อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 4 วันที่ 4 ก.ย. 58

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 4 วันที่ 4 ก.ย. 58

“เอ่อ...ตะวันคงตกใจน่ะค่ะ เลยทำไปไม่รู้ตัว” ออกตัวเสร็จ ตะวันขอตัวลุกออกไปทันที ธงไทยเป็นห่วงจะเดินตามแต่นวลห้ามไว้ บอกให้ปล่อยเธอไปสักพัก เธอคงกำลังขวัญเสีย ชลธรเห็นไม่มีอะไรแล้ว ก็ขอตัวกลับ รับปากจะตามเรื่องเสี่ยหมูมาอาละวาดที่นี่ให้ธงไทยเกรงจะเป็นการรบกวนเขา

“ไม่หรอกครับ ผมไม่ชอบคนเกเรแบบนี้เลยอีกอย่าง ไร่นวลตะวันก็อุทิศตนช่วยเหลือราชการ ขอให้ผมได้ดูแลที่นี่บ้างนะครับ” ชลธรพูดจบลุกออกไป ทันทีที่เขาลับสายตา ธงไทยอดถามแม่ไม่ได้ว่าตกลงท่านเป็นอะไรกันแน่ ถึงมีสีหน้าไม่ดีแบบนี้ นวลโกหกว่าตากแดดทำสวนมากไปหน่อย เจียมคันปากยิกๆอยากจะเล่าอาการป่วยของนวลใจแทบขาดแต่ตาท้วมหยิกขาไว้



ไม่ให้พูด ธงไทยเห็นทุกคนพากันเงียบก็ชักสงสัย

“ทำไมทุกคนดูแปลกๆมีอะไรหรือเปล่า”

นวลเห็นไม่เข้าทีรีบไล่ธงไทยไปตามตะวัน ไม่รู้ ป่านนี้ไปขวัญเสียอยู่ที่ไหน เขาพยักหน้ารับคำ แต่ไม่วายถามแม่ย้ำว่าไม่เป็นอะไรใช่ไหม นวลเบ่งกล้ามให้ดูว่าตัวเองยังแข็งแรง เขาถึงยิ้มออกมาได้ เธอรอจนเขาไปพ้นระยะ จึงหันไปกำชับทุกคน หากใครปริปากบอกธงไทยเรื่องนี้ เธอจะถือว่าคนคนนั้นไม่รักเธอจริง

“แล้วคนคนนั้นก็จงออกไปจากชีวิตของฉันซะ ฉันจะไม่ยอมให้ลูกฉันต้องเป็นทุกข์เพราะเป็นห่วงฉันเด็ดขาด...หนูพุทธเข้าใจแม่นวลใช่ไหมลูก” นวลว่าพลางดึงหนูพุทธที่ตาแดงๆจะร้องไห้มากอด

“หนูพุทธไม่เข้าใจค่ะ แต่หนูพุทธรักนายแม่นวล หนูพุทธสัญญาว่าจะไม่พูดอะไรค่ะ”

ooooooo

ขณะที่ตะวันฟุบหน้าร้องไห้อยู่ท่ามกลางดอกทานตะวันที่บานเต็มทุ่ง มีเสียงฝีเท้าใครบางคนมาหยุดด้านหลัง เธอคิดว่าเป็นธงไทยจึงหันไปหา แต่ต้องตกใจถึงกับเซผงะเมื่อเห็นพิชิตยืนอยู่ เขาเห็นเธอจะล้มรีบคว้าตัวไว้ ตะวันตั้งหลักได้รีบดันตัวออกห่าง พิชิตเห็นหน้าเธอชัดๆถึงกับตะลึง ร้องเรียกว่า “คุณปรางค์”

“อะไรนะคะ”

“เอ่อ...คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”

ตะวันรีบปาดน้ำตาทิ้งบอกว่าไม่เป็นอะไร พิชิตพยายามซักโน่นถามนี่เพื่อจับผิดเพราะผู้หญิงตรงหน้าเหมือนปรางค์ทองมาก แต่ยังไม่ทันจะได้คำตอบอะไร มีเสียงของธงไทยร้องเรียก “ตะวัน อยู่ที่ไหน” ดังขึ้นเสียก่อน หญิงสาวหันมองตามเสียง พร้อมกับขอตัวไปก่อนแต่พอหันกลับมามองอีกที ชายแปลกหน้าคนนั้นหายไปแล้ว เธอไม่ติดใจสงสัยเพราะคิดว่าเขามากับเกษตรจังหวัด ธงไทยตามมาปลอบให้เธอหายเป็นกังวลกับเรื่องเมื่อครู่ เธอกลับยิ่งกลัวว่าเมื่อก่อนเธอจะเคยเป็นคนไม่ดี กลัวจะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร เขาดึงเธอมากอด

“งั้นก็ไม่ต้องรู้ ไม่ต้องไปรู้ไปเห็นอะไรทั้งนั้น เป็นตะวันของพี่แบบนี้ อยู่ตรงนี้กับปัจจุบัน ไม่ต้องไปสนใจอดีตนะตะวันนะ” ธงไทยกระชับอ้อมกอดไว้แน่น โดยไม่รู้ว่าพิชิตแอบมองทั้งคู่อยู่อีกมุมหนึ่งไม่ห่างนัก

“เหมือนมาก...แต่...ทำไม” พิชิตพึมพำกับตัวเอง...

จ๊ะจ๋าพยายามคุยอวดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ที่ไปตามท่านเกษตรจังหวัดมาช่วยระงับเหตุไว้ทัน ทุกคนกลับยกความดีความชอบให้ตะวัน เพราะถ้าไม่ได้เธอช่วยไว้ ป่านนี้พวกเราได้ไปเฝ้ายมบาลกันหมดแล้ว เจียมไม่ค่อยจะสนใจเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ ห่วงอาการป่วยของนวลมากกว่า น่าจะบอกให้ธงไทยรับรู้จะได้หาทางรักษาให้เป็นเรื่องเป็นราว จ๊ะจ๋าเสนอตัว ถ้าไม่มีใครกล้าบอก เธอจะไปบอกให้เอง เจียมร้องห้ามเสียงหลง ขืนทำแบบนั้นได้โดนนวลไล่ตะเพิดออกจากที่นี่แน่ๆ หญิงสาวถึงกับกุมขมับ ไอ้โน่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ได้แล้วจะให้ทำอย่างไร

“นายแม่นวลว่าไงก็ทำอย่างนั้นแหละจ้ะ เราต้องเคารพการตัดสินใจของท่านนะจ๊ะ”

ทุกคนหันมองหนูพุทธเป็นตาเดียวกันประหลาดใจ ที่ความคิดความอ่านของเธอเป็นผู้ใหญ่เกินตัว...

ได้เวลานอนแล้ว แต่ตะวันยังนอนไม่หลับครุ่นคิดถึงเรื่องอดีตของตัวเองไม่เลิกไม่แล้ว นวลกับธงไทยต้องช่วยกันปลอบจนเธอคลายความกังวล...

ในขณะเดียวกัน นันทวัฒน์มาดักรอพิชิตตรงลานจอดรถภายในบ้านวัฒนา รู้ดีว่าเขาต้องไปสืบความจริงเกี่ยวกับหญิงสาวซึ่งเจอที่ไร่นวลตะวัน พอเห็นเขาขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด ถามทันทีว่าใช่เธอหรือเปล่า พิชิตเองก็ไม่แน่ใจรู้แค่เหมือนมาก เพียงแต่เธอคนนั้นร้องไห้ นันทวัฒน์ถอนใจโล่งอก

“งั้นก็คงไม่ใช่สินะ คนอย่างเธอร้องไห้ไม่เป็น ขอบใจนายมากนะ แต่นายไม่ต้องช่วยตามหาเธอแล้วล่ะ ถ้าเธอยังต้องการฉัน เธอคงกลับมาแล้ว แต่นี่...”

“แล้วถ้าเธอกลับมา คุณวัฒน์จะ...”

“คงไม่มีทางแล้วสินะ เฮ้อ...เธอคงมีทางของเธอแล้ว ส่วนฉันก็ต้องก้าวต่อไป”

ooooooo

วันเวลาผ่านไปเร็วมาก งานเกษตรสัมพันธ์ประจำปีของจังหวัดวนมาครบรอบอีกครั้ง คราวนี้ไร่นวลตะวันมาออกร้านด้วย ผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายส่วนใหญ่ดัดแปลงจากดอกและเมล็ดทานตะวัน ขณะทุกคนกำลังสำรวจความเรียบร้อยของสินค้าในร้าน หนูพุทธวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น

“พี่ไทยกับพี่ตะวันไปกับหนูพุทธหน่อยค่ะ หนูพุทธมีอะไรอยากให้ช่วยหน่อย” ไม่พูดเปล่า เด็กน้อยลากทั้งคู่ออกไปจากร้าน จ๊ะจ๋าจะตาม แต่ไผ่คว้าแขนไว้ไม่ยอมให้ไปจนกว่าจะช่วยกันจัดร้านให้เสร็จก่อน แล้วส่งเชือกสำหรับตกแต่งหน้าร้านให้ ส่วนเขาเองจับปลายเชือกอีกด้านหนึ่งไปติดไว้กับเสา ห้ามเธอปล่อยเชือกเด็ดขาด จ๊ะจ๋าหงุดหงิดที่ไม่สามารถตามธงไทย ตะวันและหนูพุทธ ไปด้วยได้...

หนูพุทธพาตะวันกับธงไทยมาที่ร้านปาลูกโป่งเพราะอยากได้ตุ๊กตาเหมือนเมื่อปีที่แล้ว ตะวันเห็นร้านนี้แล้วถึงกับทำตัวไม่ถูก คนคุมร้านเห็นเธอก็จำได้ บ่นอุบมาเล่นตั้งแต่วันแรกมีหวังเขาคงต้องปิดร้านแต่หัววันแน่

“ไม่หรอกจ้ะ คราวที่แล้วมันบังเอิญน่ะ งั้นปีนี้ไม่เล่นก็ได้จ้ะ”

“เอาเหอะๆ ผมแมนพอน่ะเจ๊” คนคุมร้านว่าแล้วหยิบลูกดอกวางลงตะกร้าให้ตะวัน หนูพุทธดีใจโดดตัวลอย หญิงสาวไม่อยากนึกถึงเรื่องเก่าๆที่แวบเข้ามาในหัว แกล้งปาโดนลูกโป่งแค่ดอกเดียวนอกนั้นพลาดเป้าหมด ธงไทยจ่ายเงินให้เธอลองปาอีกชุดหนึ่ง ผลออกมาไม่ต่างกันนักคือพลาดเป้าเกือบหมด ตะวันปาลูกดอกอยู่หลายรอบไม่ถูกลูกโป่งแม้แต่ลูกเดียวจนหนูพุทธต้องบอกให้พอได้แล้ว เธอไม่อยากได้ตุ๊กตาอะไรนี่แล้ว ก่อนจะเดินออกจากร้านด้วยสีหน้าผิดหวัง...

อีกมุมหนึ่งของงาน ไผ่กับจ๊ะจ๋ากำลังขนของมาเก็บที่รถ เห็นเสี่ยหมูกับจอมเดินกร่างมาจากอีกฟากหนึ่งของลานจอดรถ ชวนเธอไปบอกให้นวลรู้ตัว จ๊ะจ๋า ไม่ยอมไปด้วย อ้างจะไปเตือนธงไทยแล้ววิ่งปรู๊ดออกไปเลย ใจหนึ่งไผ่อยากตามเธอ แต่อีกใจเป็นห่วงนวลมากกว่า ตัดสินใจวิ่งกลับไปที่ร้าน...

กว่าจ๊ะจ๋าจะตามหาธงไทย ตะวันและหนูพุทธเจอเสี่ยหมูกับจอมเข้ามาป่วนพวกนั้นเสียก่อน จอมไม่วายปากเสียพูดจาแทะโลมตะวัน แถมเอื้อมมือไปจับเส้นผมซึ่งตอนนี้ยาวสลวย พริบตาเดียวโดยไม่มีใครทันตั้งตัว ตะวันจับมือไอ้ลามกบิดอย่างแรงถึงกับร้องโอ๊ยลั่น แล้วตวาดเสียงกร้าว

“ฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องฉัน”

“โอ๊ย...อะไรวะเนี่ย ผีเข้าหรือไงวะ” จอมพยายามดิ้นหนีแต่ตะวันแกร่งเกินกว่าจะดิ้นหลุด อยู่ๆหญิงสาวได้สติ เห็นตัวเองจับมือจอมอยู่รีบปล่อย ยิ่งเห็นทุกคนมองเธอเป็นตาเดียวกัน ยิ่งทำให้ไม่สบายใจที่อาการประหลาดนี้กลับมาอีกครั้ง เสี่ยหมูสบช่องโวยวายจะเอาเรื่องให้ได้ ตะวันกลัวตัวสั่น เริ่มปวดหัวก่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้น ธงไทยรีบอุ้มเธอไว้จะพาไปหาหมอ เสี่ยหมูไม่ยอมให้ไป ยังเคลียร์ไม่จบจะหนีไปง่ายๆไม่ได้

“ไม่เห็นเหรอว่าเธอไม่สบาย” ธงไทยเสียงเครียด

ก่อนที่จะเกิดเรื่องราวใหญ่โต ไผ่กับตาท้วมพร้อมกับคนงานไร่นวลตะวันตามมาช่วยไว้ทัน เสี่ยหมูกับจอมเห็นคนของอีกฝ่ายมากกว่าจำต้องล่าถอยกลับไป...

การกลับมาของเสี่ยตัวแสบกับสมุนปากเสียทำให้เจียมอดบ่นไม่ได้ว่าเห็นเค้าลางของความยุ่งยากเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว หลังจากอยู่อย่างสงบมาพักใหญ่ ตาท้วมเห็นด้วย เตือนทุกคนต้องระวังตัวให้มากขึ้น

ooooooo

หมอสรุปอาการของตะวันให้นวลกับธงไทยฟังว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เป็นแค่ลมแดดเท่านั้น นวลโล่งอกที่เธอไม่เป็นอะไรมาก หมอกระเซ้าเป็นห่วงแต่คนอื่น ตัวเองอาการเป็นอย่างไรบ้าง กินยาครบหรือเปล่า นวลเกรงหมอจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ รีบพูดติดตลกกลบเกลื่อนว่ากินครบ ไม่อย่างนั้นจะแข็งแรงดูดีแบบนี้หรือ

“ทำเล่นไป โรคนี้ใช่ว่าจะหายขาดกันได้ง่ายๆนะคุณนวล”

ธงไทยเริ่มสงสัย แต่ยังไม่ทันจะถามอะไรหมอ นวล ชิงตัดบท ไม่ขอพูดถึงเรื่องเจ็บป่วย หากหมอมีคนไข้ต้องไปตรวจรักษาก็เชิญตามสบาย เธอไม่รบกวนแล้ว หมอไม่วายย้ำกับเธอว่าอย่าลืมกินยา ก่อนจะเดินนำพยาบาลออกไป ธงไทยรอจนหมอลับสายตา หันมาคาดคั้นแม่ มีอะไรปิดบังตนหรือเปล่า นวลแต่งเรื่องว่าแค่ท้องผูกเรื้อรังเท่านั้น แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วไม่มีอะไร

น่าเป็นห่วง ธงไทยหลงเชื่อไม่ติดใจสงสัยอะไรอีก...

ระหว่างที่เสี่ยหมูกับจอมหาทางเอาคืนพวกไร่นวลตะวันที่บังอาจมาหักหน้ากลางงานเกษตรประจำปีอยู่ในร้านอาหารข้างตลาด ชด พ่อของหนูพุทธเมาแอ่นมาล้มกลิ้งอยู่หน้าร้าน เด็กเสิร์ฟต้องออกมาไล่ให้ไปเมาที่อื่น เฮียเจ้าของร้านมองตามชดที่เดินแอ่นหน้าแอ่นหลัง จากไปอย่างระอาใจ

“เหม็นอย่างกับหมา ทีหลังเอาไม้กวาดไล่ไปเลย อย่าไปคุยกับมัน ลูกค้าเขาจะกินไม่ลงเอา”

“ดูๆก็น่าสงสารแกนะเฮีย”

“ก็มันทำตัวของมันเองนี่ อยู่ไร่นวลตะวันดีๆ ไม่ว่าดีดันไปเมาเหล้าทั้งวันทั้งคืน ให้แม่นวลแกเหนื่อยใจ แกถึงได้ไล่ตะเพิดมาอย่างนี้ไง แถมมันยังทิ้งลูกไว้ให้แกเลี้ยงอีก”

เสี่ยหมูหูผึ่งเมื่อได้ยินคำว่าไร่นวลตะวัน พยักพเยิดให้จอมไปถามรายละเอียดว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร ได้ความว่าชดเอาหนูพุทธลูกสาวมาขายให้ที่นี่ไว้ใช้งาน เฮียสงสารก็เลยไปตามนวลมารับเด็กน้อยกลับไป

“แม่นวลเอาเงินให้ไอ้ชดมันแล้วขอหนูพุทธไว้เลี้ยงเป็นลูก สงสัยเงินมันคงจะหมดแล้ว เลยกลับมาป้วนเปี้ยนแถวนี้อีก” คำพูดของเฮียทำให้เสี่ยหมูผุดแผนชั่วขึ้นมาในสมอง รีบชวนจอมเดินตามชดไปทันที...

ค่ำวันเดียวกัน พิมแวะมาเยี่ยมเปลวที่บ้าน เปลวรู้ดีว่าทรงพลไม่ค่อยชอบเพื่อนคนนี้ของตัวเองนักจึงต้อนรับเธอที่เก้าอี้สนามข้างบ้าน พิมไม่วายปากเสียเช่นเคย กล่าวหาว่าที่ปรางค์ทองหายหน้าไปคงเพราะได้

ผัวรวยกว่าคนเก่า ได้ดิบได้ดีแทนที่จะมารับแม่ไปอยู่ด้วย กลับปล่อยทิ้งไว้กับผัวแก่แถมพิการอีกต่างหาก

“พิม...บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าพูดแบบนี้ ท่านเป็นผู้มีพระคุณกับฉันเท่านั้น”

“เออๆไม่พูดก็ได้แล้วนี่ผัวแก่ของแก...เอ่อ...หมายถึง ท่านน่ะ ไม่ว่าอะไรบ้างหรือไงเห็นรักมันยังกับอะไรดี เอามาเลี้ยงชุบตัวเป็นคุณหนูจนได้ดิบได้ดีขนาดนี้ ดูมันทิ้งเขาได้ลงคอ”

เปลวเห็นทรงพลเข็นรถเข็นออกมารีบจับแขนพิมเป็นเชิงปรามให้หยุดพูด แทนที่จะสงบปากสงบคำ เธอกลับพูดจาไม่รู้จักคิดจนถูกทรงพลหน้าเครียดใส่ พิมเห็นแววตากร้าวของเขาก็ชักกลัว

“เออ นี่ก็ดึกแล้วนะ ฉันว่าฉันกลับดีกว่า...ไปนะคะท่าน” ไหว้ลาทรงพลเสร็จ พิมผลุนผลันออกไป โดยมีเปลวตามไปส่ง ทิ้งให้ทรงพลนั่งครุ่นคิดถึงคำพูด ของพิมที่พูดกับเปลวเมื่อครู่

“...ท่านน่ะไม่ว่าอะไรบ้างหรือไง เห็นรักมันยังกับอะไรดี เอามาเลี้ยงชุบตัวเป็นคุณหนูจนได้ดิบได้ดีขนาดนี้ดูมันทิ้งเขาได้ลงคอ”

ยิ่งคิดทรงพลก็ยิ่งสะเทือนใจ เนื่องจากเขารักปรางค์ทองมาก ตั้งแต่เล็กจนโตเป็นสาวไม่ว่าเธออยากได้อะไรต่อให้แพงแค่ไหน เขาก็จะสรรหามาให้ แต่นี้เธอหายไปเป็นปีแล้ว ไม่แม้แต่จะส่งข่าว ความเสียใจและน้อยใจแปรเปลี่ยนเป็นเคืองแค้น ขบกรามแน่น เปลวกลับจากส่งพิมเห็นทรงพลนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมก็ไม่สบายใจ

“ท่านยังไม่เข้าบ้านอีกหรือคะ ดึกแล้วน้ำค้างลงเดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะคะ เข้าบ้านกันเถอะค่ะ” เปลวว่าแล้วจับรถเข็นจะเข็นเข้าข้างใน ทรงพลจับล้อรถไว้

“เพื่อนเธอพูดถูก เขาหายไปตั้งนานทำไมไม่ติดต่อกลับมาบ้าง ฉันรักเขาเหมือนลูกแท้ๆ เขาไม่รัก ไม่สงสารฉันแล้วหรือไง”

“อย่าพูดแบบนั้นสิคะท่าน ยัยปรางค์คงต้องการจะตัดขาดกับคุณวัฒน์จริงๆ รอให้เรื่องเงียบ แกคงจะกลับมาเองแหละค่ะ” เปลวแตะไหล่เขาอย่างปลอบใจ ทรงพลเอียงหัวซบมือของเธอเหมือนต้องการที่พึ่ง

ooooooo

ชดในชุดเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อยแวะมาที่ไร่นวลตะวันแต่เช้า ตามแผนการป่วนคนที่นี่ของเสี่ยหมู เขาจะมารับหนูพุทธไปอยู่ด้วย อ้างว่าแกเป็นลูกของเขาก็ควรต้องอยู่กับพ่อถึงจะถูก ทั้งธงไทย นวล

ตาท้วม ไผ่และเจียมต่างช่วยกันพูดให้ชดเปลี่ยนใจ แต่เขาไม่สน เข้าไปฉุดแขนหนูพุทธที่เจียมกอดไว้แน่นจะเอาตัวไปให้ได้

“ฉันไม่ยอมให้หนูพุทธไปไหนทั้งนั้น” นวลเสียงกร้าว ชดถามยียวนว่ามีสิทธิ์อะไรมายื้อไว้ เธออ้างสิทธิ์ในฐานะที่หนูพุทธเป็นลูกสาวของเธอ

“ลูกสาว?...ไหนล่ะหลักฐาน เอกสารมีไหม ผมนี่แหละพ่อที่แท้จริง”

เจอไม้นี้เข้าไป ทุกคนต่างอึ้งพูดอะไรไม่ออก ตะวันมองภาพตรงหน้าด้วยความสับสน เริ่มมีแสงวูบวาบขึ้นมาในหัวของเธออีกครั้ง หนูพุทธเดาได้ไม่ยากว่านายแม่กำลังเสียเปรียบ นั่นเท่ากับเธอต้องไปกับพ่อ ตัดสินใจวิ่งหนี โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของใคร ไผ่ขอร้องให้จ๊ะจ๋าไปตาม

“เรื่องอะไร ฉันไม่ไปหรอก...ไปซะได้ก็ดี”

ตะวันมองสบตาธงไทยอย่างรู้กัน ก่อนจะวิ่งตามเด็กน้อย จ๊ะจ๋าเซ็งจัดที่ตัวเองพลาดท่าปล่อยให้ตะวันแย่งซีนไป ครั้นจะกลับตัวตอนนี้ก็ไม่ทันกาลจำต้องนั่งเฉย ธงไทยเสนอจะให้เงินชดเพื่อแลกกับเอกสารสิทธิในตัวหนูพุทธ แต่เขาไม่ต้องการอะไรนอกจากมาทวงสิทธิความเป็นพ่อ หากใครขัดขวางก็ต้องไปสู้กันในศาล

“โอ้โห นายชดนี่เก่งนะ เดี๋ยวนี้รู้จักใช้สิทธิของตัวเองซะด้วย” ธงไทยแดกดัน...

ทางด้านตะวันวิ่งตามมาถึงระเบียงบ้าน เห็นหนูพุทธนั่งซุกตัวร้องไห้สะอึกสะอื้นดึงตัวมากอดปลอบใจ พร้อมกับรับปากว่าทุกคนที่นี่จะไม่ยอมให้ชดเอาแกไปไหนแน่นอน

“พ่อทิ้งหนูพุทธไว้ที่นี่ตั้งแต่หนูพุทธยังเด็ก ตอนนี้ จะมารับหนูพุทธไป แล้วหนูพุทธจะอยู่ได้อย่างไร”

“หนูพุทธคงเหมือนกับพี่ตะวันน่ะ ความทรงจำในวัยเด็กหายไปหมด”

“เปล่าค่ะ หนูพุทธจำได้ทุกอย่าง” จากนั้นเรื่องราวในอดีตเมื่อตอนที่หนูพุทธเป็นเพียงเด็กตัวน้อยก็พรั่งพรูออกจากปากของเธอ ตอนนั้น เดือน แม่ของเธอทิ้งพ่อกับเธอไป แทนที่เขาจะโทษว่าเป็นเพราะเขาเอาแต่ดื่มเหล้าหัวราน้ำ แม่ถึงได้หนี แต่กลับโทษว่าเป็นความผิดหนูพุทธจึงตั้งแง่รังเกียจ แถมทุบตีเธอไม่เว้นแต่ละวัน เจียมกับตาท้วมเข้ามาห้ามก็เหมือนยิ่งยุให้พ่อฟาดเธอหนักมือขึ้นอีก

เนื่องจากวันๆชดเอาแต่ดื่มเหล้า นวลจึงไล่ออกจากงาน พอไม่มีเงินดื่มเหล้า ชดก็เอาหนูพุทธไปขายให้เฮียเจ้าของร้านอาหารสองหมื่นบาท เฮียสงสารเด็กน้อยจับใจ แอบโทร.บอกเรื่องนี้ให้นวลรู้เพื่อจะได้เอาเงินมาซื้อตัวเด็กน้อย ชดแค้นใจที่ถูกเธอไล่ออกจากงาน จึงโกงค่าตัวลูกเป็นสองเท่า แต่นวลก็ยอมจ่ายแต่โดยดี

หนูพุทธจำทุกอย่างได้ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ตะวันฟังเรื่องราวแสนรันทดของแกแล้ว สายตาแข็งกร้าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว หนูพุทธพยายามร้องเรียก แต่เธอเหมือนตกอยู่ในภวังค์จนแกต้องสะกิด เธอถึงได้รู้สึกตัว

“พี่ตะวันเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าตาน่ากลัวจัง”

“เหรอ...เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” ตะวันว่าแล้วดึงหนูพุทธมากอด

“ถ้าพ่อเอาตัวหนูพุทธไปจริงๆหนูพุทธจะทำยังไงดีคะพี่ตะวัน”

“ไม่มีใครยอมให้หนูพุทธไปไหนแน่ๆ” ตะวันดวงตากร้าวขึ้นมาอีกครั้ง...

ฝ่ายชดยังคงยืนกรานจะเอาตัวหนูพุทธไปให้ได้ ฝากให้นวลช่วยบอกแกให้เก็บข้าวของให้เสร็จ พรุ่งนี้เขาจะพาไปจากที่นี่ ส่วนคืนนี้เขาจะนอนที่เรือนพักคนงาน ระหว่างรอลูกเก็บของแล้วเดินอาดๆออกไปโดยมีตาท้วมเดินตาม จ๊ะจ๋าไม่วายปากพล่อย

“ความจริงพ่อแท้ๆเขามารับ ก็น่าจะให้เขาไปนะจ๊ะ”

“ที่พูดออกมาเนี่ย จ๊ะจ๋าไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆใช่ไหม ถ้าจ๊ะจ๋าคิดแบบนั้นจริง พี่จะเสียใจมากนะ” ว่าแล้ว ธงไทยลุกออกไปหาตะวันกับหนูพุทธที่ระเบียงบ้านอย่างหงุดหงิด ไผ่ไม่พอใจมากหันไปเขกหัวจ๊ะจ๋าโป๊กใหญ่ ด่าซ้ำว่าพูดอะไรไม่รู้จักคิด นวลขอร้องให้หยุดทะเลาะกัน แล้วมาช่วยกันคิดทีว่าจะทำอย่างไรดี

“จะให้คิดอะไรล่ะคะ ฉันจะไปคิดอะไรออก หมดแรงค่ะ” เจียมถอนใจเฮือก

“งั้นเย็นนี้ก็ไม่ต้องทำกับข้าวอะไรหรอก ไผ่ช่วยออกไปซื้ออะไรเข้ามากินสักคนละห่อแล้วกันนะ ดูเหมือนแต่ละคนคงจะไม่มีแก่จิตแก่ใจจะกินอะไรกันหรอก”...

ด้านตาท้วมตามมาพูดเตือนสติชดถึงเรือนพักคนงานให้คิดถึงอนาคตของหนูพุทธ ถ้าเขาเอาแกไปจากที่นี่ก็เท่ากับตัดอนาคตเด็ก ต่อหน้าชดทำเหมือน
ไม่สนใจ แต่พออยู่เพียงลำพังเริ่มครุ่นคิดคล้อยตาม

ooooooo

ด้วยความเป็นคนน่ารักและจริงใจของมยุริญทำให้ทุกคนในบ้านวัฒนาหลงรักเธอไม่เว้นแม้แต่เจ้าของบ้าน นันทวัฒน์ต้องการให้เธอคุ้นเคยกับพ่อ จึงจัดปาร์ตี้น้ำชาเล็กๆขึ้นในห้องนอนของท่าน เขาอยากให้เธอรู้ว่าเมื่อต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันแล้วต้องเจออะไรบ้างซึ่งเธอก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง

มยุริญป้อนอาหารให้วัฒนาอย่างไม่รังเกียจจนคำสุดท้ายแล้วบรรจงเช็ดปากให้ เขามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเอ็นดู พยาบาลพิเศษชมคนป่วยว่าเก่งมากที่กินอาหารได้หมด

“อยู่ที่คนป้อนด้วยมั้งครับคุณพยาบาล” นันทวัฒน์กระเซ้า

“ท่าทางดิฉันจะตกงานเสียแล้วล่ะค่ะ” พยาบาลพิเศษว่าแล้วหัวเราะขำ ทั้งนันทา กันเกราและนันทวัฒน์พลอยขำไปด้วย โดยเฉพาะนันทายิ้มปลื้มกับผลงานของตนเองที่ทำให้บ้านหลังนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

แต่แล้วความสุขที่มีเมื่อครู่ต้องมลายลงเมื่อนันทนาล่วงรู้ว่ามีงานปาร์ตี้น้ำชาในห้องนอนของพ่อ จัดแจงชวนตรีทศเข้าไปร่วมวงด้วย นันทวัฒน์ออกมาทันได้ยินเสียก่อน สั่งห้ามเธอพาผู้ชายคนนั้นเข้าไปเด็ดขาด

“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อว่าที่ภรรยาพี่วัฒน์ยังมาลอยหน้าลอยตาอยู่ในห้องคุณพ่อได้เลย นาก็จะพาว่าที่สามีของนาเข้าไปบ้าง”

“ยัยนา! เป็นผู้หญิงจะพูดจะจาอะไรให้รู้จัก ระมัดระวังปากระมัดระวังคำบ้าง”

แทนที่จะสำนึก นันทนากลับเถียงพี่ชายฉอดๆ นันทวัฒน์โกรธมากพาลด่าว่าไปถึงตรีทศว่าเป็นไอ้กุ๊ยอีกด้วย แขกไม่ได้รับเชิญไม่ยอมโดนด่าข้างเดียวด่ากลับให้บ้าง ถึงตนเองจะเป็นกุ๊ยแต่ก็มีเงิน ไม่ใช่ผู้ดีกลวงๆอย่างเขา ก่อนเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต นันทามาห้ามไว้เสียก่อน

“หยุดเดี๋ยวนี้ อย่ามาใช้กิริยาไพร่ๆในบ้านของฉัน” ไม่พูดเปล่า นันทามองตรีทศหัวจดเท้า นันทนารีบเข้าไปกอดแขนแฟนหนุ่มเป็นการประกาศให้แม่กับพี่ชายรู้ว่าเธออยู่ข้างใคร

“คุณแม่ไม่มีสิทธิมาตัดสินว่าใครไพร่หรือไม่ไพร่ เพราะคุณแม่ก็ไม่ได้ดีเด่มาจากไหนสักหน่อย”

เสียงทะเลาะกันดังเข้าไปถึงในห้องนอนของวัฒนาซึ่งตอนนันทากับกันเกราออกมาปิดประตูไม่สนิท วัฒนารู้สึกอับอายมยุริญแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร พยาบาลพิเศษรู้เท่าทันความคิดของเขา รีบเดินไปปิดประตู มยุริญเห็นสายตาร้องขอความเห็นใจจากวัฒนาแล้ว เหมือนจะเข้าใจ จึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยนและแตะแขนเขาเบาๆเป็นการปลอบใจ ทำให้เขาสบายใจคลายกังวลไปได้เปลาะหนึ่ง...

ขณะเกิดเรื่องวุ่นๆในบ้านของวัฒนา ไผ่ไปซื้ออาหารห่อจากร้านอาหารของเฮียถึงได้รู้ว่าชดมาป้วนเปี้ยนแถวนี้สองวันแล้ว ที่สำคัญเด็กเสิร์ฟยังเห็นเขายืนคุยอยู่กับเสี่ยหมูและจอม ไผ่เดาได้ไม่ยากว่าเหตุใดชดถึงได้ไปป่วนที่ไร่นวลตะวัน รีบนำเรื่องนี้กลับไปบอกธงไทยกับนวลซึ่งยืนยันจะทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวหนูพุทธไว้ แม้จะต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ตะวันได้ฟังก็ยิ่งสงสารหนูพุทธจับใจ ทั้งสี่คนมัวแต่คุยกันไม่ทันเห็นเจ้าตัวแอบฟังอยู่

ooooooo

ในเวลาต่อมา ตรีทศเดินออกจากบ้านวัฒนาด้วยอารมณ์โกรธแค้นที่โดนดูถูกโดยมีนันทนาวิ่งตามมาติดๆ เขาเห็นรถของนันทวัฒน์จอดอยู่ หันไปคว้าไม้ใกล้มือจะฟาดรถแทนเจ้าของเพื่อระบายแค้น แต่ถูกพิชิตห้ามทำอะไรรถของเจ้านายตนเด็ดขาด นันทนาไม่พอใจเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ปรี่เข้าไปตบฉาดใหญ่

“แล้วถ้าฉันทำสุนัขรับใช้ของพี่วัฒน์ล่ะ ได้ไหม”

พิชิตได้แต่ข่มอารมณ์เอาไว้ยืนมองทั้งคู่พากันขึ้นรถขับออกไปโดยไม่กล้าทำอะไร...

นันทาถึงกับนั่งกุมขมับระอากับพฤติกรรมของลูกสาวตัวเอง นันทวัฒน์แนะให้แม่จัดการขั้นเด็ดขาด ท่านกลัวว่าหากตึงเกินไปเชือกอาจขาดได้ เขาหาว่าท่านใจอ่อนนันทนาถึงได้เป็นแบบนี้ มยุริญนั่งฟังการสนทนา ของสองแม่ลูกอยู่นานแล้วเสนอว่าในเมื่อเราห้ามนันทนาไม่ได้ ก็น่าจะเปิดใจรับคนที่เธอเลือก

“อย่างน้อยเรายังมีโอกาสได้ศึกษาเขาเขาอาจไม่ได้แย่อย่างที่คิดก็ได้นะคะ”

“โอย ถ้าต้องอยู่กับไอ้กุ๊ยนั่น คิดแล้วจะเป็นลม”

มยุริญไม่ได้หมายความว่าจะให้ตรีทศเข้ามาร่วมชายคาด้วย แค่อยากให้นันทาลองเปิดใจให้เขาเข้ามาร่วมกิจกรรมของครอบครัวบ้างจะได้ศึกษานิสัยใจคอกันไปด้วย อย่างน้อยก็ยังดึงนันทนาไว้กับเราได้ กันเกราเห็นดีด้วย ขณะที่นันทวัฒน์คิดคล้อยตามคำพูดของเธอ...

ระหว่างที่มยุริญรอให้นันทวัฒน์ไปเอารถมารับ อึ่งเตือนให้คุณหนูของตัวเองคิดให้ดีๆหากจะมาดองกับบ้านหลังนี้ซึ่งดูอลเวงชอบกล แต่ป่วยการพูด มยุริญเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกินกว่าจะเอามาคิดให้รกสมอง...

ทางฝ่ายหนูพุทธรู้ว่าพ่อยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เอามื้อค่ำมาให้ถึงเรือนพักคนงาน ชดตักข้าวกินอย่างหิวโหยจนหมดไปครึ่งจานถึงได้เงยหน้าพูดกับลูกว่าลงมาทำไม ไม่กลัวเขาพาหนีไปหรือ เธอไม่กลัวเพราะถึงอย่างไรก็ต้องไปกับพ่ออยู่แล้ว เธอไม่อยากทำให้นายแม่กับพี่ไทยต้องเดือดร้อน ชดรู้สึกเจ็บจี๊ดที่เด็กอย่างเธอรู้จักห่วงใยคนอื่น แล้วถามว่าเก็บของเสร็จหรือยัง เด็กน้อยพยักหน้าแทนคำตอบ

“หนูพุทธเอาไปแค่เสื้อผ้าสองสามชุดเองจ้ะ ของอย่างอื่นเป็นของที่นายแม่นวลกับพี่ไทยซื้อให้ หนูพุทธไม่อยากเอาไป” หนูพุทธเห็นพ่อก้มหน้ากินข้าวต่อไปไม่สนใจอะไร ก็ลุกกลับเรือนใหญ่ ทันทีที่ลูกลับสายตา ชดปาจานข้าวทิ้งด้วยความเครียด จังหวะนั้นเสี่ยหมูโทร.มาหา เขาตัดสินใจขอยกเลิกไม่ทำงานนี้ แล้วตัดสายไปเลย เสี่ยหมูแค้นมากแทบจะขว้างมือถือทิ้งแต่เสียดายของ หันไปบอกจอมที่นั่งอยู่ด้วยว่าชดเกิดปอดแหกขึ้นมา

“งั้นเราคงต้องจัดการมัน ก่อนที่มันจะปากโป้งไปบอกคนไร่โน้น”

“จะทำอะไรก็ไปทำเลย แล้วแต่แก” เสี่ยหมูเดินจากไปอย่างหงุดหงิดที่ไม่ได้ดั่งใจ...

ด้านชดกำมือถือไว้แน่นแล้วมองไปทางเรือนใหญ่ “ขอบใจนะที่ทำให้พ่อรู้จักความดี ขอให้เอ็งโชคดี พรุ่งนี้พ่อจะไปแต่เช้า เราอาจไม่ได้พบกันอีก แต่พ่อสัญญาว่าแต่นี้ไปจะไม่แตะต้องเหล้าอีกเลย”

ตาท้วมเห็นเหตุการณ์โดยตลอด ถึงกับยิ้มโล่งใจ “ทุกอย่างมันแพ้ความดีจริงๆ”...

นันทวัฒน์คลายกังวลใจขึ้นที่มยุริญเห็นเรื่องวุ่นๆในบ้านของเขาเป็นเรื่องธรรมดา แถมยังบอกเป็นทำนองว่าบ้านไหนๆก็มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น เขาขอบคุณเธอมากที่คอยปลอบใจ และขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเธอมาเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจ ขอให้เธออยู่เป็นกำลังใจให้เขาแบบนี้ตลอดไป มยุริญได้แต่ยิ้มเขินหน้าแดง

ooooooo

ตะวันฝันเห็นความเลวร้ายในอดีตที่พ่อทำไว้กับแม่และตัวเอง รวมทั้งเหตุการณ์ตอนที่พ่อเอาเธอกับแม่ไปขายซ่องเพื่อเอาไปซื้อตั๋วเครื่องบินหนีกลับประเทศบ้านเกิด ตะวันจะวิ่งตามแต่ถูกแมงดาล็อกตัวไว้ เธอพยายามร้องเรียกพ่อให้กลับมา พลันมีแสงวูบเข้ามาในหัวของตะวันถึงกับสะดุ้งตื่นลืมตาโพลงลุกพรวดขึ้นนั่ง

นวลที่นอนอยู่ข้างๆพลอยตื่นไปด้วย นึกว่าเช้าแล้ว แต่พอเหลือบมองนาฬิกาปลุกเห็นเพิ่งตีสาม บอกให้ตะวันนอนต่อ แล้วพลิกตัวนอนหันหลังให้ จึงไม่เห็นดวงตากร้าวน่าสะพรึงของเธอ...

ขณะที่ปรางค์ทองรู้สึกตัวตื่นขึ้นในคราบของตะวันที่ยังจำอดีตของตัวเองไม่ได้ นันทนากำลังใช้เหล้าดับความกลัดกลุ้มอยู่ในงานปาร์ตี้ที่ตรีทศจัดขึ้นภายในห้องพักของคอนโดฯหรูกลางกรุง เขาพยายามดึงเธอให้มาสนุกสนานด้วยกัน แต่เธอกลับนั่งจมอยู่กับขวดเหล้า คร่ำครวญว่าทำไมไม่มีใครรักไม่มีใครสนใจเธอเลย พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อใดเธออดนึกถึงพิชิตไม่ได้ เพราะแม้แต่เขาซึ่งเป็นแค่บอดี้การ์ดของนันทวัฒน์ยังไม่ให้ความสนใจเธอเลย ทั้งที่เธอพยายามทอดสะพานให้ เขากลับสนใจในตัวปรางค์ทองเมียของเจ้านายมากกว่า

ยิ่งคิดนันทนาก็ยิ่งแค้น คว้าแก้วเหล้ากระดกเข้าปาก ตรีทศเห็นเธออารมณ์บูดไม่เลิกไม่แล้ว หยิบยาเสพติด ซองใหญ่เอามาให้เธอลองเสพ เผื่อจะช่วยดับอารมณ์พลุ่งพล่าน ด้วยความเมา เธอคว้ามันใส่ปากทันที

“โอ้โห...ใจถึงสุดๆที่รัก” ตรีทศเฮลั่น ทุกคนในงานส่งเสียงเฮตาม ก่อนจะพากันสนุกสุดเหวี่ยง เขายิ้มสมใจที่ชักนำนันทนาเข้าสู่วงจรอุบาทว์ของตัวเองได้

ooooooo

ธงไทยลงมานั่งทำบัญชีที่โต๊ะกินข้าวตั้งแต่หกโมงครึ่งยันแปดโมงเช้า ไม่เห็นทั้งแม่และตะวันลงมาจากห้อง ตัดสินใจขึ้นไปปลุก กลับพบเพียงแม่เท่านั้นที่นอนหลับอยู่ ส่วนตะวันหายตัวไป ถามคนในบ้านก็ไม่มีใครเห็น ออกไปตามหาในไร่ก็ไม่พบ เขากลับมาที่เรือนใหญ่อีกครั้งเจอคนงานเดินสวนออกมาพอดี

“เห็นตะวันบ้างหรือเปล่า”

“อ๋อ...เห็นนอนหลับอยู่ในเปลนอนที่ระเบียงหลังบ้าน นี่ครับ ผมจะขึ้นไปซ่อมราวกันตก ยังกลัวแกตื่นเลยครับ” ยังไม่ขาดคำ ธงไทยวิ่งปรู๊ดไปที่นั่นทันที เจอตะวันนอนหลับสนิทอยู่ ใบหน้าสวยของเธอชวนให้หลงใหลจนเขาต้องเอื้อมมือไปแตะ ธงไทยนึกไม่ออกเลยว่าถ้าเธอหายไปจริงๆเขาจะอยู่ได้อย่างไร

ทันทีที่มือของเขาสัมผัสแก้ม ตะวันลืมตาโพลงด้วยแววตาน่ากลัวราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อนคว้ามือเขาแน่น ธงไทยต้องร้องเรียก “ตะวัน” เธอถึงได้รู้สึกตัว ค่อยๆคลายมือออกแล้วมองไปรอบตัวอย่างงุนงง เขาดึงเธอมากอดไว้แน่น พร้อมกับคร่ำครวญว่าอย่าไปไหนอีกซ้ำๆอยู่อย่างนั้นหลายครั้ง

“พี่จะอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีตะวัน”

จ๊ะจ๋ามาทันเห็นภาพบาดตาถึงกับมือไม้อ่อน ทำตะกร้าใส่ผักร่วง เธอตระหนักแล้วว่าธงไทยรักผู้หญิงคนนั้นหมดใจ จากนี้ไปเธอคงหมดสิทธิ์ที่จะเข้าไปนั่งในหัวใจของเขา หันหลังเดินคอตกจากไป ฝ่ายตะวันอดแปลกใจไม่ได้ทำไมถึงมานอนอยู่ตรงนี้ ธงไทยสรุปว่าเธอคงเดินละเมอ

“ดูสิยุงกันแขนลายไปหมด ดีนะ แค่ยุง ถ้าเกิดเจอคนไม่ดี คงแย่”

คำว่า “คนไม่ดี” ทำให้เกิดแสงวูบวาบในหัวตะวันขึ้นมาอีกครั้ง คลับคล้ายจะจำบางอย่างได้ แต่ก็นึกไม่ออก เธอปวดหัวจี๊ดทันที ธงไทยรีบประคองเธอเข้าข้างใน แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเจียมกับหนูพุทธนั่งกอดกันร้องไห้ ขณะที่นวลนั่งน้ำตาซึมอยู่ใกล้ๆ ตะวันโผกอดแม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ความว่าหนูพุทธมาลา จะขอไปอยู่กับพ่อ ธงไทยคิดว่าเด็กน้อยถูกบังคับ ฮึดฮัดจะไปเอาเรื่อง

“เปล่าค่ะ หนูพุทธไม่อยากทำให้นายแม่นวลเดือดร้อน หนูพุทธจะยอมไปกับพ่อเองจ้ะ”

นวลโทษตัวเองที่ไม่รอบคอบ เจียมขอร้องอย่าพูดแบบนั้น คนที่ผิดคือชด คนอะไรเลวได้ใจทำได้แม้ กระทั่งลูกตัวเอง คนแบบนี้น่าตายๆไปให้พ้นๆ ตะวันได้ยินคำว่า “ตาย” ก็รู้สึกวูบวาบขึ้นมาในสมอง แต่ยังไม่ทันนึกออกว่ามันคืออะไร ไผ่วิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงานเสียก่อนว่าชดตายแล้ว

ธงไทยไม่อยากให้สะเทือนใจหนูพุทธ ดึงไผ่ลงมาคุยกันข้างล่างโดยมีตาท้วมร่วมวงสนทนาด้วย แม้จะไม่อยากให้เกิดเหตุร้ายกับชด แต่ธงไทยก็โล่งใจที่อย่างน้อยตอนนี้หนูพุทธไม่ต้องจากพวกเราไปไหน

“ความจริงไอ้ชดมันเปลี่ยนใจแล้วครับคุณไทย มันกะว่าจะไปจากที่นี่ตอนเช้า แต่มันดันมาตายซะก่อน เอ๊ะ...แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ” ตาท้วมนึกถึงตอนที่ได้ยินชดคุยโทรศัพท์กับเสี่ยหมูขึ้นมาได้ รีบไปแจ้งเรื่องนี้ให้ตำรวจรับทราบ ตำรวจตามไปสอบปากคำเสี่ยหมูกับจอมถึงบ้าน แต่ไม่พบหลักฐานอะไรที่พอจะมัดทั้งคู่กับการตายของเหยื่อได้ หลังจากตำรวจกลับไปแล้ว เสี่ยหมูเล่นงานจอมยกใหญ่ จัดการกับชดประสาอะไรให้ตำรวจแห่มาสอบปากคำตนถึงบ้านแบบนี้ สมุนคนสนิทงงเพราะยังไม่ทันทำอะไร

“ผมกะว่าพรุ่งนี้ตอนที่มันออกจากไร่นวลตะวันแล้ว จะไปดักขู่มันที่ท่ารถ แค่นั้นมันก็หางจุดตูดแล้ว ไอ้ชดมันขี้ขลาดจะตายครับ ไม่ต้องถึงกับฆ่าแกงมันหรอก”

“งั้นใครทำ” เสี่ยหมูมองหน้าจอมสีหน้างุนงงไม่แพ้กัน...

อ่านละครเพลิงตะวัน ตอนที่ 4 วันที่ 4 ก.ย. 58

ละครเพลิงตะวัน แนว โรแมนติก-ดราม่า
ละครเพลิงตะวัน บทประพันธ์โดย น้ำผึ้งเดือน 8
ละครเพลิงตะวัน บทโทรทัศน์โดย ดรีมทีม
ละครเพลิงตะวัน กำกับการแสดงโดย อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
ละครเพลิงตะวัน ผลิตโดย บริษัท ดูมันดี จำกัด
ละครเพลิงตะวันออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.15 น.
ติดตามชม ละครเพลิงตะวันได้ทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
ที่มา ไทยรัฐ