อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 11 วันที่ 26 ก.ย. 58

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 11 วันที่ 26 ก.ย. 58

“อะไรที่ทำให้ไทยมีความสุขได้ แม่ก็อยากทำน่ะลูก” นวลว่าแล้วกอดตอบลูกชาย...

ฝ่ายตะวันตามมาป่วนนันทาถึงบ้าน อ้างจะมาเอาของบางอย่างที่ยังขนไปไม่หมด สองแม่ผัวกับลูกสะใภ้ปะทะคารมกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต นันทวัฒน์เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

“ไปเถอะครับปรางค์ เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ”

“จะไปไหนอีก งานการไม่ต้องทำกันล่ะ ไหนจะคุณพ่ออีก อยู่ติดบ้านบ้างไม่ได้หรือไง” นันทาโวยลั่น



นันทวัฒน์ขอไปส่งตะวันครู่เดียวเดี๋ยวก็กลับแล้ว พิชิตรีบเข้ามาเสนอตัวจะไปส่งเธอแทนเขาเอง นันทวัฒน์ยืนกรานจะไปเอง แล้วรีบพาตะวันไปขึ้นรถ ขณะกำลังรอให้ประตูรั้วเปิด ตะวันหันมาออดอ้อนนันทวัฒน์แล้วเอนหัวซบไหล่เขา จังหวะนั้นรถของธงไทยแล่นเข้ามาจอด หนุ่มชาวไร่เจอภาพบาดตาถึงกับชะงัก ตะวันเห็นเขาก็ใจหาย คาดไม่ถึงว่าเขาจะตามมาถึงที่นี่ รีบบอกให้นันทวัฒน์ออกรถ ธงไทยลงจากรถจะมาหาหญิงคนรัก แต่เธอเร่งให้นันทวัฒน์รีบไป อ้างไม่อยากให้พ่อของเธอรอ

ธงไทยงงมากที่ตะวันไม่ลงมาทักทาย แถมมองมาด้วยสายตาไร้เหยื่อใย ได้แต่พึมพำกับตัวเอง ตะวันที่แสนดีคนนั้นทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้...

ครู่ต่อมา อึ่งถือลังผลไม้เดินนำธงไทยที่ถือผลไม้อีกลังหนึ่งมาถึงหน้าตึกใหญ่ พลางบอกว่าตะวันเพิ่งออกไปกับนันทวัฒน์เมื่อสักครู่นี้เอง เขาเห็นแล้ว เขาแค่จะเอาผลไม้มาให้ แล้วก็จะกลับ

“งั้นคุณธงไทยเอาลังวางไว้ตรงนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวอึ่ง ทยอยเอาเข้าไปเอง ขอบคุณแทนคุณๆด้วยนะคะ” อึ่งพูดจบ เดินถือลังผลไม้เข้าข้างใน ธงไทยวางลังผลไม้ในมือลงแล้วหันหลังจะกลับ ต้องหยุดกึกเมื่อเจอพิชิตยืนมองอยู่ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แถมบอกให้เขาปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป อย่ามายุ่งกับเธออีก

“เธอที่คุณหมายถึงเป็นว่าที่เจ้าสาวของผม...ผมจะไม่มีวันปล่อยเธอไปไหน” ธงไทยว่าแล้วขยับจะไป

พิชิตขวางไว้ “ผู้หญิงคนนี้เก่งจริงๆ หลอกใช้ได้ทุกคน”

“ทุกคน? รวมทั้งคุณด้วยหรือเปล่า” ธงไทยจงใจยั่วประสาท พิชิตโกรธเลือดขึ้นหน้าตรงเข้าชกต่อย ธงไทยไม่ยอมให้ถูกทำร้ายข้างเดียวชกคืนให้บ้าง สองหนุ่มเปิดฉากบู๊ใส่กันอุตลุด กันเกราต้องเข้ามาสั่งให้หยุดตีกันเดี๋ยวนี้ ทั้งคู่ถึงแยกออกจากกันได้ เธอต่อว่าพิชิตว่าทำกับแขกแบบนี้ได้อย่างไร

“ฉันจะรายงานตาวัฒน์ ไปสิ...ยืนอยู่ทำไมไปสำนึกความผิดของตัว” กันเกรารอจนพิชิตลับสายตา จึงหันไปขอโทษธงไทยแทนคนของเธอด้วยที่ทำตัวไม่เหมาะสม “แม่คนนั้นไม่อยู่ที่นี่แล้วค่ะ ย้ายไปอยู่กับแม่ของเธอ”

“งั้นผมขอตัวนะครับ ต้องขอโทษที่มาแสดงกิริยาไม่เหมาะสมในบ้านของคุณ” ธงไทยขยับจะไป

“เดี๋ยว...ขอบคุณนะคะสำหรับผลไม้ คุณเป็นคนดีมีน้ำใจฉันดูออก ไม่น่าต้องมาเวียนว่ายอยู่ในวงจรนี้กับเขาด้วยเลย” กันเกราพูดจบเดินเข้าบ้านทิ้งปริศนาคาใจไว้กับธงไทย

ooooooo

พิมพยายามขอร้องให้เปลวลองทบทวนอีกครั้งเมื่อเธอคืนตั๋วเครื่องบินไปเยอรมันให้ เธอยืนกรานว่าไปด้วยไม่ได้ ตอนนี้ปรางค์ทองกลับมาอยู่ที่นี่แล้วกลัวลูกจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก พิมไม่เข้าใจ เปลวจะห่วงทำไม ในเมื่อลูกก็โตแล้ว และนี่เป็นโอกาสเดียวที่เธอจะหนีไปจากทรงพลได้

“แล้วแกจะให้ฉันทำอย่างไรล่ะพิม ลูกสาวฉันทั้งคนนะ ฉันไม่ยอมเสียลูกไปแน่ๆ”

“ของแบบนี้มันกรรมใครกรรมมัน แกตัดสินใจเอาเองนะ ถ้าเลยงานแต่งฉัน แกก็ไปไม่ได้แล้วนะ”...

อีกมุมหนึ่งในห้องรับแขก ทรงพลกำลังนั่งถกถึงปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้อยู่กับนันทวัฒน์และตะวัน โดยไม่ลืมขอบใจเขาที่ช่วยปกป้องลูกสาวของตน นันทวัฒน์หนักใจเพราะรู้เบื้องลึกของพ่อตาตัวเองดีว่าต้องการจะทำอะไร แต่ก็ไม่อาจหักใจจากตะวันที่ตัวเองรักได้ จำต้องเออออไปกับทรงพล จังหวะนั้นเปลวเดินนำธงไทยเข้ามา ตะวันกำลังออดอ้อนออเซาะนันทวัฒน์หันไปเห็นก็ตกใจ ค่อยๆขยับตัวออกห่าง ทรงพลขัดใจมากที่เห็นตะวันหวั่นไหวเมื่อเจอหน้าธงไทย

ครู่ต่อมา ตะวันพาธงไทยมาคุยกันตามลำพังที่โต๊ะสนาม เธอขอเวลาเขาอีกพักหนึ่งเพื่อเคลียร์เรื่องของตัวเอง เขาอยากรู้ว่าเคลียร์เรื่องอะไรเธอก็ไม่ยอมบอก ธงไทยอึดอัดใจแทบบ้า บีบแขนเธอไว้แน่น

“แล้วยังไง พี่ต้องรอไปถึงเมื่อไหร่”

จังหวะนั้นทรงพลเข็นรถเข็นออกมาถามเสียงเข้มว่ามีอะไรกันหรือเปล่า ธงไทยรีบคลายมือออก

“ขอบใจนะสำหรับผลไม้ ปรางค์ พ่อเหนื่อยแล้ววันนี้ พาพ่อเข้าไปพักผ่อนทีลูก จะได้ทำกายภาพบำบัด”

ตะวันรับคำแล้วเข็นรถพาทรงพลเข้าบ้าน ปล่อยให้ธงไทยทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรงอยู่ตรงนั้น เปลวรอจนสองพ่อลูกลับสายตา เข้ามาถามธงไทยว่ารักลูกของตนหรือเปล่า ถ้ารักก็ให้เอาตัวเธอกลับไปด้วย ก่อนที่เขาจะสูญเสียเธอไปตลอดกาล

“เอากลับไป ทั้งๆที่เธอไม่เต็มใจน่ะเหรอครับ”...

ระหว่างที่ตะวันช่วยทรงพลย้ายจากรถเข็นไปนั่งบนเตียง เขายังคงพูดกรอกหูว่าเธอเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเขาปลดปล่อยความทุกข์ในใจของเขาได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะนอนตายตาไม่หลับ

“ค่ะคุณพ่อ ทุกข์ของคุณพ่อก็คือทุกข์ของหนู คุณพ่อพักเถอะนะคะ ไม่ต้องกังวลอะไร หนูจัดการทุกอย่างให้เองค่ะ” ตะวันว่าแล้วเอารถเข็นเก็บเข้าที่ อดคิดถึงธงไทยไม่ได้ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่พึมพำในใจ “ตะวันไม่เคยลืมสัญญา รอตะวันด้วยนะคะพี่ไทย”...

รันยังคงทำตัวเป็นคุณหนูไม่ช่วยหยิบจับทำอะไรสักอย่างในบ้าน ปล่อยให้แม่เตรียมหมูปิ้งสำหรับไปขายเพียงลำพัง คีรินลงมาเห็นก็ดุด่าว่ากล่าว เธอไม่พอใจจะลุกหนี แต่ธงไทยยกลังผลไม้เข้ามาเสียก่อน แม่ของคีรินรู้ว่าเขามาเยี่ยม ก็ถามหาตะวันไม่มาด้วยหรือ คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว คีรินชิงตอบคำถามว่าไม่ได้มาด้วย

“ผมเพิ่งมาจากลพบุรีครับ แม่นวลให้เอาผลไม้มาฝาก” ธงไทยพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงตะวัน

รันเห็นของฝากเป็นแค่ผลไม้ก็เบ้ปากใส่ คีรินโมโหที่น้องสาวเสียมารยาท ไล่ตะเพิดไปให้พ้นหน้า รันไม่พอใจเดินกระแทกเท้าปังๆออกไป หลังจากนั่งคุยกับคีรินและแม่ของเธอได้สักพัก ธงไทยขอตัวกลับ คีรินเดินมาส่งเขาหน้าบ้าน และไม่ลืมขอบคุณสำหรับของฝาก แล้วนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะพูดถึงตะวัน

“ฉันเจอตะวันค่ะ นึกว่าทักคนผิดเสียอีก”

“อาจเป็นคนหน้าเหมือนก็ได้นะครับ” ธงไทยว่าแล้วหัวเราะกลบเกลื่อน

“นั่นสิคะ อาจเป็นแค่คนหน้าเหมือน” คีรินพลอยหัวเราะไปด้วยทั้งที่ไม่ใช่เรื่องขำสักนิด

ooooooo

ธงไทยเดินกลับมาที่ลานจอดรถหน้าปากซอย รันมาดักรอขอให้เขาเลี้ยงไอศกรีมกับขนมเค้กที่ร้านขายขนมแถวนั้น ระหว่างรันนั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย ธงไทยเห็นว่าบ่ายคล้อยมากแล้วจึงขอตัวกลับก่อน รันเชิญเขากลับได้เลย แต่อย่าลืมจ่ายเงินค่าขนมพวกนี้ให้ด้วยก็แล้วกัน ธงไทยยกมือเรียกเด็กเสิร์ฟมาเช็กบิล

“เดี๋ยวๆเอาแบบนี้กับแบบนี้ใส่ห่อกลับบ้านด้วยนะ” รันชี้นิ้วสั่ง

ธงไทยได้แต่ยิ้มรับตามประสาคนใจดี ขณะรอคิดเงิน รันเหลือบไปเห็นนันทนาเดินผ่านหน้าร้าน จำได้ว่าเป็นคนขาย กระเป๋าแบรนด์เนมปลอมให้ตัวเอง พรวดพราดออกจากร้าน ธงไทยวางเงินค่าขนมไว้บนโต๊ะ แล้ววิ่งตามเธอไปอีกทอดหนึ่ง...

นันทนานัดเจอกับคนขายยาตรงมุมปลอดคนไม่ห่าง จากร้านขายไอศกรีมนัก หลังจากจัดการกับธุรกิจมืดเสร็จ เธอจัดแจงจะหลบฉาก แต่รันมาคว้าข้อมือไว้ โวยวายเรื่องที่เธอเอากระเป๋าปลอมมาขายให้และสั่งให้เอาเงินมาคืน นันทนาอ้างไม่รู้เรื่องอะไรด้วย สั่งให้ปล่อยมือ

ธงไทยตามมาสมทบ เห็นนันทนาก็ร้องทักด้วยความแปลกใจ เธอกลัวความผิดที่มียาเสพติดในครอบครอง สะบัดมือรันหลุดแล้ววิ่งหนี อารามรีบร้อนทำซองยาเสพติดหล่นโดยไม่รู้ตัว ธงไทยหยิบมันขึ้นมาดู พอรู้ว่าอะไรอยู่ในซอง รีบไล่ตาม โดยมีรันตะโกนเชียร์ให้จับตัวมาให้ได้ นันทนาวิ่งหนีมาถึงลานจอดรถ จึงได้รู้ว่าซองยาหายไป ค้นดูในกระเป๋าถือก็ไม่พบ ธงไทยยื่นยาซองนั้นมาตรงหน้า

“หานี่อยู่เหรอครับ”

“นายชาวไร่ เอามาให้ฉัน” นันทนาพยายามจะแย่งซองยาคืน แต่เขาเบี่ยงตัวหลบ เธอถึงกับล้มคว่ำพลันมีเสียงรันตะโกนโหวกเหวกว่า “ทางนี้ค่ะคุณตำรวจ” ทั้งคู่ถึงกับหน้าตาตื่น เหลียวมองตามเสียงเลิ่กลั่ก

สักพัก รันวิ่งนำตำรวจมาหาธงไทยซึ่งยืนอยู่ที่รถของเขา ถามหานันทนาอยู่ที่ไหน เขาโกหกว่าไม่รู้หายไปไหน วิ่งตามไม่ทัน ตำรวจแยกย้ายกันออกค้นหา ธงไทยสบช่องขอตัวกลับก่อน อ้างไม่อยากถึงบ้านค่ำ ควักเงินหนึ่งพันบาทให้รันไว้เป็นค่ารถกลับบ้าน แล้วรีบขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว

ครั้นพ้นสายตารันกับตำรวจ ธงไทยบอกนันทนาที่นอนซุกตัวอยู่ที่เบาะหลังให้ลุกขึ้นมาได้แล้ว เธอค่อยๆยันตัวลุกขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเนื่องจากอยากยามาก ธงไทยเห็นอาการย่ำแย่ของเธอ อาสาจะไปส่งบ้านให้

“ฉันขอร้อง อย่าให้คุณแม่เห็นฉันในสภาพแบบนี้”...

กันเกราไม่สบายใจที่ค่ำมืดป่านนี้แล้วนันทนายังไม่กลับบ้าน นันทาตั้งข้อสังเกตว่าเธออาจกลัวความผิดก็เลยไม่ยอมกลับ ถ้าเจอตัวเมื่อไหร่จะเอาเลือดหัวออกให้สาสม แล้วโทษที่ลูกเป็นแบบนี้เพราะไปคบหากับตรีทศ

“น้องขออะไรอย่างหนึ่งนะคะ ถ้ายัยนากลับมา น้องขอให้คุณพี่ค่อยๆพูดค่อยๆจากับลูก ไม่อย่างนั้นเราอาจจะเสียแกไปเลยก็ได้”

“ไม่ต้องมาสั่งสอนฉันมากน่ะ เธอไปนอนได้แล้ว ดึกแล้ว เดี๋ยวยัยนาก็กลับมาเอง”

“แล้วคุณพี่ล่ะคะ ดึกป่านนี้แล้วยังไม่นอน ที่เดินลงมาเนี่ยไม่ใช่เพราะเป็นห่วงลูกหรอกเหรอคะ”...

ในเวลาเดียวกัน ตะวันนอนไม่หลับเป็นห่วงความรู้สึกของธงไทย หยิบมือถือขึ้นมาจะโทร.หา แต่ทรงพลเข็นรถเข็นเข้ามาทักเสียก่อน ป่านนี้ยังไม่นอนอีกหรือ ตะวันขยับจะไป แต่เขาเรียกไว้

“ปรางค์ ทุกอย่างกำลังจะจบแล้ว อดทนไว้นะลูก อย่าให้อะไรมาเป็นตัวถ่วง พอจบเรื่องแล้ว หนูก็จะมีชีวิตที่มีความสุขแบบที่หนูต้องการ อดทนไว้”

ตะวันไม่ตอบหรือแม้แต่พยักหน้ารับรู้ เดินกลับห้องตัวเองเงียบๆ ทรงพลมองตามยิ้มสมใจ

ooooooo

พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้วกว่าธงไทยจะพานันทนามาถึงไร่นวลตะวัน เธออยากยาจนตัวสั่น อาเจียนไม่หยุด คนที่เรือนใหญ่รวมทั้งนวลด้วยต้องเข้ามาช่วยกันดูแล จ๊ะจ๋าแนะให้พาตัวส่งโรงพยาบาลเพราะดูท่าอาการจะหนักหนาสาหัส ธงไทยไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจจะขอดูแลเอง

ไม่นานนัก นวลพานันทนาไปแช่น้ำเย็นในอ่างอาบน้ำ จะได้บรรเทาอาการอยากยาลงได้ ธงไทยกลัวเธอจะทนไม่ไหวจับมือมากุมไว้ จ๊ะจ๋ากับเจียมช่วยกันตักน้ำส่งให้นวลรดลงไปบนร่างของนันทนา ธงไทยสงสารเธอจับใจดึงตัวมากอดไว้ยอมเปียกปอนไปด้วย จ๊ะจ๋าถึงกับบ่นอุบ

“แบบนี้ทุกทีเลยพี่ไทยเนี่ย”

ขณะที่ธงไทย นวล เจียมและจ๊ะจ๋ากำลังช่วยกันลดอาการลงแดงให้นันทนาอยู่บนเรือนใหญ่ ไผ่ชะเง้อคอยาวมองเข้าไปข้างในด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก่อนจะหันมาทางตาท้วม

“คุณไทยนี่ก็ช่างเก็บอะไรมาบ้านจริงๆ จะมาตายคาบ้านหรือเปล่า”

“แกได้เลือดพ่อเลือดแม่จริงๆ นึกถึงตอนคุณประวัติไปเก็บข้ากับเอ็งมา ไม่ได้ท่าน ป่านนี้เราสองคนพ่อลูกจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้” ตาท้วมอดนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้...

ระหว่างที่เกิดเรื่องวุ่นๆที่ไร่นวลตะวัน คีรินรำคาญเสียงมือถือที่เฮียฮุยพยายามโทร.หา ตัดสินใจดึงซิมการ์ดออกมาหักทิ้ง เฮียฮุยไม่พอใจมากที่เธอไม่รับสาย สั่งให้สมุนต่อโทรศัพท์หาเธอให้ได้ สมุนลองกดเบอร์คีรินอีกครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้ แนะให้เจ้านายหาคนอื่นมาทำแทน

“ไม่ คีรินมันต้องทำงานให้ฉันให้สำเร็จ ไม่มีใครกล้าเบี้ยวงานฉัน” เฮียฮุยขบกรามแน่น...

หลังจากนันทนาหลับไปเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวด ธงไทยเห็นแม่ท่าทางเหนื่อยมาก ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ท่านส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปถามถึงตะวันว่าเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อไหร่จะกลับ

“จนกว่าเธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จ แต่ผมไม่แน่ใจ...”

“ไม่แน่ใจอะไร ไม่แน่ใจว่าเธอจะกลับมาหรือเปล่าเหรอ”

“ไม่แน่ใจว่า คนที่กลับมาจะใช่ตะวันหรือเปล่าน่ะครับ”

ooooooo

ในขณะที่นันทากำลังต่อว่ากันเกราที่ปล่อยให้นอนรอนันทนาจนหลับคาโซฟาในห้องรับแขกแทนที่จะปลุกตนขึ้นไปนอนข้างบนห้อง ธงไทยโทร.เข้ามือถือของกันเกรา แจ้งว่านันทนาอยู่กับเขาที่ไร่นวลตะวัน ออกตัวว่าที่ไม่ได้โทร.มาบอกตั้งแต่แรกก็เพราะเธอขอร้องเอาไว้ แต่เขาคิดว่าทางบ้านควรจะทราบ

“ผมว่าคุณกันเกราเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายที่สุดในบ้าน จะได้ไม่ห่วงว่าคุณนาหายไปไหน”

จังหวะนั้นจ๊ะจ๋าวิ่งหน้าตาตื่นมาตามธงไทย เขาจึงรีบวางสายจากกันเกราแล้ววิ่งตามเธอขึ้นไปบนเรือนใหญ่ นันทาอดถามกันเกราไม่ได้ว่าใครโทร.มาแต่เช้า เธอโกหกว่าธงไทยโทร.มาถามเรื่องผลไม้ แล้วแต่งเรื่องว่านันทนาโทร.มาบอกเธอแล้วว่าไปพัทยากับเพื่อนไม่ต้องเป็นห่วง นันทาไม่วายแดกดันลูกสาวตัวเอง

“สบายใจจริงๆ เที่ยวตะพึดตะพือ” พูดจบนันทาเดินขึ้นห้อง กันเกราอยากบอกความจริงเรื่องนันทนาแต่กลัวพายุอารมณ์ของพี่สาว จำต้องปิดปากเงียบ...

ทางด้านธงไทยวิ่งตามจ๊ะจ๋าเข้ามาเห็นนันทนาเกาะถังขยะอาเจียนตัวโก่ง โดยมีเจียมคอยพยุงและมีนวลคอยลูบหลังให้ เจียมทำท่าจะอาเจียนตาม ร้องเรียกให้จ๊ะจ๋ามาเปลี่ยน เธอส่ายหน้าดิกไม่ยอมทำตามสั่ง ธงไทยเห็นเจียมท่าทางจะไม่ไหว ฝากมือถือไว้กับจ๊ะจ๋าแล้วเข้าไปรับตัวนันทนาไว้แทน

“สู้นะคุณนา ผมและทุกคนที่นี่จะช่วยคุณเอง”

นันทนามองธงไทยด้วยความซาบซึ้งใจ...

ฝ่ายตะวันทนต่อไปไม่ไหวตัดสินใจโทรศัพท์หาธงไทย แต่เขากำลังง่วนอยู่กับการช่วยเหลือนันทนาจึงบอกให้จ๊ะจ๋ารับสายแทน เสียงอาเจียนของนันทนาดังมาก กลบเสียงในโทรศัพท์ จ๊ะจ๋าจึงต้องเดินเลี่ยงมารับสายนอกห้อง ตะวันรู้เพียงคร่าวๆว่าเมื่อคืนธงไทยพาใครไม่รู้มาที่ไร่นวลตะวัน ส่วนเธอคนนั้นชื่อเรียงเสียงใด จ๊ะจ๋าจำไม่ได้ เพราะมัวแต่วุ่นวายกันอยู่ ระหว่างนั้นมีเสียงเจียมตะโกนเรียกจ๊ะจ๋าให้มาช่วยดังขึ้น เธอก็เลยต้องขอตัววางสาย ตะวันครุ่นคิดสงสัยว่าใครกันที่มาเป็นสมาชิกคนใหม่ของไร่นวลตะวัน...

นวลเหนื่อยกับการช่วยเหลือนันทนาจนตัวเองหน้ามืดเป็นลม โชคดีที่ไผ่รับตัวไว้ทัน แล้วพาไปนอนพักที่โซฟา ไม่นานนักนวลก็ฟื้นคืนสติ ธงไทยเป็นกังวลเพราะระยะหลังมานี่แม่เป็นลมบ่อย พรุ่งนี้จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล ท่านปฏิเสธทันทีว่าไม่ไป ขอร้องเขาอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

“แค่เป็นลมน่ะอย่าไปกังวลอะไรมาก แม่ไม่ตายง่ายๆหรอก อยากเห็นไทยมีครอบครัวก่อน แม่ต้องแน่ใจก่อนว่าจะมีใครดูแลและรักไทยได้ดีเท่าแม่ แม่ถึงจะตายตาหลับ”

“อย่าพูดแบบนี้นะครับ มันเป็นลาง”

ooooooo

พิมอยากให้เปลวไปเยอรมันกับตัวเองมาก อุตส่าห์แวะมาเตือนถึงบ้านว่าวันนี้ต้องเดินทางแล้ว เตรียมข้าวของพร้อมหรือยัง เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ จะให้ทิ้งลูกไปได้อย่างไร

“ตัดสินใจเถอะเปลว โอกาสสุดท้ายแล้วนะ ตั๋วก็อยู่นี่แล้ว”

“มันคงเป็นเวรกรรมของฉัน ขอบใจนะพิม ขอบใจมากๆ” เปลวล่ำลาเพื่อนรักทั้งน้ำตา แล้วเดินไปส่งที่หน้าประตูรั้ว พิมขอให้เธอลองทบทวนอีกที ถ้าเปลี่ยนใจก็โทร.หาตนได้ ตนจะมารับ จังหวะนั้นมีรถแท็กซี่แล่นผ่านพอดี พิมโบกรถแล้วขึ้นไปนั่ง ไม่วายหันมาย้ำว่าจะรอเปลวจนวินาทีสุดท้าย เธอมองตามรถแท็กซี่แล่นจากไปจนลับสายตาแล้วเดินกลับเข้าตัวบ้านอย่างหมดอาลัยตายอยาก ทรงพลหันมาเห็นก็ร้องทัก

“พิมไปแล้วเหรอ...ตกลงกันได้หรือยังล่ะว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนกันที่ไหน”

“ไม่ได้คุยค่ะ ฉันขี้เกียจไปแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ” เปลวเดินเลี่ยงจะกลับห้อง สวนกับตะวันที่อยู่ในชุดไปเที่ยว อดถามไม่ได้ว่าจะไปไหน เธอเดินลิ่วออกจากบ้านไม่พูดอะไรสักคำ...

นันทาเริ่มทนไม่ไหวที่ต้องโดนลูกสะใภ้ตัวแสบเล่นสงครามประสาทไม่เว้นแต่ละวัน สั่งการให้ทนงศักดิ์ไปจัดการยื่นข้อเสนอให้นังงูเห่านั่น หากยอมหย่าขาดจากนันทวัฒน์ ตนจะจ่ายเงินให้ 500 ล้านบาท เพื่อซื้อความสงบสุขคืนมาให้บ้านหลังนี้...

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 11 วันที่ 26 ก.ย. 58

ละครเพลิงตะวัน แนว โรแมนติก-ดราม่า
ละครเพลิงตะวัน บทประพันธ์โดย น้ำผึ้งเดือน 8
ละครเพลิงตะวัน บทโทรทัศน์โดย ดรีมทีม
ละครเพลิงตะวัน กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละครเพลิงตะวัน ผลิตโดย บริษัท ดูมันดี จำกัด
ละครเพลิงตะวันออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเพลิงตะวันได้ทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
ที่มา ไทยรัฐ