวถามว่ามุกรินหายไปสามวันแล้วเพิ่งจะรู้หรือ ธาดาเริ่มปวดหัวขึ้นมาตวาดถามว่า ไอ้คิมอีกแล้วใช่ไหม ดวงดาวไม่ทันพูดอะไร ธาดาก็หน้ามืดยืนโงนเงน แต่ยังสั่งดวงดาวว่า

“พาอาไปหามุกเดี๋ยวนี้เลย...มุกอยู่ไหน” ดวงดาวบอกให้นั่งก่อน ธาดาก็ร่ำร้องแต่จะหามุกริน จนล้มหงายไป

ดวงดาวต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล

มุกรินรีบตามไปโรงพยาบาลทันที พอดวงดาวบอกหมอว่าเธอคือน้องสาวของธาดา มุกรินถามอย่างร้อนใจว่าพี่ชายตนเป็นอย่างไรบ้าง?

“ยังตอบไม่ได้ครับเพราะเราต้องรักษาอาการเบื้องต้นก่อน จากนั้นถึงจะส่งไปเอกซเรย์หรือทำซีทีสแกนได้ เมื่อได้ผลแล้วค่อยมาวินิจฉัยอาการอีกที”
ดวงดาวบอกว่าคงยากเพราะเดี๋ยวพอรู้สึกตัวขึ้นมาธาดาก็จะไม่ยอมอีก

“ญาติก็ต้องช่วยหมอด้วยนะครับ ไม่งั้นหมอก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน”

ครู่เดียวคิมหันต์ก็โทร.ถามมุกรินว่าอาการของธาดาเป็นอย่างไรบ้าง? เธออยู่กับดวงดาวใช่ไหม? อยู่ได้ไหม? มุกรินบอกว่าอยู่ได้ ย้อนถามเขาว่า

“ถามจริงๆ คิมดีใจใช่ไหมที่พี่ใหญ่เป็นอย่างนี้”

“ฟังนะมุก... เมื่อไหร่ก็ตามที่มุกเป็นทุกข์ ผมจะมีความสุขได้ยังไง เจอกันที่บ้านเรานะครับ” พอวางสายจากมุกริน คิมหันต์บอกชุมสายว่า “ไอ้ธาดาป่วยหนัก” ชุมสายถามว่าเขาคงสะใจล่ะสิ คิมหันต์ตอบทันทีว่า “สุดๆ เลยเพื่อนเอ๊ย!” แล้วระเบิดหัวเราะลั่นรถ

ooooooo

พักตราขับรถตามหาคิมหันต์ไปที่บ้านวิมลรัตน์ก็ไม่เจอ ถวิลบอกว่าเขาไม่ได้มาที่นี่เป็นเดือนๆ แล้ว ไปที่บ้านธาดาก็พบว่าประตูปิด ไปบ้านเก่าของคิมหันต์ก็ไร้วี่แวว

เมื่อตามหาจนทั่วแล้วไม่มีวี่แววของคิมหันต์ พักตรากลับไปที่มูลนิธิ พนาอรรถ ถามปริมว่าตนจะทำอย่างไรดี

“คุณพักตร์ควรจะใจเย็นๆ รอให้คุณพ่อจัดการให้ เดี๋ยวทุกอย่างก็เรียบร้อยเอง”

“พักตร์รอไม่ไหวแล้วนะ คุณปริมลองมาเป็นพักตร์สิแล้วจะรู้ว่ามันทรมานขนาดไหน” พักตราทำท่าจะตายให้ได้

“ทรมานแค่ไหนก็ต้องทน” เสียงอรรถแทรกเข้ามา พักตราถามว่าตนจะได้อะไรจากการทน “ได้สิ่งที่ลูกต้องการสิพ่อว่าลูกเอาเวลาตอนนี้ไปนอนนวดตัว อาบน้ำแร่แช่น้ำนมให้ผิวพรรณผ่องใส แล้วตัดชุดเตรียมไว้ดีกว่า”

“ชุดอะไรคะ” พักตราทำหน้างง

“ชุดเจ้าสาวสิลูก พรุ่งนี้พ่อจะพาตัวคู่หมั้นของลูกกลับมาแต่เช้า แล้วเราจะหารือเรื่องงานแต่งงานของสองคนทันที ดีไหมลูก”

พักตรายิ้มออกทันที

ooooooo

ในที่สุดไอ้ขุมก็ยอมเปิดปาก เสี่ยอ๋า คิมหันต์ และชุมสายอยู่ในมุมหนึ่ง ในขณะที่ไอ้ขุมในสภาพแต่งตัวเรียบร้อยเนื้อตัวสะอาดไร้ร่องรอยบอบช้ำใดๆ นั่งเตรียมอัดเสียงอยู่กับลูกน้องเสี่ยอ๋าคนหนึ่งที่แต่งตัวคล้ายตำรวจ

ลูกน้องเสี่ยอ๋าถามว่าพร้อมจะพูดแล้วใช่ไหม ไอ้ขุมบอกพร้อม เขาบอกให้มันแนะนำตัวเองแล้วพูดได้เลย

“ผม นายสุขุม มากทรัพย์ ขอสารภาพความจริงของเหตุการณ์วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558...” แล้วมันก็เล่าเหตุการณ์ในคืนนั้นว่า

คืนนั้นฝนตกหนัก ขณะตนนั่งกินเหล้าอยู่คนเดียว ก็ได้รับโทรศัพท์จากธาดาซึ่งรู้จักคุ้นเคยกันอย่างดี

ลูกน้องเสี่ยอ๋าถามว่ารู้จักธาดาได้ยังไง

“คุณธาดาชอบไปยืมเงินเสธ.พุฒิ ผมเป็นลูกน้องเก่าท่านก็เลยคุ้นกัน เขาโทร.มาขอให้ผมไปหาเขาที่บ้าน”

เวลานั้นฝนตกหนัก ตนถามว่าเดี๋ยวนี้เลยหรือฝนกำลังตกหนักเลยนะ ธาดาบอกว่า

“ฝนตกหนักน่ะแหละดี จะได้ไม่มีใครเห็นแก มาเดี๋ยวนี้เลยนะ เหาะได้ก็เหาะมาเลย เดี๋ยวมีเงินให้”

ไอ้ขุมเล่าต่อว่า...

“ผมแทบช็อกเลยครับ ผมเห็นคุณธาดายืนหน้าซีดอยู่ข้างๆเมียเขาที่นอนตายอยู่ตรงอ่างอาบน้ำ!”

ooooooo

ไอ้ขุมเล่าต่อหน้าเครื่องอัดเสียงว่า ตนลากร่างของวิมลรัตน์เข้าไปในห้องนอนเธอ โดยมีธาดายืนดูอยู่

“เฮียทำอะไรเนี่ย...เฮียฆ่าเมียตัวเองเหรอ!” ธาดาบอกว่าตนไม่ได้ตั้งใจ “ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเฮียก็เป็นฆาตกร”

ธาดาบอกว่าตนถึงเรียกมันมาช่วย ไอ้ขุมส่ายหน้าว่าเรื่องแบบนี้ใครจะช่วยได้

“เท่าไหร่?” ธาดาถามอย่างรู้ทัน ไอ้ขุมบอกว่าไม่คุ้มหรอก ธาดาถามอีกว่าเท่าไหร่! ไอ้ขุมก็ยังเล่นตัว จนธาดาบอกว่า “มึงไม่เอากูเรียกคนอื่นก็ได้”

ไอ้ขุมจึงบอกว่า “ล้านนึง” ธาดาบอกว่าตนมีไม่ถึง มันยอมลดให้ “งั้นแปดแสนขาดตัว!”

“ให้เราทำอะไรแลกกับเงินแปดแสนบาท” ลูกน้องเสี่ยอ๋าถาม

“เขาให้ผมช่วยจัดสถานที่แล้วก็อยู่รอรับโทรศัพท์...”

ไอ้ขุมเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นเหมือนที่ดวงดาวได้อัดเสียงไว้ จากนั้นมันบอกว่า

“สุดท้ายเขาสั่งให้ผมหายหัวไปให้สุดขอบโลก ส่วนเรื่องศพและคดีความเขาจะจัดการเอง”

คิมหันต์ฟังมันเล่าจบ เขาด่าธาดาอย่างสุดแค้น!

ooooooo

เมื่อกลับมาที่สำนักงานกฎหมายบูรพา ชุมสายถามคิมหันต์ขณะนั่งอยู่ในรถด้วยกันว่า คิดจะทำอย่างไรกับเทปสารภาพของไอ้ขุม

“กระบวนการทางศาลคงลำบากใช่ไหม” คิมหันต์ถามไม่มองหน้า ชุมสายบอกว่ามันไม่มีร่องรอยการถูกซ้อมให้เห็นเลย “งั้นฉันอาจจะเก็บไว้ดูเล่นสักพักก่อน”

“ไอ้คิม...ไม่ว่าแกจะทำอะไร แกต้องบอกให้ฉันรู้ก่อนนะเพื่อน...ขอร้องล่ะ”

“เออ...” คิมหันต์ตอบไปอย่างนั้นเอง พอชุมสายลงจากรถ เขาจึงขับรถออกไป

ที่มุมลับตาไม่ไกลนัก มีรถติดฟิล์มหนาคันหนึ่ง ค่อยๆเคลื่อนออกมาตามรถของคิมหันต์ไป รถคันนั้นตามรถคิมหันต์ไปจนถึงทางเปลี่ยว ก็ขับตัดหน้ารถคิมหันต์ในระยะกระชั้นชิด จนคิมหันต์หักหลบเสียหลักลงข้างทาง

ชายฉกรรจ์สี่คนลงจากรถคันนั้น ตรงเข้าไปที่รถคิมหันต์ เปิดประตูรถอย่างเร็วจนเขาตั้งตัวไม่ทัน

“พวกแกจะทำอะไรฉัน”

“มากับผมเสียดีๆแล้วคุณจะไม่เจ็บตัว”

ชายฉกรรจ์ทั้งสี่ลากคิมหันต์ไปยัดใส่รถพวกมันแล้วขับออกไปอย่างเร็ว คิมหันต์อยู่ในความมึนงงหวั่นวิตก

คิมหันต์ถูกพาไปที่โกดังร้างแห่งหนึ่ง ที่นั่นอรรถรออยู่แล้ว ทันทีที่คิมหันต์ถูกนำตัวเข้ามา อรรถพูดเสียงก้องว่า

“ฉันไม่ได้สนุกกับการไล่จับนายอย่างนี้หรอกนะ ทั้งยุ่งยากทั้งเสียเวลา ไอ้โกดังเก่าไกลหูไกลตาคนแบบนี้มันก็หาไม่ได้ง่ายๆ จะใช้ที่เดิมๆก็เบื่อ แถมยังอาจถูก

จับทางได้อีก และที่สำคัญ ฉันไม่ชอบเปิดตัวในภารกิจ

แบบนี้สักเท่าไหร่ แต่กับนายมันจำเป็น เพราะฉันต้องการได้ยินคำพูดจากปากของนายชัดๆว่านายจะเอายังไงกับลูกสาวฉัน”

คิมหันต์นิ่งไม่ตอบ จนอรรถถามว่าไม่ได้เตรียมคำตอบมาหรือ เขาก็ยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น...

ooooooo

คิมหันต์หายใจลึกๆ เตรียมพร้อมที่จะเผชิญปัญหา แต่ก็ยังนิ่งเงียบอยู่ อรรถลุกเดินไปเผชิญหน้าถาม

“นายเป็นลูกผู้ชายรึเปล่าทำไมความรับผิดชอบต่ำอย่างนี้...พอมีปัญหากับลูกสาวฉัน นายก็หนีไปเฉยๆ ปล่อยให้พักตรานั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่คนเดียว ถ้าเขากระโดดตึกตายนายจะรับผิดชอบได้ไหม ไอ้ชุ่ยเห็นแก่ตัว

...แล้วนี่คิดจะนั่งนิ่งเป็นใบ้ รอให้ฉันเห็นใจนายงั้นเหรอ ไอ้ลูกชาย!”

“ผมขอเลิกกับพักตราครับ”

“ว่าไงนะ!!”

“ผมขอถอนหมั้นลูกสาวท่าน”

อรรถจ้องหน้าเขม็ง สั่งให้พูดใหม่ คิมหันต์ยังพูดคำเดิม เขาสั่งให้พูดใหม่อีก คิมหันต์รู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่เขม็งเกลียว เขารวบรวมกำลังพูดคำเดิม แต่พูดได้แค่ “ผมต้องการ...” เท่านั้นก็ถูกอรรถตบปากหน้าหันทันที แต่คิมหันต์ก็ยังกัดฟันพูดจนจบว่า “ผมต้องการเลิกกับพักตรา ผมไม่ได้รักเธอ”

อรรถไม่พูดไม่ตบแต่พยักหน้าทีเดียว หมู่ชายฉกรรจ์ที่ยืนคุมเชิงอยู่ก็กรูกันเข้ากลุ้มรุมคิมหันต์เลือดกบปาก ล้มกลิ้งอยู่กับพื้น อรรถที่ถอยออกไปดูอยู่ ถามเหี้ยมว่า

“ยังต้องการเลิกกับลูกสาวฉันอีกไหม!”

“ถึงท่านจะซ้อมผมจนตาย ผมก็ยืนยันเหมือนเดิม...”

คิมหันต์ยืนยันคำเดิมแม้จะบอบช้ำเจียนตาย อรรถกระชากผมเขาให้เงยขึ้น ตะคอกใส่หน้า...

“ลูกสาวฉันไม่ดีตรงไหน...พักตรามีอะไรที่น่ารังเกียจจนนายรับไม่ได้ ลูกสาวฉันทำให้นายเสื่อมเสียเกียรติมากนักรึ!” คิมหันต์บอกเปล่า ถูกอรรถเหวี่ยงออกไปอย่างแรง ตวาด “รู้ไหมว่ามีผู้ชายมากมายแค่ไหน

ที่เรียงหน้ากันเข้ามาขอเป็นลูกเขยฉัน...นับหัวไม่ถ้วน แต่พักตราเลือกนาย แค่นี้ยังภาคภูมิใจไม่พออีกเหรอ!”

“พักตราควรจะได้ผู้ชายที่ดีกว่าผม”

“ทำไม...นายมีอะไรไม่ดี บอกมาซิ ฉันจะได้ไปบอกพักตรา”

“ข้อเสียข้อเดียวของผมก็คือผมไม่ได้รักลูกสาวท่านเลย...ผมถูกท่านบังคับ”

อรรถไม่ถามอะไรอีก เขาหันไปพยักหน้าให้ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นอีกครั้งอย่างเน้นๆ พวกมันกรูกันเข้าหาคิมหันต์

“ถ้าผมตาย...ลูกสาวท่านก็ไม่ได้ตัวผมอยู่ดี...ผมไม่ได้รักพักตรา ท่านก็รู้ท่านใช้อำนาจบังคับตัวผม...แต่ท่านไม่มีวันได้หัวใจผม ท่านเปลี่ยนความรู้สึกของผมไม่ได้หรอก...”

อรรถนิ่งไปแต่ยังจ้องหน้าคิมหันต์ถมึงทึง

ooooooo

เช้ามืดวันรุ่งขึ้น คิมหันต์ในสภาพบอบช้ำสาหัส เลือดเกรอะกรัง ก็ถูกชายฉกรรจ์ขับรถของเขาพามาทิ้งไว้หน้าสำนักงานกฎหมายบูรพาแล้วพากันหนีไป

คิมหันต์ได้รับความช่วยเหลือจากยามพาไปพบชุมสาย ชุมสายจะพาไปหาหมอและไปแจ้งความ คิมหันต์ทั้งไม่ไปหาหมอและไม่แจ้งความ บอกว่ามันเป็นเวรเป็นกรรม ตนทำกับเขาไว้เยอะโดนบ้างก็สมเหตุสมผลแล้ว แจ้งความไปก็ไม่จบง่าย ย้อนถามว่า “หรือแกอยากมีเรื่องกับพลโทอรรถ?”

ฝ่ายพักตรา พอเห็นอรรถกลับมาก็ถามหาแต่คิมหันต์ พอมองหาไม่เห็นก็ตัดพ้อต่อว่าไหนพ่อสัญญาว่าจะพาเขากลับมาและคุยเรื่องแต่งงานกันไม่ใช่หรือ

พอเห็นอรรถนิ่งอึ้ง เธอตีโพยตีพายราวกับจะคลั่งว่า “พ่อโกหกพักตร์!”

อรรถชี้แจงว่าตนไม่ได้โกหก ตนพยายามเต็มที่แล้ว แต่บางทีเราอาจจะต้องกลับมายอมรับความจริงบ้าง พักตราถามทันทีว่า “ความจริงอะไรคะ!”

“ความจริงที่ว่าไม่มีใครในโลกนี้จะได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการหรอก” เธอตะโกนว่าตนไม่ได้อยากได้ทุกอย่าง ตนอยากได้คิมหันต์เท่านั้น เขาต้องเป็นของตนคนเดียว “มีประโยชน์อะไรถ้าลูกได้ตัวเขาแต่ไม่ได้หัวใจเขา”

อรรถชี้แจงว่าตนพยายามทุกทางแล้วแต่คิมหันต์ก็ยังยืนยันว่าเขาไม่ได้รักเธอ ที่ทำไปเพื่อประชดมุกรินเท่านั้น แต่พักตราก็ยังคลุ้มคลั่งจะให้พ่อไปเอาตัวคิมหันต์มาให้ได้ ให้จัดการขั้นเด็ดขาดจัดการทั้งคู่ไปเลยก็ได้ ตะโกนเหมือนคนเสียสติว่า “พ่อต้องไปเดี๋ยวนี้เลย ไปสิ...จะปล่อยให้อีมุกได้ตัวคิมไปได้ยังไง” พลางฉุดกระชากอรรถออกจากห้อง

อรรถหมดความอดทนกับความคลุ้มคลั่งของพักตรา เขาตบหน้าเธอฉาดใหญ่จึงหยุดเธอได้ พักตราทรุดนั่งร้องไห้มองหน้าอรรถ ตัดพ้อ “พ่อตบพักตร์...”

“เพื่อให้ลูกมีสติ ฟังเหตุผลของพ่อบ้าง พ่อปล่อยให้ลูกเอาแต่ใจตัวเองมานานเกินไปแล้ว มันต้องพอเสียที”

“ไม่เป็นไรค่ะ” พักตราหยุดร้องไห้พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ถ้าพ่อไม่ช่วย พักตร์ทำเองก็ได้...มันอยู่ด้วยกันกับนังมุกใช่ไหมพ่อ” อรรถไม่ตอบเดินออกจากห้องไปเงียบๆ พักตราจิกตาอาฆาตแค้น

ooooooo

คิมหันต์ทำแผลเรียบร้อยแล้ว กลับไปที่ “เรือนหอ” พร้อมถุงอาหาร พอมุกรินเห็นสภาพของเขาเธอตกใจถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแผลเต็มหน้าอย่างนี้

อ่านเรื่องรอยรักแรงแค้น ตอนที่ 9 วันที่ 20 ก.ย. 58

ละครรอยรักแรงแค้น บทประพันธ์โดย ชลาลัย
ละครรอยรักแรงแค้น บทโทรทัศน์โดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น กำกับการแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
ละครรอยรักแรงแค้น ผลิตโดย บริษัท สามัญการละคร จำกัด
ละครรอยรักแรงแค้น ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น.
ติดตามชม ละครรอยรักแรงแค้น ได้ทางทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ